ณ สระใหญ่ในบ้านกลางเกาะที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้หลายพรรญ
เหล่าหญิงชายนับพันต่างร่วมยืนไว้อาลัยด้วยสีหน้าสุดเศร้า ร่างไร้วิญญาน
ของหญิงสาวร่างงามที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าถูกห่อด้วยผ้าดิบชายหนุ่มหลายคนร้องไห้หญิงสาวบางคนสลบไสลไม่ได้สติ
อาหยงหลานชายที่พึ่งจะ19ปีได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ดูแลอาให้ดีจนชีวิตต้องมาจบลงแบบนี้
นี่คงเป็นเรื่องเล่าโจทย์ขานกันชั่วกาลนาน
สิ้นแล้วอดีตหัวหน้ามาเฟียหญิงแห่งแก๊งหยินหยาง
ณ ห้องโถงใหญ่ในคฤหาสห์หลังงามกลางกรุงเทพ นักดนตรีบรรเลงเปียโนในบทเพลงฟังสบาย
เหล้าพ่อครัวจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้พร้อม
คนนับพันต่างยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบหน้าบันไดใหญ่
หญิงสาวร่างงามในชุดราตรีสีแดงสดเดินลงมาพร้อมชายร่างสูงดูน่าเกรงขาม
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างโค้งคำนับแสดงความเคารพ
" ขอบคุณทุกคนที่มาเป็นสักขีพยานในวันนี้ " หญิงสาวเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงอันดัง ทุกคนเงียบกริบฟังคำ
" ต่อไปนี้แก๊งหยินหยางของเราอาหยงจะเป็นคนดูแล "
สิ้นคำของเธอสีหน้าทุกคนดูตกใจ แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา
ทุกคนต่างรู้แค่ว่านี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับอาหยงที่พึ่งกลับมาจากมาเก๊า
ไม่นึกว่าจะเป็นงานเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าด้วย
" ทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมฉันถึงได้สละตำแหน่งหัวหน้ามาเฟีย พอคิดไตร่ตรองดูแล้ว
การปกครองคนเป็นพันๆคน การดูแลกิจการทั้งในและต่างประเทศ มันไม่ได้ยากอะไรเลย
แต่ฉันไม่มีเวลาให้ตัวเอง ปีนี้ฉันก็24แล้ว ฉันอยากไปอยู่คนเดียว
ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ อยู่กับตัวเองให้มาก เพราะไม่รู้ว่าความตายมันจะมาถึงวันนี้วันพรุ่ง
เอาล่ะ พี่น้องขอบคุณที่จงรักภักดีต่อฉันตลอดมา ฉันขอขอบคุณจากใจ "
เธอโค้งคำนับก่อนจะก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแล้วยิ้มดันหลังอาหยงให้เดินขึ้นไปข้างหน้า
ทุกคนโค้งคำนับให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายกล่าวขอบคุณเธอและสวัสดีหัวหน้ามาเฟียคนใหม่
ถึงแม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยแต่นี่ก็ถือเป็นคำขาด
" พี่ครับให้คนไปคุ้มกันสักหน่อยไม่ดีเหรอครับ"
อาหยงยืนถามคนที่เขาเคารพรักมากที่สุด เขาเป็นห่วงเธอที่คิดจะย้ายไปอยู่คนเดียวกลางเกาะร้างใหญ่แถวตะรุเตา
" ไม่ๆ ถ้าให้คนไปคุ้มกันเขาจะเรียกว่าสันโดษเหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่าอาหยงพี่ไม่ใช่คนอ่อนปวกเปียกขนาดนั้นหรอก "
