ตูมมมมมม!!
อุแว้!! อุแว้!!
เสียงระเบิดดังขึ้นภายในเขตของไฟท์แอดเตอร์ เด็กทารกที่พึ่งคลอดออกมาลืมตาดูโลกได้ไม่ถึง 20 นาทีร้องดังลั่นด้วยความตกใจจากเสียงที่ดังสนั่นทั่วบริเวณดังกล่าว
“พาลูกหนีไปลาเกรซ!!”
เสียงตะโกนของชายร่างแกร่งใหญ่โตกำยำ ดวงตาเปิดโพรงด้วยความตื่นตกใจ มือขวาถืออาวุธธนูคู่กายเตรียมเผชิญกับเหล่าศัตรูจากดินแดนอื่นที่บุกถล่มเข้ามาในวันที่ภรรยาของเขาคลอดบุตรชายคนแรก
ไม่!! ข้าจะไม่ทิ้งท่าน ไฟท์เนอร์!!
สตรีรูปงามร่างอวบอั๋น อุ้มเด็กทารกในอ้อมกอดแน่นด้วยความหวาดกลัว ส่งมือเล็กเรียวมาจับที่แขนของสามี ด้วยแววตาสุดแสนจะกังวล
“ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเจ้าทั้งสอง ข้าจะตามหาเจ้ากับลูกให้เจอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลแซง ได้โปรดเชื่อใจข้าลาเกรซ”
มือหนาผลักดันร่างของราชินีออกจากอ้อมกอด เพื่อให้นางพาบุตรชายหนีไป ก่อนจะกระโดดลงจากปราสาทเพื่อต่อสู้กับเหล่าศัตรูอย่างกล้าหาญ
“อารีนา พี่ข้าได้โปรดท่านช่วยไฟท์เนอร์ด้วย”
ลาเกรซเฝ้าภาวนาอยู่ในใจต่อเทพแห่งสงคราม ให้ช่วยดลบันดาลให้สามีของเธอปลอดภัยจากศึกสงครามในขณะที่เธอหอบบุตรชายไว้ในอ้อมกอด แล้ววิ่งสับขาเข้าไปในป่าลึกที่แสนจะอันตรายในยามค่ำคืน
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับคณา จากค่ำคืนแสนทรมานจากศึกสงคราม ท้องฟ้าเริ่มสว่างจนมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวอย่างชัดเจน นางได้แต่นั่งร้องไห้กอดลูกชายเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่อย่างน่าเวทนา ใจกลางผืนป่าที่สุดแสนจะเงียบสงบ
“เพอร์ซี่บุตรแห่งไฟท์แอดเตอร์และเทพแห่งความเยือกเย็น ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าเป็นอันขาด เจ้าจะเติบโตไปเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งไร้ผู้เทียมทานในโลแซง ข้าขอให้คำสัญญาแก่เจ้า ลูกรัก”
ตากลมสีฟ้าครามจ้องมองมายังเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขน แสงแดดส่องร่ำไรอยู่ปลายยอดดอกไม้ป่าแสนจะสวยงาม น่าสัมผัสแต่หากไม่ได้อยู่ในเวลาที่คับขันและอึดอัดใจเช่นนี้ ก่อนที่นางจะลุกขึ้นอุ้มบุตรชายเดินเข้าไปในป่าลึกอย่างไม่รู้หนทางที่จะไป
ครืดด!! แคร่ววว!!
