NovelToon NovelToon

จักรพรรดินีจำเป็น

บทนำ

" ราชอาณาจักรวินเนอร์เป็นอาณาจักรใหญ่ทางตอนเหนือของทวีป ภาคเหนือของอาณาจักรปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งมีแค่สองฤดูกาลเท่านั้นคือฤดูร้อนกับฤดูหนาว ภาคกลางและภาคใต้ของอาณาจักรมีสามฤดูคือฤดูร้อน กับฤดูหนาวและฤดูฝน

เมื่อสองปีก่อนทวีปแห่งนี้เกิดการบุกของกองทัพอสูรโดยการนำทัพของราชาอสูรจากทวีปปีศาจ ซึ่งสร้างความระช่ำระฉ่ายแก่อาณาจักรต่างๆที่อยู่ในทวีปคลิชโทเนียเป็นอย่างมาก หลายอาณาจักรเกิดความหวาดกลัว ความโกลาหลไปทุขย่อมหญ้า แต่ละอาณาจักรต่างก็เกณฑ์กำลังพลของตนเพื่อออกศึกสงคราม รวมทั้งอาณาจักรวินเนอร์เองก็เช่นกัน

ราชา และจักรพรรดินี ทั้งสองพระองค์ต่างก็เป็นนักรบกันทั้งคู่ ทั้งสองพระองค์ได้รวบรวมกำลังพลตามหัวเมืองต่างๆในราชอาณาจักรของพระองค์ การออกศึกของทั้งสองพระองค์ต่างเป็นที่ประจักรแก่อาณาจักรข้างเคียงด้วยขุมกำลังรบที่มากมายประกอบไปด้วยอัศวินที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่านักพจนภัยระดับอดามันไทร์เป็นจำนวนมาก และความแข็งแกร่งของทั้งสองพระองค์ ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าระดับ อดามัลไทร์ ถึง 2ขั้น

ศึกครั้งนี้ใช้เวลานานมากกว่า 2ปี ในที่สุดกองทัพอสูรก็ถูกตีแตกพ่าย ด้วยกำลังรบหลายอาณาจักรที่ร่วมมือก่อตั้งเป็นกองทัพพันธมิตรกันชั่วคราว ราชันย์อสูรถูกสังหารโดยเหล่าราชันย์ที่กล้าหาร ความสำเร็จในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากขาด ราชันทั้งสอง ราชาและ จักรพรรดินี แห่งอาณาจักรวินเนอร์ ทั้งสองพระองค์เป็นหัวหอกสำคัญในการสังหารราชันย์อสูร หลายอาณาจักรต่างก็ศูนย์เสียกำลังพลของตนไปมากทั้งแม่ทัพและเหล่าทหาร

แต่ที่ศูนย์เสียมากที่สุดคงเป็นอาณาจักรวินเนอร์ ราชาและจักรพรรดินี ทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนในขณะที่เข้าโจมตีราชาอสูร เพื่อเป็นตัวล่อให้เหล่าราชารวบรวมพลังบรรจุลงศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ ศาสตราวุธชนิดนี้ถูกเรียกว่าหอกแห่งการชำระล้างมีเพียงผู้กล้าที่มีพลังไกล้เคียงกับเทพเท่านั้นถึงจะใช้งานมันได้แต่ก็มีข้อแม้อยู่ว่า หากผู้ใดที่สามารรวบรวมพลังถึงขั้นนั้นได้ก็จะสามารกใช้งานมันได้หนึ่งครั้งซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีมนุษย์คนใดที่มีพลังทัศเทียมเท่าผู้กล้าเลยซักคน จึงเป็นเหตุให้เหล่าราชาทั้งหลายที่ร่วมต่อสู้รวบรวมพลังบรรจุลงศาสตราวุธ

จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองพระองค์ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าระดับอดามัลไทร์ถึงสองขั้น ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี เข้าหยุดยั้งถ่วงเวลาให้เหล่าราชาที่ไม่มีพลังถึงขั้นนั้นรวมรวมพลัง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของราชาอสูรที่เทียบเท่ากับผู้กล้า จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองพระองค์เริ่มต้านพลังของราชาอสูรไว้ไม่ไหว เมื่อเหลือบมองไปหาเหล่าราชา ก็พบว่าการรวบรวมพลังที่จะปลดล็อคเงื่อนไขการใช้ศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่บรรลุเงื่อนไง่

