NovelToon NovelToon

เกิดใหม่ในร่างนักฆ่าผู้บ้าเลือด [BL/GL/HL]

บทที่ 1 "ร้าย"เดียงสา

19:15 น.​​​​​​​​​

'กริ๊งงง คนสวยขาาา รับสายหน่อยค่าาา คนสวยขาาา รับสายหน่อยค่าาา'

เสียงสมาร์ตโฟนดังเป็นจังหวะ ปลุกสาวสวยตื่นขึ้นจากการนิทรา ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความสะลึมสะลือ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ตโฟนที่โต๊ะข้างเตียงนอน เจ้าตัวมองมือถือด้วยความชั่งใจเมื่อเห็นชื่อปลายสาย 'คามิลล่า'

"ฮาลลโหลลล"

"โหล ๆ จ้า เค้าทำฮันนี่ตื่นเหรอคะ" เสียงหวาน ๆ ของคามิลล่าดังขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

"เปล่าหรอก อีกไม่กี่นาทีก็ต้องตื่นอยู่แล้ว ดีซะอีกนะ ที่ฉันได้ตื่นก่อนเวลาน่ะ จะได้ไม่ไปทำงานสาย ขอบใจจ้ะ" เสียงจากปลายสายหยุดชะงักเมื่อฉันพูดจบ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

"เอ่อ...คือว่า วันนี้ฮันนี่ไปทำงานใช่ไหมคะ" ดูเหมือนคามิลมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับฉันนะ

"ใช่ ๆ เข้างานประมาณ 3 ทุ่มน่ะ มีอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจอะไรหรือคะ" ฉันถามด้วยความเป็นห่วง

"วันนี้เดี๋ยวเค้าจะพาเพื่อน เข้าไปในคลับด้วยน่ะค่ะ เลยมาถามดูว่าฮันนี่จะเข้าไปทำงานไหม เค้าไม่อยากไปคนเดียวน่ะ ถ้าไม่ใช่วันที่ฮันนี่ทำงานแต่เค้าชวนไปมันก็จะดูเหมือนรบกวนเวลาส่วนตัวของฮันนี่น่ะค่ะ" ปลายสายกระวนกระวายใจ

"แล้ววันนี้จะพาเพื่อนมากี่คนล่ะ" คามิลไม่ได้เป็นสมาชิกในคลับหรอกนะ แต่เธอก็ได้สิทธิ์เพราะเธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี ฉันเลยต้องทำตัวดี ๆ หน่อย ถึงจะแลกมาด้วยความโกหกต่าง ๆ นานา มากมายก็ตามที ฉันก็ยังคงสวมบทบาทของคนโง่อยู่เหมือนเคย

"เค้ากับเพื่อน 2 คนค่ะ วันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนน่ะค่ะ เลยว่าจะพาไปเลี้ยงสักหน่อย"

"งั้นเหรอ แล้วเรื่องเงินไม่เป็นอะไรใช่ไหม เห็นบอกฉันว่าไม่ค่อยมีเงินไม่ใช่เหรอ" จริง ๆ แล้วก็คงโทรมาขอยืมเงินเหมือนทุกครั้งแน่ ๆ เลยล่ะนะ

"แฮะ พอดี คามิลเผลอไปรับปากช่วงต้นเดือนเมื่อกี้น่ะสิ จะไม่เลี้ยงก็ยังไง ๆ อยู่ค่ะ เค้าไม่อยากกลายเป็นคนผิดคำพูดน่ะค่ะ"

"งั้นวันนี้ให้ฉันเลี้ยงก่อนไหม ฉันไม่อยากจะให้เพื่อนลำบากน่ะ ยังไงเราก็เพื่อนกัน มีวันไหนค่อยคืนนะ เรื่องเงินก็ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ก็พอจะมีให้ยืมอยู่น่ะ" งั้นก็ชิงตัดหน้าให้ยืมก่อนเลยแล้วกัน

"งื้ออ จะดีเหรอคะ เค้าก็ไม่อยากรบกวนหรอกนะคะ แต่ก็ขอบคุณน้าา รักฮันนี่ที่สุดเลยยย เพื่อนเยิ้ฟ เจอกัน 3 ทุ่มนะคะ"

"จ้า งั้นแค่นี้นะคะ ขอไปอาบน้ำก่อนนะ"

"จ้า จุ๊บ ๆ "

ตู๊ดดด

เสียงปลายสายสิ้นสุดลง

ก็พอจะรู้นะว่าเธอเป็นคนยังไง แต่ก็นะ ฉันเองก็มีเพื่อนแค่คนเดียว เรื่องเงินไม่ได้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย แต่ฉันมีลางสังหรว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีกแล้วน่ะสิ

อาบน้ำเสร็จแล้วก็ได้เวลาแต่งตัว ฉันสวมเชิ้ตสีขาวแขนยาว ก่อนจะสวมกางเกงขายาวรัดรูปและสวมเสื้อกั๊กสีดำทับเชิ้ตสีขาว ฉันชอบกางเกงรัดรูปตัวนี้จริง ๆ เลย มันทำให้ฉันได้เห็นสะโพกตัวเองชัดมากขึ้น เอวเป็นเอว สะโพกเน้น ๆ ชอบจริง ๆ

ฉันชอบการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่คลับของพี่ชาย เพราะฉันเบื่อในการเป็นคุณหนูบ้านรวยธรรมดา ก็เลยผันตัวมาทำในสิ่งที่ชอบพร้อมทุนทรัพย์มากมาย คลับย่านเมืองกรุงแห่งนี้เป็นของพี่ชายของฉันค่าสมัครสมาชิกก็ครึ่งแสนแล้วในแต่ละเดือน แทบจะเป็นคลับของคนรวยเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ของฉันก็มักจะมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยนะ พี่บอกอยากให้ฉันรับช่วงต่อธุรกิจให้หน่อย แต่ฉันน่ะ เรื่องบริหารอะไรแบบนี้น่ะ แทบจะไม่ได้เรื่องเลยล่ะนะ ฉันถนัดแค่ภาษาที่ 3 และ 4 เพราะฉะนั้นฉันน่ะโง่เรื่องการคำนวณมากเลยนะ ฉันเลยบอกพี่ชายว่า ฉันขอแค่ได้เรียนรู้การเป็นบาร์เทนเดอร์แล้วช่วยพนักงานของพี่ดีกว่า ระดับของฉันก็ประมาณผู้จัดการได้มั้งนะ แต่ฉันก็เป็นแค่พนักงานบาร์เทนเดอร์ธรรมดา ที่ถูกใจใครก็เลี้ยงค็อกเทลไปซะหมด ฉันไม่ได้ให้เขากินฟรีหรอกนะ เพราะนี่เป็นทุนของพี่ชายฉัน ฉันควักเงินในกระเป๋าตัวเองจ่ายค่าเหล้าต่างหากล่ะ ฉันก็คงมีดีแค่เรื่องเงินล่ะนะ บางวันก็หมดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่น แต่ก็ไม่ครณาเงินในบัญชีฉันหรอกนะ

20:39 น.

