รถคันหรูสีขาวถูกขับมาจอดที่หน้าบ้านที่ดูคล้ายราชวัง เมื่อรถจอดสนิทคนขับรถก็รีบลงมาเปิดประตูหลังของรถ ‘นลิน’ หญิงสาวอายุยี่สิบปลาย ๆ ลงมาจากรถพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอยืนมองหน้าประตูบ้านของตนด้วยความคิดถึง เธอไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศจึงจากบ้านไปราว ๆ 6 – 7 ปี
“คุณหนูของป้ากลับมาแล้ว”
เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจหลังจากที่รู้ว่าคุณหนูของเธอจะเดินทางกลับมาวันนี้ พร้อมกับเดินเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้าน
“ลินก็คิดถึงป้าน้อยมาก ๆ เลยค่ะ”
นลินพูดพร้อมเข้าไปกอดและหอมแก้มป้าน้อย แม่บ้านคนสนิทของเธอที่คอยดูแลเธอตั้งแต่เกิด
“เดี๋ยวป้าเรียกไอ้จ้อยมาช่วยคุณหนูยกของนะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้า งั้นเดี๋ยวลินไปหาอะไรทานก่อนนะคะ ลินยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่กลับมา”
“คุณหนูจะทานอะไร เดี๋ยวป้าทำให้”
“ลินแค่อยากทานมาม่าค่ะ เดี๋ยวลินไปต้มน้ำเอง”
นลินยิ้มให้คนตรงหน้า เธอรู้ว่ายังไงก็เธอก็ไม่ได้ทำเอง และเป็นตามที่เธอคาด เพราะป้าน้อยรีบเดินเข้าครัวไปต้มน้ำให้เธอเรียบร้อยแล้ว
นลินเธอเกิดในตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย มีคนคอยเอาอกเอาใจและแทบจะไม่ต้องหยิบจับงานบ้านเองเลย ต้นตระกูลของเธอวางรากฐานมาดีตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ทำให้ลูกหลานสบายไปด้วย ครอบครัวของเธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และส่งออกผลไม้ นอกจากนั้นตัวเธอเองยังมีร้านเพชรเป็นของตัวเอง
“นลิน พรุ่งนี้ลูกพร้อมทำงานหรือยัง?”
เสียงของเจ้าของบ้านเอ่ยถามลูกสาวสุดที่รัก คุณประพจน์เจ้าของธุรกิจอสังหาฯ
ซึ่งเป็นที่รู้จักดีของคนในวงการที่ยกย่องให้เป็นเจ้าพ่ออสังหาฯ
“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ”
นลินตอบด้วยความมั่นใจ เธอพร้อมแล้วที่จะนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากมหาวิทยาลัยที่ดังที่สุดในโลก เพื่อมาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
สาวสวยแปลกหน้าเดินเข้ามาในห้องประชุมของบริษัท เพื่อที่จะแนะนำตัวเองให้กับทุกคนในแผนกของเธอได้รับรู้ วันนี้เป็นวันแรกในการทำงานของเธอ
“สวัสดีค่ะ ฉันนลิน นาร่า จะมาเป็นผู้จัดการใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
นลินกล่าวแนะนำตัวจบก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอทันทีโดยไม่สนใจที่จะความรู้จักพนักงานในแผนกของตัวเอง จะสนไปทำไมกันในเมื่อเธอไม่คิดจะสนิทสนมด้วยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องชื่อก็ดูที่บัตรพนักงานเอาก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้สมองอันมีค่าของเธอมาจำให้รกสมอง
“คุณนลินคะ เอกสารที่..”
“วันหลังกรุณาเคาะประตูก่อนนะคะ”
“ข.. ขอโทษค่ะ”
ปรีดารีบวางเอกสารกองโตลงบนโต๊ะก่อนจะรีบหันตัวกลับด้วยความเกรงกลัว แต่ถูกเจ้านายเรียกไว้เสียก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยว! อีกสองชั่วโมงเธอมาเอาเอกสารด้วยนะ”
“ด.. ได้ค่ะคุณน.. นลิน”
ปรีดาขานรับเสร็จก็รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที
“เป็นไงบ้างดา เจ้านายคนใหม่น่ะ” ชญานีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเจ้านายสาวสวยคนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
ปรีดาส่ายหัวทันทีหลังสิ้นสุดคำถามของชญานี
“เห็นสวย ๆ แต่น้ำเสียงกับสายตาโคตรน่ากลัวเลยอะพี่นี ดาแค่ลืมเคาะประตูเอง”
“เอ้าแกนี่ ก็สมควรโดนด่า พี่ว่าคุณนลินเขาคงใจดีเหมือนหน้าตานั้นแหละ”
“โธ่พี่นี ก็คนมันลืมนี่ ดาว่านะ..”
ปรีดาทันได้พูดจบก็มีเสียงหนึ่งตะวาดแทรกขึ้น
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าก่อนเข้ามาหาฉันให้เคาะประตูก่อน พนักงานที่นี่ไม่มีมารยาทกันทุกคนเลยเหรอไงห๊ะ!”
เสียงของนลินดังลั่นทั่วออฟฟิศ ทำให้ทุกบทสนทนาต้องหยุดชะงัก
นลินหญิงสาวผู้มีความมั่นใจเดินหัวเสียออกมาจากที่ห้องทำงานของเธอ เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างเอาเรื่อง
“ทุกคนคงจะได้ยินแล้ว ฉันขอความกรุณามีมารยาทด้วยนะคะ ถ้าไม่ ฉันไล่ออก!”
