NovelToon NovelToon

ลิขิต หัวใจป๊วนป่วน

๑ (๕๐%)

...เด็กใหม่...

...PART : ลิขิต...

.........

........

.......

.......

........

...

...ขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะครับ...

...****************...

...~...

...'ก๊อก ก๊อก'...

"อื้อ..อ~~" เจ้าของห้องนอนพลิกตัวไปมาช้าๆ เรียวขาสวยเนียนพาดกับหมอนข้างนุ่มๆสุดโปรด ปากอมชมพูยู่จุ๊บหมอนข้าง ทรงผมสีดำขลับปิดตาข้างซ้ายทำให้ดูมีเสน่ห์ ชุดนอนคอปกหลุดไปเห็นไหล่ขาวสะพรั่ง ช่างเป็นภาพที่น่าหลงใหลอย่างแท้จริง

...'ก๊อก ก๊อก'...

"ยัยลิต ตื่นได้แล้ว" เสียงใครบางคนนอกห้องพูดขึ้นในระหว่างที่เจ้าของห้องกำลังหลับอยู่บนเตียง

"ครับ เจ๊น้ำ~..ลิตยังนอนไม่อิ่มเลยอ่ะะ" เจ้าของห้องงัวเงียไม่อยากลุกจากเตียง เป็นเรื่องปกติและธรรมดามากในช่วงเช้าของวัน เด็กๆหรือวัยรุ่นมักจะนอนไม่ค่อยอิ่มกัน

"เดะฉันจะตีเลย เริ่มวันแรกก็ขี้เกียจแล้ว แกต้องไปมหาลัยนะสันนี้" เจ๊น้ำพูดตะโกนอย่างหงุดหงิด

"เอ๋..?" เจ้าของห้องชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด และก็ตู้ม! เขาพึ่งนึกได้ว่าวันนี้ต้องไปเรียน จะบอกเลยว่ามหาลัยที่เจ๊น้ำพาไปสมัครดันเป็นมหาลัยเอกชนที่ค่าเทอมสูงปรี๊ดลั่นฟ้าทะลุสวรรค์กันเลยทีเดียว เมื่อนึกได้แล้วจึงรีบใส่แว่นและก้าวขาเรียวสวยเหยียบย่ำวิ่งสี่คูณร้อยไปเข้าห้องน้ำ

"ฉันเตรียมหมูปิ้งกับชุดนักศึกษาให้แล้วนะ" เจ๊น้ำเอ่ยสมทบในขณะที่คนตัวเล็กขัดๆถูๆตัวในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ

'ให้ตายเถอะซาร่า ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้!!'

เมื่อแต่งตัวเสร็จ จัดแต่งกระเป๋าเสร็จ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยเสร็จก็ถึงเวลากล่าวคำอำลา "เจ๊น้ำ ลิตไปมหาลัยก่อนนะ เดี๋ยวช่วงเย็นๆลิตจะซื้อน้ำแตงโมปั่นมาดับร้อนนะค้าบ" เสียงใสๆดังเจื้อยเเจ้วทำเอาเจ๊น้ำลมแทบจับเพราะความน่ารักของเขา เจ๊น้ำโบกมือลาป้อยๆก่อนจะหันหลังควับไปทำงานในในบ้านต่อ

.........

........

.......

...ณ มหาวิทยาลัย...

...'ตึก ตึก ตึก'...

"ขอทางหน่อยนะครับ! ขอบคุณมากเลยครับ!!" ผมเบี่ยงตัวไปๆมาๆจนคนในระแวกนั้นบ่นเอาเป็นแถว จากใจจ่งๆเลยครับ ผมไม่ค่อยรู้ทางมาเท่าไหร่ต้องไปถามคนนู้นที คนนี้ที ทำเอาเหงื่อท่วมทั้งตัว กว่าเขาจะบอกทางมาก็กินเวลาไปเยอะเลย ถึงบ้านเจ๊น้ำจะใกล้กับมหาลัยก็เถอะ แต่ผมมาที่นี่เป็นครั้งแรกยังไง นานๆไปหลงอยู่ดี

เพราะความจำสั้น+ไม่รค่อยรู้ทางไงล่ะ!!