"วันนี้เธอก็จะไม่ให้ฉันเข้าไปด้วยเหรอ ถึงจะไปทำงานแต่มันก็อันตรายมากเลยนะ"

"เอาเถอะน่า ไม่เป็นอะไรหรอก ก่อนเข้าร้านการ์ดหน้าร้านก็เยอะแยะเลย ไม่ต้องห่วงฉันหรอก" ฉันยิ้มบาง ๆ ให้บอดี้การ์ดคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนสมัยเด็ก ฉันอยากเขาเชื่อใจฉันว่าฉันก็ดูแลตัวเองได้เหมือนกัน งานของเขามันก็เยอะมากอยู่แล้ว แท้ ๆ ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูเดินลงจากรถ ฉันไม่ลืมที่จะโบกมือลา คนขับคนเก่งของฉัน

"ขับรถดี ๆ น้าซีเวียร์พ่อหนุ่มคออ่อน" ฉันเริ่มแซวซีเวียร์ ก่อนที่เจ้าตัวหันหน้ามาทำท่าทางน้อยใจใส่ ก่อนจะขับรถออกไป เลิกมาปกป้องฉันแล้วหาแฟนสักคนเถอะน่า ฉันเสียดายหน้าตาหล่อ ๆ ของเขา สุด ๆ ไปเลยล่ะนะ ถ้าฉันไม่รู้จักซีเวียร์ก็อาจจะหลงระเริงความหล่อของเขาไปด้วยอีกคนก็ได้นะ สงสารสาว ๆ ที่อกหักเพราะฉันจัง ขอโทษนะ ฉันก็ไม่ได้อยากจะกั๊กพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้ไว้หรอกนะ ฮือออ ถ้าไม่มีเขา ใครจะขับรถให้ฉันกันล่ะ ยิ่งบอดี้การ์ด คนขับ แต่ละคนยิ่งหายาก ๆ อยู่ด้วย เงินดีแค่ไหน ก็ขับไม่ปลอดภัยสักคน

คลับXXX ย่านเมืองกรุง

ฉันเดินเข้าล็อบบี้ คลับนี้มีทั้งหมด 50 ชั้นคล้าย ๆ กับโรงแรม แต่ละชั้นก็จะไม่เหมือนกัน ยิ่งจ่ายเงินสูงเพื่อนสมัครเป็นสมาชิก ก็ยิ่งจะมีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นที่สูงขึ้น ที่ตึกคลับแห่งนี้มีทั้งบุคคลธรรมดาจนถึงนักการเมืองและเศรษฐี คนใหญ่คนโต ทั้งในและนอกประเทศ รวมกันอยู่ในที่แห่งนี้

ฉันแตะบัตรสมาชิก ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์จุดหมายปลายทางคือชั้นที่ 50 ชั้นของลูกค้าระดับโคตรของโคตร VVIP

"กรี๊ดดด มาแล้วเหรอคะ เค้ารอนานมากเลยนะ" ฉันพึ่งจะเปิดประตูก้าวเข้าเข้ามาไม่ทันไรเสียงทักทายก็ดังขึ้น เสียงหวานที่แสบแก้วหูนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากคามิลล่าเพื่อนคนเดียวของฉัน

"นี่ยังไม่ถึงเวลาทำงานเลยนะคะ ทำไมเธอมาเร็วแบบนี้ล่ะ" ฉันถามหญิงสาวร่างเล็ก หน้าตาที่ดูเด็ก ละมุน ผิวขาวตัวเล็ก ผมหลอนยาวสีน้ำตาลอ่อนทำให้ผิวของเธอดูขาวสว่างมากกว่าเดิม รวม ๆ แล้วคามิลล่า เป็นหญิงสาวในฝันของชายหลาย ๆ คนเลยล่ะนะ ฉันเห็นความน่ารักของเธอที่ดูไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยของเธอแล้วก็แอบน้อยใจอยู่นิดหนึ่งนะ เธอน่ารักมากจริงๆ

"เค้ากลัวว่าจะมาช้าน่ะ เค้าอยากจะมาต้อนรับฮันนี่ตอนเข้าทำงานด้วย นี่ ๆ ฮันนี่ฉันจะพาเธอไปรู้จักเพื่อน ๆ ของฉันนะ" คามิลยิ้มก่อนจะเดินจูงมือฉันไปที่โต๊ะหน้า

"หวัดดี หนุ่ม ๆ นี่เพื่อนของฉันนะ ชื่อฮันนี่โทสต์ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนสักสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะกลับมานะ อย่าสนุกไม่รอเค้าล่ะ" คามิลแนะนำฉันให้ชายหนุ่มทั้ง 2 ที่กำลังนั่งดริ๊งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนพวกเขาจะลุกขึ้นเอ่ยทักทายฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"สวัสดีคนสวย ผมชื่อชานนท์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะสุดสวย" หนุ่มผมดำเอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้ากะล่อนเผยรอยยิ้มมุมปากราวกับนักล่าที่กำลังหาเหยื่อก่อนจะมาสัมผัสเส้นผมข้างแก้มของฉันก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสมือก่อนจะประทับริมฝีปากอวบอิ่มลงบนหลังมือของฉัน ไม่ชอบแค่ไหนก็คงต้องยอมรับ ฉันเก็บสีหน้าของความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อการกระทำของอีกฝ่ายไม่ค่อยจะอยู่ ฉันล่ะเกลียดคนกะล่อนแบบนี้ซะจริง สัมผัสร่างกายของคนอื่นโดยไม่ถามถึงความยินยอมสักคำ

"ขอโทษนะคะ แล้วคนคนนี้ล่ะคะ" ฉันรีบสะบัดมือของตัวเองออกจากพันธนาการของนายชานนท์ จนเขาเริ่มสัเกตเห็นความไม่สบายใจของฉัน

"อะ...ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ พอดีเคยตัวไปหน่อยหนึ่งน่ะครับ หนุ่มกะล่อนเจ้าของในตาสีน้ำตาลอ่อนทำท่าลุกลน ทำตัวไม่ถูก เขาคงจะยังไม่เคยถูกใครปฏิเสธใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาสินะ เขาหล่อนะ แต่เขาควรจะให้เกียรติคนอื่นหรือคนที่พึ่งรู้จักมากกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่งั้นหน้าตาหล่อ ๆ ของเขาก็น่าเสียดายแย่เลย

คุณคงจะไม่ถือสากันนะครับ คนนี้เพื่อนผมชื่อว่ากันต์ธีครับ เห็นมันทำหน้าทำตาทำตัวดูหยิ่ง ๆ แต่มันเด็ดมากเลยนะครับ ถ้าคุณอยากจะลอง ไม่ก็มาซ้อมกับผมก่อนก็ได้นะครับสุดสวย" หนุ่มกะล่อนกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาก่อนจะเม้มปากและเลื่อนริมฝีปากให้ต่ำลงมาที่คอของฉัน ก่อนจะเอื้อมมือมาสัมผัสจับมือของฉันขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา ฉันเริ่มสะอิดสะเอียนคนตรงหน้าที่แสดงกิริยาแบบนี้กับเพื่อนของเพื่อนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่มีนาที

"คุณคิดว่าผู้หญิงคนไหนที่เขามาในคลับจะเป็นคนนิสัยแบบที่คุณคิดทุกคนเลยงั้นเหรอคะ" ฉันพูดออกไปพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนที่อีกฝ่ายจะชักสีหน้าไม่พอใจให้เชยชม คนอะไรไร้สามัญสำนึกเป็นบ้าเลย "ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" เมื่อพูดจบฉันก็ปลีกตัวออกมาพร้อมเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์บาร์

"คุณฮันนี่ครับ มีแฟนหรือยัง" หนุ่มกะล่อนเลื่อนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะนั่งลงจ้องมองฉันด้วยรอยยิ้มเต็มไปด้วยเลศนัย

"ยังค่ะ แล้วจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ" ฉันถามชานนท์ก่อนจะลงมือทำออเดอร์ของหนุ่มผมสีดำเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตหรือชื่อของเขาคือกันต์ธีเพื่อนของชานนท์ที่กำลังนั่งข้าง ๆ กัน ฉันใช้จิ๊กเกอร์ตวง วอดก้า ตากีล่า จิน รัมขาว ทริเปิล เซค น้ำมะนาว น้ำชา ตามสัดส่วนลงในเชคเกอร์ก่อนจะใช้ลีลาบาร์เทนเดอร์เขย่าส่วนผสมให้เข้ากัน ก่อนจะเทลงในแก้วไฮบอลที่ฉันเตรียมน้ำแข็งไว้แล้วก่อนหน้านี้ ฉันหวังว่าลูกค้าตรงหน้าจะไม่น็อคลงซะก่อนหลังจากดื่มเครื่องดื่มนี้เสร็จ เพราะในแก้วนี้มีส่วนผสมของเหล้าทั้งหมด 5 ชนิด ส่วนใหญ่ลูกค้าของเราไม่ค่อยจะสั่งกัน เพราะที่คลับแห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นนักธุรกิจไม่ก็คนใหญ่คนโตมาสงสรรค์กัน

