มันเป็นคืนที่มืดมิดและมีร่องรอยของพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มชื่อ'รลัน'ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางป่า เขาสับสนไปหมดและไม่รู้ว่าเขาไปถึงที่นั่นได้อย่างไร สิ่งที่เขาจำได้คือผล็อยหลับไปบนเตียงหลังจากเหน็ดเหนื่อยที่โรงเรียนมาทั้งวัน
เด็กชายเดินโซเซไปมาในความมืด เขาสับสน ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือไปที่นั่นได้อย่างไร เขาปวดหัวตุบๆ หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวขณะที่เขามองไปรอบๆ หลงทางและโดดเดี่ยว อากาศเย็นและเปียกชื้น หมอกลงทำให้ทุกการหายใจเย็นยะเยือก
"ฮะ..ฮัดเช้ย!" แสบจมูก
รลันนั่งยองยองลง ตัวสั่นสู้ความหนาวเย็นบวกกับความรู้สึกกลัวที่ทวีคูนอยู่ภายใน
ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ เขาไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้สูงใหญ่และหมอกหนาที่น่าขนลุกที่ดูเหมือนจะล้อมรอบตัวเขา รลันไม่เคยกลัวความมืดขนาดนี้มาก่อน แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ในอก เขาสงสัยว่าเขาหลงทางหรือป่าว? แต่ท้องดวงจันทร์บนท้องฟ้ากลับทำให้เขารู้สึกแปลก
"ปกติมันเป็นอย่างนั้นหรอ?"
รอยแตกร้าวที่เห็นได้เด่นชัด มีอยู่บนดวงจันทร์ดวงใหญ่
"หรือว่าเราจะถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง!"
ขณะที่เขาพยายามรวบรวมสติ หน้าต่างสถานะแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
คุณสมบัติและความสามารถที่เขาไม่รู้จัก มันเหมือนอินเทอร์เฟซของเกม แต่มันเป็นของจริง
//เปิดใช้งานทักษะ [ประเมิน]... <ผู้ใช้บริการระบบ:นามที่มอบให้ผู้ใช้งานระบบ(พิเศษ) ผลของนาม:มอบทักษะ[ประเมิน]แก่ผู้ถือครอง,มอบทักษะ[ซองอาวุธส่วนตัว]*พิเศษ*แก่ผู้ถือครอง>//
"พิเศษ…? ช่างเถอะ แล้วไอ้มุมานะนี่ล่ะ" รลันเปิดใช้ประเมินอีกครั้ง
"กรอบแกรบ.. กรอบแกรบ.. กรอบแกรบ"
"!!?"
ในขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับหน้าต่างสถานะ เขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากข้างหลังเขา เขาหันกลับมาและเห็นเงาร่างหนึ่งเคลื่อนเข้ามาหาเขา รลันตกใจยืนขึ้นและพยายามวิ่ง แต่เขาสะดุดล้มลงกับพื้น
"อะไร! …คุณคือใคร?" เขาตะโกนถามเสียงสั่น
ร่างนั้นมาหยุดลง เผยให้เห็นหญิงสาวเรือนผมสีเงิน เธอสวมเสื้อเรียบง่ายที่เก่าโทรมทับด้วยผ้าคลุมที่ฮูดถูกเปิดออกและสะพายด้ามเหล็กสีดำยาวอยู่บนหลัง
"ฉัน..เป็นใคร?" หญิงสาวตอบว่า
"ฉันเป็นคนตัดฝืนน่ะ กำลังจะกลับบ้านผ่านป่านี้"
"แล้วนายล่ะ เป็นใครกัน มาทำอะไรป่าเวลานี้"
"..."
รลันพยายามอธิบายสถานการณ์ของเขา แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่เชื่อ เธอมองเขาขึ้นๆ ลงๆ ราวกับพยายามค้นหาความจริงในคำพูดของเขา
"ถ้าที่นายพูดมาเป็นความจริง มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ งั้นเอาอย่างนี้ นายไปพักที่บ้านของฉันก่อน ไว้จำอะไรได้แล้วค่อยว่ากันอีกที อยู่ตรงนี้นานๆมันอันตราย" หญิงออกเดินนำไป
ใช่.. เราควรไปกับนาง ในป่ากลางคืนแบบนี้มันอันตราย มีสัตว์ป่าที่ออกหากินยามกลางคืนด้วย แถมนี่ยังเป็นโลกที่เราไม่รู้จักอีก ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในป่านี้บ้าง ใช่แล้วล่ะ เช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ เธอที่ผลของ[ประเมิน:Lv.1]บอกว่า.. <ไม่พบในฐานข้อมูล..>
กลางดึกในป่าใหญ่อันมืดทึบ ทว่ากลับมีแสงจันทร์นวลส่องทางให้สรรพสัตว์ในป่า เสียงซวบซาบแหวกพงหญ้า ดังต่อเนื่องผสมปนกับเสียงแมลงร้องหวีดระงม
หญิงสาวตรงหน้าเดินนำรลันอยู่ข้างหน้า พวกเขาเว้นระยะห่างกันไม่มากนัก เพื่อไม่ให้พัดหลงกัน ตลอดทางเดินป่าก็ส่งเสียงดังไม่ขาด แต่ทว่ากลับรู้สึกว่าเงียบ…… ความเงียบที่ดังกำลังกัดกินจิตใจของเขาอยู่ลำพัง
"ซอล"
ฮึ!? รลันสะดุ้งจากภวังค์ความคิดเพราะเสียงของหญิงสาวข้างหน้า เธอพูดว่า'ซอล'หรอ นั่นคือชื่อเธอสินะ
"ฉันชื่อ ซอล.."
. . .
