NovelToon NovelToon

ผูกมัดหัวใจยัยคุณหนูนำแข็ง

บทนำ

เฮ้อ~~~ ยิ่งขึ้น ม.6ยิ่งขี้เกียจ แต่ก็ช่างมันเหอะ สายมา5ปีละ ขอปีนี้สักปีจะเป็นไรไป ผมชื่อ ซูชิ ตอนแม่ตั้งชื่อให้ผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนนามสกุลขอไม่บอกละกัน😁.

ผมชอบไปโรงเรียนสาย อย่างเมื่อวานนี้เป็นวันเปิดเทอมแท้ๆ แต่ผมดันไปวันนี้แทน คงไม่เป็นไรมั้ง รึเปล่า...??

 โอ้ ตรงนั้นมีคนมาสายเหมือนผมด้วย คงจะหาห้องอยู่ไปหาบ้างดีก่วา

ผมยังเดินตามสเต็ปปกติแต่เร่งฝีเท้าให้ไปให้ถึงเธอคนนั้นได้เร็วขึ้น.

 "อ่า..ขอโทษครับ..."ผมเอ่ยทักทายไปแบบติดอ่างแต่ก็ทำให้เธอเธอก็หันหน้ามามองผม.

วินาทีที่ได้เห็นหน้าเธอชัดๆแล้ว ทำเอาหัวใจผมหล่นวูป ไม่ใช่เหมือนเห็นผีนะ มันตรงข้ามเลยแหละ

"ครับ??"เสียงหวานใสที่ไม่แหลมนัก ขานตอบผมด้วยใบหน้าตาแป๋วที่ดูเหมือนกำลังสงสัยในตัวผม ว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงได้ไปเรียกเธอ.

"เฮ้ย ทำไมน่ารักอย่างนี้ ทำเอาผมตาค้างเลย แต่ที่เธอครับเนี่ยคงไม่ใช่ว่าเธอเป็นกระเทยแปลงเพศมาหรอกนะ-_-^ไม่หรอกๆสำผัสได้คนนี้ผู้หญิงแน่ๆ"

ผมพึมพำในใจกับตัวเอง แต่ผมคงจะใช้เวลาพึมพำนานเกีนไปจนทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายกลับมาถามผม.

"เอิ่ม..มีอะไรหรอครับ"

"เอ่อ...ไม่ทราบว่าเรียนห้องไหนครับ?"

"ห้อง6/1ครับ^^"

"-///-"เมื่อกี้เธอยิ้มด้วย น่ารักชิบ

"งั้นไม่มีอะไรแล้วเรากลับห้องก่อนนะครับสายมานานมากแล้ว"

"อะ...ครับ!"แล้วเธอก็วิ่งเข้าไปในตึก เรียน มาวันแรกก็หลงรักผู้หญิงไม่ทราบชื่อซะละ แต่...

"เธอบอกว่าอยู่6/1สินะรุ่นเดียวกับเรานิ" ผมเอะใจนิดหน่อย เลยหันไปมองตะรางรายชื่อชั้นเรียน แล้วผมก็ต้องใจเต้นรัว

"เข้ ห้องเดียวกันด้วย!!! แต่เธอชื่ออะไรนะ? ลืมถามไปเลย😤"

ผมยังคงเดินช้าๆสเต็ปเดิมแต่ถึงห้องละเรานี่มันขายาวจริงๆ อืม..ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย... สงสัยไปที่ห้องอื่น แต่เราจะรอในห้องนี้ละกัน.

ผ่านไป1ชั่วโมง...

เวลาผ่านไปนานจนอาจารย์เดีนเข้ามาในห้องเรียนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของเธอเลย.

"อาจารย์ก็มาละทำไมเธอยังไม่มานะหรือว่าเกิดเหตุร้าย ไม่ๆคิดในแง่บวกเข้าไว้เธออาจติดธุระ"

"ขอโทษครับอาจารย์!!หนูมาสาย" ร่างบางยืนเกาะประตูหายใจหอบเหมือนวิ่งมาไกลแล้วพึ่งได้อยุดพักหายใจ

เฮ้ยยเธอมาแล้วดีใจสุดๆเลย.

"วันนี้อาจารย์อารม์ดี จะไม่ทำโทษละกันข้าห้องได้"

"ขอบคุณครับ" เธอพูดครับกับทุกคนเลยเหรอ หรือเธออาจจะมีเพื่อนผู้ชายเยอะคำว่าครับเลยติดปาก น่าจะเป็นอย่างนั้น.

"ว้า..แย่จังสาวที่ฉันจะแนะนำแกไม่มาว่ะ"เพื่อนผมมันบ่นเหมือนจะเสียดายมากๆ.

"เออ ช่างมันเถอะ"

ถึงเราจะเรียนห้องเดียวกันแต่ก็ไม่ได้มีโอกาศได้พูดคุยกันเลย เพราะพอเลิกเรียนเธอก็รีบออกห้องเรียนไปไหนก็ไม่รู้ เป็นแบบนี้ทุกคาบเลย จนถึงคาบสุดท้ายแล้วถึงเวลากลับบ้าน เธอหายไปไวมากกก เหมือนหายตัวได้เลย เห้อ....และแล้วผมก็ยังไม่รู้ชื่อเธอเหมือนเดีม.

 พอถึงเวลากลับบ้าน ผมก็ไม่อยากกลับบ้านทันทีหรอก ผมเดินเรื่อยเปื่อยจนไปถึงร้านขายหนังสือ ที่ประจำของผมเอง.

"ยังไงก็เซ็งอยู่แล้วขอหาหนังสือสยองไปอ่านแก้เซ็งละกัน หรือ มังงะดีวะ?"ผมเดินไปในร้านก็โดนสายตาผู้หญิงมองใหญ่ ซุบซิบกันเหมือนที่เป็นมาตลอดสามปี คนหล่อก็งี้แหละ 

"อืม...เลือกไม่ถูกจริงๆ หนาจุใจทั้งนั้น"ผมดึงหนังสือเล่มหนาๆราวกับเป็นคำภีร์ไบเบิ้ล เป็นชั้นที่มีเป็นเล่นสุดท้ายแล้ว ถ้าผมดึงออกชั้นก็จะโล่งไปหนึ่งหน่วย.