เสียงต้นไม้ถูกแหวกออกเป็นโพรงจากคนร่างใหญ่ เขาพยายามออกตามหาลูกและภรรยาเกือบทั้งคืนหลังจากชนะศึกสงครามจากคืนที่ผ่านมา
ลาเกรซรู้สึกตื่นกลัวเมื่อได้ยินเสียง นางรีบเดินถอยหลังกรูห่างออกไปและหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พลางกอดบุตรชายเอาไว้ในอ้อมกอดแน่นหนา
“ลาเกรซ นั้นเจ้าใช่ไหม”
เสียงใหญ่ของชายที่แข็งแกร่งดุจหินผาเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่ามีสตรีนางหนึ่งยืนแอบอยู่หลังต้นไม้
“โอ้พระเจ้า ไฟท์เนอร์ข้าดีใจมากที่ท่านไม่เป็นอะไร”
นางรีบวิ่งออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่พร้อมกับบุตรชายที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขน ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความโล่งใจ ก่อนที่ชายผู้แข็งแกร่งจะก้มลงมามองหน้าบุตรชายที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของราชินีอีกครั้ง
“ข้าตั้งชื่อให้ลูกท่านว่า เพอร์ซี่ บุตรแห่งไฟท์แอดเตอร์”
อ้อนๆๆ ขอหัวใจคนละดวงเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ 🥰
ไฟท์เนอร์ได้แต่มองใบหน้าของภรรยาด้วยความสุขล้นเต็มเปี่ยม มอบความรักอย่างอบอุ่นและอ่อนโยนให้แก่นาง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พานางและบุตรชายกลับปราสาทกลับต้องตื่นตกใจเมื่อเจอสิ่งเหนือความคาดหมายบางอย่าง
แสงสว่างสีขาวเพียงจุดเดียวปรากฏต่อหน้าของสามคนในป่าลึก ลาเกรซตกใจลนลานเมื่อเธอรับรู้ถึงการมาของเทพแห่งสงคราม
“อะ…อารีนา”
“ลาเกรซถึงเวลาแล้วน้องข้า สงครามวุ่นวายยิ่งหนักเจ้าต้องกลับไปกับข้า ทุกคนรอการกลับมาของเจ้า…เทพแห่งความเยือกเย็น”
สิ้นเสียงของเทพแห่งสงคราม ไฟท์เนอร์หันมามองหน้าภรรยาด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองที่กำลังเห็นว่านางรู้จักกับคนที่อยู่เบื้องหน้า แถมอารีนายังเรียกนางว่าเทพแห่งความเยือกเย็นอีกด้วย
“ได้โปรดพี่ข้า เพอร์ซี่ยังเล็กมากลูกต้องการข้า”
“เจ้าจะได้สิ่งของสำคัญจากท่านพ่อ เพื่อปกป้องเพอร์ซี่ และไฟท์แอดเตอร์มากับข้าเถอะน้องรัก”
อารีนายื่นมือสวยและสง่างามมาตรงหน้าลาเกรซ เป็นสัญญาณบ่งบอกให้น้องสาวจับมือนั้นและกลับไปดินแดน พายกัส กับนาง
“หมายความว่ายังไง เมียข้า”
ไฟท์เนอร์รีบหันมาหาลากราซ หลังจากที่อารีนายื่นมือสวยมา แสดงสีหน้าและท่าทางเป็นเชิงคำถามจากผู้เป็นภรรยา
“ไฟท์เนอร์ ข้าขอโทษที่ปกปิดเรื่องนี้กับท่านมาเนิ่นนาน”
“กฎของพายกัสถ้าเทพองค์ใดลงมายังโลแซง จะไม่มีพละกำลัง จะเหมือนคนในโลกของท่านทุกอย่างพระราชา ลาเกรซมาที่นี่เพราะแรงดึงดูดและความรักที่นางมีให้ท่าน”
สิ้นเสียงของอารีนา ยิ่งทำให้ลาเกรซเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
“เพอร์ซี่เกิดจากความรักที่ข้ามีให้ท่านหมดทั้งหัวใจ วิญญาณของข้ามอบให้กับท่านและลูกเท่านั้นไฟท์เนอร์”
“ไม่…ไม่..ไม่ราชินี ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป”
ชายแกร่งร่างกายกำยำยื้อยุดฉุดภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความกลัวจะเสียนางไปตลอดชีวิต
“ข้าต้องไปไฟท์เนอร์ สงครามที่พายกัสใหญ่หลวงยิ่งนัก ถ้าพายกัสพ่ายแพ้ต่อศัตรู พวกนั้นจะคืบคลานลงมายังโลแซงโลกของท่าน ทุกคนจะตายทั้งหมดซึ่งข้ายอมไม่ได้ที่จะเห็นสามีและบุตรของข้าตายไปต่อหน้าต่อตา”
