...****************...
...***Warning ⚠️ Trigger***...
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้มีการใช้คำและมีเนื้อหาที่ค่อนข้างส่งผลต่อผู้ที่มีความอ่อนไหวทางจิตใจหรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้า เพราะเนื้อหา คำพูดบางส่วนมาจากประสบการณ์จริงของตัวผู้แต่งที่ได้พบเจอมา และบางส่วนเป็นเรื่องสมมุติ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนิยายเรื่องนี้ และถ้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ ให้ปิดไปก่อนได้เลยครับ !!!
...****************...
อารัมภบท
...การมีชีวิตอยู่ และยอมรับความความเน่าเฟะของสังคม มันคือเรื่องปกติอย่างงั้นหรอ?...
...ปลาเล็กย่อมถูกปลาใหญ่กิน คนอ่อนแอย่อมกลายเป็นเบี้ยล่างเป็นบรรไดให้คนที่แข็งแกร่งกว่าเหยียบย่ำอยู่ร่ำไป เพื่อที่จะให้คนพวกนั้นประสบความเร็จ?...
...พวกคุณคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันแฟร์หรอ? การต่อสู้กลับคือความรับผิดชอบของคนที่โดนกระทำพึ่งจะต้องระลึกไว้เสมอใช่มั้ย?...
...การยอมรับล่ะ? ความช่วยเหลือ ความจริงใจ อยู่ตรงไหนกัน?...
...ทำไมคนที่อ่อนแอกว่าถึงจะต้องเป็นเหมือนเศษขยะ หรือที่ระบายอารมณ์ของพวกกากเดนมนุษย์เหล่านั้น? สังคมที่มีความเจริญทางความคิดก็ยังไม่อาจจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้เลย...
...แล้วการโต้กลับด้วยสันติวิธีล่ะ? หรืออยู่เฉย ๆ คอยรองรับความเลวทรามของพวกกากเดนเหล่านั้นจะประเคนมาให้กับเรา?...
...ไม่ว่าช่วงไหนของอายุ สังคมไหน ๆ ที่ใด ๆ ในโลกอันโสมมแห่งนี้ มันก็ย่อมจะมีกากเดน ปรสิตพวกนี้คอยกัดกินและเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นที่อ่อนแอกว่าพวกมันอยู่เสมอ ...
...เพราะฉะนั้น...การยอมรับไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น หรือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่เฉย ๆ หรือการเจรจาด้วยสันติวิธีบ้าบออะไรนั่นหรอกนะ...
...' การทำให้พวกมันหายไปต่างหาก คือความจำเป็น ' ...
.......และ.......
...' การนองเลือดต่างหาก คือความถูกต้อง!!! '...
...----------------...
เรื่องย่อ
....เซเฟอร์รีน หรือ ซาโอริ ตำรวจสาวจบใหม่ลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ผู้ที่มีความดำมืดซุกซ่อนอยู่ภายในจิตใจ ที่ชื่นชอบการฆาตกรรมในหลาย ๆ รูปแบบ เธอเข้ามาเป็นตำรวจในหน่วยอาชญากรรม แผนกฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพียงเพราะหวังที่จะเจอกับคดีฆาตกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการอันบิดเบี้ยวของเธอ และเพื่อที่จะตามหาฆาตกรสุดโหดที่เธอชื่นชอบเป็นที่สุดจาก ' ไดอารี่ปีศาจ ' สมุดบันทึกเรื่องราวในอดีตสุดแสนจะหดหู่ สิ้นหวังของตัวฆาตกรเอง และบันทึกการฆ่าเหยื่อแต่ละรายที่มีความโหดเหี้ยมดั่งการกระทำของ ' ปีศาจ '....
...****************...
...***Warning ⚠️ Trigger***...
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้มีการใช้คำและมีเนื้อหาที่ค่อนข้างส่งผลต่อผู้ที่มีความอ่อนไหวทางจิตใจหรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้า เพราะเนื้อหา คำพูดบางส่วนมาจากประสบการณ์จริงของตัวผู้แต่งที่ได้พบเจอมา และบางส่วนเป็นเรื่องสมมุติ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนิยายเรื่องนี้ และถ้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ ให้ปิดไปก่อนได้เลยครับ !!!
...เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป...
...****************...
...คุณเคยนึกถึงความฝันของตัวเองกันหรือเปล่า? ความฝันที่อยากจะเป็นอะไรซักอย่าง ไม่ว่ามันจะไร้สาระหรือจริงจังซักแค่ไหน ในตอนที่คนเรากำลังนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ก็มักจะมีความรู้สึกอยู่แค่สองอย่าเป็นหลัก ที่ทำให้เราถูกเรียกว่าเป็น ' มนุษย์ '...
ความรู้สึกแรก นั่นก็คือ ความรู้สึกมีความสุข
ส่วนที่สองนั่นก็คือ ความรู้สึก ไม่มีความสุข หรือเป็นทุกข์กับมัน ทุกครั้งที่ได้นึกถึงความฝันของตัวเอง และคงจะมีตัวเราเองเท่านั้นที่เข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้
แต่ถ้าหากว่า....ความรู้สึกทั้งสองอย่างมันผสมปนเปอยู่ในเวลาเดียวกันล่ะ?
ฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งเหล่านี้มันถูกหรือผิด แต่ที่แน่ใจได้เลยก็คือ มันมีความรู้สึกทั้งสองอย่าง และฉันพอใจกับความรู้สึกที่ได้รับมา
ฉัน เซเฟอร์รีน หรือ ซาโอริ ฉันเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน มีเสี้ยวไทยอยู่ด้วยเพราะพ่อของฉันเป็นมีแม่เป็นคนไทย
จะว่ายังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า ฉันก็ใช้ชีวิตในอเมริกาซะส่วนใหญ่ มีโอกาสได้กลับมาที่ไทยก็บ่อย ฉันค่อนข้างชอบที่นั่น อาหารอร่อย ที่เที่ยวเยอะและสวยงาม รวมถึงผู้คนส่วนมากก็เป็นมิตร แต่สุดท้ายก็จับพลัดจับพลู ได้กลับอยู่อเมริกาอยู่ดี
ตอนอยู่ที่ไทยฉันมีโอกาสได้รู้จักกับใครคนหนึ่งเข้า เขาเป็นคนที่ดีเลยล่ะ หมอนั่นชื่อ เควิน เป็นแฟนเก่าของฉัน หน้าตาดีสุด ๆ ไปเลย ขอขิงหน่อยละกันนะ
เห็นแบบนี้ หมอนี่ก็เป็นลูกครึ่งนะ ไทย/อังกฤษน่ะ
เรารู้จักกันเพราะเรียนนานาชาติด้วยกันอยู่ช่วงหนึ่ง ในตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้นไปจนถึงมัธยมปลาย
เราเลิกกันค่ะ สาเหตุก็เพราะว่าเราต่างคนต่างแยกกันไปเรียนต่อคนละทิศคนละทาง มันอาจจะฟังดูเป็นเหตุผลที่งี่เง่านะ แต่ว่ามันก็เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ในความเป็นจริงเสมอ
เราทั้งคู่แทบจะไม่มีเวลาให้กันเท่าแต่ก่อน ฉันมีความฝันของฉัน เขาก็มีความฝันของเขา แต่ถึงจะเลิกกันไปแล้วแต่เราทั้งคู่ไม่ได้เกลียดกันค่ะ
เรามาพูดถึงความฝันกันอีกครั้ง ที่ฉันบอกไปว่าต่างคนต่างก็มีความฝันเป็นของตัวเอง ฉันเองอยากจะเป็นตำรวจ ฉันบอกได้เลยว่ามันมีแรงกระตุ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
' ไดอารี่ปริศนา? ' นั่นสิ่งในสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ฉันอยากที่จะเป็นตำรวจ ในตอนต้น พวกเราคุยกันเรื่องความรู้สึกของการนึกถึงความฝันของตัวเองใช่มั้ยล่ะ?