นลินพูดจบก็เดินออกจากออฟฟิศทันที ตอนนี้เธอต้องการหาที่สงบอารมณ์
“ดา พี่ขอถอนคำพูดนะว่าคุณนลินใจดี”
ชญานีเอ่ยด้วยใบหน้าเหย๋เกให้กับเหตุการณ์เมื่อครู่
“เป็นใครใหญ่มากจากไหนกันเชียว ฉันต้องทนกับหัวหน้าคนใหม่อีกนานแค่ไหนเนี้ย”
ปรีดาบ่นกับตัวเอง และคำพูดนี้แทนใจของทุกคนที่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่
นลินขับรถคันหรูออกจากบริษัทและแวะร้านกาแฟร้านโปรดของเธอเพื่อสงบสติอารมณ์
“ลาเต้เย็นกับชีสเค้กได้แล้วค่ะ”
หลังจากนลินจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเธอก็มานั่งกินให้หายอารมณ์เสีย ของหวานเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาอารมณ์ของเธอดีที่สุด เมื่อเธอเริ่มใจเย็นขึ้นจึงเรียบไปสะสางงานที่ค้างคาต่อให้เสร็จ ถึงอารมณ์ของเธอจะมาเป็นที่หนึ่งแต่เธอก็ไม่ทำให้งานที่ได้รับมอบหมายเสียหาย
ขณะที่นลินกำลังจะเดินเข้าออฟฟิศก็มีบางคนเรียกเธอไว้ นลินหันไปมองที่ต้นเสียงด้วยท่าทีสงสัยว่าคนตรงหน้าเรียกเธอหรือเปล่า
“นี่เธอ เธอนั้นแหละ ฉันคุยกับเธอ”
“มีอะไรกับฉันหรือเปล่าค่ะคุณ…”
นลินมองหาป้ายชื่อของบริษัทแต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ห้อยป้าย ถ้าเป็นพนักงานแผนกของเธอเธอจะไม่ปล่อยไว้แน่ แต่ถึงจะไม่ใช่เธอก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว ตัวเธอเป็นใครล่ะ ลูกเจ้าของบริษัทไง
“เธอน่ะชื่ออะไร เป็นพนักงานใหม่เหรอ? ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย” รวีถามสาวแปลกหน้าที่เธอไม่คุ้นหน้า
“แล้วคุณเป็นใคร? ทำไมถึงไม่รู้จักฉัน?”
เมื่อเช้าเธอก็แนะนำตัวเองไปแล้วนะ ทำไมคนตรงหน้าถึงไม่ทราบว่าเธอเป็นใคร นอกเสียจากว่าหล่อนจะไม่ได้อยู่ตอนที่เธอแนะนำตัว
“อ้อฉันรู้แล้ว เธอเป็นพนักงานใหม่ใช่ไหม..”
รวีสงสัยเล็กน้อย เพราะเธอรู้มาว่าจะมีเด็กใหม่เข้ามาในเดือนหน้า ไม่ใช่เดือนนี้เสียหน่อย หรือเธอจะฟังผิดไปเอง
หลังจากที่รวีเอ่ยถามจบจึงรีบเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงเป็นขึงขังเพื่อวางมาดของผู้ที่มาทำงานก่อน หวังจะแกล้งเด็กใหม่ให้เกร็งเล่น ๆ
“อะแฮ่ม นี่เด็กใหม่ ฉันมาทำงานที่นี่ก่อนเธอ งั้นก็ถือว่าฉันอวุโสกว่า ทำไมถึงไมเคารพฉัน” รวีพูดอมยิ้ม เผลอไม่ได้ที่จะแกล้งสาวสวยตรงหน้า
นลินไม่พูดอะไรพร้อมกับจ้องหน้ารวี สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจพนักงานคนนี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อรวีเห็นสีหน้าดังนั้นจึงพูดต่อว่า
“โอเค โอเค ฉันแค่ล่อเล่น ฉันชื่อรวีหรือเรียกว่าวีเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” รวียิ้มให้กับนลินพร้อมยื่นมือเพื่อแสดงความรู้จักแต่ถูกนลินปัดทิ้งเสียก่อน
“รวี” นลินทวนชื่อของพนักงานสาวตรงหน้าอีกรอบ ย้ำให้ขึ้นใจประหนึ่งว่าชื่อนี้แหละจะอยู่ในบัญชีหนังหมาของเธอ
“โอ๊ะ ชื่อรวีเหมือนกันเหรอ?”
“เปล่า!” นลินพูดจบก็รีบเดินเข้าออฟฟิศทันที ไม่ปล่อยให้คู่สนทนาได้ตั้งคำถามกับเธออีก
เมื่อนลินเดินเข้าออฟฟิศ พนักงานทุกคนต่างพากันนั่งเกร็งและเงียบ เมื่อนลินเดินเข้าห้องทำงานของเธอแล้ว ทุกคนต่างพากันซุบซิบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทันที
“ว่าไง คุยอะไรกันดูน่าสนุกกันจัง” รวีถามปรีดาและชญานี
“สนุกกับผีน่ะสิวี ดูสีหน้าฉันสองคนว่าเครียดแค่ไหน” ชญานีกล่าว
“แล้วมีไรเกิดขึ้นเหรอ ไหนเล่ามา”
“วันนี้มีผู้จัดการคนใหม่ หน้าสวยแต่นิสัยโหด เนี๊ยะไอ้ดาเพิ่งโดนด่ามาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้เลย” ชญานีเล่า
“ใช่ ฉันเพิ่งโดนด่ามาหมาด ๆ เลย เออวี แกไปเอาเอกสารจากคุณนลินแทนฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากไปอ่ะ ฉันกลัว” ปรีดาส่งสายตาอ้อนวอนให้รวี
“คุณนลิน?” รวีทวนชื่อ
“เจ้านายใหม่พวกเรานั่นแหละ” ชญานีกล่าว
“เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาให้ ตอนนี้ใช่ไหม”
“ขอบใจนะ รวีอย่าลืมเคาะประตูด้วยนะ เดี๋ยวโดนเหมือนฉัน”
“รู้แล้วน่า ฉันมีมารยาทพอ” รวีพูดพรางหัวเราะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อเคาะประตูเสร็จรวีก็เปิดประตูเข้าห้องทำงาน
“ขอโทษนะคะ วีมาเอาเอกสารของเมื่อเช้าค่ะ”
“เชิญ” นลินชี้ไปที่กองเอกสารที่เธอเพิ่งทำเสร็จหมาด ๆ
ขณะที่รวีกำลังไปหยิบเอกสาร เธอก็ได้สบตากับหัวหน้าคนใหม่
เอ๊ะ คนที่เพิ่งเจอเมื่อเช้านี้นี่
“อ้าวเด็กใหม่นี่ ทำไมถึงอยู่ในห้องนี้ล่ะ?”
“แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ หืมคุณรวี”
“ฉันมาเอาเอกสารน่ะสิ เธอก็รีบออกมาได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเจ้านายใหม่ดุเอาหรอก เห็นว่าน่ากลัวด้วยนะ”
รวีเดินไปดึงมือคนตรงหน้าให้ออกมาจากในห้องของเจ้านายใหม่ ขณะที่กำลังเปิดประตูนั้นก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาพอดี
“คุณนลินคะ บ่ายนี้มีประชุมนะคะ” เมื่อพูดจบก็เดินออกจากห้องไป เมื่อรวีได้ยินดังนี้ก็เริ่มคิดประมวลผล
‘วันนี้มีผู้จัดการคนใหม่ หน้าสวยแต่นิสัยโหด เนี๊ยะไอ้ดาเพิ่งโดนด่ามาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้เลย’
‘ใช่ ฉันเพิ่งโดนด่ามาหมาด ๆ เลย เออวี แกไปเอาเอกสารจากคุณนลินแทนฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากไปอ่ะ ฉันกลัว’
‘คุณนลิน?’
