"แงงงงงงง ฮึก ฮืออออ แม่เอยยย"
"โอ๋ๆๆ พี่จือร้องทำไมครับ แม่อยู่นี่แล้ว"เสียงร้องไห้ของเด็กอายุ2ขวบ1เดือนที่ยังร้องหาแม่เป็นประจำเสมอที่ตื่น
ฉันที่กำลังทำอาหารอยู่เลยต้องรีบวิ่งมาดูก่อนที่เจ้าเด็กน้อยจะร้องหาแล้ววิ่งตกลงเตียงก่อน อะ ลืมแนะนำตัวไปเลย สวัสดีค่ะ ฉันชื่อขวัญเอยเรียกว่าเอยก็ได้นะ ตอนนี้ก็อายุได้21ปีแล้ว ฉันกำลังเรียนอยู่ที่มหา'ลัยs คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี2สาขาวิศวะสิ่งแวดล้อม ส่วนเด็กที่ร้องไห้อยู่คือลูกชายสุดที่รักของฉันเอง ฟังไม่ผิดหรอกนะ ฉันท้องเขาตอนอายุ17-18ทุกคนอาจมองว่าฉันเป็นเด็กใจแตกมีลูกตั้งแต่เด็ก ฉันไม่ได้อยากดับอนาคตตัวเองแบบนี้เหมือนกันนะ แต่ทุกคนเข้าใจฉันบ้างไหม ความผิดพลาดในชีวิตฉันมันโหดร้ายแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาเกิดมาแล้ว ฉันก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ไม่ทำให้เขารู้สึกขาดอะไรไป ให้ความอบอุ่น ให้ความรักจากคนเป็นแม่อย่างฉัน ถึงเขาจะ...ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร ฉันจะเติมเต็มเขาเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เขาเป็นทุกอย่างของฉัน ฉันตั้งชื่อให้เขาว่าจือ ที่แปลว่าความรัก เขาเป็นความรักของฉัน ส่วนเรื่องของพ่อเขา เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีลูก ไม่สิ คงจำไม่หน้าฉันไม่ได้ ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ ถ้าถามว่าฉันมีพี่จือได้ยังไง ฉันชอบเรียกพี่จือจนฉันติดแล้ว เรื่องมันคงเริ่มตั้งแต่3ปีก่อน...
ปิดเทอม
"ฮัลโหลพี่นาย แถวนั้นพอจะมีงานทำบ้างมั้ย"ฉันถามพี่ชายต่างแม่เรื่องสมัครงาน ก็ปิดเทอมแบบนี้ก็ต้องหางานทำอยู่แล้ว เปิดเทอมปีนี้ฉันก็ขึ้นม.6แล้วเร็วจังแฮะ อ้าวๆ ผิดประเด็น ฉันขอร้องให้พี่ชายต่างแม่หางานให้ เพราะจะได้ช่วยพ่อแม่ลดภาระบ้าง ฉันก็ได้ประสบการณ์อีก แต่พ่อกับแม่ห่วงฉันมากๆ ไม่อยากให้ไปไหนไกล สถานะทางบ้านของครอบครัวฉันเรียกได้ว่าพอมีพอกินตามเกิด ถ้าวันไหนไม่มีรายได้ก็ต้องประหยัด ฉันจึงอยากช่วยพวกท่านทั้งสอง
"ก็มีงานอยู่นะ สนใจมั้ย เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร โอเครึเปล่า"
"เอยโอเคค่ะ"ฉันตอบตกลงไปทันที ในที่สุดฉันก็จะมีงานทำแล้ว หารายได้เสริมช่วงปิดเทอม
"อีก2-3วันเดินทางมาถึงมาถึงพัทยาก็เริ่มงานได้เลยนะ"เร็วจังแหะ แต่ก็ดีจะได้เงินเร็วด้วย
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เอยเดินทางไปเลย จะได้ถึงเร็วๆ จะได้ดูงานด้วย"
"โอเคครับ พี่ไปทำงานต่อนะ บาย"จากนั้นำพี่นายก็ตัดสายไปก่อน
"ขวัญเอย"เสียงเรียกของแม่ฉัน แม่ค่อยๆ เดินมาหาฉันแล้วกอดลูบหัวเหมือนให้กำลังใจฉัน แม่ไม่เคยปล่อยฉันไปไหนไกลๆ เลย ท่านต้องเป็นห่วงฉันมากๆ
"แม่ไม่ต้องเป็นห่วงเอยหรอก เอยมีพี่นายดูแลอยู่ เอยแค่ไปทำงานเองน้าาาา"ฉันก็เอนตัวลงนอนหนุนตักของแม่
อ้อนแม่ให้ท่านไม่เป็นห่วงมาก
"ไปนู่นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะเอย"
"รับแซ่บ"จากนั้นเราสองแม่ลูกก็นอนกอดกันจนเช้า พ่อฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดอะไร เวลาเป็นห่วงฉันพ่อจะแสดงทางการกระทำมากกว่า
เช้าวันต่อมา09:04น.
