เกิดฆาตกรรมเลียนแบบอย่างต่อเนื่อง เหยื่อถูกฆ่าแล้วแขวนห้อยหัวประจาน ฆาตกรมักเป็นหญิงสาวที่ดูเปราะบาง บริสุทธิ์ จิตใจดี และเคยตกเป็นเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน โดยจะเลือกเหยื่อเป็นพวกเดนมนุษย์ที่ยังลอยนวลในสังคม
พร้อมกันนั้นเอง...ที่สถาบันวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร เวฬาได้พบกับ เกลิน นักศึกษาฝึกงานที่ดูเหมือนจะมีอาการทางจิต
ด้วยเคมีที่เข้ากันอย่างประหลาด เวฬาถูกดึงดูดเข้าหาเกลินจนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ และทำให้เธอลุ่มหลงในคดี กระทั่งเกลินเริ่มมีความคิดที่อยากจะทำฆาตกรรมเลียนแบบคดีนั้นขึ้น
สารวัตร คิรา หัวหน้าทีมสืบสวนระแคะระคายมาพักใหญ่ว่า 'ใคร' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดี 'กลโกรธา' เขาต้องการคนที่ฉลาด เข้าใจจิตใจของอาชญากร และต้องบ้าพอที่จะทนอยู่ใตเกมกลวิปริตนี้ได้ด้วย ซึ่งคิรารู้ว่าไม่มีใครเหมาะกับหน้าที่นี้เท่าดอกเตอร์สิรีอีกแล้ว
Character
เวฬา - นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในสถาบันวิจัยพฤติกรรมอาชญากร
เกลิน - นักศึกษาสาวที่มาฝึกงานในสถาบันร่วมกับเวฬาและนิดา
นิดา - นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านการบำบัดเหยื่ออาชญากรรม
คิรา - ตำรวจหนุ่มแผนกสืบสวน ทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง กลโกรธา
ดร.สิรี - อดีตนักวิจัยในตำนานผู้เป็นต้นแบบให้กับคดีกลโกรธา
หมออนาวิน - แพทย์นิติเวชช่วยงานดอกเตอร์คิราในการสืบคดี
จ่าชำนาญ - ตำรวจคู่ใจ ผู้ช่วยหมวดคิราในการสืบคดี
สุวภา - พนักงานอาวุโส ดูแลสถาบันที่เวฬากับนิดาทำงานอยู่
พญ.วราลี - แม่ของเวฬา จิตแพทย์ชื่อดังผู้ห่างเหินกับลูกชาย
วีรา - น้องสาวต่างพ่อของเวฬาที่เสียชีวิตและเป็นปมฝังใจของเวฬา
ดีนา - อดีตเหยื่ออาชญากรรมที่เข้ามาช่วยเวฬาสืบคดี
...Vain บาปอหังการ์...
...By ShevaVila...
prolouge
‘อหังการ์จะนำพามนุษย์สุ่จุดสูงสุด และต่ำสุดในเวลาต่อมา หากแต่ช่วงแรกที่หัวจักรทะยานขึ้น เรามักรู้สึกสนุกจนไม่ทันดู ว่าปลายทางอาจมีหุบเหวรออยู่ ความล้มเหลวของการตระหนักรู้นี้เอง พระเจ้าจึงต้องส่งพระบุตรมาตาย เพื่อไถ่บาป และปลดปล่อยเรา’
กระจกรถมีเกล็ดฝนเกาะพราว สถาบันวิจัยตระหง่านอยู่ไม่ไกล ฤดูกาลแรกแห่งช่วงฝึกงานของหญิงสาวได้เริ่มต้นขึ้น
...และนั่น …จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายด้วย
ตอนที่ 1
‘อหังการ์จะนำพามนุษย์สุ่จุดสูงสุด และต่ำสุดในเวลาต่อมา หากแต่ช่วงแรกที่หัวจักรทะยานขึ้น เรามักรู้สึกสนุกจนไม่ทันดู ว่าปลายทางอาจมีหุบเหวรออยู่ ความล้มเหลวของการตระหนักรู้นี้เอง พระเจ้าจึงต้องส่งพระบุตรมาตาย เพื่อไถ่บาป และปลดปล่อยเรา’
กระจกรถมีเกล็ดฝนเกาะพราว สถาบันวิจัยตระหง่านอยู่ไม่ไกล ฤดูกาลแรกแห่งช่วงฝึกงานของหญิงสาวได้เริ่มต้นขึ้น
...และนั่น …จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายด้วย
…
ละอองฝนบนใยแมงมุมคล้ายเรืองแสงได้เมื่อต้องแดด ในสวนหย่อมกึ่งกลางแจ้ง ด้านหลังตึก ฝนเพิ่งหยุดหมาด เสียงฝีเท้าสวบสาบ เชื่องช้าเบากริบ เหมือนอสรพิษที่ดักรอเหยื่อในพุ่มไม้ เขียวขจีและเงียบสงัด
ร่างสูงโปร่งขาวเหมือนกระดาษ… เดินมานั่งอ่านหนังสือบนเครื่องอ่านอิเล็คทรอนิกส์เหมือนทุกวัน บนม้านั่งสีขาวตัวโปรด ใต้ร่มแมกไม้ ไขว่ห้างเอนตัวพิงพนักแขน ดื่มด่ำบทวิจัยไม่ต่างวรรณกรรม อักษรเลขกราฟสถิติสลับซับซ้อน ดุจโครงเงื่อนกวีนิพนธ์สำหรับเขา
'ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ระหว่างระดับไอคิวของอาชญากรบุคลิกประเภทไซโคพาธ กับฆาตกรต่อเนื่อง'
ฟังราวเค้าลางหายนะ
…
ร่างเธอซีดเซียวและผอมซูบ แขนขาเรียวบางเก้งก้าง เธอหอบตั้งหนังสือกองพะเนินอย่างเด็กเรียน ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังตึกสถาบัน เท้าเล็กที่ดูไม่มั่นคง ย่ำต๊อกแต๊กใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มมองเห็นหน้าตาชัดขึ้น
สีหน้าตื่นประหม่า ริมฝีปากหยักคว่ำอย่างคนที่ไม่คุ้นเคยการยิ้ม ดวงตาเลื่อนลอยหลุบต่ำ มองที่พื้นตลอดเวลา ผมสีธรรมชาติยาวถึงกลางหลัง ปลายหลิกเป็นลอนอ่อน สวยมากแต่มืดหม่นไม่ต่างเมฆทะมึนฝนในเช้านั้น