‘เจ้านายใหม่พวกเรานั่นแหละ’
“นลิน… คุณนลิน!” ซวยแล้วไงไอ้วี
“คะ ว่าไงคะคุณรวี”
นลินยิ้มให้รวี รอยยิ้มบ่งบอกว่าเธอเสร็จฉันแน่!
“เอ๋ เมื่อเช้าฉันก็แนะนำตัวไปแล้วนะ นอกเสียจากว่าคุณมาทำงานสาย.. ไหนเข้างานกี่โมงขอเช็คดูหน่อยนะ”
นลินเดินไปเปิดโปรแกรมเข้าออกของพนักงานในคอมของเธอ
“อืม ก็มาเช้าดีหนิ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กใหม่”
นลินค่อย ๆ เดินเข้าไปหารวี
“ว่าไงคะ ตอบสิ อย่ามั่วแต่อ้ำอึ้ง”
“เอ่อคือฉัน… ออกไปซื้อข้าวค่ะ ซื้อข้าว” เหตุผลนี้คงฟังขึ้นมั้ง แล้วใครจะกล้าบอกล่ะว่า ฉันอู้งานค่ะ ออกไปเดินเล่นแป๊บเดียว
“ออกไปซื้อข้าวเกือบสามชั่วโมงเลยเหรอ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนเกือบสิบโมงเนี๊ยะนะ”
นลินยืนกอดอกกรอกตามองบน ใครเชื่อก็บ้าแล้วจริงไหม?
“ค่ะ ใช่ค่ะ งั้นวีขอตัวก่อนนะคะคุณนลิน มีไรอะก็เรียกใช้วีได้นะคะ” หลังสิ้นสุดคำตอบ รวีรีบเดินออกมาจากห้อง ไม่ใช่ว่าเธอเกรงกลัวผู้จัดการคนใหม่ เพียงแต่ถ้าเธอยังขืนอยู่ต่อคงต้องคิดคำแก้ตัวอีกยาวแน่ ๆ ดูท่าแล้วเจ้านายคนสวยคงจะต้อนเธอจนจนมุมเป็นแน่
“เป็นไงบ้างวี ทำไมหายไปนานจัง” ปรีดาเอ่ยถามโดยมีชญานีนั่งคอยฟังคำตอบอยู่ข้าง ๆ ปรีดาได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอหรอกนะ
“ก็โดนถามอะไรนิดหน่อยอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก ทำงานต่อเถอะ”
.
.
.
“ฮัลโหลเดวิด ลินคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”
[เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานเองนะลิน คุณติดผมเกินไปหรือเปล่า?]
“ก็ลินคิดถึงคุณจริง ๆ นี่คะ เนี๊ยะลินเพิ่งจะประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย”
[เดวิดคะ ฉันชอบสร้อยเส้นนี้ค่ะ/ลินเดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะ]
“เดี๋ยวสิ นั้นเสียงใครคะ คุณต้องตอบลินมาเดี๋ยวนี้!”
[โอเค ผมอยากบอกเรื่องนี้กับคุณมาสักพักแล้ว เราเลิกกันเถอะ ผมมีแฟนใหม่แล้ว บาย]
“เดวิด เดวิด!!”
[หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
เมื่อได้ยินคำตอบของแฟนหนุ่มที่ตกลกจะแต่งงานกันในอีกสามเดือนข้างหน้า นลินได้แต่ยืนอึ้ง ตอนนี้โลกทั้งใบของเธอกำลังหยุดหมุน น้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อจากนี้ไป
“จริงดิ ที่แกไปพูดอย่างนั้นกับคุณนลินเขาอ่ะ” ปรีดาพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เออสิ หน้าเด็กแบบนั้นใครจะไปคิดล่ะว่าเป็นผู้จัดการคนใหม่ ฉันก็นึกในหัวว่าเจ้านายใหม่ต้องดูแก่ ดูมีอายุอ่ะ”
“เห็นว่าจบจากนอกมา ก็คงเก่งพอตัว พอกับความมั่นของนางนั่นแหละ” ชญานีพูดเสริมขึ้นมา
“เสร็จซะที ฉันกลับก่อนนะทุกคน” รวีตัดบทและเซฟงาน ปิดคอมทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ
“ไปไม่รอ พวกฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
“ทำกันไปนะจ๊ะ ฉันขอตัว จะรีบกลับไปดูละคร”
รวีพูดจบก็รีบเดินออกจากออฟฟิศทันที เดี๋ยวเธอจะกลับบ้านไปดูละครโปรดของเธอไม่ทัน และอีกอย่างเธอไม่อยากดูย้อนหลังด้วย
รวียืนรอรถเมล์ได้สักพักก็เหลือบไปสังเกตเห็นคนจรผมเผ้ายุ่งเหยิงกลิ่นเหล้าหึ่งเตะจมูกกำลังนั่งหลับอยู่ข้างป้ายรถเมล์ รวีอดไม่ได้ที่จะสงสาร
“เฮ้อจริง ๆ เลย คนสมัยนี้มือเท้าก็มีครบแต่ดันมานั่งขอทาน”
ไหนขอทานวันหนึ่งได้เงินกี่บาทกันเชียว ขอเดินไปดูหน่อยนะ ถ้าเยอะแอบหยิบติดมือมาบ้างก็คงจะดี
“เห้ย มาจับฉันทำไมเนี้ย” รวีโวยวายเมื่อจู่ ๆ คนที่นั่งหลับอยู่ก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้
“คุณนลิน!!”
