รุ่นพี่เย็นชาคนนั้นเป็นรูมเมทของผม
บทนำ
❗เนื้อเรื่องนี้ค่อนข้างจะ18+ แต่ไรท์จะพยายามเลี่ยงไม่ให้มันมากจนเกินไปนะคะ😅 การบรรยายและบทสนทนาเองก็จะส่อไปในทางเพศด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีทั้งคำหยาบและการกระทำที่ไม่เหมาะสม ที่อาจจะส่งผลกระทบหรืออาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่ดีได้ในบางช่วงบางตอนของเนื้อเรื่อง
❗ทั้งนี้ตัวไรท์เองไม่ได้มีการสนับสนุนการกระทำที่รุนแรงและไม่เหมาะสมนะคะ อย่าลืมใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะ ( ◜‿◝ )♡
ปล.1 ถ้าคิดจะอ่านเรื่องนี้ต้องอดทนกับพาร์ทบรรยายนะคะ(◕દ◕)
ปล.2 นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากจินตนาการของไรท์เองล้วนๆ และไม่ได้มีการลอกเลียนแบบผลงานของใครด้วยนะคะ
" โอลิเวอร์ "
คือชื่อของหมู่เกาะที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรสักแห่งในประเทศที่เจริญแล้ว
แต่ละหมู่เกาะที่แยกตัวออกไปต่างก็มีหลังคาบ้านเรือนซึ่งเป็นสถานที่พักอาศัยของประชาชนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
การค้าขายและธุรกิจเกี่ยวกับทางทะเลนั้นต่างก็รุ่งเรืองแม้จะอยู่ห่างไกลจากผู้คนและแผ่นดินใหญ่
ไหนจะเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจนสามารถใช้ได้อย่างคล่องตัวภายในเกาะที่ไม่น่าจะใช้เครื่องมือสื่อสารชนิดใดได้
ไม่เพียงเท่านั้น ลึกเข้าไปที่ใจกลางของเกาะ สถานที่เล่าเรียนที่รอบด้านต่างก็ถูกรายล้อมไปด้วยมหาสมุทรและธรรมชาติอันสวยงาม
เด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงเพียงไม่กี่คน ที่จะมีสิทธิ์ได้รับเลือกและโชคดีได้เข้ามาศึกษาที่หมู่เกาะแห่งนี้
เพราะที่นี่ จะทำการรับเลือกเด็กที่คิดว่าเหมาะสมให้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนและแลกเปลี่ยนความรู้กันได้แค่ปีละ1,000คนเท่านั้น
" บลู มิลเลอร์ "
คือหนึ่งในนักเรียนที่โชคดีได้เข้าไปศึกษาภายในหมู่เกาะโอลิเวอร์ ภายใน1ปีต่อจากนี้ การใช้ชีวิตที่เรียกได้ว่าปกติสุขในทุกๆวันของเขา จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ หากได้ย้ายสถานที่พักผ่อนจากในตัวเมืองเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาสมุทรที่มีหมู่เกาะผุดขึ้นมาประปราย มันคงจะสงบจิตสงบใจไม่น้อย...
ตอนหน้าจะเข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการค่ะ
อีกอย่างที่จะบอกคือเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายแนวแฟนตาซีแต่อย่างใด🤣 โปรดอย่าหลงเข้าใจผิดกันนะคะ
❗ระวังไว้ให้ดี เพราะในตอนต่อๆไปไรท์จะเพิ่มเนื้อหาการบรรยายและบทสนทนาให้มากกว่านี้แน่นอนค่ะ
บ้านพักที่ต้องการ
" เจเนวีฟ "
แหล่งศึกษาของเหล่าเด็กนักเรียนที่ได้รับเลือกให้มีสิทธิ์ได้รับการสอนสั่ง และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความรู้มากมายนับไม่ถ้วน
สถานศึกษาแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่เกาะโอลิเวอร์ ด้านหน้ามองเห็นวิวทิวทัศน์และคลื่นของมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน ด้านหลังคือภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่าสีเขียวชอุ่ม