"ขอทางหน่อยครั--โอ้ย!!!" ผมล้มฮวบจ้ำม้ำก้นขมำลงกับพื้นทำเอากระเป๋าที่ใส่พวกกระดาษ สมุด แฟ้ม หนังสือหล่นกระจายไปตามท้องพื้น

"เห้ย!! เดินดูทางหน่อยไม่ได้รึไงวะ!" เสียงเข้มอันชวนขนหัวลุก ทำเอาผมสั่นขุนก็พร้อมใจกันลุกโดยไม่ได้นัดหมายกันแต่อย่างใด ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นก็พบกับชายตัวสูงคนนึงยืนอยู่ตรงหน้า ผมของเขาเสยขึ้นเหมือนจัดทรงมาแล้วหลายรอบ ตัวใหญ่กว้างราวกับว่าออกกำลังกายมามากกว่าสิบครั้งได้ ส่วนใบหน้าคมเข้มดูมีอำนาจ มีรอยสักมังกรที่แขนซ้ายด้วย สีตาออกไปทางเขียวแซมน้ำตาล ส่วนสูงก็ เอิ่ม.....ตัวสูงชิบหายเลยว้อย!!!

"ข…ขอโทษนะ พอดีเรารีบไปหน่อย" ผมพูดเลยว่าผมกลัวเขามากๆ ดูทรงแล้วเขาก็น่าจะเป็นนักเลงแหละ..มั้ง เอาง่ายๆน่ากลัวโคตรๆ ผมรีบคลานไปเก็บหนังสือที่ตกหล่นกระจายมาเก็บไว้ในกระเป๋าโดนไว "ต..ต้องขอโทษจริงๆนะครับ"

"..." ผมมองหน้าเขาอย่างสำนึกผิด ริมฝีปากล่างของผมยื่นออกมาเล็กน้อย คิ้วมลหดเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัด ตาของผมเริ่มร้อนระอุเหมือนจะร้องไห้ ผมเห็นเขาอยู่แวบๆว่าเขาหน้าแดงหน่อยๆด้วย

"เออ คราวหลังก็ระวังด้วย" เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนที่จะทำท่ายื่นมือเข้ามาช่วยดึงผม สักพัก....

"เห้-- โอ้ยย!!" ผมร้องออกมาอีกครั้งเพราะในจังหวะที่เขายื่นมือทำท่าจะช่วยผม ผมก็ไม่คิดอะไรเลยจะจับมือเขาแต่พอจับมือเขาเท่านั้นแหละ เขาก็ผลักผมให้หงายไปข้างหลังกลิ้งหนึ่งตลบ แว่นเกือบจะหัก ผมรีบหันไปมองคนตัวสูงทันที เห็นได้ชัดเลยว่าแม่งหัวเราะเยาะผมอยู่!

"หึ ไม่ทันคน" หึ่ย!! พูดมาได้นะ ไม่คิดจะช่วยเราเลย! ถ้าได้เข้าคณะเดียวกันกับผม ผมคงจะเกลียดเขาจนวันตาย ไอผู้ชายคนนี้ไม่มีความเมตตาเลย!! จู่ๆก็มีเสียงใครอีกสามคนเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเขา

"เห้ย มึงรอนานป่าววะ" คนมัดจุกเอ้ยขึ้นทักเพื่อนสุดที่เลิฟ

"ไม่" เขาตอบกลับ

"แม่งยังไม่ได้แดกข้าวเช้าเลยว่ะ หิวสัส ไอมาร์คก็รีบอยู่ได้" คนมัดหางม้าพูดขึ้นอีก

"เอ้า กูไม่ผิดนะ มึงตื่นสายเอง แบร่!!" คนผมจุกเเลบลิ้น

"เออ ไอธัตย์ นี่ใครวะ?" คนผมหางม้าถาม

"ไม่รู้คนที่ไหน เดินชนกู" เขาตอบกลับมาได้เยือกเย็นมากเลย ผมพูดจริงๆนะเนี่ย!

"โห่ เพื่อนก็ว่าเพื่อนเถอะ ป้ะพาเขาเข้าม.ได้ละ" คนผมจุกรีบตัดบท แล้วจูงมือผมเข้าม.โดยไม่ถามผมสักคำว่าจะไปกับเขาด้วยมั้ย ม..แม่จ๋า ช่วยลิตด้วย!!'

