อ่า" ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับกระดูกของเธอจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และหลังของเธอคล้ายจะขาดออกจากกัน ความเจ็บปวดที่เริ่มขึ้นจากหลังของเธอที่ถูกโบยจนเนื้อแตกแถมยังโดนน้ำราดซ้ำเข้าไปอีกทำให้เธอนั้นเจ็บแสบเข้าไปถึงกระดูก "นี่เธอไม่ได้โดนระเบิดหรอกหรือ ทำไมหลังของเธอถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้หรือว่าเธอโดนศัตรูจับได้แล้วกำลังดึงปีกของเธอออกมา ความเจ็บปวดนี้ เมื่อ ลี่หลิน รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเพราะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่แสนทรมานนี้ได้อีกต่อไป. ในภาพที่เลือนราง "ลี่หลิน"มองเห็นเพียงแค่เท้าของคนผู้หนึ่งสวมรองเท้าที่ตัดเย็บออกมาได้อย่างปรานีต และได้ยินเพียงเสียง ตุบ ตุบ ตุบ เสียงไม้ที่โบยลงบนหลังของเธอโดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดโบยเลยด้วยซ้ำ
ใครกันใครที่กล้ามาทำร้ายหลังของเธอ ปีกของเธอล่ะด้วยแรงโบยขนาดนี้ปีกของเธอไม่เสียหายหมดแล้วหรือ ขณะที่ความโกรธของเธอพุ่งถึงขีดสุด ก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วพลันตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าตัวเองอย่างชัดเจน เขาผู้นั้นมีหน้าตาที่หล่อเหลาดูมีสง่ามากผมยาวสีดำได้ถูกรวบไว้กลางศรีษะ ชุดที่สวมใส่ถึงจะเป็นชุดธรรมดาแต่ก็ดูมีสง่าและมีฐานะที่สูงศักดิ์ตะเข็บที่เย็บปักลงไปล้วนบรรจงปรานีตเป็นอย่างมาก'. นี่เธออยู่ที่ไหนทำไมชายผู้นี้ถึงได้แต่งตัวแปลกๆ เช่นนี้ การแต่งกายเช่นนี้เธอเคยเห็นแต่ในซีรี่ห์จีนโบราณที่เธอเคยดูมาเท่านั้น เธอจึงหลับตาลงอีกครั้งแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมาใหม่ "นี่เธอยังไม่ตายหรอนี่? แต่กับข้ามภพมาอยู่ในยุดจีนโบรานอย่างนั้นหรือ ?
"เจ้าฟื้นแล้ว" เสียงเอ่ยถามที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นในน้ำเสียงก็ดังขึ้น เสียงของคนที่อยู่เบื้องหน้าของเทอยังเต็มไปด้วยโทสะ ใบหน้าของเขานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก แต่ ใบหน้าที่เย็นชานี้ของเขากับยังดูหล่อเหลา ไม่ว่าจะโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวก็ไม่สามารถทำลายความหล่อเหลาของเขาลงได้ 'ลี่หลิน ตกอยู่ในความมึนงงไปชั่วขณะแต่ทว่าอยู่ๆเธอก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีภาพความทรงจำบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวของเธอ ความทรงจำเหล่านั้นล้วนไม่ใช่ความทรงจำของเทอเอง ทำให้เธอคิดขึ้นมาได้ว่าที่แท้เธอยังไม่ตายแต่วิญญานของเธอได้ข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้และภาพความทรงจำที่เธอได้เห็นเมื่อกี้คงเป็นของเจ้าของร่างเดิม 'นางมีชื่อว่า ลี่หลิน เช่นเดียวกับเธอ นางเป็นบุตรตรีคนเดียวของขุนนางผู้เรืองอำนาจและยังมีกองกำลังทหารนับหมื่นอยู่ในมือ ก่อนที่นางจะแต่งงานนางได้ถูกเลี้ยงมาอย่างถนุถนอม ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดาและมารดาเป็นอย่างมากด้วยนางถูกเลี้ยงแบบตามใจจึงเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนิสัยที่เย่อหยิ่งทนงตน เอาแต่ใจและชอบวางอำนาจ แต่นางกลับเป็นสตรีที่รักมั่นมาก และนางรักบุรุษเพียงคนเดียวก็คือ 'อ๋องไป๋อี้เฉิน'คนนี้ ตอนนี้นางก็ได้แต่งเข้ามาเป็นชายาเอกของเขาแล้ว
เพียงแต่นางแต่งเข้ามาเป็นชายาเแกของเขาได้เพียงหนึ่งเดือน อ๋องไป๋อี้เฉินผู้นี้ก็ได้แต่งชายารองเข้ามาอีกคน ซึ่งชายารองคนนี้ก็คือคนรักของเขานั่นเอง
ชื่อของนางคือ ซูหนี่ว์ ทำให้เจ้าของร่างเดิม ไม่พอใจและเสียใจเป็นอย่างมากนางซึ่งเป็นชายาเอกกลับไม่เป็นที่โปรดปราน มิหนำซ้ำยังแต่งชายารองเข้ามาเหยียบย่ำน้ำใจนางถนุถนอมเอาอกเอาใจยิ่งกว่าอะไร แต่กลับเจ้าของร่างเดิมนั้นเขามีเพียงความเกียจชังความเฉยชา แม้นางจะรักทุ่มเทเอาอกเอาใจเขาเพียงใดก็ตาม นางจึงเกิดความริษยาขึ้นมาภายในใจ และคอยหาโอกาศที่จะกลั่นแกล้ง ซูหนี่ว์ ตลอดเวลา ยิ่งทำให้นางถูกเกลียดชังจากอ๋องไป๋อี้เฉินเพิ่มมากขึ้น
อ้ะ! ความเจ็บปวดบนหลังของเธอกลับมาอีกครั้ง ทำให้ความทรงจำในหัวของเธอนั้นหยุดลงทันที บุรุษที่อยู่ตรงหน้านี้สั่งโบยเธอเพียงเพื่อแก้แค้นให้กับคนรักของเขานั่นเอง
เมื่อสองสามชั่วยามก่อน ซูหนี่ว์ ได้นัดเจ้าของร่างเดิมให้ออกมาพบ ที่ศาลากลางสระบัวที่อยู่หลังจวน ขณะที่กำลังเดินไปที่ศาลานางก็มองเห็น ซูหนี่ว์ ยืนรอนางอยู่ที่กลางสะพาน เมื่อนางเดินไปถึงอยู่ๆ ซูหนี่ว์ ก็กระโดดจากสะพานลงไปในสระบัว ดีที่เจ้าของร่างเดิมคว้ามือของนางไว้ทัน แต่ซูหนี่กับดิ้นรนขัดขืนเพื่อที่จะให้ตัวเองตกลงไปในสระบัวให้ได้ ยื้อกันไปกันมา ก็มีเสียงสาวใช้ร้องดังขึ้นมา
“ท่านอ๋อง” ทำให้เจ้าของร่างเดิมสะดุ้งตกใจหันมองไปตามเสียงร้องเรียกของสาวใช้ ทันใดนั้นซูหนี่ว์ก็สบัดมือของนางอย่างแรง ทำให้นางหลุดจากพันธนาการที่เจ้าของร่างเดิมได้คว้ามือของนางไว้ ร่วงตกลงไปในสระบัว ‘ช่วยด้วย’ ข้าว่ายน้ำไม่เป็น ท่านอ๋องท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ ซูหนี่ว์ ตระเกียกตะกายอยู่พักนึงก็ค่อยๆจมหายไป
ท่านอ๋อง! เจ้าคะช่วยคุณหนูของบ่าวด้วยเจ้าค่ะคุณหนูจมน้ำไปแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ ท่านอ๋องช่วยคุณหนูทีเจ้าค่ะ ทำไมพระชายาเอกถึงได้ใจร้ายเพียงนี้เจ้าคะถึงขนาดกล้าผลักคุณหนูของบ่าวตกน้ำได้ลงคอ คุณหนูของบ่าวยิ่งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ด้วยนะเจ้าคะ
ตูม! ท่านอ๋องที่เห็นอยู่ไกลๆ รีบวิ่งกระโดดน้ำลงไปช่วย ซูหนี่ว์คนรักของตนอย่างว่องไวเขาดำผุดดำว่ายอยู่พักนึงก็คว้าร่างของ ซูหนี่ว์เอาไว้ได้ และรีบพานางขึ้นฝั่งทันที พอถึงฝั่งทุกคนก็รีบวิ่งมาดูอาการของนางรวมทั้งเจ้าของร่างเดิมด้วย เมื่อท่านอ๋องเห็นหน้าเจ้าของร่างเดิมก็มองนางด้วยสายตาที่โกรธแค้นชิงชังเป็นอย่างมาก ขณะที่เจ้าของร่างเดิมกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวอยู่นั้นก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง
เด็กๆ ขอรับท่านอ๋อง รีบพาพระชายารองไปที่ตำหนัก และรีบตามหมอมาดูอาการของพระชายารองเดี๋ยวนี้ ขอรับ
เมื่อเจ้าของร่างเดิมเรียกสติกลับมาได้ ก็นึกไตร่ตรองเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างถี่ถ้วน จึงได้รู้ว่างตัวเองได้ติดกับดักของพระชายารองเข้าให้แล้ว และบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ที่ถูกความรักบังตาจนมืดบอด ก็เชื่อเสียสนิจว่าเธอนั้นผลักซูหนี่ว์ตกน้ำ โดยไม่ซักถามหาความจริงเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไนขึ้น ก็สั่งจับเธอมารับโทษโบยในทันที
ใบหน้าของเขานั้นเยือกเย็นอำมหิต พร้อมที่จะทำลายล้างทุกสิ่งอย่างให้พินาศไปในชั่วพริบตา 'ความเจ็บปวดแค่นี้ก็ไม่สาสมกับสตรีใจอำมหิตเช่นเจ้า คิดฆ่าคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น หากข้ามาไม่ทัน ซูหนี่ว์ของข้า จะไม่จมน้ำตายไปแล้วรึอย่างไร เมื่อได้ฟังคำพูดของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของนาง เจ้าของร่างเดิมก็เจ็บแป้ปขึ้นมา นางเป็นสตรีใจอำมหิตอย่างนั้นรึ ซูหนี่ว์ของข้าอย่างนั้นรึ นางยิ้มเยาะตัวเองภายในใจและทำได้เพียงอดกลั้นความน้อยใจกล้ำกลืนน้ำตาที่กำลังพลั่งพลูออกมาลงท้องไป ถึงนางจะริษยา ซูหนี่ว์เพียงใดแต่นางก็ไม่เคยคิดจะฆ่าใคร
ลี่หลิน รู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลที่อยู่บนหลังของเธอเป็นอย่างมากหากเธอยังถูกโบยอยู่แบบนี้เธอต้องตายเป็นรอบที่สองอย่างแน่นอน เธอจึงนึกหาวิธีเอาตัวรอด แล้วเธอจะเอาตัวรอดอย่างไรดี ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม หลังจวนอ๋องแห่งนี้ มีเรือนไผ่ใกล้กลับคอกม้าที่ถูกทิ้งร้างอยู่หลังนึง หากเธอได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะสามารถรักษาตัวเองและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงได้ โอกาสในการเอาชีวิตรอดในครั้งนี้เธอจะไม่ปล่อยมันไปเป็นเด็ดขาด นางจึงข่มใจยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเอ่ยปากร้องขอชีวิตจากบุรุษผู้นี้ ท่ะ ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันเจ็บมากเจ็บจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว ขอท่านอ๋องให้อภัยไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ ‘ไป๋อี้เฉิน’ เมื่อได้ยินคำร้องขอชีวิตของ ลี่หลิน ก็รู้สึกแปลกภายในใจขึ้นมาแต่ก็รู้สึกเพียงครู่เดียว ความขุ่นมัวใจก็กลับมาแทนที่เหมือนเดิม
นี่! เจ้าร้องขอชีวิตจากข้าอย่างนั้นรึ ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันกำลังร้องขอชีวิตกลับท่านอ๋องอยู่ หม่อมฉันเจ็บมากพอแล้วท่านโบยหม่อมฉันจนเนื้อจะหลุดติดไม้ออกมาอยู่แล้ว ท่านอ๋อง ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถอะเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ ต่อให้ท่านไล่หม่อมฉันไปอยู่ที่คอกม้าหม่อมฉันก็ยอมเพคะ เจ้าพูดออกมาเองนะ เพคะ หม่อมฉันจะไปอยู่ที่คอกม้าเองเพคะ ท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าหม่อมฉันให้ขุ่นเคือง และหม่อมฉันจะไม่รบกวนท่านกลับชายารองอีก หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋องหม่อมฉันจะไม่ออกจากคอกม้าเลย ขอเพียงท่านอ๋องยอมปล่อยหม่อมฉันไป
ไป๋อี้เฉิน ทำหน้าคุ่นคิดอยู่พักนึง ถึงแม้อยากจะฆ่านางให้ตายในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้
เพราะยังไงนางก็ยังเป็นชายาเอกและยังเป็นชายาที่ฮ้องเต้พระราชทานสมรสให้อีกด้วย แถมพ่อของนางก็ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจมากและยังมีกองกำลังทหารนับหมื่นนับแสนนายอยู่ในมือ เมื่อคิดเช่นนี้ ไป๋อี้เฉิน จึงจำใจไว้ชีวิตนาง
ครั้งนี้ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป หากเจ้ายังกล้าทำร้ายซูหนี่ว์ของข้าอีกข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง ไป๋อี้เฉินมองสตรีตรงหน้าด้วยความเกียจชัง และหันไปสั่งบ่าวรับใช้
เด็กๆ:ขอรับท่านอ๋อง
ลากพระชายาเอกกลับตำหนักไป ภายในสามวันให้นางย้ายไปอยู่ที่คอกม้า ถ้าไม่มีคำสั่งห้ามนางออกมาจากคอกม้าเด็ดขาด
ขอรับ: ท่านอ๋อง
ครบกำหนดสามวันแล้ว วันนี้ลี่หลินนางต้องย้ายออกจากตำหนักหลักไปที่คอกม้า แต่อาการบาดเจ็บของนางยังไม่ดีขึ้นเลยแถมนางต้องจับไข้ด้วยพิษบาดแผล ไป๋อี้เฉิน ก็ช่างใจร้ายกับนางมากเหลือเกิน นางบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แม้แต่หมอสักคนก็ไม่ส่งมาดูอาการของนางเลยมีเพียงสาวใช้ข้างกายของนางเท่านั้นที่คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้กับนาง. สาวใช้ของนางได้ไปคุกเข่าอ้อนวอน ไป๋อี้เฉิน เพื่อให้หมอมาดูอาการของนางหลายต่อหลายครั้ง แต่เขากลับทำเมินเฉยไม่ให้หมอมาดูอาการของนางแล้วก็ไล่ตะเพิดสาวใช้ของนางกลับมาแบบไม่ใยดี นี่เขาคงหวังให้นางป่วยตายด้วยพิษบาดแผลกระมัง ไป๋อี้เฉินท่านจงจดจำสิ่งที่ทำกับข้าในวันนี้ไว้ให้ดีๆเถอะ เมื่อท่านอยากให้ข้าตายนัก ได้เลยต่อไปนี้ ลี่หลินคนเก่าจะถือว่าได้ตายจากไปแล้วตั้งแต่วันนี้ ต่อไปนี้จะมีเพียง ลี่หลิน ที่เกิดใหม่กลับมาเพื่อแก้แค้นท่านให้สาสม จงเตรียมตัวรับผลกรรมจากการกระทำของท่านไว้ได้เลย
หยวนเอ๋อ ลี่หลินที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เรียกหาสาวใช้
เจ้าคะคุณหนู ท่านรู้สึกตัวแล้วหรอเจ้าคะ
อืม' เจ้าช่วยพยุงข้าลุกขึ้นจากเตียงที แล้วเอาชุดมาให้ข้าเปลี่ยนด้วย เจ้าค่ะ
เจ้าเก็บของตามที่ข้าสั่งหมดหรือยัง ข้าเก็บของทุกอย่างตามที่ท่านสั่งไว้เรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ เราจะต้องย้ายไปอยู่ที่คอกม้าจริงๆหรือเจ้าคะคุณหนู 'ใช่ ' แต่คุณหนูเป็นถึงพระชายาเอกนะเจ้าคะจะไปอยู่ที่สกปรกอย่างคอกม้าได้อย่างไร และยังมีอาการบาดเจ็บของท่านที่ยังไม่ดีขึ้นเลยนะเจ้าคะ “ข้าไม่เป็นไร” ลี่หลินตอบสาวใช้ด้วยเสียงที่แหบพร่าและใบหน้าที่ซีดเซียว งานที่ข้าให้ไปทำเจ้าทำเรียบร้อยรึยัง เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ข้าได้นำเงินที่คุณหนูให้ข้าไว้ก่อนที่ท่านจะหมดสติ ไปจ้างคนงานและสาวใช้ที่คอกม้าทำความสะอาดเรือนไผ่และซ่อมแซมส่วนต่างๆที่ผุพังเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ และยังจ้างคนงานไว้อีกหลายคนเพื่อมาช่วยขนของในวันนี้ด้วยเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวพวกเขาคงมาถึงกันแล้ว
ดีเลย' งั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวเถอะข้าจะนั่งรออยู่ในเรือน ขนของเสร็จเจ้าค่อยมาเรียกข้าแล้วกัน เจ้าค่ะคุณหนู
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ คนงานก็ขนของทั้งหมดไปยังเรือนไผ่เสร็จ จะเหลือก็เพียงแต่หีบห่อสินเดิมของนางที่ตั้งวางไว้ข้างในห้องกับนาง
คุณหนูเราไปกันได้แล้วเจ้าค่ะ ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วเสียงของหยวนเอ๋อเรียกนางตั้งแต่อยู่หน้าประตู “อืม” ลี่หลินตอบรับสาวใช้ เจ้าให้คนเข้ามาขนเอาสินเดิมทั้งหมดในห้องข้าแล้วเราก็ออกไปจากที่นี่กันเถอะ เจ้าค่ะคุณหนู
หยวนเอ๋อเดินออกไปเรียกคนงานให้เข้ามาขนของ แล้วกลับมาพยุงลี่หลินให้ลุกขึ้นและช่วยพยุงนางให้เดินออกไปจากตำหนัก นางเดินไปพักไปอยู่หลายรอบด้วยอาการบาดเจ็บของนางแม้คอกม้าที่อยู่หลังจวนจะมีระยะทางไม่ไกลมากนักแต่กับเดินไม่ถึงสักที
พระชายา เสียงคนงานหนุ่มคนหนึ่งได้เรียกนาง ลี่หลินหันไปตามเสียงเรียกของคนงานหนุ่ม เจ้ามีอะไรอย่างนั้นรึ หากท่านอนุญาติข้ายินดีให้ท่านขึ้นหลังของข้า ข้าสามารถแบกท่านไปส่งที่เรือนได้ ลี่หลิน มองหน้าคนงานหนุ่มพร้อมทำหน้าคุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยตอบออกไป ก็ดีเหมือนกันด้วยอาการบาดเจ็บของข้าฝืนเดินต่อไปจนตะวันตรงหัวก็คงไม่ถึงเรือนสักทีแถมยังจะกระทบบาดแผลมากขึ้นไปอีก และตอนนี้นางเจ็บบาดแผลจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าพระชายาอนุญาติคนงานหนุ่มก็ส่งของที่อยู่ในมือให้คนงานอีกคนรับไป แล้วเดินมาย่อตัวให้ให้พระชายาได้ขึ้นหลังของเขาง่ายขึ้น ลี่หลินปล่อยมือจากหยวนเอ๋อ ค่อยๆโน้มตัวลงไปขึ้นหลังของคนงานหนุ่ม หยวนเอ๋อก็คอยประคองนางอยู่ทางด้านหลังอย่างระวังกลัวนางหล่นลงมา
เจ้าชื่ออะไร ลี่หลินเอ่ยถามคนงานหนุ่มที่แบกเธอ ด้วยเสียงที่แหบพร่า
ข้าชื่อ “ซูเฟิง”ขอรับ
ซูเฟิง ชื่อเพราะดี ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยแบกข้า
ไม่เป็นไรขอรับ พระชายา ข้าเต็มใจแบกท่าน ท่านจับข้าไว้ให้ดีๆนะขอรับ
“อืม”.
เมื่อนางเห็นว่าคงอีกสักพักถึงจะเดินไปถึงเรือนไผ่ที่คอกม้า นางจึงได้กระชับมือกอดคอของซูเฟิงเอาไว้แน่นขึ้นมาอีกนึงเพื่อกันไม่ให้นางตกลงมาจากหลังของเขา แล้วก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ในใจของนางได้คิดว่า ซูเฟิงผู้นี้มีร่างกายที่กำยำแข็งแรงใช้ได้เลยทีเดียว หน้าตาก็ดูหล่อเหล่าเอาการ แตกต่างจากคนงานทั่วไปอยู่ไม่น้อย อกผายไหล่ผึ่งสมกับเป็นชายชาตรีรูปร่างส่วนสูงก็ดูได้สมสัดส่วน อายุก็น่าจะแก่กว่านางไม่กี่ปี
ถึงแล้วขอรับพระชายา เสียงของซูเฟิงได้ปลุกนางตื่นจากความคิด ซูเฟิงย่อตัวลงค่อยแล้วค่อยๆวางนางลง เมื่อลี่หลินขยับตัวทำให้ซูเฟิงได้กลิ่นหอมที่โชยมาจากตัวของนาง แล้วเขาถึงกับตกตลึงไปชั่วขณะ กลิ่นหอมนี้ ช่างเป็นกลิ่นหอมที่เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อซูเฟิงกำลังจะอ้าปากถาม คุณหนู เสียงของหยวนเอ๋อก็ดังขึ้น ทำให้ซูเฟิงได้แต่เก็บความอยากรู้เอาไว้ก่อน
คุณหนู ดูเหมือนท่านจะมีไข้อีกแล้ว รีบเข้าไปพักผ่อนข้างในเถอะเจ้าค่ะ หยวนเอ๋อพยุงนางเข้าไปข้างในเรือน ลี่หลินมองดูรอบๆห้องต่างๆ ของทุกอย่างได้จัดเข้าที่ไส้เป็นระเบียบหมดแล้ว พอไปถึงห้องนอนของนางเตียงของนางก็ถูกปูไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เมื่อนางเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้างเรียบร้อย จึงให้หยวนเอ๋อพยุงนางไปพักผ่อนที่เตียงนอนของนาง ลี่หลินนอนลงด้วยท่าตะแคงข้างแล้วก็ผอยหลับไปด้วยพิษไข้
" ข้าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าเข้าไปดูอาการของพระชายาหน่อยได้หรือไม่ตอนที่ข้าแบกพระชายามา ข้ารู้สึกว่านางตัวร้อนมากดูอาการไม่ค่อยดีนัก
"เจ้าเป็นหมอหรอ ใช่ถึงจะเป็นหมอที่ไม่ได้เก่งมากแต่ก็พอรักษาคนได้
"แต่พระชายาเป็นสตรีและยังเป็นถึงชายาเอก แล้วแผลของนางก็อยู่ที่หลังด้วยสิจะทำอย่างไรดี
"อย่างนั้นก็เอาแบบนี้ดีไหม เจ้าเอาม่านกลั้นลงส่วนข้าจะนั่งสังเกตอาการอยู่หลังม่านกลั้น ให้เจ้าบอกอาการพระชายาตามที่เจ้าเห็นอย่างระเอียดให้ข้าฟัง ดูว่าแผลของพระชายาเป็นอย่างไรบวมแดงมีหนองรึเปล่า หรือมีอะไรที่ผิดปรกติ
"ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่ท่านหมอว่าก็ได้ งั้นท่านหมอนรอข้าสักครู่ หยวนเอ๋อเดินเข้าไปในห้องของลี่หลินแล้วก็ปลดม่านกลั้นลง จึงเดินออกมาเชิญซูเฟิงเข้าไปดูอาการของคุณหนูของนาง. คุณหนูข้าพาหมอมาดูอาการของท่านเจ้าค่ะ ลี่หลินได้ยินจึงพยักหน้ารับโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูด้วยพิษไข้นางไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะพูดออกมา
"บอกข้ามาว่าอาการของพระชายา เป็นอย่างไรบ้าง
"หยวนเอ๋อจึงเริ่มสำรวจอาการของคุณหนูของนาง จากนั้นก็เอาหลังมืออังที่หน้าผากของลี่หลิน แล้วหันกลับไปตอบซูเฟิง
"คุณหนูตัวร้อนมาก. เหมือนนางจะหนาวสั่น