เธอเป็นแบบที่เขาต้องการทุกอย่าง…
หนังสือกองพะเนินในมือเธอร่วงหล่นกระจายบนพื้น เมื่อเธอชนเข้ากับร่างสูงที่ยืนขวางอยู่ เธอรีบลนลานย่อตัวลงเก็บหนังสือเล่มโตที่ทับเท้าของชายหนุ่มอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหวั่นๆ แล้วช้อนตามองเขาอย่างซื่อๆ
เลือดในกายฉีดพล่าน… ม่านตาดำของเขาขยาย ตื่นเต้นปิติสุขอย่างไม่เคยเป็นมานาน
“ขอโทษค่ะ คะ คุณ” เธออ่านป้ายชื่อบนหน้าอกเขา และมีสีหน้าตกใจ
หลายปีแล้วที่เขาเฝ้ามองหา ‘ผู้ร่วมการทดลอง’ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่พานพบจวบจนวันนี้
“อาจารย์! ขอโทษจริงๆนะคะ” …แก้มของเธอซีดเผือด
“ไม่เป็นไรครับ” เขาก้มลงช่วยเธอเก็บหนังสือ ปราดตามองชื่อ อายุ กรุ๊ปเลือด สถาบันและคณะในแฟ้มเอกสารภายในรวดเดียว คว่ำปิดแล้วส่งคืนเธอ
“รีบไปดูห้องทำงาน เอาของไปเก็บ ถามทางกับคนชื่อสุวภา เค้ารอคุณอยู่ในตึก แล้วรีบกลับมาเข้างานนะครับ อนุญาตให้สายได้ 5 นาทีสำหรับฝึกงานวันแรก”
พูดจบเขาลุกยืนตัวตรง แล้วเดินจากไป ทิ้งเธอไว้กับอาการตั้งตัวไม่ติด …ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น ควรฝึกเธอให้ชินกับการเจอเรื่องไม่คาดคิดเสียหน่อย เพราะเธอจะต้องเจอสิ่งที่เกินฝันร้ายอีกมากมายที่นี่ หวังว่าเธอจะอดทนได้มากกว่าคนก่อนๆที่ผ่านมา
…
คนที่อดทนได้นานที่สุดน่าจะยืนอยู่ตรงนี้ ร่างสูงชะลูด เพรียวบาง ยืนพิงกระจก แดดส่องรำไรลอดร่าง สื่งที่เขาชอบที่สุดในตัวเธอคือ …สไตล์การแต่งตัว เลือกชุดมาไม่เคยซ้ำแต่ละวัน เหมือนหลุดมาจากนิตยสาร ทุกอย่างเหมาะเจาะลงตัวเข้ากันไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้า โทนสี เครื่องประดับ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ
"ผู้หญิงคนนั้น สวยดีนะ สเป็คคุณเลย"
แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบก็คือ ความอวดฉลาดของเธอ
"น่าจะอายุแค่ 22-23 เท่านั้นเอง ทำไมถึงได้มาทำงานที่นี่ ใครเป็นคนคัดเลือกเธอเข้ามา" เธอเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วทำเป็นเปิดแฟ้มอย่างนิ่งเนิบ
"คุณน่าจะเช็คประวัติมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ" เขารีบจิบกาแฟก่อนที่มันจะเย็นชืด มัวแต่ถือไว้ในมือจนลืมเวลา เขาชอบกลิ่นของมัน …มากกว่ารสชาติ กลิ่นกาแฟทำให้สมองเขาแล่น
"เธอทำคะแนนวัดระดับได้ดีมาก น่าจะสูงที่สุด …เท่าที่เคยมีมา"
"เด็กที่มาฝึกงานที่นี่ก็ฉลาดทั้งนั้น" เขาไม่แปลกใจ
"คุณน่าจะสนใจแบบประเมินบุคลิกภาพมากกว่า" เธอส่งกระดาษปึกนั้นให้เขา แต่เบากลับเดินเลยผ่านเธอไปที่ตู้ปลาข้างหลัง หยอดไรน้ำลงไป แล้วค่อยๆดูปลาฮุบเหยื่ออย่างใจเย็น
"เธอเป็นพวกบุคลิกภาพเก็บตัว แต่มีทัศนคติทางบวกต่อพฤติกรรมก้าวร้าว และก็มีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ เธอมักจะอยากอาเจียนเวลาที่เธอรู้สึกเครียดหรือรู้สึกว่าโดนกดดัน คุณว่าเธอเป็นพวก passive agressive (ก้าวร้าวเงียบ) หรือเปล่า" เธอหย่อนคำถามอีก
…ได้ผล ในที่สุดเธอก็ทำให้เขาสนใจได้
"แปลกมาก" เขายื่นมือมารับแบบประเมินไปดูด้วยตาตัวเอง
เขาเอานิ้วจิ้มน้ำลายแล้วพลิกดูทีละหน้า ขณะเดินไปนั่งอ่านแฟ้มที่โต๊ะทำงานอย่างตั้งใจ
"คะแนนการเข้าสังคมต่ำ เป็นพวกนักคิดวิเคราะห์แบบพวกวิชาการ แต่คะแนนการเป็นคนยอมตามว่าง่ายสูง และทักษะการจัดการความขัดแย้งก็สูง"
"พื้นฐานครอบครัวเธอไม่ค่อยดี"
เขาเงยขึ้นสบตาเธอเป็นครั้งแรกในรอบวัน และทันเห็นเธอคลายฟันออกจากการกัดริมฝีปากตัวเอง
"ไม่มีข้อมูลพ่อแม่ ดูเหมือนจะโตมากับครอบครัวอุปถัมป์ ระบุว่ามีความสัมพันธ์แบบห่างเหิน"
“คุณสุวภาบันทึกไว้แบบนั้นเหรอ” เขาปิดแฟ้มแล้วเดินไปยืนข้างเธอที่ริมกระจก จากชั้นสามตรงนี้ มองลงไปเห็นสวนกว้าง แดดขาวสะอาดยามเช้า เขียวโล่งสบายตา ตัดกับรูปร่างที่ดูทึบและเคร่งขรึมของหญิงสูงวัยที่เดินนำหญิงสาวแรกรุ่น ซึ่งก้าวตามเธอต้อยๆ ราวกับลูกสุนัขจรจัดวิ่งตามคนใจดีผู้มีแววว่าจะแบ่งปันอาหารและบ้านให้…
"ใครเป็นคนเลือกเด็กคนนี้เข้ามาทำงาน ไม่ใช่คุณเหรอ?"