"แล้วนายล่ะ ไม่มีชื่อรึไง"
"เอ่อ- ผะ..ผมชื่อ รลัน น่ะ"
“งั้นเหรอ อื้ม! ถึงเรื่องชองนายมันจะดูเชื่อยากก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยมั้งนะ”
“งั้น เธอรู้อะไรเกี่ยวกับคนจากโลกอื่นงั้นหรอ”
“อา..จะว่างั้นก็ได้ มันเป็นเรื่องเล่าของอดี- มันก็แค่นิทานที่เล่าต่อกันมาเพราะสนุกเฉยๆละนะ”
“แต่ผมที่อยู่ที่นี่ก็ยืนยันเรื่องนั้นได้ครับ กรุณาเล่าให้ฟังได้ไหมครับ” เขาขอความกรุณาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว" ซอลเริ่มเล่าเรื่อง…
"-แต่ที่บอกว่า ตัวเองอยู่นี่ก็ยืนยันได้แล้ว! เนี่ยมันไม่ทำน่าเชื่อขึ้นเลย กลับกันเลยต่างหาก"
อึก-
~เล่า~ ซอลเริ่มเล่านิทานให้รลันฟังจนจบ
//กาลครั้งหนึ่ง ณ มหาทวีป 'แอสตร้า' บนดาว 'อาร์คทูรัส' มนุษย์ได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นหลายที่ และผูกสัมพันธไมตรีระหว่างอาณาจักรของเผ่าพันธุ์อื่นด้วย จึงเกิดการค้าขายแลกเปลี่ยน และพัฒนา
จนถึงจุดหนึ่ง อาณาจักรของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุด "Valoria" ณ ตอนนั้น เรียกรวมทุกอาณาจักรทุกเผ่าพันธุ์ เพื่อประกาศคำพยากรณ์จาก Church of the Threefold Flame ความว่า-
"คำเตือน! มันมาแล้ว มันมาอยู่ มันมาต่อ พวกเผ่ารุกรานจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น จงรับมือกับมันและปกป้องโลกบ้านเกิดซ่ะ เหล่าสาวกแห่งเรา"
|
สงครามกับเผ่ารุกรานยืดเยื้อ เเละแน่นอนว่าเผ่ารุกรานนั้นได้เปรียบ ความหวังเริ่มจางหายจากแววตาผู้คน แต่แล้ว ท่านเทพได้มอบ "ผู้กล้า" ให้ชาวอาร์คทูรัส
กระแสสงครามพลิกกลับอย่างไม่น่าเชื่อ ท้ายที่สุดก็สามารถขับไร่พวกเผ่ารุกรานไปได้
|
หลังจากนั้นได้ไม่นานผู้คนก็ได้รู้ความจริง ว่าท้องฟ้าไกลโพ้นมีโลกอิ่นๆอยู่ และตัวตนของผู้กล้าเองก็มาจากโลกอื่นเช่นกัน
อาณาจักรส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวต่อตัวตนผู้กล้า จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร
ซ้ำเติมขึ้นไปอีก เมื่อศาสนจักรสามเทพเคลื่อนไหว ต่อต้านพวกเผ่าพันธุ์นอกรีต ที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อ 'ผู้กล้า' ที่ซึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกตน จึงเกิดการปะทะกันทั่วทุกหนแห่ง
|
ผู้กล้าหายตัวไป ความขัดแย้งครั้งนั้นทำให้เผ่าพันธุ์อื่นๆตัดขาดกับมนุษย์ ทำให้มนุษย์เคือง ด้วยเหตุผลหลายๆประการ ไม่ลงรอยกัน สงครามก็อุบัติขึ้น
[ฝ่าย มนุษย์ -อาณาจักรแห่งมนุษย์ 'วาโรเรีย'
-ศาสนจักรอัคคีไตรเทพ 'ดัลซอโลมีย์ เฟม' ]
[ฝ่าย อมนุษย์ -อาณาจักรแห่งเอลฟ์ 'ซิลวานาธ' -อาณาจักรแห่งคนแคระ 'ดูม-บาราซ' -เผ่ามนุษย์สัตว์ที่กระจายตัวอยู่ระหว่างสองอาณาจักรนี้ เนื่องจากถูกกวาดล้างอย่างหนัก]
|
ในยุคการแบ่งแยกทวีป ได้มีมหาอำนาจกำเนิดขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
[ 'จักรวรรดิสวรรค์ออโรร่า' ต่อตั้งโดย ปฐมจักรพรรดิสวรรค์: อลาริค ออโรร่า โวลเตอร์ ที่หนึ่ง + พวกพ้อง]
พวกเขาเชื่อกันว่า องค์จักรพรรดินั้นเป็นเทพ และจักรวรรดิคือ เเดนสวรรค์
องค์จักรพรรดิ ออกปราบปรามความขัดแย้ง ยึดครอง ทำลาย จัดระเบียบใหม่ เข้มงวดสุดๆ ประชาชนของจักรวรรดิส่วนใหญ่เป็นมนุษย์สัตว์ หรือผู้คนที่เคยพบชะตากรรมอันเลวร้ายจากสงครามในอดีต
ส่วนชนชั้นแรงงานจะเป็นเชลยในสงครามที่ได้มา ไม่ยกเว้นชาติพันธุ์
นั่นจึงทำให้ภาพลักษณ์จักรพรรดิ์ เป็นทรราชผู้เที่ยงธรรม
ยุคครองทวีปของจักรวรรดิ ก็ดำเนินตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน//
นี่มันประวัติศาสตร์โลกแล้วมั้ง ไม่เรียกว่านิทานนะ เห้อ~ ฟังตั้งนาน สรุปได้ว่าตัวตนจากต่างโลกนั้นผู้คนรู้จักและมีอยู่จริงแน่ๆ แต่เผ่ารุกรานดาว? หรอ?? อยากจะคิดว่ามันเป็นแค่นิทานจัง และที่แและที่แย่คือตัวตนผู้กล้าถูกชิงชัง แล้วยังมีมหาอำนาจโลกที่ตั้งตัวเองเป็นเทพเจ้าอีก ก็โลกนี้มันแฟนตาซีนี่นะ ...เห้อแค่นี้เองหรอกเหรอ เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้นะซอลล ฉันอยากรู้แค่เรื่องคนจากโลกอื่น แค่นั้นเอง
ซอลเล่าจบเราก็มาถึงบ้านของเธอกันแล้ว เธอเปิดประตูและชวนผมเข้าไป ภายในดูแสนธรรมดา มีเตาผิงอันหนึ่ง ด้านหน้าเตาผิงปูพรมผืนใหญ่ และมีเก้าอี้โยกที่แค่เห็นก็รู้สึกสบายแล้ว
"ไปนั่งตรงนั้นนะ" ซอลพูดพร้อมชี้ไปที่เก้าอี้โยก
ไชโย!! เดินมาตั้งนาน หมอกก็เย็น ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว ในที่สุด-(คิดในใจ)
"เดี๋ยวฉันจะจุดเตาผิงให้"
"เอ๊ะ-"
"ไม่ต้องเกรงใจ ฉันไม่เหนื่อยหรอก ไม่หนาวเท่าไหร่ด้วย"
ผมอยากจะปฏิเสธไปเพราะรู้สึกเป็นภาระแก่เธอ แต่ร่างกายที่สั่นเทิ่มนี้เรียกร้องน้องเก้าอี้โยก
…
ไม่เกรงใจละนะคร้าบ~ ผมย่อนตัวลงนั่ง เอนกายผ่อนคลาย
หลังจากที่ซอลวางสัมภาระเพียงชิ้นเดียวของเธอลง เธอพิงมันไว้กับพนังบ้าน แล้วเธอไปหยิบฟืนมาจุดเตาผิง
เวลาล่วงเลยผ่านไป เด็กหนุ่มผู้ได้พบเก้าอี้สวรรค์ก็ผล็อยหลับไป "ซู- ย่า~~" zzz
เปราะแปะ เปราะแปะ เสียงไฟในเตาผิงขลับกล่อมราตีนี้ หญิงสาวชื่อซอล กำลังเติมฟืนให้เตาหม้อใหญ่ ที่อยู่ลึกเข้าไปในบ้าน ถัดจากห้องเตาผิงเป็นห้องครัว กลางห้องครัวคือหม้อใบใหญ่กำลังต้มน้ำจนเดือด หญิงสาวนามซอล เดินไปหยิบแท่งเหล็กสีดำที่ยาวกว่าส่วนสูงของเธอขึ้นมา เธอเดินเข้าใกล้เตาผิง เข้าใกล้เด็กหนุ่มที่หลับอยู่
"หึหึหึ.." เธอฉีกยิ้มแสยะ หัวเราะคิกคักพอใจ
"มื้อเย็นวันนี้~ อาา~ "
ซอลง้างแท่งเหล็กขึ้น ปลายแท่งเหล็กด้านบนปรากฏใบเคียวสีดำสนิท ใบเคียวมีรอยแตกร้าวเต็มไปหมด แต่คมที่บางเฉียบส่องสีเลือดแดงฉานน่าสยอง เลือดสีดำเข้มไหลออกมาจากรอยร้าวที่ว่านั้น อย่างกับเคียวมันกำลังหิวกระหายต่อเยื่ออันโอชะตรงหน้าของมัน
เสียงของเหลวไหลหนืดหยดย้อยลงพื้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าเสียงไฟในเตาผิงดังกลบไปหมดจด
"จงขอบคุณที่ได้อุทิศร่างกายเจ้าให้เเก่เราซะเถอะ"
หวืด– ฉับ!
...----------------...
^^^โปรดติดตามตอนต่อไป>^^^
รลัน เขาเป็นนักเรียนเหมือนคนทั่วๆไป ชีวิตในช่วงนั้นเรียบง่าย ตื่นเช้าไปโรงเรียน เลิกเรียนก็กลับบ้านพร้อมข้าวกล่องที่แวะซื้อมา กินข้าว อาบน้ำ นอน เริ่มวันใหม่ก็วนซ้ำ เป็นแบบนี้มาโดยตลอด จนกระทั่ง-
[สัมผัสจู่โจมอันตราย:ทั่วไป] --แจ้งเตือน--
"เคร้ง!" เสียงกระทบกันของโลหะสองอันดังขึ้น รลันที่นั่งเก้าอี้โยกอยู่ รับการโจมตีของซอลไว้ด้วยแท่งเหล็กเรียว
[ซองอาวุธส่วนตัว:ยูนีค] เปิดใช้งาน.. อาวุธลำดับที่1 : ไม้เรียว(เหล็ก)
เก้าอี้เอนลงเพราะเเรงจากการปะทะกัน ตัวผมเอนลงไปตามเก้าอี้และปัดเคียวลอยข้ามผ่านหน้าไป แล้วกระโจนออกจากตรงนั้นด้วยแรงดีดกลับของเก้าอี้
"ชิ๊-..." ซอลส่งเสียงไม่พอใจ สีหน้าของเธอตกใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะจ้องผมและตั้งท่าพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
เชี่ย! เมื่อกี้..มันอะไรคือกัน เธอจะฆ่าผม? ทำไมล่ะ? ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้ต้องจดกับการป้องกันครั้งต่อไป [การใช้ไม้เรียว:Lv.3] เปิดใช้งาน..
ซอลพุ่งเข้าใส่รลันอย่างรวดเร็ว เธอเข้าประชิดแล้วตวัดวาดเคียวขึ้นฟัน หวังจะตัดสะพายแล่ง ผมหลบการโจมตีของเธอด้วยการพุ่งหลบไปทางซ้าย
แต่เธอก็ตามมาอย่างรวดเร็วและโจมตีต่อเนื่องด้วยการฟันด้านข้างอย่างรวดเร็ว ผมดีดตัวกลับหลัง แต่เหมือนผมจะตอบสนองช้าไป คมเคียวตัดผ่านอากาศและเฉือนเข้าต้นแขนข้างซ้ายของเขา
"ฉัวะ-" คมเฉือนผ่านแขนเสื้อและตัดเนื้อไป
"อึก!! อ้ากก-...." เจ็บ! เจ็บ! เจ็บๆๆๆๆ ไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน
รลันทรุดลงกับพื้น เลือดไหลอาบแขนซ้ายของเขา และยังไหลรินหยดลงพื้นเป็นสายน้ำ เขากดแผลด้วยมืออีกข้างที่เคยถืออาวุธมาจนถึงเมื่อกี้ ก้มหน้าหลับหูหลับตา อดกลั้นความเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว
"อึก- ไม่ใช่... ไม่สิไม่ใช่ ไม่ๆๆๆ ต้องไม่เเบบนี้สิ ต้องล้อเล่นกันแน่ๆ อ้า-ฮ่าๆๆ ๆ" เสียงเบาๆออกมาจากปากเขา
วิสัยทัศน์เริ่มพร่ามัว กำลังกายหายไป กำลังใจก็ถดถอย เขากัดฟันยืนขึ้น ร่างกายสั่นกึกจากการฝืนและเกร็งกล้ามเนื้อ มือขวากำไม้เรียวแน่น เขาตั้งท่าชี้มันไปทางเธอ แววตาของเขาไม่ลังอีกต่อไป
"ใช่แล้วล่ะ ตั้งแต่แรกแล้ว มัน.. ก็ไม่แปลกที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะมันแปลกตั้งแต่แรกแล้ว.." เขานึกภาพของผลประเมินตอนนั้น
<ไม่พบในฐานข้อมูล..>
ซอลมองเขาด้วยสายตาเหมือนปลาตาย เหมือนจะบอกว่า ''พล่ามอะไรของเอ็ง แล้วตรัสรู้อยู่คนเดียว บ้าไปแล้วงั้นเหรอ?''
ถึงเธอจะไม่ได้พูดออกมาจริงๆก็คาน
เธอกระชับมือที่ถือเคียวให้แน่น แล้วจับจ้องผมอย่างกับเหยื่อ และตั้งท่าจู่โจม ท่าทางที่สง่างามและน่าหวั่นเกรงนั้น ทำเอาผมขนลุกซู่ ทั้งพลังกาย เทคนิค และประสบการณ์ของผมนั้นด้อยกว่าเธอ แต่ว่าพลังใจของผมนั้นไม่ด้อยไปกว่าเธอแน่นอน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ...
"ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุผลคือไรก็เถอะ แต่ว่า! ผมจะยอมตายโง่ๆให้ง่ายๆหรอกนะ" อาว~ล่ะ..มาลองให้สุดแล้วหยุดค่อยที่ร่างแหลกสลายไปเลย
[การใช้ไม้เรียว:Lv.3] เปิดใช้งาน...
//แจ้งเตือน// เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ จะทำการหรั่งอะดีนาลีนเพื่อลดทอนความเจ็บปวดระหว่างใช้งาน///
"ย้ากกก—"
ผมถีบตัวพุ่งไปข้างหน้า กวัดแกว่งไม้เท้าราวกับนักรบที่เชี่ยวชาญ เธอตอบโต้กลับด้วยการโจมตีจากเคียวของเธอ
"ฟรึ่บ!-- เคร้งงง!"
การเคลื่อนไหวของเธอเกือบจะเร็วเกินกว่าที่สายตาจะตามทัน ถ้าไม่ได้ตรวจจับช่วยละก็การต่อสู้นี้คงจบลงในพริบตา
เราทั้งสองปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ผมส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความพยายามในการโจมตีแต่ละครั้ง ผมพยายามโจมตีเธอด้วยไม้เรียว แต่เธอหลบหลีกการเคลื่อนไหวของผมอย่างช่ำชอง และเปิดการโจมตีสวนกลับซึ่งทำให้ผมกลายเป็นฝ่ายตั้งรับทันที
ไร้ช่องโหว่ แข็งแกร่งเกินที่จะเป็นมนุษย์ เธอเป็นตัวอะไรกันแน่
ผมพยายามใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของการป้องกันของเธอ แต่เธอรวดเร็วเกินไปและมีการตอบสนองที่เร็วมาก มันทำให้การโจมตีของผมไร้ผลได้อย่างง่ายดาย เธอที่เด่นทุกด้านกับผมที่เด่นแค่การป้องกัน หากการต่อสู้นี้ยืดเยื้อผมจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและตายลงในที่สุด
"อัก!-" ผมถูกเธอเตะกระเด็นหลังจากที่ผมป้องกันการโจมตี
"กึก— โธ่เว้ยย ไอ้บัดซบ!" ผมย่นระห่างและเข้าต่อสู้อีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ มีแต่ต้องทำมัน ทางเดียวที่จะรอด...
...----------------...
...บทคั่น...
การต่อสู้ระหว่าง''รลัน'' กับ''ซอล'' เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งเกิดขึ้นในบ้านที่มีแสงสลัวกลางป่าในตอนกลางคืน
เคร้ง-เคร้งง— พรึ่บ! พลั่ก โช้งเช้งๆ
มีเสียงเกิดขึ้นทุกบริบทการเคลื่อนไหว หญิงสาวนามว่าซอล ไล่ต้อนโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเลือดเย็น สีหน้าเธอเรียบเฉย แต่กลับให้ความรู้สึกว่าจดจ่อกับการเคลื่อนไหวเป็นอย่างมาก ไม่แสดงท่าทีอ่อนแอ อ่อนข้อ หรือแม้แต่ช่องว่างที่ให้โอกาสคู่ต่อสู้เลย
【ก้ากก— ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไอ่หนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ ต้องกล่าวว่า ‘‘สมกับที่เป็นคนจากโลกอื่น’’ งั้นสินะ เจ้าก็เห็นด้วยใช่มั้ย?】 เสียงชายชาตรี ที่ฟังดูมีอายุพูดขึ้นถาม
"...."
แต่เหมือนกับว่าไม่มีใครในที่นั้นได้ยินมันเลย
【เนอะ อีหนูซอล ดูเหมือนเจ้าจะลำบากนะ ข้ายินดีช่วยเจ้านะ แค่ปล่อยให้ขะ—】 เสียงที่เยาะเย้ยคู่สนทนา ฟังเเล้วชวนหงุดหงิด ถูกแทรกก่อนจะกล่าวจบ
"หุบปากซะจิงค์ ...ไม่จำเป็นต้องทำ และจะไม่มีวันทำ" ซอลตอบโต้กับเสียงที่เธอเรียกว่า'จิงค์' โดยไม่เปิดปาก นี่คงจะเป็นสื่อจิต หรืออะไรเทือกนั้น
【เห้อ—】 สิ่งที่ถูกเรียกว่าจิงค์ถอดหายใจยาว
"จะทำให้จบเดี๋ยวนี้แหละ"
【เหอะ-】
...----------------...
ในที่สุด หลังจากสิ่งที่ดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ผมได้ทำผิดพลาดร้ายแรง จากที่ตั้งใจปัดป้องการโจมตี แต่ผมใช้แรงเยอะเกินไป ไม้เรียวที่ปัดคมเคียวไปซ้ายบนนั้น มันไกลเกินที่จะดึงกลับมารับการโจมตีต่อไปได้
ผมปล่อยให้ตัวเองเปิดรับการโจมตีที่เลวร้ายจากเธอ ด้วยการกลับคมของเคียวอย่างรวดเร็วหลังจากที่ถูกปัด
เธอดึงเคียวย้อนกลับลายเดิม พร้อมกับกดเเรงทั้งหมดลงหวังจะตัดในฉับเดียวอย่างรวดเร็ว
"ฉับ!— "
แขนทั้งสองข้างที่ชูอยู่ท่าเดิม ถูกตัดขาดอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนทั้งสองร่วงลงพื้นพร้อมไม้เรียว พลั่กๆ เคร้ง~
แขนข้างซ้ายส่วนที่เลยศอกออกไปไม่ถึงคืบถูกตัดขาด ส่วนแขนขวาถูกตัดที่ศอกตรงเปะ
ผมถอยหลังไปพิงกับผนังบ้านและทรุดลง พร้อมเลือดที่ไหลออกจากตัวเป็นสายธารา ผมเหลือบมองบนไปที่เธอที่ยืนอยู่ ภาพที่มองเห็นเริ่มพร่ามัวลงกว่าเดิม เธอพึมพำเหมือนคุยกับอะไรสักอย่างก่อนที่จะย่อตัวยื่นหน้ามาใกล้ผม
เหอะ ภายในใจของผมกำลังถาม เพราะอะไรกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ไม่มีทางหนอื่นแล้วหรอ? ถ้าไม่ตามเธอมาผมจะปลอดภัยรึป่าว? ทำไม?? ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้? ผมควรจะใช้ชีวิตเรียบง่าย ตื่นเช้าไปโรงเรียน ตกเย็นกลับบ้าน อ่านนิยาย เล่นเกมไปวันๆสิ แล้วทำไม-
“รลันเอ้ย คนเราน่ะนะ ถ้าไม่ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เวลาผ่านไปแล้วจะมานึกเสียใจทีหลัง ก็ไม่มีประโยชน์ ตอนใกล้จะตายนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะฉนั้น จงทำทุกอย่างที่ทำได้ซะ—....."
ปู่!? ...อ่า นี่สินะที่เขาเรียกว่าความทรงจำก่อนตายน่ะ ...อืม ใช่แล้วปู่ ผมจะทำมันทุกอย่างทุกวิถีทางเลย ก็เพราะว่า..
...ผมจะไม่ยอมตายง่ายๆตรงนี้หรอก!!...
...[ปรสิตร่างวิญญาณ:ยูนีค] เปิดใช้งาน.....
ผมใช้เเรงเฮือกสุดท้าย กระโจนตัวเข้าใส่ซอล เธอดูตกใจเป็นอย่างมาก และนั่นจึงทำให้เธอตอบสนองไม่ทัน
ใบหน้าผมประกบกับเธอ ทันทีที่เป็นเช่นนั้นผมก็จูบเธอ มับ!เข้าให้ ในปากมีเลือดที่กระอักจากการต่อสู้ ผมสอดลิ้นเข้าไปในช่องปากเธอ ลิ้นของเรารู้สึกถึงกัน ผิวสัมผัสลิ้นของเธอนุ่มเนียนลื่น มันไม่เข้ากับเธอที่เป็นฆาตกรเอาซะเลย จะว่าไปหน้าตา—
"อื้อ— อื้ม~~ ฮ๊า! แฮก แฮก" เธอผลักตัวรลันออก
"ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย!!!"
ร่างผมถูกผลักออกกองอยู่กับพื้น มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ จะว่าไปแล้วผมก็เหมือนโรคจิตนะเนี่ย แต่ไม่ใช่หรอกนะ
//แจ้งเตือน// เนื่องจากทำตามเงื่อนไขถูกต้อง.. กำลังดำเนินการขั้นตอนถัดไป... วืดด~ ติ๊ง! ดำเนินการเสร็จสิ้น///
...[ทักษะระดับยูนีค]...
...⟨ปรสิตร่างวิญญาณ : ซอล บัยอาร์(โฮสต์)⟩...
..ในที่สุด! ก่อนที่ทัศนวิสัยจะดับลง ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือ ใบหน้าของหญิงสาวที่หมดสติไปเมื่อครู่
อ่อ- ว่าแล้วเชียว เธอมัน.. ก็น่ารัก... ใช่ย่อยเลย—
...----------------...
^^^โปรดติดตามตอนต่อไป>^^^
รุ่งอรุณของวันใหม่เป็นภาพที่เห็น ท้องฟ้าเป็นสีส้มและสีชมพูเข้ม ขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า เสียงนกร้องเจี้ยวจ้าวกันบนต้นไม้ต้อนรับเช้าวันใหม่
ด้วยเสียงคร่ำครวญ ผมค่อย ๆ ฟื้นสติสัมปชัญญะ ผมขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง ผมอยู่ในกระท่อมไม้หลังเล็กๆ ใจกลางป่า ผนังทำด้วยไม้หยาบ หน้าต่างมีขนาดเล็กและเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส อากาศหนาวเย็น แต่ไฟอุ่นๆ ปะทุขึ้นในเตาผิง ทอดเงาร่ายรำไปทั่วห้อง ทำให้เงารอบๆ ห้องเคลื่อนไหว
"อึก อ่ากก-"
ศีรษะของผมสั่นด้วยความเจ็บปวด และร่างกายของผมเองก็รู้สึกแปลก ๆ แต่เมื่อผมยกแขนขึ้น ผมก็ตระหนักว่าหน้าอกของผมเปลี่ยนไปเป็นรูปร่างที่ยั่วยวน ความสยองแล่นเข้าหัวของผม
"เป็นไปได้อย่างไร?" ผมจ้องมองลงไป สังเกตว่าหน้าท้องแบนราบของผมก็ถูกแทนที่ด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งแบบผู้หญิง ผมเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของตัวเองด้วยความไม่เชื่อ แล้วผมก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นผมยาวสีขาวร่วงลงมาที่เอวของผม
จังหวะนั้น หน้าต่างระบบก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าผม
...//แจ้ง//...