.........

........

.......

...~...

........

.........

และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ใช่ครับ ผมกับเขาคนนี้อยู่คณะเดียวกัน ผมนี่อยากกลับไปเลือกคณะใหม่เลย!

"ไม่ยักรู้ ว่าคนตัวล็กอย่างมึงจะเรียนวิศวะด้วย" คนที่ชื่อธัตย์ถาม

"ก..ก็เราชอบอะไรแบบนี้น่ะ เราผิดหรอที่เลือกคณะนี้!" ผมตอบกลับเขาไปอย่างนั้นก็จริง แต่ทำไมเขาต้องถามผมอะไรแบบนี้ด้วย ผมชอบคณะนี้มันผิดตรงไหน เดะก็ต่อยคางแตกเลยนี่!

"ป๊าว ก็แค่สงสัย" แหม๊ะ! มีเสียงสูงใส่อีก

"เชอะ!!" ผมไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ตอนนี้แหละ ชอบทำหน้าทำตากวนส้นเท้าอยู่ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไปทำไม แต่ช่างมันก่อน ดีเท่าไหร่แล้วที่นั่งติดริมหน้าต่างห่างไกลจากผู้คน รู้สึกอุ่นใจนิดนึง

"เห้ยพวกแก จารย์ให้เลือกบัดดี้ว่ะ สนใจมั้ย" เพื่อนผู้หญิงคนนึงในห้องถาม ซึ่งทำให้ผมงงงวยเข้าไปอีกว่าทำไมถึงรีบเลือกบัดดี้เร็วจัง นี่ยังไม่ทันได้ทำกิจกรรมพวกรับน้อง แม้แต่แนะนำตัวก็ยังไม่ได้เริ่มเลย

"เอาดิ งั้นจับฉลากเลือกคู่

กฎกติกาก็คือ เมื่อจับฉลากเลือกบัดดี้แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนคนได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรืออะไรก็ตาม" เพื่อนให้ห้องอีกคนยกกล่องจับฉลากมาวางไว้บนโต๊ะหลักของห้อง ทำเอาผมช็อกแข็งทื่อไปทั่วร่าง สาธุภาวนาไม่ให้ได้ไอคนที่ชื่อ 'ธัตย์' มาเป็นบัดดี้ผมด้วยเถอะ!!!

"เราเขียนชื่อจริงของทุกคนไว้ในกระดาษแล้ว งั้นเริ่มละนะ!!" ซึ่งการจับฉลากในครั้งนี้เป็นการจับฉลากเลือกบัดดี้หรือคู่หูคู่หากัน จะเรียกว่าธรรมเนียมก็ไม่ถูก จะเรียกเป็นประเพณีก็ไม่เชิงเพราะทำแบบนี้กันมาตั้งแต่รุ่นพี่ปีก่อนๆนู้น ผมตื่นเต้นและลุ้นมากเลยว่า จะได้ใครเป็นบัดดี้ จนเวลาก็เลยเถิดผ่านไปกว่า 30 นาที อาจจะเป็นเพราะห้องผมมีนักศึกษาเยอะเลยทำให้การจับฉลากนั้นค่อนข้างที่จะช้าอยู่พอสมควร

สัสเอ้ย ช้าฉิบหาย!!

.

"ไอธัตย์ คิวมึงละ" มาร์คเดินไปหาธัตย์ ใช้หมัดสะกิดไหล่ไปหลายที อีกฝ่ายรู้สึกแล้วก็นิ่วหน้านิ่งเงียบ

"เออ" นั่งเงียบอยู่สักพักก็เบ้ปาก กรอกตาไปมาเหมือนคนเบื่อหน่าย นัยตาเขาดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ และดูการตอบกลับของเขาสิ ช่างเย็นชาอะไรขนาดนี้!

ธัตย์ยันตัวเองให้ลุดขึ้นจากเก้าอี้สีน้ำตาล เดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปยังกล่องตรงหน้า ทำหน้าทำตาคลับคล้ายคลับคลาจะหยิบกระดาษ ลุกลี้ลุกลนอยู่นั่นแหละแล้วเมื่อไหร่จะหยุดสักทีล่ะ และหลังจากนั้นมันก็ตัดสินใจที่จะหยิบกระดาษออกมาจากกล่องจับฉลาก ดูซิ มันจะได้ใครเป็นบัดดี้!!

