ตอนที่ 1 แค่จะมาชวนเอากันน่ะ
บ่ายของวันพฤหัสบดีผ่านช่วงเปิดเทอมมาได้ประมาณหนึ่ง
แม้จะเข้าหน้าฝนแล้วแต่อากาศยังคงร้อนอบอ้าว กรมอุตุฯ
พยากรณ์แล้วพยากรณ์อีกว่าจะมีฝนตกถึง 90% ในช่วงสัปดาห์นี้
แต่สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายราวห้าร้อยคนที่กำลังนั่งอุดอู้กันอยู่บริเวณหอประชุมเลิกหวังไปแล้วว่าสายฝนจะเมตตาตกในช่วงบ่ายนี้
พร้อมกับก่นด่าอยู่ในใจโดยยอมรับว่าพวกเขาคืออีก 10%ของพื้นที่ ๆ ฝนไม่ตกอย่างไม่เต็มใจนัก
เด็กสาวคนหนึ่งใช้มือต่างพัดโบกสะบัดมือเร็ว
ๆ ผ่านช่องระหว่างกระดุมของชุดนักเรียนสีขาวที่เธอแหวกออกใต้หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอ
ซึ่งตอนนี้มันเปียกชุ่มจากเหงื่อไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
“ยัยก้อย” แจน
เพื่อนสนิทของเธอเอ็ดเอาเบา ๆ “จะมาแหวกเสื้ออะไรตรงนี้เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก”
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”
ก้อยบอกน้ำเสียงเอื่อย ๆ แต่ก็เลิกทำ ท่ามกลางนักเรียนแต่ละคนที่นั่งร้อนอยู่
เธอพยักพเยิด แจนให้หันไปมองตามเธอข้างเวที “ดูตรีสิ”
แจนหันไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อว่า
ราตรี ซึ่งกำลังพูดคุยกับวิทยากรที่กำลังนั่งเตรียมตัวเพื่อขึ้นบรรยาย --
ราตรีเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ในปีการศึกษานี้
แต่เธอก็สมัครช่วยงานคณะกรรมการนักเรียนทันที เธอเป็นเด็กสาวที่ฉายแววความเป็นผู้นำ
ดูเป็นผู้หญิงเก่ง รูปร่างดี หน้าตาสะสวย แถมไม่ใช่คนหัวอ่อน
จัดเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่ม ๆ ไม่น้อย และตอนนี้เธอเองก็กลายเป็นคนดังประจำมัธยมศึกษาปีที่สี่และทั้งโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ร้อนมั่งเหรอน่ะ
ดูไม่มีเหงื่อสักเม็ด” แจนเอ่ยเมื่อสังเกตดูเพื่อนร่วมชั้นที่ดูดีกว่านักเรียนสภาพร้อนเหงื่อท่วมหลายร้อยคน
“มีเหงื่อตรงไรผมนั่นไง....
ว่าแต่เมื่อไหร่จะเริ่มสักที” ก้อยบ่นกระปอดกระแปด
เป็นเวลาเดียวกับวิทยากรหญิงที่เธอมองไม่เห็นแต่ทีแรกพยักหน้าพร้อมที่จะขึ้นบนเวที
ก้อยเพิ่งสังเกตได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและดูดีมากในชุดสูทสีขาวครีม
เธอกำลังช่วยเอากระดาษชำระซับเหงื่อตรงไรผมของราตรีเบา ๆ
ทำเอาราตรีที่เตี้ยกว่าเธอเล็กน้อยมีอาการเขินนิด ๆ
แต่ก็ยืนหลับตาให้วิทยากรสาวซับเหงื่อแต่โดยดี
แต่ทว่าบรรดานักเรียนที่เห็นเหตุการณ์กลับเขินจนมือบิดและชี้ชวนให้กันดูภาพน่ารักชวนเขินของวิทยากรสาวคนสวยซึ่งกำลังซับเหงื่อให้กับนักเรียนสาวคนดัง
ภาพดอกไม้บานสะพรั่งรอบ ๆ สาวทั้งสองเกิดขึ้นอย่างไร้ที่มา
“ฉันจิ้นพวกเขา!!”
ก้อยเอ่ยอย่างกระดี๊กระด๊าหมดสิ้นความรู้สึกรู้สมถึงอากาศร้อนเมื่อสักครู่
“ยัยบ้า เบาได้เบา!!” แจนเอ่ยปรามแม้ว่าเธอจะยิ้มมุมปากแทบจะฉีกถึงหู
“อะแฮ่ม ๆ ”
เสียงดังมาจากเครื่องขยายเสียง เมื่อครูกฤษณาเอ่ยใส่ไมโครโฟน
เพื่อระงับเสียงกระหึ่มที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ในหอประชุมโดยหญิงสาวสองคนที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้หลายๆคนกำลังจินตนาการไปไหนต่อไหน
“และในตอนนี้ขอให้นักเรียนทุกคนปรบมือเพื่อต้อนรับวิทยากรของเรา
คุณ วาดเดือน อุ่นโกศล หรือพี่เดือนของเราด้วยค่า--!!” ครูกฤษณาเอ่ยต้อนรับวิทยากรสาวซึ่งแจกยิ้มและเดินขึ้นบนเวทีไปนั่งรวมกับบรรดาคนที่อยู่บนเวที
ซึ่งมีครูสาวผู้ทำหน้าที่พิธีกร และมีครูนักศึกษาฝึกสอนหนุ่มหน้าตาหมดจด
หล่อเหลาและเป็นที่หมายปองของนักเรียนสาวแทบทุกคนและครูสาวบางคน -- เรียกได้ว่ามีแต่คนหน้าตาดีบนเวทีนั่น
“กรี๊ดดดด ครูไข่ขรา --!!” แจนที่คอยห้ามปรามก้อยให้ทำตัวเป็นกุลสตรีส่งเสียงกรี๊ดเสียเองที่เห็นครูนักศึกษาหนุ่มขวัญใจของเธอและหลายๆคน
ที่นั่งอยู่ตรงกลางห้อมล้อมไปด้วยสาว ๆ บนเวที “ดูคิ้วครูไข่สิ
เข้มอย่างกับสาหร่าย... ตรงอื่นจะเข้มเหมือนกันไหมนะ?”
ก้อยลืมอากาศร้อนไปชั่วคราวเมื่อพิธีกรหนุ่มสุดหล่อลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้วิทยากรสาวอย่างกับเป็นเทพบุตรสุภาพบุรุษ
นักเรียนหลาย ๆ คนรู้สึกกระชุ่มกระชวยลืมอากาศร้อนและลืมครูแก่ ๆ
ในโรงเรียนไปชั่วคราว หลาย ๆ คนรู้สึกว่ากิจกรรมที่หอประชุมวันนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ
เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท และหันไปฟังการอบรมเรื่องของปัญหาวัยรุ่น
“ครับ คุณวาดเดือน -- ”ครูหนุ่มกำลังจะเริ่มบทสนทนา
แต่ก็โดนวิทยากรพูดตัดบทเสียก่อน
“เรียกพี่เดือนก็ได้ครับ สุดหล่อ” เธอบอก
วินาทีนี้หอประชุมมีแต่เสียงกรี๊ดแทบถล่มเมื่อวิทยากรเย้าแหย่ครูนักศึกษาหนุ่มขาวตี๋ที่อายม้วนต้วนเมื่อโดนสาวสวยแซวระยะประชิดออกสื่อขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ น้อง ๆ ” วิทยากรสาวหันมาทักทายบรรดานักเรียนที่ส่งเสียงกรี๊ดกันไปแปดตลบจนคอแหบคอแห้งแล้ว “วันนี้ทราบหรือยังคะว่าเรากำลังจะมานั่งฟังบรรยายเรื่องอะไร?”