...ทักษะ[ปรสิตร่างวิญญาณ:ยุนีค] สำเร็จการใช้งาน... เนื่องจากข้อมูลบางส่วนไม่มี... กำลังสรุปโดยย่อ... ...
//ทักษะ[ประเมิน:Lv.1] »อัพLV.» [ประเมิน:Lv.4]
// ได้รับทักษะ [การใช้อาวุธหนัก:เอ็กตร้า] ...ทำการผสานทักษะ [การใช้อาวุธหนัก:เอ็กตร้า]+[การใช้ไม้เรียว:Lv.3] ...วืดด—ติ๊ง! ได้รับทักษะ [ศิลปะการต่อสู้ปราบปราม:อัลติเมต]
// ได้รับทักษะ [ตรวจจับรอบตัว:เอ็กซตร้า] ...ทำการผสานทักษะ [ตรวจจับรอบตัว:เอ็กซตร้า]+[สัมผัสจู่โจมอันตราย:ทั่วไป] ..วืดด—ติ๊ง! ได้รับทักษะ [สัมผัสหยั่งรู้:เอ็กซตร้า] และทักษะ[ตอบสนองอัตโนมัติ:สูง]
// ได้รับทักษะ [ควบคุมมิติ:เอ็กซตร้า] …เนื่องจากระดับของวิญญาณปรสิตไม่ถึงเกณฑ์ จึงไม่สามารถใช้ทักษะนี้ของโฮสต์ได้ …ดำเนินการอ่านข้อมูลทักษะอีกครั้ง— ติ๊ด! ทำการพัฒนาทักษะ [ซองอาวุธส่วนตัว:ยูนีค] +ข้อมูลของทักษะ[ควบคุมมิติ:เอ็กซตร้า(ข้อมูล)] ...วืดด—ติ๊ง! ได้รับทักษะ [มิติเก็บของส่วนตัว:ยูนีค]
// ได้รับทักษะ [ควบคุมพลังเวทย์:***], [ควบคุมพลังกาย:***], [สื่อภาษา:เอ็กซตร้า], [สื่อจิต:เอ็กซตร้า],
// ได้รับสมญานาม "มลทิน"
// จากผลของสมญานาม "มลทิน" ได้รับทักษะ [จิตคุกคามสังหาร:สูง] และทักษะ [เลือดเย็น:Lv.1]
"หวาาาา— " ผมอ้าปากออกกว้างกว่าเดิมด้วยความงงงวย มันขนาดนี้เลยหรอ? ถ้านี่เป็นเกม มันคงจะเป็นเกมส้นตึกดีๆเกมหนึ่งเลย อะไรคือการเริ่มเกมแล้วโดนบอสล่อลวงมาฆ่า!! เห้อ~ ก็นะ เพราะมันไม่ใช่เกมนั่นแหละนะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งในโลกที่เราไม่รู้จักอย่างนี้ยิ่งแล้วใหญ่
"สเตตัส วินโดว์!!"
.......
เอ๊ะ! มันเปิดไงหว่า? จริงสิ..เราไม่เคยเปิดเองเลยนี่หว่า มีแต่มันเด้งขึ้นมาเอง กับใช้ประเมิ-!!
"ใช่สิ ประเมินตัวเองไงล่ะ"
เปิดใช้งานทักษะ [ประเมิน]...
Wow— คุ้มค่ากับที่เสี่ยงฝากชีวิตไว้กลับทักษะปรสิตอะไรเบียวๆนั่น ดีจังเลยที่รอดชีวิตมาได้ อ้า~ นี่สินะความปลื้มปิติหลังจากที่พยายามทำเต็มแล้วสำเร็จน่ะ แต่ทว่าสิ่งต้องที่เสียไป...
ผมมองไปรอบๆห้อง และสังเกตเห็นร่างกายของมนุษย์ที่นอนแน่นิ่งไปอยู่ตรงกองเลือดที่แห้งกรัง มันคือร่างกายเดิมของเราที่ไร้วิญญาณ และกำลังส่งกลิ่นออกมา ผมถอนหายใจ แล้วเธอลุกขึ้นยืน รู้สึกอยากออกจากสถานที่นี้เร็วๆ แต่เราก็ไม่รู้อะไรเลยนอกเหนือจากที่'ซอล' เจ้าของร่างคนเดิมเล่าให้ฟัง ขณะที่ผมลุกขึ้น ชุดผ้าหนักๆและพริ้วไหว พันผมไว้ทำให้เคลื่อนไหวได้ยาก นี่เธอสวมชุดพรรค์นี้สู้กับเราเหรอเนี่ย.. ยิ่งคิดยิ่งขนลุก -~-
ขาของเขาสั่นเทา เขาพยายามก้าวย่างอย่างยากลำบาก เขาค่อนๆเดินไปที่ประตู เพื่อจะระบายอากาศภายในและกลิ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในนี้ไปด้วยเลย รลันกำลูกบิดและเปิดมันออก
"ฟริ้วว— ฟู่~"
ลมเย็นจากด้านนอกพัดผ่านประตูเข้าบ้านทันทีที่เปิดมันออก เรือนผมผมยาวสลวยทอดยาวตามหลัง ถูกลมนั้นพัดจนสบายออกไปตามทิศของลม
อากาศหนาวเย็นและดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นต้นไม้สูง เสียงที่เงียบสงบของป่า ทำให้เขารู้สึกได้ ถึงน้ำหนักในการตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่ไป มีบางอย่างบอกเขาว่า “อย่ากลัวสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ให้ยอมรับมันและก้าวไปข้างหน้า และอย่าหลีกหนีสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ให้เผชิญหน้ากับมันอย่างมั่นใจ” ช่างเป็นบทความที่ฉุดคิดให้ผู้คนมากมายกล้าที่จะตัดใจยอมรับ และกล้าที่จะใช้ชีวิตแบบเต็มที่ไม่กั๊ก
ผมหลับตาลง สูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสถึงได้อิสรภาพและการผจญภัยจริงๆที่รอผม- ผู้ที่ผ่านบททดสอบความเป็นตายนี้.. ผมยืนอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่ง แล้วค่อยหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