สภาพแวดล้อมที่มีแต่ความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ แต่กลับเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เพียงปีละ1ครั้งเท่านั้น และในแต่ละปีจะเปิดให้คนเข้าชมได้แค่500คนจากทั่วโลก แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงเกินกว่าที่คนธรรมดาไร้เงินทองจะสามารถเอื้อมถึงได้
ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความสมดุลของธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนเกาะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ หรือประชาชนที่ปักหลักและอยู่กินบนเกาะนี้จริงๆ
ในส่วนของบ้านพักสำหรับเด็กนักเรียนที่เข้ามาศึกษาภายในเจเนวีฟนั้น มีการแบ่งสัดส่วนของจำนวนนักเรียนเอาไว้แบบเท่าๆกัน
กว่า500หลังคาเรือนที่มีไว้เพื่อต้อนรับเด็กนักเรียนโดยตรง สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ มีปะปนอยู่กับประชาชนบ้าง หรือจะอยู่ไกลออกไปซึ่งเป็นบริเวณตีนเขาบ้าง
นอกจากนี้ ถ้าเพื่อความสะดวกสะบายแล้ว เจเนวีฟมีนโยบายให้แก่ผู้พักอาศัยทุกคน เพียงแค่ส่งคำร้องและรีเควสความต้องการที่อยากได้ ทางผู้จัดหาจะช่วยจัดการเสาะหาที่พักที่เหมาะสมให้อย่างดี
* จำนวนนักเรียนที่มีทั้งหมด1,000คน จะแบ่งออกเป็น2คนต่อ1บ้านพัก
{ เข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการ }
ณ ท่าเรือซึ่งเป็นสถานที่จอดของพาหนะนำทางทางทะเล
บนทางเดินลาดยาวนั้นถูกปูด้วยอิฐสีน้ำตาลอ่อนและเข้มปะปนกันไป พอมองดูมันด้วยสายตาแล้วให้ความรู้สึกถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยจนอยากจะล้มตัวลงนอนให้รู้แล้วรู้รอดไป
เสียงเรียกนั้นช่วยดึงสติของ ' บลู ' ให้หันไปสนใจเพื่อนที่ร่วมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยกัน
บลู
โทรศัพท์ของบลูยังไม่มีแจ้งเตือนอะไรส่งมาเลยนะ
เรน
คนอื่นๆเขาเริ่มทยอยไปหาที่พักกันแล้วนะ
เด็กหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด เขากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างพิจารณา เห็นเด็กนักเรียนคนอื่นๆกำลังทยอยกันแบกสัมภาระที่เตรียมมาอย่างหนักอึ้งนั้นไปที่บ้านพักของตนเอง
สีหน้าแห่งความไม่ชอบใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของบลูทันควัน เมื่อความวุ่นวายและชุลมุนที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจได้ในที่สุด
บลู
ระหว่างรอแจ้งเตืองเรื่องที่พัก
บลู
บลูขอไปเดินเล่นฆ่าเวลาแถวนี้ก่อนดีกว่า
บลู
ของเรนรู้แล้วใช่มั้ยว่าที่พักอยู่ตรงไหน
เรน
ก็อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือนี่แหละ
บลู
ไม่อยู่ไกลจากเจเนวีฟไปหน่อยหรอ
เรน
เขียนคำร้องเรื่องที่พักไปว่ายังไงหรอ
เรน
จากที่คุยกันตอนอยู่บนเรือ
เรน
เรนว่าบลูเป็นคนที่รักความสงบมากแน่ๆเลย
เรน
คงไม่ได้ขอไปว่าอยากได้บ้านพักที่ไกลผู้ไกลคนหรอกนะ
บลู
ในชนบทที่มีบ้านเรือนเรียงติดกันแบบนี้ก็ดีอยู่หรอก
บลู
แถมคนยังอาศัยอยู่กันเยอะด้วย
บลู
มันไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
บลู
บลูขอออกไปอยู่ที่อื่นที่มันสงบกว่านี้ดีกว่า
เรน
แต่จะส่วนตัวได้แค่ไหนกันเชียว
เรน
อย่าลืมนะว่าบ้านหนึ่งหลังเราไม่ได้พักแค่คนเดียว
บลู
นี่คิดว่าไม่เป็นไรหรอก
บลู
มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคนก็ดี
บลู
รู้สึกปลอดภัยที่ไม่ได้อยู่คนเดียวด้วย
บลู
ถ้าเขาไปอยู่ในที่แบบนั้นเหมือนบลู
บลู
แสดงว่าจะต้องเป็นคนที่รักความสงบเหมือนกัน
เรน
ถึงจะพึ่งเคยเจอกันครั้งแรกตอนอยู่บนเรือก็เถอะ
เรน
แต่เรนขอเสียมารยาทเตือนบลูหน่อยได้มั้ย