"LONG ISLAND ICED TEA ได้แล้วค่ะ ดวงตาของคุณสวยดีนะคะ" ฉันวางเครื่องดื่มลงตรงหน้าของชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยชม

"อ๋อ ขอบคุณ" อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบเฉยก่อนจะยกดื่มค็อกเทลจนหมดแก้ว จะไหวแน่นะ

"เป็นลูกครึ่งงั้นเหรอคะ" ฉันถามอีกครั้ง เพราะฉันรู้สึกกดดันที่เจ้าชานนท์มัวแต่จ้องฉันตาไม่กะพริบเลยน่ะสิ เลยจำใจต้องเบือนหน้าหนีเขา

"ครับ ไทย-เดนมาร์ก" เขาตอบก่อนจะจ้องมองมาที่ฉัน "คุณสวยจังเลยนะครับ" หน้าของเขาเริ่มแดง ไม่แน่เขาก็อาจจะเริ่มเมาแล้วก็ได้

"ขะ..ขอบคุณ" ฉันตอบเขา

"งั้นผมขอ APEROL SPRITZ (อะเปโรล สปริตซ์) 1 แก้ว" ชานนท์ยิ้มก่อนจะจ้องมองฉันอย่างไม่ละสายตาก่อนจะยิ้มมุมปากเบา ๆ

"งั้นรอสักครู่นะคะ APEROL SPRITZ 1 แก้ว " ค็อกเทลที่ไว้จิบเบา ๆ รสไม่แรงมาก เหมาะสำหรับคนคออ่อนหรือคนที่ยังไม่อยากเมาตอนพึ่งเริ่ม ฉันใช้จิ๊กเกอร์ตวงเหล้าอะเปโรล โปรเซกโก ก่อนจะเพิ่มน้ำส้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้เชคเกอร์เขย่า แล้วเทลงแก้วเสิร์ฟให้คนตรงหน้า

"ผมไม่ได้คออ่อนหรอกนะครับ แค่ไม่อยากจะดื่มอะไรที่มันแรง ๆ เป็นแก้วแรกน่ะ" ชานนท์ยิ้มก่อนจะค่อย ๆ จิบเครื่องดื่ม ๆ พร้อมเสยผมด้านหน้าขึ้นแล้วปลดกระดุมลงหนึ่งเม็ด พร้อมยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของเขา ก่อนจะลุกออกไปควงเอวสาวสวยที่กำลังโชว์ลีลาการเต้นสุดเซ็กซี่อยู่ ๆ ใกล้ ๆ หน้าเวทีบรรเลงดนตรี ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคามิล ดูเหมือนเธอพึ่งจะเมาจากค็อกเทลที่เคาน์เตอร์บาร์ใกล้ ๆ เธอ

"ขอเหมือนเดิมอีกแก้ว" หนุ่มนัยน์ตาเขียวมรกตเอ่ยขึ้น ก่อนจะเงยหน้ามองฉัน ผิวขาวเนียนขาวตัดกับดวงหน้าสีเขียวมรกตเป็นอย่างดี ริมฝีปากบางอมชมพู ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ด เขาคงจะรู้สึกร้อนเพราะเหล้าสินะ

"ค่ะ รอสักครู่นะคะ" ฉันตอบรับก่อนจะลงมือตวงส่วนผสมเครื่องดื่มให้เขา วันนี้ลูกค้าไม่เยอะ และส่วนใหญ่ก็มักจะสั่งเหล้าไปดื่มที่โต๊ะ ไม่ก็สั่งไปดื่มที่ห้องส่วนตัวของลูกค้าวีไอพี ไม่ค่อยมีใครมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เพื่อรอดื่มทีละแก้วอย่างนี้หรอก ลูกค้าบางส่วนก็ไปโซนดนตรี โชว์ลีลาสุดเซ็กซี่และโชว์ความหล่อกัน

ฉันเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เขา เจ้าตัวก็เล่นดื่มหมดแก้วรวดเดียวอีกแล้ว ก่อนจะสั่งอย่างอื่นเพิ่ม เช่น ของทานเล่น และน้ำผสมไม้คั่นสด หน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อ ฉันกลัวว่าเขาจะน็อกคาโต๊ะจริง ๆ เลย แต่เราเป็นฝ่ายบริการก็ไม่ควรจะไปยุ่งเรื่องของเขามากจนเกินไป

พอเขาเริ่มเมา เขาก็เริ่มชวนฉันคุย เราคุยกันถูกคอมาก เขาก็ดูเป็นคนดีนะ เมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วฉันก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าทั้ง 2 คนนั้นหายไปไหน หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นนะ โดยปกติแล้วคามิลคออ่อนมากคงจะไม่ได้ไปมีอะไรกันหรอกใช่ไหมนะ ไม่สิ ช่างเถอะ ฉันเคยห้ามเธอไปตั้งหลายครั้งแล้ว พอเธอเมาเธอก็จะเริ่มด่าฉัน พอสร่างเมาเธอก็จะจำอะไรไม่ได้เหมือนทุกครั้ง เธอเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่จำความได้ แม้ผู้ชายที่ฉันชอบ เธอก็ไม่เคยเว้นเลย เราเริ่มนึกถึงวันเก่า ๆ ที่ฉันกำลังจะมีแฟนเหมือนคนอื่นเขา แต่สุดท้ายแล้วเขาและคามิลก็มีอะไรกัน คบกันได้สักพักก็เลิกรากัน เขาเลิกคุยกับฉันตั้งแต่รู้จักกับคามิล ฉันไม่ถือหรอกนะ เพราะมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เขาจะชอบอะไร ชอบใครก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเขาทั้งนั้น

"ห้องน้ำอยู่ทางไหน" กันต์ธีถาม

"ข้างหลังประตูบานนั้น ตรงไป ห้องน้ำชายเลี้ยวขวา" เมื่อฉันพูดจบกันต์ธีก็ลุกเดินออกไปด้วยความโซซัดโซเซ จะไหวไหมเนี่ย

"จะไปอ้วกเหรอ ให้ช่วยไหม" ฉันเดินไปพยุงกันต์ธีที่กำลังจะล้ม

"อื้ม" เขาตอบ

"ค่อย ๆ เดินนะ" ฉันพูดอีกครั้งก่อนจะช่วยเขาพยุงตัวเดินไปห้องน้ำ ถ้าได้อ้วกแล้วคงจะดีขึ้นแหละนะ

พอเดินมาถึงทางแยก ฉันก็เริ่มไม่ไหว ตัวของเขาหนักมากจริง ๆ ฉันพยุงเขาเดินตรงไประหว่างทางแยกเข้าห้องน้ำซ้ายและขวา ตรงกลางจะเป็นดาดฟ้าไว้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับมองเมืองยามค่ำคืน

"นายเดินไปห้องน้ำเองไหวใช่.." ฉันยังไม่ทันไม่พูดจบนายกันต์ธีก็สอดมือเข้ามาโอบเอวของฉันก่อนจะประกบริมฝีปากอ่อนนุ่มลงมาที่ริมฝีปากของฉัน ฉันพยายามผลักเขาออก เขาจึงทำการรวบแขนของฉันยกสูงขึ้นติดกำแพง กลิ่นเหล้าอ่อน ๆ แผ่ซ่านไปทั่วปากของฉัน เขาเริ่มจูบรุนแรงมากขึ้น ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับการกระทำอันหยาบคายของฝ่ายตรงข้าวก่อนจะกัดไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างแรง จนเขาเริ่มได้สติ

"อ่ะ!! ทำอะไรของเธอเนี่ย!!"

