05.30 น.เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล สำหรับคนที่ห่างบ้านไปนานอย่าง บัวหรือ นางสาวสโรชา อัครเกียรติไพบูลย์ ธิดาสาวของบ้านหลังนี้ เธอชอบเสียงไก่ขัน เวลาที่มันขันรับกันไปมาประสานเสียงกันเพราะมากๆ แต่บางคนก็อาจจะรำคาญ หญิงสาวไม่ชอบไก่ตัวเป็นๆ ไม่ชอบขนไก่ รวมถึงไม่ชอบนกและขนของมันด้วย แต่เธอชอบทานไก่ ยิ่งไก่ทอดร้านดัง เธอยิ่งชอบมากๆ
..........เสียงเจ้าสีนิล กับเจ้ามังกร ม้าของสโรชา หายใจฟีดฟาด ดังมาจากคอกม้าหลังบ้าน หญิงสาวคิดว่ามันคงรู้ว่าเธอกลับบ้านแน่ๆ เดี๋ยวต้องออกไปทักทายเจ้าสีนิลสักหน่อย สีนิล คือม้าเพศผู้ตัวสีดำสนิท เป็นม้าตัวโปรดของหญิงสาว ส่วนเจ้า มังกรสีน้ำตาลเข้ม เป็นม้าของน้องชายเธอ มันอยู่กับเธอมาตั้งแต่หญิงสาวเรียนมัธยม มันยอมให้แค่เธอกับน้องชายของเธอเท่านั้น ที่ขึ้นหลังของมันได้ แม้แต่พ่อกับแม่ มันก็ไม่ยอมให้ขึ้นหลัง รอหน่อยนะเจ้าสีนิล ฉันขอกินข้าวฝีมือแม่ก่อน เดี๋ยวจะลงไปทักทาย เธออยากจะพาเจ้าสีนิลออกไปเที่ยวที่ไร่ อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ หลังจากที่ไม่ได้กลับบ้านนานมาก
ห้องนอนของเธออยู่ทางทิศตะวันตกตกเฉียงใต้ของบ้าน ตรงข้ามกับห้องพ่อ แม่ และติดสวนหลังบ้าน หลังจากช่วงเช้าไปแล้ว ห้องของเธอ จึงเงียบสงบมากๆ ถัดจากห้องของเธอไปเป็นห้องรับแขกอีก 2 ห้อง
บ้านสโรชาอยู่ทางภาคเหนือสุดของประเทศไทย ล้อมรอบด้วยภูเขา และป่าไม้ อากาศจึงค่อนข้างที่จะเย็นสบาย หน้าร้อน ก็ร้อนไม่มาก กลางวันร้อน กลางคืนเย็น บ้านหลังนี้เมื่อก่อนสมัยที่เธอกับน้องชายยังไม่ได้ไปเรืยนที่กรุงเทพฯ อาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน นายอาทิตย์บิดา นางจันทรามารดา ตัวเธอ นายองอาจหรือบุตร หลังจากที่เธอกับน้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ก็อยู่กันลำพังสองคน พ่อกับแม่เธอซื้อคอนโดให้ตั้งแต่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ที่กรุงเทพฯ เธอเรียนจบ ทำงาน ก็พักที่คอนโดเรื่อยมา น้องชายเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ไปอยู่ด้วยกัน
มือเรียวยาวค่อยๆ โผล่ออกมาจากผ้าห่ม เพื่อควานหานาฬิกาปลุก ด้วยความเคยชินเหมือนตอนอยู่ที่คอนโด คลำซ้าย คลำขวา หานาฬิกาปลุกไม่เจอ จนต้องนอนนิ่ง ๆ ใต้ผ้าห่มสักพัก ได้กลิ่นสะอาด ผ้าห่ม ลายสกอต ฟ้า-ขาว กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มของเด็กอ่อน หอมแดดมาก หมอนก็หอมแดด ปลอกหมอนลายเดียวกับผ้าห่มนวม ปกติแม่จะไม่ค่อยใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม นางจันทราซักแล้วก็จะตากแดดเลย ต่างจังหวัดแบบนี้แดดดี แต่แม่รู้ว่าเธอจะกลับบ้าน นางก็เตรียมซักเครื่องนอนใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ รอเธอ แม่รู้ว่าบัวชอบกลิ่นนี้ ชอบเครื่องนอนเซตนี้ ต่างกับน้องชาย ตาบุตรชอบสีชมพู ซึ่งมันก็ไม่แปลก น้องชายเธอเป็นชายเต็มร้อย แรกๆ ก็พากันขำ น้องชายเธอบอกว่า จะขำทำไม พี่บัวยังชอบสีฟ้าเลย ซึ่งส่วนมากผู้ชายชอบ เออ...ก็จริงอย่างที่น้องชายเธอพูด
ใจเธออยากนอนต่อ อยากตื่นสักประมาณ 7 โมงเช้า แต่ก็ตัดสินใจดีดตัวขึ้น พับผ้าห่ม จัดหมอนให้เข้าที่ คลุมทับด้วยผ้าผืนใหญ่อีกที บ้านหลังนี้แทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย อากาศเย็นธรรมชาติมากๆ หญิงสาวยังคิดว่าแม่มาเปิดแอร์ให้เธอตอนไหน เพราะเมื่อคืนอากาสศเย็นมาก เก็บที่นอนคลุมเตียงเสร็จ ลุกไปเปิดหน้าต่าง กลิ่นข้าวใหม่โชยขึ้นมาถึงห้องนอนเลย หอมจัง เมื่อคืนน้ำค้างลงหนักแน่ๆ เช้านี้ถึงได้สดชื่นขนาดนี้ ไปหาแม่ดีกว่า หญิงสาวลงไปข้างล่าง ตรงไปที่ห้องครัว เช้านี้แม่ทำกับข้าวอะไร เธอนึกอยากช่วยแม่ทำกับข้าวบ้าง หญิงสาวพอทำอาหารง่ายๆ ได้หลายอย่าง แต่จะให้มานั่งทำกับข้าว เช้า กลางวัน เย็น สามเวลาเธอก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น
ครัวบ้านเธอทำแยกออกมาจากตัวบ้าน ก่อปูนขึ้น และมีไม้ระแนงต่อขึ้นไปจนถึงหลังคา มีทั้งเตาถ่านและแก๊ส วันไหนที่แม่อยากใช้ฟืน ก็มีเตาฟืนอยู่ด้านนอกครัว ห่างออกไปไม่มาก ที่ต้องตั้งเตาฟืนห่างออกไปเพราะแม่ไม่อยากให้ควันเข้าบ้าน เตาถ่านทำอาหารอร่อยจริง แต่เวลาที่ควันลอยเข้ามาในบ้าน ติดเสื้อผ้าที่แขวนไว้ กลิ่นควันจะติดเสื้อผ้าเหม็นมาก
"หอมข้าวใหม่จังเลยค่ะแม่" หญิงสาวตะโกนพร้อมวิ่งลงบันไดจากชั้นบนลงมาหานางจันทราผู้เป็นแม่ที่ห้องครัว
"เบาๆ ลูก เดี๋ยวได้ตกบันได ก่อนได้กินข้าวเช้าหรอก" เสียงแม่เอ็ดเอา พร้อมยิ้มให้บัว
แม่ยิ้มกว้างอวดฟันสวย ฟันแม่เรียงกันเป็นระเบียบ ไม่ต้องดัดฟันเลย สโรชาได้แม่ ฟันสวยเรียงเป็นระเบียบไม่ต้องดัดเลย พวกอาๆ เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่บอกว่า เวลาแม่ยิ้มแล้วสวย แต่แม่ไม่ค่อยยิ้ม เพื่อนแม่บอกว่าเวลาแม่ยิ้มคล้าย ดาราหญิงหนังฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ จูเลีย โรเบิร์ต เวลาเขายิ้มปากกว้างๆ สวยมาก บัวก็คิดแบบนั้น แม่ของเธอถึงแม้ว่าปีนี้นางจะอายุ 54 ปี แต่คงเค้าความสวยอยู่มาก แม่อายุน้อยกว่า นายอาทิตย์ 4 ปี หญิงสาวคิดว่าพ่อกับแม่อายุห่างกันกำลังดี ไม่มากไม่น้อย