"ทีแรกชั้นนึกว่าคุณเป็นคนเลือก"
"ก็น่าจะเป็นผม แต่ไม่ใช่ผม"
"แล้วใครเป็นคนคัดเข้ามา คุณสุวภา?"
“ถ้าเป็นคุณสุวภา อะไรคือเหตุผล… เค้ามีประสบการณ์กับเด็กอีคิวต่ำ ไอคิวสูงมามากจนน่าจะเข็ด และรังเกียจมากเกินกว่าจะยอมรับ”
“อืมมม เช่นผมเป็นต้น” เขายิ้มอย่างภูมิใจ
“หรือเค้าจะทำ…”
เธอโยนลูกมาแล้วเขาก็ส่งมันเข้าโกล
“…เพราะความเห็นใจ”
เด็กคนนั้น เดินใกล้ตึกเข้ามาเรื่อยๆ เธอแหงนหน้าขึ้นมาบนชั้นสาม และสบตากับเขาพอดี ดวงตาของเธอซื่อบริสุทธิ์
“เรามีเทปตอนสัปภาษณ์หรือเปล่า?” เขาหันไปคุยกับนิดา เพื่อนร่วมงานสาวสวยที่ทำงานด้วยกันมานานกว่า 5 ปี
ทั้งสองรู้จักและรู้ทางกันและกันดีกว่าคู่รักบางคู่เสียอีก
"สนใจขึ้นมาแล้วสิ"
…
เธอจ้องมองมาที่กล้อง ราวกับรู้ว่ามีกล้องอยู่ตรงนั้น …เธอเป็นคนฉลาดและช่างสังเกต สีหน้าของเธอดูไม่กังวลแม้รับรู้ว่าถูกจับภาพ …เธอทำการบ้านมาดี
“ดิฉันตรวจสอบแบคกราวคุณ ประวัติของคุณทั้งน่าสนใจและน่าเห็นใจ ดิฉันคิดว่าคุณน่าจะเหมาะในการร่วมงานกับ ดร.นิดา เธอเชี่ยวชาญพิเศษด้านบำบัดจิตของเหยื่ออาชญากรรม และก็…เป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย น่าจะทำงานเข้าขากัน”
“คือ คือหนู…อยากทำงาน…กับดร.เวฬาค่ะ”
… เธอทำการบ้านมาดีเลยล่ะ
“เพราะอะไรคะ” น้ำเสียงคุณสุวภาร์ดูข้องใจ
“หนูเคยอ่านงานวิจัยของ ผศ.ดร.เวฬา ที่วิเคราะห์ลักษณะร่วมของอาชญากรทางเพศและวิธีคิดในการเลือกเหยื่อ หนูสนใจมากค่ะ”
“เพราะอะไรถึงสนใจคะ"
“หนูคิดว่า การเรียนรู้อาชญากรจากมุมมองของคนนอก ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ถ้าเราเรียนรู้ในมุมมองภายในตัวพวกเค้า อาจค้นพบวิธีการจัดการต้นตอของปัญหาที่แท้จริงค่ะ”
… น่าสนใจจริงๆ
“งานของ ดร.เวฬา ค่อนข้าง… เอ่อ มีความละเอียดอ่อนทางจิตใจมากนะคะ เขาต้องลงไปสัมผัสกับเคสโดยตรง บางครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรทางเพศในการสัมภาษณ์ ลักษณะคำถามก็… ค่อนข้างล่อแหลม ซึ่งอาจไม่เหมาะที่ผู้หญิงอย่างเราจะไปรับฟัง”
“หนูรับได้ค่ะ หนูคุ้นเคยกับคนพวกนี้ดี”
“คุ้นเคย หมายความว่ายังไงคะ”
“คุ้นเคยกับการเผชิญหน้าพวกเขา”
“เคยทำวิจัยเกี่ยวกับอาชญากร”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่หนูคุ้นเคยมาก ในฐานะที่…”
เธอเบนสายตาจากคุณสุวภาว์ แล้วหันมามองกล้อง
“…เคยเป็นเหยื่อมาก่อนค่ะ”
…
เขาเปลี่ยนมุมมองจากการจ้องมองเธอผ่านจอ มาสังเกตใบหน้า ลำคอ และรอยหยักของริมฝีปากในชีวิตจริง
"ทำไมถึงเลือกมาทำงานกับผมล่ะครับ"
ธอนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ในห้องทำงาน ดูหวาดหวั่นขณะเดียวกันในแววตาก็มุ่งมั่นอย่างประหลาด
"เพราะหนูอยากทำงานกับคุณจริงๆค่ะ"
"คุณดูไม่ค่อยมีชั้นเชิงในการตอบคำถามเลยนะ"
"คะ…"
"คุณตอบตรงไปตรงมามาก ถ้าไปตอบแบบนี้ในการสมัครงานที่อื่น คนที่สัมภาษณ์คุณอาจรู้สึกว่าคุณไม่เรียบเรียงความคิดให้ดีก่อนที่จะพูด อาจมองว่าคุณทื่อเกินไป และก็ไม่มีความน่าเชื่อถือพอที่จะให้เข้าทำงาน"
"เพราะอย่างนั้น หนูถึงเลือกมาสมัครงานที่นี่ไงคะ … ที่นี่ คงไม่เลิอกคนเข้าทำงาน ด้วยข้อมูลปริมาณน้อย ความแปรปรวนสูง ความเที่ยงต่ำ แบบที่คุณพูดมาใช่ไหมคะ"
"เดี๋ยวก่อน ข้อมูลปริมาณน้อย แปรปรวนสูง ความเที่ยงต่ำคืออะไร"
"พวกตัวแปรที่วัดค่าได้ยาก เช่น บุคลิกภาพ หรือความสามารถในการเข้าสังคม"
"จะบอกว่าผมไม่น่าใช่คนตัดสินอะไรฉายฉวยว่างั้นสิ"
"ฉันคาดหวังไว้แบบนั้นค่ะ" เธอตอบด้วยบุคลิกที่ซื่อแต่กระด้าง
