... [序幕] ฝูหรง...
...Luò qīng yí...
...[洛清怡] ...
เซียนโอสถชิงอี ผู้เป็นที่น่านับถือทั้งสามภพ หลังจากใช้ชีวิตมานานนับพันปี ตลอดช่วงเวลาพันปีมานี้นางทำการรักษาผู้คนโดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ทั่วทั้งสามภพต่างทราบซึ่งในคุณงามความดี หลังจากหมดสิ้นอายุขัยลง วิญญาณของนางที่แต่เดิมควรดับสูญ ก็ถูกราชาแห่งนรกที่เคยติดค้างบุญคุณ.. ได้ช่วยเหลือให้นางได้ไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้ตายก่อนถึงเวลาอันควร ลั่วชิงอี คุณหนูสามแห่งตระกูลลั่ว
‘ ในเมื่อได้เกิดมาใหม่อีกครั้ง ใยเล่าต้องเดินบนเส้นทางหน้าเบื่อเช่นนั้นอีก? ’
ระดับพลังยุทธ์นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 9 ลำดับขั้น โดยจะแบ่งออกมาอีกเป็น 9 ขั้นย่อย..
1.ขั้นสร้างรากฐาน
2.ขั้นหลอมรวม
3.ขั้นแก่นวิญญาณ
4.ขั้นจิตวิญญาณ
5.ขั้นแดนพิภพเร้นลับ
6.ขั้นเขตแดนฟ้าไร้พันธนาการ
7.ขั้นเขตแดนเหนือฟ้าไร้ขอบเขต
8.ขั้นเขตแดนเนรมิตวิถีฟ้าดิน
9.ขั้นเขตแดนเร้นลับสู่วิถีเซียน
10.ขั้นครึ่งเซียน
11.ขั้นเสมือนเซียน
12.ขั้นเซียนพิภพ
ระดับพลังของสัตว์อสูรจะมีดังนี้
1.ขั้นสร้างรากฐาน
2.ขั้นหลอมรวม
3.ขั้นแก่นวิญญาณ
4.ขั้นจิตวิญญาณ
5.ขั้นแดนพิภพเร้นลับ
6.ขั้นเขตแดนฟ้าไร้พันธนาการ
7.ขั้นเขตแดนเหนือฟ้าไร้ขอบเขต
8.ขั้นเขตแดนเนรมิตวิถีอสุรา
9.ขั้นเขตแดนสู่วิถีอสุรา
10.ขั้นราชาอสูร
11.ขั้นจักรพรรดิอสูร
12.ขั้นเซียนอสุรา
เกร็ดความรู้ : ตั้งแต่เขตแดนเหนือฟ้าไร้ขอบเขตขึ้นไปหากจะบรรลุระดับต่อไป จำเป็นจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมที่จะรับพลังที่มากกว่าเดิม หากมีร่างกายที่ไม่พร้อมแล้วฝืนบรรลุจะถูกพลังเล่นงานย้อนกลับ จะต้องอยู่ในห้วงของจิตมารเข้าแทรกทันที
เกร็ดความรู้ : เมื่อโดนจิตมารครอบงำ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือระดับพลังจะถดถอย จนเกิดธาตุไฟเข้าแทรก แล้วจะไม่สามารถใช้พลังปราณได้อีกตลอดชีวิต แต่ถ้าหากได้รับการช่วยเหลือเมื่อถูกจิตมารครอบงำ เมื่อช่วยเหลือสำเร็จคนผู้นั้นก็จะบรรลุระดับพลังนั้นในทันที
ระดับขั้นยุทธภัณฑ์ - อาวุธ ทั้งหมดจะแบ่งออกเป็น 7 ลำดับ ซึ่งได้แก่..
