‘อย่า อย่าเข้ามาน้ะ อย่าเข้ามา’ หญิงคนหนึ่งได้ล้มลงกับลงกับพื้น พยายามที่จะถอยหลังหนีชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวคนนั้นได้คว้าท่อนไม้ที่ตกอยู่บริเวณซ้ายมือของเธอแล้วกำไว้เเน่นพยายามตะโกน ’ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ‘หญิงสาวพยายามตะโกน เเต่บริเวณนั้นเป็นซอยเเคบ ไม่มีผู้คนอาศัย
‘เจ้าหนีข้าไม่ได้หรอก ที่นี้มีเเค่ข้ากับเจ้าวันนี้เจ้าต้องตายอยู่ดี ฮ่าฮ่าฮ่าาาาาา’ ชายคนนั้นกลับยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้าหญิงสาว เเล้วพยายามเอามือมาบีบคอเเต่หญิงคนนั้นได้เอาไม้ในมือตีเข้าไปบนข้อมือของชายคนนั้นอย่างจัง แต่ไม่เป็นผล ชายคนนั้นไม่รู้สึกเจ็บแม่แต่นิดเดียว แล้วได้ปัดไม้นั้นทิ้งไป บีบคอของหญิงสาวนั้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามดิ้นเเต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
‘ปล่อยฉันเถอะ\~\~’ หญิงสาวพยามขอร้อง ด้วนน้ำเสียงที่อิดโรยเต็มที
‘ของดีแบบนี้ ปล่อยไปก็เสียดายของ’ น้ำเสียงของชายคนนั้นพูดออกมาอย่างน่ากลัว
ทันใดนั้นนายผู้นั้นได้กัดลงไปบนต้นคอของหญิงสาว “อ้าาาาาา\~\~\~” หญิงสาวกรื้ดออกมาอย่างทรมาร
“คัด” ผู้กำกับตะโกนดังลั่นกองถ่าย
“วันนี้ พอแค่นี้ก่อนอาทิตย์หน้าเจอกัน” ผู้กำกับเดินมาบอกฉัน
ฉันกำลังเดินไปที่รถคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลและก็พยายามที่จะมองหาผู้จัดการและผู้ช่วยเดินถึงรถแล้วเเต่กลับไม่พบพวกเขาสองคน ดังนั้นฉันเลยยืนเล่นมือถือระหว่างระสองคนนั้น กลับมีมือคู่หนึ่งพร้อมยืนมาพร้อมกลับไอศครีมรสช็อคโกแลตที่ชอบ
“เป็นไงบ้านจ่ะเรเน่แม่ดารานักแสดงดังระดับประเทศทั้งสวย ทั้งรวย” พี่หลินเอ่ยปากชม พร้อมกับยืนไอศครีมมาให้
“ขอบคุณผู้จัดการของนักแสดงสาวสวยคนนี้สำหรับไอศครีมจ้า” ฉันแซวหลินกลับพร้อมยกไอศครีมเข้าปาก
“แล้วซินละหายไปไหน” ฉันพยายามชะเง้อมองไปรอบๆ
“กำลังซื้อของ น่าจะกำลังมาแล้วรอสักหน่อยเถอะ” พี่หลินพูด
“มาแล้ว มาแล้วเห้อเหนื่อยมากๆ” ฉันมองไปยังซินที่กำลังวิ่งอย่างเหนื่อยล้าในมือถือถุงขนมเต็มไปหมด
“ไหนๆ มีอะไรให้กินบ้าง” ฉันพูดระหว่างที่คว้าไปหยิบถุงในมือของซิน แล้วได้ก้มลงงไปมองขนมในถุงเเต่ทันใดนั้น
“ไม่ได้พี่เรเน่กินไม่ได้แล้ว นี้มันจะค่ำแล้วเดี๋ยวอ้วนแค่ไอศครีมนั้นก็200กว่าเเคลแล้ว อันนี้ห้ามกิน” ซินดึงถุงขนมในมือของฉันกลับ
“ขึ้นรถได้แล้วไป แย่งขนมกันเป็นเด็กไปได้” พี่หลินขพูดขัดขึ้นมาก่อนที่ฉันจะเอามือไปชิงถุงขนมมาจากซิน
ฉันได้ขึ้นไปนั่งบนรถโดยที่มีซินนั่งข้างกับพี่โชเฟอร์ขับรถ แล้วพี่หลินนั่งข้างฉัน โดยภายในรถเงียบสงบต่างคนต่างเล่นมือถือกันฉันมองไปยังรอบๆ ของของถนนกลับได้เห็นรูปภาพของตัวเองเต็มไปหมดไม่ว่าจะทั้งป้ายหน้าตึกและป้ายรถเมย์
‘ครืน ครืน\~\~\~\~’ เสียงฟ้าร้องกล้องทั่วท้องฟ้า พร้อมกับมีเมฆดำลอยมาอย่างหน้ากลัวฉันเงยหน้าไปมองท้องฟ้าที่ดำมืด ได้เห็นฟูงนกที่กำลังบินกันทั่วท้องฟ้า ‘เปรี้ยงงงงง!!!!’ เสียงฟ้าฝ่าลงมาที่ต้นไม้ข้างๆ ถนน
“แย่แล้วเจไดลูกชายฉันกลัวเสียงฟ้าเป็นที่สุด” พี่หลินอุทานขึ้นมาอย่างกังวลใจ
“เเย่แล้วเหมือนกัน ฉันก็ยังไม่เก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เลยแล้วพรุ่งนี้ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดอีกจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่กันละคราวนี้” ซินที่ตกใจเช่นเดี่ยวกับพี่หลินได้มีท่าทีที่กังวลใจเป็นอย่างมาก
“เอางี้เดี่ยวฉันลงซุปเปอร์มาเก็ตด้านหน้านี้ละกัน แล้วให้พี่โชเฟอร์ไปส่งซินกับพี่หลิน” ฉันพูดขั้นมาระหว่างทุกคนกำลังเครียด
“ไม่ได้ นี้มันจะดึกแล้ว ฝนก็กำลังจะตกให้แกกลับคนเดียวได้” พี่หลินพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่เป็นไรพี่หลินซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านนิดเดี่ยว เดินไปก็ถึง อีกอย่างเมื่อฉันเดินมาซื้อของจนชินแล้วอีกทั้งฝนก็ยังไม่ตกแค่นี้สบายมาก บ้านพี่กับซินอยู่ตั้งไกลรีบกลีบไปดูลูกและให้ซินรีบกลับไปเก็บผ้าเถอะ” ฉันพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่ด้านข้างขึ้นมาสะพาย
“ ‘งั้นมีอะไรให้โทรมาน้ะ” พี่หลินพูด
“พี่โชเฟอร์คะจอดหน้าซุปเปอร์มาเก็ตให้หน่อยค่ะ” ฉันพูกกับพี่โชเฟอร์
“จะมืดแล้วเดินดีๆ ละ อีกอย่างขนมกับไอศครีมนั้นห้ามกินแล้วจำไว้ด้วยน้ะ” พี่หลินพูดพร้อมชี้นิ้วมาทางฉัน
