"มาเฟีย" ในความหมายที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ สหการขบวนการอาชญากรรมประเภทหนึ่ง โดยมีกิจกรรมหลัก เช่น การเรียกเก็บค่าคุ้มครอง การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างอาชญากร การเป็นคนกลาง บังคับความตกลงและธุรกรรมนอกกฎหมายต่าง ๆ ตลอดจนมีกิจกรรมรองลงมา เช่น การพนัน การให้กู้ยืม การค้ายาเสพติด ซ่องโสเภณีและกลฉ้อฉล
มาเฟีย มาจากมาเฟียซิซิลี ที่ดั้งเดิมแล้วคือ กลุ่มพันธมิตร ที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านชาวนอร์มันในยุคกลางของซิซิลี จนต่อมาในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่18 มาเฟีย กลายมาเป็นชื่อเรียกของกลุ่มสังคมที่ผิดกฎหมายในอิตาลี จากนั้นจึงเริ่มแผ่กระจายไปยังสหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย นั่นเป็นคำนิยามบรรพบุรุษของพวกเรา เพราะในปัจจุบันนี้ พวกเขาเป็นสุภาพบุรุษที่น่าประทับแก่ผู้พบเห็นไม่น้อย
แต่สิ่งที่บุคคลทั่วไปไม่รู้ คือ นอกจากมาเฟียที่อยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นชาติพันธุ์แล้ว ยังมีมาเฟียเลือดผสมอย่าง มาเฟียสองสัญชาติ ดำเนินการแตกแขนงราวกับเส้นทางคู่ขนานอยู่ ทำหน้าที่ควบคุมดูแล แบ่งเบาภาระจากมาเฟียกลุ่มใหญ่อีกที จัดระเบียบและแบ่งขอบเขตการดูแลได้อย่างทั่วถึง เพื่อควบคุม ปราบปรามาเฟียเกิดใหม่ที่ตั้งตนขึ้นแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยวิธีผิดกฎหมาย โดยมี 3 แก๊งเป็นผู้นำคือ British Nobility , 2Morow , The Olympus ทั้งหมดมีจุดกำเนิด ณ ประเทศเดียวกันคือ อิตาลี
.......
.......
.......
...01 : 23 A.M....
...Duke LSDL. : เอียน เดี๋ยวส่งประวัติส่วนตัวของว่าที่สมาชิกของแก๊ง The Olympus ให้เลือกนะ...
เอียน แนธราเชียน หนึ่งในสมาชิกจากแก๊ง British Nobility ตำแหน่งเพื่อนรักหัวแก้วหัวแหวนของรันเวย์ คาร์พาเธียร์ หัวหน้าแก๊ง กับข้อความส่วนสุดท้ายจากการรับบทเป็นพี่เลี้ยงให้กับแก๊งมาเฟียรุ่นน้องอย่างช่วยไม่ได้
ภาพถ่ายและประวัติส่วนตัวที่แม้แต่เจ้าของข้อมูลก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเองมากขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ ตกอยู่ในกำมือของผู้มีอิทธิพลที่สุดในสายมาเฟียสองสัญชาติ และคนที่รวบรวมข้อมูลจำนวนมากขนาดนี้มาได้ ก็คือสมาชิกภายในแก๊งอีกเช่นเดียวกัน
เอียนประเมินหาผู้เหมาะสมกับการจะได้รับเกียรติเข้ามาเป็นทีมเดียวกันกับพวกเขาและญาติผู้น้อง ยิ่งต้องสแกนอย่างละเอียดเข้าไปใหญ่ เพราะมันเคยความเกิดข้อผิดพลาดมาแล้วครั้งนึง สำหรับเอียนและแก๊ง British Nobility เมื่อครั้งอดีต
...“คนนี้แหละ ฉันเลือกคนนี้ก็แล้วกัน”...
