I & Dear Dragon วัน ๆ ของข้ากับ(เทพ)มังกรที่รัก
อารัมภบท
“หยวนหยวน” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกสตรีที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการขัดพื้นไม้สักทอง
ใบหน้ามนละจากคราบฝังแน่นที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่จางลงเสียที “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกวันก็ได้”
เขาว่าอย่างอ่อนใจระคนเอ็นดูกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
“อ๊ะ เกล็ดท่านร่วงอีกแล้ว”
ดวงตาสีดำวาวโรจน์อย่างคนเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่
เมื่อพื้นที่เพิ่งขัดเงาแวววาวไปด้วยเกล็ดเล็ก ๆ บางใสราวอัญมณี
“รอบนี้ยัดลงถุงหอมหรือเครื่องรางดีนะ หรือท่านว่าทำเป็นพู่ประดับดี”
ประโยคขอความคิดเห็นทำเอาคนฟังแสดงสีหน้าเอือมระอาออกมาเด่นชัด
ทว่าอีกฝ่ายกลับคลานเก็บเศษเกล็ดโดยไม่สะทกสะท้านกับแววตาที่จ้องเขม็งมาแต่อย่างใด
“ถ้าเจ้าอยากได้อะไรก็แค่บอกข้า
ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลย”
เขาถอดถอนหายใจยาวขณะที่ร่างของตนลอยคว้างในอากาศเหนือหัวเจ้าหล่อน
“แบบนั้นจะไปมีความหมายอะไรละคะ” นางลูบคลำพื้นจนแน่ใจว่าเก็บครบดีทุกชิ้นจึงเงยหน้ามองคู่สนทนาในร่างสีเขียวมรกต
“ท่านไม่จำเป็นต้องกินต้องดื่มก็มีชีวิตได้ แต่ข้านี่สิ ต้องกินต้องใช้
ไหนจะของที่อยากได้อีก ถ้าไม่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองมันก็ไร้ค่าไม่น่าภูมิใจ”
“แต่ไอ้น้ำพักน้ำแรงที่เจ้าว่า มันมาจากข้าทั้งนั้นไม่ใช่รึอย่างไร”
เขาเจาะจงมองถุงผ้าในมือคนตัวเล็กซึ่งคงจะเต็มไปด้วยเกล็ดเก่า ๆอันหมดสภาพแล้วของตนด้วยความละเหี่ยใจ
“แหม นิด ๆ หน่อย ๆ เอง
เพื่อภรรยาผู้นี้ไม่ได้เลยเหรอ” สาวน้อยแสยะยิ้มพรายเจ้าเล่ห์ นางรู้ดีว่าถึงอย่างไรเขาก็ต้องใจอ่อนตามใจนางอย่างแน่นอน
“อีกอย่าง ข้าก็แค่ช่วยเพิ่มความนิยมของท่านเท่านั้นเอง นั่นมันไม่ดีเหรอ”
ว่าด้วยน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่อย่างยียวน
โดยไม่ทันตั้งตัว
หางเรียวยาวมันเลื่อมก็คว้าเอวบางเข้ามาประชิดร่างของตน
“ข้าไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ๆ
เลยตั้งแต่เจ้ามาที่นี่ ช่วยอยู่นิ่ง ๆ สักครู่เจ้าจะลงแดงตายหรืออย่างไร”
ดวงตาสีเทาสบประสานนัยน์สีนิลกาฬคู่สวยไร้ซึ่งความสำนึกใด ๆ แม้จะเผยเขี้ยวอันแหลมคมให้เห็นชัดเจนแต่อีกฝ่ายยังคงอยู่ในอาการนิ่งสงบอย่างคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
มือเรียวเล็กนุ่มยื่นเข้าไปสัมผัสแก้มสีเขียวหยาบกร้านก่อนจะพูดด้วยเสียงละมุน
“แต่ท่านก็ไม่ไล่ข้ากลับไปนี่”
“ข้าเคยไล่แล้วแต่เจ้าก็ไม่ไป”
เขาค้านกลับด้วยความจริงที่เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน
“นั่นเพราะท่านไม่ได้คิดจะไล่ข้าจริงจังต่างหาก”
“กลับไปซะ” เขาตีหน้าขึงขังใส่
“ไม่ไปค่ะ” คนตัวเล็กกว่าฉีกยิ้มกว้างชวนขนลุกกว่าเดิม
“ต่อให้ท่านจะไล่ข้าอีกกี่ครั้ง ข้าก็ขอยืนกรานว่าข้าจะอยู่ที่นี่ ในฐานะภรรยาของท่าน”
“เฮ้อ ข้าละอ่อนใจกับเจ้าจริง ๆ หยวนหยวน
ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าเจ้าเป็นคน ข้าเป็นมังกร
เราทั้งสองไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาได้หรอก”
“อะไรกำหนดล่ะ สปีชีส์หรือว่าลักษณะทางกายภาพ”
เด็กสาวตีหน้าซื่อไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ข้าบอกว่าได้ก็ต้องได้ ข้าเรียนมา”