"ทำไมตื่นเช้าจังเลยลูก นอนบ้านเราไม่ต้องรีบหรอก ตื่นเวลาไหนก็ได้ ไม่มีใครว่าหนูเลยลูก พักผ่อนให้พอ นอนให้เต็มที่ไปเลย" นางจันทราถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ทีแรกก็ว่าจะนอนต่อค่ะ บัวยังคิดว่าบัวนอนอยู่ที่คอนโดเสียอีกค่ะแม่ แต่ได้ยินเสียงไก่ขัน ถึงรู้สึกตัวว่าอยู่บ้านเรา นานๆ กลับบ้าน บัวจะพลาดอากาศสดชื่นๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะคะแม่ "
"ว่าแต่พ่อลงสวนแล้วเหรอคะ" หญิงสาวถามมารดาหลังจากมองหานายอาทิตย์ไม่เจอ
"จ๊ะ…ลงไปสักพักแล้วลูก ไปให้อาหารปลา อาหารไก่ สักเจ็ดโมงกว่าๆ ก็ขึ้นบ้านแล้วล่ะ หนูไม่อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนล่ะลูกค่อยลงมาก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก อยู่บ้านเราสบายๆ "
"ไม่หรอกค่ะแม่ บัวจะช่วยแม่ทำกับข้าวก่อน วันนี้มีแกงส้มเหรอคะ เดี๋ยวบัวช่วยแม่ทอดปลาเค็มนะคะ เมนูนี้อยากกินมานานแล้ว ใครทำก็ไม่เหมือนแม่ทำ แกงส้มหน่อไม้ดองใส่ไก่ ใช้พริกแกงใต้ กินกับปลาแดดเดียวหรือปลาเค็มก็ได้ ผักสดจากสวนเยอะๆ แบบนี้ วิเศษที่สุดเลยค่ะแม่"
"เอาจริงเหรอ" แม่ถาม "บัวไม่เหนื่อยแน่นะลูก" เสียงของแม่เอื้ออาทรเสียเหลือเกิน
"ไหวค่ะแม่เมื่อคืนบัวนอนเต็มตื่นมากๆ พลังมาเยอะเลย แล้วก็เริ่มหิวแล้วด้วยค่ะ "
"งั้นบัวช่วยทอดปลา เสร็จแล้วแกะกระเทียมล้างพริก เตรียมมะนาว พริกสดแม่จะทำน้ำพริกกะปิ วันนี้มีแกงส้มหน่อไม้ดอง น้ำพริกกะปิ ชะอมทอด คั่วกลิ้งหมู ต้มหมูชะม่วง แค่นี้น่าจะพอ จริงๆ แม่อยากทำมัสมั่นอีกอย่าง แต่เคี่ยวนานกลัวว่าจะช้า ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำนะลูก" แม่พูดพรางมองหน้าบัว เป็นเชิงขอความเห็น
"อูย…แค่นี้ก็เยอะแล้วค่ะแม่ กินได้หลายเวลา ค่อยทำวันหลังก็ได้ค่ะ ตาบุตรไม่อยู่ ไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ ไว้น้องมาแม่ค่อยทำให้น้องกินนะค"ะ น้องชายเธอชอบแกงมัสมั่นมาก ถึงขนาดเวลากลับบ้าน แม่เธอต้องทำใส่ถุงไปไว้ให้ทานที่คอนโด ทำทีก็อยู่ได้หลายมื้อ น้องชายเธอก็อุ่นกิน
"เอางั้นก็ได้ลูกไปๆ ทอดปลาเถอะ เดี๋ยวได้ชะอมมา บัวจะได้เด็ดชะอมให้แม่"
"บัวๆ มารับชะอมทีลูก" เสียงนายอาทิตย์เรียกลูกสาว พ่อวางไว้ที่ฝาโอ่งนะ พ่อขอไปอาบน้ำก่อนเสียงพ่อดังมาจากทางหลังบ้าน
"ได้ค่ะพ่อ เดี๋ยวบัวไปหยิบเองค่ะ พ่อไปอาบน้ำเลยค่าเสร็จแล้วรีบลงมานะคะพ่อ "
จริงๆ เธอไม่ชอบเด็ดชะอมเลย มันชอบมีหนอนตัวเล็กติดมาด้วย ไหนจะหนามของมันอีก แต่เวลาที่ทำเป็นอาหารโคตรอร่อย แถมหอมอีกด้วย
นางจันทราเคยเล่าให้ฟังว่า แม่ลูกอ่อนบางคนจะแพ้กลิ่นชะอม จะกินไม่ได้เลย ได้กลิ่นจะเวียนหัวชวนอาเจียน แต่นางจันทรากลับหอม ตอนเลี้ยงหญิงสาว นางกินไข่เจียวชะอม ชะอมต้มเค็ม ทานได้ทุกเมนูที่ใส่ชะอม ไม่มีอาการแพ้เหมือนคนอื่นเลย
"แหม…วันนี้พ่อต้องเติมข้าวอีกแน่ๆ มื้อนี้มีแต่ของอร่อย" นายอาทิตย์พูดขึ้น หลังจากทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวสโรชา "
"กินเยอะๆ นะลูก นานๆ ได้กลับบ้านมากินข้าวฝีมือแม่ แม่เขาอยากโชว์ฝีมือทำอาหารให้ลูกกินเต็มทีแล้ว มีแต่พ่อกับอาชาติที่ได้กินทุกวัน แต่พ่อไม่เคยเบื่อเลยนะ เพราะแม่เขาทำอะไรก็อร่อยทุกอย่าง"
นายอาทิตย์พูดชมภรรยา แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
"ค่ะพ่อ บัวก็ตั้งใจว่าจะมาเพิ่มน้ำหนักที่บ้านนี่ล่ะค่ะ บัวรู้สึกว่าอยู่คอนโดบัวขาดสารอาหารมาก" หญิงสาวพูดพลางตักข้าวใส่จานให้พ่อ และแม่
"จริงๆ หุ่นบัวแบบนี้ก็เหมาะเป็นนางแบบเลยนะลูก" นางจันทราพูดขึ้น
"ไม่เอาค่ะแม่บัวอยากมีน้ำมีเนื้อกว่านี้สักหน่อยค่ะ บัวไม่อยากเป็นนางแบบ"
นางจันทรายิ้มตามคำลูกพูด จริงๆ นางก็ไม่อยากให้ลูกสาวผอมไปมากกว่านี้ สโรชาสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยเรา ก็ถือว่าสูงทีเดียว ทั้งครอบครัวนางกลายเป็นคนเตี้ยสุด นางสูง 165 สามีนางนายอาทิตย์สูง 180 ส่วนลูกชายสูง 185 จะว่าไปแล้วก็สูงกันทั้งบ้าน
เมื่อสมัยสโรชาเรียนอยู่มัธยม เริ่มสูงขึ้นๆ นางกังวล ห่วงว่าสโรชาจะมีแฟนเตี้ย ผู้ชายเตี้ย ผู้หญิงสูงยืนคู่กันนางมองว่า ไม่เหมาะเลย นางก็คิดไปตามประสา แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางจันทราก็เริ่มปลง ถ้าวาสนาลูกสาวนางจะได้สามีเตี้ยกว่า แต่ถ้าเขาคนนั้นเป็นคนดี ดูแลลูกสาวนาง ครอบครัวลูกมีความสุข แค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับคนเป็นแม่
ส่วนลูกชาย นางไม่ห่วงเพราะเขาสูง ผู้ชายสูง อะไรก็ดีไปหมด จะได้แฟนเตี้ยหรือสูงก็ดูดี ผู้หญิงไทยเราคงไม่สูงมากกว่าลูกชายนางแน่นอน นางจันทราคิด แต่กว่าจะถึงเวลาที่นางจะได้ลูกเขย ลูกสะไภัก็คงอีกนาน ป่านนี้ยังไม่มีวีแววเลย ลูกสาวนางโลกส่วนตัวสูง ไม่เปิดใจให้ใครง่ายๆ เธอกับสามีก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ทานข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนมานั่งที่ชานบ้าน ด้านหน้าของบ้านเป็นสวนครัวเล็กๆ พ่อทำไว้ให้นางจันทรา ได้ปลูกพวกผักสวนครัวต่างๆ แถมมีแปลงให้ปลูกดอกไม้เมืองหนาวที่แม่ชอบ
บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนที่ดินของตา เป็นบ้านสวนที่น่าอยู่ เป็นที่มรดกของแม่ ถึงแม้ว่าจะปลูกอยู๋ในสวน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวเลย เพราะรอบข้างเป็นสวนเหมือนกัน มีเพื่อนบ้านอยู่ใกล้ๆกัน แม่เป็นลูกสาวคนเดียว แม่เข้าไปเรียนมหาวิทยาในกรุงเทพ ฯ จบแล้วก็หาทำงานในกรุงเทพฯ สักพัก ตากับยายก็อยากให้กลับบ้าน แม่เธอก็ตามใจลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ ได้ทำงานธนาคารในเมือง ได้ดูแลตากับยาย ส่วนพ่อมาเจอแม่ที่นี่ ศึกษาดูใจกัน และได้แต่งงานกัน จนมีเธอและน้องชาย พอแม่คลอดน้องพ่อก็ให้แม่ออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
สวนข้างๆ ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน ก็เหมือนพ่อ กับแม่เธอ เบื่อเมือง บางคน เกษียณงานแล้วไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือ รับราชการ ก็ออกมาทำสวน อยู่กับธรรมชาติ พ่อเลือกมาอยู่ที่นี่เพราะแม่ ขอให้มีแม่ที่ไหนพ่อก็อยู่ได้ นายอาทิตย์ชอบที่นี่มาก สมัยที่เขายังเรียนมหาวิทยาลัย เคยมาออกค่ายอาสาแถวนี้ ทำให้ประทับใจในสภาพแวดล้อม เขาคิดและฝันไว้ตลอดว่า อยากมีที่แปลงเล็กๆ สักแปลง ไว้อยู่เมื่อเกษียณจากงานที่ทำ อยู่กับภรรยา ลูก หลาน และฝันของเขาก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่ที่ดินผืนน้อยๆ นี้ ด้วยความขยัน อุตสาหะของนายอาทิตย์ทำให้เขามีที่ทางมากขึ้น และมีกิจการที่มั่นคง พอสำหรับเลี้ยงดูครอบครัวของเขาได้
พื้นฐานเดิมครอบครัวของนายอาทิตย์ค้าขาย อยู่ทางภาคใต้ ญาติพี่น้องส่วนมากจะประกอบอาชีพค้าขาย ในช่วงที่เขาเรียนหนังสือ ครอบครัวค้าขาย ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนบัญชี และเมื่อจบออกมาก็ทำงานในบริษัทเอกชน แต่เขาก็ชอบการเกษตร ปลูกต้นไม้ ชอบธรรมชาติ การที่มาเจอแม่ และได้มาอยู่จังหวัดนี้ นายอาทิตย์ถือว่าเป็นที่สุดของชีวิต เหลือแค่ที่จะได้เห็นลูกสาวลูกชาย ได้แต่งงานมีครอบครัว และได้เลี้ยงหลานก็เท่านั้น แต่ก็ยังไร้วี่แวว ว่าจะได้ลูกเขย เขาคิดว่าคนที่จะมาเป็นคู่ของลูกสาวเขา ก็ไม่น่าเลวร้ายหรอก เพราะเขาเชื่อว่าลูกเขาเป็นเด็กดี ย่อมที่จะได้คนดี
"วันนี้พ่อไม่ไปธุระที่ไหนเหรอคะ" ปกตินายอาทิตย์จะไม่ค่อยอยู่ พ่อเธอจะไปอยู่ตามสวนชาวบ้าน หรือหมู่บ้านใกล้ๆกัน พูดคุยกับชาวบ้าน แนะนำการทำเกษตรบ้าง หรือบางทีก็ยังรับเป็นวิทยากร ให้กับหน่วยงานราชการ
"ไม่ล่ะลูก ช่วงนี้พ่อพักก่อน ผลไม้ในสวนต้องซ่อมบางต้น พ่อกำลังศึกษาการปลูกผักไฮโดรโปรนิก แม่เขาจะได้มีผักสดๆสวยๆไว้ทาน ไว้ปั่นดื่ม เผื่อได้ส่งไปที่รีสอร์ท กับโรงแรมบ้าง"
อาชาติที่พ่อพูดถึงคือเพื่อนสนิทพ่อ ที่เรียนมาด้วยกัน อาชาติมีโรงแรม ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของจังหวัดนี้ และที่สำคัญที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ พ่อเธอมีหุ้นในโรงแรมของอาชาติด้วย แต่พ่อเบื่องานบริหารแล้ว อยากอยู่แบบนี้มากกว่า ปล่อยให้อาชาติบริหาร และรับเงินปันผลในส่วนของพ่อแค่นั้น แต่บางทีที่มีปัญหามากๆ อาชาติก็จะมาขอคำปรึกษาพ่อเธออยู่บ่อยๆ
"บัวอยากกลับมาอยู่บ้านแล้วค่ะพ่อ มีความรู้สึกว่าอิ่มตัว ไม่อยากทำงานให้คนอื่นแล้ว อยากกลับมาทำงานแถวบ้านเรา รับงานแถบภาคเหนือ หรือใกล้เคียง เบื่อเมืองใหญ่เต็มทีแล้วค่ะ"
"ยังไงเหรอลูก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? มีปัญหาที่ทำงานไหม ? เล่าให้พ่อฟังได้นะ" นายอาทิตย์สังเกตุบุตรสาวตัวเองว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องเบื่อเมืองอย่างเดียวแน่ๆ เขารู้นิสัยลูกเขาดี ต้องมีเรื่องอื่นอีกแน่ๆ
"มีอะไรอีกไหม เล่ามาได้เลยนะ มีเรื่องอะไรนอกจากงานหรือเปล่าหนูบัว" นางจันทราถามลูกสาว ขณะที่ถือส้มโอ มาให้พ่อกับลูก นางรู้ว่าลูกสาวชอบกินส้มโอมาก กินแล้วระบายดี รู้ว่าลูกจะกลับบ้าน เธอเลยให้สามีเก็บมาบ่มไว้ บัวกลับมาก็ได้กินพอดี ส้มโอที่สวนกุ้งใหญ่ หวานอร่อย เป็นที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ปกติในสวนไม่ค่อยเหลือ เพราะนายอาทิตย์ให้พ่อค้ามาเหมาทั้งสวน แต่ต้นที่ปลูกไว้ใกล้ๆบ้าน ก็ดกมากเหมือนกัน แม่กับพ่อก็จะเก็บไว้แจกเพื่อนบ้านบ้าง หรือไม่ก็ให้อาชาติไปแจกลูกค้าฟรี ๆ ที่โรงแรม
"เรื่องงานก็มีปัญหาปกติค่ะแม่ แต่เรื่องคนนี่มีมากกว่า เรื่องของกริช ก็ด้วยค่ะพ่อ"
"เรื่องอื่นพ่อไม่มีปัญหา แต่ติดใจที่เรื่องของกริช มีปัญหาอะไรกัน รุนแรงไหม ?" ที่นายอาทิตย์ถามลูกแบบนี้ เพราะเขารู้ว่า ลูกสาวเขา เป็นผู้ใหญ่ มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาคิดเองว่า ปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากลูกสาวของเขา อาจเกิดจากตัวกริชเองมากกว่า