หลังจากนั่งปวดหลังเล่นอยู่นาน2ชั่วโมง ในที่สุดเอียนก็สามารถคัดเลือกสมาชิกที่เหมาะสมจะอยู่ในแก๊ง The Olympus ของญาติผู้น้องได้เสียที จะเรียกว่าเด็กคนนี้ได้รับการสนใจจากเอียนด้วยก็ส่วนหนึ่ง ทั้งลักษณะที่แตกต่างแต่กลับสะดุดตา บุคลิคเย็นชาแต่เป็นเหมือนเสือที่กำลังซุ่มโจมตีเหยื่อได้ทุกเมื่อ มันช่างน่าดึงดูดเสียยิ่งกะไร
..."นายจะเป็นคนแบบไหนกันนะ เคียวยะ "...
ความสนใจในตัวเด็กหนุ่มตระกูลพชรเมฆา ทำให้ในวันต่อมาเอียนถึงกับต้องมาหาเคียวยะถึงที่บ้าน สถานที่นี้จะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าบ้านก็ว่าได้ เอียนจัดการทุกอย่างตามมารยาท คือเข้าไปทักทายหัวหน้าแก๊ง เพื่อทาบทามขอตัวเคียวยะกับพ่อของเขาก่อน แถมเขายังเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากในเขตการปกครองบริเวณรอบๆแถบนี้ เพราะแบบนั้น เคียวยะจึงอยู่บนจุดสูงสุดมาตั้งแต่เด็ก
..."สนใจในตัวเคียวยะเหรอครับ?"...
..."ใช่ครับ ตอนนี้เคียวยะเองก็อายุเลย21มาแล้ว ควรที่จะมีแฟมิลี่ได้แล้ว"...
..."เรื่องนั้นผมเองก็เห็นด้วย แต่ว่าเคียวยะไม่ยอมเข้าร่วมกับแฟมิลี่ไหนเลย คงเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เอียนมาที่นี่ละมั้งครับ"...
ชายวัยกลางคนยิ้มปิติยินดีไม่น้อย เมื่อเขาได้มองดวงหน้าของมาร์ควิสวัยรุ่น ทำให้นึกถึงลูกชายของตัวเองที่ตอนนี้อายุได้21ปีแล้ว และคงจะอายุห่างจากมาเฟียหนุ่มน้อยตรงหน้าราวๆ 3-4 ปีได้
..."ที่เคียวยะไม่ยอมเลือกอยู่แฟมิลี่ไหนเลยเป็นเพราะว่าเขาสนใจแก๊งBritish Nobility ของเอียนอยู่น่ะ"...
..."......"...
มาร์ควิสเจ้าของดวงหน้าละมุนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่าหัวใจได้หยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะภายใต้ใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉย แต่ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงใจเย็นราวธารน้ำตก
..."จริงอยู่ที่แฟมิลี่ของผมยังขาดคน แต่ว่าตำแหน่งนั้นเราได้ทาบทามคนๆนึงเอาไว้แล้วครับ"...
น่าเสียดายที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น ทั้งพ่อของเคียวยะและเอียนต่างมีสีหน้าที่ต่างคนต่างผิดหวัง เพราะเอียนเองก็สนใจเคียวยะตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านประวัติมาเมื่อคืนนี้แล้วเหมือนกัน แถมยังแอบคิดว่าเคียวยะเหมาะสมที่จะมาอยู่ British Nobility มากกว่าคนคนนั้นเสียอีก
..."ว่าแต่... เคียวยะละครับ ผมขอคุยกับเขาหน่อยสิ"...
...นี่ไม่ใช่เวลามาเสียดายนะ เคียวยะคือคนของม่านเพชร จะให้ฉันคิดแย่งคนของน้องได้ยังไง...
..."เคียวยะอยู่ข้างบนครับ แดเนียลนำทางคุณเอียนไปที"...
..."ครับ"...
..."เชิญครับคุณเอียน"...
