NovelToon NovelToon

Legend of ozsonia

บทที่ 1 - 1 ปฐมบทเวทีสีชาด

มันต้องมีใครสักคนบ้างแหละ..........ที่สงสัยว่าตัวเองเกิดมา เพื่ออะไร?

แล้วซามิเอง..........ก็เป็นคนประเภทที่ขี้สงสัยซะด้วย.........

แล้วไอด้วยความขี้สงสัยนั้นแหละ..........ซามิก็เลยลองไปถามคนอื่นๆดู........แต่ซามิไม่ได้ไปถามใครมั่วๆซั่วๆน่ะ! เดี๋ยวเขาจะหาว่าซามิเป็นคนพูดจาไม่ดี!...........ก็...นะ!  ซามิได้ไปถามหลายๆคนมา แล้วก็ได้เรียนรู้มุมมองของพวกเขามาด้วยล่ะ!

อย่างนักเขียนภาพที่อาศัยอยู่แถวชาญเมือง เขาก็ตอบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเขาให้ซามิฟังมาว่า  เขาอยู่....ก็เพื่อความฝัน! ที่เขาจะกลายเป็นนักศีลปินผู้ยิ่งใหญ่!'  หนูก็เลยลองถามลึกไปถึงเหตุผลของเขาว่าทำไมถึงอยากเป็นศีลปินขนาดนั้นดู........รู้ไหม? ท่านอาจารย์  เขายังต้องมานั่งคิดเลยอ่ะ? แสดงว่าความฝันของเขา เกิดมาจากความประทับใจแน่ๆเลยล่ะ...........ทำไมหนูถึงคิดอย่างงี้เรอะ.....ก็คงจะประมาณว่า  เขาได้ไปพบกับศีลปินที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว  เมื่อได้มอง และไตรตรองผลงานของศีลปินท่านนั้น ก็ได้เกิดความหลงไหลในศีลปะชิ้นนั้น  จนเขาอยากเป็นแบบคนๆนั้น จึงได้กำเนิดความฝันที่เขาต้องการจะเป็น ศีลปินผู้ยิ่งใหญ่ อย่างที่พี่เขาบอกหนูมายังไงละ

แล้วพี่สาวร้านขายของชำในหมู่บ้าน  เขาเองก็ตอบหนูมาว่าเขามีชีวิตอยู่  เพื่อพ่อแม่  พี่สาวเขายังบอกกับหนูอีกว่า ที่พี่เขามีแบบทุกวันนี้ได้เป็นเพราะพ่อแม่  ในตอนแรก...หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจพี่สาวเขานะ  ทำไมการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่  ถึงได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของพี่เขา  จนหนูได้มารู้ว่า พ่อแม่ของพี่เขาเสียไปตั้งแต่พี่เขายังเป็นวัยรุ่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว  แล้วตัวของพี่เขาในสมัยนั้น ก็ยังเป็นคนดื้อรั้น  ไม่ค่อยชอบฟังพ่อแม่  ทำตัวเกเร จนพี่เขาได้เสียพวกท่านไป  พี่เขาก็เริ่มคิดได้  ก็เริ่มเสียใจในเรื่องที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว 

แล้วหนูก็ลองไปถามความเห็นของคนรวยๆมาบ้างแล้ว...........และเขาคนนั้นก็บอกกับหนูมาว่า  เขาแค่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ไปทั้งอย่างงั้น โดยที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร  หนูก็งงนะ! ก็เลยถามเขากลับไปว่าความฝันของเขาคือการไม่เบียดเบียนใครเรอะ??  แล้วลุงเขาก็ตอบหนูกลับมาว่า  ความฝันของผู้คน ไม่ได้มีเพียงแค่ว่าอยากจะเป็นอะไร  แต่ความฝันของผู้คนส่วนใหญ่ อยากจะทำอะไรบางอย่างในชีวิตนี้ต่างหาก!  

"?????????????"

หนูมีคำตอบของคำถามนั้นรึยัง.........งั้นรึ?

อืม.......

ก็ยังนะ

แต่ว่าไม่ช้าหรือเร็ว............ หนูก็ต้องหาคำตอบนั้นเจอแน่นอน

แต่ถ้าพูดถึงความตั้งใจละก็!  หนูก็มีนะ!........อะไรกันท่านอาจารย์! ก็หนูอยากให้มิกะกลับมามีร่างกายอีกครั้งไง!

ถ้าวันข้างหน้า! หนูได้มีความฝันเป็นชิ้นเป็นอันเกิดขึ้นมา...........แล้วถ้าการทิ้งความฝันนั้น ช่วยให้ มิกะ กลับมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็นได้ละก็........

หนูก็จะทำมัน!

_____________________________

เรเจน ออฟ ออซโซเนีย 

เนื้อเรื่อง:Mew Beautiful world

ภาพประกอบ:Mew Beautiful world

_____________________________

ณ ดินแดนแถบชายแดนไลอาร์ค

เวลา 17:12 น.

08/XX/XXXX เม.ศ.  (เมธิย์นันมาศักราช)

-บนรถม้าที่กำลังแล่น-

"ซามิ....หนูกำลังมองหาอะไรอยู่หรอ...?  น้าเห็นหนูเอาแต่นั่งมองข้างนอกมาสักพักแล้วนะ...?"หญิงสาวทรงโต เส้นผมสีดำมัดทวิลเทล นัยตาสีแดงกร่ำราวกับมณี กำลังจับจ้องมองมาที่ตัวของเด็กสาวผมยาวสีดำ สวมชุดเดรสสีม่วง นัยตาสีแดงกร่ำเฉกเช่นเดียวกันกับเธอ  ที่ในตอนนี้ เด็กสาวคนดังกล่าว กำลังยื่นใบหน้าของเธอ มองดูสิ่งแวดล้อมต่างๆผ่านหน้าต่างของรถม้า อย่างตื่นตาตื่นใจ

"ก็........หนูรู้สึกตื่นเต้นนิดๆหน่อยๆอ่ะคะ.........อาจจะเพราะหนูแทบจะไม่เคยเดินทางออกห่างจากบริเวณหมู่บ้านเลยก็ได้..... แถมนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วย  ที่หนูได้มากับ 'น้าริน'  อีก........ก็เลยตื่นเต้นยังไงๆก็ไม่รู้......."เด็กสาวยังคงเฝ้ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอที่ผ่านไปด้วยความเร็วของรถม้าอย่างไม่ลดละด้วยสีหน้าที่ดูมีชีวิตชีวา

".........น่าเสียดาย.....น้าน่าจะบังคับแม่ของหนูให้มาร่วมงานด้วยก็น่าจะดีนะ เพราะเจ้านายของน้าเขาอยากให้แม่ของหนูมาร่วมงานหมั้นของ 'ริส' บ้าง......"หญิงสาวผมทวิลเทลก้มลงไปอ่านสมุดบันทึกที่อยู่ในมือของเธอต่อด้วยสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย

"แม่หนูเขาไม่ชอบพวกงานเลี้ยงที่มีคนเยอะๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี้คะ.............น้าริน!  คุณริสที่น้าพูดถึง เขาเป็นคนรู้จักกับแม่เหรอ?.....ถึงได้มีบัตรเชิญมาร่วมงานแบบนี้ด้วย?...........ถ้างั้น...?......ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้หนูฟังเลย?"เด็กสาวหันหน้าไปสนทนากับน้าสาวของตนที่กำลังก้มอ่านสมุดในมืออยู่

"นั้นซินะ........แม่หนูคงไม่อยากจะเล่าเรื่องของ \`ริส\` ให้หนูฟังหรอก เพราะสองคนนี้  มองหน้ากันไม่ติดมานานแล้ว............ และ \`ริส\` เองเธอก็เป็นหนึ่งใน แม่มด ​​​​​​ ที่มีชื่อเสียงมากด้วย  ถ้าคอยเอาแต่ติดต่อกับ วิเรีย บ่อยๆ มันจะวุ่นวายเอา"

"แม่มด? หมายถึง เทพตกสวรรค์ เหรอคะ?"

"เห๋..........มันก็ไม่เชิงหรอก.........มีเพียงแค่ที่นี่เท่านั้นแหละ  ที่เวลาเทวดานางฟ้าที่ถูกเนรเทศให้มาอยู่บน พื้นโลก  จะถูกเรียกว่า 'แม่มด' 'พ่อมด' แทน 'เทพตกสวรรค์' กันทั้งนั้น   แล้วริสเองสมัยที่ยังเป็นเทพอยู่  ก็ได้สั่งสมคุณงามความดี  ความชอบ  เอาไว้เยอะ  พอถูกเนรเทศลงมาอยู่พื้นโลก ก็ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเหล่าราชาจากอาณาจักรต่างๆ  และจากนั้นเธอก็คอยเอาแต่ช่วยเหลือผู้คนมาโดยตลอด  จนได้รับขนานนามมาจากผู้คนเหล่านั้นว่า \`แม่มดแห่งความอ่อนเยาว์\`"หญิงสาวผมทวิลเทลยังคงก้มอ่านสิ่งที่อยู่ในมือต่อไป ในขณะที่กำลังพูดคุยกับหลานสาวของตน

"ออ! ถ้าเป็นชื่อนั้น หนูพอจะรู้จักนะ!! ท่านอาจารย์เคยเล่าเรื่องของเธอให้หนูฟังอยู่!"เด็กสาวลงมานั่งที่เก้าอี้อย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองไปที่น้าสาวของตนทันที

"อาจารย์???"น้าสาวหันมาสบตาไปที่หลานสาวของตัวเอง ทันทีที่หลานของเธอกล่าวถึงอาจารย์ปริศนาที่เธอไม่รู้จักขึ้นมา

"คือ......เมื่อปีก่อนหนูหลงทางในป่าตอนที่คนในหมู่บ้านพากันไปเก็บเห็ดค่ะ แล้วหนูก็บังเอิญไปเจอท่านอาจารย์กำลังชักว่าวอยู่ที่หน้าผาโดยบังเอิญน่ะ! เขาสอนหนูเรื่องการเขียนการอ่านให้หนูด้วยนะ"

"ด..ดดเดี๋ยวๆๆเมื่อกี้หนูบอกว่าอะไรนะ?"น้าสาวถึงกับชะงักทันที เมื่อได้ยินคำพูดอะไรแปลกๆจากหลานสาวตนเอง

"ก็ท่านอาจารย์ชักว่าวไงคะ?? ว่าวที่มันลอยอยู่บนฟ้าสูงๆอ่ะคะ ไม่ใช่ว่าวแบบที่น้ารินคิดน๊าา~"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงใช้มือของเธอป้องปากเอาไว้ พร้อมๆกับส่งสายตาที่ดูมีเล่ห์นัยออกมา

"ง..งั้นเรอะ..แหะๆ...!~....ว่าแต่.....ทดสอบแรงลม......แล้วอาจารย์ของหนูจะทดสอบแรงของลมไปเพื่ออะไรหรอจ้ะ?"น้าสาวแสดงสีหน้าที่เหมือนจะเขินๆพร้อมๆกับท่าทีที่โล้งอกสุดๆ

"คือ...ท่านอาจารย์บอกกับหนูว่าเขาต้องการทำอุปกรณ์บางอย่างที่ต้องอาศัยแรงลมมากๆในการใช้งาน เขาเลยออกมาทดสอบแรงของลมที่หน้าผาในหลายๆที่เพื่อหาที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ว่าค่ะ"เด็กสาวทำท่าครุ่นคิดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พร้อมๆกับอธิบายให้น้าสาวของเธอฟัง

"แต่ใช้ว่าวเนี่ยนะ.......? แล้วอาจารย์ของหนูพี่ว่าเป็นนักประดิษฐ์เหรอ?"น้าสาวถามกลับ

"ไม่ใช่ค่ะ อาจารย์เขาบอกกับหนูว่าเขาเป็น \`หมอผี\`"

เมื่อเด็กสาวพูดจบ น้าสาวของเธอเงียบไปสักพัก พร้อมกับแสดงท่าทีคิดอะไรบางอย่างในหัวอยู่คนเดียว

"ท...ทำไมหรอค่ะ?"เด็กสาวเห็นท่าทีแบบนั้นของน้าสาวของตนจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

"เปล่าหรอกจ๊ะ น้าแค่สงสัยว่าแถวๆหมู่บ้านของหนูมันมีอะไรสะกิดใจให้พวก เนโครแมนเซอร์........แต่.....ก็คงไม่มีอะไรแย่ๆหรอก เนอะ?"น้าสาวยิ้มกลับมา

"เนโคร?....แมนเซ๊อร์?" เด็กสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับแสดงสีหน้าที่งุนงงเล็กน้อย

"เนโครแมนเซอร์ มีความหมายคล้ายๆกันกับหมอผีนั้นแหละ แต่เรียกเนโครจะดูเป็นทางการกว่า และก็ดูดีกว่าแค่นั้นเอง"น้าสาวอธิบายให้หลานสาวของตนฟัง

"ออ...ค่ะ"

"แล้วอาจารย์คนนั้นได้ทำอะไรไม่ดีๆกับหนูรึเปล่า? อย่างเจาะรูฟักทองแล้วให้หนูเอามือสอดเข้าไป หรือไม่ก็ให้หนูช่วยปอกกล้วยตรงระหว่างขาให้เขาน่ะ?"หญิงสาวผมทวิลเทลถามขึ้นมาพร้อมกับจดจ่อรอฟังคำตอบจากหลานสาวของตน

"แหม่......น้ารินคะ อันนั้นจากประสบการณ์ตรงของน้าใช่ไหมคะ..?"เด็กสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"เอ๊ะแฮม!! น้าก็แค่กลัวว่าจะมีคนมาทำอะไรไม่ดีๆ ให้หนูต้องแปดเปื้อนก็เท่านั้นเอง"น้าสาวตอบกลับไป

