NovelToon NovelToon

หลอนจิตหลุด

เบญจเพส ตอนที่1

“เราห่างกันสักพักเถอะนะ…”

          ‘อะไรกัน ทำไมกัน?’ เฟยได้แต่ยืนเงียบ พลางคิดไม่ตกว่าเหตุใด แฟนสาวที่คบกันมา5ปีถึงมาขอห่างกับเขา

           “ทำไมล่ะอิง ปลายปีนี้เราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้วนะ มันเกิดอะไรขึ้นหรืออิง หรือเราทำอะไรผิด”

           “ไม่ใช่ความผิดเธอนะ อิงแค่….” อิงหยุดคิด พลางกัดริมฝีปากแน่น “แค่อยากอยู่คนเดียวสักพัก อยากทบทวนอะไรหลายๆอย่าง”

            เฟยได้แต่ยืนตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาที่กลั้นไว้พร้อมจะไหลออกมา ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไม ‘คำว่าห่างกันสักพัก’ นี่ ห่างถึงไหน จะกลับมาหากันหรือเปล่า จะกลับมาแบบไหน หรือจะหายจากกันไปเลย 

งานวิวาห์ที่วางแผนกันไว้ จะได้เกิดขึ้นไหม 

          กริ๊งงง กริ๊งงง~~

          เฟยสะดุ้ง หลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รู้ตัวอีกที บรรยากาศให้ห้องก็มืด และเงียบเหงามาก แสงจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน พอให้มองเห็นภายในห้อง เฟยเดินไปรับโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของเขา และเดินไปเปิดไฟ

       “ ฮัลโล ไอ้เฟย ทำไมรับสายช้าจังวะ กูมีเรื่องจะบอกมึงว่ะ แต่มึงต้องเตรียมใจไว้ดีๆนะ” เสียงจากปลายสายพูดด้วยความตื่นตระหนก

       “ว่าไงวะที กูไม่ค่อยมีอารมณ์อยากคุยว่ะ”

        “ไม่ได้ เรื่องนี้มึงต้องรู้ เพราะมันเกี่ยวกับ ‘อิง’ แฟนของมึง” 

        เมื่อได้ยินชื่อแฟนสาว เฟยก็เริ่มสนใจขึ้นมา พลางเดินออกไปคุยที่ระเบียง

         “คือ… กูเห็นอิง แฟนมึงเค้าอยู่โรงแรมกับผู้ชาย”

          ปึก!!!

         โทรศัพท์หลุดจากมือชายหนุ่มที่ยืนค้าง น้ำตาคลอเบ้าตา หรือนี่คือเหตุผลจริงๆของอิงกันแน่

          ติ๋งง~ 

          ทีส่งรูปภาพถึงคุณ

          รูปที่เฟยเห็นนั้น คือรูปแฟนสาวเดินเข้าโรงแรมกับชายหนุ่มปริศนา ที่เห็นแค่แผ่นหลัง มือชายหนุ่มโอบกอดเอวของหญิงสาวอย่างสนิทสนม หน้าตาหญิงสาวยิ้มร่า เผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่สุดแสนจะมีความสุข

         ‘กูถ่ายทันได้แค่นี้ เค้ากดลิฟต์ขึ้นไปก่อนกูจะตามทัน’ ทีพิมพ์ข้อความตามมา

         ‘มันจบแล้วจริงๆสินะ ที่ขอห่างกันสักพักมันคงเป็นแค่ข้ออ้าง เธอคงไม่คิดจะกลับมาหาเราอีกแล้ว ทำไมมันเจ็บปวดเหลือเกิน’

         ทีได้แต่คิด นึกเจ็บปวดในใจอยู่ตลอดเวลา เขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี เขาอยากจะหนีไปไกลๆ ตัดขาดจากทุกอย่าง ตัดขาดจากทุกคน และตัดขาดจากเธอ….