"ไอ้ธัตย์มึงได้ใครวะ!!" ไอ้มาร์คตะโกน

.

"เลอศิลป์ ใครเลอศิลป์วะ?" ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม นั่น นั่นคือชื่อของผม ให้ตายเถอะ...ให้ตายเถอะซาร่าทำไมมันต้องเป็นผมด้วยล่ะเนี่ย Oh My God! ผมชะงักไปครู่ใหญ่นานพอที่จะทำให้ใครบางคนหันมามอง

'ทำไมวะทำไมต้องเป็นผมด้วยเนี่ย!!'

.

"เฮ้ย มึงใช่ไหมเลอศิลป์?" ผมได้สติกลับมาในจังหวะที่เขาพูดชื่อจริงของผม ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอีกครั้งนึงแต่ก็นิ่วหน้าอย่างอารมณ์ ดูการพูดของเขาสิเขาพูดแบบพูดไม่มีมารยาทเลยอ่ะคือเขาพูดมึงมึงกูใส่ผมด้วยโหไม่น่าให้อภัยมากๆ!!

"เหอะ ใครอ่ะ? เลอศิลป์? เราไม่รู้จัก" ผมทำท่าบอกปัดๆไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรอดไปจากฝีปากของคนคนนี้ได้เลย

" หึ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงเป็นบัดดี้กู" เขายิ้มเยาะใส่ผมและแค่นหัวเราะในลำคอซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ผมก็ไม่คิดเลยว่าผมจะได้เขามาเป็นคู่หูหรือคู่บัดดี้ของผมเลย ผมอยากจะต่อยหน้ามันสัก 2-3 หมัดแล้วก็จากไปอย่างไรเยื่อใย

'โถๆๆๆดูฝีปากมันพูดสิครับทุกคน ผมเกลียดเขามากเลยอ่ะ!!'

หลังจากที่กิจกรรมการเลือกบัดดี้นั้นได้เสร็จสิ้นลง ก็ทำให้ผมนั้นหมดแรงออดๆแอดๆ ไม่แรงเรียนต่อ ไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อาจารย์สอนเลยแม้แต่น้อย ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่กินข้าวก็ยังไม่มีแรงจะยกช้อนขึ้นมาแดกโอ้โห...ผมบอกเลยนะครับนี่มันของจริง ผมรู้แล้วว่าอาการเหนื่อยมันเป็นอย่างนี้นี่เองและผมก็ปวดหัวกับไอ้คนที่ชื่อว่า 'ธัตย์' มาก มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องเป็นแม่เลี้ยงเด็กเหมือนเขาเป็นเด็กตลอดเวลาซึ่งทำให้ผมแบบ...หึ่มมม

.........

........

.......

...|...

...|...

...|...

...|...

...|...

...ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ...

และเมื่อเราได้อยู่กันสองคน สรรพนามในการเรียกชื่อมันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น มัน, เห*้ย, เปตรสึ, ก้าง ฯลฯ ซึ่งมันเยอะมาก จนบางทีผมอาจไปเรียกชื่อจริงของมันแล้วมันก็เกือบจะโมโหใส่ผมด้วยก็มี แต่เวลาคุยกับมันผมก็จะแทนตัวเองว่าเราอยู่เสมอซึ่งผมรู้สึกว่าโอเคนะ ที่ใช้คำว่าเราแทนตัวเองได้ และมันก็ไม่ได้ติดขัดอะไร

แต่ว่าความป่วนของไอ้ 'ธัตย์' มันก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้........

.

...ช่วงพักเที่ยง...