"แม่ก็อยากรู้ว่า มีเรื่องอะไรกัน แบบไหน ยังไง กริชไม่ได้คิดกับหนูบัวแค่เพื่อนใช่ไหม"
"บัวคิดกับกริชแค่เพื่อนค่ะแม่ แต่กริชไม่ได้คิดเหมือนบัว"
"พ่อกับแม่เชื่อใจลูกนะ แต่บางที่การที่เราให้ความสนิทสนมเหมือนเดิม อาจทำให้กริชคิดเลยเถิดไปไกล" นายอาทิตย์พูดขึ้น "ยิ่งคนสมัยนี้ด้วยแล้ว รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจจริงๆ"
"แม่ได้ข่าวว่าเขามีครอบครัวแล้วไม่ใช่เหรอลูก แล้วทำไมยังมามีปัญหากับบัวอีก"
"ใช่ค่ะแม่ เมื่อสองปีที่ผ่านมา กริชแต่งงานกับรุ่นน้องคนหนึ่ง ช่วงที่กริชคบกับรุ่นน้อง บัวทำงานหนักมากไม่ค่อยมีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนคนไหน แต่พ่อกับแม่ก็รู้นะคะว่าบัวงานเยอะมาก มาได้ข่าวอีกทีกริชก็แต่งงานไปแล้ว เพราะภรรยากริชเกิดตั้งท้อง หลังๆ กริชมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา แล้วติดต่อบัวมา เล่าปัญหาทุกสิ่งอย่างให้บัวฟัง และสารภาพว่ารักบัวมานานแล้ว ไม่เคยรักภรรยาเลย ที่แต่งงานเพราะภรรยาท้อง อยู่ด้วยกันไม่นานภรรยาก็แท้งลูก หลังจากนั้นก็มีปัญหากันเรื่อยมา บัวก็จะได้รับฟังตลอด และยังคงคุยให้คำปรึกษา คำแนะนำกับกริช ทำให้กริชคิดว่าบัวมีใจให้ เพราะบัวเองก็ไม่มีใคร สาเหตุนี้เองทำให้ภรรยากริช ตามมาอาละวาดบัวที่ทำงานหลายครั้งค่ะ บัวไม่รู้ว่าอะไรทำให้กริชเป็นแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเลยค่ะพ่อ แม่"
"แล้วลูกบอกกริชตรงๆ ไหม เรื่องความรู้สึกของลูก" นางจันทราถามลูกสาว
"บัวบอกตลอด และบอกมาเสมอค่ะแม่ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าบัวระวังตัวมากเรื่องแบบนี้ เพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ บัวไม่เคยคิดเป็นอื่น ผู้ชายในสเปคบัวก็ไม่ใช่แบบกริช เพื่อนผู้ชายบัวก็มีหลายคน ให้ความสนิทสนมเท่าๆกัน หลังๆ กริชเริ่มตามมาดักรอบัวมาที่คอนโด แต่น้องจะอยู่กับบัวตลอดคอยระมัดระวังให้ โชคดีที่มหาวิทยาลัยน้องใกล้กับที่ทำงานบัว เวลาไม่ต่างกันมากนัก น้องจะรอบัว แล้วกลับคอนโดพร้อมกันเกือบทุกวันค่ะ"
"ขนาดนั้นก็ยังไม่วาย กริชบ้ามากถึงขนาดมาดักเฝ้าหน้าคอนโด ให้ รปภ.คอยรายงานว่า บัว เข้า ออก เวลาไหนบ้าง แต่ รปภ.ไม่เล่นด้วยค่ะ เขาเล่าเรื่องนี้ให้บัวฟัง และอีกอย่างบุกถึงที่ทำงานบัวด้วยนะคะ แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ ระรานเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย สุดท้ายภรรยากริชก็ตามสามี ไม่ใช่กริชคนเดียวที่มาที่ทำงาน ภรรยากริชก็ตามมาระรานบัวด้วยค่ะ แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ"
"บัวนัดคุยกับกริชและภรรยาเขาแล้วค่ะ บัวพาน้องไปเป็นพยาน ถ่ายวีดีโอไว้เรียบร้อย ป้องกันปัญหาตามมา บัวยืนยันว่าบัวคิดกับกริชแค่เพื่อน ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ภรรยากริชก็เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษขอโพยบัว หลังจากวันนั้นกริชยังไลน์มานะคะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมแพ้ ถ้าบัวยังไม่มีใครเขาก็มีสิทธิ์ เขาจะเลิกกับภรรยา บัวเลยตัดสินใจส่งข้อความของกริชไปให้ภรรยาเขาดูค่ะ และกำชับว่าอย่าให้กริชมาวุ่นวายกับบัวอีก ถ้ามีอีกครั้งบัวจะแจ้งความ และตอนนี้บัวก็บล็อคเบอร์กริชเรียบแล้วค่ะพ่อ แต่บัวมีลางสังหรณ์่ค่ะว่ากริชจะไม่หยุดแค่นี้"
"อีกอย่างนะคะพ่อ บัวจะขอจะขอพื้นที่ใกล้ๆ บ้านสร้างออฟฟิศ จริงๆ บัวสามารถทำงานที่บ้านได้ แต่ไม่อยากให้บ้านวุ่นวายค่ะ เอาไว้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัวเราจริงๆ พ่อกันแม่จะอนุญาตไหมคะ"
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกลูก บัวจะสร้างจะทำตรงไหน พ่อกับแม่ไม่หวงเลย แค่ลูกกลับมาอยู่บ้านพ่อกับแม่ก็มีความสุขมากๆแล้ว ที่ดินเราก็เยอะแยะ ลูกอยากจะสร้างจะปลูกตรงไหนก็แล้วแต่ลูกเลย" นายอาทิตย์บอกลูกสาว "พ่อกับแม่ยินดีเสมอ แล้วแจ้งที่บริษัท ไว้รึยัง"
"บัวยื่นใบลาออกไว้แล้วค่ะ ล่วงหน้า 3 เดือน เพราะยังมีงานคอนโด และหมู่บ้านค้างอีก 2-3 งาน บัวรับผิดชอบโครงการนี้ค่ะพ่อ เลยไม่อยากโยนงานให้ใคร ที่สำคัญงานงานหมู่บ้านโครงการใหญ่มาก ตอนนี้บัวยื่นแบบแล้ว รอคำตอบจากลูกค้า"
"ส่วนงานคอนโด กำลังตกแต่ง ตกแต่งเสร็จ ส่งงาน ก็เสร็จ ไม่เกินเดือนหน้าค่ะ"
"งานหมู่บ้าน ไม่น่าเกิน 3 เดือน เผื่อโน้นนี่อาจลากยาวไปเกือบ 5 เดือน ก็น่าจะเรียบร้อย บัวคิดว่าไม่น่าพลาด คงเสร็จทันกับบัวออกพอดี ถ้าไม่ทันบัวคุยกับเจ้านายแล้วค่ะ ถ้าเจ้านายไม่ส่งต่องานบัวให้ใคร เขาจะจ้างเป็นงานๆ ไป ค่าใช้จ่ายการเดินทางเขารับผิดชอบทุกอย่าง มีสัญญาว่าจ้างเรียบร้อยค่ะ"