คนจรที่เธอแอบด่าในใจเมื่อครู่กลับกลายเป็นเจ้านายเธอซะนี่
“คุณนลินลุกขึ้นเร็วค่ะ อายคนเขา จะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ”
รวีพยุงร่างของนลินขึ้น
“บ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยววีไปส่ง”
“นี่งายยย นี่บ้านฉัน ปล่อย!! จะนอน”
ถามไปรวีก็คงไม่ได้คำตอบจากคนเมา เธอจึงตัดสินใจพาเจ้านายสาวไปที่บ้านเธอแทน คนก็ห่วงละครก็ต้องดู
ปกติรวีจะนั่งรถเมล์กลับ แต่หากวันนี้คงจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่แทน ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกของตัวเธอเองที่วันนี้ต้องพาเจ้านายสาวกลับไปด้วย
รถแท็กซี่คันเหลืองขับมาจอดข้างริมฟุตบาทเมื่อได้รับสัญญาณจากลูกค้าว่าถูกเรียกใช้บริการ เมื่อรถจอดสนิทแล้วรวีจึงเปิดประตูหลังของรถ และจากนั้นค่อย ๆ พยุงร่างของนลินขึ้นไปที่เบาะหลัง
“คุณนลิน ค่อย ๆ ขึ้นนะคะ”
นลินขึ้นไปตามคำสั่งของรวีอย่างว่าง่าย ตอนนี้ไม่ว่าใครจะสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็คงทำตามไปเสียหมดทุกอย่าง
“คุณนั่งดี ๆ หน่อยสิ”
“อือ”
คนเมาทำได้เพียงขานรับ
ในระหว่างการเดินทางนลินไม่สามารถประคองตัวเองให้นั่งอย่างปกติได้ ไม่ว่ารถจะเลี้ยวไปทางไหน ตัวเธอก็จะเอนไปตามแรงเหวี่ยงของรถทันที ทำให้รวีต้องคอยประคับประคองไปตลอดทาง
เมื่อรถแท็กซี่ขับมาถึงจุดหมายปลายทาง รวีได้สะกิดเรียกนลินเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกตัว
“คุณนลินคะ ถึงบ้านแล้วค่ะ”
“แฟนหนูนี่สวยจังเลยนะ” ลุงขับแท็กซี่ทัก
“เอ่อลุงคะ นี่ไม่ใช่แฟนหนูนะลุง”
“เอาเถอะ ๆ สมัยนี้มันเปิดกว้างแล้ว หนูไม่ต้องอายหรอกน่ะ ลุงเข้าใจ”
เข้าใจกับผีสิลุง!!
เมื่อรวีจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อยแล้วก็พาเจ้านายสาวเข้าบ้านด้วยท่าทีที่ทุลักทุเลและจากนั้นค่อย ๆ วางคนเมาลงบนโซฟาตัวโปรดของเธอ
“นอนตรงนี้ไปก่อนนะคะคุณนลิน”
รวีพูดกับร่างที่ไร้สติก่อนจะเดินไปหยิบเหยือกน้ำในตู้เย็นเพื่อนำมาให้นลินได้ดื่ม
“ดื่มน้ำหน่อยนะคุณนลิน เผื่อจะได้สร่าง”
รวีค่อย ๆ พยุงหัวของนลินขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้เธอจิบ หวังให้แอลกอฮอล์ในร่างกายลดลงบ้างสักนิดก็ยังดี
“อุ๊บ!”
เมื่อนลินดื่มน้ำได้สักพักก็เกิดอาการคลื่นไส้ สีหน้าและท่าทางของเธอเหมือนจะใกล้อาเจียนเต็มที
เมื่อเจ้าของบ้านเห็นดังนั้นก็มีท่าทีที่ตกใจ
“เห้ย! คุณใจเย็น ๆ นะ ฮึบไว้ก่อน หรือจะกลืนมันลงไปเลยก็ได้ แต่อย่ามาปล่อยตรงนี้”
รวีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปหยิบถุงพลาสติก
“อดทนอีกเดี๋ยวนะคุณนลิน วีกำลังไปหาแล้ว”
หลังจากที่รวีได้ของที่ต้องการก็รีบพุ่งตัวไปหานลิน...แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
“แหวะ!!”
กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งไปทั่วห้องและนอกจากนั้นมันยังเปรอะโซฟาและพื้นอีกด้วย
“คุณนลิ๊นนนนน”
เมื่อรวีได้เห็นดังนั้นจึงร้องเสียงหลง
“ฮื่้อออ โซฟาฉัน” คุณนลินนะคุณนลิน คอยดูเถอะ
หลังจากที่รวีทำความสะอาดห้องร่วมชั่วโมงก็หันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุของการทำความสะอาดใหญ่ครั้งนี้
เฮ้อ...หลับสบายใจเชียว
.
.
.
.
“โอ๊ย ปวดหัวจัง”
นลินบ่นงึมงำกับตัวเอง
“ป้าน้อยคะ ลินขอยาพาราหน่อยค่ะ”
“ยามาแล้วค่ะคุณนลิน” แหมคนอะไรตื่นมาก็สั่งโน้นสั่งนี่เลย
“ขอบคุณค่ะป้า”
นลินหยิบยามาทานโดยที่ยังไม่เห็นถึงความผิดปกติ
“ป้าที่ไหนจะสวยขนาดนี้คะคุณนลิน ดูดี ๆ สิคะ นี่วีเอง”
รวียิ้มแฉ่ง
“นี่คุณ คุณมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เมื่อนลินได้สติก็โวยวายทันที พร้อมชี้นิ้วไล่รวีให้ออกไปจากห้องของตน
“นี่ห้องวีค่ะ ดูดี ๆ สิคะ ... เฮ้อนี่วีทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย” ถ้าเธอรู้ว่าถ้านลินตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นแบบนี้ เธอน่าจะทิ้งนลินไว้ที่ป้ายรถเมล์อย่างเดิมก็น่าจะดี
“แล้วฉันมาอยู่ห้องคุณได้ยังไง”
นลินถามด้วยความสงสัย เพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“คุณนลินจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอคะ? สักนิดก็ยังดี” แต่ดูจากสภาพเมื่อคืนแล้วก็ไม่น่าจะจำอะไรได้
“ถ้าฉันจำได้ฉันจะมาถามคุณอยู่อย่างนี้ไหมล่ะคุณรวี”
“โอเค ฉันจะบอกคุณก็ได้ ก็เมื่อคืนคุณน่ะเมามาก ถามอะไรก็ตอบไม่รู้เรื่อง วีเลยพาคุณมาที่ห้องของวีก่อน แล้วอีกอย่างนะคุณยังมาอ้วกใส่โซฟาวีอีกด้วย แล้วจะรีบผิดชอบยังไงดีคะ”
นลินจึงลุกขึ้นไปดูโซฟาที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมกับสูดดมฟุดฟิด
“ไหนอะ ก็สะอาด ก็หอมดีนี่”
“ก็วีทำความสะอาดแล้วไงค่ะ ตรงนี้วีก็ทำ นี่ด้วยแล้วก็นี่อีก”
รวีชี้ไล่จากพื้นมายังโซฟาและสุดท้ายชี้ไปที่นลิน
“ฉัน?”
“อาฮ่ะ รวมทั้งคุณด้วย เสื้อผ้าวีก็เปลี่ยนให้”
“แปลว่าคุณ…”
นลินยกมือขึ้นมาปิดอก
“เห็นหมดแล้ว ไม่ต้องอายหรอกค่ะ”
“ใครว่าฉันอายล่ะ ฉันแค่ตกใจ งั้นเราหายกัน คุณเห็นเรือนร่างของฉัน ฉันทำโซฟาคุณเลอะ”
“โห่ เชื่อเขาเลย ไร้ยางสุด ๆ” รวีบ่นพึมพำกับตัวเอง
คนอะไรพูดออกมาได้หน้าตาเฉย แถมยังจะปัดความรับผิดชอบอีก
“คุณว่าไงนะ?”