“เจ้านี่ชอบพูดภาษาโลกของเจ้าเสียจริงนะ
โลกของเจ้าคนกับมังกรรักกันได้ด้วยหรือ”
“ได้ค่ะ” หยวนหยวนตอบรับอย่างไม่ลังเล
แม้จะเต็มไปด้วยการโกหกคำโตก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าเจ้ามังกรไม่มีทางเชื่อนางแน่นอน
“จะทำอะไรก็ตามแต่ใจเจ้าก็แล้วกัน
ข้าพูดอะไรไปเจ้าก็หาข้ออ้างมาแย้งได้อยู่ดี” มังกรหนุ่มคลายหางของตนที่รัดพันร่างบางก่อนจะยื่นหน้าเรียวยาวเข้าไปใกล้
“รับผิดชอบในการกระทำของตนด้วยล่ะ เจ้าเป็นฝ่ายเข้ามายุ่มย่ามกับข้าเองก่อนนะ
หยวนหยวน” สุรเสียงของเขาเข้มขึ้นกว่าปกติ
ดวงตาคมจ้องมองราวกับต้องการสลักบางสิ่งให้หยั่งรากลึกลงไปยังจิตใต้สำนึกของคนตัวเล็กกว่า
“ข้ารับผิดชอบอยู่แล้ว”
สองแขนเรียวยื่นไปโอบรอบคอของมังกรหนุ่มแล้วเอ่ยประโยคหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
“ข้าขอสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของท่านแน่นอน จ้าวมังกรจูเย่วเทียน”
ตอนที่ 1 หยวนหยวนกับเครื่องรางอวยพร
“รอบนี้เอาเป็นเครื่องรางอวยพรก็แล้วกัน”
หยวนหยวนพึมพำเบา ๆ กับตนเองขณะที่กำลังตัดเศษผ้าเป็นรูปร่างตามแบบที่วาดไว้
“สักสิบชิ้นก็คงจะพอ ของดีไม่ควรมีเยอะ ไว้แอบเลาะเพิ่มตอนหลับก็แล้วกัน”
“เจ้าว่าจะเลาะอะไรเพิ่มอย่างนั้นหรือ”
ลมหายใจรินรดต้นคอทำเอาเด็กสาวสะดุ้งโหยงจนกรรไกรเกือบจะบาดมือ
นางหันควับกลับไปมองแล้วก็พบว่าใบหน้าของมังกรหนุ่มอยู่ห่างไปเพียงแค่คืบ
“ท่านสามี”
เจ้าหล่อนอุทานเสียงเบาพลางหลุบสายตาหนี
“ข้าถามว่าเจ้าจะเลาะอะไร”
เขาเน้นเสียงเข้มขณะดวงตาสีเทาพยายามจะเจาะทะลุยังจิตสำนึกอีกฝ่าย
“แค่ที่มีนั่นยังไม่พออีกหรือ”
“ก็พอแหละค่ะ”
หยวนหยวนทำแก้มอูมเล็ก ๆ รู้ดีว่าแผนการของตนไม่อาจสำเร็จแน่นอน “ข้าก็แค่อยากได้เพิ่มนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยของเจ้านี่เท่าไหร่ล่ะ
เจ้าต้องการอะไรก็บอกข้ามาสิ
ข้าสามารถหาให้เจ้าได้ไม่ยากเลยโดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำของแบบนี้”
“ข้าขอแค่ปัจจัยสี่เท่านั้น”
“ปัจจัยสี่อะไรที่เจ้าว่านั่น
ข้าก็สามารถหามาให้เจ้าได้อยู่แล้ว”
เป็นความจริงที่เย่วเทียนสามารถให้ปัจจัยพื้นฐานแก่เด็กสาวได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เพียงแค่เขาพลิกฝ่ามือ(มีด้วยเหรอ เห็นแต่กลีบมือกลีบเท้า)
ทั้งเนื้อสัตว์และผักต่าง ๆ ก็สามารถมากองอยู่ตรงหน้านาง
เขามีบ้านหลังใหญ่ห้อมล้อมด้วยสวนไม้นานาพันธุ์ราวกับบ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่งซึ่งปลีกวิเวกเงียบ
ๆ แถวชานเมือง
สำหรับเครื่องอาภรณ์ทั้งไหมทั้งป่านชั้นดีเขาเนรมิตขึ้นได้ตามแต่นางต้องการ
และยารักษาโรค...แน่ล่ะ เขาคือจ้าวมังกรที่มีอายุยืนยาวหลายพันปี โอสถวิเศษ
สมุนไพรหายาก หรือแม้แต่ยาอายุวัฒนะเขาก็มอบให้แก่นางได้
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงจะยังดิ้นรนหาของพวกนี้
(ยกเว้นที่อยู่อาศัยกับเสื้อผ้าละนะ)
“ข้าไม่ได้ค้าขายกำไรเกินควรนะคะ
แล้วข้าก็บอกทุกคนแล้วว่าเครื่องรางนี้ไม่ได้มีอำนาจพิเศษใด ๆ สำหรับพกติดตัวไว้เพื่อความอุ่นใจเท่านั้นเอง”
นางรีบแก้ตัวเมื่อเขากำลังจะพูดอะไรขึ้นต่อ “แล้วข้าก็ไม่ได้ทำทุกครั้งที่เกล็ดท่านร่วงเสียหน่อย
นับแล้วก็นี่ครั้งที่สามได้”
2
เดือนที่หยวนหยวนมาอยู่กับมังกรหนุ่ม
นางเปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิงราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