"ช่วงนี้บัวจะกลับมาทำงานที่บ้านนะคะ ถ้างานมีปัญหา หรือมีเรื่องด่วน บัวจะบินไป ถ้าไม่เสร็จบัวจะค้างกับน้องที่คอนโดสักคืน เรื่องนี้บัวคุยกับหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เอาจริงๆ เรื่องงานบัวไม่ห่วงเลย แต่บัวมีลางสังหรณ์ แปลกๆ มันบอกไม่ถูกเลยค่ะ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เลยขอกลับตั้งหลักที่บ้านดีกว่าค่ะ"
"บ้านนี้เป็นบ้านของลูกๆ จะมาอยู่เมื่อไรก็ยินดีตลอดเวลา พ่อกับแม่ก็อยากให้ลูกกลับมาบ้าน จะทำอะไรก็ได้ จะไปทำงานที่โรงแรมกับอาชาติ รีสอร์ทบนภู หรือร้านกาแฟในเมืองของเราก็ได้ พ่อกับแม่แล้วแต่บัวเลยลูก พร้อมจะสนับสนุนลูกตลอดเวลา จริงๆ ถ้าบุตรเรียนจบมีงานทำที่กรุงเทพฯ เมื่อเบื่อทำงาน จะกลับมาดูกิจการของเราก็ได้ ไหนจะสวนอีก เหลือเฟือลูก หมดเวลาไปเป็นลูกจ้างเขาแล้ว มาทำของเราจะดีกว่า พ่อกับแม่ก็แล้วแต่ลูกนะ ไม่ได้บังคับอะไร"
"เรื่องกริช พ่อกับแม่ก็พอจะรู้ว่ากริชเป็นคนยังไง คิดว่าน่าจะมีปัญหา เพราะมองว่าเขาไม่ได้คิดกับบัวแค่เพื่อน แต่พ่อกับแม่ก็อยากให้บัวได้เรียนรู้ใจคน นิสัยคน ว่าเป็นยังไง อยากให้บัวคิดเอง แต่ถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรง พ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะปกป้องลูกของพ่อเสมอ จำไว้นะลูก" นายอาทิตย์กล่าว
"บัวขอบคุณพ่อกับแม่มากเลยนะคะ ที่เข้าใจบัว" หญิงสาวยกมือไหว้ พ่อ กับแม่
"จำไว้นะลูก พ่อกับแม่ เชื่อมันในตัวลูกเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกตัดสินใจ พ่อกับแม่คิดว่ามันเหมาะสมและดีที่สุดแล้ว"
นายอาทิตย์กล่าวพร้อมลูบหัวลูกสาวคนโตด้วยความรักความเมตตา
เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปในเมือง กับลุงบุญ สักหน่อย แม่ลูกก็คุยกันไปนะ ไม่ต้องรอทานกลางวัน ค่ำ ๆพ่อจะรีบกลับมากินข้าวเย็น
ลุงบุญเป็นชายร่างใหญ่อายุมากกว่าพ่อ 5 ปี ลุงบุญอยู่กับพ่อมานานมากตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เกิดมาก็เห็นลุงบุญแล้ว ลุงบุญเจอพ่อที่ กรุงเทพฯ สมัยที่พ่อเรียนมหาวิทยาลัย และติดต่อกันเรื่อยมา จนลุงบุญมีเรื่องคดีความ พ่อก็คอยให้ความช่วยเหลือตลอดมา และด้วยความดีของพ่อ ลุงบุญติดตามพ่อมาอยู่ที่นี่ และได้พบรักกับป้าเดือนซึ่งเป็นคนบ้านนี้ทั้งสองคน ขยัน พูดน้อย ทำงานช่วยพ่อกับแม่ดูแลสวน มาโดยตลอด ลุงบุญกับป้าเดือน มีลูก 2 คน เป็นรุ่นเดียวกับบุตร เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนพี่ชื่อเมฒ คนน้องชื่อพายัพ ห่างจากบัว 7 ปี เพื่อนที่ทำงานชอบถามว่าทำไม เธอกับน้องห่างกันจัง ที่ห่างกันมากขนาดนี้ เพราะแม่แท้งน้องไป 2 คน กว่าจะได้น้องชายเธอมา ก็เกือบแท้งเหมือนกัน มีเลือดออก แต่คุณหมอฉีดยากันแท้งให้ทัน น้องชายเธอคนนี้เลยรอดมา
เมฆ พายัพ บุตร ก็เลยสนิทกันมาก เหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า เพราะรุ่นเดียวกัน บ้านเธอดูแลครอบครัวลุงบุญเหมือนเป็นญาติสนิท พ่อแบ่งที่ดินให้ลุงบุญ จำนวนหนึ่งเพื่อทำสวน เป็นทรัพย์สินของตัวเอง ครอบครัวลุงบุญไม่เคยลืมบุญคุณ ให้ความเคารพพ่อเสมอ รวมถึง ลูกทั้งสองของลุงบุญก็เคารพนับถือพ่อกับแม่มาก พ่อกับแม่ดูแลน้องทั้งสองเหมือนลูก แถมยังส่งเสียให้เรืยน หากจบแล้วทั้งสองอยากหางานที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไร ทุกๆ เทศกาล หรือปิดเทอม น้องทั้งสองก็จะกลับมาไหว้ พ่อกับแม่ ช่วยกิจการที่บ้านเป็นประจำ ในบรรดาเพื่อนสนิท ทุกคนเลยคิดว่าเธอมีน้องชาย 3 คน ซึ่งเธอก็ยินดี เพราะรักเหมือนน้องอยู่แล้ว
ส่วนลุงบุญก็คอยดูแลไร่ นา สวน ให้พ่อ ยังทำหน้าที่ ขับรถให้พ่อด้วย แม่จะอุ่นใจทุกครั้งที่มีลุงบุญไปกับพ่อ เพราะลุงบุญมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัว ไปที่ไหนก็มีแต่คนเกรงใจ แต่ลุงบุญไม่เคยมีปัญหากับใคร พูดน้อย ทำงานเป็นหลัก แถมเป็นที่ปรึกษาที่ดีของพ่อตลอดเวลา
พ่อเคยสอนบัวกันน้องเสมอว่า เพื่อนมีน้อยแต่ขอให้มีคุณภาพ บัวกับบุตร ก็เลยดำเนินรอยตามพ่อกับแม่ เพื่อนน้อย คบคนยาก แต่ถ้ารักก็รักจริงๆ โลกส่วนตัวสูงมากๆ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งเธอและน้องชายยังไม่มีแฟนสักที
"แม่ขา ทานข้าวกลางวันเสร็จ สักบ่ายๆ บัวขอพาเจ้าสีนิลออกไปที่ท้ายไร่นะคะ มันคงได้กลิ่นบัวตั้งแต่เมื่อคืน ส่งเสียงตลอดเลยค่ะ บัวก็อยากออกไปเหมือนกัน เห็นลมพัดเย็นๆแบบนี้แล้ว อยากพาสีนิลไปวิ่งออกกำลังกายค่ะแม่"
"ไปซิลูก ช่วงนี้ไร่ไม่รก ลุงบุญให้คนงานจัดการถางป่าเตียนเลย แต่ระวังตรงลำธารนะ น้ำยังไม่แห้งเดี๋ยวจะลื่น สีนิล กับมังกร มันคงอยากไปวิ่งเล่นเต็มที อย่าลืมใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาวนะ แดดบ้านเราแรง" นางจันทราบอกลูกสาว
"อ่อ...ขากลับ บัวเลยไปเอาใบเตยที่บ้านยายจันทร์ให้แม่ทีนะลูก ยายโทรมาบอกแม่หลายวันแล้ว แม่ไม่มีเวลาออกไปเอาสักที ฝากพ่อให้รับมาให้ พ่อเขาก็ลืมทุกครั้ง บัวจะได้ไปทักทายยายจันทร์ด้วย แกถามหาบัวกับบุตร อยู่บ่อยๆ คงคิดถึงแหละ"
"ได้เลยค่ะแม่ เดี๋ยวบัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ "
"จ๊ะลูก ชุดบัวอยู่ในตู้ แม่เอาออกมาซักทำความสะอาดไว้รอลูก หยิบใส่ได้ทุกตัวเลย"
"ขอบคุณมากค่ะแม่" หญิงสาวยกมือไหว้นางจันทราผู้เป็นมารดาอีกครั้ง
สโรชา และองอาจ จะเป็นแบบนี้ นิดหน่อยก็ยกมือไหว้ตลอด สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่สอนเธอกับน้องตลอด เห็นพ่อกับแม่ทักใคร ไม่ต้องรอให้พ่อกับแม่บอก เด็กๆก็ยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ รวมถึง เมฆ และพายัพด้วย เพราะเวลาบ้านเราไปไหนมาไหน จะพ่วงน้องทั้งสองคนไปด้วยเสมอ พ่อกับแม่ก็จะหน้าบาน เมื่อผู้ใหญ่ชมลูกหลาน มีสัมมาคารวะ มือไม้อ่อน
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนที่ได้พบเจอสโรชา เอ็นดู กระทั่งที่ทำงาน เจอแม่บ้าน รปภ. คนสวน เธอก็จะยกมือไหว้ตลอด ลูกน้อง ช่าง คนงาน ถ้าเห็นว่ามีอายุมากกว่า เธอก็ยกมือไหว้ ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีการแบ่งแยกแต่อย่างใด เธอคิดว่าบ้านเธอก็แค่คนธรรดา ไม่ได้ร่ำรวยวิเศษวิโสมากกว่าใคร
หญิงสาวไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่นินทาใคร แต่ถ้ามีคนมายุ่งเรื่องของเธอ เอาไปพูดในทางที่ไม่ถูกต้อง เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน เป็นความโชคดีของเธอที่ได้ทำงานดี เจ้านาย ได้เพื่อนร่วมงานดี แต่ก็มีบ้าง ที่เจอกับลูกค้าที่ทำตัวเหมือนอยู่บนฟ้า แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอไปได้ งานของเธอไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเวลาทำงานสโรชาจะละเอียดมาก น้อยครั้งที่พลาด อาจมีบ้างแต่ก็เล็กน้อย สามารถแก้ไขได้ทันเวลา
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเกิดเรื่องที่กริช และภรรยา มาวุ่นวายถึงที่ทำงาน จริง ๆ เจ้านายก็ยังไม่อยากให้เธอลาออก เขาเข้าใจ แต่นั่นแหละมีคนเข้าใจ ก็ต้องมีคนไม่เข้าใจ เพื่อนร่วมงานบางคนก็มีซุบซิบนินทาไปสารพัด เธอไม่ชอบให้มันเป็นแบบนี้ เลยตัดสินใจลาออกดีกว่า ไม่อยากให้บานปลาย และเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ที่ทำงานไม่มีใครรู้ว่าทางครอบครัวหญิงสาว ฐานะอย่างไร เพราะความที่เธอสนิทกับคนยาก เพื่อนที่สนิทจริงๆเท่านั้นถึงจะได้มาเที่ยวที่บ้าน และรู้ถึงฐานะครอบครัว ส่วนที่ทำงานก็รู้เพียงแต่ว่า เธอเป็นคนต่างจังหวัด ที่บ้านทำนา ทำไร่ เป็นคนธรรมดาทั่วไป เพื่อนสนิทบัวบางคนยังไม่รู้ว่า พ่อเป็นหุ้นใหญ่โรงแรมดัง มีร้านกาแฟดังในตัวเมือง มีรีสอร์ทบนภูที่นักท่องเที่ยวไม่ขาด มีไร่ มีนา มีสวน อีกพอสมควร เพราะเธอคิดว่าไม่รู้จะต้องบอกให้คนอื่นรู้ทำไม อยู่แบบธรรมดาแบบนี้ดีกว่าอีก
อันที่จริงเมื่อเรียนจบแล้ว เธอกับน้องไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่ไหนก็ได้ แต่พ่อกับแม่ตามใจ เอาที่ลูกสบายใจ อยากทำอะไรก็ทำ ถือว่าหาประสบการณ์ อย่างน้อยถ้าเธอกับน้องไม่กลับมาช่วยพ่อกับแม่ ก็ยังมีเมฆกับพายัพ แต่น้องทั้งสองก็เหมือนเธอและน้องชาย อยากออกไปดูโลกภายนอก เบื่อเมื่อไหร่ ก็ถึงค่อยกลับมาบ้าน
ลุงบุญกับป้าเดือน ก็อยากให้เมฆกับพายัพ กลับมาช่วยงานพ่อ เพราะเกรงใจว่า พ่อกับแม่ส่งเสียให้เรียน แต่พ่อกับแม่ไม่ได้คิดมาก อยากให้พวกเราได้เปิดโลกกว้าง เรียนรู้ด้วยตัวเอง พร้อมเมื่อไรก็ถึงค่อยกลับมา ทางบ้านก็ไม่ลำบากอะไรมาก มีลุงบุญ มีคนงานหลายครอบครัวที่รักและเคารพพ่อกับแม่ ทุกคนเต็มใจช่วยทุกอย่าง
สโรชาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาวตัวหนาติดกระดุมถึงคอ พร้อมหมวกปีกกว้าง หญิงสาวรูปร่างดีเป็นคนมีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เครื่องหน้าคมเข้ม ตาเธอดำมาก ผิวขาวอมชมพู ผมหยิกยักศกดำเหมือนนางจันทราผู้เป็นมารดา จมูกได้รูป ปากอิ่มน่ามอง มีคนบอกว่าบางเวลาสวยมาก บางเวลาน่ารัก บางเวลาก็ดูเท่ รวมๆแล้วมีเสน่ห์ ทุกสิ่งคือเพื่อนบอก คนรอบข้างบอกมาทั้งนั้น ตัวเธอเองไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ปล่อยไปตามช่วงเวลาของชีวิต
บางคนที่เห็นบัวบางมุม จะบอกว่าคล้ายดาราคนหนึ่ง แรกๆเธอไม่ได้คิดอะไร หลังๆมีคนทักเยอะตั้งแต่สมัยอยู่ มหาวิทยาลัย เลยลองมานั่นดูรูปตัวเอง เออ...คล้ายจริงๆ และดาราหญิงคนนี้บัวก็ปลื้ม เขาไม่มีข่าวเสียหายอะไร เก่ง นิสัยดี เอาเป็นว่าโชคดีหน้าตาคล้ายดารา รู้ตัวเองว่าเป็นคนหน้าตาค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าสวย แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผู้หญิง ไม่ต้องสวยมากอยู่ที่การกระทำ และนิสัยมากกว่า เรื่องหน้าตาไม่สำคัญแต่งเติมเสริมได้
สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยได้รับคัดเลือกได้เป็นดาวคณะ หลังจากนั้นก็มีพวกรุ่นพี่ชวนถ่ายแบบโน่นนี่นั้นบ้าง ส่วนมากก็จะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่งานใหญ่อะไร แต่เธอไม่ได้สนใจมากนัก ที่รับงานเพราะเห็นว่าได้ค่าขนม บางงานรุ่นพี่ก็เลี้ยงข้าวบ้าง จบงานแล้วหลังจากนั้นก็ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ไม่รับงานถ่ายแบบอีกเลย