" เฮ้ย! ไอ้เศิล มึงหิวข้าวยังวะ? ตอนนี้กูโคตรหิวเลยว่ะ ไปโรงอาหารกัน" พูดจบมันก็ใช้แขนใหญ่ล่ำบึ๊กของมัน คล้องคอของผมแล้วลากผมไปที่โรงอาหารทันทีโดยไม่ถามผมสักคำเลยว่าผมจะไปกับมันด้วยไหม

" เฮ้ย! ทำอะไรเราเนี่ยเราเจ็บ!!" พูดตรงๆนะผมเจ็บจริงๆ

" เอ้า กูจะพามึงไปกินข้าวไง ดูตัวมึงซิเนี่ยผอมจนเห็นกระดูกหมดแล้ว เติมสารอาหารหน่อยก็คงจะไม่เป็นไรหรอกใช่ป่ะ เนี่ย ต้องเอาให้ครบ 5 หมู่เลยนะ มึงจะได้กล้ามใหญ่เหมือนกู" ดูสิครับ ดูมันทำมันเบ่งกล้ามแล้วโชว์ให้ผมดูว่ากล้ามมันใหญ่แค่ไหนซึ่งจากสายตาที่ผมดูแล้วมันดู.... เฮ้อ ช่างมันเถอะผมเอือมระอากับมันเหลือเกิน ใครเห็นก็อายแทนผมบางแหละ

"มึงจะกินอะไรล่ะ ยำวุ้นเส้นหรือข้าวผัดหรือผัดผักบุ้งไฟแดง มึงจะเอาอะไรมึงเลือกมาเดี๋ยวกูไปซื้อให้" แหม ทำทรงใจดีจะซื้อข้าวให้เรากิน โคตรหมั่นไส้เลยว่ะ

"เราเอาอะไรก็ได้ที่...มันไม่เผ็ด มันไม่หวาน มันไม่จืด มันไม่ขม มันไม่เปรี้ยว" ผมพูดประชดประชันมันไป สะบัดหันหน้าหนี

" งั้นก็ ไม่ต้องแดก" เสียงตอบกลับนั่นทำให้ผมรู้สึก ขนลุกไปตามๆกัน ผมหันไปมองหน้ามันหน้ามันดูจริงจังมากๆ ผมไม่คิดเลยว่าทำไมมันต้องจริงจังกับอะไรเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย แค่ข้าวเองนะ ผมอ่ะกินได้ทุกอย่างแต่ ... 'ทำไมวะ'

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมจึงก้มหน้าลง พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และผมก็ตอบมันกลับไปว่า "งั้นเราเอาข้าวผัดกับไก่ทอดแล้วกัน เดี๋ยวน้ำเราไปซื้อเอง" ผมพูดไปแบบนั้น และผมก็เงยหน้ามามองหน้ามันอีกรอบนึง แววตาของมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นหมาดีๆนี่เอง แววตาของมันมันเปล่งประกายออกมาจนทำให้ผมใจเต้น(?) นี่มันเป็นคนยังไงกันแน่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็บึ่งฝีเท้าออกไปซื้อข้าวและไก่ทอดให้ผมโดยไว ซึ่งมันเร็วมากจนผมมองไม่ทัน

ผมเลยจำใจเดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนโต๊ะหนึ่งในบริเวณนั้น ผมนั่งคิดเรื่องงานจนผมเหม่อลอยไปตามความคิด แต่มันก็นานพอที่ผมจะรู้สึกตัวว่าผมโดนอะไรบ้าง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ผมโดนน้ำแดงสาดเข้าหน้าอย่างจัง

"นี่!! อย่ามายุ่งกับพี่ธัตย์ของฉันนะ พี่ธัตย์นะเป็นแฟนของฉัน!!" มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสะสวยมาก ทำผมลอน ปากนี่แดงแจ๋ กระโปรงของนักศึกษาสั้นจนเห็นขาอ่อน ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าเนี่ย ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ไอ้ธัตย์มันมีแฟนด้วยหรอวะ? คนอย่างมันเนี่ยน่าจะมีแฟนด้วย? น่าสงสัย..

.