เย่วเทียนอาศัยอยู่คนเดียวภายในบ้านไม้ใหญ่ซึ่งเป็นมิติแยกออกมาจากโลกมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่รูปลักษณ์เดิมไม่ใช่มนุษย์จะถูกเรียกว่ามารหรือเทพมาร
แต่ในโลกนี้นั้นมารไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายเสมอไป
มังกรคือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสุดของเทพมาร
ยิ่งบำเพ็ญเพียรมานานยิ่งมีอำนาจกล้าแกร่งและเป็นที่นับหน้าถือตา หากแต่เย่วเทียนเป็นเทพที่รักสันโดด
เขาจึงปลีกวิเวกมาอยู่ตามลำพัง ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่เขาไม่สุงสิงกับใคร
เพราะตำนานที่เล่าขานมาอย่างยาวนานถึงเทพมารอย่างเขาทำให้มีชาวบ้านพยายามจะตามหาจ้าวมังกรหนุ่มเพื่อหวังจะว่าจะประทานพรให้
ครั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงที่พำนักของจ้าวมังกรแต่ก็ไม่อาจก้ามข้ามประตูแห่งเขตแดนได้
กระทั่งเหล่ามนุษย์ถอดถอนใจทว่าก็มิวายสร้างศาลสักการะเล็ก ๆ
หน้าทางเข้าของถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อเกิดเป็นศาลเทพเจ้ามังกรซึ่งคนเดินทางผ่านหุบเขาไปมาต้องแวะมากราบไหว้บูชา
มันช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกินที่มีเสียงผู้คนเจี๊ยวจ๊าวหน้าบ้านของตน
ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถทำเมยเฉยหูทวนลมปิดกั้นสรรพเสียงทุกอย่างไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปได้
แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตอันแสนเงียบสงบก็ต้องผกผัน
เมื่อสตรีน้อยแปลกหน้านางหนึ่งก้าวผ่านเขตแดนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
แถมยังมายืนประกาศตัวต่อหน้าว่าจะเป็นภรรยาของเขาผู้เป็นถึงเทพมารชั้นสูง
มนุษย์กระจ้อยร่อยผู้หาญกล้าท้าทายเทพ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป
แถมประตูเขตแดนยังเปิดรับให้นางตลอดเวลาจนเจ้าหล่อนลงหลักปักฐานทึกทักเอาเองว่าเขาและนางเป็นคู่สามีภรรยากันเรียบร้อย
“กำลังคิดเรื่องข้าอยู่หรือไงคะ”
เจ้าตัวดียิ้มกว้างยียวนทำเอาคนมองอยากจะประเคนมะเหงกงาม ๆ สักทีสองที
เสียแต่มือของตนไม่ใช่มือแบบมนุษย์นี่สิ “ท่านช่วยอวยพรใส่เครื่องรางให้หน่อยจะได้หรือไม่”
“ข้าไม่ใช่เทพแห่งการอวยพร”
เขาบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย “ไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่ต้องมาอวยพรให้กับเหล่ามนุษย์”
“ข้าไม่ได้จะให้ท่านใส่พลังในนี้เสียหน่อย
ก็แค่อวยพรเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนร่ายมนตร์เอาความขลังแค่นั้นเอง"
“ข้าอวยพรแล้วอย่างไร
จะทำให้มนุษย์โชคดีอย่างนั้นหรือ
โชคลาภของแต่ละคนไม่เหมือนกันข้าไม่สามารถไปกำหนดกะเกณฑ์ได้หรอกนะ”
เขาถอนหายใจยาวกับความคิดอันแปลกประหลาดที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยเข้าใจเสียที
“มันคือฟิลลิ่ง
เป็นความรู้สึกทางใจ”
“ข้าล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าเสียเหลือเกินหยวนหยวน
เอาเป็นว่าข้าจะไม่ห้ามในสิ่งที่เจ้าทำ แต่ก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายใด ๆ
แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่อาจจะนำพาความวุ่นวายมาในภายภาคหน้า ข้าอยากให้เจ้าตระหนักถึงจุดนี้ไว้
หากทุกอย่างสายเกินแก้ถึงเป็นข้าเองก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้”
