*เรื่องราวที่เราเคยได้ยินได้ฟังไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือตำนาน ในแต่ละประเทศบ้างก็เป็นสิ่งที่เราเองนั้นไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง แต่บ้างคนก็คิดว่ามันต้องบ้างส่วนที่มีมูลความจริงอยู่บ้าง แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อมากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง ส่วนตัวผมเองนั้นมีความเชื่ออยู่ในๆว่ามันต้องมีความเป็นไปได้ จนตัวผมเองนั้นมาเจอกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคนมาขายที่ตลาด มันเป็นที่ๆผมกับเพื่อนชอบไปเดินเล่นอยู่บ่อยๆ เพราะมันอยู่ใกล้บ้านเราจะไปทุกวันหลังเลิกเรียนจนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว แต่แล้วก็มีสิ่งที่มันทำให้ผมและเพื่อนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองไปตลอดกาลเพราะหนังสือเล่มนั้น อ้อ!ลืมแนะนำตัวไปเลยผมมีชื่อว่า ทอมมี่ แล้วเพื่อนสนิทของผมมีชื่อว่า เจสัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้เราทั้งคู่เข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้มีชีวิตที่ดีและเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็นหรืออยากจะทำ แต่มันไม่เป็นไปตามที่คุณคิดเสมอไป เพราะเรื่องที่ผมจะบอกกับทุกคนมันเกิดขึ้นก่อนจะสอบปลายภาคเทอมใหญ่ก่อนจะจบการศึกษา ผมกับเพื่อนได้ไปเดินที่ตลาดเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมาแต่วันนี้มันมีสิ่งที่แปลกไป มีร้านหนังสือมาขายทั้งๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ผมจิงบอกกับเพื่อนว่าไปดูหนังสือร้านนี้กันที่ผมอยากไปดูเพราะที่ตลาดไม่ค่อยมีร้านหนังสือมาขายสักเท่าไหร่ :เจสันเราไปดูหนังสือร้านนั้นกันอาจจะมีหนังสือที่หน้าสนใจ :ทอมมี่สมัยนี้ใครเขาซื้อหนังสืออ่านกันมันดูไม่ทันสมัย "เจสันเป็นคนที่ชอบอะไรที่สะดวกสบายเพราะทุกวันนี้โทรศัพท์เครื่องเดียวมันก็ทำได้ทุกอย่างแล้ว แต่ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเลยชอบหาหนังสืออ่านเล่นๆ เวลาไม่ได้ทำอะไร :เอาหน่าเจสันไปเป็นเพื่อนกันหน่อย :แบบนี้ทุกที่ซิหน่านายนี้มันชอบทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่ทำกันทอมมี่ "แล้วเราก็มาหยุดอยู่ที่ร้านหนังสือมีหนังสือมากมายเลยแต่มันดูไม่หน้าสนใจสักเท่าไหร่ :นี้พ่อหนุ่มอยากจะได้เล่มไหนละ :มันก็หน้าสนใจหลายเล่มอยู่นะครับแต่หนังสือประเภทนี้ผมมีมากพอแล้ว "แล้วพ่อค้าคนนั้นก็หันไปเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาเขาบอกว่าถ้าอ่านได้จะยกให้ผมฟรีๆไปเลย มีหรือผมจะยอมให้ของฟรีหลุดมือไปง่ายๆแต่คุณลุงเขาบอกว่าเขาจะเขียนข้อความที่กระดาษ แล้วเปิดให้ผมอ่านถ้าอ่านได้ก็เอาไปเลยคุณลุงเขียนเสร็จก็หันมาที่ผมแล้วเปิดให้อ่านผมก็อ่านออกไปแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน แต่มันแปลกตรงที่มันไม่ใช่ภาษาที่เราๆรู้จักกันนี้ซิผมถึงกับงงว่านี้มันอะไรกันผมไปรู้ภาษาแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนไหน แล้วสิ่งที่เขาเขียนให้ผมอ่านมันความหมายว่า(ผู้มีพลังเทพเจ้า)แล้วคุณลุงก็ให้หนังสือมาเล่มหนึ่ง เขาบอกว่าจงอ่านแล้วอย่าให้ใครรู้ว่ามีหนังสือเล่มนี้เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวผมเอง คุณลุงเขาบอกว่าเขารอเวลานี้มานานมากแล้วต่อไปนี้คงตายตาหลับสักที ผมพอได้ฟังก็อดที่จะถามลุงไม่ได้ว่าทำไหมต้องดีใจขนาดนี้ด้วยคุณลุงบอกว่าซักวันผมจะเข้าใจเอง แล้วคุณลุงก็เก็บร้านเจสันเห็นว่าคุณลุงแกดูเพี้ยนๆก็เลยชวนผมให้เดินไปจากที่นี้ :นายนี้มันไปเชื่อเรื่องเล่าอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทอมมี่ "แล้วเจสันก็ชวนผมกลับบ้านเพราะหมดสนุกแล้วเราเลยกลับบ้านกันทั้งๆทียังไม่ได้เดินเล่นกันเลย พอมาถึงบ้านผมก็ไม่รอช้าเปิดหนังสือเพื่อจะอ่านแต่มันเปิดไม่ได้เหมือนกันมีอะไรบ้างอย่างยึดติดเอาไว้ ผมเลยใช้มือลูบไปมาที่หน้าปกหนังสือมันได้มีอะไรบ้างอย่างบาดที่นิ้วมือจนเลือดได้หยดใส่ที่ปกหนังสือแล้วก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นมามันทำให้ผมตกใจอย่างมากผมไม่รอช้า เปิดคอมพิวเตอร์และหาข้อมูลทันทีเพราะว่าภาษาที่หนังสือมันคือภาษาอะไรแล้วทำไมผมถึงอ่านได้ ข้อมูลที่ได้คือมันไม่มีมันยิ่งทำให้ผมแปลกใจเข้าไปอีกผมคิดว่ามันต้องมีอะไรที่ตัวผมเองยังไม่รู้อย่างแน่นอน เช่นต้นตระกูลของผมเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว*