เพล้ง!!
เสียงข้าวของตกแตกกระเจิดกระเจิง จากฝีมือของคนคนเดียว ที่บัดนี้เธอคนนั้นเเตกสลายไม่ต่างจากบรรดารูปภาพและแจกันราคาเเพงที่เธอขว้างทิ้งแม้แต่น้อย
นิ้วเรียวสลับชี้ไปยังสองชายหญิงตรงหน้า ราวกับคนบ้าขาดสติ นํ้าตาที่ไหลเปื้อนบนใบหน้าหวาน ถูกเช็ดแล้วเช็ดอีกคนมันแดงไปทั้งหน้า
เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นคลอกับเสียงคำพูด จนจับใจความไม่ได้ แต่ทุกคำทุกประโยคล้วนแต่แฝงไปด้วยความแค้น และความเจ็บปวด จนคนพูดนั้นแทบแหลกสลาย
" ฉันคาดหวังในความสัมพันธ์ของเราแต่คุณกลับหักหลังฉันไปเอาเพื่อนสนิทฉันมาเป็นเมียเป็นแม่ของลูกคุณ! " ปุณรดี(ปุน-ระ-ดี) ร้องไห้ปานจะขาดใจ เธอกัดริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือด หวังจะช่วยหยุดนํ้าตาของเธอได้บ้าง แต่ยิ่งหวนนึกถึงเรื่องที่แฟนที่คบกันมาเกือบทั้งชีวิต และเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันหักหลัง ก็ยิ่งทำให้นํ้าตาพากันหลั่งไหลมาไม่หยุดหย่อน
ร่างบางประคองตัวเองไม่ให้ล้มไปตามเเรงสะอื้น ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ " ฮรึก จ..จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไร!!!!! "
" ปรุง... " ธารทิพย์ผละออกจากอ้อมกอดของคันศร มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ตามสัญชาติญาณของคนเป็นแม่
แต่แท้ที่จริงแล้วเเค่เพียงอยากเย้ย เพื่อนสนิทตรงหน้าเพียงเเค่นั้น
แสร้งเดินเข้าไปหาเพื่อนหวังจะพูดคุยให้ใจเย็นลง แต่สุดท้ายเธอก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาฟังในสิ่งที่เพื่อนตวาดออกมา โดยมีคันศรเข้ามาประคอง กลัวปุรดีจะทำอันตรายเธอและลูก
" เงียบไปเลย!! " เสียงที่เคยเอ่ยแต่ถ้อยคำหวาน บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงตะคอก ที่แฝงไปด้วยความชิงชัง ที่ส่งส่งผ่านทั้งทางสายตาและคำพูด
ปุณรดีมองภาพชายหญิงสองคนตรงหน้า พวกเขาดูรักกันดีเนอะ พวกเขาไม่ละอายใจกันบ้างหรืออย่างไร มือที่กอบกุมกันอยู่ ไม่สนใจบ้างหรือว่าแย่งของผู้อื่นไป
'ฉันเจ็บ เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ร้องไห้จนแทบหายใจไม่ออก '
" มียางอาย มีจิตสำนึกกันบ้างรึเปล่า ยามถ่างขายามสอดใส่ เคยคิดถึงหน้าฉันกันบ้างไหม!! " เธอเอ่ยขึ้นด่วยนํ้าเสียงที่สั่นเครือ
" พอเถอะปรุง ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ถ้าคุณจะโกรธหรือจะโทษใครก็โทษที่ผมคนเดียวเถอะปรุง "
" ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษงั้นเหรอ? ฉันต้องให้อภัยคุณรึไง ถ้าคุณรู้สึกผิดจริง ก็อย่ามาขอโทษฉัน อยู่รู้สึกผิด จนตายไปเลย! เพราะฉันไม่มีวันให้อภัยคนอย่างพวกคุณ!! " เจ็บจนแทบพูดไม่ออก ยามเห็นที่ตรวจครรภ์ ปรากฎสองขีดที่ คันศรส่งให้ดู พวกเขาจับมือกันเข้ามา บอกว่าท้อง แล้วยังหวังจะให้เธอยิ้มรับและอวยพรอีกหรือ?