เธอพูดพลางชี้ไปยังแผ่นป้ายไวนิลด้านหลังที่พวกคณะกรรมการนักเรียนช่วยกันติดตั้งแต่เช้าตรู่
และอ่านนำเป็นคำ ๆ
วินาทีต่อมานักเรียนก็ออกเสียงอ่านตามเธอจนเสียงดังระงมไปทั่วหอประชุม
“วัยว้าวุ่น การปรับตัว เพศสัมพันธ์
การใช้ชีวิตยุคใหม่ อย่างปลอดภัยและมั่นคง -- ใช่แล้วล่ะค่ะ” วิทยากรสาวอ่านตามจนจบแล้วพูดต่อทันที
เมื่อนักเรียนแต่ละคนดูเหมือนพร้อมที่จะฟังการบรรยายแล้ว “ก่อนอื่นพี่เดือนขอบอกเลยว่า
ก่อนหน้าจะมาทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องการป้องกันและการปฏิบัติตัวเรื่องเพศอย่างเหมาะสม
พี่เคยเป็น Sex Worker มาก่อนค่ะ”
“อะไรเซ็กซ์ ๆ นะ?” แจนหันมาถามก้อย
ซึ่งก็ได้พบใบหน้างุนงงเป็นคำตอบ เธอไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ
แต่เมื่อมองไปยังราตรีที่อยู่ด้านหน้าเวทีซึ่งกำลังขมวดคิ้วอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจ
“ไหนมีใครทราบว่า Sex Worker คืออะไร...
ไม่ต้องยกมือค่ะ” เธอเสริมพลางหัวเราะ เมื่อเห็นสีหน้าหลายๆคน
ก่อนจะพูดต่อไปว่า “Sex Worker ถ้าจะพูดให้ดูดีก็คือ ผู้ให้บริการทางเพศค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนมักเรียก กลุ่มคนพวกนี้ว่า กะหรี่
อีตัว หรือ ถ้าให้สุภาพหน่อยก็คือ โสเภณี ผู้หญิงหากิน หรือผู้หญิงขายตัว ค่ะ”
ตอนนี้ก้อยเข้าใจแล้วว่าทำไมราตรีถึงขมวดคิ้ว
สำหรับเธอ ก้อยรู้สึกตกใจมากกว่า
ที่หญิงสาวคนที่สวยมากคนหนึ่งยอมรับกับที่สาธารณะว่า
ตัวเธอเคยทำงานขายบริการทางเพศ และรู้สึกตกใจมากกว่าที่ทางโรงเรียนยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมาบรรยายให้เด็กนักเรียนวัยรุ่นฟัง
“ก่อนที่จะมีคนตกใจและรู้สึกต่อต้านไปมากกว่านี้
พี่เดือนขอย้อนถามหน่อยนะคะว่า ถ้าจะหาใครที่บอกเราถึงวิธีการหลีกเลี่ยง
หรือป้องกันตัวจากเหตุการณ์ทางเพศที่ไม่เหมาะสม จะหาใครบอกได้ดีไปกว่าผู้มีประสบการณ์ล่ะคะ
จริงไหม?”
แล้วเธอก็การบรรยายตามหัวข้อ
หลังจากนั้นนักเรียนทุกคนก็ถูกเธอโน้มน้าวด้วยเหตุผล และบอกถึงวิธีการปฏิบัติตัว
รวมไปจนการหลีกเลี่ยงภัยทางเพศได้อย่างฉะฉาน บวกกับอารมณ์ขันของเธอ
ทั้งยังพูดถึงการแก้ปัญหาด้วยมุมมองที่เป็นบวกของเธอต่อสถานการณ์ล่อแหลมต่าง ๆ
ทำให้นักเรียนได้ความรู้และแนวคิดในการปฏิบัติตัวในช่วงวัยรุ่น
“สิ่งที่พี่เดือนพูดแทบจะไม่ต่างจากในหนังสือสุขศึกษาของน้อง
ๆ เลยค่ะ” วิทยากรสาวยอมรับ “แต่ก็ต้องบอกนะคะว่า
เรื่องบางเรื่องถึงจะเป็นเรื่องเดียวกันแต่พอเปลี่ยนคนพูดหรือสถานการณ์ในการพูด
มันจะทำให้การเรียนรู้หรือความเข้าใจในเรื่องราวนั้น ๆ
มากขึ้นลดลงแตกต่างกันไป.... หลายคนอาจจะมองว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ทำงานต่ำ ๆ
อย่างการเป็นอีตัว ไม่ควรค่าแก่การฟัง แต่ทุกคนเคยคิดบ้างไหมคะว่า --
ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอก เวลาที่อ้าขาให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่ได้ชอบหรือรู้สึกดีเพื่อมีเซ็กซ์ด้วย
และถ้าเลือกได้คงมีน้อยมาก ๆ ที่จะมาเลือกทำงานให้คนประณามหยามเกียรติแบบนี้ --
โดยพี่เดือนหวังเหลือเกินค่ะ
ว่าวันนี้พี่เดือนจะสามารถทำให้น้องๆหลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง
ไม่ต้องกลายเป็นเหมือนที่พี่เดือนเคยเป็น”
นักเรียนทุกคนปรบมือให้กับวิทยากรสาวอย่างเต็มใจ
เพราะเธอตั้งใจให้ความรู้กับเด็ก ๆ มาก เธอไม่เคยรังเกียจที่จะบอกว่า
เธอเคยทำงานเป็นผู้ให้บริการทางเพศ
และเธอเต็มใจและตั้งใจที่จะไม่ให้ใครกลายเป็นคนโชคร้ายแบบเธอ
“และต่อไปก็เข้าสู่ช่วงตอบคำถามค่ะ”
ครูกฤษณาเอ่ยหลักจากการบรรยายใกล้สิ้นสุดแล้ว “นักเรียนคนไหนมีคำถามเกี่ยวกับหัวข้อบรรยายในวันนี้เชิญยกมือและลุกขึ้นมาถามได้เลยค่ะ
เดี๋ยวไมค์จะเดินทางไปหา -- สักสองสามคำถามก็พอนะคะ เพราะเกินเวลามาพอสมควรแล้ว”
เธอย้ำ
เกิดเสียงฮือฮา และเสียงเหย้าแหย่ประมาณว่า แกถามสิ
ๆ ก้อยแน่ใจว่านักเรียนทุกคนต่างมีคำถาม แต่ไม่กล้าที่จะถามเรื่องเพศกัน
แม้ว่าวิทยากรจะย้ำว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย
ถ้าพูดออกมาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
“หรือถ้านักเรียนคนไหนไม่กล้าถามตรง ๆ
ก็สามารถเขียนคำถามลงในกระดาษและส่งมาหน้าเวทีได้นะครับ เดี๋ยวครูจะช่วยกันถามให้”
ครูนักศึกษาหนุ่มเอ่ยออกไมโครโฟน
นักเรียนหลายคนรีบควักกระดาษและจกปากกาออกมาก่อนจะรีบเร่งเขียนคำถามกันทันที
“แก ลี่มันยกมืออะ!!”