พ่อตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะนั่งรถมาส่งฉันที่คอนโดพี่นาย
"ดูแลตัวเองด้วยนะเอย"พ่อบอกฉันแล้วพ่อก็ไปส่งฉันที่ห้องพี่นาย พี่นายอยู่คอนโด กับพี่สะใภ้ แล้วก็มีน้องหมาอีก1ตัว คอนโดที่พี่นายอยู่เขาให้เลี้ยงสัตว์ได้
คอนโดcที่พี่นายอยู่
กริ๊งงงง กริ๊งงงงง
"อ้าวเอยมาแล้วหรอ สวัสดีครับพ่อ"พ่อรับไหว้พี่นาย
"พี่นายสวัสดีค่ะ"ฉันไหว้พี่นาย ฉันอายุห่างจากพี่นายประมาณ6 -7ปี อย่างที่ฉันเคยบอกฉันกับพี่นายเราคนละพ่อกัน แต่พี่เขาก็รักฉันมากๆ เอ็นดูฉัน หวงเหมือนพ่อคนที่สองเลยแหละ
"ฝากน้องด้วยนะ พ่อไปก่อนนะ"พ่อบอกแล้วกำลังจะกลับ
"ไม่ไปกินน้ำกินไรหน่อยหรอ มาเหนื่อยๆ ค่อยกลับก็ได้"พี่นายรั้งพ่อไว้
"ไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว"พ่อบอกแล้วเดินจากไป
"มาๆ เอยเข้ามาก่อนนะ เอากระเป๋าไปเก็บก่อน"คอนโดที่พี่นายอยู่ มี2ห้องนอน 1ห้องน้ำ 1ห้องรับแขก 1ห้องครัว
พี่นายนอนกับพี่สะใภ้ส่วนฉันนอนอีกห้อง
"เอยพรุ่งนี้เริ่มงานเลยได้มั้ย พอดีว่าคนไม่พอ เขาเลยอยากให้เริ่มเร็วๆ นะ"เขาอธิบายให้ฉันฟัง
"ได้เลยจ้า เอยพร้อมลุยเพื่อเงิน"
"ไปๆ อาบน้ำ ไปพักก่อนมาเหนื่อย"ฉันเข้ามาที่ห้องจากนั้นก็โทรหาแม่ พอคุยกันไปสักพัก ฉันก็นอนหลับจนพี่นายมาปลุก
ก๊อก ก๊อก ก็อก
"เอย2ทุ่มกว่าแล้ว ออกมากินข้าวก่อน"
"กำลังออกไปค่ะ"ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาไปเปิดประตูออกไปทานข้าว เราใช้เวลาบนโต๊ะอาหารไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นฉันก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน
ติ๊ดๆๆๆๆๆ ตุบ
05:00น.
นาฬิกาอยู่ไหนเนี่ย ห้าววว ตี5ไวจัง ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า
ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาที่เหลือเล่นโทรศัพท์เพื่อรอพี่นายตื่น แล้วเราจะได้ไปทำงานกัน ตื่นเต้นจังเลย
06:43น.
"เอยกินข้าวจะได้ไปทำงาน"อ่ะ พี่นายมาตามแล้วฉันรีบลุกขึ้นมาจากเตียง พอเราทานข้าวกันเสร็จพี่นายก็พอฉันขับรถออกจากคอนโดพี่สะใภ้ทำงานกันคนละที่ ลืมบอกไปเลยที่ที่ฉันมาทำงาน เป็นโรงแรม มีแขกมาพักเยอะมาก โรงแรมก็ถือว่าใหญ่พอสมควร พี่นายมาฝากให้ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟ ส่วนพี่นายทำงานในห้องครัว
"น้องเอย โต๊ะ18"
"เอยเช็คบิลโต๊ะ4"
"เอยจ๋าโต๊ะ6จ้า"ทำงานวนลูปแบบนี้จนได้เดือนครึ่งแล้ว แรกๆ ที่ทำก็เหนื่อยล้ามาก แม่ก็โทรหาฉันทุกวันที่มาทำงานที่นี่
"เอยวันนี้จะมีคนสำคัญมาที่โรงแรมเรา ทำตัวดีๆ ด้วยนะ"พี่นิดเป็นพนักเสิร์ฟเหมือนกันกับฉัน วันนี้จะมีนักธุรกิจคนสำคัญมาพักที่โรงแรมเรา ทางโรงแรมเลยจัดการต้อนรับนิดๆ หน่อย
"อีกพักเขาจะมาแล้ว ทุกคนมายืนรอต้อนรีบคุณชิงหลงก่อน"ผู้จัดการโรงแรมให้พนักงานทุกคนมายืนต้อนรับนักธุรกิจคนนั้นคงจะมีความสำคัญมากเลยสินะ อ่ะ มาแล้วอะไรจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น หื้ม มีบอดี้การ์ดอีก เป็นนักธุรกิจหรือมาเฟียเนี่ย
"ยินดีต้อนรับคุณชิงหลงค่ะ/ครับ"ทุกคนที่มายืนต้อนรับไม่มีใครกล้ามองหน้าเขาสักคน คงจะมีอิทธิพลมากแน่ๆ
"อืม"ห๊ะ ทุกคนอุส่ามายืนต้อนรับกลับตอบแค่นี้ เย็นชาไปแล้ว แล้วจากนั้น เขาก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของโรงแรม
"อร๊ายยยคุณชิงหลงหล่อมากเลยเนอะเอย"พี่นิดหันมาคุยกับฉันพร้อมกับทำตัวบิดๆ เขินผู้ชายคนนั้นที่ขึ้นลิฟต์ไปแล้ว สาวๆ ทุกคนในนี้พูกเป็นเสียงเดียวกับว่าคุณชิงหลงอะไรนั่น เป็นนักธุรกิจที่จีนมาลงทุนสร้างบริษัทที่ไทย เขาเป็นหุ้นส่วนหลายบริษัทมาก รวยที่สุดในแทบเอเชียเลยก็ว่าได้
"ฮาน"
"ครับท่านประธาน"ฮานเลขาส่วนตัวของชิงหลง แค่เจ้านายเรียกชื่อตนแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่า เจ้านายของตัวเองต้องการอะไร
"..."
"เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ"ท่านประทานของเขาไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ มีแต่เขาที่เข้าใจความหมายเพราะอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีแล้ว จากนั้นฮานก็ต่อสายหาใครสักคน
"ขอเด็กสักคน ชั้นบนสุด ห้องท่านประธาน"เขาก็ตัดสายทิ้งไป
"เอาไงดีวะเนี่ย เด็กที่นี้ไม่มีใครพอดูได้สักคน เป็นไงโทรหายัยเชอร์รี่ติดมั้ย"เสียงกระวนกระจายของผู้จัดการ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าคุณชิงหลงจะต้องการเด็ก เขาเลยไม่ได้เตรียมให้ อยู่ๆ ก็มีสายจากเลขาของเขาว่าอยากได้ ยัยเชอร์รี่นั่นก็ดันพักงาน เอาไงดีเนี่ย อ๊ะ!! นั่น
"เอยๆๆ ว่างหรือเปล่า"เอาวะ ไหนๆ ก็ไม่มีตัวเลือกแล้ว เพื่อความอยู่รอดของโรงแรม ขอโทษด้วยนะเอย
"เอยว่างค่ะ ผู้จัดการมีอะไรรึเปล่าค่ะแขกยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่"เอยถามด้วยสีหน้าสงสัยปกติผู้จัดการสนใจเขาที่ไหนกันนอกจากพี่เชอร์รี่
"ช่วยเอาอาหารไปเสิร์ฟห้อง1003ให้หน่อยสิ ชั้นบนสุดเลยนะ"ถ้าจำไม่ผิดนั้นห้องของคุณชิงหลงนั่นนี่นา
"เอ่อคือ..."
"ช่วยหน่อยนะเอยฉันไหว้ละ"ผู้จัดการยกมือขึ้นไหว้ฉันจริงๆ จนคนอื่นหันมามอง
"ผู้จัดการไม่ต้องไหว้เอยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเอยเอาไปเสิร์ฟให้"
"ขอบใจมากเอย รบกวนด้วยนะ"ผู้จัดการไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย มีอะไรรึเปล่านะ จากนั้นฉันก็เอาอาหารไปเสิร์ฟ ผู้จัดการบอกว่าให้ไปเสิร์ฟให้ถึงห้องเลย พอฉันมาถึงก็มีคนเฝ้าหน้าห้องเป็นสิบๆ คนเลยแต่ละคนมองมาที่ฉันหน้ากลัวมาก ฮือ แม่จ๋า
"มาแล้วครับท่านประธาน"
"เข้ามา"
"เชิญครับ"ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง แล้วเจอคุณชิงหลงที่เหมือนจะพึ่งอาบน้ำเสร็จเพราะเขาพันผ้าขนหนูไว้ที่ขอบเอวจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ฉันได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นนี่นา ฮือ
"เอ่อ คือ อะ เอยเอาอาหารมาเสิร์ฟค่ะ"ฉันรีบวางอาหารไว้ที่โต๊ะแล้วกำลังจะรีบเดินออกไป
"..."