"สบายใจได้คะ น้าริน ท่านอาจารย์เขาเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย แบบ........ไว้ใจได้เลยละ!"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงแสดงความเห็นเพื่อยืนยันความปลอดโปร่งให้กับอาจารย์ของเธอเอง

"เห๋......."น้าสาวได้ยินดังนั้น นางก็สบายใจ พร้อมๆกับหันหน้าของเธอไปจับจ้องที่หุ่นเชิดไม้ที่มีใบหน้าคล้ายคลึ่งกับหลานสาวของตนเอง สวมชุดเดรสสีแดงเข้มขนาดตัวเท่าเด็กจริง ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับตัวของเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน

"แล้ว มิกะ เองได้ไปด้วยกับพี่สาวรึเปล่าจ๊ะ?"น้าสาวกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองกับหุ่นเชิดไม้ดังกล่าว

"............"ไม่มีการโต้ตอบใดๆจากหุ่นเชิดไม้กลับมา

"ต้องขอโทษแทนมิกะด้วยนะคะน้าริน เมื่อวานมิกะดีใจมากที่จะได้มาเที่ยวงานแบบนี้ มิกะเลยลองชุดที่น้ารินให้มาแทบทั้งคืนเลย สภาพก็อย่างที่น้าเห็นแหละค่ะ"เด็กสาวผมสีดำสวมชุดเดรสสีม่วงพูดตอบกลับมาแทน ก่อนที่จะใช้มือข้างขวาของตนไปประคบที่ฝ่ามือของหุ่นเชิดที่อยู่ข้างๆตนอย่างอ่อนโยนพร้อมๆกับส่งยิ้มอ่อนๆให้กับหุ่นเชิดตัวนั้นราวกับว่าสิ่งนั้นมีชีวิตอยู่จริงๆ

"อืม......การที่มีร่างกายแบบนั้นมัน ใช้มานาเยอะนี้เนอะ การฟื้นมานาก็ช้ากว่าด้วย เพราะไม่มีร่างกาย(?)...........พอถึงที่งานแล้ว น้าจะเติมมานาให้กับมิกะเองนะ"หญิงสาวผมทวิลเทลสีดำส่งยิ้มให้กับเด็กทั้งสองคนจึงค่อยหันไปอ่านสมุดที่อยู่ในมือของตนเองอีกครั้ง

เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงหันหน้าไปมองที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง ในขณะที่มือขวาของเธอยังกุมมือของหุ่นเชิดที่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ข้างกายของเธอทั้งอย่างงั้น

"น้ารินถามมิกะว่าได้ไปหาอาจารย์พร้อมๆกับหนูใช่ไหม เมื่อกี้นี้??"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงพูดถามขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า

"อืม......แล้วมิกะจังได้ไปกับหนูไหม?"น้าสาวถามขึ้นมา แต่นางก็ยังคงอ่านสิ่งที่อยู่ในสมุดไปพร้อมๆกัน

"ไปด้วยกันกับหนูแหละ  แต่หุ่นของมิกะมันดูแลยากใช่ไหมล่ะ?   หนูเลยให้มิกะมาสิงอยู่ที่ตัวหนูแทน วันนั้นที่หนูหลงทางก็ได้มิกะนี้แหละ ไปคุยกับเจ้าป่าเจ้าเขาที่นั้นให้เปิดทางจนหนูมาเจอกับอาจารย์บนผานั้นน่ะ.........แต่มันก็ประหลาดมากเลยนะน้าริน คนในหมู่บ้านถ้ามิกะไม่ได้อยู่ในหุ่นเชิดก็ไม่มีใครเลยที่มองเห็นมิกะ แต่กับอาจารย์มองมาที่พวกหนูครั้งแรก ก็พูดทักพวกหนูทั้ง 2 คนเฉยเลย........"เด็กสาวสวมชุดเดรสสีม่วงกล่าวถึงการผจญภัยในป่าของตนให้กับน้าสาวที่กำลังอ่านสิ่งที่อยู่ในมือของเธอฟัง 

"เห๋....ก็เขาเป็นเนโครแมนเซอร์นี่....."น้าสาวขานกลับมา

"แล้วอาจารย์เขาทำกับข้าวอร่อยม๊ากๆด้วยนะน้าริน!! ตอนนั้นหนูกำลังหิวพอดี อาจารย์เขาเลยแบ่งกบย่างเกลือ กับน้ำกลิ่นเหม็นๆแรงๆที่เรียกว่าปลาร้าให้หนูกับมิกะกินด้วยล่ะ~♥"เด็กสาวแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาเมื่อนึกย้อนไปยังรสชาติอาหารที่ยังติดปากอยู่เลย

"ห๊ะ!?..."น้าสาวถึงกับหันไปมองหลานสาวของตัวเองทันที

"ตอนแรกหนูก็ไม่กล้ากินแหละ.....พอเนื้อกบมันไหลเข้าปากหนูไป ก็อยากที่จะกินมันอีก........แล้วน้ำปลาร้า ตอนแรกมันดูเหมือนว่าจะกินไม่ได้ แต่พอได้ชิมแล้ว ลืมรสชาติไม่ลงเลยจริงๆ ไหนแมงป่องเสียบไม้ หางกิ้งก่าย่างไฟ โอ้ย~มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้น ไหนจะน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่เรียกว่า 'ซีฟู้ด' อีก หนูไปขอสูตรมาจากท่านอาจารย์มาแล้วล่ะ วัตถุดิบหาไม่ยาก ไว้น้าว่างๆหนูจะทำให้น้ารินกินนะ! "เด็กสาวจ้องมองไปที่น้าสาวของตนด้วยสายตาที่เปล่งประกาย

"เห้อๆๆๆน้ำปลาร้าอะไรนั้น น้าไม่รู้จักหรอกนะ ถ...ถ้าหนูกับมิกะมีความสุขในการกินมันก็ดีไปจ๊ะ......."น้าสาวแสดงสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเมนูพิศดารต่างๆจากปากของหลานสาวตัวเอง

"จากนั้นเขาก็พาหนูไปที่บ้านของเขา พร้อมๆกับบอกทางกลับหมู่บ้านให้หนูด้วย หนูเลยมาหาเขาได้ทุกๆวัน เพราะมันไม่ไกลมาก จากหมู่บ้านมาที่บ้านของเขาเลย"

"หืม........ หนูออกไปเที่ยวเล่นบ้านเขาบ่อยๆมันจะไม่เป็นการรบกวนเขาเหรอ??"น้ารินหันมาจ้องมองที่เด็กสาวสวมชุดเดรสสีม่วง

"ไม่หรอกค่ะ อาจารย์แกก็เบื่อๆแหละคะ ไม่ตกปลาแข่งกับพวกพี่ๆในหมู่บ้านก็มาทดสอบอะไรของเขาในป่าน่ะคะ แล้วเวลาเล่นบอร์ดเกมกับอาจารย์เขานี้สนุกมากๆด้วย"เด็กสาวหันหน้าไปมองข้างทางที่อยู่ช่องหน้าต่างต่อ

"บอร์ดเกม?"

"อืม! อาจารย์เขา เรียกพี่ๆ กุ้งแห้ง ออกมาเล่นด้วยกันหลายๆคน สนุกมากๆเลยล่ะ มิกะก็ดูจะชอบมากๆ เห็นท่านอาจารย์บอกว่ามันจะช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนรู้ให้พวกหนูได้ด้วย!"เด็กสาวหันกลับมาจ้องมองที่น้าสาวของตนต่อ

"พี่ๆกุ้งแห้ง?"น้าสาวทวนคำพูดบางอย่างที่เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงเล่าให้ฟัง

"ก็ โครงกระดูกมนุษย์ ยังไงละคะน้าริน.....แล้วที่หนูเรียกพวกเขาว่า พี่กุ้งแห้ง ก็เผื่อไปข้างนอกกับพวกพี่เขา จะได้ไม่หลุดปากเรียกชื่อของพวกพี่ๆออกมา ท่านอาจารย์บอกมาว่า หมอผี เป็นที่รังเกลียดของคนในสังคม ..."เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงเล่าให้น้าฟังด้วยรอยยิ้ม แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่น่ากลัวขนาดไหน

"....เหอะๆ....แต่......วิธีสอนทักษะด้วยความสนุกหรอ? เป็นแนวคิดที่แปลกดีนะ"น้าสาวเมินเรื่องของพี่กุ้งแห้งที่หลานสาวของตนกล่าวมาทิ้งไปทั้งยวงเลย 

"หืม.........น้าไม่เคยเล่นเหรอ?"เด็กสาวตั้งคำถามทันทีเมื่อเห็นน้าสาวของตนทำท่าทางเหมือนไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่า'บอร์ดเกม'

"ไม่เคยเล่นหรอกจ้ะ แล้วน้าก็ไม่รู้ด้วยว่าบอร์ดเกมมันเป็นยังไง น้าไม่มั่นใจว่าพวกชาวเมืองธรรมดาๆเขามีเล่นกันรึเปล่า เพราะสมัยตอนน้าเป็นเด็ก ตอนนั้น มันยังอยู่ในช่วงสงครามอยู่ พอน้าโตก็สมัครเข้าไปเป็นทหารเลย"น้าสาวอธิบายเหตุผลให้เด็กสาวฟัง

"อย่างงั้นเองหรอคะ....."

"จากที่ฟังๆมา อาจารย์ที่หนูว่ามา ค่อนข้างว่างน่าดู........และก็ฟังดูมีความรู้พอตัว.......แต่.....ทำไมคนพันธ์นั้นถึงไปอยู่ในป่าที่ห่างไกลเมืองใหญ่ๆกัน ทำไมไม่ทำงานพวกรับราชการในวัง ถ้าทำอย่างงั้นก็อยู่สุขสบายในวังไปแล้ว"น้าสาวแสดงท่าทีสงสัยออกมา

"ออ!! ถ้าเป็นเรื่องนั้นอาจารย์เขาเคยเล่าให้หนูฟังค่ะ! อาจารย์บอกกับหนูว่าเขาขี้เกียจมารับฟังปัญหาของอาณาจักร ไม่วายต้องช่วยงานหนักๆของพวกพระราชาอีก หนักกว่าก็มาช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ร้องขอแต่ความช่วยเหลือโดยไม่รู้จักแก้ปัญหาเอง ทำอะไรไม่ถูกใจก็ด่าๆ ปวดกระบานกับเรื่องทั้งภายนอก ภายในอีก อาณาจักรข้างเคียงก็คอยจะก่อสงคราม ไม่ว่าจะรูปแบบการเมือง หรือการแก่นแย่งผลประโยชน์จากการค้า"

"โห๊.....งานง่ายๆแค่นั้น......อาจารย์หนูก็แค่ขี้เกียจไม่ใช่เรอะนั้น....."น้าสาวพูดขึ้นลอยๆ

"น้ารินอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งซิคะ....(\=∆\=) มันอาจจะง่ายอย่างที่น้าบอกถ้าน้าทำมันเอง แต่สำหรับคนอื่นๆมันอาจจะยากก็ได้ "เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับจ้องไปที่น้าสาวของตน

"มันก็ถูกอย่างที่หนูพูดแหละ! งั้นน้าถามหนูหน่อยละกัน อาจารย์ของหนูพูดถึงริสยังไงบ้างเรอะ? เมื่อกี้เห็นหนูบอกว่าได้ยินชื่อของเธอมาจากอาจารย์"น้าสาวถามกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"อืม! ท่านอาจารย์บอกกับหนูว่า 'แม่มดแห่งความเยาว์วัย' นั้นเก่งกาจในเรื่องของการทำนายอนาคตของคนอื่น แต่เธอไม่รู้จักมองอนาคตของตัวเองเอาซะเลย"เด็กสาวเล่าเรื่องที่ได้ยินจากอาจารย์ของตนขึ้นมา

"...อุ๊ป......."น้าสาวหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามกลับไปฟังสิ่งที่หลานสาวของตนพูดออกมา

"มีใบหน้า น้ำเสียง และร่างกายเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง...........เธอมักจะถูกเชิญไปทำนายอนาคตตามอาณาจักรต่างๆบ่อยครั้ง"

"ก็นะ"น้าสาวพูดแทรกขึ้นมา

"เธอได้ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุแลกพลังความมืดโดยใช้ขาทั้งสองข้างของเธอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เพื่อนำพลังไปมอบให้แก่อัศวินคนหนึ่ง ที่เดินทางมาไกลเพื่อขอพลังไป......"

"นี้อาจารย์ของหนูรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!?!!!!!"