ผมกลับเข้ามาในบ้านเพื่อกำหนดและทำสิ่งที่ต้องทำ ผมเริ่มสำรวจภายในบ้านหลังนี้ ชั้นล่างมี2ห้อง ห้องแรกตั้งแต่เข้าประตูมา คือห้องนั่งเล่นนั่งเล่นที่เราต่อสู้กัน ตรงเข้าไปผ่านช่องวงกบเลยบันไดขึ้นห้อง2 เป็นห้องครัว ที่มีโต๊ะกินข้าว
ผมรู้สึกไม่มีดีที่จะเข้าไป เลยเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองแทน
หวืด— พรึ่บ!! "เฮ๊ะ! โกหก...ใช้มั้ย"
ตึง! พลั่กพลั่กๆพลั่ก "อ้าาาาาา—" ครืนน~ ปัง!!~
หลังจากเสียงอัปมงคลดังขึ้น ผมก็ทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง ม้วนหัวตีลังกาหมุนรอบตัวเองไหลลงตามเเนวเอียง ......หรือตกบันไดนั่นแหละ บัดซบ
หลังเเนบพื้นมองเห็นเพดานผ่านหว่างขาตัวเอง เป็นท่าโพสต์ที่ไม่อยากสาธยายให้ฟัง
ผมค่อยๆตั้งตัวกลับสภาพปกติ เช็คร่างกายว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บ้านนี้หลังนี้ดูเหมือนจะไม่มีเครื่องมือปฐมพยาบาล ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาคราวนี้คงต้องตายอย่างโดดเดี่ยว "เห้ออ— สติๆ" ขณะที่กำลังคืนสภาพสติสตัง แว๊บเดียวที่ตั้งสมาธิจดจ่อก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น...
【ก้ากก— ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า สารรูปกับการเคลื่อนไหวโง่เง่านั้นน่ะ อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คงไม่ใช่ว่าจงใจทำให้ข้าหัวเราะเยาะเจ้าจนตัวข้าตายเองหรอกนะ อุ๊ฟ- ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คึ..ฮะๆ】
"!!?" อะไร? เสียงพูดเหรอ ใครกันล่ะ? จับที่มาของเสียงไม่ได้เลย อยู่ตรงไหนว่ะ? จากตรงหนะ-
【ใจเย็น~ พ่อหนุ่มน้อย ข้าอยู่ตรงนี้ มองมาทางนี้สิ ที่ที่เจ้าตื่นไง—】
"ที่ที่ตื่น? !!หรือว่า.." ผมพำพัมและนึกขึ้นมาได้ เลยเดินไปยังที่กลางห้องนั่งเล่น ที่ที่ผมในร่างซอลตื่นขึ้น สิ่งที่เห็นคือศพของผะ-.. เอ่อ- เรียกว่าร่างเก่าละกัน !!อึก! อย่าบอกก—น่ะ ผะ- ผะ..ผีอี—
【ตรงนี้โว้ย】
เสียงนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคาดคั้น เสียงต่ำทุ้มแหบ ดุดันราวกับนักล่าลูกหนี้ผู้เหี้ยมโหด ทันทีที่คำพูดสั้นๆเหมือนคำสั่งนั่นสิ้นเสียง
ครืนน—— แรงกดดันมหาศาลก็พวยพุ่งขึ้นจากเคียวที่อยู่บนพื้นนั้น
!!!ตึง!!!
"อึก- อะ- อากึก หะ- หายใจมะ- " อะไรกันอีก ยังไม่จบอีกเหรอ พอสักทีเถอะ
【แก ทำสิ่งใดลงไป】ครืนนน—~—~
ความอึดอัดทั้งร่างกายและจิตใจเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว มวลอากาศที่หนาแน่นถาโถมเข้ามาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในเวลาแบบนี้ทำไมระบบถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง ป้องกันสิ! ลบล้าง? แจ้งเตือนล่ะ! ขอทีอะไรก็ได้... ถึงจะเรียกร้องระบบแบบนั้นแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมได้แต่กัดฟันทน ร่างกายแข็งทื่อเกร็งไปตั้งตัว "กึก- อา..อาาากก"
【นี่ ตอบคำถามข้าซะ ไม่ได้ยินหรือไง ตอบ!】
บรรยากาศถูกกดทับอัดแน่นลงที่พื้น มันคืออะไรกันแน่ ปีศาจเหรอ? รึว่าจะเป็นเผ่ารุกรานที่ซอลเล่าให้ฟังกัน ถ้าอย่างนั้นซอลก็ไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่เป็นเผ่ารุกรานที่กำลังกบดานในป่า?
【ฮึ่ม— ช่างเสียมารยาท เจ้าเด็กเหลือขอ นี่แกเอาข้าไปเทียบกับพวกขี้ขโมยไร้ที่ อย่างนั้นหรือ แกอาจหาญเสียจริง นี่คือเหตุผลที่ซอลแพ้คนเยี่ยงเจ้าสินะ ก้ากก— ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า】
ห๋๋าา~~ ถึงจะไม่คอยเข้าใจ แต่ดูเหมือนเจ้านั่นจะอารมณ์ดีขึ้นนะ แถมบรรยากาศรอบๆยังค่อยๆคลายตัวออก เอาหล่ะ ถึงจะไม่รู้ว่ามันอะไรกันแน่เเต่ที่รู้แน่ๆคือเราสู้เจ้านี่ไม่ได้แน่ๆ พลังคุกคามหรืออะไรนั่น ตัวฉันตอนนี้แพ้ทางมัน คงต้องใช้วิธีพูดแหละนะ
【เป็นเช่นนั้นก็ได้ ข้าอนุญาตให้เจ้าคุยกับข้าได้เลย อย่างไรก็ตามแต่ เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลยว่าเจ้าทำอะไรกับยัยซอลกัน นางดิบสิ้นไปแล้วเรอะ?】
อ่า— นี่คงจะเป็นสื่อจิตสินะ มันเปิดใช้งานอัตโนมัติหรอ?