 และแล้ว...ผมก็ได้เจอเธออีกครั้ง...ผมมอเห็นเธอที่ฝั่งตรงข้ามผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือ ในมุมบนที่เธอกำลังก้มดูหนังสือ ทำให้มองเห็นขนตายาวดำสนิทดูเหมือนตุ๊กตาเลย.

ผมรีบเดินไปอีกฝั่งตรงข้าม แต่ตัวเธอในตอนนี้ดูแลปลกตาจากที่เห็นทั้งวันเลย เธอไม่ได้ใส่เครื่องแบบโรงเรียนเรานิ เครื่องแบบนี้ผมเหมือนจะเคยเห็นที่ไหน แต่จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ผมรู้เพียงแต่ว่าเครื่องแบบนี้มีโรงเรียนแน่ๆ ไม่ใช่คอสเพลย์แน่นอน.

เธอหั้นมามองทางผม ผมเห็นหน้าเธอชัดๆแล้วก็หมั้นใจเลย ไม่ผิดแน่เธอคนนี้..

"มีอะไรรึเปล่า?" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เหมือนคนละคนเลย เสียงก็เสียงเดียวแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกไม่เหมือนเดิมเลย หรือเธอเป็นคนมีสองบุคลิกนะ?

"เปล่า..อืม.."ผมทำหน้านิ่ง แต่ ผมอยากรู้ชื่อเธอไม่ใช่เหรอ ถามสิวะ!!ถาม!!!

และด้วยเหตุใดไม่รู้ หรือ ตัวผมอาจจะทำตัวคุกคามเกีนไปเหมือนโรคจิตโดยไม่รู้ตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ทำให้เธอก็เดินจากไปซะเฉยๆอย่างงั้นเลย.

เห้อ...เรามัวทำอะไรอยู่วะ?

วันถัดมา…

อืม..วันนี้เธอไม่ได้มาสาย แต่ทำไมเธอดูร่าเริงสดใสไม่เหมือนเมื่อวานที่เจอเลย เริ่มรู้สึกแปลกๆละ หรือเป็นเพราะเธออาจจะมีเรื่องทุขใจแล้วบอกใครไม่ได้ พออยู่กับคนเยอะๆก็ต้องทำตัวร่าเริงเหมือนมีความสุขสินะ ทั้งไปที่ในใจเป็นทุข เธอแอบน่าสงสารจริงๆ😔

"เห้อ วันนี้สาวคนนั้นก็ยังไม่มา"

"แกชอบแกก็จีบเองดิ จะยัดเยียดให้ฉันทำไม"

"ถ้าฉันจีบติดไม่แนะให้แกหรอก สาวคนนี้จีบยากจะตาย สมคำล่ำลือสวยและหยิ่งมาก"

"ขนาดนั้นเลย-_-^"

"ใช่สิ"

"อืม"

"นี่โมนะ เลือกชมรมได้แล้วรึยัง?" หือ??เธอชื่อโมนะเหรอ ชื่อเพราะดีจัง

"เลือกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เข้าชมรมแล้วด้วย"ชมรมอะไรนะ??

"ชมรมอะไรอ่ะ กะว่าจะชวนไปเข้าชมรมศิลปะด้วยกัน น่าเสียดาย"

"เอ้า! เราก็อยู่ชมรมศิลปะนะ ไอแซตยังไม่เข้าหรอ?"ไอ้หมอนั่นชื่อไอแซตเป็นเพื่อนโมนะเหรอดูสนิทกันจัง.

"ไม่อ่ะ กะจะเข้าพร้อมเธอ แต่เธอดันไปเข้าก่อน งั้นก็พาเราไปเข้าชมรมเลย"

"งั้นไปตอนนี้เลยดีก่วาเนอะ"เธอลุกขึ้นควงแขนคนที่ชื่อไอแซตไป. สองคนนั้นเป็นอะไรกันนะ เพื่อนสนิท หรือว่า...แฟน? 

"เฮ้ เราก็กลับชมรมเราได้แล้วนะ"

"อืม"

 ผมอยู่ชมรมบาสเกตบอลนี่สิ น่าเสียดายที่ผมไม่ถนัดศิลปะนัก.

ผมเองก็เล่นบาสกับเพื่อนๆไป กำลังสนุกเลย รอบสนามก็มีบรรดาสาวรุ่นน้องมายืนกรี๊ดกันตรงบริเวณคนดู แสบหูหน่อยแต่ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันหล่ออ่ะ.

เล่นไปจนเหงื่อท่วมตัวได้ที่แล้ว พวกผมก็จึงยอมไปนั่งพักกินน้ำกันซักหน่อย แต่ไม่ได้เดีนไปซื้อน้ำหรอก สาวๆที่มาดูบาสตระเตรียมไว้เป็นอย่างดี ชมรมนี้จะบอกว่ามีแต่คนหน้าตาดีก็ไม่เวอร์ไป แต่หนึ่งในนั้น หล่อที่สุดก็คือผมแล้วแหละ.

" เฮ้ยไอ้โอ...แกว่าโมนะเป็นยังไง?"

"โมนะอ่อ? ก็น่ารักดีนะ แต่ไม่ใช่สเป็คว่ะ กูว่ากูชอบพี่เขามากก่วา"

"เขามีพี่ด้วยหรอ?"

" มีดิ"

"แกนี่มันขี้เผือกจริงๆ"

"เขาเรียกว่ามนุษย์สัมพันธ์ดี" 

กลิ่ง~กลิ่ง~

"ออดดังแล้วเว้ย กลับไปห้องเรียนกัน"

เวลากลับบ้าน...

สุดท้ายแล้ว...วันนี้ผมก็ไม่ได้พูดคุยกับโมนะเลย ไม่เอาน่า อยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันนึงต้องได้พูดคุยกันแน่.

"ไอ้ซู แกชอบโมนะหรอวะ?"จู่ๆ เพื่อนผมมันก็โพล่งคำถามขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว

"ทำไมแกคิดงั้นวะ?" ผมยังคงเก็บอาการได้อยู่ แล้วผมก็ถามมันกลับด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ.

เลโอยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมสองที.

"ไอ้ซู...ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปี? แกไม่เคยถามหาผู้หญิงคนไหนเลย"

"ฉันเป็นอย่างงั้นหรอ?"

"อืม🙂" มันพยักหน้าเบาๆตอบกลับมา.

"แค่สนใจนิดหน่อย" ผมยอมรับน้อยๆเพื่อคีพลุคต่อไป.