ถ้าหากปลดล็อคเงื่อนไขเหล่านี้ไม่ได้มันก็เป็นเพียงอาวุธธรรมดา ที่ไม่สามรถแม้กระทั่งสร้างบาทแผลให้หมีป่าแรง A ได้เลย ด้วยความที่พลังนั้นไกล้หมดเต็มที จึงต้องกล่าวบอกลาพระสวามีด้วยความเจ็บปวดหัวใจทั้งรักและคิดถึง จักรพรรดินีมอบพลังแห่งชีวิตที่เกลือนกินชีวิตของเธอบีบอัดหลอมรวมเข้ากับศาสตราวุธทำให้ปลดล็อคเงื่อนไขได้สำเร็จ เรือนร่างอันไร้วินญาณค่อยๆล้มลงกับพื้นดินแต่ก่อนที่จะถึงพื้นราชาที่ตอนนี้น้ำตากำลังไหลอาบผ่านแก้มอันยาบก้านเข้าประคองร่างอันไร้วินญาณพร้อมกับไขว่คว้า ศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือ เหล่าราชาที่รวมรวมพลังต่างก็อ่อนแรงและตกใจกับภาพที่เห็นพวกเข้าไม่คิดว่าจักรพรรดินีนั้นจะยอมสะระชีวิตของตนเองเพื่อมอบพลังแห่งชีวิตเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขทั้งที่อีกนิดเดียวแท้ราชาองค์นั้นกำมัดแน่นชักไปที่พื้นด้วยความเจ็บใจต่างก็โทษตัวเองเพราะความอ่อนแอของตนถ้าหากเขามีความแข็งแกร่งพอเหตุการเช่นนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้น บัดสบเอ้ย เข้าอุทานออกมาจากนั้นก็ล้มฟุบไป

,,อันน่าเจ้าช่วยรอข้าสักประเดี๋ยวนะเดี๋ยวข้าก็ตามเจ้าไปแล้ว เจ้ารอข้าก่อนนะ ,, ราชาโอเทอัส ร้องไห้สระอึกสระอื้นด้วยความโหยหาและคิดถึง ทำไม..ทำไม เจ้าถึงชอบทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้ทุกครั้งเลยใยบ้าเอ้ย,,ราชาโอเทอัสกระชับร่างที่ไร้วินญาณเข้าสู่อ้อมกอดเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับประทับจูบลงที่มุมปากที่ไร้วินญาณ

พลังจากศาสตราวุธค่อยๆไหลเข้าร่างกายของราชาโอเทอัส ความรู้สึกในตอนนี้เข้ารู้สึกมีพลังมหาสารกำลังวิ่งแล่นอยู่ในกายของเข้า ทวารทั้ง 8 ถูกขยาย กระแสไฟฟ้าวิ่งแล่นทั่วร่าง ศาสตราวุธส่องแสงเรือนรองพร้องกับเสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่าของประจุไฟฟ้าที่วิ่งอยู่รอบๆศาสตราวุธ

" ราชาอสูรคิ้วย่นเข้าหากันใบหน้าบูดบึ่งแสดงออกถึงความโกรธเกี้ยว มันคงจะไม่ใช้เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้วที่จะสามารเอาชนะเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งๆที่ผ่านมา เขาสามารรับมือกับราชาเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากนักแต่ก็มีอยู่สองคนที่สร้างความลำบากให้กับเขา คิดได้ดังนั้น ราชาอสูรและราชาโอเทอัส ก็พุ่งเข้าฮั่มหั่นกันทันที ทั้งสองสู้รัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่นาน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในที่สุดก็รู้ผลแพ้ชนะ ราชาอสูรถูกหอกศักดิ์สิทธิ์จิ่มแทงเข้าที่ราวนมด้ายซ้ายเข้าพยายามดึงมันออกพร้องกับเปิดใช้พลังฟื้นฟูแต่ก็เป็นที่หน้าแปลกใจเมื่อเขาพยายามดึงมันออกมันกับค่อยๆดูดดึงเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิมราชาอสูรร้องด้วยความเจ็บปวดอีกทั้งพลังฟื้นฟูก็ไม้ได้ช่วยอะไรเลย ราชาโอเทอัสแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกับกำศาสตราวุธแน่นขนัดมือในช่วงสุดท้ายของราชาอสูร