【เปล่า นี่เป็นการสื่อจิตของเทพ ไม่ใช่สิ่งที่ระบบสร้างขึ้น และจะสร้างขึ้นได้】
ว่าแล้วเชียว อ่านใจได้จริงๆสินะ ว่าแต่..เทพ? เคียวนี่เนี่ยนะ?
【แน่นอนว่าใช่ สื่อจิตนี้มีแค่เทพเท่านั้นที่ใข้ได้ ในกรณีของเจ้าที่เป็นมนุษย์ใช้ร่างกายของเทพ เจ้าก็เลยคุยกับข้าผู้นี้ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์ก็คือมนุษย์】
เอ่อ.. แต่ผมที่เป็นมนุษย์ก็ยังใช้ได้ปกตินี่ครับ สิ่งที่ท่าน— เอ่อ—【เทพน่ะ】..อ่อ! ครับ สิ่งที่ที่ท่านเทพพูดมามันย้อนแย้งนะครับ
【ยังไม่เข้าใจอีกเรอะ ให้ตายสิมนุษย์หนอ】อึก- ทำไมถึงรู้สึกนี่มันอะไรกัน ผมรู้สึกใจร้อน ไม่พอใจอะไรบางอย่าง อยากจะระบายมันออกจัง รู้สึกอยากฉีกทึ้งหมอนให้ขาดวิ่น นี่คือความรำคาญเหรอ แง่ง แง่ง งั่ง
【เพราะมนุษย์เช่นมันต่ำต้อย เจ้าไม่สามารถควบคุมสื่อจิตนี้ของเจ้าได้ ความนึกคิดไหลออกรัวๆเหมือนแก้ผ้าเดินกลางเมืองไม่มีผิดเลยล่ะ ก้ากก— ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า】
เอ๋!? เป็นงั้นหรอกเหรอ......
【แล้วคำถามของข้าล่ะ】
เอ่อ— เรื่องนั้นมัน..ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าหระ-
เขาหยุดคำไว้ก่อนจะจบประโยค เพราะเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
〖เรื่องนั้นไม่จำต้องพูด ไม่มีประโยชน์〗เสียงที่คุ้นหูดังแทรกขึ้นในหัว
【อะไรกัน ยังอยู่มิใช่รึไง ช่างกล้ามาแกล้งตายต่อหน้าข้าได้นะ ซอล บัยอาร์】
................hah?
...----------------...
...บันทึกของคนตัดไม้...
ชั้นมีชื่อว่า ซาว์ เป็นอดีตอัศวินของอาณาจักรแห่งหนึ่ง ชั้นเข้าสู่สงครามแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ในนามของอัศวินแห่งพระเจ้าของโบสถ์ มันเป็นสงครามเล็กๆ ที่ใช้กำลังพลกว่าสี่หมื่น ยกทัพทำลายฐานที่มั่นสุดท้ายพวกหูยาว "นครพฤกษา:ซิลวานาธ" มันควรจะสำเร็จได้ด้วยดี แต่ทว่ามันก็ปรากฏตัวขึ้น กองกำลังติดอาวุธปริศนา ของจักรวรรดิเกิดใหม่ทางตอนกลางของทวีป ที่กำลังเป็นข่าวลือ
กองกำลังนั้นเข้าร่วมกับพวกหูยาว สงครามได้เริ่มขึ้น... และจบลงอย่างโหดร้าย กองทัพฝ่ายชั้นไม่เหลือชิ้นดี มันไม่ใช่สงคราม มันคือการกวางบางที่ยังมีความปราณี
ชั้นกลายเป็นเชลยศึก ถูกส่งมาทำงานตัดไม้ที่ป่าใหญ่ เขาปล่อยชั้นไว้ในป่าโดยไม่ห่วงว่าฉันจะหลบหนีเลย แต่ภายหลังชั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไม เพราะว่าชั้นไม่สามารถหนีออกจากที่นี่ได้ ชั้นต้องตัดฟืนเรื่อยๆ พอถึงวันที่กำหนดมารับฟืน กลุ่มคนที่ดูคล้ายทหารรับจ้างทั่วไปก็โผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่งในป่า พวกเขาขนฟืนขึ้นรถเกวียนที่เตรียมมาและมุ่งหน้าออกจากที่นี่ไป ก่อนจะออกไปพวกเขาได้ให้ค่าจ้างชั้นเป็นเหรียญทองจำนวนหนึ่ง ชั้นวิ่งตามรถเกวียนที่ออกวิ่งไปก่อนแล้ว ชั้นวิ่งอยู่ในป่าขณะไล่ตามรถเกวียนไปแต่ทว่า ก็มีหมอกหนาเข้าปกคลุมทัศนวิสัย ชั้นคลาดสายตากับรถเกวียน พอผ่านม่านหมอกออกมา ชั้นก็ตะลึง
"กลับมา... ที่เดิม???"
ตรงหน้าชั้นคือบ้านที่อาศัยอยู่จนถึงตอนนี้ ไม่นะ อะไรกัน นี่มันคืออะร๊ายยยยยย แอร๊ยยยยยยยยย เคียก!ๆๆ เสียงสรรพสัตว์ร้องคำรามระงม นี่มันคือนรก นรกที่คุมขังชั้นไว้คนเดียว ตลอดกาล
บันทึกนี้คือของไว้สืบทอดเรื่องรายสุดท้ายของชั้น คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ จงฟังให้ดี เหรียญทองที่ชั้นเก็บไว้ตลอด20กว่าปี ถูงซ่อนไว้ใต้เตาผิง เขาให้เหรียญทองชั้นแต่มันก็ไร้ค่าเมื่ออยู่ที่นี่ สิ่งเดียวที่กินได้คือของป่าจำไว้ เห็ดโคนขาวดอกเหลือง ช่วยบรรเทาอาการจิตตกของชั้นได้ มันต้องมีประโยชน์แน่
...----------------...
^^^โปรดติดตามตอนต่อไป>^^^
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!