ก้อยที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เขียน หันไปมาเพื่อมองว่ามีใครเขียนบ้างก็เห็นเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่ชื่อแก้วเย็นซึ่งเป็นคนตัวผอมและค่อนข้างท่าทางตุ้งติ้ง
แต่ชอบให้ใครๆเรียกว่า เยลลี่หรือลี่ เขาเป็นสาวประเภทสองตามที่ใคร ๆ
เห็นก็บอกได้จากท่าทีกระมิดกระเมี้ยนของเขา
แจนเงยหน้ามองตามที่ก้อยกระตุกแขนเสื้อเธอถี่ ๆ
และทันเห็นแก้วเย็นหรือเยลลี่ เดินไปหน้าเวทีและรับไมโครโฟนมาจากครูนักศึกษาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนแอ้นของเขาว่า
“จากที่พี่เดือนได้พูดไปว่า การมีเพศสัมพันธ์
ในบางสถานการณ์ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก
นี่คือยังไงคะ?”
“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ตอบแบบนางสาวไทย ฮิ ฮิ”
วิทยากรสาวเอ่ยด้วยอารมณ์ขันและผ่อนคลายพลางส่งยิ้มให้กับเยลลี่ “ในบางสถานการณ์ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง
ๆ ก็เช่นตอนที่ใกล้จะถูกกระทำชำเราแล้วแน่ ๆ ค่ะ --
ในตอนนั้นหากเราพูดอะไรเขาก็ไม่ฟังแล้วและมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรง
สิ่งที่เราทำได้คือ โน้มน้าวให้เขาสวมถุงยางอนามัยค่ะ
บอกเขาไปเลยว่าเราจะยอมมีอะไรกับเขา โดยมีข้อแม้คือต้องสวมถุง --
มันอาจจะจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว...
หรือแม้แต่กับแฟนหรือคนที่เราชอบก็ต้องให้ใส่ถุงค่ะ
เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศหรือแม้แต่การตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม...
เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวค่ะ ยืดอกพกถุงไปเลย มีแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าต้องใช้แล้วไม่มี”
แล้วเยลลี่ที่พยักหน้าเห็นด้วยทุกคำพูดก็ยื่นไมโครโฟนคืนให้เธอ
แต่เมื่อเขาเห็นหน้าครูหนุ่มที่ยื่นมือมา ก็ชักไมโครโฟนกลับแล้วถามต่อ
โดยมองหน้าครูหนุ่ม
“ครูไข่พกถุงไหมคะ?”
เสียงโห่ฮาและกรีดร้องดังขึ้นราวกับนัดกันไว้
เยลลี่ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและยื่นไมโครโฟนคืนครูหนุ่มที่เขินจนหน้าแดงได้แต่หัวเราะแหย
ๆ ไม่ยอมสบตาใคร
“นังลี่มันร้าย!!” แจนเอ่ยหลังจากหัวเราะจนปอดโยก
“แล้วแกว่าครูไข่พกไหมอะ?” ก้อยถามโดยที่ยังไม่ละสายตาจากครูหนุ่ม(ที่เธอแอบชอบ) ตั้งแต่วินาทีที่เขารับไมโครโฟนคืนจนหันไปดื่มน้ำแก้เขิน
แต่วิทยากรพูดอะไรบางอย่างกับเขายิ้มๆ
(ก้อยไม่ได้ยินเพราะเธอไม่ได้พูดใส่ไมโครโฟน) ทำให้ครูหนุ่มสำลักน้ำเขาไอโขลกๆ
โดยมีครูกฤษณายิ้มแห้ง ๆ และส่งกระดาษชำระให้ซับน้ำ
“คนบ้าอะไรสำลักน้ำยังน่ารักเลย”
“มาดูจดหมายคำถามกันบ้างนะคะ”
ครูกฤษณาพูดขณะที่คัดเลือกจดหมายแบบสุ่มๆ ก่อนจะอ่านออกไมโครโฟนว่า “จากน้อง ก.
ชั้น ม.สี่ ค่ะ ถามว่า -- การมีเซ็กซ์แตกต่างกันไหมคะ
อย่างตอนที่ให้บริการทางเพศกับคนแปลกหน้า กับแฟน?”
“น้อง ก. ชั้น ม.สี่?”
แจนหันหน้ามาหาก้อยอย่างสงสัย
“แกก็เห็นว่าฉันไม่ได้เขียนซักหน่อย”
ก้อยรีบออกตัว
“แน่นอนค่ะ
ว่าการให้บริการทางเพศกับคนแปลกหน้าและกับแฟนนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
และมันก็แตกต่างจากให้มีอะไรกันกับคนที่เราชอบด้วยนะคะ” วิทยาการกล่าว และดูเหมือนเธอจะดึงความสนใจของทุกคนได้หมดจากคำพูดกำกวมนี้
“คือยังไงเหรอครับ?” ครูนักศึกษา
เผลอถามออกไมโครโฟนไปอย่างไม่ตั้งใจ
เพราะในหัวของเขาก็มีคำถามเดียวกันกับทุกคนนั่นเอง
“ครั้งแรกของพี่เดือนคือมีอะไรกับคนที่ชอบค่ะ
-- ไม่ใช่แฟนกันหรอกนะคะ ความรู้สึกของมันเป็นอะไรที่ตราตรึงใจมาก ๆ
เหมือนกับการอ่านนิยายรักที่สมหวังและเรามีความสุขที่ได้ทำมันมาก ๆ ค่ะ....
กับแฟนก็รู้สึกคล้าย ๆ กัน แต่เทียบกับตอนมีอะไรครั้งแรกกับคนที่ชอบไม่ได้เลย”
วิทยากรสาวเอ่ยพลางเหม่อมองไปยังที่ใดสักแห่งที่ใคร ๆ ก็มองไม่เห็น
สายตาของเธอในตอนนี้ทำเอาก้อยรู้สึกประทับใจมาก ๆ “อ้อ
ส่วนตอนที่ให้บริการกับคนแปลกหน้า ไม่เลยค่ะ รู้สึกแย่มาก ๆ ด้วยซ้ำนะคะบางที -- ”
เธอเสริมราวกับเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“ไม่ใช่แฟนแต่เป็นคนที่ชอบนี่คือยังไงคะ?”