"ถ้าชอบก็เดีนหน้าไปสิ มันไม่ได้น่าอายซะหน่อย รูปหล่อพ่อรวยอย่างนายจีบสาวให้ติดไม่ยากหรอก"

วันนี้ ผมก็ยังคงไม่รีบกลับบ้านอยู่ดี ผมเดีนเรื่อยเปื่อยกับเลโอไปกะว่าจะเดีนเคว้งไปแบบนี้ จนก่วาจะถึงหน้าประตูโรงเรียน.

ในตอนที่สมองมันว่างเปล่า หญิงสาวร่างบางที่สะดุดตาผมมาตลอด ตอนนี้กำลังวิ่งผ่านผมไปข้างหน้าแล้ว.

ไม่รู้เพราะอะไร ในใจผมมันบอกว่าอย่าให้โอกาสนี้มันหลุดลอยไปเด็ดขาด.

ผมจึงวิ่งตามหลังเธอไปพร้อมเรียกเธอเอาไว้

"โมนะ!! อยุดก่อน!!" เหมือนการเรียกยื้อของผมจะได้ผล โมนะยอมอยุดวิ่งแล้วหันมามองผมแล้ว ผมจึ่งเดีนเท้าปกติเข้าไปหาเธอ.

ตอนนี้ผมได้อยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว...เธอเงยหน้ามองผมตาแป๋วอย่างสงสัย.

พอได้ยืนอยู่ใกล้ๆอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเธอช่างตัวเล็กเอามากๆเลย.

" เราชื่อซูชินะ"

"ซูชิ...ใครอ่ะ?" เอ้า... เออเนาะนอกจากจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันเธอยังไม่ค่อยหันมาทางเราด้วยสิ. เห้อ... ผมถึงกับเผลอทำหน้าหงอยให้เธอดูเลย.

" ล้อเล่นน่ะ😊 เราเรียนห้องเดียวกันใช่มั้ยล่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ แต่ตอนนี้เราไปก่อนนะ" โมนะ พูดเร็วมากๆ แล้วก็วิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียน.

เมื่อผมหันมองตามเธอไป ผมก็ต้องพบสิ่งที่น่าตกใจ...

เธอวิ่งไปหาคนๆนึง แล้วก็โดดกอดด้วยความคิดถึง ผู้หญิงคนนั้น...เหมือนกัน...เธอรูปร่างหน้าตาเหมือนกับโมนะไม่มีผิดเพี้ยน.

และสิ่งที่ทำให้ผมจำเธอได้ ก็คือเครื่องแบบโรงเรียน ที่ผมเจอเมื่อวาน.

"อะไรกันล่ะนั้น โมนะมีสองคนหรอ?"

"ไอ้ซู!! รอด้วยยย" เลโอวิ่งร้องตะโกนตามหลังผมมา แต่วินาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วแหละ

"โอ้ นั้นไง พี่สาวฝาแฝดของโมนะอ่ะ หน้าตาเหมือนกันแต่มีแรงดึงดูดที่ต่างกันลิบลับเลย แต่ว่า เวลาที่ทั้งสองคนน่ารักที่สุดก็ตอนที่สองคนนั้นเขารดีกันกลมเกลียวนั้นแหละนะ...นี่ซู แกฟังอยู่ใช่มั้ย#-€฿##&฿&&_".

"เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แต่ทำไมไม่เรียนที่เดียวกันนะ?"

ตอนที่1

ในยามสนธยาเวลาที่ฟ้าไม่ได้เป็นทั้งกลางวันและกลางคืน ก็เป็นเวลาเดียวกับที่รถเก๋งคันสีดำขับเข้าไปในอนาเขตของบ้านหลังใหย่หลังนึง ซึ่งได้มุ่งหน้าไปที่จอดรถของบ้าน.

ร่างที่เปิดประตูรถออกมานั้นเป็นเพียงหญิงสาวร่างบางในชุดนักเรียน ม.ปลาย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะโรงเรียนเท่านั้น บ่งบอกได้เลยว่าต้องเป็นนักเรียนจากโรงเรียนคุณหนูที่ไหนสักแห่งแน่ๆเลย.

หญิงสาวเดินดุ่มๆไปที่ประตูบ้านบานใหญ่ที่เปีดไว้กว้าง180° ราวกับว่ากำลังรอต้อนรับเธอให้เดีนเข้าไปอย่างงั้น.

"หนูกลับมาแล้วคุณพ่อ"เสียงหวานใสตะโกนทักทายพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนน่ารัก ทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวคุณพ่อเลย.

แต่เมื่อเดีนมาถึงที่ห้องโถง ก็ตกใจเมื่อรู้ว่าวันนี้พ่อมีแขกมาที่บ้าน.

"อ้าวคิวโฟลูกรักกลับมาแล้วเหรอ? นี่เพื่อนพ่อเองนะลูก" คุณพ่อทักทายลูกสาว พรางแนะนำคนแปลกหน้าให้เธอได้คลายความสงสัย.

"สวัสดีค่ะคุณลุง" มือสวยยกขึ้นพะนมมือไหว้ชายวัยกลางคนที่พ่อแนะนำไปเมื่อครู่ว่าเป็นเพื่อนของพ่อเอง.

"มานี่มาลูก พ่อมีเรื่องน่ายินดีจะคุยด้วย" คุณพ่อกวักมือเชิญให้ลูกสาวไปนั่งรับฟังสิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้...

.

.

.

Sushi part

"พ่อ ส่งโลเกชั่นให้เราไปไหนเนี่ย" ผมขับรถไปบ่นไปด้วยความเซ็ง.

"เอาน่า พ่อก็คงมีเรื่องสำคัญจริงๆนั่นแหละถึงรอไปคุยที่บ้านไม่ได้เนี่ย" แซลม่อนน้องชายฝาแฝดของผมผู้ที่เป็นคนคอยดู Google map ให้ผม ก็พยายามพูดให้ผมใจเย็นลง.

หน้าตา ส่วนสูง เสียง ภายนอกพวกเราเหมือนกันทุกอย่าง แต่มีภายในที่แตกต่างกันสุดขั้ว.

สองหนุ่มเดีนทางมาถึงจุดหมายปลายทางที่แผนที่ได้บอกไว้แล้ว ก็เรี่มไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปดีมั้ย เพราะแผนที่มันจบที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของใครก็ไม่รู้.

"ไม่ใช่ร้านอาหารหรอกหรอวะ?" ผมถามน้องชายเพื่อยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว.

"ผมว่าหน้าจะบ้านหลังนี้แหละ อาจจะเป็นบ้านเพื่อนพ่อก็ได้"

"แล้วพ่อจะให้เรามาหาเพื่อนพ่อทำไมเนี่ย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย"

"ไม่แน่พ่ออาจจะกำลังรอจับพี่คลุมถุงชนข้างในนั้นก็ได้" คำตอบของไอ้น้องชายทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นทันที.

"หึ...ถ้าเป็นงั้นจริงฉันก็จะคัดค้านสุดชีวิตเลย"

ไอ้แซลม่อนน้องรักมองหน้าผมแล้วยิ้มไปส่ายหัวไป.

แต่ดูเหมือนว่า พวกเราจะจอดลีลาอยู่หน้าบ้านเขานานเกินไป คนเฝ้าประตูถึงกับต้องเดีนออกมาเคาะหน้าต่างรถข้างๆที่นั่งน้องชายผม.

แซลม่อนค่อยไปลดกระจกรถลง เพื่อที่จะได้ฟังเสียงของผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน.

"เอ่อ...ไม่ทราบว่า พวกคุณมาหาใครหรอครับ?"

"พวกเรา มาหาคุณพ่อตามข้อความที่คุณพ่อส่งมาครับลุง" น้องชายผมยื่นรูปพ่อเราไปให้คุณเฝ้าประตูดู.

ส่วนผมก็ถึงกับกุมขมับ ที่น้องชายผมทำแบบนั้น ทำอย่างกับว่าพ่อเราหาย กำลังตามหาพ่อ.

และอีกอย่างต่อให้พ่ออยู่ที่นี่จริง ลุงจะเหันหน้าพ่อเราได้ไง ในเมื่อลุงเฝ้าอยู่หน้าประตู.

"อ้อ!! ท่านชายผู้นี้คือพ่อของพวกเธอเองหรอ เชิญเลยครับคุณหนู" คุณลุงรีบเปีดประตูรั้วให้พวกเราขับรถเข้าไปย่างง่ายดายทันทีที่ได้เห็นรูปพ่อพวกเรา.

"ลุงเคยเห็นหน้าพ่อเราด้วยหรอ?" ผมขับรถเข้าไปแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายถามน้องชายต่อ.

"พี่คิดลุงเฝ้าประตูจะปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้าไปโดยที่ไม่ดูหน้าหน่อยหรอ? พี่ก็ออกจะเป็นคนฉลาดทำไมแค่นี้คิดไม่ได้นะ"

"หงุดหงิดอยู่เลยไม่ทันคิด"

"เอ้า! ขับไปๆ"

กลับมาที่คิวโฟของเรา.

"พ่อคุยกันแล้วนะ พ่อกับคุณลุงก็เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พ่อก็เลยคิดว่า ถ้าจะฝากลูกสาวไว้กับครอบครัวใหม่ในอนาคตของลูก ก็อยากให้เป็นครอบครัวของคุณลุงเขา เพราะพ่อเชื่อว่าพวกเขาจะต้องรักลูกเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนแน่ๆ"

ฉันนั่งนิ่งฟังบทสนทนาของคุณพ่อกับคุณที่คุยกันแล้วหัวเราะชอบใจกัน.

"หนูว่ายังไงล่ะลูก คิวโฟ?" คุณลุงเอ่ยถามฉัน พร้อมกับสายตาคุณพ่อที่คาดคั้นคำตอบจากฉัน.

"หนู ยังไม่เคยเจอหน้าคนๆนั้น เลยยังให้คำตอบไม่ได้ค่ะ" แม้ว่าฉันจะตอบไปอย่างงั้น แต่ในใจฉันก็รู้ดี ว่าตัวเองไม่สามารถเลือกได้อยู่แล้ว.

"อ้อ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว" คุณลุงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ใจดี แล้วท่านก็มองนาฬิกาไป.

"พ่อครับ อยู่ที่นี่รึเปล่า?" เสียงชายหนุ่มดังก้องห้องโถงมาจากทางเข้า ทำให้ทุกคนหันไปมองกันเป็นตาเดียว รวมถึงฉันด้วย.

สิ่งที่ฉันพบก็เป็นสิงมีชีวิตเพศผู้ยืนสองขา ตัวสูงๆ หน้าตาก็เอี่ม...คิดว่าพอใช้ได้ และก็คิดว่าคงไม่แย่นักถ้าจะต้องใช้ชีวิตโดยการตื่นมาเจอหน้าผู้ชายคนนี้ทุกวันอย่างน้อย ก็ไม่ขี้เหร่จนทนดูไม่ได้.

(นั้นเป็นเพียงความคิดในหัวของคิวโฟนะทุกคน ความจริงแล้ว ลักษณะของชายหนุ่มจะเป็นคนที่มีร่างกายสูง หุ่นดีสมส่วน ผิวขาวเนียน หน้าตาหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์ จมูกโด่งได้รูปทรงสวย ดวงตาคมเข้ม ขนตายาวแบบที่ผู้หญิงเองยังต้องอิจฉา รีมฝีปากเปันทรงกระจับเล็กไม่ชัดเจน แต่เป็นสีชมพูอ่อนน่าจุ๊บ อ๊ะ! ปล่อยให้คิวโฟพูดต่อดีก่วา!😊)

ฉันมองหน้าเขาโดยที่ไม่ได้มีปกติกิริยาอะไรเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดูตกใจมากเมื่อได้พบหน้าฉัน เขายืนนิ่งตาค้างนานประมานนาทีได้.

"อ้าว ซูชิ แซลม่อน มาถึงแล้ว มานี้เร็ว" คุณลุงเรียกลูกชายทั้งสองมานั่งร่วมวงคุยกันด้วย.

แต่สิ่งที่ฉันสนใจ ดันเป็นชื่อของพวกเขา.

'ซูชิ กับ แซลม่อน สงสัยคุณลุงกับคุณป้าคงจะชอบอาหารญี่ปุ่นมาก'

ฉันคิดในใจไปก็เผลออมยิ้มไป จนคุณพ่อทัก

"แหม่ พอเจอหน้าก็ถูกใจเลยใช่มั้ย แบบนี้ทางเราก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะมั้ง" คุณพ่อคิดเอง เออเองเป็นตุเป็นตะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะขัดใจพ่อ ยังไงซะ หัวใจของฉันมันก็ว่างเปล่าอยู่แล้ว.