"ที่คุณบอกว่าเคยเป็นเหยื่อมาก่อน หมายความว่ายังไง" เขาซ่อนรอยยิ้มขณะที่พยายามเปลี่ยนเรื่อง
เธอพรั่งพรูออกมาเหมือนเตรียมเรื่องที่จะพูดมานานแล้ว
"ฉันผ่านการอยู่ในครอบครัวอุปถัมป์หลายครอบครัว ในครอบครัวแรก ฉันถูกล่วงละเมิดโดยสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้ชาย ตั้งแต่ระดับคำพูดไปจนพฤติกรรมระดับรุนแรง ฉันต้องติดต่อนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อขอย้ายครอบครัวใหม่ พอเปลี่ยนไปครอบครัวใหม่ก็ยังเกิดเรื่องอีก ฉันตกเป็นเหยื่อความรุนแรงโดนทุบตี ฉันต้องทำเรื่องย้ายไปครอบครัวที่สาม แต่สุดท้ายก็มีปัญหากันอีก พ่อแม่ครอบครัวที่สามต้องขอให้เจ้าหน้าที่ย้ายฉันไปอยู่กับญาติเค้าแทน พอต้องย้ายที่บ่อยๆ พวกเจ้าหน้าที่ก็เริ่มคิดว่าปัญหาอาจจะมาจากตัวฉันเองก็ได้ค่ะ"
"แล้วตอนนี้ครอบครัวที่คุณอยู่ด้วยเป็นยังไง"
"เป็นคุณยายวัย 65 โสดมาตลอด ไม่มีลูกค่ะ"
"ไม่มีปัญหากันใช่ไหมครับ"
"ไม่มีปัญหาเลยค่ะ คุณยายใจดีมาก"
"ครอบครัวที่สามที่บอกมีปัญหากันคือเรื่องอะไรครับ"
"คู่สามีภรรยา เค้ามีปัญหาหึงหวงกันค่ะ" เธอดูไม่อยากพูด
" อ่อ… ผมพอจะเข้าใจอยู่"
เขาพลิกหน้าเอกสารใบสมัครงานและเห็นเธอบันทึกประวัติการใช้ยาจินเวชเอาไว้ด้วย
" ที่คุณบอกว่าเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์คิดว่าคุณมีปัญหา ปัญหาเรื่องอะไร พอจะทราบไหมครับ"
"ปัญหานั้น ฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ ฉันพยายามคิดทบทวนตัวเอง หาว่าทำอะไรผิดเพื่อที่จะได้หาทางแก้ไข เพื่อที่จะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ไม่ว่าจะแก้มันยังไง ปัญหาต่างๆมันก็จะเกิดขึ้น ตามเวลาของมัน เหมือนมีระเบิดเวลาที่ตั้งเอาไว้ และไม่ว่าเราจะทำยังไง ช้าหรือเร็ว มันก็ต้องระเบิดอยู่ดี โดยทีีฉันทำอะไรไม่ได้"
"เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกคุณเหรอครับว่าปัญหาของคุณคืออะไร"
" พวกเขาพยายามบอกว่า ทุกอย่างเกิดจากบุคลิกของฉัน เกิดจากลักษณะทางกายภาพของฉัน ความสามารถในการสื่อสาร ทุกอย่างที่พวกเขาพอคิดออก และพยายามจะหาเหตุผลได้"
" ฟังดูเหมือน… คุณไม่ค่อยเชื่อ"
"ถ้าเราควบคุมตัวแปรทั้งหมด และสมมุติฐานเป็นจริง ผลลัพธ์ก็ควรจะเกิดขึ้นอย่างเที่ยงตรงและแน่นอน ตัวแปรเดียวกัน แต่ทำไมในสถานการณ์เดียวกันนี้ ผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นเฉพาะกับ a ไม่ใช่ b หรือ c"
"คุณพยายามจะบอกว่า… ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด"
"ฉันไม่รูัจริงๆค่ะว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับฉันซ้ำๆ ถ้าหาคำตอบได้ ก็จะจัดการไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้"
"ดูเหมือนที่คุณมาหาผมเพราะคุณอยากหาคำตอบว่า เพราะอะไร คุณถึงได้กลายเป็นเหยื่อตลอดเวลา"
"ฉันคงจะสงสัยไปตลอดชีวิตถ้าหาคำตอบไม่ได้"
"เคยปรึกษาผูัปกครอง ครู หรือผู้ใหญ่คนไหนบ้างไหม"
"คุณยายบอกว่ามันเป็นกรรมแต่ชาติปางก่อน แต่ฉันไม่เชื่อค่ะ"
" จริงๆ คุณสามารถหาคำตอบนี้จากคุณนิดาก็ได้ และจากผู้เชี่ยวชาญอีกหลายๆคนที่ผมรู้จัก เค้าก็เก่งด้านนี้ ทำไม… ถึงต้องเป็นผมด้วยล่ะ ตัวแปรเดียวกัน สถานการณ์เดียว แต่ทำไมผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นเฉพาะกับ a ไม่ใช่ b หรือ C ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันนะ"
เธอมีอะไรอยากพูดมากมาย แต่ไม่ยอมปริปาก เธอเก็บไพ่ใบลับไว้ในมือ และรอจังหวะเปิดอย่างเหมาะสม
เสียงแจ้งเตือนนัดสำคัญดังขึ้น!