เยลลี่ผู้ซึ่งมีไมโครโฟนอยู่ในมือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถามอย่างตื่นเต้น
“เรื่องนั้น” วิทยากรยิ้มแล้วพูดว่า “ความลับค่ะ”
ในห้องประชุมพากันโห่เสียงเบา โธ่เอ๊ย อย่างพร้อมเพรียงกันประมาณว่าถูกเธอหลอกให้อยากแล้วจากไป
“แต่ถ้าใครอยากรู้จริง ๆ
ก็สามารถซื้อพ็อกเก็ตบุ๊ค ‘ระบำผีเสื้อ’ บท ‘เดือน’ มาอ่านได้ค่ะ พี่ให้นักเขียน นามปากกา คชปถ.หรือ Duckerous : คุณชายเป็ดเถื่อน สัมภาษณ์และก็เล่าเรื่องให้เขาฟังตั้งแต่ว่าพี่เจออะไรมาบ้าง
สาเหตุอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกทำงานเป็น Sex Worker… -- อ้อ เป็น NC นะคะ เพราะฉะนั้นอายุไม่ถึง 18 ห้ามซื้อค่ะ
แผงหนังสือตั้งขายหน้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วค่ะ ไปอุดหนุนกันด้วยน้า อ้อ -- มีแบบ Ebook ด้วยนะค่ะ”
“โอเคค่ะ คำถามสุดท้ายก่อนจากลา”
ครูกฤษณายิ้มแหยๆหลังจากที่เจอวิทยากรขายตรงหนังสือของตัวเอง “คิดว่าคำถามนี้....
ให้ครูไข่เป็นคนถามดีกว่า” แล้วครูกฤษณาก็ส่งคำถามให้พร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัย
“เอ่อ... คำถามคือ” ครูนักศึกษารับจดหมายจากครูพี่เลี้ยงสาวมาอ่านแต่โดยดี
“จากน้อง ด. ชั้น ม.หก ครับ ถามว่า -- พี่เดือนมีสเปคผู้ชายที่ชอบแบบไหนครับ?”
“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ”
วิทยากรสาวจ้องครูหนุ่มตาเป็นมันพร้อมกับกัดริมฝีปากและส่ายเอวเล็กน้อยคล้ายเหมือนแมวที่พร้อมจะกระโจนไปขย้ำเหยื่อ
เรียกเสียงฮือฮาและเสียงเป่าปากจากบรรดานักเรียนได้ไม่น้อย “สเปคผู้ชายที่ชอบคือ
คนที่หล่อค่ะ ขาว ๆ สูงๆ ปกป้องเราได้ --
ดีกับเราเสมอไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....” วิทยากรเอ่ยยิ้มๆและหันไปส่งยิ้มให้กับทุกคนในหอประชุม “ -- และอีกสเปคนึงที่ชอบคือ เป็นนักเขียนที่หล่อ ตัวขาว ๆ ลงพุงหน่อย ๆ
แบบคุณชายเป็ดเถื่อนค่ะ (ที่พูดแบบนี้ไม่ได้อยากจะเร่งนิยายให้จบนะคะ)”
เธอปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะของบรรดานักเรียนด้วยอารมณ์ขันตามสไตล์ของเธอ
และโบกมือพร้อมส่งยิ้มสวยให้กับนักเรียนทุกคนที่ปรบมือให้
ก้อยบันทึกภาพจำของพี่เดือนหญิงสาวที่ทั้งสวย
ทั้งแกร่ง และงดงาม เธอเปล่งประกายบนเวทีราวกับชีวิตของเธอนั้นได้พบกับ Happy Ending แล้ว
และก้อยเองก็เกิดแรงบันดาลใจผุดขึ้นมาหลังจากที่เธอได้ฟังและอ่านเรื่องราวของพี่เดือน
***
เย็นวันนั้น หลังจากถึงบ้าน
ก้อยเดินมุ่งไปยังบ้านติดๆกัน เป็นบ้านของเพื่อนสนิทสมัยเด็ก แต่ตอนนี้อยู่กันคนละโรงเรียน
“ไอ้โบ้ ๆ ๆ ” เธอร้องเรียกเพื่อนข้างของเธอทันที
“โบ้ดนัย อยู่ไหม?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่หน้ามาจากช่องประตู
เขามองเธออย่างงง ๆ “อะไรของแก ยัยก้อย?”
ไม่รอช้า ก้อยเดินผ่านเด็กหนุ่มร่างสูง
เขาเป็นคนผิวเข้ม ใบหน้าคมสัน
แม้ไม่ได้หล่ออะไรมากแต่ท่าทางเอาเรื่องเหมือนเด็กเกเร แต่ก้อยทราบดีว่าจริง ๆ
แล้วเขาเป็นเงียบ ๆ เรียบร้อยสบาย ๆ และยังเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นอยู่ไม่น้อย
“แก้วไม่มาเหรอวันนี้”
ก้อยเอ่ยถามและถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอ่ยถามมาแฟนสาวของเพื่อนหนุ่มข้างบ้าน
“ไม่มาอะ
แยกกันกลับหลังช่วยกันทำการบ้านที่โรงเรียนเสร็จแล้วอะนะ”
เด็กหนุ่มยังคงทำคิ้วชนกัน “ว่าแต่แกมีธุระอะไรรึเปล่าวะไอ้ก้อย?”
“อ๋อ
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” ก้อยพูดพลางถอดชายเสื้อชุดนักเรียนของเธอออกจากกระโปรง
“แค่จะมาชวนเอากันน่ะ”
ตอนที่ 2 แกจะบ้าเหรอวะ?
แดดของเวลาห้าโมงเย็นของวันที่กรมอุตุฯ
พยากรณ์ว่าฝนจะตกถึง 90% ยังคงสาดแสงร้อนแรง
เด็กหนุ่มยืนเหงื่อไหลอยู่บริเวณห้องรับแขกของตัวเอง
ลำพังวันนี้เขาก็มีเรื่องหงุดหงิดมากพออยู่แล้ว
แต่ยัยก้อยเพื่อนบ้านและเพื่อนตั้งแต่สมัยที่พวกเขาเข้าโรงเรียนอนุบาลด้วยกันกำลังนั่งหน้าเป็นบนโซฟาตัวโปรดของเขาตามใจชอบ
และพูดอะไรบางอย่างที่ยิ่งทำให้เขาสับสนมากไปกว่าเดิม
“ขอโทษที ตะกี้พูดอะไรนะ ฟังไม่ชัด”
“มาชวนเอากันอะ”
นั่นประไร หูไม่ฝาดจริงๆเสียด้วย
เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “นึกพิเรนทร์อะไรขึ้นมาอีกวะแกนี่?”
“ไม่ได้นึกพิเรนทร์ แต่มาชวน เอากันต่างหาก”
“เออ ๆ ได้ยินแล้ว อย่าพูดคำว่า เอาบ่อย ๆ
ได้ไหมเล่า”
“ทำไมถึงพูดคำว่า เอา ไม่ได้อะ?”
“ไบสันอยู่บ้านเว้ย”
ดนัยหมายถึงน้องชายของตัวเองที่กำลังเก็บของในห้องนอน
“โอเค งั้นก็ป้ะ ไปห้องแกกัน” ก้อยเอ่ยชวน
“ไปทำอะไร๊!?”