"..."อยู่ๆ คุณชิงหลงก็มาขวางหน้าประตูห้องไว้
"ใครให้ไป"เขาถามฉัน
"เอยเสิร์ฟอาหารเสร็จแล้ว เอยมีงานต้องไปทำเอยขอตัวก่อนนะค่ะ"แล้วอยู่ๆ คุณชิงหลงก็คว้าเอวฉันเข้าไปกอด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เอาจมูกมาซุกที่คอฉัน เขาค่อยๆ กัดที่ลำคอฉัน จนฉันรู้สึกเจ็บ
"อ๊ะ เอยเจ็บ อย่าค่ะ"เขาค่อยๆ ใช้มือล้วงเข้ามาใต้กระโปรงฉัน แล้วเขาก็ปลดกระดุมฉันทีละเม็ด น้ำตาฉันค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
"เด็กดี ฉันจะทำเบาๆ "เขากระซิบข้างๆ หูฉันด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แม่ช่วยด้วย พ่อ ฮืออ
เขาอุ้มฉันขึ้นเตียง จัดท่าให้ฉันนอนหงาย แล้วจากนั้นเขาก็กระตุกผ้าที่มัดเอวไว้จนหลุด มือก็ควานหาอะไรสักอย่าง
"ลืมหยิบถุงยางมา ไม่เป็นไรหลั่งนอกก็ได้"
"อย่าทำเอยเลยนะ เอยพึ่งอายุ17เอง คุณปล่อยเอยไปเถอะนะฮึก"ฉันขอร้องเขา ร้องไห้ไปอ้อนวอนให้เขาหยุดแต่สุดท้ายไม่เป็นผล
"ชู่ววว"
หลังจากนั้นเขาก็ย่ำยีฉันจนไม่เหลืออะไรเลย
เช้าวันต่อมา
"อื้มมม เจ็บจัง อ่ะกี่โมงแล้วเนี่ย ห๊ะพี่นายโทรมาหรอเนี่ย"ฉันได้แต่มองเบอร์พี่นายไม่กล้าโทรกลับ มือสั่นไปหมด น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ฉันนอนร้องไห้สักพัก แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเงินอยู่ก้อนหนึ่ง มันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม ผ่านไปสักพักจนดีขึ้น ฉันก็รีบกลับคอนโดกลัวพี่นายเป็นห่วงพอถึงห้องพี่นายถามฉันใหญ่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยโกหกไปว่า ผู้จัดการใช้งาน เลยนอนพักที่โรงแรม เลยไม่ได้โทรไปบอกเพราะว่าทำงานไม่ได้พัก จากนั้นฉันก็โทรไปหาแม่ คุยกันไปสักพักก็วาง วันนี้ฉันขอฝากพี่นายลางาน1วัน ฉันเหนื่อยอยากพัก วันทั้งวันฉันไม่กินข้าวเอาแต่ร้องไห้ในห้อง อีกไม่ถึงครึ่งเดือนจะเปิดเทอมแล้ว ฉันต้องไม่เครียด ยิ้มๆ ไว้ ฉันต้องผ่านไปให้ได้
วันเปิดเทอมอาทิตย์ที่3
"เอยวันนี้กินข้าวมันไก่ดีปะ"ส้มถามฉัน
"อื้มเอาสิ"ฉันมีเพื่อนแค่1คนนั่นคือส้มคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดสนิทที่สุด พอซื้อข้าวกับน้ำเสร็จ ก็มานั่งกินกันได้สักพักฉันก็รู้สึกว่า อุ๊บบ
"เห้ยเอย เป็นอะไรวะ"เสียงส้มตะโกนไล่หลังฉัน
สุขาหญิง
แหวะ อุ๊บบบ แหวะะะะ
"เห้ยเอยไหวเปล่าเนี่ย"
"ไหว"ฉันตอบปัดๆ ส้มไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง
"แล้วเอยเป็นอะไร"
"อยู่ๆ ก็เหม็นอาหารอ่ะ"
"เอยอาการเหมือนคนท้องเลยวะ"อยู่ๆ ตัวฉันก็ชา หน้าซีด
"ไม่มีอะไรหรอกแค่เบื่ออาหารนะ"ฉันพยายามไม่ให้ส้มสงสัย
16:00น.เลิกเรียน
ฉันรีบตรงไปร้านยาซื้อที่ตรวจครรภ์มา พอมาถึงบ้านฉันรีบไปเข้าห้องน้ำ แล้วจากนั้นฉันก็รอผล
5นาทีต่อมา
ใจฉันเต้นแรงมาก แล้วผลก็ปรากฏตรงหน้า มันขึ้น2ขีด
"ทะ ท้องง ฉันท้อง อึก"ขาฉันอ่อนแรงไปมันแทบยืนไม่อยู่ฉันร้องไห้สักพัก จนแม่มาเคาะประตู
"เอยเป็นอะไรรึเปล่าลูก"แม่ถามฉัน
"ปะ เปล่าค่ะแม่"ฉันรีบเช็ดน้ำตา ล้างหน้า แล้วรีบเปิดประตูออกจากห้องน้ำ แล้วก็ทำลายที่ตรวจครรภ์นั้นทิ้ง