“รู้แล้วน่า บ๊ายๆๆๆ” ฉันพูดพร้อมโบกมือลาพี่หลินและซินจนประตูรถปิดลงและรถได้เคลื่อนตัวออกไกลเรื่อยๆ หลังจากนั้นฉันได้เดินไปยังซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อที่จะเลือกซื้อของกิน ไปกินในช่วงกลางคืน ‘พี่หลินบอกไม่ให้กินขนมตอนกลางคืนนี้ เเต่พี่หลินไม่รู้แปลว่ากินได้’ ฉันพุดในใจแล้วมือก็หยิบขนมจากชั้นวางมาใส่ในตระกร้าและก็ยังเดินวนเพื่อที่จะเลือกซื้อขนมอีกจนได้เดินไปหยิบไอศครีมมาแท่งนึ่งแล้วได้เดินไปจ่ายเงิน
‘ครืนๆๆ\~\~\~\~\~’ เสียงท้องฟ้าร้องอย่างหน้ากลัว ฉันได้เดินออกมาด้านหน้าของซุปเปอร์มาเก็ต แล้วตกใจเป็นอย่างมากเพราะว่าเมื่อเข้าไปในซุเปอร์เก็ตไม่กีนาที่ ตอนออกมากลับมืดครึ้ม ด้วยเมฆดำปกคลุมทั่วพื้นที่ทำให้ตกใจและกลัวเล็กน้อย
“แม่หนู แม่หนู” ยายเเก่ในมือถือไม้ท้าว ใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวและใส้ผ้าถุงสีดำเดินมาทักฉัน
“ว่าไงคะยาย มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันตกใจแล้วก็หันไปพูดกับยายคนนั้น
“ยายขอขนมหนูสักหนึ่งห่อได้ไหม ยายหิวมากเลย” ยายเอ่ยพร้อมกับชี้มาทางถุงขนมของฉัน
“ได้ค่ะๆ” ฉันล้วงมือไปหยิบขนมมาให้ยายหนึ่งห่อพร้อมกับน้ำอีกหนึ่งขวด แล้วยืนให้ยาย
“ขอบคุณแม่หนู ชีวิตหนูน่าสงสารนัก เห้อ!!!!” ยายเอ่อปากขอบคุณแล้วก็ถอนหายใจพร้อมส่ายหัวเหมือนกับรู้สึกสงสารฉัน
“สงสารยังไงคะยาย หนูไม่ได้ลำบากอะไรเลยน้ะชีวิตตอนนี้ดีขึ้นด้วยซ้ำ” ฉันเอ่ยปากพูดอย่างมั่นใจ
“จะ 25แล้วใช่ไหม ชีวิตหนูนี้น้ะขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นจิงๆ” ยายพูดออกมา พร้อมถอนหายใจอีกครั้ง
“ยายรู้ได้ไงคะว่าหนูจะ25แล้ว แล้วชีวิตหนูจะขึ้นอยู่กับคนอื่นกับใครหราค่ะยาย” ขึ้นพูดขึ้นมาอย่างสงสัยแและมึนงง
“เอาหน่าเดี๋ยวสักวันก็รู้เอง เอานี้ไป” ยายยื่นมือไปล้วงในกระเป๋าเสื้อ เเล้วหยิบสร้อยนึงขึ้นมาแล้วส่งมาให้กับฉัน ฉันมองไปยังสร้อยนั้นเป็นรูปเหมือนไม้กางเขนเล็กพร้อมอักษรภาษาอะไรเขียนอยู่ระหว่างไม้กางเขนนั้น ยิ่งทำให้ฉันงงไม่รู้อีกว่ายายคนนั้นต้องการอะไร
“เอาใส่ไว้ตอนวันเกิดของทุกปีหลังจากนี้ แล้วก็วันเดือนมืดและเดือนดับ ห้ามถอดออกเป็นอันขาดถ้าเป็นคืนปกติถอดได้ปกติ ห้ามหายจำไว้” ยายเอ่ยปากบอกแต่ทำให้ฉันกลับงงหนักยิ่งกว่าเดิม
‘เปรี้ยงงงงง!!!!!’ เสียงฟ้าผ่าดังเป็นอย่างมากฉันหันหลังกลับไปมองท้องฟ้าที่เห็นประกายแสงที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า แล้วหลังจากที่ฉันหันหลังกลับมาเเต่ไม่เห็นยายผู้นั้นยื่นอยู่แล้ว เห็นเพียงเเค่ขนมกับน้ำที่วางไว้บนพื้น ฉันจึงได้หยิบขนมและน้ำนั้นกลับมาใส่ในถุงเหมือนเดิม แต่มืออีกข้างที่ยังกำสร้อยนั้นไว้อย่างดี
‘สร้ายนี้มันอะไรกัน แต่ก็สวยดีเก็บไว้ก่อนละกัน’ ฉันมองไปยังสร้อยในมือ
ฉันที่กำลังเดินกลับบ้านแม้มีเเสงสว่างเเค่น้อยนิดและบรรยากาศที่น่าสยดสยองท่ามกลางต้นไม้รอบๆ ด้าน อีกทั้งถนนนั้นไม่มีผู้คนเดินเลยเนื่องจากฝนจะตกท้องฟ้าที่มืดคลื้มไปทั่วบริเวณพร้อมต้นไม้ที่สั่นไหวอยู่ทั่วขณะ ฉันที่จับมือถือเพื่อเปิดไฟฉาย และก็เดินไปยังบ้านของตัวเองที่เข้าไปด้านในของซอยนั้นประมาณ 100 เมตรสองข้างทางยังมีทั้งต้นไม้ใหญ่และกอหญ้าที่รกมากฉันได้เดินแบบกล้าๆ กลัวๆ หลักจากที่ได้เดินมาสักระยะมีต้นไม้ใหญ่มากๆ แต่ไม่รู้ว่าต้นไม้อะไร ‘บรรยากาศตอนนี้อย่างกับในหนังผี’ ฉันนึกในใจพร้อมกับกำมือถือแน่น
เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าฝ่าลงมาตรงต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าแสงสว่างส่องไปทั่วบริเวณแต่สายตาฉันนั้นเหลือบไปมองบนต้นไม้เห็นเงาดำๆ ที่มีดวงฟ้าสีฟ้าน่ากลัวมาก "อ๊าาาาาาา ผะ ผะ ผะผี ผีหลอก”
ฉันกรี๊ดร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งถนน หลังจากนั้นภาพก็กลับเป็นสีดำ
500 ปีที่แล้ว
ณ เมือง ที่เป็นเผาพันธุ์ปีศาจหลากหลายตระกูล มีตระกูลใหญ่ 3ตระกูล ตระกลูฟาเผาพันธุ์จิ้งจอกหัวหน้าชื่อ ฟาเนส ลักษณะเด่นของตระกลูนี้ผู้ที่บำเพ็ญวิชาปีศาจเยอะจะมีหางจิ้งจอกหลายหาง และมีดวงตาสีเทานิสัยเป็นมิตรกับตระกลูอื่นๆ ตระกูลต่อมาตระกูลด็อสเผาพันธุ์หมาป่า ที่มีหัวหน้าชื่อทาด็อส มีลักษณะเด่นก็ตคือดวงตาสีแดงก่ำแสนน่ากลัว และมีฟันที่แหลมคม นิสัยชอบความรุนแรงโหดเหี้ยม ไม่รับฟังใครๆ ส่วนตระกูลสุดท้ายนั้น ชื่อว่าตระกูลดาเป็น เผาพันธุ์ค้างคาวหรือแวมไพร์มีหัวหน้าชื่อ นาดาซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในเผ่าพันธ์ุปีศาจที่เป็นหัวหน้าตระกูล ลักษณะ เด่นก็คือดวงตาสีฟ้าอันเย็นชา นิสัยเป็นมิตรกัลป์ทุกตระกูล ทุกตระกูลนั้นส่วนมากจะสวมชุดสีดำ และอีกทั้งปีศาจนั้นจะไม่มีวันแก่และไม่มีวันตายถ้าจะตายได้จะต้องทำการสละชีพ หรือโดนคนที่มีพลังขั้นสูงดูดกลืนพลังเท่านั้น