3วันผ่านไป

เฟยตัดสินใจ จะหนีจากปัญหาทุกอย่าง หันหน้าเข้าพึ่งทางธรรม หลังจากที่กล้าไปประชันหน้า เค้นความจริงจากอดีตแฟนสาว ซึ่งหล่อนก็ยอมรับแต่โดยดี แต่พลาดที่ไม่ได้เห็นหน้าชายชู้คนนั้น 

“แน่ใจแล้วหรือลูก ที่จะทำแบบนี้” เสียงของผู้เป็นแม่  เอ่ยถามขึ้นหลังจากลูกชายที่เป็นแก้วตาดวงใจ ตัดสินใจว่าจะขอบวช

“ครับแม่ ก็ตั้งแต่เกิด ผมก็ยังไม่เคยบวชเลยนะครับ จนตอนนี้อายุ25แล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าผมบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่นะครับ”

“แล้วคิดจะบวชกี่วันล่ะ” พ่อผู้เป็นอดีตนายทหารถามลูกชาย “ถ้าคิดจะบวชเพราะโดนผู้หญิงทิ้ง แกอย่าบวชเลยดีกว่า เสียเวลาเปล่าๆ วัดวาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ ควรจะบวชด้วยใจ”

“ผมตัดสินใจแล้ว พ่อน่าจะภูมิใจบ้างนะ ลูกอยากบวชให้”

“ก็เพราะแกไม่ได้คิดถึงพ่อแม่แกมาเป็นอย่างแรก ลองแกไม่เสียแฟนไป แกจะคิดถึงพวกฉันบ้างไหม แกจะโผล่หน้ามาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างไหม!!!?”

พ่ออดีตทหารผู้มีนิสัยแข็งกระด้าง ตรงไปตรงมา ตะโกนใส่เฟย หลักจากที่ลูกชายหายหน้าหายตาไปอยู่เมืองกรุงเทพกับแฟนสาวนานถึง5ปี ไม่เคยโทรศัพท์หา ไม่เคยมาเยี่ยม โทรศัพท์หาก็ไม่เคยจะรับสาย จะนึกถึงพ่อแม่แค่ตอนตนลำบากเท่านั้น

“ผมตัดสินใจจะบวช พ่อไม่อยากไปงานผมก็ไม่ต้องไปนะ ผมมีแม่อยู่ ผมบวชของผมเองได้”

“ไอ้เฟย!!”

“พอก่อนเถอะนะ ทั้งสองคนพ่อลูก นี่เฟย ลูกอยากบวชวันไหน บวชกี่วัน”

“บวชไม่สึก ผมอยากได้วัดที่สงบๆ ไม่ต้องมีอะไรมารบกวนมาก”

“ถ้าตัดสินใจได้แล้ว พรุ่งนี้เตรียมตัวนะ แม่จะพาไปหาหลวงพ่อแต่เช้า ไปดูฤกษ์บวช”

“ไม่ต้องดูหรอกแม่ รีบๆบวชไปเถอะ ”

“อ่ะๆ ตามใจ” แม่ผู้ไม่เคยขัดใจลูกชาย ไม่เคยดุด่าต่อว่า ให้ท้ายลูกชายตลอดจนลูกเสียนิสัย เพราะคิดแค่ว่า อย่างไรเขาก็เป็นลูก

เช้าวันต่อมา

“เอ็งอายุ25แล้วนะ เบญจเพสแล้วนะ จะบวชเรียนเข้าวัด ไม่คิดจะให้อาตมาดูฤกษ์บวชจริงๆหรือ ช่วงนี้ดวงตกน่ะ เจ้ากรรมนายเวรผีสางผีเปรตมันเข้าหาเราง่าย”  หลวงตาอาวุโสได้กล่าวกับเฟยและแม่

วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ วัดป่าที่มีต้นไม้สูง บรรยากาศเงียบสงบ มีลิงมีค่างปีนป่ายตามต้นไม้สูง ส่งเสียงร้องหาอาหาร บ้างก็ร้องหาคู่ระงมทั้วป่า บ้างก็เสียงนกเสียงการ้องเรียกเพรียกหากัน บรรยากาศช่สงเหมาะแก่การมาพักผ่อนจิตใจ