"ไปกินข้าวกันเอย"
"เอยไม่ค่อยหิวอ่ะแม่"
"คำสองคำก็ยังดี"ฉันเลยจำใจต้องไปทานข้าว
"อ่ะนี่เอยของโปรดลูก"แม่ตักอาหารให้ฉัน แต่ว่าฉันก็รู้สึกว่ามันเหม็นอีกรอบ สุดท้าย อุ๊บบ
แหวะ อุ๊บบบบ
"เอย เป็นอะไรลูก"ฉันเป็นแบบนี้หลายรอบพยายามโกหกพ่อกับแม่จนฉันปิดไม่อยู่
"มันเป็นใคร"พ่อฉันทำสีหน้าโกรธมาก ฉันกลัว ฉันกลัวมากๆ
"ฮือออ อึก"ฉันเอาแต่ร้องไห้ จนตั้งสติได้ฉันก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อฉันจะตามไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้น แต่ข่าวที่ได้มาคือเขากลับจีนไปแล้ว จนฉันกับแม่ทำใจได้ พร้อมพยายามจะเลี้ยงลูกที่จะเกิดมาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ทางโรงเรียนพยายามช่วยฉันให้เรียนให้จบพร้อมเพื่อน ส้มก็แวะเวียนมาหาประจำ
จนวันที่ฉันคลอด
"หมอค่ะ พร้อมคลอดแล้วค่ะ"พยาบาลที่ทำหน้าที่คลอดพร้อมเตรียมทำคลอดฉัน
"หายใจเข้าลึกๆ นะครับ หมอบอกให้เบ่งก็เบ่งนัครับ 1 2 3เบ่งครับ"
"อร๊ายยยยย"ฉันเบ่งจนสุดแรง จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียง
"แหว๊ อุแหว๊"ได้ยินแล้ว น้ำตาฉันค่อยไหลลงมา ความรู้สึกของคนเป็นแม่มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันดีใจที่มีเขา ฉันจะทำทุกๆ อย่างเพื่อลูกของฉัน ต่อให้ไม่มีพ่อ ฉันจะคอยเติมเต็มทุกอย่าง ฉันตั้งชื่อให้เขาว่าจือ จือที่แปลว่าความรัก เขาคือความรักของฉัน
ช่วงแรกๆ ฉันเลี้ยงเขาแทบไม่ได้นอน ฉันยังต้องไปเรียนในตอนกลางวัน กลางคืนต้องเลี้ยงลูก อีก1เดือนกว่าๆ ฉันจะจบม.6แล้ว ฉันหามหา'ลัยที่จะเรียนต่อไว้แล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนนี้ฉันอยู่ปี2แล้ว ช่วงปี1ฉันลำบากมากเลี้ยงทั้งลูก ต้องร่วมกิจกรรม แม่ก็คอยเลี้ยงพี่จือให้ จนขึ้นปี2ฉันขอเลี้ยงลูกเอง ตอนแรกแม่ไม่เห็นด้วยพ่อก็ขัดว่าจะช่วยดูให้ จนฉันต้องใช้ไม้แข็ง จนพวกท่านยอม
ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยโทษเขาเลย ฉันรักพี่จือมาก แค่ทุกๆ วันฉันมีเขาก็พอแล้ว
"พี่จือหยุดร้องก่อนครับแม่อยู่นี้"แล้วพี่จือก็หยุดร้อง
"แม่เอย ปะป๊า ปะป๊า"ทำไมถึงถามหา เพราะปกติพี่จือไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยสักครั้ง ผิดที่ฉันเองด้วยไม่ยอมบอกและไม่ยอมอธิบายให้ฟังเรื่องพ่อของเขา
วันนี้ตอนเช้าพี่จือเอาแต่เรียกหาปะป๊าไม่หยุดจนฉันต้องพาออกมาเดินเล่นข้างนอก แล้วแดดประเทศไทยยามเช้าๆ แบบนี้ก็อบอุ๊นอบอุ่น เราสองคนแม่ลูกออกมาจากที่พัก ที่ๆ เราจะไปไม่ไกลหรอก เป็นสวนสาธารณะที่ให้คนไว้วิ่งออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ วันนี้เป็นวันหยุดทั้งที ก็เลยพาพี่จือมาเปิดหูเปิดตาหน่อย เผื่อจะทำให้พี่จือลืมเรื่องเมื่อตอนเช้าได้ พอมาถึงสวนธารณะพี่จือก็ชอบใจใหญ่เลย เล่นวิ่งนำหน้าไม่รอฉันเลย
"พี่จือระวังล้มนะครับ"นั่นไง พูดไปได้แปปเดียวเอง
"ฮรึก ม...แม่จ๋า"เบะอีกแล้ว ฉันผู้ที่แพ้น้ำตาลูกชายจึงรีบวิ่งสี่คูณร้อยเมตรไปโอ๋เลยทีเดียว ก็รักลูกอ่ะนะ