“วีบอกว่า เราไปทำงานกันเถอะค่ะ” หวังว่านลินคงจะไม่ได้ยินที่เธอเผลอพูดไปเมื่อกี้หรอกนะ
จากนั้นรวีก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่ เพราะใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้ว
“คุณนลินคะ รถมาแล้วค่ะ”
รวีหันไปเรียกนลินเมื่อแท็กซี่เทียบจอดที่หน้าบ้าน
“พี่ค่ะไปบริษัท xxx”
ขณะที่รวีกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่นลินขึ้นตัดหน้าเธอเสียก่อน
“ไม่ไปบริษัท xxx ค่ะแต่เปลี่ยนเป็นร้าน xx”
“อ้าว คุณนลินแล้ววีล่ะ?”
“เธอไปคันอื่นแล้วกัน ฉันจะไปเอารถ”
พูดจบนลินก็เลื่อนกระจกรถขึ้น และรถก็ออกตัวไป ทิ้งให้รวียืนงงอยู่ตรงนั้น
“อ้าวเห้ย ไอ้คุณนลินกลับมาก๊อนนน”
ยังเป็นโชคดีของรวีที่มีวินมอไซค์ผ่านมาแถวนี้พอดี ขืนรอขึ้นรถเมล์หรือรถคันต่อไปเธอคงไปไม่ทันเวลาเข้างานเป็นแน่
“พี่ไปบริษัท xxx”
“ไกลเหมือนกันนะน้อง พี่ขอร้อยห้าสิบบาท”
“โหพี่...ไปก็ได้”
เพราะแพงอย่างนี้รวีถึงจะเลือกที่จะนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่ อย่างน้อยแท็กซี่ก็นั่งสบายกว่ามอไซค์แต่ราคาเท่ากัน
“เห้ย พี่ ๆ ระวังหัวเข่าหนูด้วยสิ”
ไม่ทันสิ้นคำของรวีหัวเข่าเธอก็กระแทกเข้ากับรถอีกคันทันที
“โอ๊ย พี่เข่าหนู”
“เออน้องลงตรงนี้เลยได้ป่ะ พอดีข้างหน้ามีด่านอะ พี่ไม่มีหมวกกันน็อคแถมวันนี้ลืมพกบัตรอีก”
พี่วินจอดรถข้างฟุตบาททันที
“เอ้าพี่ ทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ร้อยห้าสิบครับน้อง”
เดี๋ยวนะทิ้งกันแบบนี้แถมทำฉันบาดเจ็บยังจะเก็บเงินอีกเหรอวะเนี้ย
“เร็วดิน้อง เร็วววว”
รวียืนเงินให้แบบงง ๆ แล้วพี่วินก็กลับรถขับออกไปอย่างรวดเร็วปานโจรส่งยาเห็นตำรวจตั้งด่านเพื่อรอดักจับพี่แกโดยเฉพาะ
ป้ายรถเมล์ก็อยู่ซะไกลเลย เดินก็เดินว่ะ
สักพักก็มีเบนซ์คันหรูสีขาวมาจอดเทียบ กระจกรถถูกเลื่อนลงโดยคนขับ
“นี่! คุณเดินไปแบบนั้นมันจะถึงไหมล่ะ?”
“แล้วมันเป็นเพราะใครกันล่ะ ถ้าฉันเข้างานสายแล้วถูกหักเงินเดือนคุณต้องรับผิดชอบด้วยนะ”
“ขึ้นมาสิ ไปพร้อมฉันก็ได้”
รวีรีบวิ่งขึ้นรถทันที ถึงเจ้าของรถไม่ชวน เธอก็จะติดรถไปด้วยอยู่แล้วล่ะ
“ฉันอุตส่าห์ให้ติดรถมาด้วย ทำไมทำหน้าบูดนักล่ะคุณรวี หืม?”
นลินเห็นรวีนั่งเงียบมาตลอดทางจึงหาเรื่องพูดคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบไปมากกว่านี้
“ทำไมคุณถึงมารับฉัน ทั้ง ๆ ที่คุณทิ้งฉันไว้เมื่อเช้า คุณทำให้ฉันต้องนั่งวิน หัวเข่ากระแทกรถ โดนพี่วินเททิ้งข้างทาง แถมเมื่อคืนคุณยังจะมาอ้วกใส่โซฟาตัวโปรดของฉันด้วย! ฉันน่าจะปล่อยคุณไว้ฉันไม่น่าพาตัวเองมาลำบากเพราะคุณเลย คุณนลิน!!”
เมื่อได้ฟังดังนั้นนลินก็นั่งเงียบไปทำให้รวีคิดได้ว่าตัวเองพูดแรงเกินไปหรือเปล่า
แล้วทำไมฉันต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเนี้ย นั้นเจ้านายนะเว้ยถ้าแกโดนไล่ออกล่ะไอ้วีเอ้ย
“วีขอโทษ วีก็พูดไปเรื่อยน่ะ”
“ขอโทษทำไม คุณพูดถูกแล้วแหละ ฉันมันตัวปัญหา”
นลินพูดเสียงสั่นเครือเพราะบางคำพูดของรวีจี้ใจเธอ ทำให้เธอคิดถึงคำพูดของอดีตแฟนที่เธอเพิ่งถูกบอกเลิกไปเมื่อวาน
‘ทำไมคุณถึงอยากเลิกกับฉันล่ะเดวิด ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?’
[คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกลิน ผมแค่เบื่อ เบื่อกับการที่ต้องตามใจคุณเท่านั้นเอง]
‘...’
[คุณรู้ไหม หลายครั้งคุณทำให้ผมลำบากใจแค่ไหนที่ต้องตามใจคุณไปซะทุกเรื่อง]
‘...’
[หวังว่าคุณจะเข้าใจผมนะลิน]
ประโยคเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนลินไม่หายไปไหน น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหล
“คุณนลินคะ วีขอโทษ”
ปี๊น ปี๊น เสียงแตรจากรถคันข้างหลัง
ดูท่าเจ้านายของเธอจะขับรถไม่ไหวเสียแล้ว
“คุณนลินคะ วีขับให้นะ”
รวีรีบอ้อมไปทางด้านคนขับและสลับสับเปลี่ยนที่นั่งทันที
ระหว่างที่รวีขับรถไปนั้นก็หาวิธีปลอบใจนลินไปด้วย
“คุณนลินคะ ลูกอมไหมคะ”
“...”