“ไม่เป็นไรครับหลวงตา ผมพร้อม” เฟยยืนยัน

“ถ้าเอ็งยืนยันแบบนั้น อาตมาก็จะไม่ขัดใจ คืนนี้ก็นอนวัด เตรียมตัวท่องบทขอลาบวชให้ได้ แล้วเตรียมของมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

“เรียบร้อยเจ้าค่ะ อย่างไรก็ฝากลูกชายอิฉันด้วยนะเจ้าคะ”

“อืม ไม่ต้องห่วง ขอแค่ลูกเอ็งตั้งใจ และไม่ทำอะไรที่มันผิดที่มันไม่ดี มันก็ไม่เป็นอะไร หรอกโยม”

เมื่อเฟยเดินไปส่งแม่ที่รถเสร็จก็เป็นเวลาเกือบบ่ายแล้ว หลวงตาให้เณรพาเฟยนำข้าวของไปเก็บ ซึ่งช่วงก่อนบวช เฟยจะได้อาศัยอยู่กับ เจ้าบ้ง เด็กวัดที่กำพร้ามาตั้งแต่เด็กๆ ลักษณะท่าทางดูกวนขัดหูขัดตาชอบกล

“พี่นอนกับผมไปก่อนนะช่วงนี้ จัดข้าวของตามสบายนะพี่ เดี๋ยวผมไปเตรียมของมาให้ เอ้อ แต่พี่อย่านอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกนะ มันเป็นทางไปป่าช้าเก่า” เจ้าบ้งได้เอ่ยปากเตือน เฟยขมวดคิ้ว หรือเด็กมันแค่จะอำให้เรากลัว ถึงจะสงสัยบ้าง แต่ก็ไม่ถามให้เสียเวลา เนื่องจากเดินทางไกลหลายสิบกว่ากิโลเมตร

“อืม ขอบใจ พี่ว่าจะพักผ่อนสักหน่อย เอ็งค่อยเอาของมาให้ทีหลังแล้วกัน”

“อืม” บ้งตอบสั้นๆ

เมื่อจัดหมอนจัดผ้าห่มเรียบร้อย ก็เอนหลังเตรียมตัวนอน บรรกาศเย็นสบายแบบนี้ เสียงลมพัดเบา เสียงนกร้องเป็นระยะๆ เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ในกรุงเทพ ทำให้เฟยค่อยๆเคลิ้มหลับไปทีละนิด ทีละนิด

 

เบญจเพส ตอนที่2

      ฮึกก ฮึกก

      ‘ขยับตัวไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกัน!!!’

       เฟยคิดในใจ เพราะรู้สึกตัว กะว่าจะตื่นขึ้นมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย แต่ทำไมกลับขยับตัวไม่ได้ เขานอนในท่านอนตะแครงขวา ผ้าห่มคลุมหัวไปซีกหนึ่ง

    

      ‘ขยับตัวไม่ได้ ใครก็ได้เข้ามาในนี้ที มาช่วยฉันที’

 

       ตึก ตึก ตึก 

       เสียงคนเดินบันไดขึ้นมา สงสัยจะเป็นบ้งที่เข้ามาปลุกเฟยเป็นแน่

       

       ตึก ตึก ตึก

       

       บ้งเดินขึ้นมาจนสุดปลายบันไดแล้วแน่ๆ เฟยมองลอดใต้ผ้าห่มที่ปิดตาอยู่ซีกหนึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นเท้าเปล่าเปลือย ในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นบ้ง จึงพยายามร้องให้บ้งปลุกตน

      

     ‘บ้ง ปลุกพี่ที พี่ตื่นแล้ว’  เฟย พยายามร้องเรียกอย่างสุดเสียง แต่ทำไมเสียงไม่ออก ทำไมเหมือนไม่มีใครได้ยินเขาเลย

       

      เท้าเปล่านั้นค่อยๆเดินมาทางเฟย เดินมาหาเค้าอย่างช้าๆช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเอง!!!