"นี่มันเรื่องอะไรกันหรอครับ?"ชายหนุ่มที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคนไหนชื่ออะไร ถามขึ้นมาด้วยความสับสน.

"ซูชิ วันนี้พ่ออยากจะแนะนำให้ลูกรู้จัก นี่หนูคิวโฟ ว่าที่คู่หมั้นของลูก" คุณลุงผายมือชี้มาทางฉันเพื่อแนะนำตัว.

"หะ!?" ซูชิร้องอุทานทำหน้าตาสับสน มองหน้าฉันสลับกับมองหน้าคุณลุง.

"เดี๋ยวสิครับพ่อ..."ซูชิ พยายามแย้ง แต่ก็ไม่ทันพูดจบโดนคุณลุงแย่งพูดเสียก่อน.

"พ่อรู้ พวกลูกจะต้องไปกันได้ด้วยดีแน่ๆ นับจากนี้ไปก็ค่อยๆทำความรู้จักกันซะนะ" คุณลุงพูดไปก็ตบไหล่ลูกชายไป.

"แต่ว่าผม...แล้วฝาแฝดอีกคนล่ะ?" คำที่เขาพูดออกมาก็ทำให้ฉัน ต้องสตั้นไปนิดนึง.

"แฝดอีกคนหรอ?" คุณลุงถามทวนด้วยความสงสัย.

"คุณซูชิ ฉันขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ?" ฉันยืนขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่บังคับให้เขายอมไป.

"เชิญค่ะ" ฉันผายมือเชิญให้เขาไปคุยกับฉันข้างนอก.

แล้วเขาก็ยอมเดีนตามฉันมาแต่โดยดี.

"มีอะไรหรอ?" เขาเดีนออกมาถามฉันเสียงอ่อย.

"นายคงจะชอบ โมนะ ใช่มั้ย?"ฉันยิงคำถามทันทีโดยที่ไม่สนใจคำถามของเขาเลย.

เขาทำหน้าจริงจังแล้วตอบฉันทันว่า...

"ถึงพวกเธอจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ฉันก็ดูออก ฉันหมั้นใจแน่ๆว่าคนที่ฉันชอบคือโมนะ ไม่ใช่เธอ"

"แล้วโมนะ ชอบนายหรอ?" ดูเหมือนว่าคำถามของฉันจะทำให้เขาชะงักไป.

"โมนะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน เพราะฉะนั้น..." ฉันพันมมือไหว้ผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน จนเขาเองก็มีท่าทีที่งงเป็นไก่ตาแตก.

"ฉันขอร้อง อย่ายุ่งกับโมนะ"

"เฮ้ๆ ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ?" ซูชิรีบพุ่งมาจับมือฉันแยกออก.

"นายคงยังไม่รู้สินะ" ฉันเงยหน้ามองหน้าเขาที่ตอนนี้อยู่ใกล้ฉันมากๆ.

"อะไรละ?"

"โมนะน่ะ มีแฟนแล้วนะ"

"โถเอ้ย...ก็บอกแค่นี้ก็ได้มั้ยล่ะ ทำไมต้องถึงขั้นมาไหว้กันด้วย"

เขาบ่นเหมือนเขาเข้าใจทุกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ เขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย.

"ฉันยอมรับนะว่าฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แต่ถึงฉันจะชอบโมนะมากๆ แต่ฉันก็ไม่เลวพอถึงขั้นจะไปแย่งเขามานะ นี่เธอเห็นฉันเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย...#(-(-)&@2(99(€•£{¶" เขาบ่นยาวๆจนฉันเรี่มรู้สึกรำคาญแล้วแล้วสิ แต่หน้าตาฉันก็นิ่งไม่แสดงออกอะไรเลย.

"นี่..." ฉันเอ่ยแทรกตอนเขาพูด

"อะไรอีกล่ะทีนี้?" เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทั้งๆที่คนที่ควรหงุดหงิดมันคือฉัน

แต่ฉันก็ไม่ต่อปากต่อคำกับเขา แล้วก็เหลือบมองที่มือฉันแทน ให้เขาได้รู้ตัวว่า เขาจับมือฉันนานเกีนไปแล้ว.

"อะ...ขอโทษ" เขารีบหันหลังให้ฉันและเตรียมจะเดีนกลับเข้าไปในบ้าน แต่อยู่ดีๆก็อยุดแล้วหันมาคุยกับฉัน.

"แล้วเรื่องของเราล่ะ จะเอายังไงดี?" นั้นคือคำถามของเขา

"ฉันยังไงก็ได้"

"เอาจริงดิ ไม่คิดจะคัดค้านหน่อยหรอ? หรือ...หรือว่าเธอจะชอบฉันเข้าแล้ว?"

"ฉันไม่เคยสนใจสิ่งมีชีวิตเพศผู้ ฉันสนใจแค่ครอบครัวของฉันเท่านั้น."

"โอ้โห...ดูเรียก" เขาทำหน้าตะลึงกับ คำศัพท์ที่ฉันเรียกผู้ชายอย่างเขาว่าสิ่งมีชีวิตเพศผู้.

เขาดูเหมือนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับฉัน เลยเลือกที่จะเดีนกลับเข้าไปในบ้าน แต่ก็อยุดเดีนอีกแล้ว.

แล้วเขาก็กลับมา เดีนมาหาฉันแล้วจูงมือฉันเข้าบ้านไปด้วย.

เมื่อกลับมาพบกับคุณพ่อคุณลุงอีกครั้ง เขาก็ปล่อยฉัน แล้วทำสีหน้าจริงจัง.

"เรื่องหมั้น ขอเวลาผมคิดอีกหน่อยนะครับ"

"อะไรกัน ไม่ชอบลูกสาวของลุงหรอ?" คุณพ่อถามซูชิด้วยสีหน้าดูเศร้าทิพย์.

ส่วนในใจของฉันก็ยิ้มไปเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็ให้อีกฝ่ายปฏิเสธแทนซะก็สิ้นเรื่อง.

"ไม่ใช่ครับ ผมอยากจะทำความรู้จักกับเธอให้มากก่วานี้ก่อนครับ" คำตอบของซูชิ ทำให้ฉันรู้สึกดิ่งลงเหว.