ประโยคตัดรอนตอนท้ายทำเอาเด็กสาวใบหน้าชาวาบ
ดวงตาสีดำหมองลงอย่างชัดเจนจนสังเกตเห็นได้
จ้าวมังกรหนุ่มเคลื่อนร่างเข้าไปประชิดเด็กสาวตัวเล็กก่อนจะใช้หางของตนโอบรัดเอวเจ้าหล่อนไว้อย่างหลวม
ๆ
“แต่วันเช่นที่ว่าคงไม่อาจมาถึง”
ใบหน้าของมังกรหนุ่มสัมผัสแก้มนวลเนียนของเด็กสาวพลางกระซิบคำพูดด้วยเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา
“แม้แต่ปลายผมของเจ้าก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะได้สัมผัสมัน”
ดวงหน้าน่ารักแดงซ่านดั่งลูกตำลึงกับคำหวานอันมีนัยยะ
จ้าวมังกรซุกไซร้ใบหน้าของตนกับสองแก้มขาวผ่องขณะที่เจ้าของร่างเล็กหลับตาปี๋ด้วยไม่อาจมองเขาได้อย่างเต็มตา
เทพมารดูจะพอใจกับอากัปกิริยาของนางจนอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่มากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอทำเอาสาวน้อยสะดุ้งจนผงะจะก้าวถอย
แต่ด้วยหางที่ยังคงรัดพันไว้นางจึงไม่สามารถหลีกหนีเขาได้
“ทำไมเจ้านิ่งเงียบไปล่ะหยวนหยวน”
ได้ที่หยอกเย้าอย่างคนมีชัยเหนือกว่า
“ข้าอึดอัดเพราะท่านรัดข้าแน่นจนหายใจไม่ออกน่ะสิคะ”
เด็กสาวรีบแก้ตัว นางแสร้งทำท่าทีขืนตัวเพื่อจะยืนยันคำพูดของตน
มังกรหนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยให้นางเป็นอิสระ
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำเครื่องรางอะไรนั่นเกินสิบชิ้น
และห้ามมาขอดเกล็ดของข้าเพิ่มเป็นอันขาด”
คำประกาศิตเด็ดขาดของเย่วเทียนทำเอาเด็กสาวหน้าเจื่อนลงทันที ดูท่างานนี้นางคงจะได้กำไรเพียงเล็กน้อยกระมัง
“ท่านจะไม่อวยพรสักนิดหนึ่งจริง
ๆ หรือ” หยวนหยวนยังคงทู่ซี้อย่างมีความหวังแม้จะถูกตอกกลับด้วยแววตาดุเช่นเคย
“ขี้งก” บ่นอุบอิบแต่เป็นเสียงที่เขาได้ยินชัดเจน
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
ว่าจบ จ้าวมังกรหนุ่มก็หันหลังเตรียมจะลอยจากไป
เขาส่งคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตโดยไม่รู้ตัว
“หากเป็นเครื่องรางของเจ้าก็อีกเรื่องหนึ่ง”
...ถ้าเป็นเรื่องรางของเราเหรอ...งั้นก็บอกว่าเป็นของเราทุกชิ้นแล้วค่อยแอบเอาไปขายทีหลังได้สินะ
“เจ้าไม่คิดจะปกปิดความในใจเลยสินะ”
เย่วเทียนพ่นลมหายใจด้วยความปลงอนิจจาเมื่อเผลอไผลไปอ่านความคิดของเด็กสาวตรงหน้า
“เดี๋ยวสิ
ไหนสัญญากันว่าจะไม่ละลาบละล้วงความคิดไงคะ ทำไมท่านมาอ่านใจข้ากันล่ะ”
หยวนหยวนประท้วงอย่างหงุดหงิด นางไม่พอใจที่ถูกอ่านความคิดทั้งที่ตกลงเป็นหมั้นเป็นเหมาะแล้วว่าการอยู่ด้วยกันจ้ะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ไม่ต้องห่วง
ข้าเลือกแค่เฉพาะบางเวลา”
“เวลาไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
หยวนหยวนแหวใส่อย่างร้อนตัว กี่ครั้งแล้วที่เขาคงจะแอบอ่านใจของนาง เมื่อคิดว่านางอาจจะหลุดคิดอะไรน่าอับอายก็ทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวจนอยากจะหาอะไรมาพัดให้เย็นลง
“ข้าไม่ได้ทำบ่อยหรอกน่ะ
เฉพาะเวลาที่คิดว่าเจ้าต้องคิดอะไรแผลง ๆ เท่านั้น” สิ้นคำกล่าว
เขาก็อันตธารหายไปก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบโต้
หากตอนนี้เขาแอบอ่านใจนางจากที่ไกล
ๆ ก็คงจะได้เห็นคำกร่นว่ามากมายผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดอย่างคนไม่คิดจะเก็บความรู้สึก
(จะเก็บยังไงละนี่)
“มังกรเจ้าเล่ห์ คอยดูเถอะ
หยวนหยวนผู้นี้จะเอาคืนท่านเป็นร้อยเป็นพันเท่าแน่นอน!”