“ทุกๆ ท่านโปรดฟังข้า” ชายคนหนึ่งเดินออกมาหยุดอยู่หน้าของแต่ละตระกูล
“มีเหตุอะไร ถึงเรื่องพวกข้าออกมา” ลูกน้องของตระกูลฟาได้เอ่ยถาม
“นี้คือดวงวิญญาณที่มีพลังมหาศาล ผู้ใดได้กลืนกินเข้าไปจะไม่มีใครต่อกรได้” ชายผู้นั้นได้หยิบดวงวิญญานที่เป็นลักษณะกลมๆ เล็กๆ ขึ้นมาโชว์ให้ทุกๆ ตระกูลดู ทำให้ทุกคนนั้นถึงกับอึ้งและตกใจกับดวงวิญญาณนั้นเนื่องจากเรื่องนี้เป็นตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาแต่ไม่เคยมีใครได้พบเห็น
“รู้ได้ยังไงว่ามันเป็นดวงวิญญาณนั้นจริงๆ” ทาด็อสได้เอ่ยถาม
“เพราะข้านี้ไงที่บอกข่าวต่อๆ กันมา ข้าเก็บดวงวิญญาณนี้มานับ1000ปี” ชายคนนั้นตอบ
“ใครทำให้ข้าได้กลายเป็นมนุษย์ได้ข้าจะมอบให้แก่คนนั้น” ชายคนนั้นพูด
เนื่องจากชายผู้นี้ได้แอบลงไปเมืองมนุษย์จึงได้พบรักกับมุนษย์หญิงสาวคนนึ่ง เข้าเลยตัวสินใจที่จะกลายเป็นมนุษย์แทน การจะกลายเป็นมนุษย์นั้นจึงต้องหา ปีศาจผู้ที่มีพลังแกล่งกล้าจริงๆ ที่จะเป็นเปลื่ยนนจิตใจและรูปร่างได้
“ข้าจะลองเอง” ชายคนหนึ่งในตระกลูฟาเอ่ยพูด
หลังจากชายคนนั้นไม่สามารถทำได้ ทุกๆ คนต่างกันมาลองแต่กลับไม่มีใครทำได้
“ไปจัดการมันสะ แล้วเอาดวงวิญญาณนั้นไม่ข้า” ทาด็อส สั่งลูกน้องคนสนิท ให้ไปฆ่าชายผู้นั้นแล้วแย่งชิงดวงวิญญาณนั้นมา
“ได้ครับนายท่าน” ลูกน้องคนนั้นตอบรับ
หลังจากนั้นลูกน้องของทาด็อสได้กำจัดชายผู้นั้นออกไป แล้วได้แย่งชิงดวงวิญญาณนั้น มาจนทำให้หลายๆ ตระกูล กลับไม่พอใจ จึงได้เกินการแย่งชิงกันในที่สุด สุดท้ายดวงวิญญาณนั้นได้ตกลงไปในโลกมนุษย์ ทำให้ทุกคนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก
“เราจะทำยังไงดี มันตกลงไปแล้ว “ชายคนหนึ่งได้เอ่ยถาม
“พวกเจ้ากล้าแย่งของข้า ได้อย่างไร” ทาด็อสเอ่ยอย่างน่ากลัว จึงทำให้ทุกคน กลัวกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากทาด็อส นั้นมีนิสัยที่โหดเหี้ยม
“นั้นๆ ถามเจ้านั้นดูว่ารู้วิธีหรือเปล่า” ลูกน้องของทาด็อส ได้ชี้นิ้วไปทางใช่ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่
“เจ้านั้นเป็นใคร” ทาด็อสเอ่ยปาก
“ข้าเห็นมันมากับชายผู้นั้น” ลูกน้องตอบ
ทาด็อสได้เดินไปยังผู้ชายคนนั้น จนทำให้ชายคนนั้นกลัว แล้วกลับหันหลังจะวิ่งหนีไป แต่ลูกน้อง ทาด็อสได้จับตัวชายคนนั้นมาทัน
“บอกข้ามามีวิธีอย่างไรถึงจะได้ดวงวิญญาณนั้นกลับมา” ทาด็อสทำเสียงขู่ชายคนนั้น
“ขะข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ นะ” ชายผู้นั้นตอบเสียงสั่นๆ
“จะบอกดีๆ หรือจะตายตาม เจ้านั้นไป ถ้าเจ้าบอกข้า ถ้าสัญญาจะไม่ฆ่าเจ้า” ทาด็อสตะโกนเสียงลั่น
“ข้าแค่รู้มาว่า ดวงวิญญาณที่ตกไปหรือหายไปในโลกมนุษย์ จะกลับได้เกิดเป็นมนุษย์ในอีก500ปีข้างหน้า” ชายคนนั้นพูดเสียงเบาๆ
“แล้วพวกเราจะรู้ได้ยังไง ว่าใครคือดวงวิญญาณนั้น” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยถาม
“เอ่อคือว่า ถ้าดวงวิญญาณนั้นได้เกิดแล้ว อายุครบ25ปีบริบูรณ์ จะมีแสงสีแดงออกมาจากในตัวของคนผู้นั้น เอง แต่ก็จะไม่ได้เห็นทุกวัน ทุกท่านจะได้ เห็นดวงวิญญาณนั้นในวันเดือนดับและวันเกิดแต่ละปีเท่านั้น” พอเอ่ยปาก เสร็จผู้ชายคนนั้นรีบวิ่งหนีออกไป แต่สุดท้ายกลับโดนฆ่าตายด้วยฝีมือของทาด็อส
“ไหน เจ้าบอกว่าจะไม่ฆ่า” ฟาเนสที่ยืนอยู่นานกลับไม่พอใจ
“ข้าไม่สนใจทั้งนั้นแหละ ไปพวกเจ้ากลับ” ทาด็อส ได้สั่งลูกน้องของเค้าให้กลับ จนทำให้หลายๆ ตระกูลแยกย้ายกันกลับไป
“มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ครับท่านแม่” เด็กชายคนหนึ่งที่ เดินอยู่ข้างแม่ของตัวเองได้เอ่ยถาม
“มันน่าจะเป็นเรื่องจริง ทำไมล่ะลูกต้องการดวงวิญญาณนั้นหรอ” หญิงผู้นั้นที่ชื่อดานาตอบ
“ใช่ครับท่านแม่ผมอยาก มีพลัง แกร่งกล้า” เด็กชายคนนั้นตอบ
“ถ้าอย่างนั้นลูกต้องบำเพ็ญเพียร ให้ครบทั้งสามขั้น” นาดา ได้ตอบลูกพลางลูบหัวไปด้วย
“ได้ครับท่านแม่ ผมจะตั้งใจบำเพ็ญ” เด็กชายคนนั้นตอบ
.
.
.
.