    

      เท้านั้นกลับเดินข้ามหัวเขาไป เดินอ้อมไปข้างหลังเขา และเดินวนรอบรอบตัวเขา ฟูกที่เขาปูนอนนั้นยุบย้วยลงไปตามน้ำหนักเท้า  

    

      ‘ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเข้ามาหาฉันที’  ในใจชายหนุ่มนั้นคิดไว้แล้วว่าเจ้าของเท้านั้นต้องไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่

      ‘ ช่วยผมด้วย ออกไปสักที!!!!!’ ขณะที่เขานอนร้องไห้อยู่นั้น เท้าเปล่านั้นก็ได้ก้าวมาเหยียบตรงหัวของเขา ทั้งเหยียบและกดขยี้เขาอย่างแรง จนเค้าเริ่มจะหายใจไม่ออก

ภายในใจนึกถึงแต่พ่อและแม่ หวังว่าพ่อและแม่จะมาช่วยเขาได้ทัน

       หึหึหึหึ  หึหึหึหึหึ หึหึหึ!!!!

      

        เสียงแหลมโทนผู้หญิงของเจ้าของเท้าที่เหยียบหัวเขาร้องหัวเราะอยู่ในลำคออยู่ข้างบนตัวเขา เสียงหัวเราะนั้นดังอยู่เกือบห้านาที

       

        ฟึ้บบบบบบบบบ ตึกๆๆๆๆๆๆ

        

        ทันใดนั้น เท้านั้นก็กระโดดข้ามหัวเขาไปและวิ่งลงบันไดไป เฟย ฟื้นคืนสติ ตกใจตื่นขึ้นมา เหงือแตกพลั่กทั่วตัว

ราวกลับไปวิ่งมาราธอนมา เค้าเหลือบไปมองบริเวณรอบรอบห้อง ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน

  

       ‘ หรือเราจะฝันไป แต่ทำไมมันเหมือนจริงเหลือเกิน’ เฟยคิด

       “ เราคงจะเหนื่อยเกินไป จึงทำให้เกิดภาพหลอน” เฟยพึมพำกับตนเอง พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

      “ล้างหน้าสักหน่อยคงจะดีขึ้น”

      “พี่ครับ ได้เวลาเตรียมตัวสวดมนตร์แล้ว หลวงตาให้ผมมาตาม” บ้งมาตามเฟย ทำให้เฟยแอบสังเกตเท้าของบ้ง เหมือนเท้าที่เขาเห็นในความฝันเมื่อครู่ไม่มีผิด แต่อาจจะคิดมากเกินไปก็ได้

       “อืม พี่ตามไปทีหลัง”

        หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเป็นอันเสร็จ เค้าก็ได้เข้าไปในศาลาโบสถ์ เพื่อเตรียมสวดมนต์บทขอขมาลาบวช 

      “ เรียบร้อยดีใช่ไหมโยม” หลวงตาทักเฟย แต่เค้าสังเกตุเห็นสีหน้าของหลวงตาไม่ค่อยดี เหมือนมีอะไรอยากจะบอกเขา แต่ไม่กล้าบอกอย่างไรไม่รู้

   

       “ ก็เรียบร้อยดีครับ”

 

       “ ถ้ามีอะไรให้ปรึกษาเด็กวัดได้นะโยม ปรึกษาให้เข้าใจ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”

        เฟยพยักหน้ารับหลวงตา แต่เค้าสังเกตุเห็นความกังวลบนสีหน้าของหลวงตา ‘ มันคืออะไรกันน?’