นั้นแหละคือเรื่องที่ฉันจะมาเล่าให้พวกคุณฟัง ฉันเป็นคนบิดเบี้ยวทางความรู้สึกค่ะ แต่ฉันชอบที่จะเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกชื่นชอบการฆาตกรรมเป็นอย่างมาก ' ฉันอยากรู้จักและอยากที่จะรับรู้สึกของ ฆาตกร ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนที่พวกเขากำลังสังหารเหยื่อ '
ฉันใช้สิ่งนี้เป็นแรงขับเคลื่อนตัวเองให้ตั้งใจเรียนและทำทุกวิถีทางที่จะให้ตัวเองได้เป็นตำรวจ ฉันเล่งหน่วยอาชญากร แผนกฝ่ายสืบสวนสอบสวน
และในตอนนี้ฉันก็สมปราถณาแล้วค่ะ วันนี้คือวันแรกของการทำงานของฉัน แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของฉัน นั่นไม่ใช่แค่การมีความสุขกับการสอบสวนฆาตกรใจเหี้ยมหลาย ๆ คน แค่เท่านั้นหรอกนะคะ
ฉันกำลังตามหาคนค่ะ ฉันกำลังตามหาเขาคนนั้น ' เจ้าของไดอารี่ ' ผู้ที่บันทึกเรื่องราวในอดีตของตัวเองเอาไว้ อดีตที่แสนเจ็บปวด จากการถูกกระทำต่าง ๆ นา ๆ โดยเหล่าผู้คนที่เขาเรียกว่า ' กากเดนของคนบาป '
ฉันสนใจใจสิ่งที่เขาเขียนเอามาก ๆ มันมีหลายองค์ประกอบที่ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้น และโหยหายที่อยากจะเจอเขาในซักวัน นั่นก็เพราะว่า
นอกจากเนื้อหาในไดอารี่จะมีการเล่าถึงอดีตของตัวเขาเองแล้ว ในนั้นยังมีรายละเอียดการสังหารเหยื่อ การวางแผนสังหาร การจัดการกับศพ อาวุธที่จะใช้ วิธีการที่จะสังหาร รูปถ่าย เเผ่นเสียงการสนทนากับเหยื่อผ่านโทรศัพท์ และก่อนที่เหยื่อจะโดนสังหาร รวมไปถึงในตอนที่สังหารเหยื่อไปแล้ว ถูกแปะไว้ในไดอารี่ในหน้านั้น ๆ มันเหมือนเป็นคอลเล็คชั่นที่ล้ำค่าของคนจิตวิปริตสุด ๆ ไปเลยล่ะ ก็นะเขาเป็นฆาตกรโรคจิตนี่นา
ประเด็นสำคัญคือเขายังไม่เคยถูกจับได้เลย เขาพลาดอยู้แค่อย่างเดียว เป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบเลย นั่นก็คือภาษาของเหยื่อที่ถูกอัดไว้ เหยื่อทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนไทย เรื่องนี้ทำเอาความตื่นเต้นของฉันลดลงไปเยอะเลยนะ ฉันให้ 8/10 นะคะ
พวกคุณอยากรู้หรอคะว่าเนื้อหาภายในไดอารี่ที่ว่ามันเป็นยังไง?
ได้สิ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง ฉันจะเล่าให้ฟังทุก ๆ อย่าง ฉันอยากจะแบ่งปันความรู้สึกเหล่านั้นให้พวกคุณได้รับรู้
' ความรู้สึกของการอยู่คนเดียว ท่ามกลาง นรก และมันไม่มีพระเจ้าอยู่ตรงนี้, มีแต่....ปีศาจ!!! '
...----------------...
ฮั่นแน่!!! อ่านจบแล้วหรอครับ ?
โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
...****************...
...***Warning ⚠️ Trigger***...
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้มีการใช้คำที่ค่อนข้างรุนแรง บูลลี่และมีเนื้อหาที่ค่อนข้างส่งผลต่อผู้ที่มีความอ่อนไหวทางจิตใจหรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้า เพราะเนื้อหา คำพูดบางส่วนมาจากประสบการณ์จริงของตัวผู้แต่งที่ได้พบเจอมา และบางส่วนเป็นเรื่องสมมุติ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนิยายเรื่องนี้ และถ้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ ให้ปิดไปก่อนได้เลยครับ !!!
...เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป...
...****************...
...' ตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ ความปราถณาเดียวของฉันคือการมีชีวิตอยู่ให้ผ่านความความเจ็บปวด จากการถูกรังแกในแต่ละวันฉันอยากที่จะมีวันดี ๆ วันที่สงบและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับเพื่อนที่ไว้ใจได้ '...
...บทความในหน้าแรกจากไดอารี่เล่มนั้น เนื้อหาดูธรรมดาและเป็นการเขียนออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ที่ไม่ได้มีชั้นเชิงในการเล่าใด ๆ แอบแฝงอยู่...
...ความปราถนาที่อยากจะมีชีวิตอยู่ของคน ๆ นึง คนธรรมดาที่อนาคตจะกลายมาเป็นฆาตกรสุดโหดในวันนี้ ฉันเองยังบอกไม่ได้เลยในตอนนี้ว่ามีอะไรที่บทความในหน้าแรก ที่ทำให้ฉันอยากจะอ่านต่อหรือจะทำให้ฉันหลงไหลในการกระทำของเขาเหมือนในตอนนี้...
......................
...ฉันเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลาง....ก็เกือบจะชนชั้นล่างเลยล่ะนะ ถึงจะบอกไปในตอนแรกว่า ฉันมีความปราถนาแบบนั้น แต่นั่นก็เพราะมีหนึ่งสิ่งที่ฉันยังยึดมั่นอยู่ในตอนนั้น สิ่ง ๆ นั้นคืออะไรน่ะหรอ...
...สิ่งที่น่าเบื่อ ที่หลาย ๆ คนพยายามพูดกรอกหูกัน...
...' ความดี ' ยังไงล่ะ...
...ถ้าเป็นในปัจจุบันฉันคงจะเอียนและอาเจียนมันออกมาจนหมดไส้หมดพุงเลย ทุกครั้งที่ได้ยินคำ ๆ นี้...
...ความดี มันจะช่วยอะไรคุณได้งั้นหรอ?...
...ฉันเคยที่ศรัทธาในสิ่งเหล่านี้ชนิดที่เรียกว่าการให้อภัยทุกคน คือลมหายใจเข้าออกของฉันเลยยังได้ ฉันไม่เคยอยากที่จะโกรธใครจริงจังซักครั้ง ฉันพยายาม...
...ใช่ ฉันกำลังพยายามเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่ต่างหาก ฉันเป็นคนที่พยายามจะดีกับคนรอบข้าง ท่ามกลางนรก ที่ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนจะมาเห็นใจและเมตตาที่จะช่วยฉันได้เลย มีแต่ปีศาจ หรือ กากเดนของคนบาป ที่คอยแต่จะกัดกินฉันในทุก ๆ วัน...
...เริ่มต้นที่......
...ในตอนที่ฉันอายุได้ 3-4 ขวบ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ฉันจำได้เกือบแทบทุกอย่างในตอนนั้น ฉันเป็นเด็กที่มีสุขภาพไม่ดีเอาซะเลย ฉันป่วยเป็น โรคหอบหืด โรคที่เป็นเหมือนดาบสองคมให้กับชีวิตฉัน มีทั้งคนที่สงสาร และคนที่พร้อมจะใช้อะไรตรงนี้มาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายฉัน...
...ฉันต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น อาทิตย์ต่ออาทิตย์เข้าไปรักษาตัวได้ 4-5 วัน ออกมาได้ 3-4 วันก็จะได้เข้าไปใหม่ อย่างดีหน่อยก็เป็นเดือนค่อยจะได้กลับเข้าไปที่โรงพยาบาลอีกที ในตอนที่อาการของฉันกำเริบฉันจะหายใจเร็ว หายใจติดขัดจนควบคุมไม่ได้และจะเหนื่อยเป็นอย่างมาก ทุกครั้งมันจะพ่วงมาพร้อมกับการที่มีไข้สูง...
...ความโหดร้ายที่ใช้ชีวิตปกติธรรมดาแบบคนทั่วไปไม่ได้ การต้องเฝ้ามองคนอื่น ๆ ออกไปวิ่งอย่างสนุกสนาน ผ่านหน้าต่างที่คับแคบโดยที่ตัวเองนอนเป็นผักปลาอยู่ มันก็แอบเป็นอะไรที่ทรมานใจอยู่ไม่น้อย...