น้าสาวขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ตกใจทำให้หลานสาวของตนที่กำลังเล่าต่างหยุดชะงักไปทันที

"ข...ขอโทษทีนะ ที่น้าพูดเสียงดังไป...."น้าสาวหันมาขอโทษหลานสาวของตน พร้อมๆกับสงบสติอารมณ์ไปด้วยเล็กน้อย

"ม....ไม่เป็นไรค่ะ งั้นก็เป็นเรื่องจริงซิคะ หนูก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมันไม่เหมือนกับที่หนูได้ยินจากกองคาราวารในหมู่บ้านเลย หนูเคยไปถามแม่แล้ว แม่ก็ไม่ยอมเล่าให้หนูฟังด้วน"เด็กสาวพูดออกมา

น้าสาวจ้องมองไปที่หลานสาวของตนพร้อมๆกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัวของเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้

"ไหนๆก็ไหนๆล่ะ น้าขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน น้าคิดไว้ว่าจะรับหนูเข้ากองทัพของเจ้านายน้ามาฝึกงานเป็นอัศวินฝึกหัดตอนหนูมีอายุครบ 11 ปี............ยัดเข้ากลมอัศวินฝึกหัดโดนการใช้เส้น(??)..........และหนูก็เป็นคนวงในด้วย.........ถ้าน้าจะเล่าเรื่องของริสให้หนูฟัง ก็คงจะไม่เสียหายหรอก.....เนอะ?.  แต่หนูต้องสัญญากับน้าก่อนนะ!........ว่าหนูจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็น"น้าสาวส่งรอยยิ้มให้กับหลานสาวของตนก่อนที่จะใช้มือขวาของตน ลูบไปที่ศีรษะของหลานสาวอย่างอ่อนโยน

"อืม!?!"เด็กสาวขานตอบตกลงพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย

"อืม.........เรื่องมันก็เป็นแบบที่หนูได้ยินมาจากอาจารย์ของหนูนั้นแหละ  มีอัศวินแห่งอาณาจักรออซโซเนียคนหนึ่ง เขาต้องการพลังที่จะไปใช้ในการช่วยเจ้าหญิงของเขาที่ถูกลักพาตัวไป  เขาจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี....ก็ได้เดินทางมาหา ริส เพื่อมาขอพลังไปใช้ในการตามหาเจ้าหญิงของเขา.......ริส ที่เป็นคนใจอ่อนอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว แถมคนๆนั้นก็ยิ่งรู้จักดี และก็แอบมีใจให้อัศวินคนนั้นด้วย......ริส.....เธอเลยตัดสินใจ มอบพลังที่แกร่งทัดเทียมพอๆกับ มอเดร็ด ไปให้เขา  และนั้นก็กลายมาเป็นเหตุโศกนาฏกรรม ที่มีผู้คนล้มตายไปเกือบ 40 ล้านคน"

"................"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วง นั่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างตั้งอกตั้งใจ

"แล้วทางเบื้องบนตัดสินใจที่จะปิดเรื่องที่ริสให้พลังกับอัศวินคนนั้นเป็นความลับ ก็เลยปล่อยข่าวปลอมออกไปว่า ริส ได้เป็นหนึ่งในคนที่หยุดยั้งอสูรสาวกของซาตานที่หลุดออกมาจากนรกอย่างสุดกำลัง จนท้ายสุดก็พลาดท่า ขาพิการในการต่อสู้แทน ส่วนสาเหตุที่ต้องปล่อยข่าวออกมาแบบนี้ ก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวริสเอาไว้"น้าสาวอธิบายให้หลานสาวฟัง

"รักษาชื่อเสียง?? แสดงว่าเขาเรียกร้องให้เบื้องบนทำแบบนั้นให้??"เด็กสาวสวมเดรสสีม่วงถามกลับไป

"ริส ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอก นิสัยของเธอ เมื่อเธอทำอะไรที่มันร้ายแรง หรือผิดพลาด เธอก็มักจะแก้ไขเรื่องนั้นด้วยตัวคนเดียว ต่อให้เจ็บปวดมากแค่ไหน ต่อให้สูญเสียคนสำคัญไปมากเพียงใด เธอก็ยังคงอดทน อดกลั้น ไม่ยอมใช้พลังของตนไปแก้ไข....."

"แก้ไข???"หลานสาวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

"หนูรู้จักกฎพื้นฐานของวิชาเล่นแร่แปรธาตุรึเปล่า?"น้าสาวถามกลับมา

"ค่ะ อาจารย์อธิบายหลักการทำงานให้หนูฟังแล้ว..........ออ....หนูสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง"หลานสาวพูดขึ้น

"อะไรเหรอ?"

"คุณ ริส เขาเป็นแม่มดไม่ใช่หรอคะ?? มันไม่มีคาถาที่มันดีกว่า วิชาเล่นแร่แปรธาตุเลยหรอ???"

"คาถาเวทย์มนต์ แต่เดิม มันก็คือก้อนมานาที่ไหลรวมกันเป็นก้อนพลังเวทย์ ที่สามารถแสดงอัตลักษณ์ออกมาเป็นรูปธรรม นามเจตจำนงของผู้ร่าย นึกภาพเป็นเปลวเพลิง เวทย์ที่ร่ายออกมาก็จะกลายเป็นเปลวเพลิง นึกภาพเป็นสายน้ำ เวทย์ที่ร่ายออกมาก็จะกลายเป็นสายน้ำ เป็นพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาควบคู่กับจิตนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างแท้จริง และนี้ก็เป็นเหตุผล ที่เวทย์มนต์คาถา ไม่สามารถทำได้เหมือนกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุ"น้าสาวยังคงอธิบายต่อไป

".............."เด็กสาวตัวน้อย ก็ยังคงนั่งฟังเรื่องราวต่างๆจากน้าสาวของเธอ อย่างตั้งใจ

"มานา มันเป็นสสารพิเศษไร้รูปร่างใช่ไหมล่ะ? ถึงจะมองไม่เห็น แต่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้...........แล้วมานานี่แหละ.....มันยังเป็นทั้งเชื้อเพลิงให้กับคาถาเวทย์ส่วนใหญ่ด้วย..........แล้วก็ยังมีคนบางกลุ่มแปรรูปมานาเหล่านี้  ไปสร้างเป็นสิ่งของให้ออกมาจับต้องได้ชั่วคราว ต่างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ที่มีไว้แลกเปลี่ยนโดยเฉพาะ..............."น้าสาวอธิบายให้เด็กสวมชุดเดรสสีม่วงฟังด้วยท่าทีที่จริงจัง

"เคยเป็นเทพด้วยซินะคะ วิชาเวทย์ก็ดูท่าจะไม่ได้ชำนาญ เลยหันมาใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุแทน....."หลานสาวพูดขึ้นมา

"ผิดแล้วๆ  ตอนสมัยน้าเรียนอยู่ที่โรงเรียนบนเกาะลอยฟ้า  เขายังมีหลักสูตรสอนการฝึกใช้มานา ควบคู่กับการเรียนฝึกจิตอยู่เลย แล้วริสเองก็เป็นคนที่มีมานาเยอะมากๆคนหนึ่งด้วย  แค่นี่ มันก็การันตีได้แล้ว ว่าวิชาเวทย์มันใช้ไม่ได้"

".................แล้วทำไมต้องเป็น ขา ทั้งสองข้างแหละค่ะ? ดูยังไงๆมันก็ไม่มีค่าพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นพลังได้เลย"เด็กสาวแสดงสีหน้าที่งุนงงออกมา

"........."น้าสาวจ้องมองไปยังใบหน้าของหลานสาวของตนที่แสดงสีหน้างุนงงต่อหน้าของเธอ

"มีอะไรติดหน้าหนูอยู่หรอค่ะ?"เด็กสาวเห็นน้าสาวของตนจ้องมาที่ใบหน้าของเธออย่างไม่ลดละ เธอจึงใช้มือลูปไปที่ใบหน้าเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรติดอยู่รึเปล่า

"มะ! ไม่มีอะไรหรอก!"น้าสาวส่งยิ้มให้หลานสาวของเธอก่อนที่เธอจะใช้มือขวาลูปไปที่ศีรษะของหลานสาวของตนอย่างอ่อนโยน

"น้าขี้เกียจเล่าน่ะ นึกย้อนกลับไป ก็มีแต่จะปวดสมองเปล่าๆ เอาไว้มีอารมณ์ค่อยเล่าให้ฟังใหม่"น้าสาวลุกขึ้นไปนั่งตรงกลางระหว่างหลานสาวทั้งสองของตนพร้อมๆกับพูดตอบกลับอย่างอ่อนโยน

"โถ่.......หนูก็สงสัยนี่.....อาจารย์ก็ไม่ยอมเล่าเรื่องตรงนี้ให้หนูฟังด้วย"หลานสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

"หืม......"จู่ๆก็มีเสียงจากหุ่นเชิดไม้ที่ตอนนี้ใบหน้าของหุ่นเชิดนั้นกำลังพิงอยู่ที่หน้าอกก้อนโตของน้าสาวอย่างนุ่มนวน

"มิกะ ตื่นแล้วเหรอ?"น้าสาวส่งยิ้มให้กับหลานสาวของเธอ

"อ่า~~....ถึงแล้ว..เหรอ..ค.คะ?..หนูไม่น่าลองชุดจนดึกเลย....."เสียงที่เปล่งออกมาจากหุ่นเชิดไม้ แสดงให้เห็นว่านางนั้นอ่อนเพลียขนาดไหน

"ยังจ๊ะ! แต่ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ ไว้ถึงที่ห้องพักน้าจะให้มานากับหนูเองล่ะกัน"น้าสาวส่งยิ้มให้กับหุ่นเชิดไม้ก่อนที่จะหันไปจ้องมองที่หลานสาวอีกคนของตน

"จะว่าไปหนูจะได้เจอ คุณมอเดร็ด กับคุณวีนัส ที่งานรึเปล่าค่ะ!?!"หลานสาวอีกคนแสดงท่าทีที่ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

"......."น้าสาวเงียบไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาแต่เธอค่อยๆโอบกอดหลานสาวของเธอทั้งสองคนอย่างนุ่นนวล

"ทำไมหนูถึงรู้จัก วีนัส ล่ะหืม?"น้าสาวถามออกไป

"ก็อาจารย์เล่าเรื่องของพวกเขาให้หนูฟังด้วยนี่ค่ะ เรื่องของคุณมอเดร็ด แล้วแม่ก็ยังบอกอีกว่า ทั้ง 2 คนเป็นผู้มีพระคุณของแม่ด้วย "เด็กสาวพูดขึ้นมา

"วิเรีย บอกมาเรอะ..."น้าสาวค่อยๆปล่อยมือจากตัวของหลายสาวของตนก่อนที่จะลุกไปนั่งยังที่เดิมอย่างยิ้มแย้ม

"มาอยู่แล้วล่ะ ทั้ง 2 คนเลย"น้าสาวเอ่ยขึ้นมา ทำให้เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงดวงตาลุกว้าวทันที

"ใกล้ถึงสวนแห่งเอน่าแล้ว ริน! เจ้าควรจะเตรียมความพร้อมได้แล้ว!"

จู่ๆก็มีเสียงจากคนควบม้าที่กำลังลากรถม้าคันนี้ ยิ่งทำให้เด็กสาวที่กำลังตื่นเต้น ดีใจขึ้นไปอีก

"เอาล่ะ! เราใกล้ถึงงานแล้ว ถ้าหนูเห็นศพคนตายเดินเสิฟน้ำอยู่ให้ทำใจให้สงบนะ"หญิงสาวผมทวิลเทลสีดำพุ่งเข้ามาจับแก้มของเด็กสาวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งยิ้มให้

"หือ!? ศพ!? เดินเสิฟน้ำ??"หุ่นเชิดไม้แสดงสีหน้าที่ตื่นตัวออกมาได้อย่างชัดเจนจนน้าสาวกับพี่สาวของเธอที่มองอยู่นั้นอดขำไปตามๆกัน

"น่าๆเดี่ยวพวกหนูก็ชินไปเองแหละ"น้าสาวผละออกจากเด็กสาวไปนั่งกับที่ของตนเหมือนเดิมอีกครั้งอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่เธอจะหยิบสัมภาระต่างๆเก็บไว้ ทิ้งไว้ให้หลานสาวทั้งสองของตนคุยกันด้วยความตื่นเต้น

_____________________________

เกร็ดความรู้

เนโครแมนเซอร์ หรือ หมอผี - คือศาสตร์ของ แม่มด แขนงหนึ่ง ที่เล่นเกี่ยว​กับความตาย เนโครแมนเซอร์ ยังมีสายแยกย่อย เจาะลึกเข้าไปอีก 20 กว่าสาย ที่ยากจะแบ่งได้ จุดเด่นหลักก็คือการอัญเชิญคนที่ตาย ให้กลับมาในรูปแบบต่างๆตามความต้องการของผู้ใช้ ในฐานะบริวาร เป็นสายอาชีพที่มีความต้องการสูง เนโครแมนเซอร์เก่งๆ จะสร้างความได้เปรียบทางการทหาร เกษตรกรรม และการเมือง ให้กับอาณาจักรนั้นอย่างก้าวกระโดด

วิชาเล่นแร่แปรธาตุ - วิชาที่สามารถเปลี่ยนเหล็กให้กลายเป็นทองคำแท้ได้ โดยหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ทั้งนี้ วิชานี้ ก็ยังเป็นวิชาที่ยากจะหยั่งถึง แม้ว่าจะทำความเข้าใจมันมาแล้วก็ตาม

เกาะลอยฟ้า เป็นเกาะที่ลอยตัวเหนือพื้นดินโดยมี แร่ธีรนิล(ที-ระ-นิน) แร่พิเศษที่เมื่อตัวแร่สัมผัสกับออกซิเจนโดยตรง ตัวแร่ก็จะแสดงปฎิกิริยลอยตัว   แถมยังมีคุณสมบัติหักเหรังสีความร้อนได้ สามารถไว้ใช้ต่อกรกับ ปืนพลาสม่า หรืออาวุธประเภทลำแสงที่นิยมใช้ภายในอวกาศได้ปัจจุบันในเรื่อง เหลือเกาะลอยฟ้าเพียงไม่กี่เกาะเท่านั้น เป็นผลพวงมาจากสงครามในอดีต และการขุดแร่ธีรนิล ที่ฝังอยู่ตามชั้นหินไปขาย 

นางฟ้าตกสวรรค์ ลาวาน่า ริส และ จอมมารมอเดร็ด

ณ คฤหาสน์ ส่วนกลางของตึกผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ // สวนแห่งเอน่า //ห้องส่วนตัวของเจ้าคฤหาสน์