"วันนี้ผมมีนัดคุยกับเคส" เขาพึมพำขณะเอื้อมมือไปกดปิดมือถือ
"ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ นอกจากจดบันทึก อัดเสียง ถอดเทป แล้วมีอะไรที่อยากให้ทำอีกไหมคะ" เธอพูดรัวๆออกมา
"ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้คุณไปด้วย"
"คือ.. ถ้าฉันไปจะเป็นประโยชน์กับคุณมากกว่านะคะ"
เขาอยากหัวเราะ…
"ไหนลองบอกมาซิ คุณจะเป็นประโยชน์กับผมยังไง"
"การสัมภาษณ์อาชญากรทางเพศที่ใกล้ได้รับการปล่อยตัว คนที่คาดหวังว่าจะได้รับการอภัยโทษ เขาจะพูดความจริงออกมาได้จริงๆเหรอคะ และเราจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าเขาออกไปใช้ชีวิตภายนอกสัมผัสแรงกระตุ้นแบบเดิมๆแล้วจะไม่ก่อพฤติกรรมแบบเดิมอีก คุณไม่อยากทดสอบก่อนเหรอ"
"หมายความว่า คุณจะใช้ตัวเองเป็นตัวกระตุ้นคนพวกนั้นเหรอ"
"ถ้าการเป็นเหยื่อ เป็นพรสวรรค์ของฉัน ก็ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์นะคะ"
เขาหัวเราะออกมาลั่น
"คุณนี่บ้ากว่าที่ผมคิดจริงๆ"
แต่เธอจริงจัง… "ใช้ฉันเถอะค่ะ ให้เป็นประโยชน์*
เธอวางแผนไว้แล้วก่อนจะมาที่นี่
"ตามสถิติ อาชญากรทางเพศที่ได้รับการปล่อยตัว มักไปก่อเหตุซ้ำ ถ้าเราจะสามารถยับยั้งได้ด้วยการคัดแยกคนที่กลับใจจริง กับคนที่กลับใจลวง ออกจากกัน ก็… "
เขาชิงพูดประโยคสุดท้ายก่อนเธอ "จะไม่มีเหยื่อใหม่เกิดขึ้น"
เธอพยักหน้า เขาจ้องเข้าไปในตาเธอ กระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็นแล่นวาบอยู่ในมวลอากาศ
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” เขาชักตื่นเต้นจนคุมสีหน้าไม่ไหว
เขากำลังจะวางเดิมพันกับเธอ และชั่งน้ำหนักว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงไหม
นั่นเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่หมิ่นเหม่ศีลธรรมและวิปลาสที่สุดที่เขาเคยทำ อนาคตและหน้าที่การงาน… เขาอาจสูญเสียทุกอย่างถ้าเรื่องแดงออกไป แต่ถ้าไม่มีความตายของสัตว์ทดลอง ก็ไม่มียารักษาโรคอุบัติใหม่ ถ้าไม่มีใครคิดเดินทางไปดวงจันทร์ ป่านนี้เราคงย่ำอยู่กับโลกใบเดิม
ถ้าไม่มีสักคนเสียสละ ไม่มีเลือดหลั่งเลือดชำระ แล้วเมื่อไหร่ ที่ความเลวทรามจะหมดสิ้น
ตอนที่ 2
คิรามาถึงที่เกิดเหตุ ในห้องเย็นเฉียบอุณหภูมิ 8 องศา ก้อนน้ำแข็งเรียงราย ไอสีขาวลอยล่อง เจ้าหน้าที่โยงเส้นเหลืองรอบโรงงาน แพทย์เก็บหลักฐานและถ่ายรูปเรียบร้อย รอแค่ให้เขาเริ่มงานสืบ
“ผู้ตายเป็นชายร่างใหญ่ เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ถูกฆ่าด้วยการรัดคอ สภาพศพถูกจัดวางแบบวิปลาส ลำแขนถูกขึงกับไม้ ขาสองข้างถูกแขวนไว้ด้วยเชือก ห้อยหัวลงมา เป็นรูปตัววายคว่ำ เพราะถูกเก็บรักษาในห้องเย็น อาจทำให้เวลาตายคลาดเคลื่อน” แพทย์คู่บุญบรรยาย
“น่าจะเป็นฆาตกรรมเลียนแบบ กับที่เคยเกิดเมื่อ 4 ปีก่อนนะหมอ” คิราก้มหัวลงเพื่อมองหน้าเหยื่อ พยายามให้อยู่ในมุมมองเดียวกันมากที่สุด
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นฆาตกรรมเลียนแบบครับสายสืบ”
คิรามองไปทางที่เหยื่อมอง ตรงจุดเดียวกับระดับสายตาเหยื่อที่เบิกค้าง เหยื่อถูกถ่างตาให้มองดูอะไรบางอย่าง เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วไม่ผิด
“จำคดีฆาตกรรมนักศึกษาแพทย์ในหอพักชายได้ไหม ศพถูกแขวนหัวคว่ำลงแบบนี้เหมือนกัน” คิราทวนความจำ พลางเอามือลูบน้ำแข็งชั้นนอกออกไป และเห็นรอยขีดข่วนจางๆ บนผนังน้ำแข็งด้านใน
คิราชี้… “ดูนี่หมอ มีลายเซ็นต์ฆาตกรอยู่ตรงนี้”