    ‘  นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ’

 

  ขณะที่สวดมนตร์อยู่นั้น ชายหนุ่มสังเกตุเห็นว่า หลวงตาได้ชำเลืองมองเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากอะไรกับเขาสักคำ

“ ตั้งใจนะโยม ระหว่างสวดก็แผ่เมตตาไปด้วย มันจะเป็นการดียิ่งขึ้น” 

‘งมงายชะมัด ก็แค่สวดๆไป ฉันมาที่นี่แค่อยากห่างไกลจากผู้คน ก็แค่นั้น…..’  เฟยคิดในใจ 

‘ แต่ปวดไหล่จังเลยว่ะ สงสัยจะนอนผิดท่า ที่นอนก็แข็งเหลือเกิน นี่ฉันคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่มาที่นี่’

“ เสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะโยม ก่อนเข้านอนก็อย่าลืมสวดมนต์ด้วยนะ” หลวงตากำชับ

“ครับ”

‘ สวดบ้าบออะไร เหนื่อยจะแย่’

หลังจากซ้อมบทสวดมนตร์เสร็จ เขาและบ้ง ก็เดินกลับที่พักด้วยกัน ระหว่างทางก็มีแต่ป่าและต้นไม้สูง แต่แปลกที่กลางคืนเงียบสงบผิดปกติ ไม่มีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องเรียก ลมก็เงียบสงบเหลือเกิน ไม่มีแม้กระทั่งใบไม้ไหว มีแค่เสียงเท้าที่เหยียบใบไม้แห้งตามทาง แสงไฟริบหรี่จากตะเกียง ทำให้เห็นแค่ปลายทางข้างหน้าไม่กี่เมตร 

“ผมจะนอนกับพี่แค่คืนนี้คืนเดียวนะ หลังจากนี้พี่ต้องนอนคนเดียว พี่ต้องฝึกจิต เพราะถ้าพี่บวชจริงๆพี่ก็ต้องนอนคนเดียว”  บ้งพูดเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความกังวล 

“เออ จริงๆปล่อยฉันนอนคนเดียวคืนนี้ก็ได้นะ ถ้าเอ็งไม่สะดวก” 

‘ไอ้เด็กนี่น่าหงุดหงิดเสียจริง คิดดูถูกฉันหรือไง’

“คืนนี้ผมต้องอยู่กับพี่ก่อน หลวงตาสั่งไว้”

เมื่อมาถึงกุฎิที่พัก เฟยและบ้งเด็กวัด ก็แยกย้ายจัดแจงที่นอน โดยนอนคนละฝั่งของกุฎิ

 “สวดมนต์ก่อนนะพี่ หลวงตากำชับไว้”

“วันนี้ขอผ่านก่อนเถอะ ตาจะปิดอยู่แล้ว”

“แล้วแต่พี่แล้วกัน ผมไม่เกี่ยวด้วยอยู่แล้ว” บ้งตอบกลับแบบเอือมๆ ชีวิตใครมันแล้วกัน เขาจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว

หลังจากจัดแจงที่นอนกันเสร็จ เฟยก็ล้มตัวลงนอน ดับตะเกียงข้างหัวนอนเรียบร้อย ตาก็เริ่มหนัก และหลับไป

เฟยฝัน ฝันเห็นกุฏิที่ตนนอนอยู่ จากสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูง กลับเป็นพื้นที่โล่งเตียน เขามองไปที่หน้าต่างข้างเขา 

‘นั่นมันอะไร เงาอะไรอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่น ลักษณะคล้ายหัวของอะไรบางอย่าง’

เบญจเพส ตอนที่3

        สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นข้างนอกหน้าต่างนั้น ดูคล้ายกับศีรษะของมนุษย์ เฟยเพ่งเล็งดูดีๆ จึงเห็นว่าไม่ได้มีแค่ศีรษะเดียว แต่มีถึงสี่ ลักษณะเหมือนมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ คล้ายหัวโขนที่ใช้ครอบศีรษะในการแสดง บ้างก็รูปหน้ายักษ์เขียว บ้างก็หน้ายักษ์สีแดง ถูกไม้เสียบอยู่ข้างนอกหน้าต่าง เป็นเพียงหัวโขน แต่เหตุใดจึงมีเลือดไหลออกมาจากหัวนั้น เลือดไหลลงตามไม้ ยิ่งมองยิ่งน่ากลัว ศีรษะเหล่านั้นล้วนจ้องเขม็งมาทางเขา หน้าโหดดวงตาคมกริบ ทำให้เขาขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทันใดนั้นเอง