โถเอ้ย! คิดว่าจะได้หนีพ้นแล้วเชียว ไหงมาพูดแบบนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องถูกจับคู่แบบนี้ไปเลยน่ะสิ.

.

.

.

.....ติดตามตอนต่อไป

ตอนที่2

"หนูคิวโฟไม่ดีตรงไหนน่ะลูก ถึงได้ต้องรอให้คิดก่อน" หญิงวัยกลางคนถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ดูขัดใจเอามากๆ

"โธ่ แม่ครับ ผมยังไม่ได้ปฏิเสธซะหน่อย" ซูชิรีบตอบโต้เพื่อไม่ให้มารดาโมโหไปมากก่วานี้.

"ละแล้ว ลูกจะทำยังไงล่ะ?"

"ผม มีเรื่องอยากขอร้องน่ะครับ"

"หืม?" คุณแม่ของซูชิเอียงคอมองลูกชายด้วยความสงสัย.

"ผมขอ..."คำขอร้องของซูชิถูกเซ็นเซอร์โดย...meเองง.

"ห๊ะ! โอ้ววว ทำไมจะไม่ได้ล่ะลูกกก เดี๋ยวแม่จัดการให้🤭" เมื่อได้ฟังคำขอร้องของลูกชาย ก็เผยยิ้มกว้างที่แลดูมีความสุขขึ้นมา.

.

.

.

วันต่อมา...

โรงเรียน ม. ปลาย

โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุด สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบ อาหารที่โรงอาหารก็คัดเลือกพ่อครัวแม่ครัวมาอย่างดี รับรองว่าอาหารการกินจะไม่จืดชืดอย่างแน่นอน.

เป็นโรงเรียนที่มีไว้สำหรับลูกคุณหนูผู้มีอันจะกินไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้ามาเรียนได้ เพราะค่าเทอมนั้น...แพงเวอร์ ยิ่งย้ายมาตอนกลางเทอมก็ยิ่งแพงกว่าปกติถึงสามเท่า.

ห้องเรียน ม.6/1

"นี่ๆ ได้ข่าวว่าวันนี้ห้องเรียนพวกเราจะมีนักเรียนใหม่ล่ะ"เพื่อนผู้หญิงในห้องเรียนรีบวิ่งมาพร้อมกับร้องตะโกนดังลั่นห้อง.

"จริงดิ? ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ?"เพื่อนชายรีบลุกพรวดไปถามด้วยความตื่นเต้น.

"เสียใจด้วย ผู้ชายย่ะ" คำตอบที่ออกมาจากปากหญิงสาวทำให้ผู้ชายทั้งห้องถึงกับร้องโห่วด้วยความเสียดาย.

"นักเรียนทุกคนนน ประจำที่" เสียงหัวหน้าห้องสาวร้องตะโกนเป็นคำสั่ง ทำให้ทุกคนวิ่งไปนั่งประจำที่เป็นระเบียบทุกคน.

อาจารย์หญิงวัยกลางคน เดีนท้าวส้นสูงดังเตาะแตะๆ ทำให้นักเรียนทุกคนทำตัวเกร็งกันไปหมด ภายในห้องเรียนเงียบสงบ เป็นระบบระเบียบ.

"เอาล่ะ ทุกคน วันนี้ห้องเราจะมีนักเรียนใหม่มาเพื่อนใหม่นะ คุณ ซูชิ เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ"

"หะ!? คนอะไรชื่อซูชิวะ?" นักเรียนในห้องต่างก็พากันพูดซับซิบกันเรื่องชื่อของนักเรียนใหม่.

แต่คนที่นั่งเฉยเมยอยู่ที่โต๊ะที่สามแถวที่สามริมหน้าต่างห้องเงียบๆมาตลอดอย่างคิวโฟ ก็ถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่อนี้.

เมื่อร่างสูงย้างก้าวเข้ามาในห้องเรียน ก็ทำสาวๆฮือฮากันหมด มีแต่ชมว่าหล่อกันระงม.

"อร๊ายยยอะไรกันเนี่ยหล่อเหมือนแซลม่อนเลย"

"จริงด้วยๆ หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลยอ่าาา"

"แหะๆ😅 ก็ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของแซลม่อนนิครับ" ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีที่เฟรนลี่.

ยิ่งคิวโฟได้เห็นชายคนนี้ชัดๆ ดวงตาก็เบีกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ.

(หมอนี่...มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?)

"ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"

สิ้นสุดการทักทายสาวๆก็พากันกรี๊ดลั่นห้อง ร้องบอกว่ารับฝากเสมอ.

"งั้น...วันนี้อาจารย์ฝากเพื่อนใหม่ด้วยนะ วันนี้อาจารย์มีประชุม เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่อย่าสร้างความวุ่นวายล่ะ" อาจารย์หญิงบอกข่าวดีสำหรับนักเรียน แต่ก็ไม่วายกำชับไว้ไม่ให้ทุกคนก่อเรื่อง.

ทุกคนต่างร้องเฮดีใจ แล้ววิ่งไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่.

ซูชิมองไปทั่วห้องจนได้ไปสบตากับคิวโฟเข้า สายตาเธอในตอนนี้ ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ซูชิก็โบกมือทักทายไปแล้วยิ้มเจื่อนๆให้ และแน่นอน การกระทำนี้ทุกคนในห้องล้วนเห็นหมด ฝั่งผู้หญิงก็พากันคิดว่า ซูชิสนใจคิวโฟเข้าแล้ว ไม่คิดสู้ด้วยเลยพากันเงียบหมดไม่กรี๊ดต่อแล้ว.

แต่ฝั่งผู้ชายนี่สิ เดือดขึ้นทันที พุ่งไปร้องโหวกเหวกโวยวาย ซึ่งๆหน้า ซูชิ.

"เห້ยเจ้าเพื่อนใหม่ ไม่ได้นะ คิวโฟเป็นนางฟ้าของพวกเราไม่ว่าใครก็อย่าคิดเอื้อม"

"ใจเย็นๆ พวกนาย ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซะหน่อยนะ" ซูชิพยายามเกลี้ยกล่อมให้เหล่าบรรดาเพื่อนชายที่กำลังเดือดให้สงบลง.

ในเมื่อชั่วโมงนี้ไม่มีเรียน คิวโฟก็รีบเดีนออกจากห้องเรียนไปด้วยความรำคาญ.