524ปีต่อมา
ในบรรยากาศอันเงียบสงบในถ้ำเห่งหนึ่ง มีแสงอ่อนๆ ทำให้เห็นชายผู้หนึ่งที่มีรูปร่างอันดีงาม และใบหน้าที่หล่อเหลาพร้อมกับดวงตาสีฟ้าที่มีเสห่น์นั่งบำเพ็ญอยู่ผู้เดียวซึ่งชายผู้นี้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลดา
“ดาคเน็สเจ้าพร้อมรึยัง วันนี้จะเป็นวันที่ประตูทั้งโลกมนุษย์ และโลกปีศาจเปิดออกพร้อมกัน” หญิงสาวผู้หนึ่งเดินมา แล้วได้เอ่ยถามชายผู้นั้น
“พร้อมครับท่านแม่” ดาคเน็สตอบกลับอย่างนิ่งเฉย
หลังจากนั้นหญิงสาวได้เดินมาส่งลูกชายของตนที่หน้าประตูโลกมนุษย์
“เจ้าจงจำไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดรู้ว่าเจ้าเป็นปีศาจเพราะมนุษย์พวกนั้นจะกลัวเจ้า” ทาดาได้บอกลูกชายของตน
ดาคเน็สได้แค่พยักหน้าตอบเท่านั้น
“ไปเถิดเดียวประตูจะเปิดเอา” นาดาได้เอามือมาตบบ่าเบาๆ
“อ่อ… อีกอย่างในวันคืนเดือนดับร่างกายเจ้าจะกลับมาเป็นเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถใช้การแปรงกายได้และห้ามที่สุดคือน้ำลายของมนุษย์ จะทำให้เจ้านั้นคืนร่างเดิมเช่นกัน” นาดาตักเตือนลูกชายอย่างเป็นห่วง
“ครับท่านแม่” ดาคเน็สตอบ
หลังจากเอ่ยลากันเสร็จเตรียมที่จะเดินไปยังประตูที่เป็นทางเชื่อมระหว่างสองโลกเข้าด้วยกัน
“เดี๋ยวๆๆๆๆ รอข้าด้วย ข้าไปด้วย” ไนท์วิ่งตะโกนมา
ไนท์เป็นลูกชายของฟาเนสที่เป็นหัวหน้าตะกูลฟา ซึ้งเป็นทั้ง2ตระกูลนี้สนิทกันเป็นอย่างมาก ไนท์ผู้นี้เป็นคนร่าเริ่งตลอดเวลาชอบในการเที่ยวเล่นเป็นอย่างมากและการที่จะได้ลงไปยังเมืองมุนษย์นั้นทำให้เค้าตื่นเต้นมาก
“ข้าไปด้วยน้ะๆๆ ข้าแค่อยากจะไปดูว่าเมืองมนุษย์นั้นเป็นยังไงก็แค่นั้นเอง ข้าๆ ไม่แย่งดวงวิญญาณนั้นหรอกน้ะ ข้าขอไปด้วยน้ะๆ” ไนท์ได้เดินมาจับนิ้วก้อยแกว่งไปมา
“ให้ไนท์ไปด้วยเถอะ ลูกจะได้มีเพื่อนไง” นาดาได้เอ่ยปากพูด
“น้ะๆๆๆ ข้าอยากไปด้วยจริงๆ” ไนท์ทำหน้าตาเรียกคะแนนสงสาร
“ได้” ดาคเน็สตอบสั้นๆ
“ไปแบล็คเจ้าต้องไปกับข้าด้วย” ไนท์เอ่ยปากบอกแบ็คที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“พวกเจ้าต้องแปรงกายด้วย” นาดาพูด
ทั้ง3คนได้แปรงกายให้เหมือนกับมนุษย์ที่สุด ทั้งการแปรงดวงตาให้เป็นสีดำ ทรงผม และเสื้อผ้าให้เหมือนกับมนุษย์ แล้วได้เดินทางไปยังโลกมนุษย์
.
.
.
โลกมนุษย์ที่บรรยากาศที่วุ่นวายเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันไปมาบนท้องถนนและเสียงพูดคุยกันเสียงดังและไม่น่าสนใจอย่างที่คิดไว้ โลกมนุษย์ที่แสนน่าเบื่อสำหรับดาคเน็สถึงแต่ไนท์จะดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
"จะเอาไงต่อดีจะไปอยู่ไหนกัน" ไนท์พูดอย่างกระตือรือร้นและสายตากวาดมองไปทั่วๆ บริเวณ
" หาบ้าน " ดาคเน็สพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"ของบ้านหลังใหญ่ๆ จะจัดปาร์ตี้" ไนท์พูด
"ในอีก 2 กิโลเมตรด้านหน้ามีบ้านประกาศขายอยู่ "ดาคเน็สพูดออกมาแล้วชี้นิ้วไปด้านหน้า
" รู้ได้ไงอะ สุดยอด"ไนท์ยกนิ้วโป้งขึ้นมาตรงหน้าดาคเน็ส
"เจ้ามันไม่ได้เรื่องแค่บำเพ็ญเพียรยังทำไม่ได้" ดาคเน็สพูดแทงใจดำใส่ไนท์
" ชิ "ไนท์ไม่พูดอะไรเพียงแต่สะบัดหน้าหนี.
ทั้งสามคนเดินมายังบ้านที่อยู่ตรงหน้าที่มีขนาดใหญ่มากลักษณะบ้านที่มีสวนต้นไม้อยู่ข้างด้านในของตัวบ้านนั้นมีฟอนิเจอร์ที่หรูหราพร้อมห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ดูทันสมัยส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอนที่จัดไว้พร้อมอยู่ได้เลย ทั้งสามคนตกลงซื้อบ้านหลังนี้
"ข้าจะออกไปด้านนอกเยื่ยมชมเมืองมนุษย์ให้สมแก่ใจ" ไนท์พูดเสร็จแล้วหันหลังและเดินออกไป
ดาคเน็สอยู่ดูบรรยากาศรอบๆ แต่กลับไม่ชอบที่มันดูโล่งจนเกินไปจึงใช้พลังเพื่อที่จะเสกตันไม้เพิ่ม จนทำให้บ้านนั้น กลับดูมืดคลื้มขึ้นมาทันใด
ดาคเน็สเพื่อที่จะตามหาดวงวิญญาณนั้นก่อนเวลาจึงได้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อที่จะสำรวจแดนมนุษย์ให้ละเอียดและให้คุ้นชินกับการใช้ชวิต
เวลา 18.12
ดาคเน็สได้ออกมาหาเบอะแสเกี่ยวกับดวงวิญญานนั้นท่ามกลางเมฆที่มืดคลื้มและเสียงฟ้าร้องไปทั่วบริเวณและได้ใช้พลังในการหายตัวจึงต้องแปรงกายกลับมาแบบเดิมที่มีดวงตาสีฟ้าและชุดสีดำสนิททั้งนี้ดาคเน็สได้ไปยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่เเห่งหนึ่ง เเล้วทันใดนั้นสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมาอย่างกล้าๆ กลัว.
'เปรี้ยงงงงง!!!! ' เสียงฟ้าผ่าลงมายังต้นไม้ที่ดาคเน็สยืนอยู่และสิ้นเสียงฟ้าร้องกลับได้ยินเสียงใครคนนึงร้อง 'ผะผะผะผี!!!!! ' แล้วอยู่ๆ ก็สลบไป
"ข้าเนี้ยนะผี" ดาสเน็สได้ลงมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้นั้นที่นอนหมดสติอยู่แล้วได้นั่งลงและอุ้มหญิงสาวคนนั้นขึ้นมา
.
.
.
.
ณโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
"ผี" ฉันสดุ้งขึ้นตื่นแบบตกใจและมองไปรอบๆ บริเวณกลับมองเห็นแค่พี่หลินและซินที่ยื่นอยู่จ้องหน้าฉันอยู่ทั้งสองคนทำสีหน้าบึงตึง
"พี่หลิน ซิน" ฉันเอ่ยปากพูดแต่ตัวยังสั่นๆ อยู่
"ฉันว่าแล้วแก ต้องก่อเรื่องอีก คาดสายตาไม่ได้เลยดีนะหมอบอกว่าแกแค่หมดสติ บอกมาแกกิน
ไอศครีมเยอะอีกใช่ไหม"พี่หลินพูดเสียงแข็งใส่ฉัน
" ป่าวเลยไม่ได้กินเมื่อคืนฉันเจอผีมันมีตาสีฟ้า น่ากลัวมาก" ฉันพูดเสียงสั่น.