เธอยิ้มจิบแชมเปญสีอำพันพลางมองบรรยากาศเหล่าลูกน้องเบื้องหน้าที่กำลังสนุกกับงานเลี้ยง
อาหยงถอนหายใจ เขาไม่สามารถพูดโน้มน้าวอาแท้ๆของเขาได้เลยสักครั้ง เธอใจแข็งเกิน
ถึงเธอจะฉลาดและแข็งแกร่งเพียงไหน แต่เขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้ที่เธอจะหันไปอยู่เกาะแค่ตัวคนเดียวแบบนั้น
ภายในเรือนใหญ่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้จากพวงอุบะที่ตกแต่งตามที่ต่างๆ
แต่บรรยากาศกลับหดหู่และเศร้าหมอง หลังจากงานศพหลวงสุนทรและแม่เขม ที่พึ่งผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งพอดี
รจนาทผู้เป็นลูกสาวคนเดียวก็ไม่เป็นอันกินอันนอน เพราะขาดที่พึ่งพิงทางจิตใจ
เธอเอาแต่นอนซม สติเลื่อนลอย บ่าวไพร่จะกล่าวปลอบใจอย่างไรก็ไม่ฟัง
" แม่หญิงเจ้าขาท่านเจ้าคุณเดชามาเยี่ยมเจ้าค่ะ "
บ่าวร่างท้วมคลานเข่าเข้ามารายงานรจนาทที่นั่งเหม่อมองแมกไม้ที่หน้าต่างในห้องนอน
" จ้ะ " เธอหันบอกกับบ่าวช้าๆแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
ชายหนุ่มท่าทางสันทัดรีบกุลีกุจอลุกเดินมาหาเธอเมื่อเห็นรจนาทเดินมาหา
" พี่ได้ข่าวว่าเจ้าป่วยรึ นี่จ้ะ ยาหมอฝาหรั่งแล้วก็ขนมที่เจ้าชอบพี่เอามาฝาก " เขายื่นห่อใส่ขนมให้
" ขอบใจจ้ะ " เธอรับขนมจากเขาแล้วเชิญเขานั่งลงที่ตั่งกลางบ้าน
" วันพรุ่งมีงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมืองพี่ว่าจะชวนเจ้าไปเที่ยว ..."
" ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันเวียนหัว ขอตัวไปพักก่อนนะจ้ะ ฉันขอบคุณพี่มากนะจ้ะที่มาเยี่ยม " เธอพูดตัดบทก่อนที่เขาจะได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา ก่อนจะส่งเขากลับ
" แม่เนื่องจ้ะ วันพรุ่งเตรียมของใส่บาตรให้ฉันด้วยนะจ้ะ "
เธอบอกบ่าวที่จัดสำรับให้เธอด้วยสีหน้าดูสดใสขึ้น สีหน้านั้นเหมือนเธอได้คิดเรื่องอะไรเอาไว้ แล้วก็คงจะสำเร็จตามแผน
" เจ้าค่ะ " บ่าวยิ้มตอบ พลางคิดว่าแม่หญิงของเธอคงจะเริ่มทำใจกับการจากไปของหลวงสุนทรและแม่เขมแล้ว
แต่เธอกลับคิดผิด
เสียงดนตรีไทยในแผ่นเสียงเก่าๆดังกังวาลหวาน
แก้วนั่งวาดรูปบนแผ่นผ้าใบผืนใหญ่ นางกินรีน้อยๆหลายร้อนตนที่บินวนอยู่บนอากาศภาพนั้นช่างสวยราวกับมีชีวิต
" แหม๋ ถ้ารู้ว่ามีพรสวรรค์ขนาดนี้คงออกจากแก๊งมาตั้งนานแล้ว " เธอพูดกับตัวเองแล้วแต่งแต้มสีต่อ ข้างๆเป็นโต๊ะใส่ดินปั้นลอยตัวรูปครุฑยุดนาคขนาดใหญ่ และกีต้าร์กับเครื่องดนตรีไทยหลายชิ้น ซึ่งเธอหัดมาได้เดือนกว่าแล้วและซออู้เป็นเครื่องดนตรีที่เธอชอบที่สุด ซออู้ลายพระปคนธรรพ์ที่ตั้งอยู่ใกล้กันกับกีต้าร์โปร่งยี่ห้อดังนั่นก็เป็นฝีมือเธอแกะเอง แก้วกลายเป็นสาวอาร์ตติสเต็มตัว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แก้วละมือจากพู่กันแล้วกดรับสาย