    

      ฟุ่บบบบบ

   

      ไฟลุกท่วม ไหม้หัวเหล่านั้น พลางมีเสียงกรีดร้องของชายหญิงที่ดังออกมาจากหัวโขน 

 

      “ กรี๊ดดดด ร้อนนน ช่วยด้วย”  เสียงร้องดังระงมไปทั่ว ไฟเริ่มลุกไหม้ ลามมาหาเฟย 

       ‘อะไรอีกวะเนี่ย!!!!’ ชายหนุ่มคิด เมื่อเห็นบางอย่าง กำลังเดินเข้ามาหาเขา

        สิ่งที่เขาเห็น คือพระหนุ่มรูปหนึ่ง กำลังเดินมาหาเขาอย่างช้า และหยุดที่ปลายเท้าเขา พระรูปนั้นยืนนิ่ง จ้องมาที่เขาตาไม่กระพริบ เหมือนกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี 

   

         ‘เฮ้ยยยยย อย่าๆๆๆๆ !!! ช่วยด้วย’  เฟยได้แต่ขอร้องในใจ แม้จะรู้ว่าไม่มีใครได้ยินเขาเลยก็ตาม

         “ ไม่มีใครมาช่วยมึงหรอก ถึงคราวมึงแล้ว” พระหนุ่มพูดเสียงแข็ง พลางหัวเราะในลำคอ

          เฟยที่ยังไม่ทันได้ระวังตัว ก็ต้องตกใจ เมื่อพระรูปนั้น ได้วิ่งเข้ามา แล้วดึกขาเขา และลากเขาออกจากที่นอน

        ‘ช่วยด้วยย ช่วยด้วยยย’

        ‘หึหึหึหึหึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า’

         ขาเฟยถูกยกขึ้นสูง พร้อมถูกลากยาวโดยพระหนุ่มรูปนั้น แม้ว่าเฟยจะพยายามร้องขอให้พระปล่อยเขา แต่ก็ไม่เป็นผล เขาโดนลากออกจากห้อง และโดนลากผ่านหัวโขนที่โดนเสียบประจานอยู่ข้างนอกหน้าต่าง หัวเหล่านั้นค่อยๆหันมามองตามร่างที่ถูกลากออกไป เลือดข้นหนืดค่อยๆไหลออกจากตาเหล่านั้น 

        ‘ฮ่า ฮ่า ฮ่า’  เสียงหัวเราะลั่น ดังก้องไปทั่วป่า

        “ม่ายยยยยยย”  เฟยสะดุ้งตื่น

        “พี่เฟย เป็นอะไร ร้องดังลั่น ตกใจหมดเลย” บ้งถาม พร้อมสะดุ้งตื่น

        ‘ฝันไปหรือนี่ เหมือนจริงอะไรขนาดนั้น’ เฟยคิด

        “ไม่มีอะไร พี่ฝันร้าย ขอโทษที”

          บ้งนอนต่อไม่วายจะทำท่าทางฟุดฟิดด้วยความหงุดหงิด 

          ‘มันก็แค่ความฝัน’ เฟยคิดในใจ

           เวลา 4.00 น. 