“ก็ไปเอากันไง”
เด็กหนุ่มถึงกับกุมขมับเรียกสติ หายใจเข้าลึกๆ
นับเลขในใจ
ก่อนจะเอ่ยพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ตรงกันข้ามกับโซฟาที่เด็กสาวกำลังนั่งอยู่
“โอเค อธิบายมาซิว่า มันเกิดอะไรขึ้น”
เด็กหนุ่มนั่งเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยศอกวางบนเท้าแขนประสานมือไว้ระหว่างจมูกทำท่าราวกับนักสืบกำลังไขคดี
ก้อยอธิบายให้โบ้ฟังคร่าว ๆ
ว่าวันนี้มีคนที่เคยทำงานเป็นหญิงขายบริการมาโรงเรียนและเธออธิบายว่าการได้มีอะไรกับคนที่เธอรักรู้สึกดีมากเพียงใด
“นี่เลยในหนังสือของพี่เดือนบรรยายไว้ละเอียดยิบ
ฉาก NC งี้... อื้อหือ
ดุเด็ดเผ็ดมันขัดฟันเปรี้ยวปากได้ใจ” ก้อยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา
บนหน้าปกมีภาพผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลมและมีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ระบำผีเสื้อ’ บท ‘เดือน’
“ประเดี๋ยวเด้ ไหนว่ามีฉาก NC อายุไม่ถึงสิบแปด ห้ามซื้อไม่ใช่เหรอ?”
โบ้ขัดขึ้น
“ก็บอกพี่เขาไปว่า พี่ ด. ที่อยู่
ม.หกอายุสิบแปดแล้ว ฝากมาซื้อเพราะไม่กล้าอะนะ.... ดูสิ ได้ลายเซ็นพี่เขาด้วยนะ”
ก้อยเอาลายเซ็นที่ตวัดและลากเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ชายยาวเต็มหน้ากระดาษให้เขาดู
“นี่เห็นตรงนี้ไหม ดูสิ พี่เดือนเขาเขียนว่า ให้น้องก้อยค่ะ ด้วยล่ะ”
“เอาล่ะ สรุปก็คือ.... ” โบ้-ดนัยพยายามรวบรวม
สติ สมาธิ มา คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
ขณะกำลังพินิจลายเซ็นรูปไอ้จ้อนขนาดเต็มหน้ากระดาษที่ก้อยยื่นมาให้ดูใกล้จนเกือบถูหน้า
“แกเกิดอารมณ์ทางเพศเพราะนิยาย18+เลยอยากทำตามงั้นสินะ?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันตั้งเป้าจะเอากับครูไข่ให้ได้ก่อนจบปีการศึกษานี้ต่างหาก
เลยตั้งใจจะเรียนรู้ให้ดีก่อนไปมีอะไรกับเขา
ครูไข่เขาจะได้ประทับใจและกลายเป็นแฟนฉันไง” ก้อยเอ่ยพลางทำท่าเขินอายเมื่อนึกถึงครูหนุ่มสุดหล่อขาวตี๋คิ้วดกดำ
“แล้วครูไข่ที่ว่านี่เป็นผู้ใด?”
ดนัยตัดสินใจลืมเรื่องนักเรียนสาวจ้องจะงาบครูไปก่อน
“เป็นครูนักศึกษามาฝึกสอนที่นี่ปีนึงน่ะ
เห็นว่าเป็นหลานรหัสครูก้อย
เลยมาสมัครที่โรงเรียนฉันเพราะจะได้มีครูพี่เลี้ยงที่เป็นสายรหัสเดียวกัน”
ก้อยอธิบาย
“ก้อย...?” เด็กหนุ่มมองที่เธออย่างสงสัย
“ครูกฤษณาน่ะ
ครูเค้าชื่อเล่นชื่อก้อยเหมือนฉันเลย” เด็กสาวอธิบายอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ ฉันมีคำถาม”
โบ้เอ่ยขึ้นหลังจากนึกช่างแม่งกับอะไรหลาย ๆ อย่างในใจโดยที่เขาไม่เอ่ยออกไป
“ทำไมแกไม่ไปชวนครูไข่อะไรนั่นซะเลยล่ะ?”
“ก็ฉันบอกแกแล้วไงว่า
ฉันอยากฝึกซ้อมให้ครูไข่ประทับใจก่อน อีกอย่างขืนไปทำอะไรตอนนี้เกิดเรื่องแดงขึ้นมาเขาก็ฝึกสอนไม่จบพอดีน่ะสิ
– เพราะงั้นวันดีเดย์คือวันที่ครูเขาฝึกสอนเสร็จสิ้น....
วันนั้นแหละที่ฉันจะมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา” ก้อยพูดและทำหน้าเคลิ้ม
“ความบริสุทธิ์...?” โบ้ทำหน้าอีหลักอีเหลื่อ
“อ๋อ
ที่ฉันบอกจะฝึกซ้อมไม่ใช่หมายถึงการมีอะไรกันจริงๆนะ
เราสามารถฝึกฝนกันโดยไม่ต้องสอดใส่อวัยวะเพศกันหรอก ถูๆไถๆเอา”
ก้อยอธิบายอย่างจริงจัง
เด็กหนุ่มเห็นท่าทีจริงจังของก้อยก็รู้เต็มอกแล้วว่า
ยัยเพื่อนสมัยเด็กคนนี้กู่ไม่กลับเสียแล้วอย่างแน่แท้ทีเดียว
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขารู้สึกไม่อยากมีเอี่ยวด้วยอย่างจริงจัง
“แกจะบ้าเหรอวะ?” เด็กหนุ่มไม่ทันยั้งปาก
อย่างอดไม่ได้ “ฉันมีแฟนอยู่แล้วนะเว้ย”
“ก็เราไม่ได้มีอะไรกันเสียหน่อย...
แกก็ช่วยฉันฝึก -- เหมือนช่วยกันทำการบ้านนั่นแหละน่ะ”
โบ้สัมผัสได้ว่าตรรกะของเพื่อนสาววิบัติไปหมดแล้ว
เขาจึงถามอย่างอ่อนใจและอ่อนแรงต่อไปว่า
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน? ไม่ขอคนอื่นล่ะ?”