มาเฟียร่างใหญ่ผู้มีตำแหน่งเป็นพ่อบ้านของตระกูลพชรเมฆา เดินนำทางเอียนขึ้นไปชั้นบนของคฤหาส์ ไปหาคุณชายที่ตนนั้นเฝ้าตามอกตามใจและถือคำสั่งของเคียวยะเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะฟังพ่อของเคียวยะเองซะอีก
..."คุณชาย... ขออนุญาตครับ มีแขกมาขอพบ"...
แดเนียลเคาะประตู3ครั้งก่อนจะเปิดมันออกโดยไม่ต้องรอฟังคำอนุญาตจากคนที่อยู่ด้านใน เมื่อประตูเปิดออก มาเฟียและว่าที่มาเฟียต่างได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่บรรยากาศกลับปั่นป่วนกันไปละทิศคนละทาง เพราะอีกคนมาอย่างเป็นมิตร แต่อีกคนกลับทำเหมือนมีศัตรูยืนอยู่ตรงหน้า นั่นก็เพราะว่าเอียนมาตอนที่เขากำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่
...อะไรกัน เคียวยะเป็นพวกเด็กเนิร์ดหรอกเหรอ ดูตั้งใจมากเลยนะนั่น คิ้วเข้มที่ผูกเป็นปมใต้เส้นผมหน้าม้าสีดำขลับ คงจะหงุดหงิดที่ฉันเข้ามารบกวนสินะ...
เอียนมองภาพรวมตรงหน้าก็ดูออกหมดแล้วว่าเคียวยะกำลังไม่พอใจเขาอยู่ แต่นั่นไม่สามารถหยุดฝีเท้าของเอียนไม่ให้ก้าวเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะได้
..."คุณเป็นใครกัน..."...
เคียวยะถอดแว่นอ่านหนังสือออก แม้ว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ก็ตาม เขาวางทั้งแว่นกับหนังสือที่ถูกปิดลงอย่างถนุถนอม
..."นายน่ะเหรอ เคียวยะ พชรเมฆา"...
คำทักทายที่ดูเหมือนกับกำลังถือดีแบบนั้นของเอียน ช่างฟังไม่ลื่นหูสำหรับเคียวยะเอาเสียเลย โดยเฉพาะรอยยิ้มทีเล่นทีจริงสุดกวนประสาทแบบนั้น
..."ถ้าใช่ แล้วจะทำไม"...
เคียวยะเงยหน้าตอบผู้ชายร่างสูงที่กล้าพาตัวเองเข้ามาถึงพื้นที่เรดโซนอย่างห้องของเขาด้วยใบหน้าไรเดียงสาที่ไม่สะทกสะท้านต่อความกลัวคนตรงหน้า เพราะถือว่าตนเองเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกของแก๊งมาเฟียสองสัญชาติอันดับหนึ่งในตอนนี้
..."ฉันชื่อเอียน เป็นลูกพี่ลูกน้องของม่านเพชร แล้วก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของมาเฟียแก๊ง British Nobility ด้วย"...
เคียวยะยังคงแอบประเมินผู้มาเยือนจากระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะอ่านหนังสือของเขา คนแปลกหน้าที่เข้ามา แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างปกปิดร่างกาย ใส่เสื้อแขนยาวที่ไม่เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทยในหน้าร้อนสักเท่าไหร่ กับเครื่องประดับทั้งตัวตั้งแต่สร้อยที่มีลักษณะคล้ายโซ่ สร้อยข้อมือ แหวน ยังมีโซ่เหล็กเส้นเล็กห้อยที่ขอบของกางเกงอีก และยิ่งได้ยินเจ้าของร่างสง่าราวกับเจ้าชายแนะนำตัวจบ เอียนก็สามารถดึงดูดความสนใจจากเคียวยะได้ในทันที แววตาหงุดหงิดในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นแววตาของเสือที่เจอเหยื่อที่ถูกใจเข้าให้อย่างจัง
..."British Nobility แก๊งขุนนางอังกฤษ..งั้นก็เก่งน่ะสิ"...