"ไม่ร้องครับ โอ๋ๆ ไหนเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ"ฉันถามเขาพร้อมสำรวจร่างกายว่ามีตรงไหนบุบสลายไหม
"แม่จ๋า ปะป๊า ตรงนั้นก็มีปะป๊า ปะป๊า"อีกแล้ว ฉันมองไปรอบๆ สวนสาธารณะแต่พบกับคนที่มากันเป็นครอบครัวมีพ่อแม่ลูกครบองค์ประกอบ แม่จ๋าปวดเฮดดดด
"พี่จือ พี่จือมองหน้าแม่จ๋าหน่อย"ลูกชายยแมหันมามองหน้าฉันแต่โดยดี
"พี่จือมีปะป๊า แต่แค่ปะป๊าไปทำงานที่ๆ ไกลมากๆๆ ปะป๊าเลยไม่มีเวลาว่างมาหา พี่จือต้องรอนะครับ"ฉันดันโกหกคำโตไปแล้วซะด้วยสิ
"พี่จะเป็นเด็กดี พี่จะรอปะป๊า ปะป๊าจะได้มาหาพี่เร็วๆ เนาะ"
พี่จือแม่จ๋าขอโทษนะ หลังจากคุยกับพี่จือไปได้สักพัก แล้วฉันก็พาเขาเดินรอบๆ สำรวจอะไรนิดหน่อยก็ว่าจะกลับ
"อ้าว ขวัญเอย"ฉันหันไปตามเสียงที่เรียก
"สวัสดีดีค่ะพี่ติณมาออกกำลังกายหรอค่ะ"นี่คือพี่ติณรุ่นพี่ที่เป็นผู้มีพระคุณของฉันเอง ฉันทำงานพาทไทม์ที่ร้านของพี่เขาเขาเป็นคนที่ใจดีมากๆ ช่วยเหลือฉันกับลูกตลอด แล้วที่ฉันมีวันหยุดได้เพราะพี่ติณนี่แหละ
"ครับ แล้วจะกลับกันแล้วหรอ"พี่ติณถามฉันแต่ก็ไม่วายไปอุ้มพี่จือด้วย
"ใช่แล้วค่ะ พี่จือเค้างอแงเลยพาลงมาเดินเล่น"ฉันตอบพี่ติณแล้วก็ไปอุ้มพี่จือกลับมาหาฉัน
"กลับดีๆ ล่ะ พี่ออกกำลังกายก่อน"จากนั้นพี่ติณก็วิ่งไป
"ปะ กลับห้องกัน"ขณะที่ฉันกำลังเดินข้ามถนนเพื่อไปหอพักนั้น
ปี๊บบบบบบบบบบบบ เอี๊ยด!!!!
"ฮาน เบรกทำไม"น้ำเสียงนุ่มที่พูดออกมา แต่มีสีหน้าความเย็นชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
"เหมือนจะเกือบชนคนครับบอส"ฮานบอกกับผู้เป็นนายแล้วรีบลงจากรถ
"คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า"ฮานถามผู้หญิงที่เขาจะเกือบขับรถชนเธอ
"พี่จือเจ็บตรงไหนมั้ย ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ"เธอหันไปบอกกับผู้ชายคนนั้น พร้อมไล่สายตาสำรวจร่างกายลูกชายของเธอ
"ฮึกกก ฮ ฮึกกก อึบ จ จือ ไม่เจ็บแค่ถลอกครับ"พี่จือทำท่าจะร้องไห้ แต่อึบไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"โอ๋ มาแม่จ๋าอุ้ม"เธออุ้มพี่จือขึ้น พร้อมหันหน้าไม่หาผู้ชายคนนั้น เธอปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขา แต่เขาก็ให้นามบัตรเธอไว้เผื่อติดต่อเวลาฉุกเฉิน
"สองแม่ลูกไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมทิ้งนามบัตรไว้ให้เธอแล้ว"ฮานกล่าวรายงาน แต่สายตากลับจับจ้องสองแม่ลูกไม่วางตา
"ฮาน ไป"เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยเตือน ทำให้ฮานเคลื่อนรถออกไป แต่สมองกลับนึกถึงสองแม่ลูก เด็กคนนั้นคุ้นตามากๆ ทำไม ทำไมถึงนึกไม่ออกกันนะ
ฝากติดตามด้วยค่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
กดใจให้โด้ยนะค่าาา
"พี่จือไม่เจ็บตรงไหนจริงๆ ใช่มั้ยครับ"ฉันถามเด็กน้อยในอ้อมกอดอีกรอบ
"ม่ายเจ็บ"ว่าจบ เจ้าก้อนกลมๆ ในอ้อมกอดของเธอก็ซุกหน้าลงตรงอก เป็นสัญญาณบอกเพื่อว่าเหนื่อยแล้ว
จากนั้นเธอก็พาลูกน้อยของเธอไปกลับไปยังห้อง จับพี่จือทำแผลที่ถลอกนิดหน่อย จากนั้นก็อาบน้ำให้ ทำอาหารให้ลูก สอนลูกพูดภาษา สอนสิ่งต่างๆ ให้ลูก พูดสิ่งที่ตัวเธอเองเคยเผชิญในชีวิต