1.ระดับสามัญ
2.ระดับชั้นยอด
3.ระดับชั้นเลิศ
4.ระดับเร้นลับ
5.ระดับจิตวิญญาณ
6.ระดับพิภพ
7.ระดับนภา
8.ระดับเหนือนภา
9.ระดับจักรพรรดิ
10.ระดับเซียน
ระดับขั้นของนักปรุงโอสถมีทั้งหมดดังนี้
1.นักปรุงโอสถขั้นฝึกหัด
2.นักปรุงโอสถขั้นศิษย์
3.นักปรุงโอสถขั้นอาจารย์
4.นักปรุงโอสถขั้นปรมาจารย์
5.นักปรุงโอสถขั้นราชา
6.นักปรุงโอสถขั้นจักรพรรดิ
7.นักปรุงโอสถขั้นเซียน
ระดับของทักษะยุทธ์มีทั้งหมดดังนี้
1.ขั้นต่ำ
2.ขั้นกลาง
3.ขั้นสูง
4.ขั้นพิภพ
5.ขั้นฟ้า
6.ขั้นเหนือฟ้า
7.ขั้นเร้นลับ
8.ขั้นเซียน
...ยินดีต้อนรับนะครับนักอ่านทุกท่าน ←3...
...บทที่ ๐ - อารัมภบท...
ณ แดนเซียน ตำหนักเซียนโอสถ
“ถึงวาระสุดท้ายของข้าแล้วงั้นหรือ?” เซียนโอสถสาวใบหน้างดงามกำลังนั่งอยู่ภายในตำหนัก ดวงตาสีฟ้าครามทอประกายความเศร้าหมอง
เมื่อรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนเองมาถึงแล้ว อารมณ์ทุกอย่างของหญิงสาวล้วนนิ่งสงบไม่เหมือนกับคนที่กําลังเผชิญหน้ากับความตาย…ทว่าดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นเศร้าหมองลง คล้ายกับกำลังมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งค้างคาอยู่ภายในใจ
สิ่งที่นางถวิลหามาโดยตลอดหลายร้อยปี คือความสุขในการใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป นี่เป็นสิ่งที่เซียนโอสถผู้เลื่องชื่อเช่นนางใฝ่หามาโดยตลอด…
ตลอดหลายร้อยปีมานี้หญิงสาวทุ่มเททุกอย่างเพื่อการรักษาและช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือปีศาจตนใด ล้วนแต่เคยได้ความช่วยเหลือจากเซียนโอสถมาแล้วทั้งสิ้น
ทว่าความปรารถนาที่ตัวนางเองต้องการที่จะใฝ่หาความสุข…ก็เป็นเพียงความปรารถนาสุดท้ายก่อนจะตายก็เท่านั้นเอง
และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายของในชีวิตเซียนโอสถชิงอี ดวงตาคู่งามค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ก่อนสติจะค่อยๆ เลือนราง และหายไปในที่สุด
ณ แดนนรก ตำหนักผู้คุมวิญญาณ
“ต่อไป” ราชาแห่งนรกเป็นผู้ที่คอยตัดสินชะตาของเหล่าวิญญาณที่หมดสิ้นอายุขัย น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยออกมา ดวงตาสีแดงชาดจ้องไปที่หนังสือเล่มหนึ่งในมือ
“เซียนโอสถชิงอี!” ราชาแห่งนรกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
“ถึงเวลาของท่านแล้วงั้นหรือ? ...” ดวงตาสีแดงชาดจ้องไปที่ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งด้วยแววตาเศร้าหมอง
“นี่…ก็ผ่านมาสองร้อยปีแล้ว ที่ท่านและข้าไม่ได้พบกัน” น้ำเสียงอ่อนหวานของเซียนชิงอีดังขึ้น ใบหน้างามยิ้มออกมาเล็กน้อย ดีใจยิ่งนักที่มีโอกาสได้พบสหายเก่าในยามนี้