"ไม่เห็นต้องจัดงานให้มันใหญ่โตขนาดนี้ก็ได้นี่  ฉันก็อุสาบอกไปแล้วแท้ๆ........ว่าให้จัดงานแค่เฉพาะคนของเราก็พอ......"เด็กสาวผมยาวสีบลอนด์เงินที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ไม้สีขาว ที่ตัวของเธอในตอนนี้กำลังบ่นพึมพัมกับตัวของเธอเองด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยปลื้ม  ในขณะเดียวกัน ข้างๆตัวของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินคนนี้ ก็ยังมีร่างของหญิงสาวสวมชุดรับใช้สองคน กำลังแต่งหน้า ทำผมให้กับเธออยู่ด้วยท่าทีที่ทะมัดทะแมง

"มันเป็นความประสงค์ของนายเหนือหัว  ที่ท่านต้องการจัดงานให้มันมีสีสันเพื่อให้นายหญิงอภิรมย์ในความผาสุข.....ละนะ~"หญิงสาวร่างกายสูงใหญ่สวมชุดเดรสสีแดง ผิวสีแทน มัดผมหางม้า ใบหน้าและหน้าตาคมสะสวย ที่ในตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนสีครีมในห้องอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ท่านั่งของเธอนั้น ไม่ได้มีความเป็นสตรีแต่อย่างใด 

"โถ่~อย่าพูดจาห่างเหินแบบนั้นซิ วีนัส ฉันยิ่งไม่สบายใจอยู่......"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินเรียกชื่อของคู่สนทนาออกมา พร้อมๆกับจ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวที่ปรากฏออกมาในเงาสะท้อนกระจกที่อยู่ตรงหน้าของเธอ

"แหม๋~ก็เจ้านั่นลงทุนก้มหัวขอร้องให้ฉันรักษามารยาทและคำพูดภายในงานให้มันดูสำรวม มีมารยาทกับแขก~ แถมยังบอกอีกว่าถ้างานนี้ไปได้สวย เขาจะยกปราสาทพร้อมที่ดินสวยๆให้ไปนอนเล่นฟรีๆ"หญิงสาวที่มีชื่อว่า 'วีนัส' บ่นให้เด็กผู้หญิงผมสีบลอนด์เงินฟัง ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจในของรางวัล จนเริ่มมีเสียงหัวเราะหลุดออกมาจากหญิงสาวรับใช้ที่กำลังทำผมให้เด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน

"ก็คุณ บุตร เขาเป็นคนแบบนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว หน้าใหญ่เกินไป ฉันถึงบอกให้จัดแบบเงียบๆเหมือนงานวันเกิดก็ได้....."เด็กสาวหันหน้าไปจ้องมองกระจกที่อยู่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะที่พูดเพื่อมองให้เห็นคู่สนทนาของตนเองให้จัดเจนยิ่งขึ้น

"น่าเบื่อจะตายไป.........แล้วที่งานมันออกมาใหญ่โตแบบนี้ ก็ออกจะดีนะ! เธอจะได้ไปโม้ให้ชาวบ้านฟังไง ว่าผัวฉันจัดงานหมั่นให้อย่างใหญ่โตเลย!!...."วีนัสโน้มตัวลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับเอามือเกยหน้าผากเผยให้เห็นวงแขนชัดเจน

"เห็นฉันเป็นคนยังไงนิ"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินส่ายหัว

"คนแก่ หน้าเด็ก และก็หัวโบราณ~"วีนัสตอบกลับไปทันควัน จนอีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้น ถึงกับถอนหายใจออกมา 

"แล้ว........ลูกสาว 'ริน' มาถึงที่งานรึยัง?? พอดีฉันมัวแต่ยุ่งกับบิลค่าใช้จ่ายอยู่....."เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินพูดถามขึ้นมา

"มิเรน มาพร้อมกับฉันน่ะ ส่วน เมย์ ฉันไม่รู้นะ ว่ามาถึงที่งานรึยัง??"วีนัสตอบกลับมา

"............"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินแสดงสีหน้าที่เศร้าใจออกมา ก่อนที่จะหันไปสบตาที่วีนัสในกระจก

"..............."วีนัสจ้องมองไปที่ใบหน้าของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินที่อยู่ตรงหน้า ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายทันที

"........นึกถึงเมย์ทีไร.........ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยรินยังไงดีด้วยซิ................."หญิงสาวผมสีบลอนด์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้า

".........ความคิดโบราณ~............เธอควรที่จะหัดโทษคนอื่นบ้างนะ.........เพราะเธอไม่ใช่แม่พระที่จะต้องอมทุกข์ของคนอื่นไว้ที่ตัวเองคนเดียว......หัดไประบายซะบ้าง.."วีนัสบ่นออกมาลอยๆ พร้อมๆกับนอนเอนตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่า แล้วการกระทำนั้นเผยให้เห็น ชั้นในสีแดงสดที่เธอสวมมันอยู่อย่างจัง

"............ถ้าฉันคิดแบบมักง่ายอย่างเธอได้ก็ดีซิ......"หญิงสาวผมสีบลอนด์เงินที่เห็นแบบนั้น ก็ได้เบนสายตาไปทางอื่น

"ห่ะ? นี้หลอกด่ากันเรอะ!?"วีนัสที่ได้ยินแบบนั้น ก็ลุกขึ้นมานั่ง พร้อมๆกับถามเด็กสาวผมสีบลอนด์เงินกลับมา

"........พูดถึงริน............."

"อย่าเมิงกันเด!!"

"เสเดย์ บอกกับฉันว่า ริน เขาเดินทางไปรับ 'วิเรีย' มาร่วมงาน แต่นางกลับปฏิเสธคำเชิญ.........หรือว่า วิเรีย จะเกลียดฉันจริงๆ............"เด็กสาวผมสีบลอดน์เงินเปลี่ยนเรื่องคุยที่คิดแล้วเครียดไปยังเรื่องที่คิดแล้วยิ่งเครียดกว่าเดิม จนทำให้วีนัสที่ได้เห็นแบบนั้น ก็อดกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว

"เห้อ.......คนแก่ๆนี้ชอบคิดมากกันจริงๆ...........รินมันเคยเล่าให้ฉันฟังว่า วิเรีย ไม่ได้ติดใจหรือแค้นเคืองอะไรที่เธอหรอก  แต่ที่นางปฏิเสธอาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นมากกว่า...........แบบ...มองหน้าเธอไม่ติด.....ไรงี้?.."วีนัสพยายามพูดโนมน้าวให้อีกฝ่ายสบายใจ ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม

" มอเดร็ด ก็จะมาพร้อมกับรินใช่ไหม??"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินถามออกไป

"อ่า~"วีนัสตอบกลับมา

"...อัล.......ควิน ล่ะ?? จะมาพร้อมกับมอเดร็ดเหรอ??"เด็กสาวผมบลอนด์เงินถามขึ้นมาอีกครั้ง

"รายนั้นไม่แน่ใจว่าจะมาไหม แต่ถ้ากล้ามา ก็นับถือใจพี่แกเลย แค่เรื่องข้อพิพาก 'สงครามแอสราส' มันก็ไม่ดีอยู่แล้ว  ยิ่งคนในงานที่เชิญมาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่สูญเสียครอบครัวไปในสงครามนั้นกันเยอะ..........ไหนจะ วายุระธา และก็ ผู้ปกครองมิติ ที่ถูกเชิญมาร่วมงานกันอีกหลายคน....."วีนัสตอบกลับมา

"แล้วคุณบุตรล่ะ? วันนี้ฉันไม่เห็นเขาทั้งวันเลย?? เขาฝากงานไว้กับเสเดย์ แล้วไปไหนก็ไม่รู้"

"ไปเชิญ มินาลา กับ รีคัส มาร่วมงาน........."วีนัสตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์มากนัก

"......หืม.........มีแต่คนที่ไม่ค่อยถูกคอกันทั้งนั้นเลย........ถึงพวกเขาทั้งหมดจะยอมปรองดอง.....เพราะ ริน ก็เถอะ.....แต่เล่นจัดงานรวมญาติแบบนี้ จะไม่ตีกันตายก่อนจะจบงานหรอ??"เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินถามกลับมา พร้อมๆกับหันหน้าไปมองคนที่คิดว่า จะเป็นคนก่อวิวาท

"ไม่ต้องห่วง  ฉัน~มีปราสาทเป็นรางวัลเชียวนะ ถึงจะอยากฆ่าไอระยำ มินาลา ขนาดไหน แต่ถ้าเพื่อปราสาท ฉันก็ยอมกัดฟันทนได้! แต่กับเจ้าสามีฉันนี้ซิ มันยังแค้นเรื่องนั้นอยู่เลย .......ถึงเรื่องมันจะนานมาเกือบ 10 ปีแล้ว..........แต่เพื่อความชัวร์......ฉันเลยชิงบอกกับมันก่อนว่าถ้าทำตัวดีๆไม่ไปก่อเรื่อง ทั้งฉันและรินจะยอมให้มันปั้มลูกอีกสักคนสองคนก็ได้ มันก็เลยยอมทำตัวว่านอนสอนง่ายแต่โดยดี......ตอนนี้ เห็นว่าออกไปเดินตอนรับแขกอย่างดีเลยละ......."วีนัสพูดขึ้นมา ทำให้ทั้งเด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน และหญิงสาวรับใช้อีกสองคนที่กำลังทำผมให้อยู่ในห้องถึงกับหยุดชะงักทันที

"พวกเธอมีอะไรเหรอ??"วีนัสถามขึ้นมา เมื่อทั้งสามมีท่าทางแปลกไป

"ป..ป.เปล่าคะ นายหญิง! ดิฉันใกล้แต่งผมให้คุณหญิงใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ!!"สาวรับใช้รีบตอบกลับมาก่อนที่จะเร่งมือทำงานมัดผมให้เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินอย่างรวดเร็ว

"อืม......"วีนัสขานกลับมาก่อนที่จะหันหน้าฟุบลงไปที่เตียงนอนของเด็กสาวผมสีบลอนด์เงิน

"........."เด็กสาวผมสีบลอนด์เงินจ้องมองไปวีนัสที่ตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนของเธอด้วยสายตาตกตะลึง

_____________________________________

กึก! กึก! กึก! กึก!

เสียงของรถม้าค่อยๆชะลอความเร็วลง ฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะวิ่งเข้าไปในงานซะตรงนี้ด้วยซ้ำ ฉันเลยหันไปมองที่น้ารินที่ตอนนี้ น้าเขากำลังอุ้มมิกะเตรียมตัวลงออกจากรถม้าคันนี้เต็มทีแล้ว

ปึง!!

เมื่อเสียงประตูของรถม้าเปิดออก ภาพที่ปรากฏออกมาเบี้องหน้าของฉัน คือร่างของหญิงสาวปริศนา สวมฮูดสีดำ มีแถบสีเขียวสะท้อนแสง  กำลังจ้องมองมาที่ตัวของฉัน ก่อนที่เธอจะหันไปจ้องที่ตัวของน้ารินแทน

"ถึงสวนแห่งเอน่าแล้วนะ ริน!"เธอพูดขึ้นมาพร้อมๆกับยื่นมือของเธอไปหยิบสัมพาระของน้ารินที่วางเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ออกไปข้างนอกตัวรถม้าแบบไม่รอช้า

"ขอบใจมากเลยนะคะ คุณควิน"น้ารินเรียกชื่อของเธอ ก่อนที่น้ารินจะอุ้มมิกะเดินลงจากรถม้าตามไป

ฉันเองก็เดินตามลงไป รถม้าคันนี้มันใหญ่มากสำหรับเด็กที่ใกล้ 10 ขวบอย่างฉัน ถ้าจะเดินลง ก็ต้องก้มแล้ว ค่อยๆก้าวเท้าลงทีละขั้นเอา(ฮ่าๆ) น้ารินที่เห็นแบบนั้น ก็เลยหันกลับมาอุ้มฉันไปแนบกับก้อนเนื้อโตๆของน้าด้วยมือคนละข้างกับมิกะ

ทั้งฉันและมิกะในตอนนี้กำลังถูกอุ้มด้วยแขนของน้ารินราวกับว่าพวกฉันไม่มีน้ำหนักเลย  แล้วไม่มีท่าทีว่าน้ารินจะอ่อนล้าด้วย  ฉันก็ตกใจนะที่น้าริน เขามีกำลังแขนมากขนาดนี้  แต่ฉันกับตะลึงกับภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่า

"ที่นี่คือ สวนแห่งเอน่า สถานที่พำนักของแม่มดแห่งความอ่อนเยาว์"น้ารินพูดขึ้น

ภาพเบื้องหน้าของฉันเป็นภาพที่ ผู้คนจำนวนมาก กำลังเดินจับจ่ายใช้สอย ตามถนนที่มีแผงขายของจำนวนมาก เรียงรายอยู่ตาม 2 ข้างทาง ทอดยาวไปจนถึงทางขึ้นไปภูเขา ผู้คนจำนวนมาก ที่ต่างสันจรไปมา ทานอาหารข้างทางตามริมถนน นั่งดื่มสุรากับกลุ่มเพื่อน บรรยากาศมันเหมือนกับ งานเทศการที่หมู่บ้านของฉันไม่มีผิด แล้วมันก็ดูเหมือนกับตลาดในโลกต่างมิติ ที่อาจารย์เคยพาไปด้วย