“โอเค ตามนี้เลย”
ก้อยมีท่าทีกระตือรือร้นเมื่อเห็นว่าโบ้ลดท่าทีขัดขืนลง
เธอเดินไปหยิบปากกาเขียนกระดานและลงมือเขียนลงบนกระดานไวท์บอร์ดเป็นข้อ ๆ
“ข้อที่หนึ่ง เพราะโบ้น้อยของแกใหญ่มาก”
“รู้ได้ไงวะ?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว
“ก็ชั่วโมงว่ายน้ำตอนที่เราเรียนด้วยกันตอน
ป.หกไง ใครๆก็เห็นว่ากางเกงว่ายน้ำของแกรัดซะเป็นบ้องข้าวหลาม
ขนาดครูสอนว่ายน้ำยังอายและให้แกไปนั่งพักแทน.... ตอน ป.หกใหญ่ขนาดนั้นแล้ว
ตอนม.ปลายจะใหญ่ขนาดไหน” ก้อยเบ้ปากอย่างรู้ดีให้กับโบ้ที่ยังคงนั่งนิ่ง
“ต่อไปข้อหนึ่งจุดหนึ่ง”
ก้อยเขียนต่อบนกระดานไวท์บอร์ด
“ทำไมไม่ใช่ข้อสองวะครับ” โบ้เอ่ยถามอย่างขัดใจ
“ไม่ ๆ เหตุผลมีสองข้อพอจะได้จำน้อย ๆ ”
ก้อยพูดเรื่อย ๆ หรือไปเรื่อยก็ไม่ทราบได้ “ข้อหนึ่งจุดหนึ่ง
ฉันเป็นคนที่นมใหญ่ที่สุดในบรรดานักเรียน ม.สี่ทั้งหมดในโรงเรียน และฉันก็เห็นแกแอบมองบ่อย
ๆ เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นถ้าแกตกลงจะช่วยฉันแกจะเป็นผู้ชายคนแรกที่มีโอกาสได้สัมผัสมัน”
“เออ อยากรู้นานละ ใหญ่แค่ไหนวะ?”
โบ้ผู้ทอดทิ้งเหตุผลทั้งปวงยกมือขึ้นถาม
“คัพ เอฟ” ก้อยบอกและมองดูโบ้ยกนิ้วขึ้นมาท่อง เอ
บี ซี ในใจ ก่อนเธอจะเอ่ยต่อไป
“ข้อที่สองฉันขอถามกลับนะว่า
ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร” ก้อยหันมากอด-อกมองเด็กหนุ่มและขมวดคิ้ว
“แกลองนึกภาพฉันไปขอใครสักคนช่วยฉันซ้อมมีเซ็กซ์สิ ใคร ๆ ได้หาว่าฉันบ้ากันพอดี”
“ตกลงแกไม่ได้บ้าหรอกเหรอ?”
“ฉันมีสติดีและฉันมีเป้าหมาย
แล้วฉันกำลังขอความร่วมมือจากแก คนที่ฉันเชื่อถือได้”
โบ้กุมขมับเรียกสติไปอีกรอบ จากที่ปวดหัวตงิด ๆ
เป็นมึนตึ้บ
“เอาล่ะ” เขาเอ่ยหลังจากพยายามตั้งสมาธิอีกรอบ
“สมมุตินะว่าถ้าฉันไม่ตกลงช่วยแก -- ”
“ฉันจะตามตื๊อแกจนกว่าแกจะยอมช่วย
เพราะถ้าไม่ใช่แกฉันก็ไม่รู้จะขอใครแล้วจริงๆ ต่อให้ต้องหลอกล่อไบสันมาเป็นตัวประกันฉันก็จะทำ”
ก้อยขู่จะกระทำชำเราน้องชายของโบ้ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“โอเค คำถามสุดท้าย”
โบ้เอ่ยอย่างหมดหนทางและได้แต่หวังว่าคำถามนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นไปจากเรื่องราวบ้าบอของยัยเพี้ยนคนนี้ได้
“แกจะบ้าหรือเปล่า? เกิดมีเด็กมาอ่าน
มิโดนหาว่าสนับสนุนให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือไง?
แล้วถ้ามีคนมาอ่านแล้วคิดทำตามเพราะเกิดอารมณ์ทางเพศล่ะ?”
“ไม่บ้าหรอก เรื่องนี้จัดอยู่ที่เรท18+ เพราะงั้นคนอ่านเขามีวิจารณญาณแล้วในระดับหนึ่ง”
ก้อยตอบอย่างรู้ดี
เด็กหนุ่มรู้สึกพ่ายแพ้อย่างจริงจัง
เขารู้สึกหมดแรงอย่างประหลาดเพราะแรงมันไปรวมตัวอยู่ตรงบริเวณหนึ่งของร่างกาย
“คืองี้”
โบ้รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถปฏิเสธก้อยได้แล้วแน่ ๆ “วันนี้ฉันยังไม่พร้อม -- ”
“โอเค งั้นวันเสาร์ที่จะถึงนี้ช่วงบ่ายเจอกันนะ”
ก้อยยิ้มอย่างพอใจกับผลลัพธ์ ราวกับเพิ่งจะเจรจาธุรกิจสำเร็จเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
และเธอก็ลบกระดานไวท์บอร์ดหยิบกระเป๋าและโบกมือลาเด็กหนุ่มอย่างแข็งขันแล้วเดินกลับบ้านของเธอไป
ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งมึนหัวพลางถอนหายใจอย่างหมดแรงที่เก้าอี้ห้องนั่งเล่นของเขา
ตอนที่ 3 ก็น้ำจิ้มมันอร่อย
อากาศยังคงร้อนระอุแม้จะผ่านช่วงห้าโมงเย็นของวันที่กรมอุตุฯ
ได้พยากรณ์ไว้ว่าฝนจะตกถึง 90% กระนั้นการที่ต้องเป็น10%ที่ฝนไม่ตกก็ชวนหงุดหงิดไม่น้อย
เด็กสาวนามว่าก้อยกลับมาถึงบ้านร้อนเหงื่อชุ่ม
เธอสลัดผ้าผ่อนออกทีละชิ้น ๆ ตกเรี่ยราดตามระหว่างทางตั้งแต่หน้าประตูบ้านเลยมาจนถึงห้องนั่งเล่น
เธอเปิดพัดลมสองตัวพัดใส่ตัวเธอที่เหลือแต่ชุดชั้นใน
ก้อยนั่งอ้าขาและกางแขนเอนหลังลงบนขอบโซฟาผ้าด้วยท่าทีที่ไม่เป็นกุลสตรีที่สุดในแดนสยาม
ทว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับสายลมที่พัดโชยเรือนร่างที่เริ่มแตกเนื้อสาวของเธอ
เอวของเธอกิ่วคอดหน้าท้องแบนราบ แม้นผิวของเธอไม่ได้ขาวโบ๊ะเหมือนหลอดไฟนีออน