โลกสวยเกินไปรึเปล่า
" ฉันขอแช่งพวกเธอ!! ขอให้ไอ้เด็กที่เกิดมาเกลียดพ่อ และชิงชังแม่ตัวเอง! ขอให้ลูกคุุุุณต้องเจอเเบบเดียวกับที่ฉันเจอ ให้เสียใจ จนเป็นบ้าไปเลย!!! จำไว้! "
" ปุณรดี!!!!! " เสียงคันศรตะคอกออกมา ราวกับจะฆ่าเธอ ยิ่งเห็นเขาหวงแหน ภรรยาหมาดๆของเขาเธอยิ่งสมเพชตัวเองเสียจริง
" แม่มันก็ใจแตก แย่งผัวเพื่อนมั่วกันจนท้องตอนอายุ16 ส่วนพ่อมัน ก็มักมากเอาไม่เลือกแม้กระทั่งเพื่อนสนิทแฟนตัวเองก็เอา! เลือกเกิดได้บรรลัยมาก!! " คำพูดเสียดสีทิ่มแทงใจออกมาจากปากเธอ ก่อนเเค่นเสียงหัวเราะ ออกมายามจบประโยค
ก่อนไปก็ไม่วายอวยพรให้คู่รักผิดศีลไปหนึ่งประโยค
" ขอให้รักกันจนชิบหาย ตายจากกันทั้งคู่ "
ขอให้จับมือกันลงนรก....ขอให้เจ็บปวดเหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอ
หลังจาก ผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาสองปี ปุณรดีได้เข้าร่วมงานแต่งงานของอดีตแฟนหนุ่มและเพื่อนสาวคนสนิท ในฐานะ'แขกไม่ได้รับเชิญ'
เธอพาคนเข้าไปพังงานแต่งจนราบ แช่งคู่บ่าวสาวและอวยพรทารกน้อย แม้จะรู้ดีว่าเด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย แต่เพราะความโกรธเเค้นเข้าครอบงำ จึงทำให้เธอนั้นไม่ทันได้คิด
งานแต่งงานล่มไป ปุณรดีก็เดินทางไปเรียนต่อที่เมืองนอก และไม่กลับมาประเทศไทยอีก นับจากวันนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวคราวของไฮโซสาวปุณรดีอีกเลย
20 ปีผ่านไป
เสียงข่าวเช้าดังเล็ดออกมาจากลำโพง ของรถหรูที่บัดนี้กำลังจอดแน่นิ่งเพราะการจราจรติดขัดอยู่บนท้องถนน นิ้วหนาของเจ้าของรถเคาะพวงมาลัยรถราวกับอยากระบายความหงุดหงิด
รถติดมาเกือบชั่วโมงเเล้ว ไม่รู้ข้างหน้ารถติดหรือเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า
' ข่าวต่อไป ข่าวการกลับมาของไฮโซสาว ปุณรดี เรียกได้ว่าโปรไฟล์เธอคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยนะคะ ทั้งฐานะ ชื่อเสียง และนามสกุลของเธอ
เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อนานมาแล้วนะคะ ว่าจะไม่กลับมาที่ประเทศไทยอีก จนเมื่อไม่่กี่เดือนก่อนท่านเจ้าสั่วทรงพล พ่อของเธอล้มป่วยลงถึงขั้นแอดมิทเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนเลยค่ะ นี่อาจเป็นเหตุผลที่เธอกลับมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องเลยนะคะ มาที่ข่่าวต่อไปที่เป็นกระแสไม่ต่างกัน.... '
" ปุณรดี? ชื่อคุ้นๆ " ปิยะทัศ เอ่ยพูดเสียงเบาเมื่อได้ชื่อของบุคคลที่เป็นข่าว ก่อนจะลืมมันไปเมื่อรถคันข้างหน้าเริ่มขยับเคลื่อนที่ได้เสียทีหลังหยุดนิ่ง มาราวครึ่งชั่วโมง
@บ้าน ปรเวทย์
หลังได้ข่าวคุณพ่อล้มป่วย จนเข้าห้องฉุกเฉินนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน ฉันจึงตัดสินใจรีบจองตั๋วบินกลับมาไทยอีกครั้งหลัง ย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศษ เพื่อหนีอดีตเฮงซวยที่นี้ และปฎิญาณตนไว้ว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกจนกว่าจะถึงงานศพของสองคนนั้น
แต่หากรอถึงวันนั้น ฉันคนนี้คงได้เสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่ เพราะ มีลางสังหรณ์ว่าการกลับมาครั้งนี้หาใช่มาเยี่ยมพ่อ แต่เป็นการกลับมาดูใจท่านต่างหาก