"หลับไปแล้ว ขอบคุณมากนะครับที่เกิดมา"เธอโน้มตัวลงไปจูบแก้มสองข้าง อุ้มพี่จือไปนอนให้เรียบร้อย
"หืม นามบัตร"เธอที่เห็นชื่อของคนในนามบัตรนั้น ร่างกายที่ร้อนๆ ตอนแรก ตอนนี้กลับเย็นเฉียบ เหมือนกับคนตาย
"ป เป็นไปไม่ได้ เขากลับมาแล้วหรอ ทำไมไม่เห็นมีข่าวเลยล่ะ"พึมพำกับตัวเองเสร็จเธอก็หันไปมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอทันที ความกลัวเริ่มก่อขึ้นในจิตใจ เธอเลี้ยงเธอดูแลลูกมาตั้งแต่ตั้งท้อง หน้าตาพี่จือไม่เหมือนเธอเลยซักนิดแต่หน้าพี่จือคงเหมือนพ่อเขานั่นแหละ ทั้งที่พอโตขึ้นอีกหน่อย ให้พี่จือรู้ความกว่านี้เธอจะอธิบาย เธอจะบอกลูกน้อยของเธอว่าพ่อของเขาตายแล้ว แต่อีกส่วนของจิตใจเธอไม่กล้า เธอรู้ดีว่าพี่จืออยากมีพอมากแค่ไหน แล้วคนเป็นแม่อย่างฉันจะกล้าทำร้ายดวงใจของตัวเองได้ลงหรือ
ไม่เป็นไรเธอปลอบใจตัวเอง เขายังไม่รู้เรื่องลูก เขาจำหน้าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขารู้ เขาจะแย่งลูกไปจากเธอมั้ย
นี่คือสิ่งที่เธอกลัว และกังวล ถ้าเขาจะเอาลูกไปแล้วฉันจะทำอะไรได้
ครืด ครืด ครืด
การันต์
"เอยทำไร ทำไมรับสายช้า"การันต์เป็นเพื่อนในกลุ่มของเธอ ในกลุ่มมีทั้งหมด5คน ทุกคนไม่เคยดูถูกฉันเลยแม้ฉันไม่ค่อยมีฐานะ ต่างจากคนอื่นๆ พี่จือสนิทกับเพื่อนของฉันมาก มีขนมติดไม้ติดมือมาฝากหลานเสมอ
"กล่อมพี่จือน่ะ"
"หลานฉันหลับแล้วหรอ"การันต์ถาม
"ใช่ แล้วโทรมามีอะไรรึเปล่า"
"คืองี้นะ พ่อฉันจัดงานเลี้ยงอ่ะ ก็อยากให้แกมาเปิดโลกบ้างไรอะไรบ้าง แล้วหลานก็จะได้เปิดหูเปิดตา-"บรรยายมายาวเชียว
"ขอเนื้อๆ "ฉันตัดบทก่อนที่มันจะยาวกว่านี้
"มางานเลี้ยงกับฉันนะ"
"ฉันต้องเลี้ยงลูก"
"เอามาด้วยก็ได้ นะๆๆ เอยแกไปกับฉันนะ เอาหลานไปด้วย ฉันจะช่วยดูแลเอง นะๆ "
"แกไม่อายหรอรันต์"
"เอยแกอย่าคิดมากซิ ฉันไม่เคยอาย อีกอย่างไอ้กัลป์ก็ไป ไอ้ทัพก็ไป สงครามก็ไป แกก็ไปด้วยนะๆๆๆ "
"อือ แต่ว่าจะไม่เป็นไรหรอที่เอาฉันไปด้วย งานนี้ไม่น่าจะให้คนนอกไปด้วย"ในกลุ่มรันต์เป็นคนที่พูดมากที่สุดเลยล่ะ โน้มน้าวเก่งเป็นที่หนึ่ง
"ไม่ว่าหรอก จัดเงียบๆ อ่ะ เพราะเขากลับมาแบบไม่ให้ใครรู้เยอะอ่ะ"การันต์อธิบาย
"วันไหน"
"วันเสาร์นี้ ตอนเย็นเดี๋ยวไปรับ โอเคตามนี้ พรุ่งนี้เจอกันที่มอ บะบาย"แสบจริงๆ รีบวางเพราะไม่อยากให้ฉันปฏิเสธละซิ เฮ้อ
คฤหาสน์
ตั้งแต่กล่าวลงจากรถฮานก็กล่าวรายงานปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่ที่นี่ คนอย่างเขาอยู่ที่ไหนไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะธุรกิจที่ทำไม่ได้ทำแค่ประเทศเดียว ช่วงหลายปีมานี้เขาต้องพิสูจน์ให้คนในตระกูลเห็นว่าเขาเหมาะสำหรับตำแหน่งผู้นำ และแล้วเขาก็ทำสำเร็จเขาสามารถรวบอำนาจมาไว้ในมือของตนเองภายไม่ถึง6ปี แต่แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
"ท่านครับ วันเสาร์นี้มีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บ้านคุณเดชาจะไปมั้ยครับ"เลขาคนสนิทกล่าวถามผู้เป็นนาย
"อืม"
วันเสาร์
17:43น.