'ตึก'

" มาแล้วมึ--" เสียงอันแสบหูที่คุ้นเคยกำลังย่างก้าวเข้ามาในเขตแดนที่ผมนั่งอยู่

" อ้าว ฟ้า? มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ?" มันทำหน้าทำตาน่างงๆ

" ก็เนี่ย ฟ้าน่ะแค่อยากจะเอาน้ำแดงมาให้กับลิขิตน่ะ แต่น้ำแดงมันดันหลุดมือมันก็เลยไปโดนตัวของลิขิตพอดีเราขอโทษด้วยนะลิขิต" ตล. จังครับ.. ผมบอกเลยว่า ผมมองจิกผู้หญิงคนนี้มากๆ เขาทำกับผมแบบนี้ทำไม ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือว่าผมจะใกล้ชิดกับไอ้ธัตย์มากเกินไป เขาก็เลยต้องการที่จะทำอย่างนี้

" ไอ้ธัตย์ พาเราไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องแกที เราไม่ไหวแล้วตัวเหนียวเหลือเกิน" ผมพูดแบบประชดประชันก่อนที่จะเดินดึงแขนของมันไปที่ห้องพักทีโดยเร็ว สายตาที่มันมองผมมาทางผม มันคงจะบอกว่าอะไรของมึงเนี่ย กูยังคุยกับน้องฟ้ายังไม่เสร็จเลย ส่วนข้าวน่ะเหรอ....กับคงกับข้าวไม่ต้องกินมาแล้วไม่หิวแล้วโดนน้ำแดงอัดหน้า

.

"เอานะฟ้าใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวเราค่อยหาทางมาแก้แค้นมันทีหลัง" เสียงเพื่อนผู้หญิงอีกคนดันมาสมทบ

"อย่าคิดว่าจะหนีรอด 'นังร่าน'!"

' ฮัดชิ้ว!! หวัดกินปอด!'

.

......................

...ห้อง XX0...

" มึงคิดดีแล้วหรอ ว่าจะมาเปลี่ยนเสื้อห้องกู?"

" ใช่ ทำไมหรอ?"

" เปล่า กูถามเพื่อความแน่ใจ"

ผมเบือนหน้าหนีไม่คุยกับมันอีก และผม ก็ค่อยๆถอด กระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ด จนถึงเม็ดสุดท้าย และ ผมก็ถอดกางเกงสีดำออก จนเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของผม และจู่ๆผมก็เห็นไอ้ธัตย์มันมองผมไท่ละสายตา ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร และผมก็ยังคงถอดต่อไปโดยไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย

"มึงอ่อยกูหรอ?" มันทำเสียงเข้ม เสียงดุ จนทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นี่มันเป็นเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินออกจากปากมันเลยสักครั้ง

" จะบ้าเหรอ! นี่คิดอะไรอยู่เนี่ย!" ผมเดินไปตรงหน้ามัน ผมหิ้วหน้าใส่

"เดินมานี่ อ่อยกูชัวร์" มันยิ้มเจ้าเล่ห์ แถมมองหน้าอกผมอีกต่างหาก ร..ร..โรคจิต!!!!

" อะไรของแกเนี่ย! เราก็เป็นผู้ชายนะ!" ผมตะคอกออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ผมรีบเอาผ้าขนหนูมาปิดทุกส่วนของร่างกายเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นอีก

"ผู้ชายอะไร ร่างกายอย่างกับผู้หญิง ไม่รู้ว่าจะมีจู๋มั้ยนะ"

แรงมากนะแม่ กล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?!

"กูหยอกเล่น มึงคิดอะไรเนี่ย" มันแค่นหัวเราะอีกครั้ง ก่อนที่หน้าของผมจะเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

"เฮ้อ..ช่างมันเถอะ รีบๆอาบแล้วจะได้รีบไปเรียนต่อ"

"อือ" บทสนทนาเริ่มเงียบฉี่ลงผมก้าวเรียวขาสีนวลของผมเข้าไปยังห้องน้ำของอีกฝ่าย โดยไม่รีรออะไรใดๆ และอาการหน้าแดงของผมก็ไม่หายไปเลยหลังจากเข้ามาในห้องน้ำ ผมก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมต้องหน้าแดงกับไอ้ธัตย์คนนี้ด้วย นี่ผมกำลังรู้สึกดีอะไรกับมันอยู่หรือเปล่าเนี่ย..

บรือ!! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!!

...****************...

ช่วง คุยกะแอดอี๊แอดนะค้าบ

เนื้อหาจะออกงงๆหน่อยเพราะแต่งแบบนี้ครั้งแรกครับ ใครไม่ชอบก็ขออภัยด้วยน้า คราวหลังจะปรับปรุงใหม่นะครับผมมมมมม

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!