เป็นหลานชายของเธอที่โทรมา
“ พี่ครับ พรุ่งนี้ผมเข้าไปหานะครับจะปรึกษาเรื่องงานหน่อยน่ะครับ “ อาหยงถามด้วยน้ำเสียงดูตื่นเต้น
เธอยิ้มส่ายหัวน้อยๆดูก็รู้ว่าเขาแค่อยากมาเยี่ยมเธอก็เท่านั้นหลานชายที่เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้นิสัย
“ ได้สิ มากันกี่คนล่ะ “
“ ผมกับดาร์คสองคนครับ “
“ โอเค ซื้อขนมมาฝากด้วยขี้เกียจขึ้นเรือไปซื้อ“
“ ครับพี่ “
หลังวางสายอาหยงทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องก่อนที่เธอจะคิดออกมาจากวงการมาเฟีย
“นายครับ กลุ่มย่อย k.2 แอบค้าผู้หญิงเราจะทำยังไงดีครับ “ มือขวาเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ด้วยน้ำเสียงร้อนลน
“ ไปคุยกับมันหน่อย บอกคนเตรียมเครื่องบิน ไปที่ไทยกัน และเตรียมเฮลิคอปเตอร์ต่อไปที่หมายด้วยนะ “
เธอสั่งเสียงเฉียบขาด มือที่วุ่นอยู่กับเอกสารค่อยๆเคลียร์งานอย่างไม่รีบร้อน
ณ ตึกสูงใจกลางกรุงเทพ แก้วที่ลงจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนชั้นดาษฟ้ารีบเดินไปหาชายที่ยืนอยู่ก่อนแล้วกับลูกน้องอีกสามคน
“ สวัสดีครับนายหญิง ไม่นึกว่าจะมาเยี่ยมผมถึงที่นี่ด่วนแบบนี้ ผมเลยไม่ได้เตรียมห้องรับรองไว้ “
ชายร่างสูงยิ้มบอกก่อนจะโค้งคำนับ
“ เข้าเรื่องเลยฉันไม่ชอบยืดเยื้อ ฉันแค่อยากรู้นายแอบค้าผู้หญิงกับยาทำไม “ แก้วถามสีหน้าเรียบเฉย
“ ฮ่าๆๆ ก็นึกว่าเรื่องอะไร เราเป็นมาเฟียนะนายหญิง จะให้ค้าแต่กัญชาถูกกฏหมายที่ขายได้แค่บางประเทศ กับธุรกิจโรงแรม ค่ายมวย กับสื่อต่างๆโดยที่ไม่ค้าขายของพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ นายหญิงรู้มั้ยว่ายาเสพติดกับผู้หญิงพวกนี้ทำเงินได้ดีกว่าธุรกิจพวกนั้นซะอีก ไม่เห็นเหรอครับว่าผมทำเงินให้นายหญิงได้มากกว่ากลุ่มไหน “
เขายิ้มอธิบายอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ เฮ้อ เควิน กฏก็ต้องเป็นกฏ ถ้านายไม่เลิก ฉันก็ต้องทำตามกฏ นายรู้มั้ยพวกผู้หญิงเขาต้องพลัดพรากกับคนรัก ยาที่นายกำลังค้าอยู่นั้น ทำลายครอบครัวหลายครอบครัวเลยนะ “
“ ฮ่าๆๆๆๆ นายหญิงสนเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ นายหญิงไม่เคยมีความรักไหงถึงได้เข้าใจครอบครัวผัวเมียได้ “ เขาพูดยียวน
แก้วเก็บสีหน้าและอารมณ์โกรธไว้
“ ตอบมาคำเดียวว่าจะเลิกทำมั้ย “ แก้วถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ ถ้าไม่ล่ะครับ นายหญิงจะทำอะไรผม “ เขายิ้ม พอพูดจบก็มีชายที่ถืออาวุธหลายสิบคนเดินออกมาจากประตูทางขึ้นดาษฟ้าล้อมเธอและลูกน้องเอาไว้
“ เฮ้อทำไมนายถึงดื้อด้านขนาดนี้นะ เอาล่ะ เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ “ แก้วส่ายหน้าถอนหายใจแล้วหยิบมีดพกที่ซ่อนไว้ข้างหลังปรี่เข้าไปหาเควิล พร้อมกับลูกน้องสองคนที่ยกปืนขึ้นมารัวยิงคนที่ล้อมไว้โดยพวกเขาไม่ทันที่จะได้ทำอะไร