ตอนที่ 2 ข้ารับใช้ของเทพมังกร
แสงแดดยามทิวาทอประกายอ่อน
ๆ ลอดผ่านหมู่แมกไม้หนาทึบต้องกระทบศาลไม้เก่าซึ่งกำลังคละคลุ้งไปด้วยควันธูปซึ่งเพิ่งจะถูกจุดได้ไม่นาน
พืชผักสดใหม่ที่ยังคงมีคราบดินเปื้อนเป็นหย่อม ๆ วางเรียงรายในตะกร้าสานเคียงข้างกับดอกบัวตูมสามดอก
“วันนี้ก็เยอะอีกแล้วแฮะ”
หยวนหยวนมองผักกาดขาวอวบใหญ่กับผักชนิดอื่นซึ่งมีสีสดน่าลิ้มลอง
นางหยิบตะกร้ากับดอกไม้ขึ้นมาถืออย่างทุลักทุเลแล้วเดินกลับไปยังประตูเขตแดนทางเชื่อมระหว่างสองภพ
เพราะความที่ตะกร้าใบใหญ่จนเกินไปทำเอาเด็กสาวเกือบจะมองทางข้างหน้าไม่เห็น
กระทั่งนางเดินสะดุดธรณีประตูครัวเกือบจะล้มหน้าคะมำแต่โชคดีที่หางของใครบางคนคว้ารอบเอวเล็กไว้ได้ทันท่วงที
“เดินระวัง
ๆ หน่อยสิ” สุรเสียงดุของจ้าวมังกรทำเอาสาวน้อยหน้ามุ่ยเล็ก ๆ
นางอยากจะเดินสะดุดเสียที่ไหนกันล่ะ
“ก็ของมันเยอะบังทางเกือบมิด
ท่านก็น่าจะเห็นนี่” เจ้าตัวดีพูดกึ่งประชดประชัน
“แล้วทำไมถึงไม่เรียกข้าให้ช่วย”
“ข้าไม่รู้นี่ว่าท่านทำอะไรอยู่ที่ไหน
อีกอย่างมันก็เช้ามากด้วยถ้าท่านยังไม่ตื่นไม่กลายเป็นว่าข้าไปกวนท่านอย่างนั้นหรือ”
เย่วเทียนเปรยหางตามองตะกร้าผักในอ้อมแขนของคนตัวเล็ก
เพียงแค่ชั่วพริบตามันก็อันตธารหายไปจากตรงหน้าของนาง
ครั้นหยวนหยวนกวาดสายตามองรอบห้องครัวก็พบว่าทั้งผักและดอกไม้วางเป็นระเบียบอยู่ในตู้ไม้เรียบร้อย
สะดวกสบายเหลือเกินนะพ่อคุณ
เรียกใช้บ่อย ๆ เลยดีมั้ยเนี่ย
“ข้าจะกลับห้องแล้ว”
เขาบอกพลางคลายหางของตน
“ขอบคุณที่ช่วยข้า”
หยวนหยวนยังไม่ลืมที่จะขอบคุณแม้จะงอนเขาอยู่นิดหน่อยก็ตาม
“ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปนะ
ว่าที่นี่เป็นบ้านของข้า” ประโยคเปรยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาสาวน้อยงุนงง
ดวงตากลมโตมองจ้าวมังกรอย่างใคร่รู้ความหมายแต่เขาไม่แม้แต่จะเมียงมองมา
มังกรหนุ่มเคลื่อนร่างลอยไปบนอากาศเช่นเคยปล่อยให้หยวนหยวนคาใจกับคำพูดของเขาโดยไม่คิดจะอธิบายใด
ๆ เพิ่มเติม
“จะย้ำว่าข้าเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยรึยังไง
ข้ารู้ตัวเองดีน่ะ” เด็กสาวบ่นเสียงเบาอย่างหัวเสียน้อย ๆ ก่อนจะก้าวสั้น ๆ
ตรงเข้าหาดอกบัวที่วางไว้ในตู้ “ดอกบัวนี่กินได้สินะ”
ว่าแล้วก็แอบคิดถึงแกงสายบัวในชาติก่อน
สงสัยว่าจะสามารถคั่วพริกแกงในชาตินี้ได้หรือไม่ เนื่องด้วยรู้สึกว่าอาหารในโลกนี้ช่างจืดชืดและไม่หลากหลายเอาเสียเลย
“มื้อเช้าก็ยังคงเป็นผัดผักเหมือนเดิมสินะ”
กว่า
2 เดือนที่หยวนหยวนได้อาศัยอยู่ร่วมกับจ้าวมังกรเย่วเทียน
ในแต่ละวันของนางดำเนินไปอย่างเนือย ๆ ไร้ซึ่งความตื่นเต้น
ถึงอย่างนั้นหยวนหยวนก็ไม่ได้รังเกียจชีวิตอันแสนสงบนี้ที่เป็นอยู่
นางทำอาหารสำหรับตัวเองเพียงแค่นั้นเพราะมังกรหนุ่มอิ่มทิพย์ไม่จำเป็นต้องกินอาหารแบบมนุษย์
แต่เขาก็ยังคงนอนหลับพักผ่อนในยามค่ำ แน่นอนว่าเขากับนางแยกห้องกันนอน