หญิงสาวปลีกตัวออกห่างจากผู้คน เพื่อมายังที่โต๊ะหินอ่อนที่หลังอาคารเรียน สถานที่นี้ เป็นสวนสีเขียว ต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงาให้โต๊ะหินอ่อนเป็นจำนวนหลายต้น ดูรวมๆแล้วเหมือนป่ารกร่างเลย เป็นที่ๆคนไม่เยอะ สงบทุกเวลา แม้เป็นเวลาเลิกเรียน ก็ไม่ค่อยมีคนมาแถวนี้ ดังนั้น จึงกลายเป็นที่ของหญิงสาว ไว้ใช้พักผ่อนอยู่คนเดียว.

หญิงสาวที่เรากำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ ก็คือ คิวโฟ ผู้หญิงที่เย็นชากับทุกสิ่งยกเว้นกับคนในครอบครัว และ เธอจะอ่อนโยนเป็นพิเศษกับน้องสาวฝาแฝดเพียงคนเดียวเท่านั้น.

ในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งพักหลับตาคนเดียวที่โต๊ะหินอ่อน จู่ๆ ก็มีเสียงเท้าเหยียบใบไม้ดัง กร๊อบ และมีเสียงทุ้มของชายหนุ่มทักตามมา.

"มานั่งคนเดียวอยู่ในป่าแบบนี้ ไม่กลัวยุงกัดเอาหรอ"

หญิงสาวหันไปมองเจ้าของเสียง ก็รู้ว่าเป็นแซลม่อน ฝาแฝดของซูชิ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรตอบไป แล้วก็หันกลับมานั่งหลับตาเหมือนเดีม ราวกับว่าเธอต้องการจะพักผ่อนจากโลกใบนี้.

ชายหนุ่มก็เดีนมาจนถึงโต๊ะหินอ่อนที่คิวโฟนั่งอยู่ แล้วก็กล่าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม.

"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย?"

"ใครห้ามล่ะ" หญิงสาวยังคงตอบกลับมาอย่างเย็นชา.

เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งลงข้างๆคิวโฟบนม้านั่งหินอ่อนเดียวกัน โดยความใกล้ชิดนั้นก็ไม่มีไรยะห่างเลยแม้แต่มินเดียว ตัวของทั้งสองติดกันชนิดที่เรียกว่าปาท่องโก๋ได้เลย.

"มานั่งติดฉันแบบนี้ ไม่ร้อนหรอ?" หญิงสาวเอ่ยถามโดยที่ไม่หันหน้ามามองชายหนุ่มเลย.

"ถ้าอยากพักผ่อน...ใช้ฉันเป็นที่พักพีงได้นะ" นอกจากชายหนุ่มจะไม่ตอบคำถาม ยังเอ่ยวาจาที่เหมือนว่าจะเข้าใจคิวโฟที่สุด.

"นายทำเพื่ออะไรล่ะ...แซลม่อน"

"เธอรู้หรอ ว่าเป็นฉัน ว้า~~ อุส่าแต่งตัวเหมือนกับพี่ ฉีดน้ำหอมกลิ่นเดียวกับพี่ เหมือนกันขนาดนี้ เธอยังแยกออกอีก" ชายหนุ่มบ่นฝนความโป๊ะแตกของตัวเอง.

"เหมือนกันมาแค่ไหน..." หญิงสาวยกมือขึ้นใช้หลังมือตบที่หน้าอกข้างซ้ายของชายหนุ่ม โดยที่ตัวเองก็ยังคงนั่งข้างๆ และ ไม่หันมามองหน้าชายหนุ่มเลย.

"....แต่ตรงนี้น่ะ...ไม่มีทางเหมือนกัน"

สิ้นสุดคำพูดของคิวโฟ แซลม่อนก็เผยรอยยิ้มบางๆ แล้วเขาก็จับไปที่มือของหญิงสาว.

"เธอรู้จักฉันดีจริงๆ"

"ก็คนที่ฉันรู้จักคือนาย ไม่ใช่พี่ชายนาย ไม่มีทางที่ฉันจะจำนายไม่ได้" พูดจบหญิงสาวก็ดึงมือออกจากการจับกุมของชายหนุ่ม.

"ทำไมคนที่พ่อแม่จับคู่ให้เธอถึงไม่ใช่ฉันกันนะ" แซลม่อนบ่นตัดพ้อให้คิวโฟฟังด้วยน้ำเสียงที่แลดูเสียดาย.

"นายชอบฉันหรอ?" หญิงสาวหันหน้ามาถามชายหนุ่ม.

"แน่นอนสิ"

คำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเงียบไป และต้องหันกลับไปทิดทางเดีม.

"เราเรียนที่นี่ด้วยกันมากี่ปี? เรารู้จักกันมากี่ปี? ใครจะไปเข้าใจเธอได้มากก่วาฉันล่ะ"

"งั้นฉันควรรับรักนายใช่มั้ย?" หญิงสาวพูดประชดโดยที่ก็ยังไม่หันมามองชายหนุ่มเหมือนเดีม.

"ไม่จำเป็นหรอก" ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างหน้าเฉย แต่หญิงสาวก็ยังคงไม่พูดด้วย.

แล้วแซลม่อนก็ลุกขึ้นไปยืนต่อหน้าคิวโฟ.

"ถ้าความรู้สึกของฉัน เธอตอบรับไม่ได้ งั้นฉันขอ...จูบเธอได้มั้ย?"

"ก็เอาสิ" หญิงสาวลุกขึ้นมาตอบทันทีที่ประโยคคำถามจบ.

"จะไม่...ปฏิเสธหน่อยหรอ? จูบเลยนะ?"

"ก็แค่จูบ มีอะไรพิเศษกัน ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจูบมันเป็นยังไง?" คำตอบของคิวโฟ ทำให้แซลม่อนอึ้งแล้วอึ้งอีก.

"งั้นไม่เกรงใจละนะ...."

"เอาเลย" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตารอ.

ชายหนุ่มค่อยๆจับไปที่ไหล่ของหญิงสาว แล้วมองใบหน้าที่อันสะสวยของเธอก่อนที่จะหลับตา และ ค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ.

ในขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน จู่ๆ ชายหนุ่มก็อยุดนิ่งไป.