         ระฆังวัดดังขึ้น เฟยตื่นไปล้างหน้าล้างตา เพื่อไปศาลาโบสถ์ เตรียมตัวสวดมนต์ และตามหลวงตาไปบิณฑบาตร 

          "เป็นอะไรหรือเปล่าโยม หน้าตาดูซีดๆ นอนไม่หลับหรือ" หลวงตาถาม

          "หลับๆตื่นๆ แปลกที่น่ะครับ"

          หลวงตาพยักหน้ารับพลางยกบาตรขึ้นเตรียมออกบิณฑบาตร อากาศยามเช้าตรู่ช่างเย็นสดชื่น ทำให้เฟยรู้สึกได้เสพบรรยากาศอย่างเต็มที่ หมอกปลกคลุมตามชายป่า ทำให้เห็นทางเดินลางๆเท่านั้น

           'ไม่เห็นจะมีบ้านคนสักเท่าไหร่เลย บ้านแต่ละหลังก็ปิดเงียบ ไม่คิดจะมีใครมาใส่บาตรบ้างหรือไง' เฟยคิดในใจ หลังจากที่เห็นว่าไม่มีใครเปิดบ้านออกมาเลยสักหลัง

          'บ้านหลังนี้หลอนชะมัด ให้คนอยู่หรืผีอยู่กันแน่' เฟยคิดกับตัวเอง หลังจากเดินผ่านบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง สภาพเก่าทรุดโทรม ต้นไม้ต้นหญ้า เลื้อยปกคลุมตามตัวบ้าน ประตูหน้าต่างผุๆพังๆ หากเกิดพายุเข้าหนักๆ บ้านหลังนี้คงปลิวแน่ๆ ไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้

         เหมือนจะมีแค่เฟยที่สนใจบ้านหลังนี้แค่คนเดียว เพราะทั้งหลวงตา พระรูปอื่น หรือเจ้าบ้ง ก็ไม่มีใครสนใจมองบ้านเก่าหลังนี้

         "รอก่อนสิเจ้าคะ อิฉันยังไม่ได้ใส่บาตรเลย..."  เฟยหันหลังไปตามเสียง ได้เจอกับหญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวย ผิวขาวนวล ทาปากสีแดงสด ดูสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง ใส่เสื้อลายลูกไม้สีขาว ผ้าซิ่นสีแดงเลือดหมูสด นั่งรอใส่บาตรอยู่หน้าบ้านเก่าหลังที่เขาเดินผ่านมา

        'สวยขนาดนี้ ถ้าได้เจอแบบนี้ทุกวัน คงลืมนังแฟนทรยศได้แน่ๆ' เฟยคิดปนแค้นในใจ

        หญิงสาวหันมายิ้มบางๆให้เฟย

        "พี่จ้ะ ฉันอยากทำบุญ บอกพระมารับบุญจากฉันทีสิจ้ะ" 

    

          เฟยยิ้มพยักหน้ารับ

          "หลวงตา มีคนอยากใส่บาตร รอเขาก่อนสิครับ" 

            ทุกคนหันมามองเฝย ผู้ที่เดินอยู่ท้ายแถว ต่างทำหน้าตางงๆ

             "มีอะไรรึ" หลวงตาถาม

            "หญิงคนนั้นอยากใส่บาตรครับ รอเธอก่อนนะครับ" เฟยบอก พลางชี้ไปที่หน้าบ้าน ที่ที่หญิงสาวนั่งรออยู่

           "โยมพูดถึงใคร ไม่มีนะโยม ไปต่อกันได้แล้ว" 

           'ไม่มีได้อย่างไร ก็นั่งอยู่ตรงนั้น หรือเห็นว่าบ้านเก่าผุขนาดนี้ คงไม่มีปัญญาหาอาหารดีๆมาใส่บาตรล่ะสิ ' เฟยคิด พลางสงสารหญิงสาว เขาหันกลับไป เพื่อจะโบกมือลาเธอ แต่เธอกลับไม่อยู่แล้ว 

        'เธอคงจะเสียใจแน่ๆ คงเข้าบ้านไปแล้ว ทำไมเป็นพระต้องเลือกปฏิบัติด้วย แย่ชะมัด' คิดหงุดหงิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หล่อนเข้าบ้านไปแล้ว โอกาสที่จะได้เห็นหน้าใกล้ๆก็คงจะไม่มี

         "รอก่อนสิเจ้าคะ อิฉันยังไม่ได้ใส่บาตรเลย..." เสียงหญิงสาวดังมาจากข้างหลังของเฟย แต่ดูเหมือนเสียงจะใกล้กว่าเมื่อตอนแรก