เควิลหล่นตุ๊บจมกองเลือดเหมือนกันกับลูกน้องของเขา
“ ปล่อยบอมลงตึกนี้ซะ แล้วจัดการเรื่องของที่เหลือด้วย ตามเก็บเศษเล็กเศษน้อยที่คอยหนุนหลังมันซะ “ แก้วสั่ง ทั้งสองตอบรับ
แก้วที่นิ่งคิดย้อนไปถึงเรื่องที่ผ่านมาจู่ๆก็พูดโพลงออกมา
“ เออใช่ เราไม่มีความรักหนิ มันก็ถูกอย่างไอ้เควินมันพูด เราไม่เข้าใจความรัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง “ แก้วพูดกับตัวเอง
ขำกับสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด เธอสลัดความคิดนั้น ปล่อยสมองให้โล่งแล้วเริ่มทำงานต่อ
เสียงจิ้งหรีดร้องดังระงม ลมหนาวยามดึกพัดแรงเป็นระยะ ทศที่กำลังถือผ้ากับขันน้ำไปที่ท่าอาบน้ำถึงกับลูบแขนกอดอกเพราะความหนาว
“ ทศ เอ็งจะไปไหนนั่น “ นิ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขาถามด้วยความอยากรู้
“ ไปอาบน้ำ ที่ท่าน่ะ “ เขายิ้มตอบ
“ ดึกดื่นป่านนี้ใครเขาอาบน้ำกันเล่า “ เธอหัวเราะพลางลูบแขนไปมาเพราะความหนาว
“ ก็ข้าพึ่งทำงานเสร็จตอนนี้ ข้าไปแล้วประเดี๋ยวจะหนาวกว่านี้ “ เขาขอตัวแล้วรีบเดินไปที่ท่าน้ำ
ลมหนาวเย็นพัดลอยต้องกายนาง รจนาทค่อยๆเปลื้องผ้าออก สีหน้าที่มองคุ้งน้ำหน้าท่านั้นดูสุขใจ
" พ่อจ้ะ แม่จ้ะ เราจะได้เจอกันแล้วนะจ้ะ " สิ้นคำอำลาต่อฟ้าดินเธอก็โดดตูม ร่างงามดำดิ่งสู่ห้วงลึกของคุ้งน้ำ
“ เสียงอะไรที่ท่าจอดเรือ “ ทศที่ได้ยินเสียงดังเหมือนของหล่นลงน้ำก็อดสงสัยไม่ได้รีบวิ่งไปดูด้วยความอยากรู้
แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจอกองผ้าที่ตกอยู่ เขาไม่รีรอรีบโดดลงไปหาเจ้าของกองผ้านั้นทันที
แก้วลอยคอในสระลึกสามเมตร ร่างงามที่ไร้สิ่งห่อหุ้มดูจะเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำในสระ บรรยากาศที่มืดมิดมีเพียงแสงจันทร์เพียงริบหรี่ที่ส่องสว่าง เสียงดนตรีไทยในแผ่นเสียงที่ขอบสระช่วยเพิ่มบรรยากาศสุดคลาสสิค แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อแหวกว่ายไปถึงกลางสระ เธอตัวงองุ้มสองมือกุมขาที่เจ็บปวดทั้งสองข้าง แต่เธอก็ตั้งสติใช้สองแขนว่ายพยุงตัวเองไว้ แต่ขาก็เจ็บเกินจะว่ายต่อ และแขนก็เริ่มหมดแรง แก้วตัดสินใจปล่อยให้ร่างตัวเองจมดิ่งลงสู่ก้นสระ เสียงดนตรีไทยค่อยๆหายไป และเธอที่ค่อยๆหลับตาลงแล้วนึกถึงเรื่องราวหนึ่งเดือนที่เธอมาอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตของตัวเองได้เต็มที่ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน จะห่วงก็เพียงงานภาพวาดสีน้ำมันที่ยังไม่แห้งดี แต่เดี๋ยวอาหยงมาเขาก็คงจะดูแลให้ พอคิดได้อย่างนั้นเธอจึงหลับตาและปล่อยตัวให้น้ำโอบอุ้มเธอไว้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!