"โทษทีนะ ริน ข้าเองก็อยากจะขึ้นไปส่งเจ้าถึงตัว คฤหาสน์อยู่หรอก แต่ตามทางมันเต็มไปด้วยร้านค้า และผู้คนที่เดินทางมา ข้าก็เลยมาส่งเจ้าได้แค่นี้"บุคคลปริศนาร่างสูงใหญ่สวมเกราะสีดำขอบทอง ไม่เห็นใบหน้า สวมอู้ดสีขาว เดินลงมาจากที่นั่งคนขับรถม้า พร้อมๆกับเดินตรงมาหาน้าริน

"ไม่เป็นไรหรอก นี้ก็ถือเป็นโอกาศดี ที่จะพา ซามิ กับ มิกะ ไปเดินชมงานด้วย.......แล้ว........ มอเดร็ด ละจะมาด้วยกันไหม?"น้ารินหันหน้าไปคุยกับชายสวมฮู้ดขนาดใหญ่

"ม..มอเดร็ด?" ฉันเผลอหลุดปากเรียกชื่อของเขาคนนั้นตามน้ารินไป ถึงน้ารินจะบอกฉันเอาไว้แล้วก็เถอะว่า เขาเองก็จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย........แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนขับรถม้าแบบนี้

"หืม.......เรียกข้าอย่างงั้นรึ แม่หนูน้อย?"ร่างปริศนาสวมฮู้ดพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

"อ..อ..ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ!"เมื่อเท้าฉันลงแตะพื้น ฉันรีบหลบไปที่ด้านหลังของน้ารินทันที.......นี้มันแปลกมาก.......เหมือนกับ......จะอธิบายยังไงดี?....คือ......มันต่างจากที่ฉันคิดมาก เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่ากลัวหรือเลวร้ายอะไรเลย.........ฉันดีใจที่เจอเขานะ........แต่บรรยากาศรอบตัวเขามันน่าขนลุกแปลกๆ จนไม่อยากเข้าไปใกล้ยังไงก็ไม่รู้

"ท่านทำให้นางกลัวนะ!"พี่สาวที่ชื่อว่า ควิน ที่เห็นท่าที่ของฉันก็พูดขึ้นมา

"........เด็กคนนี้........มีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักรบ....."มอเดร็ดเขายังคงมองมาที่ฉัน แบบ....ไม่ละสายตาเลย....จนฉันเริ่มอึดอัด....และก็กลัวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

"อย่าไปจ้องนางแบบนั้นซิคะ ท่านมอเดร็ด"พี่สาวที่ชื่อ ควิน พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเล็กน้อย

"โทษทีๆ พอดีมันติดนิสัยน่ะ"มอเดร็ดหยุดมองมาที่ตัวของฉัน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองที่น้ารินที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาแทน

"........ไม่เป็นไรหรอกคะ.....นี้ ซามิ มิกะ สวัสดี คุณมอเดร็ด เขาหน่อยสิ"น้ารินหันหน้ามาพูดกับฉัน ก่อนที่จะใช้มือที่ว่างมาลูปหัวของฉัน เพื่อปลอบ

"ส..สวัสดีค่ะ/ส...สาวัด..ดี...คะ"ทั้งฉันและมิกะพูดกล่าวทักทายออกมาพร้อมๆกัน

"อ่า......นึกออกแล้วๆ......พวกเจ้าเป็นลูกสาวฝาแฝดของ วิเรีย นี้เอง ข้าก็นึกว่าเป็นเด็กที่ขอติดรถไปลงที่งานด้วยซะอีก...................ถึงว่า ทำไมถึงมีโก......"

"อ่ะแฮม!"

ในขณะที่มอเดร็ดเขากำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ถูกขัดจังหวะจากน้าริน แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่า เมื่อกี้เขากำลังจะพูดอะไรออกมา

"...........เวลา......ก็ช่างผ่านไปเร็วเสียจริง ครั้งก่อนที่ข้าเห็นพวกเจ้าทั้งสอง............ก็...ยังเป็นเด็กตัวน้อย แสนไร้เดียงสาอยู่เลย.......แล้วดูตอนนี้ซิ.........พวกเจ้าก็ใกล้จะเติบโตเป็นสาวสวยผู้งดงามเหมือนกับวิเรีย........"มอเดร็ดเขาจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉันอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปจ้องที่ มิกะ 

"เจ้า...มิกะ...ซินะ??"มอเดร็ดหันไปถามน้องสาวของฉัน

"ค...ค่ะ...?"มิกะพยายามที่จะขานตอบกลับมา แต่เหมือนมานาเธอก็ใกล้จะหมดเต็มที จนทำให้เธออยู่ในสภาพงัวเงียเหมือนคนง่วงนอน

"ข้าเสียใจกับเจ้าจริงๆนะมิกะ ถ้าตอนนั้นข้าเร่งฝีเท้าให้มันไวกว่านี้ เจ้าคงไม่ต้องทนอยู่ในสภาพร่างกายแบบนั้นหรอก"มอเดร็ดเขาใช้มือที่หุ้มไปด้วยเหล็ก ลูปไปที่ปลายเส้นผมของมิกะอย่างเบามือ

เป็นอย่างที่คุณมอเดร็ดพูดมานั้นแหละ ทั้งฉัน ทั้งมิกะ พวกเราสองคนต่างเป็นฝาแฝดที่เกิดมาด้วยกัน และมีร่างกายเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ก็ได้มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ได้พรากร่างกายของมิกะไป.....แล้วถ้าคุณมอเดร็ดมาช้ากว่านั้น....ฉันก็จะกลายเป็นแบบมิกะด้วย....เช่นกัน .......

"เอาน่าๆเรื่องมันผ่านมาแล้ว จะไปนึกย้อนให้ปวดจิตทำไม!"น้ารินพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือของเธอลูบมาที่ศีรษะของฉันอย่างอ่อนโยน

"อืม........พอดูดีๆแล้ว.........ถ้าฉันเป็นคนนอก ฉันก็คงหลงคิดแหละว่า รินและก็เด็กคนนี้เป็นแม่ลูกกัน"ควินที่ยืนอยู่เงียบๆพูดขึ้นมาพร้อมกับวางสัมพาระของน้ารินลงที่พื้น

"คนอื่นๆก็พูดมาในทำนองเดียวกันกับที่ท่านพูดเลย เด็กคนนี้มีสีผมสีดำ และตาสีแดงแบบเดียวกับฉัน สีผิวก็ใกล้เคียงกัน ถ้าไม่ติดว่านางเป็นลูกของน้องสาว ไม่แปลกที่คนอื่นๆจะคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉันจริงๆ"

"แล้ว....เจ้า.........?"มอเดร็ดหันกลับมามองที่ฉันพร้อมๆกับก้มตัวของเขาลง

"...................."ฉันทำได้แต่หลบอยู่ข้างหลังของน้ารินทั้งอย่างงั้น

"ซามิ....แล้วตอนนี้แม่ของเจ้า วิเรีย สบายดีอยู่ไหม?? พอดีข้าอยู่รอรับรินที่นอกหมู่บ้าน!"

"สบายดีคะ!"ฉันตอบกลับไปด้วยความกลัวเล็กน้อย

"อ่า~แล้วพ่อเจ้าล่ะ...หืม...?"

ห่ะ?............พ่อ?.....

"พ่อ?......หนูกับมิกะไม่เคยมีพ่อนะคะ?"ฉันตอบกลับไปตามความเป็นจริง ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อย

นั้นซินะ.......แม่ไม่เคยยอมบอกเลยว่าพ่อของหนูเป็นใคร.......บอกแค่ว่า...เขาเป็นทหารเหมือนกับน้าริน

เมื่อฉันตอบกลับไป เหมือนปฎิกิริยาของมอเดร็ดจะเปลี่ยนไปทันที เขาถอยห่างออกไปพร้อมกับหันไปจ้องมองที่ใบหน้าของน้ารินที่กำลังแสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อย

"หึหึหึ.....อย่าพูดแบบนั้นซิ ว่าเจ้าไม่เคยมีพ่อ........ข้าจะบอกอะไรให้ฟัง........สมัยที่ข้ายังเด็ก.....ข้าไม่ได้มีโอกาสเจอหน้าทั้งพ่อ และ แม่ ของ ข้าเลยเสียด้วยซ้ำ.........ข้าทำได้เพียงแค่รับรู้เรื่องราวของพวกท่านผ่านเพื่อนๆของท่านเพียงเท่านั้น..............พ่อของข้าคือ นักผจญภัยที่ไม่ได้มีชื่อเสียงที่โด่งดัง แม่ของข้า....ก็เป็นเพียงแค่สาวรับใช้.....ในบ้านคนรวย......แต่ข้ารู้ว่า วาระสุดท้ายของท่านทั้ง 2 เกิดจากการที่พวกเขาต้องปกป้อง รักษาชีวิตของข้า..........จนนำมาซึ่งจุบจบที่ไม่สวยหรูนัก........เพราะแบบนั้น ข้าถึงได้คิดว่า........ถ้าหากข้ามัวแต่มานั่งเสียใจ เพียงเพราะกำพร้าพ่อกับแม่ละก็ สู้เปลี่ยนความคิด แล้วยิ้มสู้มันไปก็สิ้นเรื่อง..............พ่อของเจ้าเคยเป็นทหารที่แกร่งทัดเทียมข้าในสมัยก่อนเชียวนะ.............เจ้าควรจะภูมิใจ........"มอเดร็ดพูดจบเขาก็ยื่นมือของเขามาจับที่ศีรษะของฉัน

"............."

"แล้ว.....? เด็กสองคนนี้ใช่ไหม ที่เจ้าเคยบอกกับข้าว่าจะให้เข้าร่วมกองทัพของบุตรน่ะ?"มอเดร็ดผละมือออกจากศีรษะของฉันก่อนที่เขาจะหันกับไปถามน้ารินอีกครั้ง

"ใช่ ฉันตั้งใจที่จะให้ซามิและมิกะเข้าร่วมกองทัพ ในฐานะ 'นายพลแห่งความมืด' แทนตำแหน่งของคุณ 'ฟอร์เดน' ที่คุณทำให้มันยังว่างอยู่ เพื่อการนั้นฉันก็คงต้องให้ฝึกงานกับฉันโดยตรง จนความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งนั้นได้อย่างสมศักดิ์ศรี"

"ฝึกกับเจ้า??? นี้เจ้าตั้งใจจะฆ่าหลานสาวแท้ๆเชียวหรอ??"มอเดร็ดลุกขึ้นมามองที่ตัวของน้าริน พร้อมๆกับท่าทีที่เหมือนว่าจะตกอกตกใจยังไงก็ไม่รู้

"โหดร้าย......."ควินที่ยืนฟังอยู่เงียบๆถึงกับเอามือขึ้นมาป้องปาก พร้อมๆกับอุทานขึ้นมา

"ไม่ใช่แบบนั้นย่ะ!!? ฉันเองก็มีหลักสูตรเอาไว้สอนเด็กเล็ก แยกไว้ต่างหาก!!"น้ารินฉุนขาด ตะโกนตอบกลับมาด้วยท่าทีที่โมโหเล็กน้อย

"..........เอาเถอะ......ถ้าเป็นเจ้าหนูทั้ง 2 คนนี่ ไม่ว่าจะฝึกกับใคร ในอนาคตคงแกร่งทัดเทียมกับแม่ของเจ้าแน่ๆ..........แล้ว เด็กคนไหนที่จะมาแทนตำแหน่งของเจ้า??"มอเดร็ดถามกลับไปที่น้ารินอีกครั้ง

"หืม....อ่อ!!.......มิกะน่ะ ฉันตั้งใจให้เรียนเกี่ยวกับระบบเศรฐกิจพื้นฐานของบ้านเมือง และตำราพิชัยสงคราม ร่างกายเป็นแบบนั้นจะให้ไปถือดาบหนักๆสู้ ก็คงไม่ไหว แต่ถ้าจะไม่ให้เรียนเลย พอถึงเวลาจวนตัวฉันก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะไม่ไหวเอาเหมือนกัน  ฉันเลยกะว่าจะไปปรึกษากับ มิเรน ที่เป็นวายุระธา ที่ไม่มีร่างกายเหมือนกับมิกะดู"

".......จริงจังดีนะ......."พี่ควินพูดขึ้นมา

"ฉันก็แค่อยากให้ เด็กๆพวกนี้มีของดีไว้ป้องกันตัวบ้าง.........จะได้พึ่งพาตัวเองได้..ถ้าหากฉันไม่ได้อยู่แล้ว........."น้ารินตอบกลับพี่ควินไป

"วิเรีย อนุญาติ แล้วรึยัง??"มอเดร็ดถามขึ้น

"เธอเข้าใจสถานะการณ์ดี วิเรีย เลยให้ฉันฝึกสอน มิกะและซามิ พอหอมปากหอมคอ  แต่ใจหนึ่งเธอก็อยากให้พวกเด็กๆเลือกเส้นทางอนาคตของพวกเธอเอง............."น้ารินแสดงสีหน้าที่เด็ดเหนื่อยออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเผลอยิ้มอ่อนๆออกมาให้มอเดร็ดเห็น

"........คงจะว่าอะไรนางไม่ได้หรอก เพราะสมัยนางที่ยังเยาว์ นางเองก็โดนตีกรอบมาไม่น้อย.....ไม่แปลกใจที่นางจะไม่คิดตีกรอบให้ลูกสาวของนางมากนัก........สอนให้หอมปากหอมคอซินะ.............ข้าลองมาคิดๆดูแล้ว.........."จู่ๆมอเดร็ดก็ถอดฮู้ดคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นหัวกระโหลกสีขาวซีด ที่ตอนนี้ได้มีเปลวไฟสีฟ้าอ่อน ค่อยๆเผาไหม้ขึ้นมาจากภายในหัวกระโหลก จนเปลวไฟสีฟ้า ได้เผาไหม้ท่วมทั้งศีรษะของเขา

ทั้งฉันและมิกะ ที่ได้เห็นแบบนั้นต่างตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบที่กุ้งแห้งที่อยู่กับอาจารย์  เว้นแต่พี่ๆกุ้งแห้งของท่านอาจารย์ไม่ได้มีไฟสีฟ้าๆอมเขียวที่มันไหม้ท่วมหัวเหมือนกับของคุณมอเดร็ดเขา ผู้คนอื่นๆที่อยู่ข้างทาง ที่ได้เห็นภาพแบบเดียวกันกับฉันเองก็แสดงสีหน้าและอารมณ์ไม่ต่างกัน

"คุโรอิ มิกะ?!! แล้วก็ คุโรอิ ซามิ?!!"มอเดร็ดเรียกชื่อเต็มของฉันและมิกะขึ้นมา

"ค..คะ..?" ฉันขานตอบด้วยความตกใจ

"พวกเจ้าสนใจที่จะเรียน วิชาดาบของข้าหรือไม่!!!?!"