"พระชายากำลังมีไข้สูง เจ้ารีบเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้พระชายาเร็วเช็ดจนกว่าไข้ของนางจะลง หากไข้ไม่ลดนางมีโอกาสช็อคและเสียชีวิตได้เล หยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก นางเช็ดตัวให้ลี่หลินอยู่นานเปลี่ยนน้ำแล้วเปลี่ยนน้ำอีกในที่สุดไข้ก็ลดลง ท่านหมอไข้คุณหนูลดลงแล้ว
"ดี ดี ดีมาก หากอาการไข้ของนางทรงตัวแล้วเจ้าช่วยดูแผลที่หลังของพระชายาแล้วบอกข้ามาทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง
"คุณหนู ข้าขอดูแผลของท่านหน่อยนะเจ้าคะ หยวนเอ๋อค่อยๆ ดึงสายรัดเอวของลี่หลินออกจากนั้นก็ค่อยๆดึงเสื้อของนางออกทีละชั้นอย่างเบามือด้วยกลัวว่าคุณหนูของนางจะเจ็บแผล เมื่อหยวนเอ๋อสำรวจบาทแผลอย่างละเอียด และหันไปบอก ซูเฟิง อีกครั้ง
"แผลของคุณหนู ยังมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ในบรรดาแผลเล็กแผลใหญ่ที่อยู่บนหลังของคุณหนู มีเพียงแผลใหญ่แผลเดียวที่บวมแดงขึ้นมาออกช้ำๆ
"หลังจากซูเฟิงได้ฟังอาการของพระชายาจึงวินิจฉัยได้ว่า พระชายาคงจะมีไข้สูงจากแผลใหญ่ที่บวมแดงกำลังจะอักเสบ เพราะไม่ได้รับการรักษาแผลให้ดีตั้งแต่แรก
"ท่านหมอ อาการคุณหนูของข้าเป็นเช่นไรบ้าง นางจะเป็นอะไรมากรึเปล่า หยวนเอ๋อถามซูเฟิงด้วยเสียงที่สั่นคลอ น้ำตาของนางร่วงอาบแก้ม
"ซูเฟิงเห็นหยวนเอ๋อร้องไห้ จึงบอกนางให้สบายใจ พระชายาอาการไม่ได้ร้ายแรงมากนักหากแต่นางยังคงอ่อนเพลียเพราะพิษไข้ สักหลายวันนี้เจ้าต้องเหนื่อยหน่อยเพราะต้องดูแลพระชายาอย่างใกล้ชิดเพราะนางอาจไข้สูงขึ้นมาอีกจากพิษบาดแผล เจ้าห้ามปล่อยให้พระชายไข้ขึ้นสูงเป็นเด็ดขาด และต้องคอยล้างทำความสะอาดแผลให้พระชายาทุกวันห้ามให้แผลโดนน้ำเป็นอันขาด ข้าจะจัดยาไว้ให้พระชายากินร่วมด้วย
"เจ้ามาหาข้า ข้าจะบอกวิธีใช้ยาอย่างระเอียดให้กับเจ้า
"สีขาวนี้คือยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้ ให้พระชายากินหลังมื้ออาหารสามเวลาหรือหากพระชายามีอาการไข้ขึ้นมาก็ให้นางกินได้เลย ถ้าไม่มีไข้แล้วก็ไม่ต้องให้นางกิน
"สีชมพูคือยาลดอาการอักเสบ และสีฟ้าคือยาฆ่าเชื้อ ให้นางกินหลังมื้ออาหารสามเวลาเช่นกัน สองสีนี้ต้องให้พระชายากินจนกว่ายาที่ข้าให้เจ้าจะหมด เจ้าจำได้หรือไม่
"จำได้ท่านหมอข้าจำได้
"และสุดท้าย นี่คือน้ำเกลือกับสำลีและยาทาแผล ให้เจ้าเทน้ำเกลือใส่สำลีเช็ดทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ บาดแผลเมื่อทำความสะอาดเสร็จให้ใช้ยาทาแผลทาให้นาง หากเจ้าทำตามที่ข้าบอกทุกวันพระชายาอาการดีขึ้นแน่นอน
"จริงหรือท่านหมอ หากเป็นอย่างที่ท่านว่าก็ดีมากๆเลย ขอบคุณท่านมากท่านหมอขอบคุณจริงๆหากไม่ได้ท่านคุณหนูของข้าคงป่วยตายด้วยพิษบาดแผลเป็นแน่ ย่อมเป็นหน้าที่ของหมอ
"ตอนนี้เจ้าก็รีบเอายาสามอย่างที่ข้าให้ไปให้พระชายากินอย่างละเม็ดก่อน และคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นาง หยวนเอ๋อเดินไปหยิบยาตามที่หมอบอกเพื่อนำไปให้คุณหนูของนางกิน นางมองยาที่อยู่ในมืออย่างประหลาดใจนี่มันยาอะไรนางไม่เคยเห็นยาแบบนี้มาก่อนแล้วก็เก็บความสงสัยกลับไปโดยไม่ได้สนใจมันอีก ขอเพียงมันช่วยรักษาคุณหนูของนางได้ก็พอ