“ฮ่าๆ ช่างน่าคิดถึงความหลังเมื่อในตอนนั้นยิ่งนัก” ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยิ้มออกมา ทว่าดวงสีแดงชาดกับเศร้าหมองลงเมื่อจ้องมาที่ร่างอรชรของเซียนโอสถชิงอี
“ช่างน่าคิดถึงความหลังจริงๆ เชิญท่านทําหน้าที่ต่อเถอะ…ยังมีวิญญาณอีกมากมายที่รอให้ท่านมาตัดสิน เกรงว่าตอนนี้พวกคงจะบ่นท่านอยู่ในใจแล้ว…” น้ำเสียงหยอกเย้าเอ่ยออกมา ใบหน้างามดั่งนางฟ้ายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อได้พูดคุยกับสหายเก่าในโลกหลังความตาย
“วิญญาณตนใดมันจะกล้า บ่นถึงข้ากัน ฮ่าๆๆ” น้ำเสียงดังทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาคล้ายคนบ้าคนหนึ่ง
“เซียนโอสถชิงอีความดีของท่าน ช่างมีมากมายเหลือคณานับ หากจะให้ท่านกลับสู่สายธารวิญญานเลย ข้าก็ปวดใจยิ่งนักที่ไม่อาจตอบแทนบุญคุณของท่านได้” ราชาแห่งนรกเอ่ยออกมาด้วยความทุกข์ใจ ใบหน้าหล่อเหลาเศร้าหมองลงอีกครั้ง พลางนึกไปถึงยังครั้งอดีต ในครั้งที่ได้รับการรักษาจากหญิงงามเบื้องหน้า หากในวันนั้นไม่มีหญิงสาวผู้นี้ เกรงว่าเขาเองก็คงจะตายไปแล้ว
“อย่าได้พูดเช่นนั้นเลย บุญคุณอันใดกัน? ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย ท่านกับข้าเป็นสหายกัน มีปัญหาอะไรก็ย่อมต้องคอยช่วยเหลือกัน ฉะนั้นข้าไม่เคยคิดว่าท่านเป็นหนี้บุญคุณอะไรข้าเลย” น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้น ดวงตาคู่งามพลันจ้องไปที่สหายเก่าด้วยความซาบซึ้ง
“มีปัญหาอะไรก็คอยช่วยเหลือกัน นั้นสินะ..งั้นครั้งนี้ก็ถึงคราวที่ข้าต้องช่วยท่านบ้างแล้ว หวังว่าท่านจะหาความสุขให้กับตัวเองบ้างนะ” ราชาแห่งนรกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างเป็นกันเอง เขาโบกสะบัดมือหนึ่งครั้งพลังงานสีดำสายหนึ่งก็หมุนวนรอบตัวเซียนโอสถชิงอี
วูซซซซซ
“หาความสุข เอ๊ะ!! ท่านกำลังพูดสิ่งใดกะ —” เซียนโอสถชิงอีที่กำลังเอ่ยทักท้วงด้วยใบหน้าตกใจอยู่ ทว่าจู่ๆ ทิวทัศน์รอบด้านพลันบิดเบี้ยว สติของหญิงสาวก็วูบดับลงไป
“ข้าหวังว่าท่านจะใช้ชีวิตใหม่ให้คุ้มค่า อย่าได้มัวแต่ช่วยเหลือคนรอบข้างจนลืมหาความสุขใส่ตนเอง เหมือนดั่งชีวิตที่แล้วของท่านอีกหล่ะ” หลังจากวิญญานของเซียนโอสถชิงอีหายไปแล้ว ราชาแห่งนรกเอ่ยออกมาอย่างด้วยน้ำเสียงมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ…เมื่อได้ตอบแทนบุญคุณของหญิงสาวที่เป็นดั่งรักแรกพบ
| ยินดีต้อนรับนะอ่านทุกท่านเลยนะครัช หากมีคำผิดหรืออยากให้แก้ไขส่วนใดของเนื้อหาโปรดแจ้งเลยนะครัช ขอบคุณครัชที่สนับสนุน |
...บทที่ ๑ — ลั่วชิงอี...