ก็หวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด
เจ้าสั่วทรงพล กุมมือลูกสาวไว้แน่น ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้พยาบาลถอดเครื่องช่วยหายใจออก จะได้เอ่ยพูดกับลููกสาวอันเป็นที่รักได้อย่างถนัด
" ปรุง... " เสียงแหบของผู้เป็นพ่อ เอ่ยเรียกชื่อลูกสาว เรียกนํ้าตาเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดีเมื่อเห็นว่าปีนี้พ่อดูโทรมลงไปจนไม่เหลือเคล้าโคลงพ่อคนเดิมที่เธอเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนเลย
" ค่ะ.. ปรุงอยู่นี่ " มือบางกุมมือพ่อมาทาบแก้ม ด้วยความคิดถึง ชีวิตนี่เธอเหลือเเค่พ่อเพียงคนเดียว พอมาเห็นท่านเป็นแบบนี้ อดใจหายไม่ได้จริงๆ
" กลับมา...อยู่บ้านเราเถอะนะลูก กลับมาอยู่ด้วยกัน พ่อรู้ว่าปรุงเจ็บ แต่ตอนนี้พ่อป่วยหนักเหลือเกิน เห็นทีจะ... " เจ้าสั่วทรงพล หยุดพูดไม่เอ่ยประโยคที่ตนคิดออกไป เพราะกลัวจะทำให้ลูกสาวร้องไห้โฮออกมา
" ได้ค่ะได้ ปรุงยอมทุกอยากเลย ขอแค่พ่ออยู่กับปรุง นะคะ " ท้ายประโยคเสียงหวานสั่น จนไม่อาจควบคุุุุุมนํ้าตาที่พากันคลอขอบตาคู่สวยได้ พร้อมใจกันไหลลงผ่านพวงเเก้มของเธอ
" บริษัทฯของพ่อ พ่อโอนให้ปรุงแล้วนะ ทุกอย่างเลย พ่อรักปรุงนะลูก "
คนเป็นลูกใจแทบสลายมองมือของผู้เป็นพ่อร่วงหล่นลงมา ก่อนสัญญาณชีพจรจะดังขึ้นตามมา
ตื้ดดด------
" ฮือๆ ปรุงก็รักพ่อ " ปุณรดีก้มหน้าฟุ่บเข้ากับฝ่ามือบิดาที่บัดนี้เหี่ยวย่น ไร้เรี่ยวเเรง จนไม่อาจประคองไม่ให้สั่น แต่ตอนนี้มือที่แสนสั่นเทาคู่นั้นได้พลักตกลงสู่เตียงนอนเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
พร้อมกับการไว้อาลัยจากสาวใช้และนางพยาบาลรอบๆเตียง
ปุณรดีจับมือของบิดาไว้แน่น พ่อต้องอดทนทรมานแค่ไหนถึงได้รอลูกอกตัญญูอย่างเธอมาเยี่ยม ที่ผ่านมาชีวิตเธอจมอยู่แต่กับความแค้น และเรื่องราวในอดีต จนไม่สามารถทำใจกลับมาอยู่ดูแลพ่อที่ประเทศไทยได้
" พ่อ ปรุงขอโทษ " ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าเสียใจ
ทุกครั้งที่กลับมาประเทศไทย เธอมักหวนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ จนจวนจะเป็นบ้า ถึงต้องหนีไปให้ไกล ไกลจากสองคนผัวเมียชาติชั่วนั่น
" คุณปรุงจะพักที่นี่ไหมค่ะ ป้าให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว " ป้าแก้ว แม่บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เธอยังไม่เกิดเอ่ยถามขึ้น
" ค่ะ ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะคะ "
" ขอบคุณอะไรกันค่ะ ทุกคนดีใจนะคะที่คุณปรุงกลับมา " ป้าแก้วยิ้มขึ้นราวพูดถึงคุณหนู ที่ทุกคนในบ้านมักพูดถึงอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องวันนั้น คุณหนูของเธอก็ไม่เคยสดใสอีกเลย จนกระทั่งถึงขั้นร้องห่มร้องไห้ขอให้ท่านเจ้าสั่วส่งตัวเองไปให้ไกล ไกลจากข่าวของสองชายหญิงชาติชั่วนั่น
การกลับมาครั้งนี้ของคุณหนู จึงเป็นที่น่ายินดีมาก แม้จะมีใครอีกคนที่พึ่งจากไป
" ค่ะ " ปุณรดี แหงนหน้ามองภายในบ้าน ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด " แต่ปรุงคงไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ ปรุงอยู่ไม่ได้จริงๆ "
" ทำไมละค่ะ บ้านหลังนี้คุณท่านโอนให้คุณปรุงแล้วนะคะ "
" ปรุงทำใจอยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ปรุงยังจ้างทุกคนเหมือนเดิม อาจจะเพิ่มค่าจ้างให้ด้วย ตอบแทนที่ทุกคนช่วยดูแลคุณพ่อและบ้านหลังนี้ "
" โถ่คุณปรุง... คุณหนูของป้า "
" สองสามวันนี้อาจจะเหนื่อยกันหน่อยนะคะ ฝากทุกคนด้วย "
งานฌาปนกิจศพของ เจ้าสั่วทรงพลถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไว้แค่สามวันสองคืน จัดที่บ้านตระกูลปรเวทย์ แต่ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมาเเขกเหรื่อก็มาร่วมแสดงความเสียใจกันอย่างล้นหลาม แต่ ส่วนใหญ่มาหาผลประโยชน์จากงานศพพ่อเธอเสียมากกว่า
" หนูปรุง " คุณหญิงนวลออ เอ่ยเรียกบุคคลที่เป็นเกือบจะได้เป็นลูกสะใภ้ถ้าลูกชายไม่ทำเรื่องเลวทรามเอาไว้เสียก่อน ครั้งนี้เธอก็แบกหน้ามา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยินดียินร้ายกับการมาเยือนของเธอหรือไม่
เกิดโดนขับไล่ ออกไปเธอก็ไม่โกรธเลยสักเพียงนิด.. แต่ผิดคาดที่ปุณรดี กลับต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ซํ้าไม่พูดถึงเรื่องที่ลูกชายกระทำกับเธอ ให้แม่คนนี้ต้องเจ็บชํ้า
" คุณน้า สวัสดีค่ะ "
" ได้พักบ้างรึเปล่าลูก หนูโทรมเชียว " คุณหญิงนวล ลูบแขนลูกสาวตรงหน้าอย่างห่วงใย ความเป็นห่วงของท่านแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
จนคนที่มองถึงกับยิ้มออกมา " ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ เชิญคุณน้าในงานเลยค่ะ "
" หนูปรุงพักบ้างนะลูกเดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา "
ปุณรดียิ้มรับความห่วงใยจากคุณน้าคนนี้เอาไว้ ก่อนจะหันมารับแขกคนอื่นๆต่อ จนกระทั่งถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน แขกสองคนที่ควงกันมาทำให้เธอถึงขั้นตวาดไล่อย่างไม่ไว้หน้า
" ใครเชิญพวกคุณมา!! "
" ปรุง ผมมาไหว้-- " ไม่ทันที่คันศรจะพูดจบ ปุณรดีก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
" อย่ามาเหยียบบ้านฉันให้คนในบ้านต้องมีเสนียดติดตัวไปชั่วลูกชั่วหลาน!! ไสหัวคุณและภรรยาขอฃคุณไปซะ!! " นิ้วชี้ ชี้ไปยังประตูทางออก บ่งบอกให้แขกสองคนนี้รีบไส้หัวออกไป เธอไม่ได้เชิญ
ตอนนี้คนทั้งงานต่างหันมามอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้างาน นักข่าวน้อยใหญ่ต่างรีบเก็บภาพฉากประทับใจ ไปให้สำนักพิมพ์ของตัวเอง ข่าวนี้อาจจะเพิ่มโบนัสให้พวกเธอก็ได้ อย่างนี้ต้องถ่ายช็อตเด็ดๆให้สวย
" ปรุงเรื่องมันก็นานมาแล้-- ว้ายยย! "
ของชำร่วยถูกปาไปตรงหน้าสองสามีภรรยา ก่อนคนที่ปาจะเอ่ยไล่อีกรอบ " ไป!! ไป๊!!! " ของชำร่วยราวสิบชิ้นถูกเจ้าของงานหยิบขึ้นมาปาไล่แขก จนศันศรผู้เป็นสามีต้องโอบภรรยาพาออกจากงานไป เหตุการณ์ถึงจะสงบ
" สั่งคนมาทำความสะอาดหน่อย เอาเเอลกอฮอร์มาราดด้วย! อย่าให้เป็นเสนียดจัญไรบ้านฉัน "
" ค่ะคุณปรุง " สาวใช้รีบไปตามคนมาทำความสะอาดทันที ก่อนที่แขกคนอื่นๆจะได้รับบาดเจ็บ
รุ่งเช้าวันต่อมา ข่าวออกกันให้ว่อน ทั้งข่าวใหม่และขุดข่าวเก่าขึ้นมาเทียบเคียงกัน ถึงสาเหตุของการไล่ไม่ให้ คันศร วัญธาพักต์และภรรยาเข้าร่วมงาน ฌาปนกิจศพ ของท่านเจ้าสั่วทรงพล โดยถูกคนเป็นลูกขับไล่อย่างหมูอย่างหมา
เสียงของคนส่วนใหญ่เบนไปทางฝั่ง ไฮโซสาวปุณรดี
'ทำถูกแล้ว เป็นฉันฉันก็ไม่ยอมให้ควงกันมาเหยียบบ้านให้เป็นเสนียดหรอก!'