" ไม่ต้องมาอ้างผีที่ไหน แกกินเยอะ ก็รู้อยู่ว่ากินเยอะทีไรแล้วหมดสติตลอดไม่เคยฟัง "พี่หลินไม่เชื่อในเรื่องที่ฉันบอกเอาแต่ดุ
" ไม่ได้กินจริงๆ "ฉันพยายามบอกกับซินและพี่หลินอีกรอบแต่ทั้งสองคนกลับทำสีหน้าไม่เชื่อเหมือนเดิม
"เอาละนักข่าวมาเต็มหน้าโรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่าให้กลับบ้านได้"พี่หลินพูด
" แต่เดี๋ยวนะใครมาฉันมาโรงพยาบาล "ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
"เห็นพยาบาลบอกว่ามีผู้ชายคนนึ่งมาส่งนะ น่าจะเป็นคนที่เจอพี่เหละ "ซินเอ่ยแทรก
ในเมื่อทุกอย่างเคลียรกันลงตัวฉันเลยเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ซินเอามาให้แล้วทั้งสามคนได้เดินไปยังฝูงชนนักข่าวที่ล้อมหน้าล้อมหลังจนทำให้ฉันเดินแทบไม่ได้
'แชะ แชะ แชะ!!! ' เสียงกล้องถ่ายภาพจากนักข่าวดังลั่นไปทั่วโรงพยาบาลบริเวณนั้นนักข่าวเยอะมาก
"ทุกคนคะออกไปรอด้านนอกก่อนนะคะที่นี้โรงพยาบาลเสียงดังไม่ได้ เดี่ยวน้องเรเน่ทำธุระเสร็จจะให้ออกไปสัมภาษณ์นะคะ "หลินเอ่ยปากบอกนักข่าว แล้วนักข่าวทุกคนทยอยเดินออกกันไปทำให้บรรยากาศในตอนนั้นเริ่มดีขึ้น
ฉันและพี่หลินได้เดินไปยังหน้าเคาเตอร์ที่มีพนักงานสองคนนั่งอยู่ตรงหน้าเคาเตอร์
"ขอสอบตามหน่อยค่ะรู้หรือไม่เมื่อวานใครพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลคะพอมีเบอร์ติดต่อไหม "ฉันเอ่ยถามพยาบาลที่ยืนอยู่
" เมื่อว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาส่งพี่เรเน่เขาหล่อแบบหล่อมากๆ แต่เขาไม่ได้บอกอะไรไว้นะคะ "พนักงานตอบไปด้วยเขิลไปด้วย
" ขอดูกล้องวงจรปิดได้ไหมคะ "ฉันเอ่ยถาม
"ได้ค่ะ" พนักงานตอบและนำฉันไปยังห้องที่ดูกล้องวงจรปิดในห้องนั้นมีหน้าจอเต็มไปหมด
"ขอดูกล้องในเวลาประมาณเกือบจะหนึ่ง ทุ่มของเมื่อวานหน่อยค่ะ" ฉันเอ่อบอกไปยังพนักงานที่ดูแลห้องวงจรปิดนี้
พนักงานเปิดดูไปเรื่อยเพื่อที่จะหาเวลาที่ใครพาฉันมาโรงพยาบาลจนถึงจังหวะนึ่งที่เหมือนเห็นตัวฉันลอยอยู่กลางอากาศ แต่เห็นเพียงแค่แวบเดียวทันใดนั้นหน้าจอก็ดับลง
"พี่หลินดู เหมือนตัวฉันลอยเลยอะคงไม่ใช่ผีมาส่งใช่ไหม" ฉันตกใจ พยายามตีแขนพี่หลินที่ยืนอยู่
" เพ้อเจ้อละผีบ้าอะไรมาส่งคน แกอะคิดมากเเล้ว หรือต้องไปให้หมอตรวจสมองอีกรอบละ"พี่หลินพูดพร้อมถอนหายใจ
" กล้องที่นี้น่าจะเสียเดียวลองเปลี่ยนกล้องใหม่ดูก็ได้ครับ" พี่พนักงานเอ่ย
ในตอนที่พี่พนักงานเปิดดูหลายๆตัวเเต่ไม่เป็นผลเนื่องจากกล้องทุกตัวเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดเห็นตัวฉันลอยอยู่แล้วไม่กี่วิหน้าจอก็ดับลงเหมือนกันทุกตัว
" ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้องเป็นอะไรดูได้แค่นี้นะครับผมคงต้องให้ช่างมาเช็คอีกรอบ "พี่พนักงานเอ่ย
" ไม่เป็นอะไรค่ะดูแค่นี้ก็ได้แล้วค่ะขอบคุณมากค่ะ "พี่หลินเอ่ยขอบคุณพนักงานแล้วลากแขนฉันออกไปจากห้อง
" พี่หลินยังดูไม่ละเอียดเลย" ฉันเอ่ยอย่างเซ็งๆ
"แค่นี้พอแล้วไม่ต้องดูแล้วนักข่าวรออยู่ คนที่มาส่งเเกก็คงเป็นที่เดินผ่านมาแถวนั้นแหละอย่าคิดมากไปได้แล้ว "พี่หลิน พูดแล้วลากมือฉันเดินออกไปยังหน้าของโรงพยาบาลแล้วเห็นพี่นักข่าวทุกคนยืนรออยู่
'แชะแชะแชะ!!! เสียงกล้องถ่ายรูปดังไปทั่งบริเวณเหมือนเดิมทำให้คนที่เดินไปมาแถวนั้นกลับสนใจแล้วก็ยังมีแฟนคลับของฉันที่วิ่งกรูกันเข้ามาจนบริเวณนั่น เต็มไปด้วยผู้คน
"ที่เข้าโรงพยาบาครั้งนี้ น้องเรเน่ป่วยเป็นอะไรรึป่าวคะ” นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยถาม แล้วมีไมค์จำนวนมากยื่นตรงหน้าฉัน
" ไม่เป็นอะไรมากเลยค่ะเเค่เป็นลม เพราะพักผ่อนน้อย ขอบคุณทุกพี่ๆนักข่าวที่ให้ความสนใจคะ"ฉันเอ่ยตอบพร้อมยกมือไหว้
" แล้วมีอีกเรื่องที่อยากรู้ น้องเรเน่เป็นอะไรกับคุณโซกิเห็นมีข่าวมาว่าทั้งสองไปเดทกันที่ร้านอาหาร แห่งหนึ่ง"นักข่าว เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาและนักข่าวคนอื่นๆ ต่างตกใจและพยายามถามกันไปมาจนทำให้เสียงดัง จนทำให้ฉันเริ่มมีอาการปวดหัว
"พี่ๆ ใจเย็นๆ นะคะค่อยถามตอนนี้น้องเพิ่งหายป่วยร่างกายยังไม่ค่อยเเข็งเเรง" หลังจากที่พี่หลินบอกทุกคนต่างเงียบ
" กับโซกิเราสองคนเป็นแค่เพื่อนรวมงานกันแค่นั้นเลยค่ะ วันนั้นพอดีมีโปรเจ็กร่วมกันเลยมีคนเขานัดไปคุยที่ร้านอาหารแห่งนั้นมีแค่นี้เลยค่ะ "ฉันตอบ
" โปรเจ็กเกี่ยวกับอะไรหรอคะ "นักข่าวถาม
ตอนนั้นฉันเริ่ม ที่จะปวดหัวเป็นอย่างมากพี่หลินเห็นทีท่าไม่ดีของฉัน
"ขอโทษนะคะ เรื่องนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ทางเจ้าของโปรเจ็ก ครั้งนี้เขายังไม่ให้เปิดเผยตอนนี้น้องเรเน่เริ่มที่จะไม่ไหวแล้วต้องขอตัวก่อนนะคะ "พี่หลินเอ่ยถามแล้วลากมือฉันเดินไปขึ้นรถด้านหน้า.