แพทย์ดีดนิ้วเปาะ “เพราะน้ำแข็งใหม่เพิ่งก่อตัวหลังจากศพตาย ก็เลยบังตัวอักษรที่ติดอยู่บนน้ำแข็งชั้นแรกไว้ คำนวณอัตราการแข็งตัวของน้ำแข็ง ก็จะได้ช่วงเวลาที่ฆาตกรยังอยู่ในห้อง”
คิราเขียนตัวอักษรที่พบลงในแอพฯแปลภาษา
“มันแปลว่า…สอง”
“ถ้านับศพเมื่อสี่ปีที่แล้วเป็นศพที่หนึ่ง ศพนี่ก็เป็นศพที่สอง แต่! อาชญากรคดีนักศึกษาแพทย์เค้าฆ่าตัวตายไปแล้วนี่”
สี่ปีที่แล้ว แฟนสาวของผู้ตาย…ให้การรับสารภาพในห้องสอบสวนว่าฆ่าแฟนหนุ่มของตนเอง และผูกคอตายในห้องฝากขัง ปิดคดีลงแบบด้วนๆ สั้นๆ ไม่แม้แต่จะคลี่คลายถึง เหตุผลที่เธอจัดศพให้คนมาพบในสภาพวิปลาส
“ถ้าไม่ใช่ฆาตกรรมเลียนแบบ ก็อาจเป็น ฆาตกรต่อเนื่องนะหมอ”
ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยพลาด สัญชาตญาณบอกว่ากำลังจะมีศพที่สามเกิดขึ้น
…
เหยื่อของผู้ชายคนนั้น เป็นเด็กสาวอายุแค่ 13 …เป็นเด็กในโรงเรียนที่เขาเป็นครูแนะแนวอยู่ เขาได้รับโทษเบา เพราะเด็กพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืน หรือสมยอม แม้เด็กจะบอกว่าเธอไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่ก็ไม่มีใครยอมออกมาเป็นพยาน
เขาดูเป็นครูที่ใจดีมาก อ่อนโยน สุภาพ และชอบสั่งสอน คำพูดเชิงเทศนาน่าเชื่อถือพรั่งพรูออกจากปากเขาเป็นประจำ เขาเป็นเหมือนพ่อพระสำหรับเพื่อนนักโทษ
เขาได้นำสวดมนตร์เป็นประจำ และอาสาสอนหนังสือให้กับนักโทษวัยรุ่น เขาเป็นที่ชื่นชอบแม้แต่พัศดีเรือนจำ ทุกคนยืนยันว่าเขามีความประพฤติดีและควรได้กลับสู่สังคม
เขาผ่านการประเมิณทางจิตโดยจิตแพทย์มาแล้ว และดอกเตอร์เวฬาเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านสุดท้ายที่จะช่วยให้เขาได้กลับไปหาครอบครัว หาเด็กๆ ที่ยังเคารพและรอคอยเขาให้กลับไปสอนหนังสือที่โรงเรียนตามเดิม
อนาคตเขาอยู่ในกำมือของเวฬา และคงเพราะเหตุนั้น คุณครูแนะแนวจึงมองเวฬาด้วยแววตาเหมือนมองพระผู้เป็นเจ้า
“ครูผอมไปเยอะเลยครับ ไม่ค่อยกินเหรอ”
“ผมไม่ค่อยอยากกินครับ”
“เพราะอะไรครับ มีเรื่องกังวลเหรอ”
“พอรู้สึกว่าใกล้พ้นโทษก็ยิ่งกังวลครับ ผมยังรู้สึกผิดอยู่ กลัวสังคมไม่ยอมรับด้วย”
“แต่จากจดหมายที่ข้างนอกส่งมาให้ก็มีฟีดแบกที่ดีมากนี่ครับ ส่วนใหญ่เขาโทษโจทก์กันด้วยซ้ำ”
“นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดครับ รู้สึกผิดต่อเด็ก เพราะผมเองทำให้เขามีตราบาป มันอาจติดตัวเค้าไปตลอดชีวิต”
“แต่ครูเองก็มีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตเหมือนกันนะครับ”
“มันไม่เหมือนกันหรอกครับ ผมโดนเพราะผมสมควร ผมเป็นผู้ชายที่ต้องรับผิดชอบ แต่เด็กเป็นผู้หญิง และก็ไม่รู้เรื่องอะไร เด็กไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นคนผิดคนเดียว ผมควรมีตราบาปคนเดียว พอคิดแบบนี้ผมก็อยากติดคุกตลอดชีวิต มากกว่าจะได้ออกไป”
…
ในห้องสังเกตการณ์ เกลินเฝ้ามองอยู่ เธอเห็นผู้ชายคนนั้นซับน้ำตา เธอเห็นมือเขาสั่น เธอมองดูแขน ดูเส้นเอ็นปูดโปนบนร่างกายที่ผ่ายผอมของเขา
การประเมิณแท้จริงยังไม่เริ่ม ตราบใดที่เกลินยังไม่ได้สัญญาณให้ก้าวเข้าไป
“ผมมีเรื่องจะต้องแจ้ง พอดีผมได้รับมอบหมายให้ฝึกงานนักศึกษา พอจะอนุญาตให้เขาเข้ามาจดบันทึก ถามคำถาม และอัดเสียงระหว่างสัมภาษณ์เพื่อเอาไปเขียนรายงานได้ไหมครับ ถ้าไม่สะดวกใจบอกได้เลยนะครับ”
“โอ้ แล้วแต่ดอกเตอร์เลยครับ ผมไม่กล้าขัดข้องอะไรหรอก อะไรช่วยได้ผมก็ช่วย” เขาพูดอย่างเกรงใจ