"นายนั่นแหละ ดูทำตัวเขาสิ" ฉันใช้แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวเช็ดริมฝีปากของตัวเอง "แค่ฉันคุยด้วยก็ไม่ได้แปลว่าฉันสนใจในตัวนาย"

"ก็มึงมายั่วกูก่อน" เมื่อฉันได้ยินคำพูดตอบจากปากของเขาก็เริ่มทำให้ฉันเริ่มอารมณ์เสีย

"ถามจริงเถอะ ฉันไปยั่วนายตอนไหนกัน" ฉันถามออกไป

"ก็เธอชวนคุยและดูสนใจฉัน แล้วดูหุ่นยั่ว ๆ ของเธอสิ แต่งซะรัดเห็นจนหมดแล้วนั่นน่ะ จะไม่ให้ดูง่ายได้ยังไง" คำตอบของเขามันทำให้ฉันเริ่มฟิวส์ขาดแต่ฉันก็จำเป็นต้องควบคุมสติโดยการระงับความโกรธไว้ในใจ ทะเลาะกับคนเมาจนเสียสติแล้วจะได้อะไร ทั้ง ๆ ที่พึ่งเจอฉันก็ตัดสินฉันซะแล้ว "แม่มเอ้ย ปากเลือดออกหมด เดี๋ยวกูจะมาคิดบัญชีทีหลัง" เขาพูดก่อนจะเดินโซเซไปเข้าห้องน้ำ

"อ๋อจ้า เร็ว ๆ นะ เสียเวลาทำมาหากิน" เขาคงจะยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร แถมเขายังซัดเครื่องเดิมไปเกือบจะครึ่งแสนแล้วด้วย ไม่ยากถ้าฉันจะคิดบัญชี ฉันเดินไปใกล้ระเบียงมองดูวิว ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟแล้วสูบพร้อมกับชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเบื้องล่าง ก่อนจะใช้มือขวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูความเคลื่อนไหวในโซเซียล วิวสวยจริง ๆ เลยนะ วันนี้เป็นวันที่มีพระจัทร์เต็มดวง มีดาวเต็มฟ้า ในข่าวน่่าจะบอกว่าวันนี้ดูจะมีฝนดาวตกด้วยสินะ หมอนั่นเขาห้องน้ำนานชะมัดเลย หัวโขกส้วมไปแล้วมั้งนั้นน่ะ เหตุการณ์แบบนี้ปกติก็จะไม่ค่อยเกิดขึ้นหรอก ยิ่งชั้นวีไอพีสูง ๆ ยิ่งระบบความปลอดภัยน้อยเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ลงทุนเพื่อความเป็นส่วนตัวซะส่วนใหญ่ ฉันสูบบุหรี่กำลังจะหมดม้วน ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ากันต์ธีจะออกมาจากห้องน้ำ ทำไมฉันต้องรอเขาน่ะเหรอ ฉันกลัวว่าจะมีคนเมาจนเกิดอุบัติเหตุตายน่ะสิ ชื่อเสียงที่นี่คงจะย่อยยับหน้าดูเลย ว่าบริการแย่จนมีลูกค้าเสียชีวิตอะไรนั่น ปิดข่าวก็ไม่ยากหรอก แต่สุดท้ายไอ้ข่าวลือปากต่อปากแล้วก็โซเซียลมันก็น่ากลัวที่สุดล่ะนะ

ตึก...ตึก......ตึก

เสียงกระทบของรองเท้าและพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะที่ไม่ค่อยเท่ากัน เสียงฝีเท้าเริ่มเข้ามาใกล้แล้วหยุดข้างหลังฉัน

"สร่างเมาแล้วเหรอ" ฉันถามออกไปเพราะฉันคิดว่าเป็นกันต์ธี ก่อนจะค่อย ๆ ละสายตาจาะโทรศัพท์แล้วหันหลังไปหาอีกฝ่าย

พลั่ก!!

"กรี๊ดดดด!!" คนข้างหลังผลักฉันโดนที่ฉันไม่ตั้งตัว ฉันผลัดตกจากริมระเบียงแต่มือของฉันก็คว้าที่ราวเหล็กกั้นระเบียงไว้ได้ทัน โทรศัพท์และบุหรี่กำลังตกจากที่สูงลงสู่เบื้องล่าง ฉันตั้งสติก่อนจะมองคนตรงหน้า

"คามิลล่า..." ฉันพูดเสียงสั่น

"เออกูเอง มึงเลิกแย่งคนของกูสักทีได้ไหมวะ มึงคิดว่ามึงดี มึงสวย มึงเลิศเลอแล้วมึงจะทำอะไรก็ได้เหรอ

"ดึงฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ คามิล!!" ฉันตวาดเสียงดัง ดาดฟ้าก็ดันเก็บเสียง กรีดร้องก็ไม่ช่วยอะไร เสียงของฉันคงจะไม่ดังพอที่จะเล็ดลอดเข้าไปในห้องน้ำ ถึงเล็ดลอดเขาไป ก็คงมีแต่ที่กำลังเมาอยู่

"ทำไมกูต้องช่วยมึงด้วย ถ้ากูคิดจะช่วยคงไม่ผลักมึงแบบนี้หรอกนะ" คามิลตะคอกกลับ

"ฉันไปทำอะไรให้แกนักหนา ถามจริงเถอะ ฉันก็ช่วยเหลือแกตลอดเลยนะเว้ย แกจะตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนพร้อมกับน้ำตา มือของฉันเริ่มจะไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที

"ผู้ชายที่กูชอบ สิ่งที่กูต้องการ อยากมี อยากได้ เงินทอง และทุก ๆ อย่าง ของที่กูต้องหามาด้วยความลำบากตั้งมากมาย แล้วทำไมแค่มึงชี้นิ้วมึงก็ได้มันไปง่าย ๆ แบบนี้วะ กูไม่ชอบมึง ไม่ชอบที่มึงเกิดมาแล้วฐานะดี พ่อแม่ก็ดี ชีวิตมึงเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด กูอิจฉามึง กูเกลียดมึงฉิบหายเลย มึงรู้ไหม อะไรที่ทำให้กูยังอยู่เป็นเพื่อนมึง เพราะมึงมันไม่มีเพื่อนไง ทำตัวหยิ่งยโส ทำตัวเหนือคนอื่น ทุเรศ"

"เหตุผลมึงแค่นี้เหรอ กับการที่มึงจะฆ่าคนตาย" ฉันพยายามกำราวเหล็กให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเริ่มสถบคำหยาบออกมา

"มันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ" อีกฝ่ายโกรธจนหน้าแดง ก่อนจะพยายามแกะนิ้วฉันออกจากราวเหล็ก

"แต่กูก็ให้มึงทุกอย่าง กูดูแลมึงขนาดนี้มึงยังไม่พอใจอีกเหรอ กูไม่เคยคิดจะแย่งผู้ชายของมึงด้วยซ้ำ"

"ไม่ มึงแย่ง มึงแย่งทุกอย่างไปจากกู ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตกูก็มักจะเผลอใจไปให้มึงตลอด ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่ากู กูอุุตส่าห์พาเขาออกจากจากชีวิตมึงได้ แต่เขาก็ยังไม่เลิกพูดถึงมึง" อีกฝ่ายพูดก่อนจะงัดนิ้วมือของฉันออกจากราวเหล็ก ฉันจิกนิ้วแน่น

"อีเวรนี่!! มึงจะกำแน่นไปถึงไหน!!"