ณ แดนมนุษย์ ทวีปเทียนจุน
วิ๊งงง ออร่าแสงสีดำอาบลงบนร่างของเด็กสาวคนนึงที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้าภายในป่า
“โอ้ยย ราชานรก ท่านทำอันใดกับข้ากัน…เนี้ย ? ”เซียนโอสถชิงอีคิดกับตัวเองพลางยันกายลุกขึ้นมานั่ง พร้อมความมึนงงหลายส่วนที่โลดเต้นอยู่ภายในหัว
หลังจากที่ลุกขึ้นได้แล้วเซียนโอสถชิงอีก็ได้เดินไปที่ธารน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหาน้ำมาล้างหน้าให้หายจากอาการมึนงง…ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่พอที่มาถึงแล้วกำลังจะก้มหน้าเตรียมที่จะล้างหน้าอยู่นั้น นางก็มองเห็นเงาสะท้อนของตนเองที่อยู่บนเงาสะท้อนของน้ำเป็นใบหน้าของเด็กสาวแปลกหน้าที่ตัวนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“นี้มันเรื่องบ้าบออันใดกัน ? ”
หลักจากที่เซียนโอสถชิงอีสงบจิตใจได้สักพัก จนสรุปได้ว่าตนเองโดนราชานรกส่งมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวรูปโฉมงดงามคนหนึ่ง จากความทรงจําของร่างนี้…เซียนโอสถชิงอีจึงสรุปได้ว่า ร่างที่ตนเองได้มาอาศัยอยู่นั้นมีนามว่าลั่วชิงอีเป็นลูกสาวบุญธรรมของลั่วชิงหยาง ลูกชายคนรอง ของผู้นำตระกูลลั่วคนปัจจุบัน ลั่วหมิงเทียน ตระกูลลั่วเป็น 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ ในเมืองเมฆาคราม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทวีปเทียนจุน
ในตระกูลลั่วนั้น ลั่วชิงอีถูกปฏิบัติไม่ต่างกับขยะ หลังจากที่พ่อบุญธรรมของลั่วชิงอีได้ตายจากไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ...
ลั่วชิงอีที่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดีในฐานะคุณหนูของตระกูลลั่ว ก็แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นางต้องโดนกลั่นแกล้งสารพัดจากผู้เยาว์ในตระกูลทั้งการข่มเหง รังแก หรือทำร้ายร่างกาย
อีกทั้งระดับลมปราณของลั่วชิงอีเองก็ไม่ต่างจากขยะ ตั้งแต่ อายุ 8 ปี จนถึงปัจจุบันนั้น ตัวของลั่วชิงอีนั้นไม่อาจเลื่อนระดับลมปราณขึ้นได้เลยแม้แต่ขั้นเดียว จึงเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่ในตระกูลต่างตราหน้าว่า นางเป็นขยะประจำตระกูล
ส่วนร่างของลั่วชิงอีที่มานอนตายทอดร่างอยู่กลางป่านั้น สาเหตุมาจากถูกเหล่ารุ่นเยาว์สตรีในตระกูลอิจฉาในรูปโฉมอันงดงาม
ลั่วชิงอีที่ถูกหลอกว่าจะมาเที่ยวเล่นในป่าด้วยความที่ยังเด็กอ่อนต่อโลกและต้องการมีเพื่อน…นางจึงไม่ปฏิเสธ ที่จะตามมาด้วย ผลสุดท้ายก็โดนวางยาในอาหารที่เตรียมมาให้ลั่วชิงอีกิน
ลั่วชิงอีหลังจากกินอาหารมีพิษเข้าไปนั้น ตัวนางก็ล้มตัวลงนอนกับพื้นร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือด้วยอาการเจ็บปวดคล้ายโดนไฟเผาก็มิปาน ทว่าพวกสตรีรุ่นเยาว์นั้นหาได้สนใจไม่ ! พวกนางจากไปพร้อมทิ้งลั่วชิงอีให้ตายอยู่ในป่าเพียงลำพัง
“อดีตของเจ้าเด็กนี้ช่างน่าแค้นใจยิ่ง” เซียนโอสถชิงอีที่ได้รับรู้ถึงอดีตเจ้าของร่างนามลั่วชิงอีนั้น ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ
เซียนโอสถชิงอีนั้นตั้งแต่เกิดมานั้น นางหาได้เคยมีความแค้นอันลึกล้ำอันใดกับใคร… ด้วยบุญคุณมากมายที่สร้างไว้ครั้งที่ยังอยู่แดนเซียน ทำให้ตัวนางไม่เคยต้องมีเรื่องบาดหมางกับใครจนถึงกับต้องโกรธแค้นอะไร ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เซียนโอสถเช่นนางรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างแท้จริง
“ไม่ต้องห่วงเจ้าหนู ด้วยร่างกายที่ข้าได้รับมาจากเจ้า ข้าย่อมต้องตอบแทนด้วยการตามล้างแค้นคนที่เคยทําไม่ดีไว้กับเจ้าให้เอง ข้าขอสัญญา” เซียนโอสถกล่าวออกมาด้วยใบหน้ามุ่งมั่น พร้อมจิตสังหารที่เล็ดลอดออกมาจากดวงตาสีฟ้าครามสด ในครั้งอยู่แดนเซียนนั้นถึงไม่เคยได้มีความแค้นอันใดกับใคร แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่เคยฆ่าคนมาก่อน ถึงจะไม่ได้มากมายแต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน
เซียนโอสถชิงอีนั้นถือคติ ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ ดังนั้นจึงมีไม่น้อยที่มีคนหวังจะฆ่าเซียนโอสถเช่นนางเพื่อฉกชิง สมบัติ โอสถ และอย่างอื่นต่างๆนาๆอีกมากมายที่ได้จากการตอบแทนบุญคุณจากบุคคลที่ตัวนางเคยช่วยเหลือเอาไว้
ถึงแม้นางจะไม่ต้องการสมบัติเหล่านั้นก็ตาม แต่เมื่อได้รับมา แล้ว จะถือว่าเป็นสมบัติของตัวเอง ใครที่คิดจะมาฉกชิงไปนั้น ก็จะได้เจอกับอีกด้านของเซียนโอสถที่สามารถฆ่าคนได้ด้วยร้อยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้างาม
เมื่อเซียนโอสถชิงอีตั้งเป้าหมายที่จะแก้แค้นแทนลั่วชิงอีคนเก่าได้แล้วนั้น เซียนโอสถชิงอีก็เริ่มตรวจร่างกายที่ได้รับมาในทันที
“ฮึ ! เป็นแค่พิษอันต่ำต้อย…กล้ามาอยู่ในร่างของเซียนโอสถเช่นข้างั้นหรือ…” หลังจากสำรวจร่างกายเสร็จ เซียนโอสถชิงอีก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกับเริ่มเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่างทันที
“บัดซบ!! ทำไมลมปราณข้าถึงได้น้อยนิดต่ำต้อยเพียงนี้” ขณะที่กำลังจะเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่าง เซียนโอสถชิงอีก็สบถออกมาด้วยไม่พอใจอย่างยิ่ง เมื่อทราบถึงระดับลมปราณของตนเองเพียง ปราณสร้างรากฐานขั้นที่ 2 ถือว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียว
ในอดีตนั้นเซียนโอสถชิงอีเคยมีระดับลมปราณถึงระดับขอบเขตครึ่งก้าวเซียนพิภพ หลังจากที่ตัวนางไม่อาจเดินลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่างได้ เซียนโอสถชิงอีจึงเริ่มนั่งสมาธิเพื่อเปิดจุดชีพจรเพิ่มเพื่อเลื่อนระดับพลังปราณให้กับร่างกายนี้
“ฮึ ! ลมปราณต่ำต้อยยังไม่พอ ยังโดนพิษสกัดชีพจร ทำให้ไม่สามารถเดินลมปราณผ่านชีพจรไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้อีกงั้นหรือ?” หลังจากเดินลมปราณไปได้สักพักก็ไปเจอกับจุดชีพจรที่ไม่สามารถเดินลมปราณผ่านไปได้
“ไร้สาระยิ่งนัก” เซียนโอสถชิงอีสบถออกมา นางเริ่มเดินลมปราณใหม่อีกครั้งโดยครั้งนี้ใช้ออกมาด้วย เคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์ ในครั้งอดีตเคล็ดลมปราณนี้ตัวนางได้รับมาจาก เซียนกระบี่ค้ำฟ้า จากตอนที่นางเคยช่วยเขาเอาไว้ในสงครามสามภพเมื่อห้าร้อยปีก่อน