กรี๊ดดดด!!!! เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับฉันทั้งกรี๊ดทั้งยืนชูป้าย ฉันเลยโปกมือไปยังพวกเขาจนทำให้แฟนคลับนั้น กรี๊ดดังกว่าเดิม แล้วฉันได้ขึ้นไปบนรถพร้อมนี่หลินและซินใน ระหว่างอยู่บนรถฉันพยายามนอนพักสายตาเนื่องจากวันนี้เหนื่อยมากจนเวลาผ่านไปรถเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบริเวณบ้านของฉัน แล้วฉันก็ได้ลงจากรถระหว่างที่จะเดินเข้าบ้าน
"ให้ซินนอนเป็นเพื่อนไหมยังไงซินมันก็ไม่กลับต่างจังหวัดแล้วเดี๋ยวแกเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะได้ช่วยทัน "พี่หลินเอ่ยปากพูด
" ไม่เป็นไรนี้บ้านฉันนะไม่เป็นอะไรไหรอก "ฉันเอ่ยพร้อมโบกมือลาแล้วเดินเข้าไปยังบ้านของตัวเอง
ณ เวลา 18.14 ฉันมองไปยังเตียงนอนที่มีสีชมพูสดใสและตุ๊กตาเยอะแยะมากมายฉันตัดสินใจทิ้งตัวลงบนที่นอนอันแสนนุ่มและแสนที่จะสบายจนเผลอหลับไป
.
.
.
.
ณ บ้านหรูของดาคเน็ส
"ข้าสนุกมาก ไม่คิดว่าเมืองมนุษย์จะมีอะไรน่าสนใจเช่นนี้และยังมีของอร่อยให้กินเยอะเลยที่หุบเขาเมืองพวกเราไม่มีเช่นนี้" ไนท์พูดระหว่างนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยแต่ดาคเน็สเพียงแค่นั่งนิ่งๆ ดื่มเลือดโดยที่ไม่พูดอะไรตอบกลับ
"แล้วนี้ไปเอาเลือดอะไรมาจากไหน ไม่ใช่ว่าเลือดมนุษย์หรอกนะ" ไนท์พูดแบบสีหน้าดูรังเกียจ
" นี้เลือดหมูไปซื้อมา "ดาคเน็สพูด
"แล้ววิญญาณนั้นหาเบอะแสได้บ้างรึยังรู้รึงยังว่าเป็นใคร " ไนท์พูดดัวยน้ำเสียงที่สงสัย
" ไม่รู้ยังไม่เจอ "ดาดเน็สพูดสีหน้านิ่งๆ
"ดีแล้ว ข้าได้อยู่นี้นานๆไม่อยากลับบ้านข้าชอบที่นี้ยิ่งนัก" ไนท์พูด
ดาคเน็สนั่งไม่พูดอะไรสีหน้าดูเย็นชาในมือยังคงถือแก้วเลือดที่ดืมอยู่ทันใดนั้นได้วางแก้วในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วได้แปรงกายเป็น ค้างคาวแล้วบินออกไปด้านนอก
"นี้มันดึกแล้วเจ้าจะออกไปไหน แล้วอีกอย่างท่านแม่เจ้าบอกว่าไม่ให้ใช้พลังนิ นี้ นี้ หูเจ้าไม่ได้ยินรึไง "ไนท์ตะโกนไปยังดาคเน็สที่กำลังบินออกไป
'ดาคเน็สมันออกไปได้ข้าก็จะออกไปด้วยดูดิกลางคืนมีอะไรสนุกๆ บ้าง'ไนท์พูดในใจและมีท่าทีจะลุกขึ้นแล้วจะเดินออกไป
"เจ้าไปกับข้า" ไนท์พูดบอกกับแบล็คที่ยืนอยู่แล้วทั้งสองได้เดินออกไป
.
.
.
.
.
เวลา 22.00
ดาคเน็สที่กลายเป็นค้างคาวบินไปยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมของเมื่อวาน แล้วพยายามให้หูวิเศษของตัวเองฟังเสียงไปรอบๆ บริเวณ 'ช่วยด้วย ไม่นะ' ดาคเน็สได้ยินเสียงของผู้หญิงพยายามขอความช่วยเหลือดาคเน็สเลยได้กลายเป็นค้างคาวอีกรอบแล้วได้บินไปยิงเสียงนั้น
จนไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่เปิดไฟอยู่เลย บินไปใกล้ๆ และได้ใช้พลังของตัวเองเปิดหน้าต่างบ้านหลังนั้น 'แอ็ด!!!!!’เสียงหน้าต่างเปิดออกหญิงสาวนั้นสะดุงตื่นจากที่กำลังหลับอยู่
"ใครอะ" หญิงสาวนั้นตะโกนออกมาแบบน้ำเสียงกลัวๆ
ดาคเน็สที่กำลังบินเข้ามาได้กลายร่างเป็นคนต่อหน้าหญิงสาวคนนั้นทำให้หญิงสาวคนนั้น
ถึงกับกรี๊ดดังลั่นบ้าน "อ๊าอ๊าอ๊าผี!!! 'จนดาคเน็สทนไม่ไหวกับเสียงกรี๊ดแล้วได้ใช้นิ้วชี้ไปยังใบหน้าของหญิงสาวทำให้หลับไป
"เจ้าอีกแล้วหรอ"
.
.
.
.
กริ้งๆๆ!!! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้าอันสดใสก้อนเมฆลอยไปไกลแสนไกลฉันที่นอนอยู่บนเตียง พยายามเอื้อมมือเพื่อจะไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่โต๊ะหัวเตียง
"สวัสดีค่ะ"
"นี้แกลุกขึ้นได้แล้ววันนี้มีออกไปดูชุดที่จะไปงานเลี้ยงบริษัท ตื่นได้แล้ว "พี่หลินโทรมา
" พี่หลินวันนี้หยุดได้ไหมขอนอนต่ออีกหน่อยไปไม่ไหวจริงๆ "
"ไม่ได้ ต้องไป ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอีกหนึ่งชั่วโมงไปรับ”
หลังจากวางสายฉันที่พยายามลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอะไรจนเสร็จและได้นั่งรอพี่หลินมารับ
บรื้นๆ!!!! เสียงรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน
ณ ร้านเสื้อผ้า
พี่หลินและซินได้หยิบเสื้อผ้าเยอะมากเพื่อให้ลองใส่ไม่ว่าจะเป็นสีขาวยาวและสีดำสั้น
"ตัวนี้ดีไหม" ฉันใส่ให้พี่หลินกับซินดู
"ไม่" ทั้งมีหลินและซินได้เอ่ยพร้อมกัน
"อันนี้อะ"ฉันใส่ชุดที่ร้อยแต่ไม่ถูกใจพี่หลินสักชุด
"ไม่ได้ มันไม่เข้ากับงานเลี้ยง มีงานเลี้ยงที่ไหนเขาใส่อะไรที่มันยาวและปิดมิดชิดเเบบนี้ อย่างกับแม่ชีไม่เอาไปเปลี่ยน "