"คุณหนู ท่านลุกขึ้นมากินยาสักหน่อยนะเจ้าคะ หยวนเอ๋อปลุกลี่หลินให้ลุกขึ้นมากินยา นางเดินไปหยิบน้ำที่วางอยู่บนโต้ะมาวางไว้ที่ข้างเตียงแล้วมาประคองให้กินยาได้อย่างสะดวก ลี่หลินรับยามาใส่ปากและรีบดื่มน้ำตามเข้าไปโดยไม่ได้สังเกตุว่ายาที่ตัวเองกินนั้นเป็นแบบไหน แล้วล้มตัวนอนนอนตะแคงลงไปเหมือนเดิม ไม่ทันไรนางก็หลับไปเหมือนเดิมหยวนเอ๋อห่มผ้าให้นางแล้วจึงเดินออกมา
"คุณหนูหลับไปแล้ว
"ปล่อยให้พระชายาหลับพักผ่อนไปเถอะนางคงเพลียเพราะพิษไข้ นี่ก็ ยามซวี แล้วพระชายาคงจะหลับยาวจนถึงเช้า เจ้าก็คอยดูแลพระชายาให้ดี ข้ากลับที่พักของข้าก่อนหากมีอะไรเจ้าไปตามข้าได้ที่คอกม้า เจ้าค่ะท่านหมอ
"หลายวันมานี้ หยวนเอ๋อรู้สึกเหนื่อยและเพลียมากเพราะต้องดูแลคุณหนูของนางอย่างใกล้ชิดจนแทบไม่ได้นอน เพราะพิษไข้ทำให้ลี่หลินทั้งเพ้อทั้งจับไข้หนาวสั่น หยวนเอ๋อต้องวิ่งเข้าวิ่งออกคอยเปลี่ยนน้ำเช็ดตัวให้กลับคุณหนูของนาง กว่าอาการจะทรงตัวก็ล่วงเลยไปหนึ่งสัปดาห์พอดี
"หยวนเอ๋อ. หยวนเอ๋อ เสียงเรียกของลี่หลิน ทำให้สาวน้อยที่นั่งหลับอยู่ข้างๆเตียงลืมตาตื่นขึ้นมา
"เจ้าคะ คุณหนู ข้าหิวน้ำ เดี๋ยวหยวนเอ๋อไปเอาน้ำมาให้นะเจ้าคะ หยวนเอ๋อเดินไปเทน้ำอุ่นที่อยู่ในกามาให้นางดื่ม. ขอบใจเจ้ามากลี่หลินพูดขอบใจสาวใช้ของนางพร้อมยิ้มให้หยวนเอ๋ออย่างอ่อนโยน
"คุณหนูรู้สึกดีขึ้นมาบ้างรึยังเจ้าคะ
“อืม” ข้ารู้สึกดีขึ้นมากคิดว่าไม่มีไข้แล้ว และก็ไม่เจ็บแผลแล้วด้วย ต้องขอบใจหยวนเอ๋อน้อยของข้าที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี ถ้อยคำหยอกเย้าของลี่หลินทำให้หยวนเอ๋อหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย
"อย่างนั้นหยวนเอ๋อ ไปเอาน้ำมาให้คุณหนูล้างหน้าล้างตานะเจ้าคะ จะได้กินข้าวแล้วก็กินยา
"ลี่หลินพยักหน้ารับ หยวนเอ๋อจึงเดินออกไปและกลับเข้ามาพร้อมอ่างใส่น้ำใบหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปมาวางไว้ที่โต้ะข้างเตียง ลี่หลินจ้องมองใบหน้าของหยวนเอ๋อ จึงพูดขึ้นเจ้าก็ไปล้างหน้าล้างตาด้วยเหมือนกัน ดูจากหน้าตาของเจ้าที่ซีดเซียวขอบตาดำคล้ำจากการอดหลับอดนอนมาหลายวัน เพระามัวแต่ดูแลข้า เห็นแล้วข้าก็รู้สึกระอายใจ
"หยวนเอ๋อไม่เป็นไรเจ้าค่ะ
"ไม่เป็นไรได้อย่างไร เจ้าอดหลับอดนอนหลายวันซะขนาดนี้ ดูหน้าตาเจ้าตอนนี้สิดูได้ซะที่ไหนเจ้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบไปนอนเถอะ
"อย่างนั้นข้าไปทำข้าวต้มมาให้คุณหนูกินก่อนคุณหนูจะได้กินยา แล้วข้าค่อยไปนอนนะเจ้าคะ