"ห๊าาาา/ห่ะ??"น้ารินและควินที่ได้ยินแบบนั่น ถึงกับอุท่านออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

--------------------------------------------

ช่วงอธิบายเพิ่มเติม

สวนแห่งเอน่า เป็นพื้นที่พิเศษ ที่ พระเจ้าเอเนส มอบให้เป็นแผ่นดินของ ลาวาน่า ริส ได้เอาไว้ใช้อยู่อาศัยหลังจากถูกเนรเทศจากการเป็นเทพ โดยแต่เดิมที่ดินผืนนี้เคยเป็นของย่าพระเจ้าเอเนส ส่วนชื่อของสวนแห่งนี้ ได้นำชื่อของพี่สาวพระเจ้าเอเนสที่ล่วงลับไปแล้วมาตั้ง พื้นที่สวนแห่งเอน่าแห่งนี้จะเป็นภูเขาขนาดเล็ก 4 ลูกที่อยู่ล้อมรอบคฤหาสน์ตามมุมต่างๆ เป็นผลพวงมาจากการออกแบบของคุณย่าของเอเนสนั้นเอง  โดยพื้นที่ตรงกลางของภูเขาทั้ง 4 จะเป็นเนินเรียบ ที่เหมาะกับการปลูกบ้านโดยเฉพาะ

สงครามแอสลาส เป็นมหาสงครามที่เกิดจากรอยแยกมิติที่ฉีกขาดของภายในมิติที่ 25 หรือก็คือมิตินรก ทำให้เหล่าอมุนษย์หรือสัตว์นรกต่างๆจำนวนมาก ต่างกระจัดกระจายไปทั่วจักรวาล มีดวงดาวกว่า 2361 ดวง ที่ได้รับผลกระทบของรอยฉีกมิตินี้  ส่วนสาเหตุของรอยฉีกขาดนี้ เกิดมาจากหญิงสาวที่มีนามว่า  วีนา  หนึ่งใน วายุระธา  ที่กำลังปะทะกับ Red Sword (เรดซอร์ด หรือ เรด สวอร์ต) การปะทะกันรุนแรงชนิดที่ฉีกกระฉากมิติออกเป็นชิ้นๆ

วายุระธา คือกลุ่มคนที่รวมเหล่าผู้ที่มีความสามารถสูง ในระดับที่สามารถกลายมาเป็นตัวอันตรายอันดับต้นๆของจักรวาลเอาไว้ หน้าที่หลักๆของพวกเขาจะมีเพียงแค่การต่อกรกับ ปีศาจจากมิติที่ 4  และก็ทำตามคำสั่งของ ดิเวคชั่น(SSG)  โดยปัจจุบัน วายุระธาในตอนนี้มีทั้งหมด 3 แบบ 

​​​​​​แบบแรก คือวายุระธา ที่เชิญเข้ามา วายุระธาแบบนี้จะได้รับอภิสิทธิ์และก็สวัสดิการต่างๆมากมายจาก ดิเวคชั่น เพื่อเป็นการซื้อใจ เนื่องด้วยพวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถสูง การจะแตกหักกับพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมากนัก  แล้วการที่ดิเวคชั่นเชิญพวกเขาเหล่านั้นมารับตั้งแหน่งวายุระธา ก็เพื่อที่จะสอดส่องการกระทำไปในตัวด้วย 

แบบที่สอง วายุระธา ที่ขึ้นตรงกับ ดิเวคชั่น พวกเขาเหล่านี้ จะเป็นเด็กเส้นของทางดิเวคชั่นเขา  มีอภิสิทธิ์เหมือนกับวายุระธาแบบเชิญเข้ามาแทบทุกประการ แถมยังมีสิทธิ์ขาดในการสั่งองค์กรที่อยู่ภายใต้ ดิเวคชั่น อีกทีได้ มีเงินเดือนสูงๆให้ด้วย!

แบบที่สาม คือวายุระธาที่ถูกบังคับให้มาเป็น พวกเขาเหล่านี้คือกลุ่มคนที่ถูกทางดิเวคชั่นคุมตัวเอาไว้ได้  มักจะถูกกักขังเอาไว้ในห้องขังแบบพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแต่ละคนในมิติที่ 9   การกระทำทุกอย่างถูกจับตามองทั้งหมด ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ทำได้แค่เพียงทำตามคำสั่งของ ดิเวคชั่น ไปเท่านั้น อย่างน้อยห้องขังก็ยังดูเป็นห้องนอนปกติทั่วไป ที่มีเน็ต มีเกม มีมือถือไว้ใช้เล่น แถมยังมีเชฟระดับสูงๆมาทำอาหารตามสั่งให้ด้วย เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซักเอง ทุกๆวันจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดห้อง และก็ตรวจสุขภาพ  แล้วถ้าวายุระธาคนดังกล่าวจะออกไปข้างนอก ก็ต้องยื่นเรื่องไปยังศูนย์ของดิเวคชั่น เพื่อให้เขาพิจารนาเห็นชอบ หลักๆคือ ชีวิตอยู่สุขสบายกว่าวายุระธาแบบขึ้นตรงหลายขุม เพราะงานหนักๆส่วนใหญ่จะถูกเทไปยังวายุระธาทั้งสองแบบข้างบนไปหมดแล้ว ดังนั้นวายุระกลุ่มนี้จะเป็นพวก ไม้ตายก้นหีบ

ดิเวคชั่น หรือ SSG คือองค์กรที่ประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงกว่า 400 คน ผู้ก่อตั้ง หรือผู้ที่เป็นหัวหน้าขององค์กรนี้ ก็คือ ไชนิ่ง สกาเร็ต  ผู้ปกครองมิติที่ 0 มิติแห่งการวกวน   ​​​ส่วน CEO หหรือประธานที่ใหญ่ที่สุด คือ เวติการาเม็ก เปีย ​​​ของหน้าที่ของดิเวคชั่น เสมือนกับตำรวจที่คือสอดส่องและให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆอย่างเป็นธรรม โดยมีสาขาแยกย่อยกว่า 400 สาขา โดยสาขาหลักจะอยู่ที่ มิติที่ 9 เวลาเกิดเหตุไม่พึ่งประสงค์ อย่างการทะเลาะวิวาทระหว่างประเทศ ดิเวคชั่นก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ทั้งสองหาทางใกล่เกลี้ยกันอย่างสันติ

บทที่ 1 - 3 อัศวินเกราะทองคำขาว นันธมายันตรี กาแร็ค P1

สวนแห่ง เอน่า ลานกว้างนอกหุบเขา เขตตะวันออก 

// คุโรอิ ซามิ 

"...ร......เรียนวิชาดาบ??"ฉันพูดทบทวนในสิ่งที่คุณมอเดร็ดเขาเสนอขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ที่ตกตะลึงในคำพูดของเขา 

"ใช่แล้ว.......ถ้าจะเรียกให้ถูก.......มันก็คือวิชามีดสั้นที่นักฆ่านิยมใช้ เพียงแต่วิชานี้สามารถใช้ได้ในดาบยาว ก็เลยจัดอยู่ในหมวดวิชาดาบ..........แล้วมันก็ยังเป็นวิชาที่ข้าถนัดมากที่สุด..........ทั้งแบบเดี่ยว และก็คู่......."คุณมอเดร็ดเขาบรรยายถึงความเป็นมาของวิชาดาบให้ฉันฟัง 

"................"ฉันในตอนนี้ทำได้เพียงแค่เงียบ แล้วก็ฟังในสิ่งที่มอเดร็ดเขากำลังพูดต่อจากนี้

"เป็นวิชาที่รวดเร็ว และเน้นการโจมตีที่ถึงจุดตายของคู่ต่อสู้ภายในครั้งเดียว..................สมัยก่อน ข้าได้ใช้วิชานี้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆมานัดต่อนัดเรื่อยมา....พัฒนา เรียนรู้ และก้าวข้าม.........จนกระทั้งข้าได้ขึ้นมาเป็นจอมมาร......เลยตัดสินใจ หันไปใช้ดาบเล่มนี้แทน"มอเดร็ดเขาเอี้ยวตัวของเขาเล็กน้อย เพื่อที่จะให้ฉันสังเกตเห็นดาบยาวสีทองดำที่เสียบอยู่ที่เอวของเขา

"..............."ฉันที่เห็นแบบนั้น ก็ไม่กล้าที่จะตอบอะไรกลับไป เพราะมันฟังดูเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่มากๆยังไงก็ไม่รู้  

".......มิกะ....ซามิ.....ถ้าเทียบกันทางสายเลือดแล้ว พวกเจ้านั้นวิเศษ !........มูลค่าร่างกายของพวกเจ้าทั้ง 2 ต่อให้มีล้านๆชีวิตที่อยู่ในทวีปแห่งนี้มากองรวมกัน ก็ยังเทียบไม่ได้.............แล้วนั้นก็เป็นสาเหตุที่น้องสาวของเจ้ามีร่างกายเป็นแบบนั้น.....หึหึหึ.....เด็กฉลาดๆแบบเจ้า คงจะเข้าใจซินะ...ว่าข้าหมายถึงอะไร........."มอเดร็ดชี้นิ้วไปที่มิกะ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมแขนของน้าริน พร้อมๆกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

"................."

.......กดดัน........เขาใช้มิกะมากดดันการตัดสินใจของฉัน............เหมือนกับว่าเขาพยายามที่จะ....

"ไม่ต้องกังวล..........วิชาดาบที่ข้าตั้งใจจะถ่ายทอดให้พวกเจ้า ต่อให้ มิกะที่มีร่างกายแบบนั้น ก็ยังสามารถฝึกใช้วิชานี้ แล้วนำไปใช้ได้อย่างชำนาญ  ถ้าเจ้ากับมิกะยอมรับข้อเสนอของข้า ข้าก็ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาดาบดังกล่าวของข้าให้แก่พวกเจ้า"มอเดร็ดเขาพูดขึ้นมา พร้อมๆกับจ้องมาที่ฉันแบบไม่กระพริบตาเลย ทั้งๆที่เขาไม่มีลูกกระตามามองที่ฉันแล้วก็ตาม

"ข้อเสนอ!??//ข้อเสนอ??"ทั้งน้าริน และพี่ควินที่เอาแต่ยืนฟังมาสักพัก เมื่อพวกเขาได้ยินมอเดร็ดพูดกล่าวถึงข้อเสนอปริศนา ที่พวกเขาทั้งคู่ ไม่เคยได้ยินมาจากปากของมอเดร็ดมาก่อน ก็ได้เกิดท่าทีสงสัยออกมา

"หืม?? นี้ข้ายังไม่ได้บอกข้อเสนอเรอะ??  แม้ๆ คนแก่ๆก็แบบนี้ละ ฮาๆๆๆ"มอเดร็ดที่ได้เห็นท่าทีของน้ารินและก็พี่ควิน ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

"............แล้ว?.....ข้อเสนอของคุณมอเดร็ดที่ว่าล่ะ??"น้ารินถามมอเดร็ดกลับไป ฉันที่เห็นท่าทีของน้าริน น้าเขาก็ดูจะสนใจที่จะให้มอเดร็ด เขามาสอนวิชาดาบให้ เพราะน้าตั้งใจอยากจะให้พวกเราเป็นทหารอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินมอเดร็ดพูดแบบนี้ น้ารินก็ดูมีความสนใจมากเป็นพิเศษ

"..ข้อเสนอของข้ามีเพียงข้อเดียว..........เพียงแค่บอกที่อยู่ของวิเรียและก็เด็ก 2 คนนั้นแก่ข้า......."

"!!???//????"

น้าริน และก็พี่ควินที่ได้ฟังข้อเสนอของมอเดร็ด พวกเขาถึงกับแสดงสีหน้าที่ดูตกอกตกใจออกมา

น้าริน เป็นเพียงคนนอกเพียงคนเดียวที่รู้ว่าพวกเราอาศัยอยู่ที่ไหน  หมู่บ้านที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ที่หลายๆหมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เวลาน้ารินมาหา เธอจะให้คนขับรถม้ารออยู่เมืองท่าไกลๆเกือบ 10 กิโล แล้วน้ารินก็จะควบม้าเข้ามาเอง  ที่น้ารินต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา 3 แม่ลูก ฉันก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมน้าริน ถึงไม่พาพวกเราไปอยู่ที่ๆมีทหารคุ้มกันหนาแน่น ฉันก็เลยนำความสงสัยนี้ไปลองถามแม่ดู แล้วคำตอบที่ฉันได้รับมาจากท่าน ก็คือตัวของมิกะในตอนนี้..........

"จริงจัง??"พี่ควินที่เป็นผู้ติดตามของมอเดร็ด ถึงกับถามขึ้นมา

"................."