...มีตอนที่ฉัน 4 ขวบ ฉันลองออกไปใช้ชีวิตตามประสาของเด็กในวัยนั้นที่แค่อยากจะเล่นและมีเพื่อนในวัยเดียวกัน สิ่งแปลกใหม่ที่เด็กทุก ๆ คนต้องการ มันคงจะเป็นความสุข ส่วนมากก็ทุกคนล่ะนะที่คิดแบบนี้...
...การออกไปเผชิญกับโลกภายนอกนั้น ฉันเชื่อว่าการที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ดีและไม่ดีมันเป็นเรื่องธรรมดา นอกเสียจากสิ่งเหล่านั้นมันจะประหลาดผิดสามัญสำนึกของมนุษย์จนเกินไป...
...น่าขำนะ นี่ฉันกำลังพูดเรื่อง ศีลธรรมสามัญสำนึกอยู่หรอ?...
...ในตอนที่ฉันได้ออกไปสัมผัสกับโลกที่ว่า สิ่งแรกที่ฉันได้รับกลับมาก็คือ...
...' การที่ต้องกลายเป็นตัวประหลาดจากคำพูดของคนอื่น ๆ '...
...ฉันถูกผู้คนที่เป็นเหล่าผู้ใหญ่ในหมู่บ้านรังเกียจ เขาบอกกับลูกหลานตัวเองว่า ฉันเป็นเด็กที่เป็นโรคติดต่อ น่ารังเกียจ ด้วยความที่ในพื้นที่ที่ฉันอาศัยอยู่ จะเรียกว่าบ้านนอกเลยก็ยังได้ ความเจริญเข้าถึงน้อยพอ ๆ กับความรู้ของคนในหมู่บ้านนั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครอยากที่จะเข้าหาฉัน...
...ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนนั้น ฉันไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงพยายามตีตัวออกห่างจากฉัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองผิดยังไง ฉันในตอนนั้นยังไม่เข้าใจบริบทในตอนนั้น แต่ทว่าความรู้สึกประหลาด ๆ และไม่มีความสุขฉันกลับเข้าใจมันได้ในทันที...
...และอีกเหตุการณ์ที่ฉันวิ่งจนเหนื่อยเพราะโดนหลอกว่าให้เล่นวิ่งไล่จับกัน ถ้าฉันจับทุกคนได้ฉัน ทุกคนจะยอมรับให้ฉันเป็นเพื่อน ฉันเชื่อสนิทใจเลยล่ะ เชื่อทุกอย่าง ฉันไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตัวเองสุขภาพแย่แค่ไหน แค่จะหายใจยังลำบาก ถ้าจะให้ไปวิ่ง และสูดเอาฝุ่นเข้าไปในปอดฉันคงอยากจะไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้วล่ะนะ...
...แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่แคร์อยู่ดี ฉันหลงกล เล่ห์เหลี่ยมของรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าฉัน5ปี ใช่พวกมันในตอนนั้นคือเด็กอายุ9ขวบ ที่ไม่ได้น่ารักสดใสตามวัยอย่างที่พวกคุณคิดหรอกนะ พวกมันก็คือ กากเดนของคนบาป เหมือนกัน...
...ฉันคงจะโง่เองที่ไปหลงเชื่อ ต่อให้ไม่โง่ แต่เด็กอายุ4ขวบอย่างฉันในตอนนั้นก็คงจะตามเล่ห์เหลี่ยมใครไม่ทันหรอก เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำเอาฉันเกือบตาย!!!...
...ฉันหายใจเข้าออกเร็วและแรงเป็นอย่างมาก เพราะใช้แรงไปกับการวิ่ง และการที่ฉันป่วย มันทำให้การประคองตัวจะยืนก็ยังทำไม่ได้ สุดท้ายฉันก็ต้องฝ่ายแพ้ให้กับร่างกายตัวเองและล้มลงไปกองอยู่พื้นดิน ที่มีแต่ฝุ่น นี่คงจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉันหายใจติดขัดและหายใจลำบาก...