น้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับมหาสมุทรไร้ซึ่งคลื่นลมทะเลทวนคำพูดแนะนำตัวของเอียนอีกครั้ง ความรู้สึกที่สวนทางกับคำพูด เป็นดั่งแรงดันใต้น้ำที่กำลังก่อเกิดเป็นพายุฝนในอีกไม่ช้า
..."อืม ก็ประมานนั้นแหละ"...
เอียนยืดอกอย่างมั่นใจ พร้อมกล่าวอวดโอ้อย่างไม่ละอายปาก เพราะนั้นเป็นความจริงที่ใครๆก็ต่างยอมรับในความสามารถอันร้ายกาจของ British Nobility แก๊งขุนนางอังกฤษ อยู่อันดับ1มาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการจัดตั้งแฟมิลี่มาเฟีย2สัญชาติขึ้นมา
..."ฉันจะมาเจรจาให้นายไปอยู่แก๊ง The Olympus"...
..."เรื่องนั้นน่ะ คงต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วล่ะ "...
...ควับ!!...
..."นี่!!"...
เอียนหลบการโจมตีของเคียวยะได้อย่างเฉียดฉิว หากช้ากว่านี้เพียงแค่วินาทีเดียว ใบหน้าอันหล่อเหลาที่สาวๆต่างชื่นชมว่างดงามนักหนาคงอาบด้วยเลือด จากการถูกอาวุธที่เรียกว่า 'ทอนฟา' ฟาดเข้าเบ้าหน้าให้อย่างจัง
...ไหนพ่อมันบอกว่ามันสนใจ British Nobilityอยู่ไง นี่มันเล่นชักอาวุธออกมาจะฆ่ากันเลยนะเนี่ย!...
..."มาสู้กัน"...
..."?"...
...อย่างนี้นี่เอง.. ที่บอกว่าสนใจ คือความต้องการที่จะต่อสู้กับ British Nobility สินะ แววตาที่จ้องมองมาที่ฉัน เอาจริงเหรอเนี่ย...
..."งั้นก็ได้ วิธีนี้คงคุยกันง่ายกว่า ไม่ได้ต่อสู้ในห้องแคบๆ แบบนี้มานานแล้ว ที่โปรดของฉันเลย"...
...เพราะว่ามันง่ายต่อการใช้อาวุธของฉันไงล่ะ เจ้าลูกหมาไซบีเรียนเอ๋ย ยังช้ากว่าฉันไป3ปีเลยนะ...
..."ชอบเหรอ ก็จะให้อยู่ในนี้ไปตลอดเลย โดยตอนเป็นศพนะ"...
เคียวยะพุ่งตัวเข้ามาหาเอียนราวกับเสือที่กำลังขย้ำเหยื่อ แต่เขาดันล่าผิดตัว แส้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เอียนซ่อนไว้ตามความยาวของขอบขากางเกงที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อเก็บแส้ของเขาโดยเฉพาะ ถูกดึงออกมารวบรัดรับทอนฟาของเคียวยะไว้ได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก ในจังหวะได้เปรียบนั้น เอียนกระชากแขนเคียวยะดึงลงต่ำ ดูแล้วยิ่งเหมือนตกอยู่ใต้อาณัติของเอียนมากขึ้นไปอีก แต่นั้นไม่น่าเจ็บใจเท่ากับรอยยิ้มเยียดกว้างจนเห็นเขี้ยวอสรพิษ เป็นการตอกย้ำเคียวยะมากขึ้น ว่าเอียน เหนือกว่าเขาทุกอย่าง
..."โห้....อายุเท่านี้ถือว่าไม่เลวนี่"...
..."พูดเรื่องอะไร ผมออมมือให้หรอก"...
เคียวยะสบัดแขนของเขาอย่างแรงจนไม่กลัวว่ามันจะหัก เพียงเพราะว่าอยากจะสลัดทอนฟาให้หลุดออกจากแส้ที่เป็นเหมือนพันธนาการของอสรพิษ
...ทำไมถึง...อ่านแววตานั่นไม่ออกเลยนะ คิดอะไรอยู่กันแน่ เอียน แนธราเชียน...