"จริงๆ ข้อเสนอของข้ามีเพียงแค่นี้  ถ้าข้าไม่รู้ที่อยู่ของพวกนาง ข้าก็ไม่มีทางไปสอนได้หรอกจริงไหม??........หรือพวกเจ้ามีวิธีอื่นมาเสนอกับข้าละ??"มอเดร็ดเขา หันกลับไปถามน้าริน

"............"ฉันหันไปจ้องมองที่น้าริน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตอบปฏิเสธเขายังไงดี ฉันรู้สึกว่านี้มันยังเร็วเกินไป.............ในอนาคตฉันก็ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรด้วย การเป็นทหารและทำงานร่วมกันกับน้าริน ก็ฟังดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลว...........ถ้าฉันเลือกที่จะตอบตกลงที่จะเรียนวิชาดาบกับมอเดร็ด เขาจะเปลี่ยนให้ฉันแล้วก็มิกะกลายเป็นยอดนักรบชั้นแนวหน้าได้แน่ๆ.........แต่......

".............ดูเหมือนว่า ซามิ ยังไม่สนใจที่จะเรียนวิชาดาบในตอนนี้นะคะคุณมอเดร็ด  ฉันคงต้องขอปฏิเสธแทนพวกเธอไปก่อน"น้ารินเห็นท่าทีของฉัน เธอเลยตอบมอเดร็ดเขาไปตามสิ่งที่เขาเห็น

"ไม่เป็นไร๊! ไม่เป็นไร.............ยังมีเวลาให้ไตร่ตรองอีกเยอะ......ข้าจะไม่รั้งพวกเจ้าเอาไว้แล้วล่ะ.........ข้าขอตัวก่อน ข้าต้องนำรถม้าไปที่โรงเก็บให้เรียบร้อย แล้วข้าจะตามเจ้าไปภายในงานทีหลัง"มอเดร็ดเขาตอบกลับมา

"คะ เจอกันข้างในนะ!"น้ารินได้ใช้มือข้างที่ยังว่างโบกมือลามอเดร็ดด้วยท่าทีที่เป็นกันเองแบบสุดๆ มอเดร็ดที่เห็นแบบนั้น เขาก็ได้หันกลับเดินไปที่รถม้าของเขาในทันที

"...........ไม่คิดว่ามันน่าเสียดายหรอ  ริน??"พี่สาวที่มีชื่อว่า ควิน เดินเข้าไปคุยกับน้าริน

"มันก็น่าเสียดายจริงๆนั้นแหละ  วิชาดาบของฉันเน้นไปที่ความรวดเร็วในการทำลายภายในดาบเดียว ต่างจากวิชาของมอเดร็ดที่เน้นไปที่การฆ่าคู่ต่อสู้ภายในกระบวนท่าเดียว..........แล้ววิชาของฉันมันจะตั้งท่านาน เป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูโถมเข้ามาใส่ ถ้าต่อสู้กับคนที่ไม่ชำนาญหรือคนที่เคยเห็นครั้งแรก มันก็จะเป็นวิชาที่โหดจนคู่ต่อสู้จับจังหวะไม่ถูก......แต่ถ้าเกิดอนาคตต้องไปเจอกับศัตรูที่เก่งกาจหรือถูกอ่านการเคลื่อนไหวออก วิชาของฉันก็จะเสียเปรียบมาก ดังนั้นในการต่อสู้ ควรจะงัดมันออกมาใช้ในจังหวะที่สำคัญ...ไม่ก็รีบจบชีวิตอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด........ถ้าได้เขามาสอนให้กับทั้งสองคน รับรองได้เลยว่าในอนาคตจะกลายเป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้ที่สูงกว่าฉันแน่นอน...........เธอที่เคยต่อสู้กับเขาในฐานะศัตรูก็น่าจะมีโอกาสได้เห็นวิชาดาบนั้นเป็นที่ประจักแล้วนี่"น้ารินหันหน้ากลับไปพูดกับพี่ควิน

".........ก็ได้เห็นจากประสบการณ์มาแล้วน่ะซิ........ถึงได้มาถามเธอว่า ไม่เสียดายเรอะ??"

".............แต่มอเดร็ดเขาก็ยังให้โอกาสกลับมาตัดสินใจใหม่นะ!.......เรื่องข้อเสนอ....ฉันคิดว่า คนอย่างเขาจะไม่มีทางทำให้ที่อยู่ของวิเรียหลุดออกไปแน่นอน....แต่ก็ต้องถามความสมัครใจเจ้าตัวก่อน..........ไว้จบงานนี้ ฉันจะลองไปคุยกับวิเรียอีกที........"น้ารินพูดตอบกลับพี่ควินไปพร้อมๆกับใช้มือของน้าหันไปมาลูปที่หัวของฉัน

"อืม ........ฉันไปก่อนนะ เอาไว้ในงานค่อยมาคุยกัน"พี่ควินโบกมือลา ก่อนที่จะหันหน้าเดินตรงไปที่รถม้าทันที

น้ารินเองก็โบกมือลากลับไปเช่นกัน ก่อนที่จะกลับมายืนเงียบ พร้อมๆกับท่าทีที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว

อืม.........แม่เคยบอกกับฉันว่า น้าริน เขาเป็นคนที่คิดมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งทำงานเป็นทหาร ก็ต้องมีความรอบครอบ ดังนั้นคุณแม่ก็เลยกำชับมาว่า  อย่าไปทำอะไรที่ทำให้น้ารินเขาไม่สบายใจ นี้คือสิ่งที่แม่ของฉันเคยบอกมา

"......................"

"งั้นเราก็รีบเข้าไปในงานกันเถอะ..."น้ารินหยิบสัมภาระขึ้นมา แล้วนำสัมพาระนั้นไปถือไว้ที่แขนที่กำลังอุ้มมิกะอยู่ ราวกับว่ามันเบาเหมือนขนนกซะอย่างงั้น ทั้งๆที่ความเป็นจริง ฉันแอบเห็นพี่ควินแทบจะยกสัมภาระชิ้นนั้นขึ้นมาถือ แทบจะไม่ไหว นั้นเป็นเหตุที่ทำให้เธอได้วางสัมภาระชิ้นนั้นลงกับพื้นแทน ฉันละสงสัยจริงๆว่า ในกระเป๋านั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่นะ

น้ารินเธอใช้มือที่ว่างอีกข้างคว้ามาที่ข้อมือของฉัน ก่อนที่จะพาเดินจูงเดินเข้าลึกไปภายในงาน

 

สวนแห่งเอน่า ทางขึ้นหุบเขา ทิตะวันตก

//คุโรอิ ซามิ

นี้ก็ผ่านมาแล้วเกือบ 20 นาทีตั้งแต่ลงจากรถม้ามาแล้วนะ  แต่ทำไมเรายังเดินไม่ถึงใจกลางของงานสักที

ฉันที่ทำได้เพียงแค่คิดแล้วก็เดินตามน้ารินเข้าไปในงาน  เดินมา 20 กว่านาทีแล้ว ยังไม่ถึงใจกลางงานแสดงว่าที่นี่มันค่อนข้างใหญ่เอาเรื่อง รอบๆตัวของฉันและน้าริน ก็มีผู้คนเดินสวนกันปะปาย ไม่หนาแน่นเหมือนกับที่ตอนลงมาจากรถม้าใหม่ๆ อาจจะเป็นเพราะฉันได้เดินผ่านส่วนของอาหารริมทางเข้ามาแล้ว และในจำนวนที่ผู้คนเดินผ่านกันปะปาย ก็มีทั้งคนปกติ เผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ มิโนทอร์ และก็ผีดิบที่สวมชุดหรูๆสีฉูดฉาด ต่างพากันเดินเที่ยวเล่นกันภายในงานแห่งนี้

ผีดิบที่สวมเสื้อผ้าหรูๆ ดูมีราคา ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นอดีตขุนนางที่ไหนสักแห่ง ที่ได้ตายไปแล้ว.....แต่ก็ยังคงลุกขึ้นมาแบกขวดเหล้า แล้วกระดกลงคออย่างมีความสุข......ดูมีชีวิตชีวา.......ทั้งชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ ก็ดูเหมือนจะไม่กลัวพวกเขาเหล่านั้นด้วย......

ฉันลองมองสังเกตดีๆ เหมือนว่าทหารที่คอยดูแลที่นี่ จะสวมชุดเกราะสีม่วง แล้วมีตราสีเขียวที่คล้ายๆเข็มกัด แปะอยู่ที่อกซ้ายของพวกเขา แล้วก็ยังมีปลอกแขนที่ดูคล้ายๆผ้าสีแดงผูกเอาไว้ที่ต้นแขนซ้ายอีกด้วย ที่สำคัญเลยก็คือ พวกเขามีทั้งคนเป็นๆ และก็คนที่ดูเหมือนว่าจะตายไปแล้ว ทำงานร่วมกันอีก มันเป็นหนึ่งในภาพที่ประหลาดๆอย่างบอกไม่ถูก ที่คนเป็นและก็คนตายใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผิดธรรมชาติ......แต่มันกับลงตัวอย่างบอกไม่ถูก

"........น้าเห็นหนูเอาแต่จ้องพวกพี่ๆเขามาสักพักแล้วนะ? มีอะไรสงสัยเหรอจ๊ะ?"น้ารินที่เหลือบมาเห็นฉัน ก็ได้พูดถามขึ้นมา

"...ค่ะ..........มันเป็นภาพที่แปลกตาหนูมากๆเลย......หนูไม่เคยเห็น คนที่ยังมีชีวิตอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันกับคนตายเยอะแบบนี้มาก่อน.........ท่านอาจารย์ก็เคยบอกกับหนูนะว่า.....คนเป็นมักจะกลัวคนที่ตายไปแล้ว..........อย่างไม่มีเหตุผล............"ฉันบอกความรู้สึกของฉันให้น้ารินฟัง ถึงฉันจะชินที่จะพูดคุยกับคนที่ตายไปแล้วก็จริง แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นภาพผู้คนจำนวนมาก ต่างใช้ชีวิตร่วมกันกับคนตายแบบนี้มาก่อน

".อืม..........มันพึ่งจะเป็นแบบนี้ได้แค่ 10 กว่าปีเอง....... ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ดังเดิม ก็ตายไปจนเกือบหมด เพราะผลกระทบของสงคราม และก็การขาดแคลนอาหาร เจ้านายของน้าเลยทำการยึดผืนดินแถบนี้ ไปเป็นอาณาเขตของตนเอง จากนั้นก็ใช้เนโครแมนเซอร์ในการปลุกชีพคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาในระดับ 1"น้ารินอธิบายตอบกลับมา

"ระดับ 1???"

"การปลุกชีพในระดับที่ 1 ก็คือการสร้างซอมบี้ยังไงล่ะ การปลุกชีพคนที่ตายแล้วขึ้นมา ให้มามีชีวิตอีกรอบ ไม่ใช่จะปลุกขึ้นมาได้ดื้อๆนะ การจะให้พวกเขามีชีวิตในฐานะซอมบี้ในระยะยาว จำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมร่างกายของพวกเขาให้กลับมาเป็นแบบสมัยที่พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด จากนั้นก็จะนำดวงวิญญาณของพวกเขาใส่เข้าไปในร่าง"

"........แบบนั้นก็ไม่ต่างจากการคืนชีพในระดับสูงเลยนี้ค่ะ??"ฉันยิงคำถามน้ารินกลับไปทันที"

"รู้จักการคืนชีพในระดับสูงด้วยเหรอ??"น้ารินถามสวนกลับมา พร้อมๆกับมองมาที่ตัวของฉันด้วยความตกใจเล็กน้อย

"ท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังมาค่ะ.....การคืนชีพในระดับสูง มีอนุภาพที่แทบจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ ต่อให้หัวขาด ตัวเละ หรือเหลือแต่กองเลือด ก็สามารถคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการสร้างร่างกายใหม่ที่เหมือนกับของเดิมขึ้นมา  แต่ที่หนูฟังจากน้ารินมาเมื่อกี้ เหมือนว่าพวกน้าจะซ่อมแซมร่างกายของพวกเขาแล้วก็ดึงวิญญาณมาใส่ร่าง หนูเลยคิดว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการคืนชีพในระดับสูง......"ฉันได้บอกเล่าสิ่งที่ฉันคิดให้น้ารินฟัง 

"ถ้ามันง่ายแบบนั้นจะเรียกว่า การสร้างซอมบี้ ไปทำไมล่ะ?.............ถ้าจะตีความให้หนูเข้าใจง่ายๆล่ะกัน เวลาที่คนเราตายไปแล้ว ดวงวิญญาณของเราจะปรับสภาวะอุณหภูมิสูงไปเป็นต่ำอย่างฉับพลัน  แล้ววิญญาณก็จะหลุดออกจากร่าง สูญเสียการคอนโทรนมานา และการมีตัวตนไป จนกลายเป็นผี อย่างที่คนทั่วๆไปเข้าใจ สภาวะแบบนี้พวกน้าเรียกว่า ดวงวิญญาณที่ผ่านประตูแห่งความตาย  มาแล้ว กลับกันการชุบชีวิตระดับสูง เป็นการฟื้นฟูหรือสร้างร่างกายใหม่ที่สมบูรณ์ 100% อย่างที่หนูเข้าใจ แต่การชุบชีวิตระดับสูงนี้มีความพิเศษอยู่อย่าง ก็คือการบังคับสภาวะให้ดวงวิญญาณกลับกลายเป็นเหมือนเก่า ก่อนที่จะตาย"น้ารินอธิบายตอบกลับมา

".........มันซับซอนจัง...."