"บัวไปก่อนนะคะแม่ เดี๋ยวจะเลยไปหายายจันช้า เสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านค่ะ"
"จ๊ะลูก ระมัดระวังนะลูก อย่าลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยนะลูก เผื่อฉุกเฉิน"
"สีนิล.....เป็นไงบ้างแกคิดถึงฉันไหม" หญิงสาวตะโกนเรียกเจ้าสีนิลเสียงดัง เจ้าสีนิลทำจมูกฟุดฟิด พร้อมกระโดดโลดเต้น มันดีใจมากที่เจอเธอ หลายเดือนเลยที่สโรชาไม่ได้กลับบ้าน สีนิลเป็นม้าที่สวยมาก เป็นม้าคู่ใจของเธอ อย่างที่บอกว่าสีนิลไม่ให้ใครขึ้นหลังง่ายๆ มันยอมแค่เธอกับน้องชาย 2คน เท่านั้น เธอเข้าไปกอดเจ้าสีนิล พร้อมเอาแก้มแนบกับหน้าของมัน ฉันคิดถึงแกจังเลยสีนิล ต่อจากนี้ไปฉันจะพาแกไปเที่ยวให้บ่อยๆนะ ฉันรู้แกอยากวิ่งแล้วใช่ไหม ไปเที่ยวที่ไร่ จะพาแวะไปหายายจันด้วยนะ เจ้าสีนิลเหมือนรู้ที่บัวพูด ตาของมันเป็นประกาย
หญิงสาวหยิบอานรองขี้นวางบนหลังเจ้าสีนิล แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน ใจของบัวอบอุ่นอย่างประหลาด รวมถึงเจ้าสีนิลด้วย ถ้ามันพูดได้มันคงตะโกนบอกบัวว่า มันมีความสุขที่สุด
"แม่ขา บัวไปก่อนนะคะ จะรีบไปรีบกลับค่ะ"
บ่ายสองโมงแดดกำลังร้อนเลย แต่สำหรับเธอไม่มีปัญหา อยู่กรุงเทพเธอออกหน้างานเจอแดดบ่อยๆ แดดในเมืองร้อนแรงแถมอบอ้าวไม่สดชื่น แต่แดดที่บ้านถึงจะแรงก็มีลมธรรมชาติพัดมาเรื่อยๆ สำหรับเจ้าสีนิลแล้วมันชอบมากมันค่อยๆ พาสโรชาเหยาะย่างไปที่ไร่ ผ่านบ้านคนงาน พ่อจะปลูกบ้านให้คนงานอยู่นอกเขตบริเวณบ้าน พ่อบอกว่าพวกเขาจะได้มีชีวิตส่วนตัว ช่วงนี้คนงานน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง บ้านทุกหลังปิดประตูหมด
เธอบังคับให้สีนิลวิ่งลัดเลาะไปตามทางไปนาก่อน เธออยากเห็นทุ่งนา ลืมถามพ่อว่าปีนี้พ่อทำนาข้าวเหนียวดำไหม เธอชอบกินข้าวเหนียวมาก ในทุกมื้อที่แม่ทำกับข้าว จะต้องมีข้าวเหนียวกระติ๊บน้อยๆไว้ให้เธอเสมอ
วันนี้แดดแรงจริงๆ ลมร้อนโชยมาความร้อนมาปะทะแก้มขาวใสของหญิงสาว ร้อนทีเดียว ดีที่หญิงสาวหยิบหมวกใบใหญ่มา ไม่งั้นหน้าคงปะทะความร้อนมากกว่านี้แน่ๆ คราวหน้าต้องหาผ้าห่อหน้าซะแล้ว สีนิลพาหญิงสาวเดินลัดเลาะดูผืนนาจนพอใจ เลยไปท้ายไร่ต่อ ผ่านสวนส้มเขียวหวาน ดูโล่ง สะอาด กำลังให้ผลผลิตมองเห็นใบส้มสีเขียวผลส้มสีเหลือง สลับกันบนต้น สวยดี
ไกลออกไปมีกลุ่มคนงานน่าจะประมาณ 7-8 คน ทุกคนโบกไม้โบกมือให้เธอ คนงานจำหญิงสาวได้ เพราะมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่เจ้าสีนิลจะยอมให้พามาไร่ สีนิลพาเธอไปหาคนงาน สโรชายกมือไหว้คนงานที่อายุมากแล้ว ลุงแก้วอยู่กับพ่อมานานมากเช่นกัน เป็นหัวหน้าคนงานรองจากลุงบุญอีกที ทุกคนยิ้ม และรับไหว้จากหญิงสาว
คนงานในไร่ ชื่นชมลูกสาวลูกชายของนายอาทิตย์มาก ทั้งสองคนไม่เคยถือตัว อ่อนน้อมถ่อมตนตลอด แม้กระทั่งคนงาน ถามไถ่สารทุกข์ ต่างๆ ตั้งแต่ตัวเล็กๆจนกระทั่งโตมีการมีงานทำ ลูกเจ้านายก็ยังคงปฏิบัติตัวกับคนงานเหมือนเดิม
"ลุงแก้วสบายดีไหมคะ ทุกคนสบายดีนะคะ" สโรชาทักทายทุกคนหลังจากลงจากหลังเจ้าสีนิล
"สบายดีครับคุณหนูบัว ทุกคนสบายดี ลุงยังแข็งแรง ทำงานได้อีกยาวนานครับ เสียแต่ว่าแดดร้อนมากขึ้นทุกวันครับหน้าหนาวก็หนาวมาก หน้าฝนก็ฝนมาก ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงตลอดเลย" ลุงแก้วบ่น "คนแก่ก็แบบนี้แหละครับ บ่นไปเรื่อย" นายแก้วพูดพลางหัวเราะตัวเอง
"ธรรมดาค่ะลุงแก้ว บ้านเราอากาศยังดีอยู่มาก กรุงเทพฯ แย่กว่านี้ค่ะ นี่บัวไปดูนามาข้าวงามมากเลย สวนส้มก็ดูดีสะอาด โล่ง บัวขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยพ่อกับแม่มาตลอดเลย"
"ไม่เป็นไร มิได้เลยครับคุณหนูบัว พวกเราเต็มใจ ตั้งใจทำเต็มที่ ให้สมกับที่คุณท่านเมตตาครับ พวกเราต้องขอบคุณมากกว่า" นายแก้วพูดแทนทุกคน
"เอาเป็นว่าเราต่างขอบคุณ และดูแลกันนะคะลุงแก้ว ทุกคนด้วย บัวขอตัวไปท้ายไร่ก่อนนะคะ มีอะไรก็โทรหาบัวได้เลย บัวใช้เบอร์เดิม" พูดแล้วหญิงสาวก็ขึ้นหลังเจ้าสีนิลพาเดินไปท้ายไร่
"ครับ /ค่ะ คุณหนู" ทุกคนพูดพร้อมกันพร้อมกับยิ้มตามหลังเธอไป เป็นรอยยิ้มที่มีแต่ความเอ็นดู คนงานจะนับถือ สโรชาและองอาจ เหมือนกับที่เคารพและนับถือนายอาทิตย์และนางจันทรา
ที่สโรชาชอบพาสีนิลมาท้ายไร่เพราะมีพื้นที่กว้างและไกล เหมาะที่จะพาสีนิลวิ่งเร็วๆ อีกฝั่งจะไปบรรจบกับหมู่บ้าน ตรงนั้นจะมีบ้านยายจัน จะได้แวะเอาใบเตยให้แม่
หญิงสาวรู้ว่าสีนิลอยากออกมาวิ่ง เพื่อออกกำลังกายบ้าง นอกจากเธอกับน้องแล้วก็ไม่มีใครได้พาสีนิลออกมา สีนิลเริ่มเร่งฝีเท้า เร็วขึ้น ทำให้หมวกที่บัวใส่ปลิวไปข้างหลังดีที่เธอมัดสายหมวกไว้ ไม่งั้นคงหลุดแน่ๆแรงลม และความเร็วของสีนิล ทำให้โบว์ผ้าที่ผูกผมหลุดปลิวไป ผมยาวปลิวไปตามแรงลม ช่างมันเถอะเธอขี้เกียจกลับไปหา ไม่รู้ลอยปลิวไปที่ไหนแล้ว กลับบ้านค่อยไปสระผมเอาล่ะกัน