' สะใจจจจ '
' เอาสมองส่วนไหนคิดกัน ทำเขาไว้เสียขนาดนั้น ยังมีหน้าจะไปกราบไหว้ศพพ่อเขาอีก '
' พ่อเขาไม่ลุกขึ้นมาไล่ก็บุญแล้ว! '
ขณะที่ทางฝั่ง ปุณรดีไม่ได้สนใจ ข่าวเลย ว่าเธอจะเสียหายหรือได้แสง อะไรจากเรื่องนี้ ที่เธอสนใจอยู่จะมีแต่ควันจากการเผาร่างคุณพ่อของเธอ ที่ลอยออกมาจากเมรุ
และกอดรูปพ่อเอาไว้แนบอก ให้เหมือนกับที่ท่านเคยกอดเธอยามมีลมหายใจ
" พ่อคุณปรุง อายุเท่าไหร่ " เสียงชายปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง มือบางยกปาดนํ้าตาทิ้งก่อนหันไปคุยกับชายแปลกหน้า ที่อายุราวๆ ยี่สิบออ็ดยี่สิบสองได้มั้ง เด็กกว่าเธอนัก แต่กลับดูมีคลาส มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอเสียอีก
" เก้าสิบสามปี " เธอตอบสั้นๆก่อนจะหันไปมองควันบนยอมเมรุต่อ ไม่ใส่ใจบุคคลข้างๆ
" อายุยืน "
" คงงั้น " ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับคิด ว่าเวลาของพ่อช่างน้อยเหลือเกิน ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักสิบปีน่ะ...
จากไปเร็ว จนเธอนึกเสียดายเวลายี่สิบปีที่ไม่ได้อยู่ดูแลท่านเลย...
ปิยะทัศ มองบุคคลข้างๆ ปุณรดีหรือปรุง... ชื่อที่พ่อมักเพ้อถึงยามเมา และเป็นชื่อแม่มักหยิกหรือดุด่าเขาเสมอยามถามถึง ผู้หญิงที่ชื่อปุณรดี เป็นชื่อต้องห้ามที่ห้ามใครพูดถึงในบ้านวัญธาพักต์
แต่ที่น่าแปลกใจ คือเหตุใดเขาอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ได้โดยที่ไม่รู้สึกเวียนหัวหรือคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนเฉกเช่นผู้หญิงคนอื่น แม้แต่มารดาเขาก็เข้าใกล้ไม่ได้...
หันมองอีกที ก็ไม่เจอผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว "นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป" ซํ้ายังไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเสียเลย ลูกคุณหญิงคุณท่านบ้านไหนกัน
เสร็จงานเผาศพบิดา ปุณรดีก็เดินทางกลับมาเก็บของที่บ้าน ทำให้หลายคนในบ้านใจหาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยขอให้คุณหนูของบ้านอยู่ต่อ
" จะไปวันนี้เลยเหรอค่ะ คุณปรุงนอนอีกคืนได้ไหมค่ะ " ป้าแก้ว หัวหน้าแม่ผ่านขอร้องอ้อนวอนอีกครั้ง
" ป้าแก้ว..ปรุงไม่ไหวจริงๆค่ะ ปรุงไม่อยากซึมซับอะไรในบ้านหลังนี้ให้รู้สึกแย่อีกแล้ว " มือบางกำกระเป๋าเดินทางแน่น แต่ใบหน้ากลับยิ้มออกมาปลอบใจ ป้าๆ " ไว้ปรุงจะเข้ามาหาบ่อยนะคะ ยังไงก็บ้านปรุงปรุงไม่ทิ้งแน่นอน ส่วนเรื่องเงินเดือน ปรุงจะขึ้นให้ตามที่พูดไว้นะคะ ส่วนของขอบคุณเล็กๆน้อยๆ จากปรุงที่ทุกคนดูแลบ้านกันมาอย่างดี " ปุณรดียื่นซองหลายสิบซองส่งให้ป้าแก้ว ไปแจกจ่าย ก่อนที่เธอจะหันหลังและเดินออกมา
@บ้านเวธาทิพย์
ปิยะทัศ เดินถือสูทเข้ามาในบ้าน ก็เจอกับบิดาที่นั่งดูข่าว และมารดาที่นั่งดื่มชาอยู่ เสียงถอนหายใจหนักๆของเขาบ่งบอกถึงความระอาเต็มที
ขายาวรีบก้าวขึ้นชั้นสองเผื่อหยิบของที่ต้องการอย่างรวด้ร็วเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ไปอยู่คอนโดเหมือนอย่างทุกวัน
แต่ก็ไม่วายโดน มารดาเรียกไว้เสียก่อน
" ยะจะไม่นอนบ้านเลยหรือไง? " ธารทิพย์เอ่ยถามลูกชาย มองของในมือที่ลูกถือ กระเป๋าใบใหญ่เตรียมจะขนออกไปไว้ที่คอนโดอีกละสิท่า...