"หนูไม่เคยกอดมิกะเลยเหรอ?"น้ารินถามกลับมา 

"อันนั้นหนูไม่กล้าค่ะ......หนูกลัวว่าหุ่นของมิกะจะแหลกเอาคามือของหนู......"ฉันตอบกลับไปตามตรง เพราะตัวของฉันมีพละกำลังค่อนข้างมาก ต่างจากเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้านพอสมควร 

"ฮ่าๆๆ นั้นซินะ มิกะน่ะ เป็นดวงวิญญาณของคนเป็น ที่ยังไม่ได้ตาย แม้ไม่มีร่างกาย แต่ก็ยังไม่ตาย....."น้ารินมองไปที่มิกะที่กำลังนอนหลับอยู่ที่อุ้มแขนของน้า 

............มิกะ..........

ฉันเห็นท่าทีของน้ารินที่จ้องมองไปที่มิกะด้วยสายตาที่เศร้าหมองเล็กน้อย ก่อนที่น้าจะหันกลับมาจ้องที่ฉัน

"ไม่ต้องห่วงนะ สักวันน้าจะหาร่างดีๆให้มิกะเอง"น้ารินส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นกันเอง

"โอ้ว! คุณหญิงรินฮะ!"

ระหว่างที่น้ารินกับลังส่งยิ้มมาให้ฉัน จู่ๆก็มีเสียงปริศนาพูดแทรกขึ้นมาเรียกชื่อน้าสาวของฉันทันที

"หืม....?"น้าสาวของฉันหยุดเดินทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกตนพร้อมกับมองไปหาต้นตอของเสียง

"คุณหนูกำลังรอท่านอยู่ในห้องโถงชั้นบนของว่าที่นายหญิงนะคะ"

จู่ๆก็ปรากฎร่างหญิงสาวผมสีดำสวมแว่นมัดผมหางม้า สวมชุดคนใช้กำลังถือขวดไวท์สีแดง ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน ที่สำคัญขนาดหน้าอกของเธอก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าน้ารินเลย เห็นแล้วหมั่นไส้อยากจะเอามือไปตบให้มันกระเด็งซะจริงๆ........เห็นละอึดอัดแทน

"งั้นหรอ...?....ออแล้ว มิเรนมาถึงนานแล้วรึยัง? กาฟรา(กา - ฟา)"น้ารินเรียกชื่อของคู่สนทนาขึ้นมา

"มาถึงงานราว 2-3 ชั่วโมงที่แล้วค่ะ ทางนี้กำลังนำไวท์ไปเสิร์ฟให้ท่าน เสเดย์ อยู่ ท่านจะมาด้วยกันไหมคะ?"สาวคนรับใช้ที่ชื่อว่า 'กาฟรา' ตอบกลับพร้อมกับหันมาจ้องที่ฉันที่กำลังเดินจูงแขนกับน้ารินและมิกะที่กำลังนอนอยู่อุ้มแขนของน้าริน

สายตาของเธอค่อนข้างน่ากลัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ฉันเผลอสบตากับเธอเข้า ฉันเลยรีบไปหลบอยู่ใกล้ๆกับน้ารินทันที

"ออ! ขอบใจนะ ฉันก็ว่าจะไปหาเสเดย์อยู่พอดี รบกวนช่วยนำทางหน่อยนะ กาฟรา"น้ารินพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับพี่สาวที่มีชื่อว่ากาฟราอย่างเป็นกันเอง

"งั้นก็ตามฉันมาเลยค่ะ!"เธอตอบตกลงพร้อมๆกับหยิบสัมภาระที่น้ารินถือไว้มาที่ตัวเอง  เมื่อเธอพูดจบ พี่สาวคนรับใช้ก็ได้เดินนำหน้ามุ่งเข้าไปภายในงานทันที

ย.....ยกไหวงั้นเรอะ?? 

​​​​​

ฉันที่เห็นพี่สาวใช้คนนั้นรับสัมพาระจากน้ารินมาถือ โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหนักเลย ฉันที่คิดว่าตัวเองแรงเยอะแล้ว แต่ก็ยังยกเจ้ากระเป๋าใบนั้นขึ้นมาไม่ไหว  ถ้าฉันโดนแม่นางคนนั้นตบคืน จะไม่กระเด็นเป็นลูกปิงปองเลยเรอะ!

ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยภายในหัว  น้ารินก็ได้ยื่นมือของน้าที่ยังว่างอยู่มาคว้าข้อมือของฉัน พร้อมๆกับเดินจูงตามพี่สาวคนรับใช้คนนั้นไปทันที

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::;:;;;:::::

เมื่อเดินเข้ามาได้สักพักฉันก็เริ่มได้ยินเสียงดนตรีดังมากขึ้นทุกทีๆ มันเป็นเสียงจากเครื่องดนตรีอะไรสักอย่างที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นทำนองเสียงเบาๆหวานๆอะไรแบบนั้น 

"เด็ก 2 คนนั้นเป็นลูกของท่านวิเรียเหรอค่ะ ท่านหญิง?"ระหว่างเดินลึกเข้าไปในงาน กาฟราก็เอ๋ยปากถามน้ารินอย่างมีมารยาทตามฉบับคนรับใช้ขึ้นมา

ฉันตกใจที่พี่สาวคนรับใช้คนนั้นได้ถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับฉันจากน้าริน แล้วจากการที่พี่เขาได้พูดถึงแม่ของฉัน ก็แสดงว่าพี่เขาเองก็คงจะรู้จักแม่มานานแล้ว ฉันจึงตัดสินใจรีบเดินตามน้ารินไปติดๆ

น้ารินหันมามองที่ตัวของฉันทันทีที่ฉันได้เดินเข้าไปใกล้ๆน้าริน 

"ใช่แล้วล่ะ"น้ารินตอบกลับ เธอปล่อยมือจากที่ข้อมือของฉันแล้วหันมาลูปหัวแทนระหว่างที่เดิน

"ครั้งล่าสุดที่ดิฉันเจอพวกเธอ ก็ยังเป็นเด็กแรกเกิดอยู่เลย........และช่างเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจพวกเธอทั้ง 2 คนจริงๆเลยนะเจ้าคะ"กาฟราหันมามองที่มิกะและค่อยมาสบตากับฉันก่อนที่จะหันไปพูดกับน้ารินต่อ

จริงๆด้วย......สายตาที่พี่สาวคนนั้นมองมาที่ฉัน มันไม่ใช่สายตาเวทนาเหมือนกับมอเดร็ด.....

ฉันที่ได้สบตากับพี่สาวคนนั้น ก็รับรู้ได้ทันทีว่า พี่สาวคนนี้เป็นอันตรายกับฉันแน่ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งละ  ผิดกับคุณมอเดร็ด ถึงเขาจะมีหัวที่เป็นโครงกระดูก  แล้วไม่มีลูกตาเป็นรูปธรรม แต่ฉันสามารถรับรู้ได้ว่า สายตาที่เขามองมาที่พวกฉันนั้นเป็นสายตาที่เวทนา.......ที่ป่ะปนกับความเฉยชา......โดยรวมแล้วถึงเขาจะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้เป็นพิษภัยเท่ากับแม่นางที่อยู่ตรงหน้าของฉันสักนิด!!

".......ยังไม่ลืมอีกเรอะ?......"จู่ๆน้ารินก็ได้พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา จนพี่สาวสวมชุดคนรับใช้ได้หยุดเดินทันทีที่ได้ยิน

"ลืมอะไรเหรอคะ?"พี่สาวคนนั้นถามกลับมา แต่เธอยังไม่ได้หันหน้ามาคุยกับน้าริน 

"สายตาเธอมันฟ้องนะ กาฟรา........แล้วท่าทีที่ลุกรี้ลุกรนของซามิก็ยืนยันได้......ว่าเธอคิดอะไรอยู่"

".........สงสัยฉันคงจะอยู่ใกล้ชิดคุณหญิงมากเกินไป จนโดนจับทางได้แล้วซินะ........"พี่สาวที่สวมชุดคนรับใช้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย 

"ผิดแล้ว............ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนมันไม่เหมือนเมื่อก่อน  ที่จะต้องจับดาบฆ่าฟันกันทุกครั้งที่เจอหน้า  แล้วฉันในตอนนี้ก็ได้มากลายเป็นหัวหน้าของเธออีก นั้นมันทำให้ฉันได้เรียนรู้ และรู้จักนิสัยของเธอมากขึ้น......"น้ารินหลับตาลง พร้อมๆกับพูดคุยกับพี่สาวที่ยื่นหันหลังให้พวกเราอย่างเป็นกันเอง

".....หึ......เรื่องที่เคยเกิดขึ้นน่ะ..........ถ้ามันลืมได้ง่ายขนาดนั้น ก็คงดีซิคะ จะได้ไม่ต้องคิดมากจนถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย......."

"ตายไป ฉันก็แค่นำร่างเธอไปชุบแป้งขึ้นมาเป็น ซอมบี้ทอดกรอบ จากนั้นก็จะตบหน้าเรียกสติ"น้ารินพูดกลับไปทันควัน

"หึหึหึ.....มีอารมณ์ขันจังเลยนะคะ นายหญิง........แล้วนายหญิงละ ท่านมองไปที่เด็กคนนั้น แล้วท่านไม่เจ็บปวดหัวใจของท่านบ้างเลยหรอคะ??"กาฟราถามน้ารินกลับมา

น้ารินที่ได้ยินคำถามแบบนั้น เธอก็ก้มหน้าของเธอไปจ้องมองที่มิกะ พร้อมๆกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว

"มันช่วยไม่ได้นี้........เรื่องแบบนั้น......."น้ารินตอบกลับมา

"เห้อ....ช่วยไม่ได้!...ช่วยไม่ได้!...ช่วยไม่ได้!!?......ฉันโคตรจะเกลียดคำๆนี้มากเลยนะคะนายหญิง!...........มันดูเป็นคำพูดแก้ตัวหน้าด้านๆที่ไร้ความรับผิดชอบมาก......ชีวิตลูกน้องมีค่าเป็นแค่ขยะเรอะ? ถึงได้พูดคำๆนี้ออกมา..........ชีวิตลูกน้องไม่ได้มีค่าที่ควรจะช่วยเหลือเรอะ??  ฉันละอยากจะซัดหน้าไอคนที่มันพูดคำๆนี้ออกมาจังๆสักหมัดจริงๆ........"กาฟราพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเครียดแค้น ก่อนที่จะหันหน้าของเธอมาสบตากับน้ารินที่กำลังฟังเธอพูดอยู่ด้วยท่าทีเฉยๆ

"ก็มาต่อยหน้าฉันระบายอารมณ์ซะซิ.........ถ้ามันช่วยได้?"

"????"ฉันที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเหวอในทันที

น้ารินตอบกลับไปในทันที พร้อมๆยื่นใบหน้าของน้าไปใกล้ๆกับใบหน้าของกาฟรา ฉันที่เห็นท่าทีแบบนั้นก็ตกใจกับการกระทำของน้ารินมากๆ 

"ไม่ชอบคำๆนี้ไม่ใช่เหรอ.....ช่วยไม่ได้....มาต่อยหน้าฉันซิ? มามะ!"น้ารินพูดท้าทายอีกฝ่าย

".น..น.....นายหญิง.....เป็นกรณีพิเศษค่ะ.!!.."กาฟราเบี่ยนหน้าของเธอหนีทันทีด้วยน้ำเสียงที่มันฟังดูเขิลแปลกๆ ผิดกับเมื่อกี้ ที่ยังดูโมโหอยู่เลย แล้วเมื่อกี้เหมือนว่าฉันจะเห็นว่าใบหน้ากาฟราแดงกร่ำด้วย ปกติปฎิกิริยาคนเรา ถ้าถูกคนอื่นพูดยั่วะโมโหแบบนั้น  เท้าก็ต้องไปประกบหน้าคนพูดแล้วซิ แต่ทำไมพี่สาวคนนี้กับปฎิเสธแล้วก็หันหน้าหนีอีกต่างหาก

"เห๊......ถ้าเธอไม่ทำ..........งั้นคืนนี้เราม-"

"ฉ...ฉ...ฉันว่าเรารีบไปหาท่านส..เสเดย์กันดีกว่าค่ะ!!?"ในระหว่างที่น้ารินกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา กาฟราก็ตัดพูดแทรกขึ้นมาทันที พร้อมๆกับรีบแจ่นไปข้างหน้าด้วยอารมณ์ที่เขิลอายผิดกับท่าทีที่ดุดันในตอนแรกแบบสุดๆ

เซนเตือนภัยภายในจิตใจของฉันที่พึ่งตะโกนบอกกับฉันว่าแม่นางคนเมื่อกี้เป็นอันตรายกับฉัน ถึงกับกุมขมับในทันที นี้เราขี้ระแวงเกินไปตามที่ท่านอาจารย์เคยบอกใช่ไหมนิ?

น้ารินที่เห็นท่าทีของกาฟราแบบนั้น ก็ยิ้มอ่อนๆออกมาด้วยท่าทีที่มีความสุข  ถ้าลงพนันกันฉันว่าน้ารินกับพี่สาวคนนั้นต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆ 

ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่องของน้ารินอยู่ น้ารินก็ได้ยื่นมือของเขามาจับที่ไหล่ของฉัน แล้วก็ค่อยๆพาฉันเดินตามกาฟราเข้าไปภายในงานทันที

เมื่อพากันมาเดินสักพัก ทั้งน้ารินและกาฟราต่างพากันเดินมาถึงจุดๆหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นประตูทางเข้าคฤหาสที่เปิดรองรับแขกเอาไว้ หน้าประตูทางเข้าต่างมีผู้คนจำนวนหนึ่งยืนต่อแถวยาว เพื่อรอให้ทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่ตรวจสอบอะไรบางอย่าง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!