นางยกบุตรชายอันเป็นที่รักให้กับผู้เป็นสามีด้วยหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวแตกสลายบวกกับความรู้สึกเศร้าและเสียใจมากที่สุดในชีวิต พร้อมกับสายธารของน้ำตาที่ไหลเป็นทางยาว
“ข้าขอพลังอำนาจแห่ง เฮไดร์ ที่มีในสายเลือดของ เพอร์ซี่ บุตรแห่งไฟท์แอดเตอร์ และเทพแห่งความเยือกเย็น ช่วยคุ้มครองและปกป้องบุตรของข้าด้วย ลาก่อนไฟ์เนอร์”
“ไม่..ไม่ลาเกรซ
มือเรียวยาวเอื้อมมาสัมผัสยังมือสวยสง่าของอารีนา ก่อนที่นางจะหายเข้าไปในแสงสว่างขนาดมหึมาที่สาดส่องออกไปทั่วทั้งผืนป่า
ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพายกัส
“ท่านพ่อนางกลับมาแล้ว”
“โอ้ว!! ลาเกรซข้าคิดถึงเจ้าตลอดเวลา”
ชายชราผมขาว ที่มีนามว่า ‘บาทีส’ เทพเจ้าแห่งไฟมรณะ เอ่ยสวนขึ้นเมื่อร่างของลาเกรซเดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ใจกลางดินแดนแห่งพายกัส
“ท่านพ่อ ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก”
“ข้ารู้ แต่หน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าครอบครัวเจ้าเองก็รู้”
ชายชราลูบที่หัวของบุตรสาวด้วยความรักและสงสาร ก่อนจะหยิบขนนกสีน้ำเงิน (ของนกสกายฟอกซ์ที่มีอยู่ในเฉพาะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพายกัสเท่านั้น) ส่งให้บุตรสาวด้วยความเข้าใจ
“ท่านพ่อ”
“Feather blue เติมเต็มไปด้วยพลังงานของเหล่าเทพเจ้าแห่งสงคราม ชัยชนะ และความตาย มันจะเป็นอาวุธที่ช่วยปกป้องเพอร์ซี่และไฟท์แอดเตอร์จากศัตรูทุกชนิดบนจักรวาลนี้ แต่มีข้อแม้พลังของมันจะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อเพอร์ซี่ค้นหาพลังงานของมันเจอ พ่อเชื่อว่าสายเลือดบริสุทธิ์ของเทพแห่งความเยือกเย็นที่อยู่ในตัวเพอร์ซี่จะค้นหามันเจอ ลูกรัก”
“แต่ท่านพ่อ…”
“เจ้าไม่ต้องกังวลลาเกรซ สายเลือดของเจ้ามีพลังจากเฮไดร์อยู่ในนั้น เขาจะแข็งแกร่งและแตกต่างจากบุรุษคนอื่นๆ ในโลแซงก่อนที่จะค้นพบพลังของ Feather blue”
“อารีนาข้ามอบหมายให้เจ้าส่งขนนกนี้ลงไปให้ไฟท์แอดเตอร์ และแจ้งความสำคัญให้กับพระราชาไฟท์เนอร์รับรู้ ข้าขอให้เทพทุกองค์สู้และอดทนต่อความกดดันในสภาวะสงครามนี้ เมื่อไหร่ที่มันจบลงเจ้าจะได้กลับไปหาครอบครัวอีกครั้ง ลูกรัก”
30 ปีต่อมา
“เจ้า…รอข้าก่อน…เดี๋ยว!!”
กลิ่นกายที่หอมฟุ้งกระตุ้นให้ร่างใหญ่สะดุ้งตื่นอย่างกระตือรือร้นจากการหลับฝัน มือแกร่งยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดบนใบหน้าอย่างวุ่นวาย พลันหายใจรัวหอบถี่อยู่บนเตียงใหญ่ เป็นแบบนี้มาเนิ่นนานในคืนวันที่พระจันทร์เต็มดวง
“เจ้าเป็นสตรีอยู่ที่ดินแดนใดกันเล่า ข้าจะออกตามหาเจ้าให้เจอ”
บุรุษร่างสูงใหญ่กำยำและสมส่วน บุตรชายแห่งไฟท์แอดเตอร์ผู้แข็งแกร่ง พลางจ้องมองตนเองในกระจกใบใหญ่ ดวงตาสีฟ้าครามดูเยือกเย็น ใบหน้าที่ถูกปลุกปั้นและแต่งแต้มให้หล่อคมคายดังเทพบุตรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชายแกร่งบ่นพึมพำถึงสตรีที่งดงามและกลิ่นกายที่หอมเย้ายวนราวต้องมนต์ คอยปลุกเร้าอารมณ์และแรงปรารถนาของเพอร์ซี่ได้อย่างท่วมท้น
ห้องโถงใหญ่ในปราสาท
“หลังจากที่นางหายเข้าไปในแสงสีขาวนั้นข้าคลั่งแทบตาย หัวใจอ่อนแรงและสับสนอยู่ตั้งหลายปี จนเพอร์ซี่…”