ข้างหน้าไกลออกไปลิบๆ เหมือนกับมีสิ่งปลูกสร้างอะไรสักอย่าง ถ้ามีต้นไม้เหมือนแต่ก่อนก็อาจมองไม่เห็น พ่อบอกให้ลุงบุญพาคนงานมาตัดต้นไม้ออก ให้เตียน ทำให้มองเห็นบรรยากาศรอบไร่ สีนิลหยุด เหมือนมันก็รู้ว่าเธอกำลังสงสัยอะไรอยู่ มันทำจมูกฟุดฟิด เหมือนได้กลิ่นอะไรสักอย่าง ช่างเถอะอะไรก็ตาม ไม่เกี่ยวกับเรา คนละพื้นที่ และก็ห่างจากท้ายไร่บัว น่าจะประมาณ 3-4 กิโลเมตรได้ ไปหายายจันดีกว่านะสีนิล นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว
สีนิลพาเจ้านายมันห้อตะบึงไปตามทางถนนดินลูกรัง มันชอบที่สุด อยากจะวิ่งให้นานกว่านี้ ให้สมกับที่ไม่ได้ออกมานาน หญิงสาวก็น่าจะรู้ใจสีนิล เธอจึงปล่อยให้มันพาวิ่งไปตามสบายใจ เร็วบ้าง ช้าบ้าง แดดเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว
ข้างทางยอดหญ้าคาไหลเอนลู่ไปตามแรงลมพลิ้วสวยมาก ใจเธออยากเอาสายบังเหียนของสีนิลออกให้หมด อยากให้มันเป็นอิสาระ เธอคิดว่าสีนิลคงจะรำคาญ แต่ก็ไม่ค่อยไว้ใจสินิลนัก กลัวมันพยศ เอาไว้เหมือนเดิมแหละดีแล้ว ปลอดภัยดีทั้งตัวเธอและเจ้าสีนิล
ทางเส้นนี้จะเป็นทางเส้นเก่า แต่ก็ยังมีคนใช้บ้าง ระหว่างทางก็จะมีรถยนต์วิ่งไปมา สีนิลไม่ตื่นตกใจ อาจเป็นเพราะชินแล้ว สมัยก่อน เธอกับน้องชายพามังกรกับสีนิลเข้าตลาด หรือในเมืองออกบ่อยไป ไปซื้อของให้แม่ ไปธุระที่ร้านกาแฟบ้าง ไปหาอาชาติที่โรงแรมบ้าง แล้วแต่พ่อกับแม่จะใช้ให้ไป ยิ่งเห็นคนเห็นรถเยอะๆ เจ้าสีนิล กับมังกร ดูเหมือนจะชอบ
ชาวบ้านที่นี่ ส่วนมากก็จะมีม้าไว้ใช้กัน เพราะแต่ละบ้านก็มีสวน เอาไว้ให้พาไปดูไร่บ้าง ไปโน่นนี่บ้าง เห็นคนขี่ม้าตามถนนถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคนต่างถิ่นมาเห็นก็จะดูว่าแปลกๆ วันนี้ดูรถราเยอะจัง ป้ายต่างจังหวัดทั้งนั้นเลยเธอเดาว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ช่วงนี้อากาศกำลังดี ใครๆก็อยากขึ้นมาเที่ยวภาคเหนือ ทั้งสถานที่ วัฒนธรรม วัดวาอาราม ต่างๆ ดีงามใครๆก็อยากมาเที่ยวชม มาพักผ่อน
ถ้ามีเวลามากกว่านี้เธออยากไปที่รีสอร์ท เหมือนกันแต่ไม่เอาดีกว่า ไว้ไปวันหลัง ตอนนี้ไปหายายจันก่อน สีนิลพามาหายายจันถูกทางแบบไม่ต้องบอกเลย มันจำได้
"ยายจัน สบายดีไหมคะ " สโรชาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ยายจัน พร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้
"หนูบัว ตายแล้ว....มายังไงนี่ ไม่ร้อนเหรอลูก ทำไมไม่เอารถมา สีนิลเอ็งพาหนูบัวตากแดดตากลมมาได้ยังเนี้ยฮ่ะ" ยายจันพูดพรางจ้องเจ้าสีนิลอย่างเอาเรื่อง แต่สีนิลมันรู้ว่ายายจันหยอกเล่นแค่นั้น มันก็แกว่งหาง ยกขา ส่ายหัวไปมา เหมือนรู้ความ
อย่าไปว่าสีนิลเลยค่ะยาย บัวอยากพาสีนิลออกเที่ยวค่ะ ไม่ได้วิ่งนานแล้ว พาออกกำลังบ้าง พอดีบัวมาดูไร่ด้วยค่ะ ให้สีนิลพามาสะดวกที่สุดแล้ว นี่บัวแวะมาเอาใบเตย แม่อยากได้ไปปลูก กอเก่าตายเกือบหมดแล้วค่ะ
เอาไปเลยลูก ยายเตรียมไว้ให้หลายวันแล้ว เดี๋ยวยายใส่ถุงปุ๋ยให้ จะได้ถือถนัด ขากลับไม่ต้องกลับทางไร่แล้วนะ มันมืดไปตามถนนเลย เย็นมากแล้ว
"ไปเถอะลูกเดี๋ยวจะค่ำ ไอ้สีนิล เอ็งพาหนูบัวกลับบ้านดีๆนะ ไปๆได้แล้ว" ยายจันพูดกับสีนิลพร้อมตบก้นมัน ยายจันเป็นญาติห่างๆ ของนางจันทรา อายุเกือบ 80 แล้วแต่ยังแข็งแรงมากๆ เดินเหินคล่องแคล่ว ญาติของแม่เหลือแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น แม่จะไปมาหาสู่ยายจันตลอด แกอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลานที่ไหน สามีก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ไม่ต้องทำมาหากินอะไร มีรายได้จากการให้เช่าตึกในเมือง ให้เช่าสวนส้ม สวนลำไย ลำพังตัวคนเดียวก็ล้นเหลือ ที่เหลือยายจันก็แบ่งทำบุญอยู่เรื่อยๆ แกเป็นคนอารมณ์ดี ทำให้อายุยืน เพราะไม่มีลูกทำให้แกเอ็นดู บัว บุตร และเลยไปถึง เมฆ พายัพ ด้วย
ด้วยออกจากบ้านยายจันได้สีนิลก็พาสโรชา ห้อกลับบ้านแบบไม่ผ่อนฝีเท้าเลย ประหนึ่งว่ามันฟังคำสั่งของยายจันรู้เรื่อง ว่าต้องพาเจ้านายมันกลับบ้านก่อนมืดค่ำ มีรถบางคันชะลอเพื่อดูว่าผู้หญิงที่ไหนขี่ม้าเร็วจัง ทำไมมีคนขี่ม้าแถวนี้ คงคิดกันไปต่างๆนา ๆ ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่คนละแวกนี้ก็คิดว่าปกติ ไม่บ้านเธอก็บ้านอื่น ถ้ามีม้าก็ขี่ม้า ใช้ม้าให้เกิดประโยชน์ แถมม้าได้วิ่งก็ได้ออกกำลังกายไปในตัว ประหยัดน้ำมันด้วย
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสวยมาก ข้างทางอีกฝั่งถนนเป็นต้นยางนาใหญ่โต ขึ้นเรียงกันเป็นแถว สวยงาม แสงอาทิตย์ส่องแสงกระทบกับต้นยางนาสวยมาก เสียดายเธออยู่บนหลังม้า ถ่ายวีดีโอไม่ได้ ไหนจะกอใบเตยของแม่อีก รุงรังไปหมด
มีรถนักท่องเที่ยวบางคันจอดรถ เพื่อถ่ายรูปกับต้นยางนาสูงใหญ่ และทิวหญ้าคา บางกลุ่มก็โอบรอบโคนต้นยาง พลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ คงเป็นลูกค้าที่รีสอร์ท ของบ้านเธอทั้งหมด ถนนเส้นนี้มีแค่รีสอร์ทบ้านเธอเท่านั้น เห็นนักท่องเที่ยวก็ดีใจนั่นหมายถึง พนักงานมีงานทำ มีเงินใช้กัน รีสอร์ทเองก็มีรายได้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!