"ฉันทำไม่ได้ ฉันแย่งของๆพี่ไม่ได้" ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือจากไหล่หญิงสาว แล้วถอยห่างออกมา

แต่หญิงสาวกลับทำสิ่งที่ชายหนุ่มไม่คาดคิด เธอพุ่งเข้าไปกอดคอเขาให้ก้มลงมาประกบริมฝีปากกัน โดยที่ชายหนุ่มก็ได้แต่ตะลึงตาค้าง เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำแบบนี้.

ไม่นานหญิงสาวก็ถอนริมฝีปากออกมา แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า...

"ฉันไม่ได้เป็นของใคร"

แล้วหญิงสาวก็ปล่อยมือจากคอชายหนุ่มแล้วก้าวถอยออกมา หันหลังให้ ปล่อยให้แซลม่อนยืนก้มหน้าตาค้างอย่างงั้น.

"คิวโฟ...นี่จูบแรกของฉันนะ! เธอเอาไปง่ายๆ แล้วไม่ใยดีอย่างงี้เลยหรอ?" แซลม่อนโวยวายทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง.

"จูบแรกของฉันเหมือนกัน แล้วไง? ฉันต้องรับผิดชอบหรอ?" ยิ่งคิวโฟพูดก็ยิ่งทำให้แซลม่อนอึ้งเข้าไปอีก ผู้หญิงคนนี้ไม่แคร์แม้แต่จูบแรกของตัวเอง.

"นี่น่ะหรอ? จูบ พิเศษตรงไหน? ไม่เห็นจะรู้สึกดีตรงไหนอย่างที่ใครเขาว่าเลย"

บ่นเส็รจหญิงสาวกำลังจะเดีนหนีออกจากสวนป่าส่วนตัวของเธอไป แต่ก็ถูกแซลม่อนคว้ามือเอาไว้ แล้วเขาก็ใช้แขนที่มีกำลังมากกว่า ดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้ๆ แล้วเขาก็ใช้มือจับแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างของหญิงสาว แล้วดึงเข้ามาจูบอย่าเร่าร้อน ซึ่งต่างจากกานจูบเมื่อกี้ที่มีเพียงการประกบริมฝีปากเท่านั้น.

หญิงสาวพยายามดิ้นขัดขืน ใช้มือตีแขนเขาหลายทีแต่ก็ไม่สามารถส่งผลต่อแขนที่แข็งแรงของเขาได้.

การจูบเรี่มดูดดื่มและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มือน้อยๆของหญิงสาวเริ่มอ่อนแรงลง แล้วปล่อยให้จูบนี้กลืนกินไปอย่างช้าๆ.

ก่อนที่หญิงสาวจะหมดสติไป ชายหนุ่มก็ถอนจูบซะแล้ว ทำให้หญิงสาวในตอนนี้หน้าแดงหายใจหอบเหมือนคนขาดอากาศหายใจมานาน.

"นี่ต่างหาก ที่เรียกว่าจูบ" ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแผ่วเบา.

"อีกทีได้มั้ย?" เมื่อได้ยินคิวโฟพูดมาอย่างงั้น แซลม่อนก็อึ้งแล้วรีบถอยห่าง.

"เธอมันบ้าไปแล้วคิวโฟ!" ชายหนุ่มตะโกนเส็รจก็รีบวิ่งหนีหญิงสาวไปเลย.

หญิงสาวมองตามหลังไปจนเขาหายลับไปจากสายตา.

"ก็ไม่เลวนิ...ใช้ได้" หญิงสาวพยักหน้าเบ้ปากพูด.

ยืนนิ่งไปได้สักพักหญิงสาว ก็เดีนกลับห้องไปเพื่อรอคาบเรียนต่อไป.

โดยที่ไม่รู้เลย ว่าด้านข้างอาคาร มีสายตาคู่หนึ่ง ได้เห็นเหตุการหมดทุกอย่างแล้ว.

และไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ซึ่งนั้นก็คือ ซูชิ พี่ชายฝาแฝดของแซลม่อน.

ในตอนนี้ ซูชิ ก็ทำได้แต่อึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น และในหัวก็คิดไปแล้วว่า จริงไปแล้ว คิวโฟ กำลังแอบคบหากับน้องชายของตัวเองอยู่ และเป็นตัวเองที่กำลังไปแทรกกลางระหว่างเขาสองคน.

(โถ่วว พ่อคุ๊ณ คิดไปเองซะไกลเลย)

ทุกคนต่างก็กลับเข้าไปเรียนเป็นปกติ คิวโฟกลับไปนั่งเรียน และ กลับไปเป็นคนที่นิ่งขรึมเหมือนเดีมอีกแล้ว.

'เธอทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกีดขึ้นได้ยังไงกัน หรือว่า! นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกของสองคนนี้? บางที่อาจจะทำบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติก็ได้'

"นี่ๆ ซูชิ ทำไมเอาแต่จ้องมองนางฟ้าของพวกเราอยู่ได้" เพื่อนนักเรียนชายที่โต๊ะรอบข้างกล่าวทักท้วงพฤติกรรมของซูชิ ที่ไม่ค่อยถูกใจพวกเขาสักเท่าไหร่.

"อ๊ะ เอ่อ...ไม่ใช่นะ ก็คิดว่าเธอสวยดีเลยเผลอมอง" ซูชิหาเรื่องมาแถให้รอดตัวไป.

"ไม่ต้องไป พวกเราเข้าใจ งั้นพวกเราจะรับนายเข้าลัทธิ คิวโฟ ละกันนะ ยินดีต้อนรับนะเพื่อน"

ดูเหมือนว่าการแถเอาตัวรอดจะได้ผลเป็นอย่างดี ซูชิเออออ ตามน้ำเข้าลัทธิ คิวโฟไปแบบงงๆ.

ตอนนี้กลายเป็นว่า ชายหนุ่มมีเพื่อนเพี่มขึ้นเป็นสิบๆคนในคราวเดียวซะงั้น.

แต่ถึงอย่างงั้นชายหนุ่มก็ไม่สามารถละสายตาจากคิวโฟได้ จ้องอยู่อย่างงั้น จนหญิงสาวเหมือนจะรู้ตัวแล้ว และได้เหลือบหางตามามองมาที่ชายหนุ่ม.

และแล้ว.... ทั้งสองก็ได้สบตากันเข้า.

....โปรดติดตามตอนต่อไป

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!