"นังขี้อิจฉา อย่าคิดจะเอื้อมเดือนเอื้อมดาวเลย ทำตัวต่ำขนาดนี้" ฉันพูดก่อนจะจะคว้าแขนของคามิล

"กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!" ไหวพริบดีเป็นบ้า นั่งงูพิษคว้าราวที่ฉันพึ่งจะปล่อยไว้ได้ทัน ฉันเริ่มกำแขนของเธอแรงขึ้นพร้อมกับจิกไปที่ผิวหนังของเธอจนเลือดเธอไหล

"ไปตายด้วยกันไหม" ฉันถามพร้อมกับกำแขนอีกฝ่ายไว้แน่น ก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟไปที่เสื้อผ้าสวย ๆ ของหล่อน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องตกลงไปแน่ ๆ งั้นฉันก็อยากจะเผาเธอทั้งเป็นหน่อยแล้วกัน ถ้าเธอไม่ตายบาดแผลของเธอก็คงต้องรักษานานหน่อยนะ เธอไม่มีเงินรักษาด้วยไม่ใช่เหรอ

"เนื้อผ้าลินิลของเธอติดไฟง่ายยิ่งกว่าฟืนอีกนะ เป็นเชื้อเพลิงได้ดีเลยล่ะนะ" ฉันพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองไปที่เสื้อของหล่อนที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้ ผิวขาวนวลเริ่มเกิดแผลพุพองขึ้นอย่างรวดเร็ว

"กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!! อีบ้า!!!! หยุดนะ!!!!! ดับไฟเดี๋ยวนี้!!!!!! กรี๊ดดดดดด!!!!!" ฉันมองเธอส่งเสียงกรีดร้องและฉันก็หัวเราะออกมา

"จดจำแผลของเธอไปชั่วชีวิตนะ แล้วอย่าลืมบอกแม่ที่ชอบแย่งหัวชาวบ้านของเธอด้วยนะ ว่าเธอจะฆ่าคนตายแล้วโดนจุดไฟเผาน่ะ บอกสามี บอกลูกหลานของเธอด้วยถ้ามี บอกว่าแม่ฆ่าคนตายเพราะอยากจะได้ผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่ง และเพราะเกิดมาไม่มีอะไรดี เลยอิจฉาคนอื่นเขาขนาดนี้ น่าสงสารจังเลยนะ จุ๊บ ๆ" เมื่อพูดจบฉันก็ปล่อยมือจากแขนของหล่อนก่อนจะคว้ารองเท้าส้นสูงสีขาวของหล่อนติดมือมาด้วย ตอนนี้แรงของฉันไม่มีเหลืออีกแล้ว สายตาฉันเหลือบไปเห็นกันต์ธีที่กำลังวิ่งมาหาหล่อนด้วยความตื่นตระหนกพอดิบพอดี ฉันกำลังตกลงจากที่สูง ชั้นที่ 50 ศพของฉันคงไม่สวยแน่เลย ฉันหวังว่าการตายของฉันคงจะไม่ทำให้ธุรกิจของพี่ชายเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกนะ ขอโทษนะพี่ ที่ฉันกำลังทำให้ธุรกิจของพี่แปดเปื้อน ขอโทษนะพ่อแม่ที่ฉันยังทำให้ท่านภูมิใจตัวฉันไม่ได้ ซีเวียร์ ฉันขอโทษที่ฉันยังไม่เคยบอกว่าชอบนาย....ภาพความทรงจำในอดีตปรากฏทับซ้อนขึ้นมาเป็นฉาก ๆ นี่เหรอความรู้สึกของคนที่กำลังจะตาย น้ำตาของฉันเริ่มเอ่อล้นออกมา ฉันกำสร้อยเส้นโปรดที่ซีเวียร์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าที่กำลังจะมาถึงอีกแค่ไม่กี่วัน แล้วก็สุดท้ายนี้ฉันขอโทษตัวฉันเองนะ ที่ยังใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มอย่างที่ต้องการ

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"

"เห้ย!!! มีคนตกลงมา!!!"

ร่างบางตกลงมากระทบพื้นคอนกรีตก่อนจะมีเสียงกรีดร้องจากรอบข้าง ร่างกายบิดเบี้ยว แขนขาฉีกขาด เลือดที่ไหลนองมากมายย้อมสีพื้นคอนกรีตให้กลายเป็นสีแดงฉานราวกับสีของดอกกุหลาบที่ดูงดงาม แตกต่างเพียงแต่ร่างกายที่สวยงามของหญิงสาวกลับแปรเปลี่ยนเป็นร่างกายที่มีสภาพบิดเบี้ยวดูไม่ได้ ความน่ากลัวของร่างไร้วิญญาณทำให้คนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ ทำได้เพียงโทรเรียกตำรวจ พร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้และเก็บภาพอันน่าสยดสยองไว้ลงโซเซียลอย่างตื่นเต้น เหมือนกลับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นภาพที่หาดูได้ยาก โดยไม่มีใครสนใจเลยว่าคนที่เสียชีวิตนั้นจะต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นสภาพอันไร้ซึ่งความสวยงามนี้หรือไม่

ชายหนุ่มผมดำนัยต์ตาสีฟ้าที่จอดรถอยู่ไม่ไกลผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่มีคนตกลงมาจากที่สูง เขารู้สึกคุ้นกับการแต่งตัวและคุ้นเคยกับผู้เสียชีวิต แม้สภาพใบหน้าและร่างกายที่บิดเบี้ยวจะเละจนดูไม่ได้ แต่เขาก็ทราบดีว่าคนคนนี้คือใคร

"เสื้อผ้าตัวนี้.."

แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

น้ำตาจากนัยน์ตาสีฟ้าเริ่มโรยริน เสียงหอบหายใจ ขณะที่วิ่งไปหาร่างอันไร้วิญญาณ ความเจ็บปวดและเสียใจเริ่มถาโถมเข้ามา เขาไม่แม้จะรู้สึกรังเกียจสภาพของหญิงสาว เขาทรุดลงข้างเธอก่อนจะประคองร่างกายอันบอบบางของหญิงสาวขึ้นมากอดแนบอก พร้อมกับการร่ำไห้คร่ำครวญที่ได้สูญเสียหญิงสาวผู้เป็นนาย และเป็นทั้งรักแรกตั้งแต่วัยเยาว์ของเขาจนถึงปัจจุบัน ซีเวียร์โอบกอดร่างไร้วิญญาณของหญิงสาว ประคับประคองด้วยความอ่อนโยนดั่งเช่นเธอยังมีชีวิต แม้สภาพของเธอจะดูไม่ได้เลยก็ตาม เธอก็ยังคงสวยที่สุดในสายตาของเขา

"ฉันขอโทษ...ฮันนี่...ฉันขอโทษ.....ฉันควรจะดูแลเธอให้ดีกว่านี้...ฮันนี่......ฉันรักเธอ...รักมาตลอด...ทำไมเธอถึงทิ้งฉันไปเร็วขนาดนี้ ไหนเธอบอกเธอจะไม่ทิ้งฉันไง.....ไหนว่าเราจะอยู่เคียงข้างกัน...ไหนเธอบอกว่าจะอยู่ด้วยกัน....จะเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันตลอดไป...ขอร้องอย่าทิ้งฉันไปแบบนี้ อย่าผิดสัญญากับฉันแบบนี้...ได้โปรด" ซีเวียร์ไม่สนใจสายตารอบข้างที่เริ่มพูดเหน็บแนมเขาด้วยความรังเกียจ เสื้อผ้าที่ขาวสะอาดเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน

"ฉันจะทวงคืนความยุติธรรมให้เธอเองนะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะจับคนที่ทำร้ายเธอเอง ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามันเพื่อเธอ พักผ่อนเถอะนะ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแล้ว พักผ่อนให้สบายนะครับนางฟ้าของผม" เขาพูดพร้อมมองไปที่รองเท้าส้นสูงสีขาวราคาที่ถูกย้อมด้วยเลือดที่แดงสด เสียงสะอื้น การร้องไห้ครั้งแรกของซีเวียร์ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับหญิงสาวผู้นี้ เขาพยายามเป็นคนที่เข้มแข็งและจะพยายามดูแลเธอให้ได้ เป็นความหวังเดียวที่เขาทำไม่สำเร็จ และการกอดครั้งสุดท้ายของชายหนุ่มก็ได้จบลง เมื่อความเจ็บปวดได้ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง จนทำให้ร่างกายของชายหนุ่มเริ่มรับไม่ไหว

"ฉันขอโทษ..." เสียงสุดท้ายของเขาได้เงียบลงและเขาก็ได้หมดสติไป...

TO BE CONTINUE...