ขนออกไปอีกละนิด จากเมื่อก่อนที่สลับนอนบ้านบ้างคอนโดบ้างจนตอนนี้ บ้านแทบจะไม่กลับ มาให้พ่อให้แม่เห็นหน้าค่าตาเสียแล้ว จะเจอได้ก็ต้องไปหาที่บริษัทเท่าน้้น..
" งานผมเยอะ ขอตัวครับ " ตอบมารดาเสร็จก็ก้าวเดินออกไปทันที ถึงจะเห็นบิดามองอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจ ทำราวกับไม่เห็น จนคันศรถึงกับกำมือแน่น
" อกตัญญู! "
" เหอะ คุณเป็นพ่อที่ดีตายแหละ "
เหตุการณ์ที่หลายคนในบ้านคุ้นเคยเป็นอย่างดี เกิดขึ้นอีกครั้งยามพ่อลูกพบปะเจอหน้ากัน ไม่มีครั้งไหนเลยจริงๆที่จะพูดคุยกันดีๆ มีแต่ประชดประชันกันไปมาราวกับโกรธกันมาเป็นสิบปีสิบชาติ
เหมือนกับคำสาปแช่งของผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด'ขอให้ลูกเกลียดพ่อ ชิงชังแม่'
" นี่ฉันพ่อแกนะ "
ปิยะทัศไม่สนใจที่จะเสวนากับบิดาต่อ จึงเดินทิ้งบทสนทนาของบิดามาเสียดื้อ พอถึงหน้าบ้านเจมส์ลํกน้องคนสนิทก็รีบเปิดประตูให้ทันที ก่อนที่รถตู้ราคาหลักล้านจะเคลื่อนที่ออกไป
@คอนโดty
ปุณรดี กรอกเอกสารการซื้อคอนโด ห้องที่เธอโทรมาจองไว้ตั้งแต่เมื่อสามวันที่แล้ว วันนี้พึ่งมีโอกาสได้มาดูสถานที่จริง นับว่าตรงปก จึงจะซื้อไว้เป็นชื่อตัวเองสักห้อง ยังไงเธอก็น่าจะต้องอยู่ที่นี่อีกนาน หรืออาจตลอดไปเลยก็ได้มั้ง...
บริษัทที่พ่อทิ้งไว้หากไม่มีใครสานต่อมันก็ล่มจม ซึ่งเธอทายาทเพียงคนเดียว และตอนนี้ได้รับบทประธานสาว ต้องกลับไปทำหน้าที่สานต่องานของพ่อ แม้ตัวเธอนั่นจะไม่ชอบเลยสักนิด
ห้อง301
" ต้องการอะไรเพิ่มเติม เรียกดิฉันได้ตลอดนะคะคุณปรุง " พนักงานสาวเอ่ยประจบประแจงทันทีเมื่อรู้นามของผู้ชื้อคอนโดนี้
" ขอบคุณค่ะ "
พนักงานออกไปก็เหลือเธอเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องแห่งนี้ ไม่แย่นัก อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิตแค่นี้ทำไมจะอยู่ไม่ได้ แค่ที่ผ่านมามักมีพ่อให้โทรไปบ่น แต่ครั้งนี้ไม่มี
" ตัวคนเดียว แล้วจริงๆสินะ " ร่างบางทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรง " นํ้าค่อยอาบ ห้องค่อยจัดแล้วกัน " รองเท้าส้นสูงถูกถอดทิ้งสะเปะสะปะ ไว้อยู่ปลายเตียง กระเป๋าเดินทางและของอื่นๆยังถูกตั้งไว้อยู่กลางห้อง และดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่สนใจด้วย
ปุณรดี ถอดกางเกงขายาวออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวกับกางเกงชั้นใน ร่างบางซุกเข้าใต้ผ้าห่มหลบไอเย็นจากแอร์ และทิ้งตัวหลับไปในที่สุด
อรุณสวัสดิ์ แม้เป็นเวลาที่ปุณรดีไม่อยากตื่นเลยแต่จำต้องทำตามหน้าที่ ที่รับปากบิดาไว้ หญิงสาวลุกอาบนํ้าแต่งตัว แต่ถึงอย่างนั้น ห้องก็ยังถูกปล่อยว่าง ยังไม่ถูกจัดแจงแต่อย่างใด
เธอรีบเกินกว่า จะมีเวลามานั่งจัดห้องลำพังตื่นมาอาบนํ้าแต่งตัว รีบเสื้อผ้าได้ก็นับเป็นบุญแล้ว
มือสองข้างคว้าโน่นคว้านี่ หยิบกุญแจรถ กระเป๋าใบโปรดและไอแพด กันชุลมุน ได้ครบตามต้องการก็หยิบคีย์การ์ดเตรียมออกจาก คอนโดทันที วันนี้กะว่าจะแค่ไปดูบรรยากาศของผู้บริหารท่านผู้ใหญ่เสียก่อน จะยินดียินร้ายกับการมาดำรงตำแหน่งของเธอสักเพียงไหน