“คืองี้ค่ะ วีเชื่อว่าความหวานจะช่วยเยียวยาความเศร้าได้น่ะค่ะ รับไปเถอะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยววีแกะให้นะคะ”
“ไม่ต้องอ่ะ ฉันเกะเองได้ มือคุณสกปรกหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้”
แหนะยังมิวายจะหันมาแขวะฉัน
“แต่ยังไงก็ขอบใจนะ”
“คุณนลินคะ ปกติจอดรถตรงไหนคะ?”
“เข้าใต้อาคารเลย ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะ ตรงนั้นอ่ะที่มีที่จอดสองที่”
“แต่ตรงนี้มันที่จอดของท่านประทานนี่คะคุณนลิน วีว่าวีขับไปจอดที่อื่นดีกว่า”
ว่าจบรวีก็วนรถต่อทันที
“ไม่มีที่จอดหรอก จอดตรงนั้นนั่นแหละถูกแล้ว”
“จอดที่อื่นเถอะค่ะ คุณนลินไม่กลัวโดนไล่ออกเหรอคะ เพิ่งจะมาทำแท้ ๆ แต่อาจจะโดนเด้งเพราะเรื่องที่จอดเนี่ย” ฉันพูดตามที่คิด คนอะไรหาเรื่องให้ตัวเองโดนด่า
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่โดนไล่ออกหรอกย่ะ”
รวีไม่ได้ตอบนลินเพราะกำลังใช้สมาธิในการขับรถอยู่
“จอด ๆ จอดตรงนี้แหละ ฉันจะลงแล้ว ส่วนคุณน่ะก็หาที่จอดให้ฉันด้วยล่ะ”
“อีกแป๊บก็คงได้ที่จอดแล้วค่ะ คุณนลินไม่รอเข้าไปพร้อมกันเหรอคะ?”
“ขืนฉันรอคุณหาที่จอดได้ฉันเข้างานสายพอดี อ้อแล้วอีกอย่างฉันก็ไม่อยากเข้าไปพร้อมคุณด้วย”
นลินพูดจบก็เดินเข้าบริษัทปล่อยให้รวีวนหาที่จอดต่อไป
.
.
.
.
“คุณปรีดามาพบฉันที่ห้องด้วยค่ะ”
ปรีดาไปพบนลินตามคำสั่ง เธอได้แค่คิดว่าคราวนี้เธอทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่า
“ขออนุญาตค…”
ขณะที่ปรีดากำลังพูดนั้นนลินก็พูดแทรกทันที
“ใครบอกให้คุณเปลี่ยนแบบฟอร์มของบริษัท กลับไปแก้มาใหม่ทั้งหมดนี่เลยนะ!!”
นลินโยนกองเอกสารที่ต้องนำกลับไปแก้ลงพื้น
“ฉันขอทั้งหมดนี่ให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยนะคะ”
“ค่ะคุณนลิน ดิฉันจะรีบแก้ค่ะ”
ปรีดารีบก้มเก็บกองเองสารอย่างลนลานก่อนจะเดินออกไปที่โต๊ะของตน
เมื่อปรีดาไปแล้วนลินจึงนั่งทำงานต่อ พอได้สักพักรวีก็เดินเข้ามา
“คุณนลินคะ กุญแจรถค่ะ”
รวีชูกุญแจแกว่งไปมา
“ทำไมไม่เคาะประตูคะคุณรวี”
“เอาน่า ไหน ๆ วีก็เข้ามาแล้ว นี้ค่ะกุญแจ อ้อแล้วรถคุณจอดอยู่ชั้นเอหนึ่งนะคะ”
“อืม ขอบใจ”
“เห็นไหมวีบอกแล้วว่าต้องมีที่จอด ไม่เห็นจะต้องไปเสี่ยงจอดตรงนั้นเลย”
รวีหมายถึงจอดรถในที่ของท่านประทาน
“แต่คุณก็เข้างานสายนะ เดือนนี้คุณสายจนครบโควตาแล้ว หักเงินเดือนนะ”
นลินยักคิ้วให้คนตรงหน้า
“แต่ที่วีสายก็เพราะหาที่จอดให้คุณเลยนะ”
“นั้นมันเป็นเรื่องของคุณ หมดธุระของคุณแล้ว”
นลินผายมือไปที่ประตู
“เชิญ ฉันจะทำงานต่อ”
ไล่กันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยวุ้ย กลับไปทำงานก็ได้ว่ะ
“วีทำไมเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องคุณนลินอย่างนั้นล่ะ?” ชญานีถามเมื่อเห็นสีหน้ารวี
“ฉันโดนหักเงินเดือนน่ะพี่นี”
“วันนี้มีคนโดนแจ็คพอตถึงสองคนเลยเชียว”
รวีมองไปที่ชญานีอย่างสงสัยว่าอีกคนที่หมายถึงคือใครกัน ยังมีคนซวยเหมือนเธออีกหรือนี่
“ก็ไอ้ดาน่ะสิโดนอีกแล้ว”
ชญานีชี้ไปที่ปรีดา
“โน่น ได้แก้งานใหม่ นั่นเอกสารทั้งหมดบนโต๊ะ แก้ใหม่หมดเลย”
รวีมองไปที่เอกสารของปรีดาก็ทำสีหน้าสลด เห็นแล้วก็เห็นใจ กองเอกสารนั้นไม่ใช้น้อย ทั้งวันจะทำเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไหนยังจะต้องทำงานของวันนี้อีก เธออยากจะเข้าไปช่วย แต่งานของเธอ ณ ตอนนี้ก็ล้นมือแล้ว
“ดา ยังทำไม่เสร็จอีกเหรอ นี่เลยเวลาเลิกงานจะชั่วโมงแล้วนะ”
รวีถามเมื่อยังเห็นปรีดากำลังวุ่นกับการแก้งานอยู่
“เหลืออีกตั้งห้าเล่มแหน่ะวี สงสัยวันนี้ฉันคงต้องได้นอนที่บริษัทแน่เลยแก ฉันไม่ไหวแล้ว เมื่อยไปหมดทั้งตัว”
ปรีดาพูดเสียงอ่อย
“ฉันไปคุยให้ดีไหมแก”
“อย่าเลย แกเนี่ยนะจะไปคุยให้ฉัน มีหวังโดนด่าไล่ตะเพิดชัวร์”
“ฉันมีวิธีน่า ลองดู ๆ”
ก๊อก ก๊อก
“ยังไม่กลับอีกเหรอคุณรวี? แล้วมาหาฉันป่านนี้มีอะไรรึเปล่า?”
“คือวีจะขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะคุณนลิน”
นลินพยักหน้า รอฟังสิ่งที่รวีกำลังจะพูด
“เอกสารที่คุณให้ปรีดาแก้อยู่นั่น…”
“คุณจะมาขอเลื่อนการส่งแทนเพื่อนของคุณ?”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ”
“ได้สิ คุณได้สิทธิ์นั้น”
ทำไมมันง่ายอย่างงี้วะ
“คุณรออยู่นี่แหละ ฉันจะไปบอกคุณปรีดาเอง”
เมื่อปรีดาเห็นนลินเดินตรงมาทางที่เธออยู่ก็หวั่นใจ
“คุณปรีดา คุณกลับเถอะ เอกสารพวกนี้ค่อยมาทำในวันรุ่งขึ้นแล้วกัน”
ปรีดาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณนลินถึงยอม
“นิ่งทำไม หรืออยากทำต่อให้เสร็จ?”
“คะ? ข..ขอบคุณค่ะคุณนลิน”
ปรีดารีบเก็บข้าวของและไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณนลินอีกรอบก่อนออกจากออฟฟิศ
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของรวีดังขึ้น
“ว่าไงดา”
[จะโทรมาขอบใจแกอ่ะ จู่ ๆ คุณนลินเขาก็บอกฉันว่าค่อยมาทำต่อวันพรุ่งนี้ ขอบใจแกมากนะเว้ย]
“อืม ไม่เป็นไรแก”
[แกไปคุยอีท่าไหนวะวี? คุณนลินเขาถึงได้ยอม]
“ฉันทันได้บอกอะไรเลย คุณนลินเขาก็… เห้ยแกแค่นี้ก่อนนะ”
รวีวางสายจากปรีดาเมื่อนลินเดินเข้ามา
“คุณนลินมีอะไรจะคุยกับวีรึเปล่าคะ ถึงให้วีรอตรงนี้”
“มีสิ ไม่มีฉันไม่ให้คุณรอหรอก”
นลินยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยต่อ
“ฉันจะให้คุณทำงานที่เหลือแทนปรีดา คุณเอาไปเอาเอกสารกองนั้นมาทำให้นี้นะ จะได้ไม่ต้องเปลืองแอร์หลายตัว.. ไปสิ เร็วเข้า”
“ห.. ห๊ะ?”
“ตกใจอะไร ไปเอามาสิ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับนะ ฉันจะคอยดูคุณผ่านกล้องวงจรปิด”
นลินชี้ไปที่กล้องที่ติดอยู่มุมห้อง
“คุณเป็นคนมาร้องขอแทนปรีดา ดังนั้นคุณต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเอกสารจะไม่ด่วน แต่ฉันต้องการที่จะส่งพวกนี้ในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ฉันไม่อยากให้มันค้างคา ฉันจะไปทำงานอื่นต่อโดยที่ไม่ต้องกลับมาพะวงกับมัน” นลินพูดตามความจริงและเธอก็อยากแกล้งรวีด้วย
เมื่อพูดจบนลินก็เดินออกจากออฟฟิศ ก่อนเดินออกก็ทำท่าทางภาษามือสื่อว่า ‘ฉันจับตามองคุณอยู่’
“เฮ้อ ต้องทำจริง ๆ หรอเนี้ย”
รวีรำพึงรำพันกับตัวเอง สุดท้ายเธอเดินออกไปยกกองเอกสารเข้ามาทำในห้องทำงานของนลิน
สามสิบนาทีผ่านไป รวีเพิ่งเริ่มทำเอกสารเล่มที่สอง นั่งทำไปได้สักพักก็มีเสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นเป็นจังหวะ
รวีพนมมือขึ้นหวังพึ่งสิ่งศักสิทธิ์แต่ทันใดนั้นเองไฟในออฟฟิศก็ติดขึ้นบางดวงและประตูห้องก็ถูกเปิดออก
“กริ๊ดดดดดด ผ..ผีหลอก”
รวีหลับตาปี๋เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่หน้าประตู
“นี่คุณ คุณ! ฉันเอง ตั้งสติหน่อย ใจเย็น ๆ”
รวีได้ยินเสียงที่คุ้นหูก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็ลืมตาช้า ๆ พอเห็นว่าคนตรงหน้าคือนลิน รวีก็มีสีหน้าโล่งใจทันที
“โธ่ เป็นคุณนี่เอง คุณนลิน วีก็คิดว่า..”
รวีหยุดพูดประโยคต่อทันที เธอไม่อยากเอ่ยมันขึ้นมา
“ผีน่ะเหรอ”
“ไม่เอา ไม่พูดในเวลานี้สิคะ ว่าแต่คุณนลินยังไม่กลับอีกเหรอคะ วีคิดว่าคุณกลับไปนานแล้วเสียอีก”
“ยัง ฉันแค่ออกไปซื้อของกิน แล้วก็ว่าจะอยู่เคลียร์งานต่ออีกนิด”
นลินไม่ได้มีความคิดที่จะทิ้งรวีไว้ที่ออฟฟิศคนเดียว จึงหาข้ออ้างเรื่องงานขึ้นมาแทน อีกอย่างเธออยากหาอะไรทำไปเรื่อย ๆ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่กลุ้มใจที่โดนบอกเลิก
หลังจากสิ้นบทสนทนาทั้งคู่ก็ลงมือทำงานของตนต่อ
โครกคราก เสียงท้องร้องดังขึ้นในห้องที่เงียบสนิท ทำให้เสียงนี้ได้ยินอย่างชัดเจน
“หิวเหรอ?”
นลินถามรวี ขณะที่ถามก็นั่งกินข้าวที่เพิ่งซื้อมาไปด้วย
“เปล่าค่ะ ยังไม่หิว” ใครไม่หิวก็บ้าแล้ว แถมเล่นมากินอ้างหน้ากันอย่างนี้ กลิ่นก็ห๊อมหอม
“อะ ชิมไหม?”