"เจ้าไปเถอะ ตรงนี้ข้าจัดการได้ไม่ต้องห่วง เมื่อได้ฟังดังนั้นหยวนเอ๋อจึงเดินหายเข้าครัวไป ลี่หลินจึงหันมาจัดการกับตัวเอง ล้างหน้าล้างตาเช็ดเนื้อตัวจนรู้สึกว่าตัวเองสะอาดพอแล้วจึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนชุดใหม่จนเสร็จเรียบร้อย แล้วมานั่งรอข้าวต้มของหยวนเอ๋อ ขณะที่รอนางก็บ่นพรึมพรัมกับตัวเองไป ทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงมีแต่ชุดสีสดใสฉูดฉาดเต็มไปหมด หาเสื้อผ้าสีอ่อนไม่มีเลย นางคงต้องซื้อชุดใหม่สักหลายชุด ขณะที่นางก้มหน้าก้มตาพรึมพรัมๆ ก็ได้กลิ่นข้าวต้มโชยเข้ามานางจึงเงยหน้าขึ้นมามองไปตามทิศทางของกลิ่นที่โชยมา ก็เห็นหยวนเอ๋อยืนถือชามข้าวต้มอยู่ที่หน้าประตู
"รีบเอามันมาวางเถอะ ข้าหิวแล้ว
"หยวนเอ๋อถือข้าวต้มมาวางไว้ข้างหน้าของนาง คุณหนูกินตอนร้อนๆนะเจ้า หากปล่อยให้เย็นมันคงไม่อร่อย
"หน้าตาน่ากินใช้ได้เลยทีเดียว ลองชิมดูสิเจ้าคะว่าถูกปากท่านหรือเปล่า
"ลี่หลินตักข้าวร้อนๆข้าวปากอย่างไม่ระวัง โอ๊ะ ร้อน ร้อน. ร้อน
"คุณหนูระวังสิเจ้าคะ ทำไมท่านไม่เป่าก่อนค่อยกินล่ะเจ้าคะ
"ก็เจ้าบอกให้ข้ากินตอนร้อนๆนี่ ข้าก็กินตามที่เจ้าบอกแล้วนี่ไง
"หยวนเอ๋อหน้าแดงไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาดี ฮะฮะฮ่า ข้าล้อเจ้าเล่นน่าข้าลืมเป่าเอง
"คุณหนูรีบกินเถอะเจ้าค่ะท่านจะได้กินยา
"แล้วเจ้าล่ะกินหรือยัง คุณหนูกินเสร็จแล้วข้าค่อยไปกินที่ในครัวเจ้าค่ะ
"ไม่ได้ ต้องกินตอนนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าสั่งให้เจ้ามานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนข้าที่นี่ทุกวัน
"คุณหนูท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจสิเจ้าคะ ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้จะมานั่งกินข้าวกับคุณหนูได้อย่างไร
"ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อข้าอนุญาติ ไปตักข้าวต้มของเจ้ามาไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่กินเช่นกันและก็จะไม่กินยาด้วย
"ก็ได้เจ้าค่ะ หยวนเอ๋อรับคำสั่งด้วยความลำบากใจเดินออกไปตักข้าวต้มแล้วกลับเข้ามานั่งทานบนโต้ะกับคุณหนูของนาง
"ดีมากเป็นเด็กดีแบบนี้สิข้าชอบ เจ้าไม่ต้องอึดอัดไปหรอกข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเพียงแค่สาวใช้แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวข้าในยามที่เจ้ากับข้าอยู่กันเพียงสองคนก็ให้เจ้ามากินข้าวกับข้า หากอยู่ต่อหน้าคนอื่นข้าก็จะไม่บังคับเจ้า ตกลงตามนี้นะ
"เจ้าค่ะคุณหนู
" โอยอิ่มมากเลย ท่านอิ่มแล้วหรอเจ้าคะ
"ใช่ข้าอิ่มแล้วฝีมือการทำข้าวต้มของเจ้ายอดเยี่ยมมาก
"หยวนเอ๋อหน้าแดงยิ้มเขิน ที่ได้ฟังคำชมจากคุณหนูขิงนาง เดี๋ยวข้าไปหยิบยามาให้เจ้าค่ะ หยวนเอ๋อเดินไปหยิบยาในลิ้นชักออกมาแล้วยื่นใส่มือให้คุณหนูของนาง
"ลี่หลินรับยามาแล้วมองยาที่อยู่ในมือตัวเองอย่างตกตลึง เจ้าไปเอายาพวกนี้มาจากไหนท่านหมอซูเฟิงคนที่แบกท่านมาส่งวันที่ย้ายเรือนเป็นให้ยานี้กับข้ามาแล้วสั่งกำชับให้ท่านทานให้หมด. นี่มันยารักษาในยุคที่นางจากมา ซูเฟิงคนนี้เป็นใครกันแน่ทำไมเขาถึงมียาในยุคสมัยของเธอได้
"ไปตามซูเฟิงมาหาข้าที
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!