บทที่ 2 คำสัญญา

"นี่ ซีเวียร์ เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปไหม" เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเล่นก่อปราสาททรายอย่างสนุกสนานได้เอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด

"นี่ยัยเตี้ย เธออยากอยู่กับฉันตลอดไปเหรอ" เด็กชายตัวน้อยกล่าวด้วยความเขอะเขินก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำถามอันไร้เดียงสาของเด็กน้อย

"ใช่แล้วล่ะ ฉันน่ะนะ อยากจะอยู่กับซีเวียร์ตลอดไปเลยนะ เราจะได้เล่นสนุก ๆ ด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ไปที่ ๆ เราอยากไปด้วยกัน มันดูมีความสุขมากเลยนะ อยากจะเติบโตไปพร้อมกับซีเวียร์" เด็กหญิงยิ้มแก้มปริก่อนจะมองมายังอีกฝ่ายพร้อมกับทำสายตาที่เปร่งประกาย ทำเอาอีกฝ่ายเขินจนพูดไม่ออก และชะงักไปชั่วครู่

"อื้อ งั้นเรามาอยู่เล่นด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ ห้ามทิ้งฉันไปไหนล่ะ ยัยเตี้ย" เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมแสดงให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะลูบหัวเด็กสาวด้วยความเอ็นดู

"ได้สิ ฉันสัญญาเลย มาเกี่ยวก้อยสัญญากันนะ" เด็กสาวเอื้อมมือมาพร้อมชูนิ้วก้อยที่ดูน่ารักให้อีกฝ่าย ทั้ง 2 เกี่ยวก้อยสัญญาพร้อมรอยยิ้มของเด็ก ๆ ตัวน้อยที่ไร้เดียงสา

"ฉันจะปกป้องเธอเอง"

ถึงเราจะพูดไว้อย่างนั้นแต่สุดท้ายแล้ว เราทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีกเป็นระยะเวลาราว 15 ปี

เมื่อระยะเวลาผ่านไป เราก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง โชคชะตาของเราก็กลับมาบรรจบกันอีกครั้ง ความสนิทสนมของเราไม่เปลี่ยนแปลงราวกลับว่าเรา 2 คนได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เธออาจจะกลับมาเพราะเธอถูกไล่ออกจากบ้าน และต้องมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว หาเช้ากินค่ำฉันก็อยู่ข้างเธอ จนเธอได้แสดงให้ครอบครัวได้เห็นถึงความพยายาม จนเธอได้ไต่เต้าขึ้นไปยังจุดหมายของเธอได้ เธอก็จะยังเห็นฉันอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ แม้ว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะไม่เหลืออะไรเลย เธอก็จะยังเหลือฉันอยู่ข้างกาย ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนและฉันก็จะปกป้องเธอ ตราบใดที่ฉันยังหายใจจะไม่มีใครมาทำร้ายเธอเด็ดขาด เพราะเธอคือโชคชะตาของฉัน ฉันอาจจะไม่คู่ควรกับการเป็นคนรักของเธอ งั้นฉันก็จะเป็นคนปกป้องและซื่อสัตย์ต่อเธอเอง

"แต่ตอนนี้ฉันจะไม่โกรธที่เธอผิดสัญญา"

ซีเวียร์

----------

"พ่อคะ นี่ ๆ ดูคะแนนสอบของหนูสิ เก่งใช่ม้าา คะแนนเพิ่มมาตั้งเยอะเลยนะคะ" สาวน้อยยิ้มด้วยความร่าเริง ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นบางให้ผู้เป็นพ่อที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านได้ดู

"แกทำได้แค่นี้เหรอ"

"คะ..."

"ฉันถามว่าแกทำได้แค่นี้เองเหรอ มันสมองของแกมันมีอยู่แค่นี้หรือไง ทำไมแกถึงทำวิชาเลขได้แค่ 78 คะแนน ทั้ง ๆ ที่มันเต็ม 100 ทำได้แค่นี้เองเหรอ แล้วแกจะเป็นหมอได้ยังไง!!!  มันสมองอย่างแกจะบริหารบริษัทฉันได้ยังไง กับอีเรื่องเรียนยังทำไม่ได้ ชีวิตที่เหลือแก แกจะทำยังไง จะเกาะฉันกินตลอดชีวิตหรือไง!!!" เสียงตวาดของชายวัยกลางคนทำให้สาวน้อยเปลี่ยนจากรอยยิ้มที่สดใสกลายเป็นน้ำตาที่แปดเปื้อนอยู่บนใบหน้า

"แต่หนูทำเต็มที่มากเลยนะคะคุณพ่อ หนูพยายามเต็มที่แล้วนะคะ แล้วหนูก็ไม่เคยคิดที่จะเกาะพ่อแม่และพี่ชายเลยนะคะ หนูจะพยายามด้วยวิธีของหนูเอง หนรู้ว่าหนูไม่เก่งพอ แต่หนูทำเต็มที่แล้วจริง ๆ นะคะพ่อ" เสียงของสาวน้อยเริ่มสั่นคลอน นัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มมีน้ำตาค่อย ๆ เอ่อล้นอาบแก้มขาวนวล

"แกพยายามแล้ว แต่แกดันทำได้แค่นี้เหรอ แกน่าจะเก่งให้ได้สักครึ่งนึงของพี่ชายแกบ้างนะ ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายคงจะสานต่อกิจการของฉันได้ดีกว่านี้ อย่ามาทำตัวบีบน้ำตาเหมือนโสภณีข้างถนนฉันไม่ชอบ ถ้าฉันเห็นแกร้องไห้อีก แกจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อ จำใส่สมองขี้เลื่อยของแกไว้ซะ" ชายวัยกลางคนฉีกกระดาษแผ่นบางจนกลายเป็นเพียงเศษขยะธรรมดาไร้ความหมายก่อนจะทิ้งลงพื้น และเดินจากไป ทิ้งให้เด็กสาวยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพังพร้อมมองเศษกระดาษที่บนพื้นทั้งน้ำตา ในบ้านหลังใหญ่โตที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวในบ้านหลังนี้ เป็นที่ที่ไร้ความอบอุ่นและไร้ความรัก ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับกำลังใจจากครอบครัวสักครั้ง ไม่รู้แม้กระทั่งความอบอุ่นของครอบครัวมันเป็นอย่างไร และความรักจากครอบครัวมันเป็นเช่นไร ความพยายามที่ไม่ถึงเป้าหมายไม่เคยถูกนับว่าเป็นความพยายาม ไม่เก่งไม่พอเธอยังไร้พรสวรรค์ใด ๆ ที่พอจะทำให้ผู้เป็นพ่อได้ภูมิใจ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นเพียงสนามอารมณ์เพียงเท่านั้น อาจจะผิดตั้งแต่ที่ไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่ก็อาจจะเป็นตั้งแต่ที่เธอเป็นแค่เพียงลูกติดเมียเก่า

"ตั้งแต่ตอนที่พ่อกับแม่รู้ว่ามีลูกที่จะเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง พ่อกับแม่ควรจะทำแท้งนะคะ"

ชายวัยกลางคนหยุดชะงักก่อนจะเดินกลับมาหยุดลงตรงหน้าเด็กสาว

เพี๊ยะ!!!