นลินยื่นช้อนแกว่งไปมาตรงหน้ารวี
“แน่ใจเหรอว่าไม่หิวน่ะ”
รวีหักห้ามใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ขณะที่รวีกำลังจะงับช้อนแต่นลินรีบดึงกลับมาก่อน
“นี่อย่านะ คุณมีเชื้อโรคหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันไม่ให้กินช้อนเดียวกันฉันหรอกนะ”
“นี่คุณ! วีไม่ได้สกปรกขนาดนั้นนะ” เหอะ ฉันก็กลัวติดเชื้อโรคจากเธอเหมือนกันนั่นแหละนลิน
นลินยักไหล่สองข้าง แสดงท่าทีว่า ‘ใครจะไปรู้ล่ะ’ ก่อนยื่นข้าวอีกกล่องให้รวี
“รับไปสิ ฉันซื้อมาเผื่อคุณด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
รวีเอ่ยขอบคุณก่อนรับมาด้วยความหิวโหย ตักเข้าปากคำแรกก็สัมผัสถึงความนุ่มของข้าวและความละมุ่นของเนื้อหมู อร่อยจนหยุดไม่ได้
“นี้คุณ ค่อย ๆ ทานสิ เดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดี แล้วมาตายในนี้ไม่ได้ด้วยนะ ห้ามตายในนี้ ฉันไม่อยากทำบุญออฟฟิศ”
“ก็มันอร่อยมาก คุณซื้อที่ไหน? เผื่อวันหลังฉันจะไปซื้อบ้าง”
“ฉันว่าคุณจะไม่ไปซื้อหรอก”
“ทำไมล่ะ ก็บอกชื่อร้านมาก่อนเถอะ” ทำไมฉันจะต้องไม่ไปซื้อด้วย ดูจากลักษณะมันก็เป็นข้าวกล่องธรรมดา แค่รสชาติอร่อยกว่าทั่วไปก็เท่านั้นเอง
“ร้าน XYZ น่ะ”
ร้านหรูใจกลางเมืองที่มีเชฟระดับโลกหมุนเวียนกันมาทำอาหารให้เหล่านักธุรกิจหรือคนมีอันจะกินได้มาลิ้มลองรสชาติอันโอชะ
“โห ร้านนั้นแพงมาเลยหนิคะ เท่าที่วีรู้มาห้าร้อยบาทยังสั่งอาหารในนั้นไม่ได้สักอย่าง” เป็นบุญปากของฉันจริง ๆ ที่ได้ลอง เคยได้ยินแต่คนกล่าวอ้างมานาน วันนี้ได้ลิ้มลองกับตัวแล้ว น้ำตาจะไหล อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ
“ไม่แพงนะ ฉันรวย”
นลินพูดอย่างหน้าตาเฉย ใช่มันไม่แพงสำหรับเธอเลย แต่สำหรับคนทั่วไป คงไม่มีโอกาศที่จะได้เข้าไปเหยียบที่นั้น แม้แต่จะชายตามองก็หยุดคิดไปได้เลย
“คุณนลิน วีขอถามอะไรหน่อยเถอะค่ะ ไอ้ตำแหน่งผู้จัดการเนี่ย เงินเดือนมันเยอะขนาดถึงเข้าไปกินในร้านนี้ได้เลยเหรอคะ วีว่าไหนจะค่ารถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือนก็ไม่น่าจะพอซื้ออาหารในร้านนี้ได้เลยนะคะ”
รวีอดสงสัยไม่ได้
“ความลับ”
นลินไม่ได้บอกใครว่าเธอมีความเกี่ยวพันอะไรกับบริษัทนี้ เธออยากที่จะเรียนรู้นิสัยของแต่ละคนในที่ทำงาน ถ้าหากเธอบอกว่าเธอคือใคร ทุกคนคงจะเอาใจเธอน่าดู จากตำแหน่งที่เธอได้รับ ณ ตอนนี้ทุกคนในบริษัทก็เกร็งจะแย่แล้ว ตอนแรกนลินก็นึกว่าคุณพ่อของเธอจะส่งให้เธอมาเป็นพนักงานธรรมดา ไม่คิดว่าจะให้มาเป็นถึงผู้จัดการสาขา
“รวี”
“คะ?”
“คุณเหลือเอกสารอีกกี่เล่ม?”
“เหลืออีกสองเล่มก็จะเสร็จแล้วค่ะ คุณนลินจะกลับแล้วเหรอคะ อย่าเพิ่งได้ไหม วีไม่อยากอยู่นี่คนเดียว”
“เปล่า เหลือสองเล่มใช่ไหม ฉันจะช่วยคุณทำเล่มหนึ่ง จะได้รีบเสร็จ”
นลินเพิ่งจะสังเกตว่าขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว จึงอยากช่วยให้ทำให้เสร็จเพื่อที่รวีจะได้ไม่กลับดึกไปกว่านี้
เวลาล่วงเลยไปจนถึงห้าทุ่ม
“เสร็จซะที คุณนลินเสร็จหรือยังคะ”
รวีหันไปถามนลิน
“เสร็จพอดีเลย”
นลินเอาเอกสารใส่แฟ้มเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเพิ่งทำเสร็จ ความจริงเธอทำเสร็จไปชาติหนึ่งแล้ว
“นี่ก็ดึกแล้ว คุณจะกลับยังไงคุณรวี แท็กซี่?”
รวีส่ายหัว
“คุณไง วีจะกลับกับคุณ”
“เดี๋ยว แท็กซี่ก็มีทำไมไม่เรียก”
“ขืนวีกลับแท็กซี่ตอนนี้แล้วโดนฉุดไปข่มขืนทำไงล่ะคะ วีว่าวีกลับกับคุณนลินปลอดภัยสุดแล้ว”
“ฉันรับประกันได้ว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน คุณมีหน้าตาเป็นอาวุธจะกลัวอะไร”
พูดจบนลินก็เดินไปที่ลานจอดรถ
“คุณเดินตามฉันมาทำไมคุณรวี”
รวีไม่ตอบคำถามนลิน แต่เมื่อนลินกดเปิดประตูรถ รวีก็เปิดแล้วขึ้นไปนั่งรอทันที
“ลงไปนะ ฉันยังไม่อนุญาตให้คุณขึ้นรถเลย”
รวีนั่งนิ่งทำหูทวนลม
“เดือนนี้คุณไม่อยากได้เงินเดือนใช่ไหม อยากถูกหักอีกรอบหรือไง?”
“ถ้าคุณนลินไม่ให้วีไปด้วย วีจะแฉ!!”
รวีโชว์ภาพและคลิปของนลินที่เมาไร้สตินอนอยู่ข้างป้าย รวมถึงภาพตอนที่เธออาเจียนใส่โซฟาของรวีด้วย
“นี่คุณ! ทำไมถึงได้มีภาพพวกนี้” ถ้าภาพพวกนี้หลุดฉันจะเอาหน้าไว้ที่ไหนเนี่ย
“แหม วีเจออะไรเด็ด ๆ ก็ต้องถ่ายไว้สิคะ เผื่อมันมีประโยชน์กับวีเหมือนเช่นตอนนี้ไงคะ”
นลินตัดสินใจจะแย่งมือถือจากรวี แต่ทว่ารวีรู้ทันนลิน รีบดึงมือออกทันท่วงทีก่อนมือนลินถึง
“นี่ เอามานี่นะ”
“ไม่ค่ะ ขืนวีให้ไปคุณก็ลบหมดสิ”
นลินรอจังหวะที่รวีเผลอก็รีบดึงมือถือออกมาจากมือทันที แต่รวีไม่ยอมรีบแย่งกลับ เมื่อรวีจับมือถือได้แล้ว เธอรีบกระชากกลับทันที จึงทำให้นลินเสียหลักล้มทับรวีและริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกันโดยบังเอิญ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!