ในครั้งนั้นเซียนกระบี่ค้ำฟ้าได้มอบเคล็ดวิชาแก่เซียนโอสถชิงอีเอาไว้มากมายรวมทั้งเคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์นี้ด้วย เคล็ดวิชาจากเซียนกระบี่อันดับหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตเซียนฟ้าไฉนเลยจะอ่อนหัด แต่ละเคล็ดวิชานั้นล้วนเป็นที่หวาดหวั่นกรั่นเกรงทั่วทั้งแดนเซียนเลยด้วยซ้ำ
เซียนโอสถชิงอีในยามนั้น ตัวนางมิได้สนใจการต่อสู้หรือทำสงครามสักเท่าใดนัก นางสนใจแค่การรักษาผู้คนเพียงเท่านั้น จึงรับไว้เพียง 1 เคล็ดวิชา 1 เคล็ดลมปราณเพียงเท่านั้น เคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์ก็เป็น 1 ในนั้น
ปัง ปัง ปัง ปัง
ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วยาม ที่เดินลมปราณด้วยเคล็ดลมปราณเมฆาสวรรค์อยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นภายในตันเถียนของเซียนโอสถชิงอีเรื่อยๆเป็นระยะ
“ปราณสร้างรากฐานขั้นที่ 6 ข้าใช้เวลาไป 2 ชั่วยามครึ่งก็เลื่อนมาถึงขั้นนี้แล้ว เคล็ดลมปราณของเซียนกระบี่ค้ำฟ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก” หลังจากผ่านไปอีก 1 ชั่วยามเซียนโอสถชิงอีก็หัวเราะออกมาด้วยความพอใจหลังจากทราบระดับพลังปราณที่เลื่อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ฮืม ! เปิดชีพจรได้แค่ 12 จุด จาก 36 จุด สงสัยคงต้องรอให้ระดับสูงกว่านี้ก่อนค่อยเปิดจุดชีพจรอีกทีก็ยังไม่สาย” เซียนโอสถชิงอีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง หลังจากเปิดจุดชีพจร พร้อมขับพิษออกจากร่างเรียบร้อยแล้ว
หลังจากสำรวจตัวเองเสร็จเซียนโอสถชิงอีก็ทบทวน เคล็ดวิชาที่ได้รับจากเซียนกระบี่ค้ำฟ้าอีก 1 เคล็ดวิชาทันที นั้นคือเคล็ดวิชาท่าเท้าท่องคลื่น ซึ่งมีทั้งหมด 4 ขั้น
ขั้นที่ 1 ย่างก้าววายุ – เพิ่มความเร็วฝีเท้าให้รวดเร็วดุจพยัคฆ์
ขั้นที่ 2 ท่องคลื่นเมฆา – เพิ่มความเร็วการเคลื่อนไหวในระยะสั้นให้ว่องไวดุจอัสนี
ขันที 3 เหยียบเมฆา – สามารถเหยียบอากาศได้ดุจเหยียบพื้นดิน
วันที่ 4 เดินทางพันลี้ – เดินทางระยะไกลผ่านห้วงมิติ
•จากนี้ขอเรียกน้องว่าลั่วชิงอีเลยนะครัช•
ขณะนี้ลั่วชิงอีใช้ออกมาได้แค่ขั้นที่ 1 ย่างก้าววายุ เพียงเท่านั้น เคล็ดวิชาที่เหลือล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการปรุงยาทั้งสิ้นตอน จึงทำให้นางยังไม่ได้ทบทวนเคล็ดวิชาอื่นเพิ่มแต่อย่างใด แต่ละเคล็ดวิชาที่ใช้ออกไปนั้น บางเคล็ดวิชาก็ขึ้นอยู่กับระดับลมปราณของผู้ใช้จึงจะสามารถเรียนรู้ได้
พอจัดการอะไรเสร็จสรรพ ยามนี้ตะวันก็ลับขอบฟ้าแล้ว ลั่วชิงอีจึงตัดสินใจกลับไปยังตระกูลลั่วจากความทรงจำของลั่วชิงอีคนเก่าเพื่อกลับไปพักผ่อนและเตรียมความพร้อมสำหรับวันต่อไป
ฟิ้ววววววว
ลั่วชิงอีที่ใช้ออกด้วยย่างก้าววายุ…นางเดินทางกลับตามความทรงจำของลั่วชิงอีคนเก่า ไม่นานก็กลับมาถึงหน้าซุ้มประตูขนาดใหญ่ ที่มีป้ายสลักไว้ว่า ตระกูลลั่ว ที่หน้าประตูตอนนี้ปรากฏยามยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู 2 คน ระดับลม ปราณหลอมรวม ขั้นที่ 2 และ 3 ถือว่าไม่น้อยเลย สําหรับยามเฝ้าประตู
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!