ในปี ค.ศ 3255 โลกได้จมสู่มหาสมุทรไป80% และเหลือแผ่นดินใหญ่เพียง5% นอกนั้นอีก15เป็นเกาะเล็กๆทั่วโลก ในช่วงเวลานั้นในทะเลได้เต็มไปด้วยอารยธรรมที่สวยงามจากการมีอยู่ของโลมาและมนุษย์ ซึ่งเวลานั้นโลมาได้สื่อสารกับมนุษย์ได้แล้ว เนื่องจากมนุษย์จากสัตว์บกได้วิวัฒนาการเหงือกได้หายใจแบบปลา แต่หน้าตาก็ยังเป็นมนุษย์ที่เราเข้าใจกันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ก้าวหน้าไปไกลมากกลับเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ได้เกิดการปฏิวัติของกลุ่มมนุษย์ชาวโคโรนี่นอกโลกที่ย้ายถิ่นฐานออกไปอาศัยเมื่อ1000ปีที่แล้ว

โดยได้ริเริ่มไปอาศัยอยู่ที่โคโรนี่ มีนามว่า "โคโรนี่ลอร์วเล" จากตระกูล เงเฟช ที่ต้นตระกูลของ ลอร์วเล | ลอร์วเลคือมนุษย์คนแรกที่ไปเหยียนโคโรนี่ จากการสร้างของ ตระกูล จีไก ,ที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล เงเฟช ที่ใช้เวลาสร้างโคโรนี่ 11 ช่วงชีวิตคน เนื่องจากนั้นการใช้เวลามากในการสร้างมัน ที่โคโรนี่และกลุ่มดาวสังเคราะห์จำนวนเล็ก ได้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยไปถึง 10000ปี

แต่ทางผู้นำโลกได้มาขอให้นำเทคโนโลยีบางส่วนที่สะดวกสบายเกินไป/ไร้ความจำเป็น/และไร้ความสนุกของการมีชีวิตและเป็นอยู่ของมนุษย์ ดังนั้นเทคโนโลยีเหล่านั้นก็ได้ถูกแบนและนำออก

นอกจากนั้นชาวทะเลทั้งโลกก็ได้ถือตัวเองเป็นพลเมืองชั้น1 และแยกชาวโคโรนี่/ชาวเกาะ/ดาวสังเคราะห์ ให้เป็นพลเมืองชั้น2และ3

ทำให้มีความขัดแย้งในบางส่วนสำหรับชาวทะเลและผู้อาศัยใกล้เคียงอื่นๆ ทางชาวทะเลได้มองชาวโคโรนี่และหมู่ดาวสังเคราะห์เป็นผู้ทรยศต่อธรรมชาติ จึงได้เกิดเหตุการนำเครื่องสแกนโลกมาใช้อย่างผิดๆ

-(เครื่องสแกนโลกถูกใช้เมื่อปี2371เพื่อศึกษาโครงสร้างของทั้งโลกเนื่องจากโลกนี่องค์ประกอบคือน้ำ80%ทำให้การสำรวจเป็นไปได้ยากแม้ว่าจะอาศัยอยู่ทะเลก็ตาม)-

และเอาข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญและคิดจะทำลายต้นตอของชีวิตที่อยู่ที่แกนโลกซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งถูกวิจัยว่าแค่เสียหายเพียงเล็กน้อยได้ทำให้โลมาสายพันธ์ุเก่าที่ยังไม่วิวัฒนาการได้สูญพันธ์ไปจำนวนมากและเหลือเพียง14สายพันธุ์จากทั้งโลก

และเมื่อปี2986 ชาวโคโรนี่และหมู่ดาวสังเคราะห์ ได้ร่วมมือกันเป็นพันธมิตรทางการต่อสู้ที่ไม่เรียกว่าทหารแต่เรียกตัวเองว่า "ผู้น่าละอายจากจักรวาล" เนื่องจากตั้งแต่ปีค.ศ 2423 ทั้งโลกตกลงกันเซ็นสัญญา ระหว่างทั้งมนุษยชาติเป็นสัญญาเด็ดขาดที่ว่าจะไม่มีการละเมิดสิทธิทางร่างกายของเพื่อนมนุษย์กันเด็ดขาด [ห้ามฆาตกรรม/ทรมานร่างกาย]

-โดยที่หากมีประชาชนจากประเทศใดที่ฝ่าฝืนกฏประเทศนั้นจะต้องรับผิดชอบโดยการ จับประชาชนผู้ทำความผิดไปโยนทิ้งในอวกาศ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทั้งโลกยอมรับไม่ได้

- และตระกูลของผู้ทำความผิดทุกคนจะได้รับโทษแบบนั้นทุกคน แม้ว่าจะเป็นลูกหลานที่เกิดมาใหม่แล้วไม่ได้เป็นทายาทเลยแม้แต่อย่างใด แต่ได้รับนามสกุลเนื่องจากเป็นเด็กกำพร้า โดยเคยมีคนตระกูลเศรษฐีที่เป็นเจ้าของบริษัทโรมแรม1/4ของโลก ตระกูล "นีเวยารี" ได้ถูกจับโยนออกอวกาศไปทุกคนรวมสมาชิกทั้งหมดถึง 241 คน

และจากนั้นมาหลายสหัสวรรษ ก็ไม่มีคดีนี้เกิดขึ้นอีกเลย

มีคืนนึงผมนอนไม่หลับผมจึงได้ลงมือบรรเลงอักษรอันน่ารังเกียจนี้ลงมาอย่างไม่รู้จบจนสำเร็จความใคร่ที่ปลายนิ้ว ก็แน่นอนว่าผมนอนหลับสนิทได้แล้วในบางคืน ผมจึงได้ลืมเรื่องราวพวกนี้ไปทั้งหมดมันไม่ใช่ฝันหรอก