แม้ห้องของพวกเขาจะติดกันนางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เยื้องกรายก้าวขาเกินเลยธรณีประตู
หยวนหยวนเคยเข้าห้องของเย่วเทียนเพียงครั้งเดียวในวันที่นางมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ตอนนั้นเขาอยู่ในร่างมังกรตัวใหญ่เกือบคับห้อง
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุอันใดตอนนี้มังกรหนุ่มกลับอยู่ในร่างมังกรน้อยที่ขนาดพอ ๆ
กับผู้ชายสูง 6 ฉื่อ (1 ฉื่อ ราวๆ 3.33 เซนติเมตร)
นางจึงอนุมานว่าที่เขาต้องปรับขนาดตัวลงเพื่อให้รับกับขนาดตัวของนาง
(แต่ก็ยังสูงเกินไปนี่นา)
แม้จะสถาปนาตนเองเป็นภรรยาของจ้าวมังกรหนุ่ม
แต่ทั้งสองก็ไม่เคยร่วมหลับนอนในห้องเดียวกันแม้เพียงสักครั้ง
อันที่จริงแล้วนางคิดมาสักพักว่าตนเองเหมือนข้ารับใช้ของเทพมารตนนี้เสียมากกว่า
ทั้งทำความสะอาดบ้าน (เขาไม่ได้ร้องขอ) ดูแลรดน้ำต้นไม้ (ไม่รู้จำเป็นหรือเปล่า)
บำรุงรักษาศาลเจ้าหน้าทางเข้า (ซึ่งเขาพยายามจะทำลายมันทิ้ง)
เมื่อพิจารณาจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา
นางคงต้องผันตัวเองมาเป็นข้ารับใช้อย่างจริงจังเสียแล้วกระมัง
“ไม่ได้สิหยวนหยวน! ในเมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องเดินหน้าลุยให้ถึงที่สุด หน้าด้านหน้าทนประกาศตัวเองขนาดนั้นแล้ว
จะให้มายกเลิกกลางคัน—ให้ตายก็ไม่มีทางเด็ดขาด! ”
ยามขาล (ราว ๆ
03.00 – 04.59) ขณะที่ท้องฟ้าเกือบจะไร้ซึ่งแสงสว่างใด ๆ เพราะมวลหมู่เมฆาสีหม่นเคลื่อนตัวทาบทับบดบังรัศมีของดวงจันทร์ซึ่งกำลังทอแสงอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ป่ายามนี้ช่างมืดครึ้มน่ากลัวราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งที่พลัดหลงเข้ามา
หากแต่แสงรำไรจากโคมไฟเล็ก
ๆ กำลังตรงมาตามทางเดินอันแสนมืดมิดซึ่งทอดตรงมายังศาลเจ้าตรงหน้าถ้ำหินใหญ่
ปรากฏร่างสูงของชายฉกรรจ์ซึ่งตะกร้าบนหลังนั้นเต็มไปด้วยผักมากมาย
เขามองตะกร้าสานหน้าโต๊ะบูชาซึ่งว่างเปล่าด้วยสีหน้าพึงพอใจ และขณะที่เริ่มต้นจัดวางผักอยู่นั้นเอง
เสียงเรียกแหวกผ่านความมืดก็ทำเอาสะดุ้งสุดตัวจนเกือบลืมหายใจ
“เจ้าน่ะ”
“ท่านข้ารับใช้!” ชายฉกรรจ์อุทานเสียงดัง
“ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมข้าถึงไม่เห็นเลย”
“ข้ายืนอยู่ตรงนี้มาได้สักพักแล้ว”
หยวนหยวนตอบเสียงเข้ม รูปลักษณ์ของนางในครานี้แตกต่างจากปกติอย่างชัดเจน
เด็กสาวใส่หน้ากากรูปหน้ามังกรสีขาวที่เจ้าตัวบรรจงประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตนเอง
ผมสีดำยาวสลวยรวบมันสูงเป็นหางม้า
ร่างเล็กห่อหุ้มกายด้วยชุดคลุมหน้าเพื่อขับให้ร่างของตนดูหนาตันปกปิดส่วนโค้งเว้าของอิสตรี
แม้แต่เสียงที่ใช้เอ่ยออกมานางก็พยายามดัดให้แปร่งจนคล้ายเสียงเด็กผู้ชายวัยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่ม
“ผักสดของข้ายังคงถูกใจท่านเทพมังกรหรือไม่”
“แน่นอน”
หมายถึงถูกใจข้านะ...
“ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้ยินเช่นนั้น”
เขาแสดงสีหน้าตื้นตันออกมาอย่างเด่นชัดแม้แสงสว่างจากโคมไฟจะริบหรี่ก็ตาม
“วันนี้ข้ามีซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาฝากด้วยนะ รับรองว่าต้องถูกปากท่านแน่ ๆ”
ไม่ว่าเปล่า เขาหยิบห่อผ้าในเสื้อคลุมออกมายื่นส่งให้หยวนหยวน
นางสัมผัสได้ว่ามันยังคงอุ่นอยู่แม้ในยามที่อากาศเบาบางเช่นนี้
สองลูกพอดีเลยแฮะ...แถมลูกใหญ่อีกต่างหาก
คงคิดว่าท่านสามีกินจุสินะ
“ของท่านกับท่านเทพมังกรน่ะ”
ราวกับอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเด็กสาว หยวนหยวนมองเขาซึ่งกำลังส่งยิ้มกว้างให้
“ข้าไม่รู้ว่ามีข้ารับใช้ทั้งหมดอยู่กี่ตน มีเพียงท่านเท่านั้นที่ออกมาพูดคุยกับข้า
ข้าจึงแอบให้ท่านเป็นพิเศษเลย” เขากระซิบกระซาบราวกับกลัวใครจะได้ยิน
“ข้าก็มีของจะให้เจ้าเหมือนกัน”
น้ำเสียงของคนอ่อนวัยกว่าพราวระยับเจือปนความเจ้าเล่ห์
มือเรียวหยิบบางสิ่งออกมาจากเสื้อคลุมแล้วชูเด่นหราตรงหน้าคนตัวสูงกว่า
“เครื่องรางอวยพรให้โชคดี ข้างในใส่เกล็ดที่หมดสภาพแล้วของท่านเทพมังกร
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังสวยงามราวอัญมณีเลยทีเดียว” ร่ายสรรพคุณความอลังการเรียบร้อยทำเอาอีกฝ่ายตาแวววาวอย่างคนเก็บอาการไม่อยู่
“โอ
ท่านข้ารับใช้ เฟยเตาผู้นี้ซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเสียเหลือเกิน”
ชายฉกรรจ์คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“ลุกขึ้นเถอะ
เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณใด ๆ ข้า
หากแต่เป็นท่านเทพมังกรต่างหากที่ให้ความกรุณาแก่เจ้า” หยวนหยวนผายมือไปยังศาลเล็ก
ๆ ด้านข้าง เฟยเตาหันกลับไปคำนับด้วยความรวดเร็ว เด็กสาวรู้สึกได้ว่าเขาให้ความนับถือเย่วเทียนอย่างจริงใจแตกต่างจากผู้อื่น
เพราะชายผู้นี้เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงแวะเวียนมาสักการะตลอดเวลา
หยวนหยวนส่งเครื่องรางหนึ่งชิ้นให้กับเขาซึ่งใช้มืออันสั่นเทารับมันมาด้วยความปลาบปลื้ม
เฟยเตามองเครื่องรางราวกับเป็นของมีค่าที่สุดในชีวิตของตน
“เหมือนเดิมนะ”
เด็กสาวกระซิบเสียงแผ่วพลางหยิบเครื่องรางอีก 9 ชิ้นออกมา “ใช้ทักษะพ่อค้าของเจ้าเช่นเดิม
บอกไปว่าเป็นเกล็ดที่เจอในป่า ใครจะคิดว่าของจริงหรือไม่ไม่สำคัญ
ยากที่จะแยกแยะว่าสิงใดมาจากเทพหรือมาร หรือสัตว์ทั่วไป ใครใคร่ซื้อก็ซื้อ
ทำให้ดูกำกวมเข้าไว้”
“เชื่อมือข้าได้เลยท่านข้ารับใช้
อย่างไรของที่มีรูปลักษณ์หน้าตาแปลกประหลาดผู้คนต้องคิดว่าไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว
เกล็ดมังกรเป็นของหายากแม้แต่มารมังกรก็ตาม อย่างน้อย ๆ
ความสวยงามของเกล็ดก็เพียงพอจะยอมให้นักสะสมซื้อไปอยู่แล้ว”
“สมกับเป็นพ่อค้ามือฉมังจริง
ๆ” หยวนหยวนพึงพอใจกับคำตอบของอีกฝ่าย
“หากเป็นไปได้...เกิดมีผู้คนที่ต้องการคำอวยพรอย่างแท้จริง
ข้าอยากให้เจ้ามอบให้กับคนผู้นั้นโดยไม่คิดเงินแม้แต่อีแปะเดียว เพราะมันคงจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจชั้นดีให้กับคนที่ต้องการที่พึ่งทางใจ”
“ท่านช่างมีจิตใจดีเหลือเกินท่านข้ารับใช้