แล้วค่อยนัดประชุมกันในวันถัดไป
@บริษัท P.r.v
การมาเยือนของผู้บริหารคนใหม่ เป็นที่พูดถึงในบรรดาพนักงานน้อยใหญ่ บ้างก็ยอมรับในความสามารถที่เคยสร้างไว้เมื่อตอนเยาว์วัย แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วย กลัวไร้ความสามารถ ไม่สามารถพัฒนาบริษัทได้อย่างที่ควร
" ขจร ขอเอกสารที่พ่อเตรียมไว้ให้หน่อย " ปุณรดี นั่งเก้าอี้ประธานอย่างเต็มรูปแบบ ขจรส่งเอกสารทุกอย่าง ที่ประธานคนก่อนเขียนสรุปไว้เตรียมส่งต่องานให้ลูกสาวหลังรู้ สังขารตนดี
เอกสารที่พ่อเขียนไว้ เป็นเหมือนชีทสรุป ทำให้ปุณรดี เข้าใจได้ไม่ยากนัก ซํ้ายังรวดเร็วกว่าการต้องมานั่งรื้อหาข้อมูลแต่ละอย่าง ตั้งแต่ต้นปี มันเสียเวลา พ่อเตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอแล้วจริง
ทุกอย่างเลย
เหล่าหุ้นส่วนเกือบทุกคน ไม่มีใครเคลือแคลงการมาดำรงตำแหน่งประธานของเธอเลย ซํ้ายังโทรตรง มาแสดงความนินดี และเล่าเรื่องที่พ่อเคยเอ่ยชมและยกงานหลายชิ้นให้เป็นความสำเร็จของเธอ ทั้งที่บางอันเธอเเค่เสนอแนวคิดหาได้มาช่วยลงมือทำ แต่พ่อก็เอ่ยชื่อเธอเสมอหลังงานสำเร็จลุล่วง
เมื่อเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็ดูจะราบรื่น จบเรื่องบริษัทไปได้อีกเรื่อง " กลับไปจัดห้องดีกว่า "
คว้าเอกสารทุกอย่างบนโต๊ะ กลับไปอ่านต่อที่ห้อง แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานแล้วกัน ยังไงพรุ่งนี้ก็น่าจะต้องประชุมกันยาว ในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงานประมูล และเซ็ตเครื่องเพรช ไหนจะโรงแรมและคอนโด รีสอร์ทอีกหลายแห่งอีกที่เธอยังไม่เคยเห็นและรู้ว่ามี
'เห้อออ การที่บ้านมีธุระกิจเยอะ มันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง '
แต่ปุณรดีคนนี้ยอมเหนื่อยบนกองเงินกองทอง ดีกว่ากองดินกองปูนจ๊ะ.. จบบ
@คอนโด
การหอบเอกสารกองใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ตอนเด็กเห็นขจรทำออกจะบ่อยไม่เห็นจะยากเลย ทำไมพอมาทำเอาแล้วมันยากว่ะ...
" อ๊ะ! เกือบหล่นแล้วไหมล่ะ " ประคองกอดเอกสารไว้ในแขนอีกข้าง เตรียมจะกดลิฟ แต่เปลี่ยนใจย้ายไปอีกฝั่งแทนดีกว่า ฝั่งนั่นคนด้านบนลงมาพอดีเลย
ประตูลิฟท์เปิดออกเผยให้เห็นบุคคลด้านใน แต่ปุณรดีเห็นเสียเมื่อไหร่ เธอเห็นแค่่คนชุดดำที่ยืนข้างหลังคนที่โดนกองเอกสารเธอปิดนี่แหละ
ปึก!
" โอ๊ยย! ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็น.. " เธอรีบขอโทษและเก็บเอกสาร ที่หล่นบนพื้นอย่างรวดเร็ว จนคนที่โดนเธอชน ลงมาช่วยเก็บด้วยเธอถึงได้ละจากเอกสารที่กองเกลื่อนบนพื้นไปมองบุคคลตรงหน้า " อ่าวคุณหนิ? "
" อืม คุณปรุงพักอยู่ที่นี่เหรอ " ปิยะทัศถาม
" ใช่ พึ่งย้ายเข้ามา " เขาส่งเอกสารให้เธอ ปุณรดีได้แต่ขอบคุณและขอโทษอีกครั้ง " ขอบคุณและ ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็นจริงๆ "
" ไม่เป็นไร...แต่เปลี่ยนจากขอโทษเป็นเลี้ยงกาแฟสักแก้วก็ได้ "
เจมหันขวับมองเจ้านายทันที อะไรกันไม่คลื่นไส้อาเจียนเวลาอยู่ใกล้ผู้หญิงแล้วเหรอ? หรือหายแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำไมเขาไม่รู้?