...ภาพที่ฉันเห็นในเบื้องหน้ามีแต่ความไม่ชัดเจน เพราะน้ำตาที่ไหลออกมาและอาการเบลอจากความเหนื่อยล้า แต่ถึงกระนั้นหูของฉันก็ยังได้ยินชัดเจน...
...ฉันคงไม่ได้หูฟาดไปหรอกนะ ในตอนนี้ทุกคนที่อยู่รอบข้าง พวกมันกำลังหัวเราะเยาะที่ฉันเป็นแบบนี้...
..." เฮ้ พวกแกดูสิ ดูมัน นี่มันประหลาดอย่างที่แม่ฉันบอกจริง ๆ หว่ะ ดูท่าทางของมันสิ นอนชักกระตุกเหมือนหนอนเลย คิกๆๆ "...
..." แกเคยเห็นหนอนมันนอนชักกระตุกแบบนี้ด้วยหรอเพื่อน ฮ่า ๆๆๆ "...
..." แน่นอน แต่ก่อนฉันเคยเอาเกลือไปโรยใส่และฉี่ใส่มัน แล้วก็เขี่ยเศษดินใส่ มันชักกระตุกแบบนี้เลย "...
..." ฉันคิดอะไรสนุก ๆ ออกแล้ว งั้นพวกเรา มาทำอย่างที่นายเคยทำกันมั้ย? "...
..." โอ้วว นายนี่เจ๋งเป็นบ้า เอาสิ ฉันเริ่มก่อนละกันนะ ใครช้าสุด อดเล่นเครื่องเกมของฉันนะเว้ย "...
...พวกมันสามคน รุมฉี่ใส่ตัวฉันที่นอนชักกระตุกหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงและติดขัด ฉันสัมผัสได้ถึงความเหนอะหนะจากฉี่ของพวกมันและตามมาด้วยความสากจากฝุ่นดิน ที่พวกมันใช้เท้าเตะเอาฝุ่นดินแห้ง ๆ มาใส่ตัวฉัน ตัวผมที่เปียกจากฉี่พวกมันอยู่แล้วพอมาเจอกับฝุ่นดินแห้ง ๆ นั่นเลยทำให้ดินมันยิ่งเกาะติดจนเต็มไปทั่วทั้งร่างกายของฉัน...
...มันเหนอะหนะ น่าสะอิดสะเอียน เหม็น หายใจไม่ออก มันทรมานเหมือนกำลังจะขาดใจตายในทุก ๆ วินาที ฉันพยายามจะหลับตาลงเพื่อไม่ให้ฝุ่นและฉี่พวกมันเข้าตาของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่หลับตาลง ฉันก็เหมือนกับว่าจะหลับลงไปตลอดกาล...
...' ทรมานเหลือเกิน '...
...' ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย '...
...' ยายครับ '...
...เสียงในใจของฉันที่นึกออกในตอนนั้น มันมีอยู่แค่นี้ ฉันยังไม่อยากตาย!!!...
...สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉันก็คือ คุณยาย คนที่เป็นดั่งแม่ที่แท้จริงของฉัน ที่คอยเลี้ยงดูและปกป้องฉันมาตลอดตั้งฉันยังเป็นแค่เด็กทารก ส่วนแม่ที่แท้จริงเขาไม่เคยอยู่ดูแลฉันเลย เขาทิ้งให้ฉันอยู่กับยายและหายไปจากชีวิตของฉันตั้งแต่ฉันยังแบเบาะโดยไม่ส่งข่าวอะไรมาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้แม้แต่ที่อยู่ของเขา ส่วนพ่อคุณยายบอกว่าเขากับแม่ต้องเลิกกันเพราะแม่ไปเป็นชู้เป็นเมียน้อยของเขา เขาไม่เคยมารับผิดชอบอะไรฉันเลย รู้แค่ว่าเป็นตำรวจ...
...ในนาทีที่ฉันคิดว่าทุกอย่างคงจบแล้ว เสียง ๆ หนึ่งที่ฉันคุ้นเคยได้สอดแทรกเข้ามาแทนที่เสียงหัวเราะของพวกกากเดนเหล่านั้น...