แรงเหวี่ยงของฝ่ามือมากระทบที่ใบหน้า ทำให้เด็กสาวทรงตัวไม่อยู่ จึงล้มลง ใบหน้าขาวนวลเกิดรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือ และมีเลือดกำเดาไหลออกทางจมูก ใบหน้าของเด็กสาวกลับไม่หลงเหลือความกลัวและไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด หลงเหลือเพียงความเย็นชาทิ้งเอาไว้เพียงเท่านั้น

ตั้งแต่วันนั้นวันนั้นกลับกลายเป็นวันสุดท้ายที่เธอได้แสดงรอยยิ้มให้คนในครอบครัวได้เห็น

----------

"อึก...ปวดหัวจัง ปวดเหมือนหัวจะระเบิด..." ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัว ฉันก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองได้มาอยู่ในที่ ๆ ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย บ้านหลังเก่าทรุดโทรม ใยแมงมุมบนผนังห้อง คราบเลือดและสิ่งสกปรกบนพื้นและกำแพง กลิ่นคาวเลือดที่เหม็นจนน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปทั่วห้อง มันทำให้ฉันคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนออกมา

"ที่นี่ ที่ไหน..." ฉันพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้นช้า ๆ ฉันรู้สึกถึงความเจ็บช้ำและเจ็บปวดบนร่างกายราวกลับแขน ขา และลำตัวของฉันกำลังจะขาดออกจากกัน

ฉันมองไปเห็นแก้วน้ำที่หกอยู่ปลายเตียงและเหมือนว่าจะมีชายวัยกลางคนที่กำลังหลับอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ เพื่อที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายตื่น

"ละ..ละ....เลือด" ฉันอุดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่กรี๊ดออกมา เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าที่กำลังนอนจมกองเลือดบนเตียงสีขาว สายตาที่เบิกลอย ปากคล้ำ ผิวซีด กลางอกมีมีดปักอยู่ ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกกลัวกำลังถาโถมเข้ามา มันทำให้ฉันหมดสติไป

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

'

"ท่านพี่ ตื่นได้แล้ว ท่านพี่" เสียงเด็กชายพูดขึ้นก่อนจะอุ้มเด็กสาวร่างบางไปยังบ้านหลังนึงที่อยู่กลางป่า ความเงียบสะงัดของป่ายามค่ำคืน มันช่างสร้างบรรยากาศอันน่ากลัวได้เป็นอย่างดี เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะวางร่างอันบอบบางลงบนเตียงที่ขาวสะอาดอย่างอ่อนโยน

"ที่นี่ที่ไหนกันน่ะ" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้น สบตาเด็กหนุ่มตรงหน้า เขามองฉันด้วยรอยยิ้มอันสดใส

"ตื่นแล้วเหรอครับ ท่านพี่" เด็กชายพูดก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น พร้อมกับโผลกอดฉันจากทางด้านหน้า ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก

"ทำอะไรน่ะ" ฉันถามก่อนจะผลักเด็กชายออก เพื่อที่จะหลุดจากพันธนาการของเขา

"ท่านพี่...ท่านเป็นอะไรไป ท่านโดนชายคนนั้นทำร้ายมาหรือ ท่านพี่ ท่านไม่เคยผลักไสข้าแบบนี้เลยนะ ท่านเป็นอะไรไป" เด็กชายทำสีหน้าเป็นห่วงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลนลานวิ่งไปหยิบแก้วก่อนจะรินน้ำอุ่น ๆ มาให้ดื่ม

"ไม่เอา ฉันไม่กิน" ฉันมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างไม่ไว้วางใจนัก ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและฉันอยู่ที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงต้องทำดีกับฉัน แล้วเราเป็นอะไรกัน ฉันมีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมดแต่ก็ดันพูดอะไรไปมากมายกว่านี้ไม่ได้ ฉันกลัว กลัวมาก

"นายเป็นใคร" ฉันพูดออกไปอยากแผ่วเบา ฉันกลัวมาก แต่ถ้าไม่ถามฉันก็จะไม่รู้

"ท่านจำข้าไม่ได้งั้นเหรอ ข้าไง โจเซฟน้องชายคนเดียวของท่าน" เด็กชายพูดก่อนจะทำสีหน้าเศร้าหมอง

"น้องชายเหรอ"

"ข้าเป็นน้องชายของท่านไง เป็นคนที่อยู่ข้างท่านมาตลอด"

"หมายความว่ายังไง ที่ว่าอยู่ข้างข้า"

"ท่านพี่ หรือว่าท่านจะโดนไอ่เลวนั่นทำร้ายแล้วจำข้าไม่ไแ้ ไอ้เวรนั่น"

"นายหมายถึงใคร"

"ก็ไอ้คนที่ท่านพี่พึ่งฆ่าไปไงครับ ท่านจำไม่ได้จริง ๆ งั้นเหรอท่านพี่" โจเซฟร้องไห้ออกมา เขาดูเป็นคนที่อ่อนโยนมาก แต่ว่าทำไมอยู่ ๆ ฉันถึงได้คุ้นเคยกับเขานักล่ะ โจเซฟงั้นเหรอ

"แล้วชื่อของข้าล่ะ เจ้าบอกข้าได้ไหม" ฉันถามออกไป

"แม้แต่ชื่อของท่านเอง ท่านก็จำไม่ได้งั้นเหรอ เป็นเหตุการณ์ที่แย่มาก ท่านชื่อเอสเตอร์ สาวงามที่บุรุษทั้งหลายต่างหมายปอง แม้สตรีบางคนยังตกหลุมรักท่าน ท่านอายุกำลังเข้าใกล้ 18 ปีแล้ว ท่านเป็นนักฆ่า ในยามเช้าท่านจะต้องดื่มยาที่ทำให้ท่านกลายเป็นชาย เพื่อที่จะซ่อนตัว ส่วนยามค่ำคืน ท่านก็ต้องหาเหยื่อที่ท่านพ่อของเราได้รับมอบหมายงานให้พวกเรา เราต้องกำจัดผู้คนตามที่ได้รับมอบหมายในภารกิจ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือร้าย เด็ก ผู้ใหญ่ และวัยชรา ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น เราคงจะเป็นฝ่ายที่ต้องตายแทนเสียเอง" โจเซฟอธิบายจนฉันได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งงานที่ต้องแปดเปื้อนเลือด ทั้งร่างกายฉันที่โดนทำร้ายจากคนที่ฉันต้องเรียกว่าพ่อ ไม่ตีด้วยไม้ก็ตบและทุบด้วยมือ ไม่แปลกใจที่ร่างกายของฉันจะมีบาดแผลมากมากมายขนาดนี้ ฉันรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก ถ้าเกิดว่าฉันไม่ทำแล้วหนีไป มันจะเป็นยังไงกันนะ ฉันจะโดนฆ่าเสียเองหรือเปล่า

"ฉันไม่อยากทำงานแบบนี้แล้ว" ฉันพึมพำเบา ๆ

"ท่านพี่...ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไม่งั้นท่านจะถูกฆ่าตายเสียเอง ท่านฟังที่ข้าพูดนะ ท่านจะเลิกทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด งานนี้เป็นงานของเราตั้งแต่ยังเด็ก เราถูกเลี้ยงดูมาเช่นนี้แล้ว งานนี้มันคือชีวิตของเรา เราจะหยุดกลางคันไม่ได้ ไม่งั้นเราคงจะไม่มีชีวิตรอดจากที่นี่เป็นแน่" โจเซฟพูดด้วยสายตาอ้อนวอนราวกลับกลัวว่าจะเสียสิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวไป แต่ฉันก็กลัวไง จะให้ทำยังไงล่ะ จะให้ฆ่าคนเนี่ยนะ ฉันไม่กล้าหรอก

"อะ...อึก" อยู่ ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาเฉยเลย ทำยังไงดี มันเจ็บ เจ็บมาก เหมือนใจมันจะระเบิด หัวก็ปวดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย เสียงของฉันไม่สามารถเล็ดลอดผ่านออกมาได้ มันเจ็บปวดไปทั้งตัว ราวกับว่าร่างกายของฉันกำลังจะขาดออกจากกัน

"ไม่นะ...ช่วยด้วย โจเซฟ....ช่วยฉันด้วย"

"ท่านพี่ ท่านพี่เป็นอะไรไป ฝื้นสิ ฝื้นขึ้นมาสิท่านพี่ ท่านพี่"

"อึก.." ฉันลืมตาตื่นขึ้น ก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มกำลังหลับอยู่ข้างเตียง พร้อมกุมมือของฉันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กำผ้าขาวบางที่เปียกน้ำหมาด ๆ ไว้ในมือ ไม่ไกลจากเขาก็มีชามใส่น้ำ หรือว่า เขาอยู่เฝ้าและเช็ดตัวให้ฉันตั้งแต่ฉันสลบไปเลยงั้นเหรอ