“เข้ามาได้เลยเกลิน” เวฬาหันมาให้สัญญาณ เกลินถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วก้าวเดินเข้าไป
เวฬาสังเกตทุกอากัปกิริยา แววตาของเขาก็เหมือนนักโทษที่อยู่ในคุกมานาน คงไม่ได้เห็นผู้หญิงที่ยังอ่อนเยาว์ บอบบาง และงดงามสมบูรณ์แบบมานานมาก
เขาตกใจ เขินอายและประหม่า ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเธอตรงๆ
“สวัสดีค่ะ หนูขื่อเกลินนะคะ” เธอแนะนำตัวด้วยเสียงเยือกเย็นแต่ฟังดูรื่นหูกว่าตอนพูดคุยทั่วไป
“หนูมีคำถามจะถามคุณลุงหน่อยค่ะ เกี่ยวกับชีวิตในเรือนจำ ปกติได้เล่นกีฬาไหมคะ”
เธอใช้เวลาในการพูดคุยเรื่องทั่วไปอยู่นานมาก กระทั่งเขาคลายความเขินอาย กระทั่งเขาคลายความระแวดระวังตัว และหลงเข้าไปในบทสนทนา จนเหมือนลืมว่ามีเวฬาเป็นบุคคลที่สามที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้นด้วย
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยสัพเพเหระและเรื่องไม่สลักสำคัญทั้งหลาย เวฬาค่อยๆ ถอยห่างออกไปนั่งชิดมุมห้อง ทำตัวให้จางๆ กลืนไปกับบรรยากาศ จนเหมือนเขาได้ล่องหนหายไปจริงๆ …อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของเป้าหมาย
ใช่! เป้าหมายของเขาถูกจับจ้องอยู่ และการประเมินที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น
เวฬายกมือเป็นสัญญาณให้เกลินเริ่มคำถามที่เขาเตรียมมา
“ลุงคะ… ช่วยดูภาพนี้แล้วบอกความรู้สึกมาทีได้ไหมคะ ชอบเท่ากับ 1 ไม่ชอบเท่ากับ 0”
เธอหยิบภาพ abstract ของวัตถุที่ดูคล้ายอวัยวะเพศขึ้นมา
“เอ…” เขาทำหน้าเหมือนมองไม่ออก “ภาพอะไรน่ะ ดูไม่รู้เรื่องเลยให้ 0 ก็แล้วกัน”
เธอมองภาพแล้วทำเป็นแค่นหัวเราะ “หึ… ดูไม่ออกก็ดีแล้วค่ะ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงหลายอารมณ์ในเสี้ยววิ ตกใจ เศร้า แล้วโกรธ ก่อนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“แล้วภาพนี้ล่ะคะ" เธอยกภาพที่ดูคล้ายเต้านมขึันมา
"0 ครับ"
"ทำไม่ให้ 0 ล่ะ ไม่ชอบหรือคะ"
"ให้ 0 เพราะดูไม่ออกครับ ภาพมันเละๆ "
เธอแกล้งวนนิ้วรอบบริเวณเต้านม
"ตรงนี้เป็นวงกลมไงคะ ดูไม่ออกหรือคะ"
เขาดูกระอักกระอ่วนและไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วภาพนี้ล่ะคะ"
เธอหยิบภาพวาดขึ้นมา เป็นโบว์สีเขียว ซึ่งติดอยู่บนเสื้อผ้าของเหยื่อในวันเกิดเหตุ
" 0 ครับ" เขาพูดโดยเร็วแบบไม่หยุดคิด
เธอถามอีกหลายคำถามที่ดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป ก่อนจะได้สัญญาณจากดร.เวฬาให้เริ่มเข้าสู่ช่วงสำคัญ
'โหมโรงพอแล้ว เริ่มได้!' แววตาเขาบอกแบบนั้น
"จะขอเข้าสู่คำถามที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนหน่อยได้ไหมคะ"
"ครับ"
"คุณมีอารมณ์ทางเพศบ่อยแค่ไหนคะ"
"ฮะ!" เป้าหมายมีสีหน้าอึดอัดกระอักกระอ่วน เขาไม่สะดวกใจที่จะตอบคำถาม เขาเพิ่งตระหนักถึงการมีอยู่ของบุคคลที่สาม
"ดอกเตอร์ครับ" เขาหันไปหาเวฬาเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
เวฬาแสร้งทำเป็นมีโทรศัพท์แล้วแยกตัวออกไปคุยห่างๆ … อย่างรู้งาน … "ขอตัวสักครู่นะครับ"
"ผมไม่อยากตอบครับ" เขาก้มหน้าไม่สบตาเธอ
"ก่อนหน้าที่จะรับโทษ คุณมีอารมณ์ทางเพศไหมคะ"
เขาเริ่มกระสับกระส่าย
"ขอโทษนะหนู แต่ผมไม่สะดวกใจจริงๆ "
"คำถามนี้สำคัญนะคะ เราต้องใช้ในการพิจารณาก่อนปล่อยตัวคุณ"
"ไว้วันหลังก็แล้วกันครับ ผมเหนื่อยแล้ว"
"ขออีกแต่สองสามคำถาม ช่วยหนูหน่อยนะคะ" เธอขยับเข้าไปใกล้เขา เกินระยะปลอดภัยสำหรับคนแปลกหน้า "คุณไม่มีอารมณ์ทางเพศ และไม่เคยช่วยตัวเองเลยในระหว่างที่อยู่ในนี้ใช่ไหมคะ"