" อะตัวนี้ได้แน่นอน "
" ดีมากอย่างงี้สิถึงจะเหมาะกับเจ้าหญิงเรเน่ "
หลังจากเลือกชื้อชุดเสร็จทุกคนต่างเดินไปขึ้นรถด้วยความเหนื่อยล้าเนื่องจากการเลือกชุดเป็นเวลานานมาก ตั้งแต่ 10 โมงกว่าจนมาถึงบ่ายโมง ทุกคนต่างขึ้นรถเพื่อที่จะกลับบ้านกัน
"เดี่ยวพี่ลงตรงนี้นะมีธุระต่อพวกแกก็กลับบ้านไปผ่อนพรุ่งนี้มีถ่ายหนังต่อ "พี่หลินพูด
" ให้ไปส่งไหม "
" ไม่ต้องเดี่ยวแฟนมารับ "
พี่หลินโบกมือลา
"ซินว่างไหมไปวัดกันหน่อย "
" ว่างๆ ไปได้ "
"พี่โชเฟอร์ค่ะพี่หาวัดใกล้ๆ แถวนี้ให้หน่อยค่ะ "
" ได้ครับ "
ขับรถมาถึงวัดแห่งหนึ่งที่มีผู้คนน้อยบริเวณวัดไม่ได้ใหญ่มากฉันและซินได้เดินไปถวายสังฆทานกับหลวงตา
"โยม" หลวงตาเรียกฉันในขณะที่กำลังจะลุกขึ้น
"คะหลวงตา"
"วันเกิดปีนี้กลางคืนโยมอย่าออกนอกบ้าน ให้อยู่แค่ในบ้าน"
" ทำไมหรอคะหลวงตา "
" เอาเถอะโยมอาตมาบอกแค่นี้ "หลวงตาพูดเสร็จแล้วเดินออกไป
" พี่เรเน่หลวงตาทักแปลกๆ "ซินเอ่ยถามในขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ
" ไม่มีอะไรหรอกหลวงตาน่าจะหมายความว่ากลางคืนอันตรายอย่าออกไปไหนดึกๆ แค่นั้นเอง "
" มันใช่หรอพี่ หรอปกติพระจะไม่ค่อยทักใครแบบนี้นะ "
" ไม่เป็นไรเลย ไม่มีอะไรหรอก "
หลังจากขึ้นรถกลับบ้านต่างคนต่างทั้งเล่นโทรศัพท์จนถึงบ้านตัวเองจนได้พบว่า มีใครบางคนอยู่ในบ้าน
"เซอร์ไพรส์" เสียงพ่อแม่ และพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าประตู
"ป๊าม๊า"ฉันวิ่งเข้าไปกอดพ่อกับแม่
"มาตอนไหนทำไมไม่บอกหนู หนูจะให้คนไปรับที่สนามบิน"
"สนามบินใกล้แค่นี้ไม่จำเป็นต้องไปรับ " หลังจากที่กอดกันเสร็จ ทุกคนได้ไปนั่งคุยกันที่โซฟา
" พี่ชายแกกลับมาจากเมืองนอกพอดี เลยจะมางานวันเกิดแก"
"พี่มาอยู่นี้ถาวรเลยไหม "
" ถาวร "พี่เจฟ่านตอบ
" มาอยู่บ้านเน่ก็ได้นะ"
"พี่แกหาบ้านไว้ก่อนจะกลับมาแล้ว"
หลังจากคุยกันสักระยะจนดึกพอสมควร
“ผมขอกลับไปบ้านตัวเองก่อนนะครับ ยังจัดของบ้านไม่เสร็จ”
“ได้ๆขับรถดีๆละ”พ่อเอ่ยปาก
" งั้นหนูก็ขึ้นไปนอนก่อนพรุ่งนี้มีถ่ายละครตั้งแต่เช้า ป๊า ม๊า ตามสบายเลย"ฉันบอกกับทุกคนแล้วได้เดินไปยังห้องตัวเอง
.
.
.
ณ
บ้านสุดหรูของดาคเน็ส
"เจ้าไปเที่ยวกันไหม" ไนท์เงยหน้าเอ่ยปากชวนดาคเน็สที่กำลังนั่งลอยตัวบำเพ็ญอยู่ตรงกลางของบ้าน
"หูเจ้าไม่ได้ยินรึไง" ไนท์ตะโกนดังลั่นแต่ท่าทีของดาคเน็สกลับนั่งเงียบสงบเหมือนเดิม
" ข้าไปคนเดียวก็ได้ ชิ ไม่สนุกเลย"
สถานที่บันเทิง '
เสียงเพลงเป็นจังหวะและดังสนั่นไปทั่วบริเวณรวมไปถึงแสงไฟหลากสีที่ระยิบระยับตามจังหวะเพลงและผู้คนที่มากมายไม่ว่าจะนั่งดื่มหรือยืนเต้นกันอย่างเมามัน
‘ที่นี้มันเหมือนกัน’ไนท์นึกในใจ
"เอาที่แพงที่สุดมาหนึ่งแก้ว" ไนท์บอกบาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่
หลังจากที่ดื่มแล้วรู้สึกอร่อยจึงได้สั่งเพิ่มหลายแก้ว ดื่มจนเมามากแล้วได้เดินออกจากร้านไป
ไนท์ได้เดินเซไปมาอยู่ข้างถนนในยามค่ำคืนที่เงียบสงบจนได้เกิดเรื่อง
เสียงรถเบรคกระทันหันโครม!!!!
"นายๆ นาย"
"งือ"
"เป็นอะไรรึป่าว ครับ"
"ไม่เป็นอะไร จะจะเจ้าเป็นใคร"
" นายเมามากแล้ว "
ไนท์ที่ถูกรถชนแต่ไม่เป็นอะไรเลยสักนิดได้ลุกขึ้นแล้วเดินไปขึ้นรถของชายคนนั้นอย่างหน้าตาเฉย
"เดี๋ยว!นายนาย"
ชายคนนั้นไม่ทันได้พูดอะไรไนท์ได้เข้าไปในรถแล้วปิดประตู
" นายบ้านนายอยู่ไหน"
"บ้านหรา บ้านข้า บ้าน"
"ใช่บ้านอะบ้าน"
"อ่อบ้านอยู่ที่หุบเขาปีกาศ "
" หุบเขาปีกาศอะไร "
" ดูสภาพแล้วไม่น่ารู้เรื่อง "
ชายคนนั้นได้ขับรถมาที่บ้านของตัวเอง เเล้วได้เเบกชายแปลกหน้ามานอนที่บ้าน
"อะไรวะเนี่ย"
"งือ!! " เสียงคนเมาไร้สติ
"ไปเอาหางอะไรมาใส่ตอนไหน " ชายคนนั้นดูเหมือนจะตกใจหางของไนท์นิดหน่อยแต่ก็ดิดว่าเป็นของเล่น
หลังจากนั้นได้พยุงตัวของไนท์เข้ามาในบ้านทั้งที่เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวอะไรเลย
ชายคนนั้นได้ทิ้งตัวไนท์ลงบนเตียงนอนอย่างแรง
"เอาหางมานี้” พยายามดึงหางไนท์เพื่อที่จะเอาออก
"ทำไมออกยากออกเย็นจังวะ" ถึงขั้นดึงจนสุดแรง
"โอ๊ยยย!!! เจ็บ" เสียไนท์บ่นพึมพำ
" ถ้าไม่เอาออกจะนอนยังไง ปล่อย "ชายคนนั้นพยายามดึงอีกรอบ
"งื้อ!! ปล่อยจะจะเจ็บ!! "เสียงไนท์ร้องออกมา
"ช่างแม่งละให้มันนอนเมือยไปเอง "
.
.
.
.
ดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่สดใสแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอน
"งื้อออ!!! " เสียงบิดขี้เกียจบนเตียงนอน ไนท์สะดุงลุกขึ้นมามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย
‘เอ่อนี้หรือว่าเมื่อคืนเมาเลยใช้พลังเปลี่ยนห้องตัวเองไป’ไนท์ถอนหายใจโล่ง
แอ๊ด!!! เสียงประตูเปิดออกมาชายคนนึ่งเดินเข้ามา มีใบหน้าอันหล่อเหลารูปร่างสูงหุ่นดีมากจึงทำให้ไนท์ตะลึงอยู่ชั่วขณะ
"เจ้าเป็นใครมาอยู่ในห้องข้าได้ยังไง" ไนท์พูดด้วยสีหน้าตกใจ
" นี้มันห้องผม "ชายคนนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ
ไนท์ตกใจเป็นอย่างมากจึงพยายามลุกขึ้นยืน
" โอ๊ยย!!! เจ็บ" ไนท์ลุกขึ้นแล้วได้จับไปตรงก้นของตัวเอง
"เจ้าทำอะไรกับข้า "
" ก็นายไม่ยอมถอดหางนอนทับก็เจ็บสิ"
"เจ้าเห็นหางข้า"ไนท์ดูตกใจเป็นอย่างมาก
"ใช่ไง เอาหางเด็กเล่นมาใส่นอนก็เจ็บอยู่แล้ว ผมอุส่าช่วยดึงออกแต่ก็มันไม่ออกและนายก็ไม่ยอม ให้ถอด"
" เจ้าดึงหางข้า "
" ถ้าไม่ดึง มันจะออกได้ยังไงละ ถามอะไรแปลกๆ "
" จะจะจะเจ้า "ไนท์ชี้หน้าด่าไปยังชายคนนั้น
" นี้ผมช่วยคุณเอาไว้จากข้างถนน สำนึกบุญคุณบ้าง. "
“เจ้าชื่ออะไร ไว้จะมาตอบเเทนบุญคุณอย่างสาสม”
“ผมเจฟ่าน ไม่ตอบเเทนบุญคุณ ไม่ต้องเจอกันอีก เสร็จเรื่องเเล้วก็เชิญกลับ” หลังจากพูดจบเจฟ่านได้เดินออกจากห้องไป
“เจ้า!!คอยดูเถอะ อะโอ๊ยยเจ็บ”ไนท์ตะโกนเเล้วเอามือจับก้นไป
•
•
•
ณบ้าน
"มากินข้าวก่อน" แม่เรียกฉันไปทานข้าวขณะที่กำลังเดินลงบันไดมา
" กินไม่ได้ไปกองสายแล้ว "
"เลิกกองกี่โมงจะมาทานข้าวเย็นไหม"
" 6 โมงเย็นเลยอะ ไม่ทานแล้วเดี๋ยวอ้วน"
" ไปแล้วนะ "ฉันโบกมือลาแม่ที่ยืนทำกับข้าวอยู่
.
.
.
ในบรรยกาศกองถ่ายละครที่มีผู้คนยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับทีมงานและนักแสดงต่างทำตามหน้าที่กันอย่างเต็มที่
"เรเน่ครับฉากต่อไปเป็นการกระโดดตึกลงมาฉากนี่จะเล่นเองไหม" ผู้กำกับพูด.
" ได้ค่ะเล่นเองได้ "
" พี่เรเน่ เล่นเองจะอันตรายไหมให้สแตนด์อินเล่นเถอะ"
" ไม่เป็นไรแค่นี่สบายมาก "
" เตรียมตัว "ผู้กำกับตะโกนมา.
ในสถานการณ์ตอนนั้นฉันที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าแห่งหนึ่งถึงแม้ไม่สูงมากมองลงไปเห็นแค่เพียงเบอะรองนุ่มๆ ขนาดใหญ่ในใจตอนนั้นมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง
"เรเน่พร้อมไหม" ผู้กำกับตะโกนขึ้นมา.
ฉันชูสองนิ้วลงไปบอกแค่เพียงโอเค
" ฉากที่ XXX เทคที่ 1 แอ็ดชั่น "
ฉันที่ยืนอยู่หัวใจเต้นอย่างต่อเนื่องและเป็นฉากที่ฉันต้องหันหลังและทิ้งตัวลงมาจากตึกสูงขณะนั้นฉันหลับตาลงแล้วนับ 123 ในใจแล้วก็ได้ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วแต่ยังดีที่มีเบอะรองรับไว้จึงไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรมีเพียงแค่มึนๆหัวเท่านั้น
"คัดปิดกอง" ผู้กำกับต่างบอกปิดกองทุกคนต่างปรบมือกัน
"เรเน่เป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนไหม" ผู้กำกับเดินมาถามฉัน
"ไม่เจ็บเลยค่ะ"
" งั้นกลับไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ หนึ่งทุ่มมีงานเลี้ยงนะ อย่างลืมละ"
" กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะ " ฉันยกมือไหว้แล้วได้เดินออกมาเพื่อที่จะขึ้นรถกลับบ้าน.
เพียงแค่ถึงบ้านฉันก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างรวดเร็วเนื่องจากเหนื่อยมากๆ จากการถ่ายละครเพียงแค่ไม่กี่นาทีฉันก็หลับ
.
.
งานเลี้ยง
ฉันที่กำลังเดินเข้าร้านมาในชุดราตรีสีชมพูสดใสผู้คนต่างพากันจ้องมองมายังฉัน ในงานเลี้ยงต่างมีผู้ใหญ่และดาราคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมงานกันอย่างมากมาย
ในขนะที่ฉันกำลังยืนดืมไวน์กับพี่หลินอยู่นั้น
"ไม่เจอกันนานเลย" โซกิเดินเข้ามาทักทาย
"ก็ไม่นานขนาดนั้นนะ"
" วันนี้คุณสวยมากเลย "
"ขอบคุณ"
"เรเน่คุณว่างวันไหนบ้างไปทานอาหารเย็นกันไหมผมมีเรื่องจะบอกคุณ "
" ขอโทษด้วยช่วงนี้มีงานเยอะไม่ค่อยว่าง "
" พี่เรเน่ค่ะมีผู้กำกับเรียกคุย "ซินเดินเข้ามาตาม
" ต้องไปแล้วขอตัวก่อนนะคะ "
หลังจากนั้นฉันก็เดินไปคุยกับผู้กำกับและผู้ใหญ่บริเวนนั้น
.
.
"นายคอยดูเรเน่ไว้หลังจากที่เธอคุยเสร็จแล้วไปบอกว่ามีคนต้องการพบที่สวนด้านหน้างาน "โซกิบอกผู้ช่วยของตัวเอง
" ได้ครับ "
ในบรรยากาศที่แสนอึดอัดฉันที่กำลังยืนฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันในเรื่องที่น่าเบื่อเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องผู้หญิงฉันที่ทนฟังไม่ได้จึงขอตัวกลับบ้านก่อน.เเล้วได้เดินออกมา
"พี่ต้องอยู่ต่ออีกหน่อยจะคุยเรื่องโปรเจ็กใหม่ของแก พวกแกกลับไปก่อนเลย "พี่หลินบอกฉันและซินแล้วได้เดินออกไป
" พี่เรเน่ ไปรอด้านหน้าก่อนนะเดียวชินไปเรียกพี่โชเฟอร์ก่อน " ซินพูดเสร็จแล้วเดินจากไป
ฉันที่กำลังจะเดินออกจากงานไปแต่มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันแล้วบอกว่า
"พี่เรเน่ พอดีมีคนขอคุยด้วยเขารอที่สวนด้านหน้าแล้วครับ" ชายคนนั้นพูดเสร็จแล้วเดินออกไป
ฉันที่เดินไปบริเวณสวนได้เจอโซกิที่ยืนถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ เขาเห็นฉันเขาก็ได้เดินกรูมาใกล้ๆ แล้วได้ยืนดอกไม้ในมือส่งมาให้จึงทำให้ฉันรับไว้ตามมารายาท
"เรียกคุยมีอะไรรึป่าวคะ"
ทันใดนั้นเขาได้ยืนมือมาจับมือ ฉันตกใจพยายามเอามือออกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะว่าโชกิจับไว้แน่
เชะเชะ!!! เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้น ฉันรีบดึงมือออกเเล้วเดินหนีไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว.
“มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง ขอบคุณสำหรับดอกไม้”ฉันตะโกนมาก่อนจะขึ้นรถ
.
.
.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!