" แกไอ้ราชาหน้าโง่แกคิดเหรอว่าถ้าข้าตายไปแล้วทุกอย่างมันจะจบ ..หึ..ฮ่า..ฮ่า..ๆ ธิดาของข้าไม่ยอมปล่อยพวกแกไว้แน่ !!!! เสียงประกาศก้าวของราชาอสูรสร้างความตกใจให้กับเหล่าราชาที่ยืนหมดแรงอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ต่อสู้ไม่มากนัก อะไรกันนี่ยังเหลือลูกมันอีกหรือนี่ .

"ราชาอสูรปล่อยมือจากศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์คว้ามือไปจับที่บ่าของราชาโอเทอัสพร้อมกับบีบแน่นไม่ยอมให้หลุดไปได้ง่ายๆ

" 'งั้นเราก็มาตายกันเถอะ,,เมื่อราชาอสูรกล่าวจบก็นำศาสตราวุธคู่กายจ่วงแทงเข้าที่หน้าอกของราชาโอเทอัสทะลุด้านหลังพร้อมกับมีก้อนเนื่อคล้ายกับหัวใจติดออกมาด้วย ร่างทั้งสองล้มฟุบลงตรงนั้นซึ่งเป็นเนินเขาโล่งไม่มีอะไร เหล่าราชาเมื่อเห็นดังนั้นก็วิ่งไปดูอย่างทุลักทุเลเพราะเนื่องจากพลังยังไม่ฟื้นตัว พร้อมกับประกาศชัยชนะให้ทุกคนได้รับรู้ เหล่าอสูรเมื่อรู้ว่านายของตนนั้นได้สิ้นชีพลงแล้วก็วิ่งกระจักกระจายอสูรบางตนที่โดนเวทย์ควบคุมเมื่อถูกปลดปล่อยก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนเพราะถูกทหารพันธมิตรร้อมรอบจึงจัมยอมถูกจับเป็นทาส ทหารพันธมิตรต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตนพร้อมกับประกาศชัยชนะ ให้คนในทวีปนี้ได้รับรู้

" ข้ากษัตริย์แห่งอาณาจักรโคนาสขอสดุดีในความเสียสละของท่านทั้งสองผู้เป็นดั่งผู้กล้าที่ยอมเสียสละชีพของท่านเพื่อปกป้องพวกเรา พระศพของท่านทั้งสองจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าราชาที่ร่วมรบคุกเข่าให้กับการจากไปของสองราชันย์ที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับนำพระศพของทั้งสองพระองค์นำกับไปยังอาณาจักรบ้านเกิดของทั้งสอง

.

.

.

............ตัดมาที่เหตุการในราชอานาจักร.................

รายละเอียดอาจจะยังไม่ครบและมีคำผิดบ้างต้องขออภัย ค้าาา.

ตอนที่ 1

" อาจจะมีคำผิดอยู่บ้างต้องขออภัย "

หลังจากข่าวการสิ้นพระชนขององค์จักรพรรดิทั้งสอง อาณาจักรก็ตกอยู่ในความโศกเศร้า เหล่าประชาชนต่างก็ทยอยมาร่วมไว้อาลัยส่งเสด็จเป็นครั้งสุดท้ายที่ลานกว้างหน้าพระราชวังแห่งราชอาณาจักรวินเนอร์

"ท่านว่าใครจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปหรือท่านอำมาตย์ " จะใครชะอีกล่ะนอกจากท่านผู้นั้น" เสียงกระซิบคุยกันของเหล่าอำมาตย์. "ข้าว่าคงได้มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้นแน่ไม่วันไดก็วันหนึงล่ะ ถ้าถึงวันนั้นจริงข้าก็คงต้องเลือกอยู่ข้างฝ่ายที่ชนะเท่านั้นและ.

พระศพทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเหล่าราชาที่ร่วมรบต่างมาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตน ซึ่งเหล่าราชาได้กล่าวไว้ว่าจะไม่ขอยุ่งเรื่องภายในของ อาณาจักร วินเนอร์

หลังจากผ่านพ้นงานราชพิธีศพของสองจักรพรรดิทั้งสองพระองค์ อาณาจักรวินเนอร์ก็กลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ราชวังใหญ่โตองค์อาจที่ยังไม่มีผู้ใดสืบทอดบันลัง ด้วยที่ทั้งสองพระองค์นั้นไม่มีบุตรสืบทอดราชกุลเลย อำนาจทั้งหมดจึงตกไปอยู่กับตระกูล โคเรช ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่ควบคุมกองกำลังทหารอัศวินที่มีระดับอดามัลไทร์มากที่สุดในราชอาณาจักรวินเนอร์ องค์ราชาและจักรพรรดินีเอง ก็เคยเป็นลูกศิษย์ ของ ดยุค มอแกน โคเรส ด้วยเหมือนกัน หลายตระกูลต่างก็คิดที่จะขัดขวางแกร่งแย่งราชบัญลัง แต่ก็ไม่มีใครสามารที่จะต้านทานอำนาจของตระกูลโคเรสได้ในช่วงเวลานี้ อาณาจักร วินเนอร์ นั้นเป็นอาณาจักร ใหม่ที่พึ่งก่อตั้งมาไม่ถึง 200 ปี เท่านั้นเอง แต่กลับมีพื้นที่อาณาเขตที่กว้างขวางกว่าอาณาจักรที่อยู่ไกลเคียง

" สี่เดือนหลังจากการสิ้นพระชน "

"ชายสองคนในคฤหาสน์หลังโต ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสิ่งของชั้นเลิศซึ่งบ่งบอกถึงสถานะของเจ้าของคฤหาสน์ว่ามีความร่ำรวยเพียงใดการตกแต่งห้องด้วยสีโทนอ่อนบวกกับรวดรายหวานแหวบนผ้าม้านและสีของห้องซึ่งบ่งบอกรถสะนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีเตียงนอนผ้าห่มหนาที่มีลวดลายของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังคุมร่างบางนอนบนเตียงโดยไม่ได้สติ ชายสองคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง อยู่ข้างเตียงอีกคนมีใบหน้าที่หยาบก้านดวงตาสีดำคิ้วดกหนาพร้อมกับหนวดเคราที่เริ่มงอกซึ่งแสดงออกถึงความมีอายุ ร่างกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเกราะเบาสีเงินบวกกับลวดรายสีทองชวนให้คนมอง อีกคนซึ่งแต่งกายคล้ายกับหมอกำลังตรวจดูอาการของสตรีที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ได้สติ

""ท่านหมอหลวงลูกสาวข้าอาการเป็นอย่างไรบ้าง...ในตอนนี้ภายในห้องได้มีชายสองคนกำลังตรวจดาอาการ ของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียง อีกคนที่กำลังรอลุ้นอยู่ข้างๆเตียงก็คือ ดยุคมอแกน โคเรส พ่อของเอเวนน่านั่นเอง หลังจากท่านหมอตรวจดูอาการเสร็จก็หันหน้ามาหา ดยุคมอเเกนที่ยืนอยู่ข้างๆขอบเตียง ",,เรียนท่านดยุคมอแกน จากเท่าที่ข้าได้ตรวจดูชีพจรของคุณหนูดูแล้ว ชีพจรทุกอย่างก็เป็นปกติ การไหลเวียนของพลังเวทย์ก็เป็นปกติข้าก็แปลกใจเหลือเกินว่าเหตุใดนางถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทั้งที่พลังภายในทุกอย่างก็เป็นปกติหมด ข้าได้ลองโคจรพลังเวทย์ดูแล้วก็พบว่าไม่มีจุดไหนเลยที่ติดขัด ท่านดยุค ข้าเองก็จนปัญญา...