ข้าใคร่ขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ เพราะข้าเลื่อมใสท่านอย่างแท้จริง”
“เรียกว่าข้าว่าหยุนก็แล้วกัน”
ชื่อถูกคิดขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งออกเสียงคล้ายกับชื่อจริงของตน เฟยเตาคุกเข่าให้กับเด็กสาวทำเอานางประหลาดใจ
“ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วยเถิดท่านหยุน”
“ถึงข้าห้ามเจ้าก็จะทำสินะ”
หยวนหยวนอ่อนใจกับชายผู้ที่แสดงออกด้วยความตรงไปตรงมาจนรู้สึกผิดเล็ก ๆ
กับการโกหกของตน “อย่างที่เจ้ารู้ ข้าไม่ได้มีของพวกนี้มาให้บ่อยนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องสมควรเลยที่จะเอาส่วนหนึ่งของท่านเทพมังกรมาหากำไรแบบนี้”
ว่าแล้วก็เจ็บแปลบในมโนธรรมแต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าเพราะเย่วเทียนอนุญาตแล้วจึงไม่มีปัญหาอันใด
“ข้าเข้าใจ
เงินที่ได้จากการขายข้าจะนำมาถวายท่านเทพทุกอีแปะแน่นอน” เฟยเตายกมือขึ้นสาบาน
หากแต่หยวนหยวนรีบคว้ามือเขากระชากลง
“ส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่ง
ถือเป็นค่านายหน้า ท่านเทพไม่ใช้เงินหรอก” หยวนหยวนพูดรอดไรฟัน
เฟยเตาอยากจะเอ่ยถามข้อสงสัยของตนว่าถ้าเทพมังกรไม่ใช้เงินแล้วเงินจากคราวก่อนหายไปอยู่ที่ใด
แต่เขาก็ต้องเก็บงำความอยากรู้อยากเห็นนั้นไว้
เพราะมันคือเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
“ทำไมจู่
ๆ ข้าถึงรู้สึกเย็นสันหลังวาบก็ไม่รู้” เฟยเตาร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ทั่วร่างกาย
“อากาศมันก็เย็นปกตินี่
ทำไมข้าไม่เห็นรู้สึกแบบเจ้าเลยล่ะ”
“ตอนนี้มือของข้ามันเย็นมากเลยท่าน
ข้าว่ามันเย็นยิ่งกว่าส่วนอื่นเสียอีก” เขามองมือซึ่งขับถูกเกาะกุมด้วยมือเล็กของอีกฝ่าย
หยวนหยวนปล่อยมือทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังจับมือของชายฉกรรจ์ไว้
“น่าประหลาด มันหายเย็นแล้วท่านหยุน”
“มันเย็นเพราะข้าจับไว้หรือ
น่าแปลกเสียจริง มือข้าเย็นราวกับน้ำแข็งเลยหรือนี่” หยวนหยวนขมวดคิ้วมองมือตนเองอย่างงุนงง
“ขอข้าลองจับมือเจ้าได้หรือไม่”
นางยังคงสงสัยใคร่รู้จึงอยากทดลองดูว่าเขาจะเย็นมือเวลาที่นางจับอีกหรือไม่
เมื่อเฟยเตายื่นมือจะไปสัมผัสมือเรียวเล็กของหญิงสาว
ขนทั่วร่างก็ลุกชันด้วยความหนาวยะเยือก
“ข้าว่าอากาศท่าจะไม่ดีเสียแล้วสิ
คงต้องรีบกลับก่อนฟ้าสาง” ว่าพลางกระชับเสื้อคลุมของตนแน่น “ข้าขอขอบคุณท่านอีกครั้ง
หวังว่าจะมีโอกาสได้พบเจอท่านอีกเร็ว ๆ นี้”
“เราจะได้พบกันแน่นอน
ถ้าข้ามีของใหม่ ๆ มามอบให้แก่เจ้า”
“ไม่จำเป็นต้องมีอะไรให้ข้า
ข้าก็จะยังคงมาสักการะท่านเทพมังกรเช่นเดิม
เพราะท่านเทพคือผู้มีพระคุณในชีวิตของเฟยเตาผู้นี้” จบคำพูด
คนร่างสูงก็โค้งคำนับหยวนหยวนอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนจะหันไปหาศาลเจ้าของจ้าวมังกรแล้วทำความเคารพก่อนจากลา
หยวนหยวนยืนส่งเฟยเตากระทั่งร่างของเขากลืนหายไปในความมืดมิดราวกับป่ากำลังปิดประตูไล่หลัง
“ผู้มีพระคุณเหรอ...เรื่องเครื่องร่างเนี่ยนะ
สงสัยคงจะได้โชคครั้งใหญ่เลยละมั้ง”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!