...มันเป็นเสียงที่ดัง และเต็มไปด้วยความโกรธอย่างถึงขีดสุด คุณยายของฉัน เธอเข้ามาโอบอุ้มเอาฉันที่นอนใกล้ตายขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเธอ เพื่อประคองฉันไว้และมืออีกข้างพยามเช็ดเศษดินที่ติดตามรูจมูก ปาก และรอบดวงตาของฉันออกอย่างเบามือและอ่อนโยน ด้วยชายเสื้อของเธอเอง...
...คุณยายกร่นด่าพวกเลวทรามนั่น ในขณะที่ตัวเองก็กำลังใช้หลอดยาสำหรับผู้ป่วยหอบหืดยัดเข้ามาที่ปากของฉัน และหันมาพูดกับฉันอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอ...
..." ค่อย ๆ หายใจนะลูก ช้า ๆ ยายอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว "...
...ภาพที่ฉันเห็นในตอนนั้นทำให้น้ำตาฉันไหลออกมามากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า ทั้งจากความทรมานที่หายใจติดขัดและดีใจที่ได้มียายอยู่เคียงข้าง...
..." อีแก่ มึงจะทำอะไรได้ "...
..." หลานมึงมันเป็นบ้า ชักกระตุก "...
...ยายฉันไม่สนใจคำดูถูก อันเลวทรามต่ำช้าของเด็กพวกนั้นแล้วในตอนนี้ เขาอุ้มฉันขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้างก่อนที่จะค่อย ๆ เดินออกไปจาก ณ ที่แห่งนั้นในทันที ในขณะเดียวกัน เสียงล้อเลียน เยาะเย้ย ถากถางก็ยังดังตามหลังมาติด ๆ ไม่มีหยุดหย่อน...
...แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดมันยังไม่จบ ก็ถ้าแค่เสียงจากเด็กเลวพวกนั้นที่พ่นออกมาด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแบบนั้นจริง ๆ หรือไม่? หลาย ๆ คนน่าจะพอเข้าใจได้ แต่สิ่งเหล่านั้นมันจะไม่มีทางออกมาได้ถ้าไม่ใช่เพราะพื้นฐานของครอบครัว ที่สอนกันมาแบบนี้...
..." ยาย หลานเป็นลมบ้าหมูอีกแล้วหรอ ฮ่า ๆๆ "...
..." ลำบากหน่อยนะคะ ต้องมาดูแลเด็กสติไม่ดี ฉันเห็นใจคุณนะคะ "...
...:...
..." ไม่ต้อง!!!...ฉันไม่ได้ต้องการความห่วงใยจากพวกแก "...
..." ไม่ต้องมาทำตอแหลเห็นใจฉัน "...
..." จะไปตายที่ไหนก็ไปซะ "...
..." แล้วก็...หัดสั่งสอนลูกหลานพวกแกในเรื่องดี ๆ ด้วยนะ ไม่ใช่สั่งสอนแต่อะไรเลว ๆ ตามสันดานและการศึกษาตัวเอง "...
ยายฉันตอบโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และทุ้มต่ำ แสดงถึงความรู้สึกสมเพชพวกคนเหล่านั้นที่คอยพูดจากถากถางด้วยรอยยิ้ม เหมือนกับว่าชีวิตคน ๆ นึงเป็นแค่เรื่องสนุก ใครจะตายก็ไม่สนใจ แม้จะเป็นเด็กก็ตาม
...คนพวกนั้นก็คือเหล่าพ่อแม่และปู่ย่าตายายของพวกเด็กเลวเหล่านั้น คำว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว มันคงจะไม่ใช่อะไรที่เกินจริงนัก ยายฉันพร้อมที่จะซัดกับคนพวกนั้นอยู่เสมอ และก็เป็นแบบนี้มาตลอด อย่างที่ฉันได้กล่าวไปในตอนแรก การศึกษาเข้าถึงที่นี่ได้น้อยมาก ๆ หลายครอบครัวเข้าใจว่า การชักกระตุกแบบนี้มันมาจากความผิดปกติทางจิต ' ลมบ้าหมู ' ไม่ใช่โรคที่ฉันป่วย แต่เพราะอาการที่เกิดขึ้นมันคล้ายคลึงกัน ที่หายใจติดขัด เร็ว ควบคุมไม่ได้ ลงไปนอนชักกระตุก แต่ที่ต่างกันคือ ลมบ้าหมูจะมีอาการมือหงิกงอ ตาเหลือก และจะกัดลิ้นตัวเองโดยที่คุมตัวเองไม่ได้ มันแค่คล้ายแต่ไม่ใช่โรคเดียวกัน และ คำว่า...