ฉันอาบน้ำแต่งตัวให้ลูกชายเสร็จ จากนั้นก็ให้พี่จือเลือกว่าอย่กใส่ชุดไหน ฉันแต่งตัวเรียบง่ายอยู่แล้วไม่หวือหวาอะไรมากชุดที่เจ้าตัวเลือกเป็นชุดสูทผูกเน็คไท หล่อ ดูดีตั้งแต่เด็กเลยนะเนี้ยลูกชายฉัน
ครืดดดด
สงคราม
"ว่างายยย"
"เดี๋ยวไปรับ ไอ้รันต์พ่อมันเรียกตัว"สงครามเอ่ยเสียงนิ่ง
"แม่ ใครๆๆ โทสับๆ โหลลล พี่จือครับ เวลาแม่คุยโทรศัพท์พี่จือห้ามพูดแทรกแบบนี้นะครับ"เดี๋ยวนี้ได้ยินเสียงโทรศัพท์ไม่ได้เลยล่ะ จะคุยไปทั่วรู้จักไม่รู้จักก็พยายามส่งเสียงให้ปลายสายได้ยิน
"หึ หกโมงจะไปรับ"ประหยัดคำพูดจริงๆ ตาคนนี้
"โอเค"เห็นสงครามนิ่งๆ แบบนี้แต่ตามใจหลานเป็นที่สุดคนนึงเลยล่ะ ทำไมรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ นะ ช่างเถอะ
"พี่จือ ให้แม่เอยดูหน่อย หู้ว หล่อจังเลยครับลูกชายใครเนี้ย"จากนั้นก็หอมแก้มไปสองที แก้มพี่จือนุ่มนิ่มมากๆ
"พี่หล่อเหมือนพ่อ ช่ายเนาะๆ "กินจุดไปก่อน ณ จุดๆ นี้
"ค้าบๆ "แม่เอยขอโทษลูกรัก
ก็อก ก็อก ก็อก
สงสัยสงครามจะมาแล้ว เธอรีบเดินไปเปิดประตูให้สงครามเข้ามาก่อน
"อาคามมมมมม" แอ้ก เจ้าตัวก้อนกลมๆ รีบวิ่งไปกอดขาสงครามอย่างออดอ้อน
"ว่าไงครับ น้ำหนักลดลงไปหรือเปล่าเนี้ย"สงครามอุ้มเด็กน้อยคนนี้ประจำ เขาจำน้ำหนักได้
"แม่เอยให้พี่หม่ำแจ่ผัก"ได้ทีก็ฟ้องใหญ่เลย ฟ้องไม่พอ เจ้าก้อนกลมๆ ยังก้มหน้าซุกอกถูๆ ไปมาอย่างออดอ้อน
"เลิกอ้อนได้แล้วพี่จือ รีบไปเถอะคราม"ถ้าไปสายอาจจะดูไม่ดี แถมเป็นเป้าสายตาได้ง่าย
บ้านการันต์
"อ้าว ตาครามมาแล้วหรอลูก มานี่สิ"คุณหญิงพรรนิดาเอ่ยเรียกเพื่อนของลูกชายตัวเอง โดยไม่สนคนข้างๆ ที่เดินมาด้วยเลย
"เอยๆ มานั่งข้างฉันนี่"การันต์เรียกเธอให้ไปนั่งข้างๆ งานเลี้ยงที่จัดขึ้นไม่ได้เป็นงานใหญ่โตเหมืิอนเป็นงานทานข้าวเย็นระหว่างครอบครัวมากกว่า ทุกคนมองไปที่เอยเหมือนเป็นส่วนเกิน
"อารันนนหวัดดีคับ"แอบภูมิใจในตัวลูกชายของตัวเองมากๆ
"สวัสดีครับมานั่งข้างอามา สวัสดีทุกคนด้วยซิครับ"การันต์เอ่ยพร้อมให้พี่จือหันไปสวัสดีทุกคน
"สวัสดีคับ"พี่จือนั่งหลังตรง เกร็งตัวเองนิดๆ
"..."ทุกคนที่นั่งไม่สนใจ เด็กน้อยเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองจึงหันไปหาแม่เอยของเจ้าตัว
"ไงตัวเล็ก เบะจะร้องไห้อีกแล้วหรอ"ฐานทัพ
"อ้าวมาด้วยหรอ คิดว่ากินนมนอนแล้ว"เพลิงกัลป์
"ฮืออ อากัลป์ อาทัพสวัสดีคับ"เด็กน้อยไม่ลืมมารยาทที่แม่สอน ฐานทัพกับกัลป์ไม่ทักทายในงานเลยสักคน
"ไร้มารยาทจริงๆ ตารันต์แกคบเพื่อนแบบนี้ได้ไง เพื่อนผู้หญิงแกก็คงจะใจแตกละซิท่า"คุณหญิงพรรนิดากล่าวโดยไม่เกรงใจใคร
"แม่! "การันต์ปรามมารดาตนเอง
"ทุกคน คนสำคัญของงานมาแล้ว"ทุกคนหันไปมองผู้ชายท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
"ไม่จริง"ขวัญเอย
คอมเม้นต์เยอะ
ฝากติดตามโด้ยเด้อ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!