น๊ายยยยยย
" ไว้มีโอกาส จะเลี้ยงนะคะ "
" ครับ เดี๋ยวผมจะรีบสร้างโอกาส ให้เร็วๆเอง "
ปุณรดีเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลย เป็นใครกัน? ตั้วแต่เข้ามาชวนเธอคุยที่งานศพพ่อ แล้ววันนี้ยังมาพูดอะไรแปลกๆอีก มั่นใจว่าไม่เคยรู้จัก เขารู้จักเธอเหรอ?
หรือเธอรู้จักพ่อแม่เขา?
" ค่ะ "
" ผมปิยะทัศครับ หน้าคุณดูสงสัยผมมาก "
" คงจะอย่างนั้น... " ปิยะทัศเหรอ...เหอะ' เด็กที่เกิดมาจากเด็กใจแตกที่แย่งผัวเพื่อนน่ะเหรอ... ' เธอคิดในใจ
ไม่คิดว่าโตมาจะมีชีวิตที่ดีแหะ...
ขอโทษที่อคติแล้วกัน ถึงเขาจะไม่เกี่ยวกับการกระทำของพ่อแม่ ก็อดไม่ได้จริงๆที่จะคิดแบบนี้ 'ฉันมันคงแค้นฝั่งหุ่น'
วันต่อมา
ถือว่า การประชุมผ่านไปด้วยดีในระดับหนึ่งเลย มีบางท่านเห็นด้วย และคัดค้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก นี่พึ่งเริ่ม ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนผู้เคาะจะแจ้งจุดประสงค์ที่มาเคาะประตูในครานี้
" ดิฉันเพ็ญจันทร์ค่ะ มีบัตรเชิญจากคุณหญิงนวลออส่งมาให้คุณปรุงค่ะ "
" เข้ามา "
เมื่อเจ้าของห้องอนุญาต เพ็ญจันทร์ก็เข้ามาส่งบัตรเชิญให้ประธานสาวในทันที
" งานเกี่ยวกับอะไรพอจะรู้ไหม " ถามพร้อมกับเปิดบัตรเชิญไปด้วย 'จะไปดีไหมละเนี่ย...'
" เห็นว่างานเปิดตัวไวน์สินค้าตัวใหม่ คุณปิยะทัศเป็นคนจัดงานค่ะ "
ได้ยินอย่างนี้แล้ว ปุณรดีก็ได้ข้ออ้างใรการไม่ไปร่วมงานแล้ว " เจ้าของงานยังไม่เชิญฉันเลย ฉันคงไม่ต้องไป "
ก็อกๆ
" เข้ามา " ครั้งนี้เป็นขจรที่เข้ามาพร้อมกับการ์ดเชิญแบบเดียวกัน แต่ผู้ส่งคนละคนกัน " คุณปิยะทัศน์ให้เลขาส่งมาให้ผม กำชับว่าคุณปรุงต้องไปให้ได้นะครับ "
ปุณรดีฟุ่บหน้าลงกับกองเอกสารทันที คนตระกูฃนี้เป็นอะไรกับเธอนักหนา " เฮ้ออออออ คืนนี้เหรอ? "
" ครับ/ค่ะ "
" ช่วยไปสั่งคนเตรียมชุดเตรียมรถ แล้วก็ไปกระซิบบอกนักข่าวไว้สักนิดนะ จะได้ไปถึงหูคู่รักจอมโฉดนั่นให้รู้ด้วย เผื่อว่าฉันจะได้ไม่ต้องไป "
" ค่ะเรื่องชุดกับเครื่องประดับ เดี๋ยวเพ็ญให้น้องๆไปจัดการให้เองค่ะ ไว้เดี๋ยวเพ็ญมาวัดตัวนะคะ "
" เรื่องรถเดี๋ยวจัดการให้เองครับ "
" อืม ตามนั้นขอบคุณนะ ฝากทั้งคู่ด้วยแล้วกัน ส่วนเรื่องสัดส่วน เดี๋ยวฉันเขียนให้เลย " ว่าจบก็หยิบปากกาเขียนสัดส่วนให้กับเพ็ญจันทร์ไปดำเนินการเรื่องชุดต่อไป ส่วนเธอ เซ็นต์เอกสาร ต่อปายยยย
' คืนนี้ศึกหนักอีกแน่.. '
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!