"ผู้คุม ผู้คุมครับ ผมอยากกลับแล้ว"
"ได้ยินว่าหมอให้ยาลดอารมณ์ทางเพศคุณด้วย"
"ผู้คุมครับ ผู้คุม!" เขาเริ่มตะโกน
ผู้คุมที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย รีบเดินกลับเข้ามา
เธอยิ้มมุมปากและชิงพูดก่อนผู้คุมจะเข้ามาถึงตัว
"ถึงออกไป ก็เอากับใครไม่ได้แล้ว เพราะไข่แกมันฝ่อไปแล้ว ไอ้แก่"
" อีบ้านี่! " ชายคนนั้นฟิวศ์ขาด เขาเงื้อมือจะตบเธอ แต่โดนผู้คุมรวบจับกระแทกลงกับโต๊ะเสียก่อน เก้าอี้ล้มระเนระนาด ขณะเดียวกัน นักศึกษาสาวได้ถอยออกมา และสบตาดอกเตอร์ที่มองอยู่ภายนอก
" ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ"
เขาขยับปากช้าๆ ให้เธออ่าน… ไม่มีสักเสียงที่เล็ดรอดไรฟันออกมา
…
"คุณเป็นบ้าจริงๆ ใช่ไหม" เวฬากดลบเสียงบันทึกที่ได้จากเรือนจำเมื่อครู่หลังจากฟังจบแล้ว
"เค้ายังไม่พร้อมที่จะออกไปข้างนอก คุณก็เห็นแล้วนี่คะ ที่เขาทำเป็นคนดี กลับใจ เขาแค่เล่นละครตบตาทุกคน เพราะอารมณ์ทางเพศไม่ได้อยู่แค่อัณฑะ แต่มันอยู่ในนี้ด้วย" เธอชี้ที่หัวตัวเอง
เวฬารู้สึกรำคาญใจคำพูดและท่าทางของเธอ
"ที่เค้าระเบิดอารมณ์ไม่ใช่เพราะคุณไปยั่วโมโหหรอกเหรอ"
"ที่เค้าโมโหมาก เพราะรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เค้าควรจะมีอารมณ์ แต่เพราะเค้าสูญเสียสมรรถภาพทางเพศจากยาที่กิน มันก็เลยระเบิดออกมาเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวแทน"
"ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ต่อให้ไม่เป็นอาชญากรทางเพศ เค้าก็อาจระเบิดอารมณ์ได้เหมือนกัน ก็คุณไปคุกคามเขานี่ ถ้สคุณไปถามคำถามพวกนั้นกับคนข้างนอกไม่ใช่นักโทษ เค้าอาจจะแจ้งข้อหาคุณ ละเมิดทางเพศด้วยวาจา รู้หรือเปล่า"
เวฬาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ทำเขารำคาญได้มากกว่านิดา
"ดูเหมือนคุณจะเห็นใจลุงคนนั้น"
เธอจ้องเขาไม่วางตา
"ผมวางตัวเป็นกลาง และเห็นอกเห็นใจทุกคน มันเป็นหน้าที่ของผู้บำบัดไม่ใช่เหรอ"
เธอลุกขึ้น พร้อมหยิบกระเป๋า "คุณวางตัวเป็นกลางไม่ได้จริงหรอกค่ะ ถ้าคุณเคยอยู่ในฐานะเหยื่อ"
เธอกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกเขากระชากร่าง ผลักชนตู้กระจก ปลาที่อยู่ในตู้แตกตื่นกระจาย เขากดเธอไว้แนบกับกระจก เธอมีอาการตกใจ ใบหน้าที่เคยมีสีชมพูระเรื่อเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
" คุณพูดเหมือนคุณรู้อะไรเกี่ยวกับผม คุณมองเหมือนคุณรู้จักผมดีมาตั้งแต่วิแรกที่เราเจอกัน"
เขาเขย่าร่างเธอ
"ผมจะไม่ให้เวลาคุณอีกแล้ว พูดออกมา คุณรู้เรื่องอะไร"
เธอเงียบ ดูลังเลที่จะพูด เธอกำลังชั่งใจอยู่ว่ามันเร็วไปหรือเปล่า
"พูดออกมาเร็วๆ ไม่อย่างนั้นผมจะย้ายคุณไปอยู่กับนิดาแทนนะ"
" ที่คุณถาม… เมื่อเช้า…" เธอปากสั่น
" อะไร ว่ามา" เขาผละออก เพื่อให้โอกาสเธอได้หายใจ
" ทำไม… ถึงต้องเป็นคุณ ตัวแปรเดียวกัน สถานการณ์เดียว แต่ทำไมผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นเฉพาะกับ a ไม่ใช่ b หรือ C"
" นั่นสิ ทำไม… ทำไมต้องเป็นผม ทำไมคุณเลือกผม คุณพุ่งเป้ามาที่ผมตั้งแต่แรกเลย ผมคือเป้าหมายที่ทำให้คุณมานี่"
"ฉันเลือกคุณเพราะ… เพราะ"
เธอยืนพิงตู้ปลา แสงสีฟ้าของน้ำย้อมร่างเธอ สีหน้าเย็นเยือกทำให้เธอดูกลมกลืน เหมือนร่างเธอถูกแช่ในน้ำ มากกว่ายืนอยู่ภายนอก
"เพราะจะมีใครรู้จักความรู้สึกของเหยื่อได้ดีเท่า คนที่เคยเป็นเหยื่อเหมือนกัน"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!