        เฟยคิดดีใจ หล่อนคงจะเดินตามมาดักทางของหลวงตาเพื่อใส่บาตรแน่ๆ จะได้เห็นหน้าหล่อนแล้ว

        เขาหันหลังกลับไปทางต้นเสียง กลับไม่เจอหญิงสาว ไม่มีแม้แต่วี่แววของหล่อน หรือเขาจะหูฝาดไปเอง คิดไปพลางเดินต่อไป 

         "รอก่อนสิเจ้าคะ อิฉันยังไม่ได้ใส่บาตรเลย...." เสียงหล่อนดังขึ้นตามหลังอีกแล้ว และเสียงใกล้เข้ามากว่าเมื่อครู่เสียอีก เขาเริ่มเอะใจ เริ่มคิดไปทางที่ไม่ดี เจอดีเข้าแล้วสินะไอ้เฟยเอ้ย

        "รอก่อนสิเจ้าคะ " เสียงดังขึ้นมาอีก ใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ 

    

          กรอบ แกรบ ~

          ครั้งนี้ยังมีเสียงเดินตามมาจากข้างหลังอีก เสียงเดิน ปนเสียงเรียก ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปดู เพราะกลัวจะเจอในสิ่งที่ไม่อยากเจอ

         กรอบ แกรอบ~ 

          'รอด้วยสิจ้ะ รอฉันด้วย' หล่อนเดินตามหลังมาติดๆ

          'รอกูด้วย!!! กูบอกให้มึงรอกูไง!!!! '

          เสียงหญิงสาว ที่คิดว่าไม่น่าจะใช่หญิงสาวที่มีชีวิตแล้ว ตะโกนตามหลังมาติดๆ พร้อมทั้งเสียงวิ่งเต็มกำลังมาหาเฟย เสียงตะโกนไป วิ่งไป บอกให้รอ ตอนนี้เฟยเริ่มสติแตก รีบวิ่งแทรกพระรูปอื่นไปหาหลวงตาข้างหน้า 

        'กูบอกให้รอกู!!!!!' เสียงหล่อนยังตามมาอยู่เรื่อย เหมือนเจาะจงจะวิ่งมาทางเฟย 

        "หลวงตาๆ ช่วยด้วย ผีวิ่งตามมา!!"

         เฟยเกาะจีวรหลวงตา พลางชี้ไปข้างหลัง สิ่งที่เห็นคือ หญิงสาวหน้าสวย กลับกลายเป็นสาวหน้าผี ดวงตาลึกโบ๋ อ้าปากกว้าง เกือบฉีกถึงใบหู หัวเกือบล้านที่มีผมปะปนอยู่เป็นกระจุก เนื้อตัวเหี่ยวแห้ง มีตุ่มมีหนองเต็มตัว กำลังมาทางเขา

       "มันมาแล้วหลวงตา ทำอะไรสักอย่างสิ" เฟยเขย่าตัวหลวงตาที่ยืนนิ่งอยู่ 

       "ช่วยอะไรไม่ได้หรอกโยน มันถึงคราวของโยมแล้ว" หลวงตาหันมายิ้มให้เฟย ใบหน้าชุ่มไปด้วยเลือด 

       'หึหึหึหึ' 

     

        เสียงหัวเราะดังก้องขึ้น ทั้งพระ ทั้งเณรทั้งเด็กวัด หน้าตาบิดเบี้ยวผิดรูป หันมาหัวเราะใส่เฟยกันหมด

       "ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก" ผีหญิงสาวยื่นหน้ามาจากข้างหลังเฟย พลางสะแยะยิ้ม มือเหี่ยวย่นมีตุ่มหนองจับเข้าที่หน้าของเขาแน่น

  

       "ม่ายยยยยยย" เฟยตะโกนร้องลั่น

        'เฮือกกก' 

          เฟยสะดุ้งตื่น จับเนื้อตัวที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

           

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!