แต่ก้อยก็มีความตั้งใจที่จะหาพวกสารอาหารมาช่วยบำรุงผิวให้สวยเปล่งปลั่ง
แน่นอนเธอกำลังคิดถึงบรรดาวิตามินต่าง ๆ
และกูลต้าที่จะเพิ่มความขาวใสให้กับผิวพรรณของเธอ
ว่าแล้วก้อยก็เริ่มทำกายบริหารที่จะช่วยให้ผิวกระชับทั้ง
ๆ ที่ยังคงใส่ชุดชั้นในอยู่นั่นแหละ โดยปฏิบัติตามวีดิโอ ออกกำลังกายทั่วร่าง
กระชับทุกสัดส่วน ฟิตหุ่นแซ่บใน 1 เดือนประมาณสิบนาทีนิดๆ
เหงื่อของเธอก็กลับมาท่วมร่างอีกครั้ง
ก้อยรู้สึกได้ทันทีว่าเธอเจ็บและหนักไหล่มากเพราะแต่ละท่าของเจ้าของคลิปวีดิโอนั้นเน้นท่ายืน
สาวในคลิปวีดิโอสวมสปอร์ตบราสำหรับออกกำลังกายแต่ก้อยใส่ยกทรงซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการออกกำลังกายเท่าไหร่
--
อย่างไรก็ดีก้อยเดินไปเข้าห้องน้ำและถอดชุดชั้นในที่ชุ่มเหงื่อออกและเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลรดทั่วร่างของเธออย่างรู้สึกดีก่อนจะตัดสินใจว่า
เธอจะต้องหาวิธีออกกำลังกายให้ดีกว่านี้ เพราะถ้าให้เธอซึ่งเรียนกลับบ้านมาเหนื่อย
ๆ ร้อน ๆ มาออกกำลังกายเหงื่อท่วมแล้วอาบน้ำทันทีแบบนี้น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
หลังจากอาบน้ำเสร็จก้อยรู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อนิดๆ
ไม่ค่อยสบายตัวตามที่คาดเอาไว้
เด็กสาวเดินไปเก็บบรรดาเสื้อผ้าที่เธอถอดไว้เรี่ยราดมาใส่ตะกร้า
หลังจากนั้นเธอลงมือทำไข่เจียวคอนโดผัดกระเพรากรอบ --
เป็นเมนูง่ายๆที่เธอมักจะทำเวลาคิดอะไรไม่ออก
ระหว่างกินข้าวเธอก็หาข้อมูลท่ากายบริการที่ทำได้ง่ายกว่านี้
ซึ่งก้อยค่อนข้างชอบใจการบริหารแบบพีลาทีสเพราะเห็นว่าเหมาะกับการลดน้ำหนักเพิ่มความยืดหยุ่น
แต่เมื่อศึกษาไปเรื่อย ๆ
ก็พบว่ามันเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและอาจจะต้องใช้อุปกรณ์
เธอจึงเปลี่ยนไปหาโยคะแทนเพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายแถมไม่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่เกินงามตามฉบับหญิงสาวบอบบางน่าทะนุถนอม
หลังจากกำหนดได้แล้วว่าเธอจะทำโยคะก่อนนอนทุกคืน(เริ่มวันพรุ่งนี้)
ก้อยก็วางการบ้านลง(ซึ่งยังไม่ได้ทำกะว่าพรุ่งนี้จะไปลอกเพื่อนที่โรงเรียน)
เธอก็กลับขึ้นห้องและเปิดดูวีดีโอผู้ใหญ่เพื่อศึกษาอย่างจริงจัง....
เธอเลือกแนวตะวันตกมาศึกษาสำหรับคืนนี้
***
ในวันพรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์
ยังเหลืออีกหนึ่งวันก่อนที่จะถึงเวลานัดของเธอกับดนัย
ก้อยตื่นเช้ามาทำกายบริหารเบา ๆ ก่อนจะอาบน้ำและเตรียมตัวไปโรงเรียน
ระหว่างที่เธอกำลังออกจากบ้าน
เธอเห็นโบ้ซึ่งกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนเช่นกันโดยที่มีไบสันน้องชายของเขานั่งซ้อนท้ายอยู่
ก้อยโบกมือให้เด็กหนุ่มที่ปากยังคาบขนมปังทาแยมสตรอเบอร์รี่อยู่
เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เธอเซ็ง ๆ ด้วยสีหน้าที่ยังคงง่วงงุน
ไบสันน้องชายของเขาหันตามมาเห็นเธอก็เปิดหน้ากากของหมวกนิรภัยขึ้นส่งยิ้มและโบกมือให้เธออย่างแข็งขันระหว่างที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของเธอไป
ก้อยส่งยิ้มให้ก่อนจะหันมาเห็นว่าพ่อของโบ้และไบสันก็จะขึ้นรถไปทำงานพอดี
“สวัสดีค่ะ คุณอากาสร” เธอทักทาย
“อ้าว? หนูก้อย... กำลังจะไปโรงเรียนเหรอลูก” กาสรเป็นชายร่างผอมสูงสวมแว่นตาดูน่าเชื่อถือผมด้านข้างสีดอกเลานิด
ๆ ใบหน้าดูเป็นผู้ชายใจดี แม้ว่าจะอยู่กันคนละวัย
แต่ก้อยก็คิดว่ากาสรเป็นชายวัยกลางคนที่ดูดีไม่น้อย “ไปด้วยกันสิ เดี๋ยวอาพาไปส่ง”
“แต่บริษัทคุณอาไปคนละทางนี่คะ?”
“เช้านี้อามีธุระแถวในเมืองพอดีน่ะ”
เด็กสาวขึ้นรถตามคำเชิญอย่างว่าง่าย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกาสรมักจะดูแลเธออย่างดีเสมอในฐานะเพื่อนบ้านและเพื่อนของพ่อแม่เธอ
และแม้กาสรจะอยู่คนละวัยกับเธอแต่เธอไม่เคยรู้สึกอึดอัดเวลาคุยกับเขาเลย
อาจจะเป็นเพราะกาสรมีลูกชายวัยเดียวกันกับเธอทำให้เขามักจะชวนคุยอะไรที่ไม่ทำให้เด็ก
ๆ รู้สึกอึดอัดเวลาถูกถามคำถามเช่นเรื่องการเรียน แฟน หรืออะไรทำนองนั้น
“จะว่าไป
วันพรุ่งนี้เห็นโบ้บอกว่าพวกหนูนัดไปติวกันเหรอ?”