...' บ้า '...
...ที่มันอยู่ในชื่อของโรคลมบ้าหมู นั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนในหมู่บ้านนี้ ส่วนมากจะเชื่อว่ามันคือโรคเกี่ยวอาการทางจิต หรือถ้าใครเป็นโรคเหล่านี้ก็จะถูกมองรวมไปถึงประนาม ล้อเลียนว่า เป็นบ้า เป็นโรคประสาท สติไม่ดี ปัญญาอ่อน ออทิสติก ฯลฯ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเอามาก ๆ และต่อให้จะมีหมอ พยาบาล หรือคนที่มีความรู้เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเหล่านี้อย่างถูกต้อง แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมเปิดใจเปลี่ยนความเชื่อที่ว่าอยู่ดี ไม่มีแม้แต่การปรับตัว หรือพยายามจะทำความเข้าใจ เห็นใจคนที่ป่วยเป็นโรคแบบนี้ด้วยซ้ำ และการบูลลี่ก็ยังจะมีต่อไปไม่อย่างหยุดหย่อน...
พวกมันเชื่อว่าความคิดของพวกมันถูกเสมอ
...ฉันถูกนำส่งโรงพยาบาลในที ด้วยรถรับจ้างใกล้ ๆ บ้านจากชายแก่เพื่อนสนิทของยาย โชคดีที่ฉันถูกยายช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ก่อน นั่นเลยทำให้ฉันอาการไม่แย่เท่ากับตอนแรกก่อนมาจะถึงมือหมอ..........
......................
...เรื่องราวที่ฉันได้อ่านในบทแรกนี้ นี่แค่เป็นจุดเริ่มต้นในอีกหลาย ๆ สิ่งที่เขากำลังจะเจอในบทต่อ ๆ ไปค่ะ ย้อนกลับมาที่ฉัน สภาพสังคมที่อยู่ ฉันยอมรับว่า ตัวเองยังคงไม่เข้าใจความรู้สึกทั้งหมดที่เขาจะต้องเจอ เพราะว่าชีวิตของฉันแตกต่างจากเขามาก ฉันเพียบพร้อมไปด้วยครอบครัวที่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายอยู่กันครบ และเลี้ยงดูฉันมาด้วยความรักความเอาใจใส่ มันอบอุ่นเอามาก ๆ นี่น่าจะเป็นหนึ่งสิ่งที่ฉันแน่ใจว่าฉันสัมผัสได้จากยายของเขา ความรู้สึกรักและเอาใจใส่ ความอบอุ่นที่มีพลังงานมหาศาล นั่นคงจะเป็นพลังงานที่คอยอุ้มชูให้เขาผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวัน...
...ต่อไปเขาจะเจอกับอะไรกันนะ?...
...และความแค้นที่เขามีต่อคนพวกนั้น เขาจะทำยังไง วิธีการสังหารเหยื่อของเขานั้น มันจะโหดเหี้ยมแค่ไหน ฉันอยากจะเล่าให้พวกคุณฟังอีกจริง ๆ...
..." สวัสดีค่ะ ฉัน เซเฟอร์รีน หรือ ซาโอริ นะคะ ฝากเนื้อฝากตัวกับรุ่นพี่ทุกคนด้วยค่ะ หวังว่าที่นี่...จะมีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกเบื่อนะคะ...."...
...****************...
...อะจ๊ะเอ๋!!! ตัวเอง!!! ท่านผู้เจริญที่มากไปด้วยปัญญา อ่านจบแล้วใช่มั้ย...
...โปรดติดตามตอนไปด้วยนะครับ...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!