เมื่อแขนทั้งสองข้างเป็นอิสระ เคียวยะไม่รอช้าที่จะเช็คบิลกลับทันทีโดยไม่เว้นช่องว่างให้เอียนได้ตั้งรับความรุนแรงที่เขาสาดใส่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ทอนฟาที่ทำจากเหล็กเหวี่ยงสบัดโดนใบหน้าขาวจนเป็นรอยแดงช้ำเลือดชัดเจนอยู่บนใบหน้า
ยังไม่ทันจะหายมึนกับการโดนฝาดเต็มแรงของว่าที่อันเดอร์บอส ทอนฟาในมือข้างซ้ายก็ต่อยเข้าใต้อกของเอียนอีกหลายครั้งเขาจนเสียหลักถอยหลังเซไปสองสามก้าว การโจมตีหนักหน่วงยังคงไม่ยั้งมือเพียงเท่านั้น ขายาวก้าวเข้ามาประชิดตัวเอียนไว้ แขนทั้งสองที่ดามด้วยทอนฟาเหล็ก กระหน่ำฟาดเอียนอย่างไม่ลดละ แม้เคียวยะจะหงุดหงิดไปไม่น้อยกับท่าทีของอีกฝ่ายที่โดนหนักไปขนาดนั้น กลับยังมีแรงเหลือเฟื้อตั้งรับการต่อสู้ได้ทุกทวงท่า เหมือนกับว่าการโจมตีที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบอะไรต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย แถมเอียนยังมีอารมณ์ฉีกรอยยิ้มกระตุ้นความโมโหให้เคียวยะอยากจะงัดเอาทุกกลยุทธ์ทุกอย่างที่เขามีออกมาใช้สังหารอีกฝ่ายให้เดี้ยงจมดินไปเดี๋ยวนั้น
...เป็นเด็กที่น่ากลัวไม่เบาเลย เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นคนที่ขาดไม่ได้เลยในแฟมิลี่ของม่านเพชร ฉันจะต้องเอานายมาให้ได้ เคียวยะ...
ความตั้งใจแน่วแน่ของเอียนที่อยากจะเอาม้าพยศตัวนี้ให้อยู่หมัด ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องคว้าเคียวยะมาเข้าร่วมกับโอลิมปัสแฟมิลี่ของญาติผู้น้องอย่างม่านเพชรให้จงได้ และนั้นก็เป็นการกระตุ้นชั้นดีสำหรับเอียนให้เริ่มที่จะเอาจริงกับเคียวยะขึ้นมา
..."แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ!"...
..."หึ ยังอ่อนไป อย่าพึ่ง..?!"...
เคียวยะมั่นใจว่าเขาไม่ได้เผลอเลยสักวินาทีเดียว แต่เมื่อขยับแขนทั้งสองข้างอีกครั้ง มันกลับแข็งตึงจนขยับไม่ได้ เพราะโดนแส้หนังในมือข้างซ้ายของเอียนรวบรัดไว้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเขายังเห็นเอียนใช้แส้เพียงอันเดียวอยู่เลย ก่อนที่จะสงสัยไปมากกว่านี้ ร่างของเคียวยะก็กระเด็นออกไปไกลจนหัวเกือบจะฟาดกำแพงเพราะถูกเท้าหนักๆของเอียนถีบส่งมาอย่างตั้งใจสุดๆ ดูได้จากรอยยิ้มพึ่งพอใจบนใบหน้า
..."นายยังอ่อนหัดกว่าฉันไป3ปีนะ พอใจในระดับแค่นี้ก็แย่น่ะสิ ยังจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้นะ เคียวยะ"...
..."ไม่เอา"...