"ท่าน...พี่...ข้าจะปกป้อง...ท่านเอง" เสียงละเมอของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย ราวกลับเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาตั้งแต่ต้น ฉันรู้สึกคุ้นหน้าของเขา แล้วฉันก็มีความทรงจำเกี่ยวกับเขา ถึงแม้เราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันค่อย ๆ พะยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเงากระจก เมื่อฉันเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ฉันก็รู้สึกตกใจและพอจะจำบางอย่างได้ เอสเตอร์งั้นเหรอ ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ โจเซฟ เอสเตอร์ เป็นนักฆ่างั้นเหรอ นะ...นี่มันเหมือนกับนิยายของฉันตอนมัธยมต้นเลยไม่มีผิดเพี้ยน ฉันหายสงสัยทันที เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองมาอยู่ในนิยายที่แต่งขึ้นตอนยังเป็นเด็ก ก็ยังดีที่ฉันก็ยังจำได้ว่าได้แต่งนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วย แต่ฉันก็ดันลืมเนื้อหาของนิยายตั้งหลายส่วนเลย ไม่สิฉันลืมเกือบทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ แย่แล้ว ทำยังไงดี ทุกอย่างมันต้องดำเนินเรื่องตามนิยายใช่ไหมนะ เดี๋ยวก่อนนะ ชื่อเอสเตอร์กับโจเซฟมันเป็นชื่อของตัวร้ายหรือตัวประกอบในนิยายของฉันไม่ใช่เหรอ พออายุครบ 18 ปี ฉันก็จะถูกพวกคนในราชวงค์จับได้ก่อนจะถูกประหารเพราะฉันฆ่าคนไปนับไม่ถ้วน แม้คนที่ฉันฆ่าไปจะเป็นกฏบหรือคนไม่ดียังไงก็ตาม ฉันก็ต้องตายอยู่ดี เพื่อที่พวกขุนนางจะใช้ชื่อเสียงของฉันปิดข่าวในเรื่องที่พวกเขาทุจริตประชาชน ฉันแต่งนิยายแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ ถ้ารู้ว่าจะได้มาเกิดใหม่ในนิยายตัวเอง ฉันคงจะแต่งแนวรักโรแมนติกให้ตัวเองไปแล้ว แย่จัง น่าเสียดายสุด ๆ

ใบหน้าของเอสเตอร์ไม่แตกต่างจากฉันในโลกเท่าไหร่ เพียงแค่มีผมยาวมีสีม่วง ปากจิ้มลิ้ม หน้าตาน่ารักกว่า ตัวเล็กกว่า บอบบางกว่า ดูไร้เดียงสา และสวยกว่าเพียงแค่นั้น ใช่แล้วมันไม่ได้ต่างกันเลยสักกะนิดเดียว ฮ่า!!

ฉันมองตัวเองที่หน้ากระจกก่อนจะเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพยายามเรียบเรียงว่าในนิยายนี้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง คิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออก แน่ล่ะ ฉันแต่งตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะ ตอนนี้ก็ 20 ต้น ๆ แล้วด้วย ความจำของฉันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก อยู่ ๆ ก็มีภาพในหัวที่ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำของร่างนี้ผุดขึ้นมาไม่หยุดเลย ปวดหัวชะมัดยาด ฉันเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูบ้านเดินออกไปข้างนอก เพื่อออกไปสูดอากาศ มองไปทางไหนก็มีแค่ป่า เหมือนกับว่าเป็นที่กบกานของกลุ่มโจรป่าไม่มีผิดเลย มันดูน่ากลัวพิกล

ฉันมองไปรอบ ๆ ไม่เจอสิ่งอื่นใดเลยนอกจากป่าและป่า ทุกอย่างดูวังเวงไปหมด ฉันพึ่งจะจำได้ว่าที่บ้านหลังนี้พ่อของโจเซฟน่ากลัวที่สุด เขาทำร้ายทั้งฉันและลูกชายของเขา ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลแต่ก็กลัวไม่กล้าทำอะไรเลย ส่วนงานของฉันก็เหมือนกับการขายตัวดี ๆ นี่เอง ใช้ตัวเองเพื่อจะได้เข้าไปให้ใกล้เป้าหมายมากที่สุดก่อนที่จะลงมือทำตามแผนและฆ่าพวกเขาซะ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายแต่ไม่เลย ทุกอย่างมันยากมากเมื่อเป็นฉันไม่ใช่เอสเตอร์ เรายังต้องหาวิธีที่จะเข้าหาเป้าหมายแถมยังต้องฝ่าด่านคนคุ้มกันของพวกเขาอีก ดูน่ากลัวจังแฮะ ทำไงดี ทำยังไงดีนะ

ฉันอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ที่ได้ชีวิตใหม่มันก็ดีนะ แต่ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้

ฉันมองเจ้าไปในบ้านและมองไปที่โจเซฟที่กำลังหลับอยู่ที่ปลายเตียง ทั้งดูน่ารักและน่าเอ็นดู เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กร่างบาง แต่ถ้าจำไม่ผิดฉันแต่งเรื่องให้เขาเป็นคนที่เก่งมากคนนึง แม้ว่าเขาจะตัวเล็กและบอบบาง แต่เขาก็ปกป้องเอสเตอร์ได้เสมอเลย มีทั้งความฉลาดและความกล้าหาญเลยล่ะนะ แต่ว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวร้ายจุดจบมันจึงน่าเศร้าเสมอ ตอนนั้นฉันทำอะไรลงไปกันนะ อยู่ ๆ ก็รู้สึกสงสารตัวละครของตัวเองเมื่อได้เห็นเขามีชีวิต นึกถึงตอนที่ตัวละครที่ตายเพราะนักเขียนดูสิ น่าหดหู่มากจริง ๆ

ฉันเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ฉันไม่ได้จะหนี แค่อยากจะเดินมาดูสภาพแวดล้อมในนิยายของตัวเอง ฉันคิดว่าที่นี่มันสวยมากจริง ๆ ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ฉันไม่ได้เห็นมานานมากขนาดไหนแล้วกันนะ ดูเหมือนที่นี่จะมีน้ำตกที่เอสเตอร์ชอบมานั่งพักผ่อนอยู่ตลอดด้วยแหละ ใช่ไหมนะ

"แล้วต่อจากนี้ เนื้อเรื่องในนิยายมันเป็นยังไงต่อกันนะ แล้วทุกคนรอบตัวในโลกของฉันตอนนี้จะดีใจหรือเสียใจที่เราตายกันนะ" หญิงสาวพึมพำเพียงลำพังท่ามกลางความเงียบสงบในป่าใหญ่ เสียงรอบตัวหลงเหลือเพียงเสียงน้ำตก น้ำตาของเธอที่กำลังเริ่มค่อย ๆ ไหลรินผ่านดวงตาสีม่วงอย่างช้า ๆ หัวใจแทบสลายเมื่อนึกถึงครอบครัวที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ภาพวันวานวันเก่า ๆ ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวเสียใจมากยิ่งขึ้นเพราะตนยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่มากพอ ทั้งเรื่องธุรกิจของพี่ชาย และเรื่องของชายหนุ่มที่ตนยังไม่ได้บอกรักเลยสักครั้ง

"ซีเวียร์จะเป็นยังไงบ้างนะ"

"ท่านพี่..." เสียงพึมพำแผ่วเบาของโจเซฟที่อยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวมากนักดังขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นพี่คนเดียวของเขากำลังร้องไห้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปปลอบเธอใกล้ ๆ มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นน้ำตาของเธอ ความอ่อนแอของพี่เอสเตอร์ที่เป็นดั่งพี่ชายและพี่สาวคนเดียวของเขา เขารับรู้มาตลอดว่าพี่ของเขาต้องแบกรับอะไรไว้มากแค่ไหน และมันมากเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง

"ข้าขอโทษที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ข้ามันอ่อนแอ" โจเซฟมองดูเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนจะตัดสินใจปล่อยเธอไว้เพียงลำพัง และหันหลังเดินออกมาอย่างช้า ๆ

To Be Continued...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!