เรน
รู้มั้ยว่าตัวเองหน้าสวยเหมือนผู้หญิงเลย
เรน
ก่อนหน้านี้มีพวกผู้ชายหลายคนเลยที่ส่งสายตาแปลกๆมาให้บลู
เรน
พวกมันแสดงออกกันโจ่งแจ้งตั้งขนาดนั้น
บลู
บลูว่าพวกนั้นก็คิดไม่ซื่อกับเรนเหมือนกัน
เรน
ทำไมเราไม่รู้จักกันให้เร็วกว่านี้
เรน
จะได้เขียนคำร้องไปว่าอยากพักกับบลู
บลู
จะขอเปลี่ยนกะทันหันก็ไม่ได้ด้วย
เรนสีหน้าสลดลงทันทีที่คิดว่าจะไม่ได้พักที่เดียวกันกับเพื่อนใหม่ที่ดูท่าแล้วจะสนิทกันกว่าที่คิด
บลู
เดี๋ยวไปเจอกันที่เจเนวีฟนะ
ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะต่างคนต่างแยกย้ายไปยังจุดหมายปลายทางของตนเอง
ผิดก็แต่บลู ที่ยังคงยืนเหม่อลอยมองไปยังมหาสมุทรกว้างเบื้องหน้า
ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทาง2-3ใบวางทับกันอยู่อย่างเรียบร้อย
บนแผ่นหลังบางเองก็สะพายกระเป๋าเป้ใบโปรดอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
เสียงข้อความและแรงสั่นเพียงไม่กี่วินาที เรียกให้บลูต้องละจากความสวยงามเบื้องหน้า แล้วหันมาให้ความสนใจกับข้อความที่ถูกส่งมาแทน
✉️ กล่องข้อความจากผู้จัดหาที่พัก
ผู้จัดหา
สวัสดีคุณบลู มิลเลอร์
ผู้จัดหา
ทางเราได้ทำการจัดหาที่พักที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคุณเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ผู้จัดหา
โปรดไปตามที่เราปักหมุดนี้
ผู้จัดหา
| 📌Send location |
ผู้จัดหา
ทั้งนี้ ทางเราขออภัยในความล่าช้า
ผู้จัดหา
โปรดเดินทางไปยังที่พักของคุณอย่างปลอดภัย
หลังจากที่อ่านข้อความนั้นเสร็จ มือบางก็จัดการกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงไว้ดังเดิม
บลู
เราจะเดินทางไปยังไงล่ะทีนี้
เด็กหนุ่มเอ่ยบอกกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับร้านเช่ารถที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้
บลู
ไปเช่ารถสักคันก็แล้วกัน
ทันทีที่ตัดสินใจได้ สองมือก็รีบคว้าเอากระเป๋าสัมภาระขึ้นมาถือไว้อย่างทุลักทุเล ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ร้านเช่าพาหนะที่อยู่ไม่ไกลทันที
พลันความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัว ความรู้ที่ได้จากคลิปวิดีโอการแนะนำเกาะนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เข้าใจถึงชีวิตความเป็นอยู่ภายในเกาะได้เป็นอย่างดี
ประชาชนที่นี่จะเดินทางโดยใช้รถจักรยาน สกู๊ตเตอร์หรือไม่ก็รถไฟฟ้าแบบ3ล้อและแบบ4ล้อ
โดยส่วนใหญ่แล้ว รถยนต์และรถกระบะจะใช้ในการขนส่งสินค้าเป็นหลัก
" สเตลล่า "
เป็นหนึ่งในชื่อของบ้านพักทางแถบตีนเขากลางหมู่เกาะโอลิเวอร์
บลู
บ้านที่เราจะต้องเข้ามาอยู่ใน1ปีต่อจากนี้
นัยน์ตาสีม่วงอ่อน ที่ติดจะไปทางสีเทานั้นเปล่งประกายยามเมื่อจ้องมองไปยังบ้านพักที่ถูกปลูกสร้างและออกแบบมาอย่างสวยงาม
ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ตลอดทางที่มายังบ้านพักนั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจจนบลูนึกอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่โดยถาวร
สองข้างทางถูกรายล้อมไปด้วยป่าไม้และแม่น้ำสะอาดที่ไหลมาจากภูเขาด้านใน ไหนจะธรรมชาติและทุ่งกว้างที่ทำให้รู้สึกสบายใจทุกครั้งยามเมื่อสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
และที่น่าประทับใจยิ่งไปกว่านั้นคือบ้านพักหลังนี้
ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกเงียบสงบ มีเนินดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียว ราวกับเชิญชวนให้อยากลองไปนอนเกลือกกลิ้งดูสักครั้ง
บลู
เอารถไปจอดไว้ข้างบ้านก่อนดีกว่า
เด็กหนุ่มขับรถไฟฟ้าแบบ4ล้อเข้าไปใกล้ตัวบ้านโดยไม่คิดอะไร
แต่ก่อนที่จะทำการจอดรถนั้นเอง เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อสังเกตุเห็นรถจักรยานคันหนึ่งจอดทิ้งไว้อยู่ที่ข้างบ้านพัก
บลู
รูมเมทเรามาถึงก่อนแล้วหรอ
เสียงเปิดประตูนั้นเรียกให้บลูต้องหันไปมองด้วยความสนใจ
ประจวบเหมาะกับที่มีใครบางคนกำลังเดินออกมาพอดิบพอดี
และในจังหวะที่เขาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา บลูก็เผลอไปสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้นเข้าอย่างไม่ตั้งใจ
รูมเมท
สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างกระอักกระอ่วน
ผมนั่งอยู่บนรถไฟฟ้าแบบ4ล้อ ในขณะที่อีกคนยืนกอดอกพิงกรอบประตูบ้านและจ้องตรงมาที่ผมด้วยนัยน์ตาเรียบเฉย
แต่สาบานได้เลยว่ามีแว๊บนึงที่ผมสังเกตุเห็นได้ถึงประกายบางอย่างที่ฉายแววอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น แต่ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็เลือนหายไป หลงเหลือไว้เพียงความเฉยชาที่ทำเอาร่างกายของผมเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ถ้าถามว่าเห็นได้ไง ทั้งๆที่ผมนั่งอยู่บนรถ น่าจะไกลกับตรงที่เขายืนอยู่รึเปล่า?
ก็จริงอยู่ที่ผมไม่ได้ไปยืนประจันหน้าแบบจ้องตากันปริบๆ แต่เรื่องของเรื่องก็คือผมกำลังจะเอารถไปจอดที่ข้างบ้านไง แล้วในตอนนั้นเองที่ผมขับรถเข้าไปใกล้กับตัวบ้าน แล้วชะงักที่เห็นจักรยานคันนึงจอดอยู่ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกมาพอดี ผมตกใจก็เลยจอดรถกระทันหันตรงบริเวณหน้าประตูบ้านนั่นแหละครับ
บลู
ผมพักอยู่ที่บ้านนี้ครับ
ผมกลั้นใจพูดออกไป ทั้งๆที่ความจริงตอนนี้แม้แต่ปากก็ไม่กล้าที่จะขยับ เพราะอะไรน่ะหรอ...
ก็คนตรงหน้าเล่นจ้องกันไม่เลิกเลยเนี่ยสิ
ไหนจะท่าทางของเขาตอนที่มองผมยังชวนให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
ถ้ามองแค่หน้าอย่างเดียวก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไมจะต้องไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยล่ะครับเนี่ย
อย่างน้อยก็น่าจะตอบอะไรกลับมาสักอย่างสิ
จะมายืนจ้องหน้ากันแบบนี้ต่อไปให้ได้อะไรขึ้นมา
หน้าแตกดังเพล้งเลยครับ...
ยังไม่ทันได้เอ่ยแนะนำตัวเพื่อสานสัมพันธ์กับรูมเมท แต่ผมก็โดนปฏิเสธในแบบที่ทำเอาไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว
ขอสารภาพว่าน้ำตาจะไหลแล้วครับตอนนี้
เขาพูดมาแค่นั้น ก่อนจะเดินไปที่ข้างบ้าน และออกมาพร้อมกับจักรยานที่ผมเห็นในตอนแรก
ผมจำต้องยอมถอยรถหลบออกมา เพื่อให้เขาจูงจักรยานออกไปอย่างช่วยไม่ได้
ทางก็ตั้งกว้าง แล้วผมจะหลบให้เขาทำไมวะครับ
ในที่สุดผมก็เข้ามาถึงห้องนอนได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นออกไปแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสนี้รีบขับรถเข้ามาจอดไว้ข้างบ้าน แล้วก็ขนกระเป๋าสัมภาระของตัวเองเข้ามาด้านใน
และวินาทีตอนที่เห็นการตกแต่งรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านพักหลังนี้ ผมรู้สึกเป็นปลื้มอย่างถึงที่สุด พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว บอกตามตรง ผมอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรจริงๆ
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นทำให้ผมหลุดโฟกัสไปชั่วขณะหนึ่ง
ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่หรือว่าเล็กจนเกินไป
จากที่กะดูจากสายตา รู้สึกว่าเตียงนี้สามารถนอนได้ถึง2คนเลยทีเดียว
ผมว่าจะพักสายตาสักแป๊ปแล้วค่อยลุกมาจัดของเข้าที่
แต่เมื่อผมกดดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามานี่สิ
ผมควรโทรไปปฏิเสธดีมั้ย? หรืออะไรยังไงดี
รู้สึกว่าตัวผมเริ่มจะนั่งไม่ติดที่แล้ว หน้าจอยังคงค้างเอาไว้ที่หน้าแชทของใครบางคนอยู่ และดูเหมือนว่าทางนั้นเองก็กำลังรอคำตอบจากผมอยู่เช่นกัน
เรน
ออกไปเดินตลาดกลางคืนกัน
เรน
ได้ยินคนแถวนี้เขาพูดกัน
บลู
เรนเก็บของเสร็จแล้วหรอ
บลู
จะออกไปข้างนอกให้เหนื่อยมากกว่าเดิมทำไม
เรน
อย่างน้อยมาถึงแล้วก็ต้องออกไปสำรวจพื้นที่ดิ
เรน
ตอนแรกเห็นบลูบอกจะไปเดินเล่นไม่ใช่หรอ
บลู
ไว้ไปพรุ่งนี้ไม่ได้หรอ
เรน
แต่พรุ่งนี้มันไม่มีตลาดนะ
บลู
เดี๋ยวขอหลับสักชม.ก่อนนะ
แล้วผมก็ตอบตกลงไปแล้วเรียบร้อย
อุตส่าห์หายไปตีกับตัวเองมาตั้งนาน สุดท้ายก็ไม่กล้าปฏิเสธอยู่ดี
ไอ้นิสัยยอมคนของผมนี่มันจะไม่มีวันหายไปง่ายๆใช่มั้ย?
ตอนนี้เป็นเวลา5โมงเย็นแบบเป๊ะๆ
และตัวผมก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดิมอีกแล้วครับ
คือผมกำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปเดินตลาดกลางคืนกับเรนนั่นแหละ
แต่ไม่รู้เพราะบังเอิญหรืออะไร พอก้าวขาออกจากห้องปุ๊บ คุณรูมเมทของผมก็ปรากฏตัวทันทีราวกับนัดกันไว้
อีกฝ่ายกำลังจะเดินเข้าห้องของตัวเอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของผม
พอมาเห็นเขาแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาเลย
นั่นก็เพราะว่าเมื่อตอนบ่าย3กว่าๆ ช่วงที่ผมแบกสัมภาระเข้ามาในบ้านนั่นแหละ
ตอนขึ้นชั้นสองมาคือผมไม่รู้ไงว่าห้องไหนเป็นห้องนอนของตัวเอง
ก็เลยเดาสุ่ม และดันโป๊ะแตกไปเปิดห้องของรูมเมทตัวเองเข้า
แค่นั้นไม่พอ ผมยังถือวิสาสะเดินเข้าไปอีก ยืนชื่นชมกับสไตล์การจัดห้องอยู่นาน พึ่งจะมารู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองก็ตอนที่หันไปเจอรูปเขาแปะอยู่บนผนังห้องนั่นแหละ
คนอะไรจะแปะรูปตัวเองไว้ในห้องนอน ประเด็นคือขนาดของรูปภาพนั้นมันใหญ่มาก
รู้สึกได้เลยว่าตอนนั้นผมยืนอึ้งอยู่สักพักนึง ก่อนจะรีบตั้งสติและพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นโดยเร็ว
ตกใจกับขนาดของรูปภาพไม่พอ ยังต้องมาใจเต้นให้กับคนในภาพอีก
จะอะไรล่ะ ก็ตัวเขาในภาพไม่ได้ใส่เสื้อนี่นา
ความไหล่กว้างกับซิกแพคแน่นๆ พร้อมกับท่าโพสที่ไม่ดีต่อใจเอาซะเลย
โชคดีที่เสียงของเขาดึงผมให้กลับมาสู่ปัจจุบัน และผมก็หวังว่าตัวเองคงจะไม่เผลอทำสีหน้าเหม่อลอยออกไปต่อหน้าเขาหรอกนะ
เขามองหน้าผมด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว ไม่รู้หรอกว่าการมองแบบนั้นมันเรียกว่าอะไร ผมนึกคำไม่ออก
เอาเป็นว่ามันทำให้ผมรู้สึกขนลุกแล้วก็ร้อนๆหนาวๆยังไงไม่รู้
อยากออกไปจากตรงนี้แล้ว ผมควรเดินออกไปเลยดีมั้ย? หรือจะรอให้เขาเข้าห้องไปก่อน
ผมหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะรีบพาตัวเองออกมาโดยเร็ว และไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมองเขาด้วยซ้ำ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!