คำตอบของเคียวยะทำเอาเส้นประสาทของเอียนเต้นตุบๆๆเหมือนจะขาดสบัดลง มือทั้งสองก็กำแส้หนังแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่เคียวยะก็เหมือนจะรู้ใจเอียนไปซะทุกอย่าง เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวเข้ามาหาอีกฝ่ายอย่างหมายหัว ไม่ต่างจากเอียนที่ก็ตั้งท่ารอรับการโจมตีอยู่ก่อนแล้ว ทอนฟาถูกสบัดให้ฟาดลงบนหน้าของเอียนอีกครั้ง แต่คราวนี้เคียวยะกลับได้รอยยิ้มกวนโมโหกลับมาแทน
..."หึ พยศดีจริงๆ เอาล่ะ จะฝึกให้เชื่องยังไงดีนะ...."...
เอียนเชิดหน้ายิ้มอย่างนึกสนุก นานแล้วที่ไม่ออก
แรงเล่นกับเด็กๆแบบนี้ การต่อสู้ที่ไม่ต้องออมแรงแต่ไม่เล่นให้ถึงกับตาย นี่มันกฎบีบรัดการกระทำที่พุ่งพล่านได้ดีจริงๆ
..."ขออนุญาตครับ คุณท่านให้มาตามคุณเคียวยะไปทานข้าว แล้วก็เชิญคุณเอียนด้วยครับ"...
สงครามจบลงดื้อๆอย่างน่าเสียดาย เมื่อพ่อบ้านคนสนิทของเคียวยะเข้ามาช่วยสงบศึกด้วยการเชิญลงไปร่วมทานข้าวด้วยกัน เอียนผ่อนลมหายลงอย่างรู้สึกโล่งอกนิดหน่อยที่ไม่ต้องสู้กับเคียวยะต่อ
..."หื้ม ได้เวลาอาหารเย็นของบ้านนายแล้วเหรอ วันนี้ก็ขอฝากท้องด้วยนะ เคียวยะ"...
เมื่อได้ยินคำเชิญชวนที่หอมหวนจากพ่อบ้านที่นิสัยดีกว่าเจ้านายของเขาอยู่มากโข เอียนก็คลายแส้หนังที่พันธนาการทอนฟาของเคียวยะออกอย่างรวดเร็ว วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจมาสู้กับเคียวยะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การถอยออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็นับเป็นวิธีที่ไม่เลวเหมือนกัน เขาจึงรีบเก็บแส้เข้าไปในกางเกงอย่างลวกๆ แล้วเดินตัวปลิวออกไปจากห้อง เหมือนกับว่าร่างกายนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆจากการต่อสู้กันเมื่อสักครู่นี้เลยสักนิดเดียว แต่เป็นอีกคนต่างหากที่ไม่ยอมจบเกมแห่งสงครามลงง่ายๆ กลับใช้ร่างกายที่บอบซ้ำไปไม่น้อยยืนขวางทางเอียนไว้
..."เรายังสู้กันไม่รู้ผลเลยนะ"...
..."กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถูกมั้ยล่ะ หิวจะตายอยู่แล้ว"...
เอียนเดินยิ้มหน้าระรื่นผ่านเคียวยะไปอย่างอารมณ์ดี เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าการตัดจบซะแบบนี้ มันทำให้อารมณ์ค้างสุดๆไปเลยยังไงล่ะ เป็นหนึ่งในวิธีการแก้แค้นอย่างหนึ่งของเอียน แนธราเชียน ที่ใช้ออกจะบ่อยไป
..."มาสิเคียวยะ ไม่รีบไป ฉันจะแย่งกินให้หมดเลยนะ"...
..."...."...
..."ไปกันเถอะครับคุณชาย"...
เคียวยะพยายามข่มอารมณ์ที่ร้อนรุ่มของตัวเองให้สงบลง แล้วเดินออกมาพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิท พร้อมกับรับผ้าชุบน้ำมาซับเหงื่อบ่นเลือดด้วย
..."คุณเอียนเวลาต่อสู้ก็จริงจังจนน่ากลัวเลยนะครับ แต่พอไม่ได้เอาจริงก็เหมือนเด็กหนุ่มอายุ24ทั่วไป ไม่เหมือนมาเฟียเลย"...