กาสรถามหลังจากทั้งคู่คุยกันเรื่องสูตรทำอาหารผ่านไปสักครู่
“อย่าหักโหมกันมากเกินไปนะลูก ติวเสร็จก็ผ่อนคลายสมองสบาย ๆ บ้างล่ะ --
ดูหนังสักเรื่องก็ดี.... แต่อย่ากลับดึกกันมากนักล่ะ”
“ค่ะ หนูกะว่าคงไม่เกินสองทุ่ม”
ก้อยกำลังคำนวณกิจกรรมที่เธอวางแผนไว้ในใจ
“เอาล่ะ ถึงโรงเรียนแล้ว ตั้งใจเรียนนะลูก”
กาสรพูดเมื่อถึงหน้าโรงเรียน ก้อยลงจากรถและไหว้ลากาสรที่นั่งรับไหว้ในรถ เธอเดินดิ่งเข้าไปบริเวณโรงอาหารทันทีเพราะหิวท้องกิ่วไส้แทบขาดแล้ว
และเธอเองก็มีแผนการที่วางเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ไม่นานนักเธอก็มาถึงและเห็นเป้าหมายนั่งอยู่ตามที่คาดเอาไว้
ช่วงเช้านี้แหละที่มักจะไม่มีคนมาโรงเรียนและเธอก็มีข้ออ้างในการเข้าใกล้ผู้ชายในฝันของเธอ
“ครูไข่คะ สวัสดีค่ะ”
เด็กสาวเข้าประชิดครูนักศึกษาหนุ่มที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าและจิบกาแฟไปด้วย
เขาหันมามองด้วยสีหน้าเพลีย ๆ แต่ในหัวของก้อย --
มันคือภาพครูขาวตี๋สุดหล่อกำลังหันมามองเธอด้วยภาพสโลว์โมชั่นแบบหล่อเท่
และสายตาทั้งคู่ก็ประสานกัน
“สวัสดีครับ เอ่อ....” เขาทัก
“รุจิราภรณ์ ม.สี่ ห้องสองค่ะ
หรือเรียกง่ายๆว่าก้อยก็ได้นะคะ่”
เธอกลืนคำที่เกือบจะพูดว่า ถ้าเรียกชื่อไม่ถนัดเรียกที่รักก็ได้ ลงคอไปเพราะมันคงดูเสี่ยวและลดสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับครูไข่ตามที่หนังสือ จีบผู้ชายอายุมากกว่าอย่างไรให้สำเร็จ ได้ระบุเอาไว้ในบทของการ จีบครูหนุ่ม ว่า
หากเราจะจีบคนที่อายุมากกว่าเราต้องสร้างความรู้สึกหรือสถานะความสัมพันธ์ให้บาลานซ์กัน
ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่เด็กกว่าอยู่แล้ว
แต่หากผู้ชายที่คุณหมายปองเป็นครูหนุ่มและถ้าคุณไปทำตัวสนิทชิดเชื้อยิงมุกจีบแป้ก
ๆ คุณอาจแห้วได้ถึง80% เพราะเขาอาจจะมองคุณเป็นเด็กสาวทั่วไปที่มีอยู่เกลื่อนกลาด
คุณต้องสร้างความรู้สึกให้เขาได้เห็นว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่และเข้าหาเขาอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต้องฝืนเล่นมุกฟาย
ๆ ถ้าเขามีใจปล่อยมุกฟายมาเองคุณก็แค่ขำน่ารัก ๆ อย่าไปขำประเจิดประเจ้อ....
แต่ก็อย่างที่เคยย้ำเอาไว้ในทุก ๆ บทว่า มันแล้วแต่เบ้าหน้าของคุณอยู่ดีนั่นแหละ :P
“ครูไข่พอจะสะดวกไหมคะ
พอดีหนูไม่ค่อยเข้าใจการบ้านน่ะค่ะ” ก้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ารักและนอบน้อม
“ครับ เชิญเลย ๆ ”
ก้อยยิ้มอย่างดีใจโดยที่ไม่ลืมที่จะก้มแอ่นนมหนึ่งจังหวะเวลานั่งข้าง ๆ ครูหนุ่ม
และได้ผล -- เธอเห็นจะ ๆ ว่าเขามองหน้าอกตูม ๆ ของเธออยู่สองวินาทีเต็ม ๆ
ก่อนจะเลิ่กลั่กเปิดสมุดการบ้านที่เธอส่งให้ ก้อยข่มรอยยิ้มไว้อย่างยากเย็น
แต่ในหัวของเธอมีแต่คำว่า น่าร้ากกกกกกกกก!!เมื่อเห็นอากัปกิริยาของครูนักศึกษาหนุ่ม
“เอ่อ... ที่ว่าไม่ค่อยเข้าใจนี่คือไม่เข้าใจหมดเลยเหรอครับ...?
นี่ไม่ได้ทำสักหน้า....” ครูหนุ่มยิ้มเหลอ ๆ ก้อยไม่พลาดที่จะปล่อยเสียงหัวเราะ
แหะๆ น่ารัก ๆ แบบเด็กน้อยที่โดนจับได้ว่าทำความผิด
แต่ครูไข่ก็น่ารักกับเธอเพราะเขาไม่ว่าอะไรเลย
เขาค่อย ๆ สอนเธออย่างใจเย็นทีละอย่าง ๆ
ก้อยเองก็แกล้งทำเป็นเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มคะแนนความประทับใจ
และไม่ลืมที่จะชวนคุยแนะนำร้านอาหารในโรงเรียนอร่อย ๆ
ที่เขายังไม่ทันชิมเพื่อลดค่าความรู้สึกความเป็นครูและนักเรียน
ไปเพื่อค่าความสนิทระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวแทน
...และแล้วเธอก็เห็นสิ่งที่รอคอยเดินกันมาเป็นกลุ่ม
ไม้ตายสุดท้ายที่จะใช้มัดใจครูหนุ่มสุดหล่อของเธอในเช้านี้
“ครูไข่ขรา -- หวัดดีค้า”
พวกนักเรียนหญิงที่มากันทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายมาล้อมหน้าล้อมหลังครูหนุ่มสุดหล่อของเธอพากันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับนกกระจอกแตกรังที่ส่งกลิ่นความน่ารำคาญมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ปรากฏตัว
“ขอบคุณครูไข่มากนะคะ
หนูคิดว่าหนูทำต่อเองได้แล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
ก้อยเสยปอยผมทัดหูขณะเก็บสมุดการบ้านโดยไม่มองชายหนุ่ม
เธอเดินออกจากบริเวณนั้นไปโดยทักทายสองสามคนที่เธอรู้จักและแอบชำเลืองผ่านหางตาก็เห็นว่าครูหนุ่มมองตามเธอด้วยสีหน้าเหมือนลูกหมาน้อย....
การทำคะแนนค่าความสัมพันธ์สำหรับเช้านี้ถ้าให้สิบ
--
ก้อยประเมินตัวเองให้ได้สิบเต็มและเธอได้วางหมากเอาไว้อย่างการทักทายพวกชะนีสองสามคนเพื่อแสดงว่าพวกนั้นรู้จักเธอ
ถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ครูไข่จะต้องถามเอาข้อมูลของก้อยจากนังชะนีพวกนั้นแน่ ๆ
และนั่นจะเป็นเครื่องยืนยันว่าครูไข่ได้ปลูกดอกรักต้นเล็ก
ๆ ระหว่างเขาและเธอขึ้นในใจแล้วนั่นเอง
“หึ หึ หึ”
เด็กสาวอดหัวเราะไม่ได้เมื่อบวกคะแนนพิเศษให้ตัวเองอีกสิบคะแนนจากหมากที่วางเอาไว้เป็นคะแนนยี่สิบเต็มสิบ
ขณะเดียวกันก็กัดกระชากลูกชิ้นออกจากไม้เสียบบริเวณแผงขายลูกชิ้นปิ้งข้างโรงอาหารเพราะเธอยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
(จะกลับไปนั่งกินในโรงอาหารก็ไม่เท่เพราะเดินออกมาแล้ว) “วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
“อีบ้า!! เป็นอะไรของแก!?” แจนเพื่อนสนิทของเธอโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เธอมาพร้อมกับเยลลี่
ทั้งสองคงเดินลงมาหาอาหารเช้ารับประทานหลังจากเก็บกระเป๋าในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว
แจนมองก้อยอย่างไม่ไว้ใจแล้วเอ่ยถามว่า “มาหัวเราะทำไมหน้าร้านขายลูกชิ้นปิ้งยะ?”
“ก็น้ำจิ้มมันอร่อย”
ก้อยตอบ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!