เสียงของชายชราผมขาวยาวม้วนพันกันกับหนวดเคราดูยุ่งเหยิงพะรุงพะรังเป็นรังนกไร้ซึ่งการดูแลเอาใจใส่ให้สละสลวยสมกับตำแหน่งพระราชาแห่งไฟท์แอดเตอร์ มือไม้ถือแก้วเหล้าปัดไปมาอย่างคนเมามายไร้สติ นั่งยกขาสองข้างอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่ ปากหนาพูดพร่ำไปถึงเรื่องราวในอดีตที่ทำให้ไฟท์เนอร์ผู้แข็งแกร่งกลับกลายมาเป็นชายชราขี้เมา หลังจากที่ลาเกรซกลับดินแดนพายกัสไปเมื่อ 30 ปีก่อน ไม่มีสตรีนางใดที่จะเข้ามาแทนที่ราชินีได้เลย ถึงแม้จะมีสตรีที่สวยงามจากแคว้นแดนอื่นมาเสนอตัวต่อเขาก็ตามแต่
“เดี๋ยวไอเซ็ก!! เจ้าอย่าพึ่งไปฟังข้าเล่าให้จบก่อน”
ชายชราหยุดชะงักทันที รีบห้ามปรามต่อเหล่าข้าบริวารไม่ให้ออกจากห้อง เมื่อเห็นบุตรชายเพียงคนเดียวเดินย่างก้าวเข้ามา
“ท่านพ่อ!! ท่านเมามากแล้วกลับเข้าไปนอนในห้องนอนเถิด”
“โอ้ว เพอร์ซี่บุตรแห่งแอดเตอร์และเทพแห่งความเยือกเย็น เจ้าออกมาห้ามข้าเพราะเจ้าก็นอนไม่หลับหลังจากฝันถึงนางอีกแล้วใช่ไหม”
ชายชราเอ่ยถามจี้ปมในใจของบุตรชายอย่างรู้ทัน หลายปีที่ผ่านมาเพอร์ซี่มักเฝ้าฝันถึงสตรีนางนี้มาตลอดในคืนวันที่พระจันทร์เต็มดวง
“ท่านรู้ทันข้าทุกอย่าง”
“ลูกรักของข้า เจ้าตามหานางมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอ เจ้าลองขอพรและอธิษฐานจากสิ่งที่แขวนอยู่ที่คอเจ้าดูสิ”
นิ้วมือเหี่ยวของชายชราชี้ส่ายไปส่ายมา ตรงไปยังอัญมณีสีน้ำเงินที่เปล่งแสงระยิบระยับสวยงามอร่ามตาห้อยอยู่ต้นคอของบุตรชาย
“ท่านพ่อมันก็แค่นิทานหลอกเด็กที่ท่านใช้หลอกข้ามาตลอด มันเป็นแค่อัญมณีที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่นางจะหายไปเท่านั้นเอง”
“เพอร์ซี่ เจ้าเองก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่บุรุษที่ปกติทั่วๆ ไปเฉกเช่นบุรุษคนอื่นๆ ในโลแซง นั้นเป็นเพราะสายเลือดเทพเจ้าในตัวของเจ้า สักวันเจ้าจะค้นพบพลังในตัวมันลูกรัก”
ชายชรายังคงเชื่อมั่นในขนนกสีน้ำเงินอย่างแน่วแน่ แต่แตกต่างจากบุตรชายที่เห็นมันเป็นแค่อัญมณีที่สวยงาม และเป็นสิ่งของชิ้นสุดท้ายที่ผู้เป็นมารดาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าตั้งแต่เด็กเท่านั้น เขาไม่เคยคิดจะเชื่อเรื่องนิทานหลอกเด็กที่ผู้เป็นบิดาเล่าให้ฟังเลยแม้แต่น้อย
“ข้าแข็งแกร่งได้เพราะตัวข้าท่านพ่อ เพราะข้ามีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ ไร้ผู้เทียมทานในโลแซงไม่ใช่พลังจากเทพเจ้าบ้าบออะไรนั้น”
เพอร์ซี่ตวาดผู้เป็นบิดาดังลั่นด้วยความหงุดหงิดจากคำพูดที่แสนงี่เง่าของไฟท์เนอร์ แต่ทันใดนั้น
ตูมมมมมม!!
แสงสีน้ำเงินพุ่งกระเด็นออกมาจากขนนกสีน้ำเงินที่แขวนอยู่ที่สร้อยคอของเพอร์ซี่ แสงเกิดประกายไฟขนาดเล็กกระทบกับกำแพงปราสาท เกิดควันสีดำลอยฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งพื้นห้อง สร้างความตื่นตะลึงให้แก่สองพ่อลูกและเหล่าข้าบริวารที่อยู่ในห้องนั้นทันที
“พะ เพอร์ซี่เจ้าทำอะไรลงไป”
“ทะ..ท่านพ่อ ท่านเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่!!”
จากชายชราที่เมามายไร้ซึ่งสติเปิดตากว้าง สร่างเมาในฉับพลัน เมื่อเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะรีบวิ่งลงจากบัลลังก์ตรงมาหาบุตรชายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่พื้นด้วยความตื่นตกใจ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!