ระหว่างเดินลงจากบันได พ่อบ้านร่างใหญ่ก็พูดถึงเอียนขึ้นมา เคียวยะแม้จะเดินนำอยู่ข้างหน้าแต่ก็สนใจฟังสิ่งที่พ่อบ้านของตัวเองกำลังพูดอยู่ข้างหลัง แน่นอนว่าเขาเองก็เห็นด้วย เพราะได้ปะทะฝีมือกับเอียนโดยตรงมาเมื่อสักครู่นี้แล้ว
..."มาเฟียที่แท้จริงจะไม่ทำตัวเหมือนมาเฟียพร่ำเพื่อหรอก"...
แม้การต่อสู้จะหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่จิตสังหารจากนัยน์ตาสีไนท์สกายยังคงทำหน้าที่เป็นเหมือนลำกล้องปืนไรเฟิลล็อคเป้าหมายอย่างเอียนไว้อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ระหว่างการทานอาหารเมื้อค่ำที่น่าอึดอัด3คนสำหรับเคียวยะ ก็ถือว่าเยอะเกินไปแล้วสำหรับคนโลกส่วนตัวสูงและไม่ชอบการอยู่รวมกลุ่ม
..."ทานได้รึเปล่ามาร์ควิสแนธราเชียน ต้องขอโทษด้วยนะที่คนของผมเตรียมอาหารอิตาเลี่ยนไม่ทัน"...
พ่อของเคียวยะหันมาพูดคุยกับเอียนอย่างเป็นกันเอง ขัดกับหน้าตาของลูกชายเพียงคนเดียวของเขาที่ตอนนี้นั่งทำหน้าตึงเครียดแบบบอกบุญไม่รับ เหมือนจะกำลังไม่พอใจอะไรอยู่ในใจแต่ก็เก็บอาการไว้ แต่กลับเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่นี่สิ
แสดงออกชัดเจนยิ่งกว่าการกระทำใดๆเสียอีก
..."ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทานอาหารไทยบ่อยกว่าอาหารอิตาเลี่ยนอีกครับ"...
..."งั้นเหรอ พูดไทยได้ชัดมากอีกด้วยนะ มาอยู่นานแค่ไหนแล้วล่ะ"...
..."ช่วงแรกๆ ก็ไปๆ มาๆครับ พอปิดเทอมที่อิตาลี คุณพ่อจะส่งมาอยู่กับญาติที่ไทย เธอแต่งงานกับหัวหน้าแก๊งโอลิมปัส ตอนนี้ผมก็เลยได้มาเป็นพี่เลี้ยงให้กับเจ้าลูกมาเฟียมือใหม่น่ะครับ"...
เอียนแอบมองเคียวยะอยู่เป็นระยะๆ เพื่อจับสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่าย ส่วนเคียวยะกลับไม่แม้แต่จะสนใจว่าเอียนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป
..."อีกอย่าง ที่ต้องมาไทยบ่อยๆเพราะว่าบอสเป็นลูกครึ่งไทย ฐานหลักก็อยู่ประเทศไทยครับ เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เช่น ภาษา อาหารวัฒนธรรม ตอนนี้ผมแทบจะไม่ใช่คนอิตาลี แทบจะเป็นคนไทยคนนึงแล้วครับคุณรชตะ"...
..."ฮ่าๆ คุณนี่เป็นคนที่คุยด้วยแล้วไม่น่าเบื่อดีนะครับ ผมชอบคนอย่างคุณมากทีเดียว"...
มาเฟียรุ่นใหญ่เอ่ยชมด้วยรอยยิ้มกว้าง แถมหัวเราะออกมาเต็มเสียงระหว่างที่พูดคุยกับเอียน ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าถูกคอ ราวกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะเอียนเป็นคนที่มีความรู้รอบด้าน ทัศนคติเฉียบคม ฉลาดแบบที่หาตัวจับได้ยาก
..."จริงสิ งั้นตอนนี้คุณเรียนจบแล้วเหรอ"...
"ยังครับ พอดีได้รับคำสั่งให้มาอยู่ที่ไทยตั้งแต่5-6ปีที่แล้ว ให้มาช่วยฝึกโอลิมปัสแฟมิลี่รุ่นที่12 ผมก็เลยจำเป็นต้องมาเรียนปริญญาโทที่ไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ แต่ว่าก็เรียนปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว"
..."ไม่ธรรมดาเลยนะ ที่คนต่างชาติจะมาเรียนที่ไทย"...
..."ครับ ยากพอตัวเลย แต่ก็ทำได้ดีมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยปี1แล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมใช้ภาษาไทยได้ดีมากทีเดียว"...
..."งั้นก็5ปีแล้วสินะ กับ British Nobility รุ่นที่13 นับว่าเป็นแฟมิลี่ที่เก่าแก่มาก สืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางอังกฤษใช่มั้ยครับ"...
แม้จะรับรู้ความยิ่งใหญ่ของ British Nobility มาจากไหน ก็ไม่เท่ารับรู้ความยิ่งใหญ่ของ British Nobility จากปากของสมาชิกในแก๊งสองสัญชาติด้วยหูและตาของตนเองอยู่ดี ท่าทางตื่นเต้นเหมือนกับแฟนคลับตัวยงของชายวัย40ปลายๆ ทำเอาผู้ที่ถูกนัยน์ตาเป็นประกายจับจ้องอยู่ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย สำหรับเอียนแล้ว การถูกเชยชมจากเลดี้หรือมาดามย่อมรู้สึกดีกว่า
..."ใช่ครับ ตระกลูขุนนางอังกฤษที่มีสองสัญชาติด้วยครับ รุ่นแรกก็มีสัญชาติอิตาลีและอังกฤษเหมือนกับผม แต่ว่าผมใช้แค่สัญชาติอิตาลีอย่างเดียวมานานแล้วครับ"...
..."ผมอิ่มแล้ว ไปนะครับ"...
เคียวยะรีบลุกออกไปทันทีเมื่อเขาทานเสร็จ เอียนที่มีนิสัยชอบวอแวกวนประสาทคนอยู่แล้วจึงไม่ปล่อยให้เคียวยะได้เดินจากไปอย่างสงบ
..."เคียวยะ ทานไปนิดเดียวเองนะ"...
..."เรื่องของผม"...
..."เคียวยะเป็นเด็กทานยากเหรอครับ คุณพ่อ"...
..."หืม? อื้มๆๆ ใช่"...
รชตะอึ้งกับคำที่เอียนใช้เรียกตนว่าคุณพ่อไปแวบนึง ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับลูกชายคนโปรดคนใหม่ไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง
..."ผมก็อิ่มพอดีเลยครับ อร่อยมากเลย ขอบคุณสำหรับอาหารค่ำนะครับคุณพ่อ ขออนุญาตเรียกแบบนี้แล้วกันนะครับ"...
..."ยินดีให้เรียกเลยเจ้าลูกชาย"...
..."งั้นไว้พรุ่งนี้ผมจะมาหาเคียวยะใหม่นะครับ"...
..."แล้วพ่อจะเตรียมขนมของว่างเอาไว้ให้นะเอียน"...
..."ขอบคุณมากเลยครับคุณพ่อ นี่ เคียวยะ ฉันไปก่อนนะ หลับฝันดีล่ะคืนนี้"...
..."...."...
..."แล้วก็อย่าลืมฝันถึงพี่ชายคนใหม่ของนายซะด้วยล่ะ"...
เอียนเดินมาชนไหล่อีกฝ่ายแล้วกวนประสาททางคำพูดก่อนกลับ
..."ผมเป็นทายาทคนเดียวของพชรเมฆา ไม่นับญาติกับคุณหรอก"...
..."ไม่เป็นไร ฉันนับเอง"...
...ไอ้มาร์ควิสนี่มันเป็นคนปกติดีอยู่ใช่มั้ย น่าขย้ำให้ตายๆไปซะ......
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!