" ดยุคมอแกนเมื่อได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นก็ทอนหายใจออกมาคำโต..พร้อมกับ ทำหน้าเศร้า ดยุคมอแกนมองเอเวนน่าด้วยคววามห่วงหา มืออันหยาบกร้านลูบไปที่ใบหน้าเรียวที่กำลังนอนหลับไหลไม่ได้สติ..

""เจ้าไม่น่าไปวิ่งตามผู้ชายพันธุ์นั้นเลย เอเวนน่า ลูกรักของพ่อ" หากเขารักเจ้าจริงคงไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้กับท่านเป็นอันขาด ที่บังอาจมาทำร้ายลูกสาวของข้าเจ้าชายแกนดิส..ดยุคมอแกนสถบคำออกมาด้วยความโกรธ "คอยดูเถอะถ้านางฝื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วล่ะก็...ฮึ..ฮึ..ๆ ข้าจะผลักดันให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินีของอาณาจักรนี้ให้ดู...ใครริอาจขัดขวาง ข้าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น...ท่านหมอรบกวนท่านช่วยดูอาการนางให้ข้าด้วยท่านหมอ...ขอรับ ถ้าท่านไม่บอกข้าก็พร้อมจะดูนางและหาวิธีช่วยรักษานางอย่างถึงที่สุด ..โอ้ว.. ข้าขอขอบคุณท่านจริงๆ ...ดยุคมอแกนขยับเข้าไปนั่ง ข้างเตียง พร้อมกับเชยมองลูกสาวที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ดยุคมอแกน มีบุตรเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนแม่ของนางนั้นได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว ฉะนั้นแล้วอุปนิสัยนาง จึงเป็นคนหัวรั้นชอบเอาแต่ใจหากสิ่งไหนไม่ได้ดั่งใจนางก็จะร้องโวยวายทันที นิสัย ที่นางเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะใครนอกจากคนเป็นพ่อที่ชอบเอาอกเอาใจจนทำให้ลูกสาวเสียคน ด้วยความที่ดยุคมอแกนนั้น ไม่เคย มีบุตรมาก่อน จึงดูแลนางเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ามดไม่ให้กัดยุงไม่ให้ตอม " ข้าหวังเพียงว่า " ได้เห็นนาง มีชีวิตอีกครั้ง ได้โปรดเจ้าฟื้นขึ้นมาเถอะ เอเวนน่าเจ้าอยากได้สิ่งใดพ่อก็จะหามาให้ เจ้าอย่าได้นอนจมติดเตียงอยู่เช่นนี้เลย ดยุคมอแกน ลุกออกจากเตียง พร้อมกับ เรียกสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับฝากฝังให้คอยเฝ้าดูเอเวนน่าหากพบสิ่งผิดปกติก็ให้เข้ามาแจ้งเขาที่ห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของนางทันที ส่วนหมอหลวงนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับดยุคมอแกน โดยกล่าวกับดยุคมอแกนว่าจะไปศึกษาหาวิธีรักษาเอเวนน่า ในดยุคมอแกน เมื่อ ได้ยิน เช่นนั้นก็รู้สึกขอบคุณหมอหลวงคนนี้เป็นอย่างมากที่ยอมช่วยเหลือลูกสาว ของเขามากเพียงนี้

ภายในห้องที่มีเพียงเอเวนน่าและสาวใช้ที่กำลังยกอ่างน้ำพร้อมกับผ้าขาวสะอาดที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเช็ดตัวนายหญิงน้อยของเธอ สาวใช้ค่อยๆบรรจงถอดเสื้อผ้าคลุมกายของนายหญิงที่นอนไม่ได้สติ เผยให้เห็นผิวขาวนวลอมชมพูชวนให้หลงใหล ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตามก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงาม สาวใช้นำผ้าขาวจมน้ำ เธอบิดผ้าหมาดๆให้น้ำเสด็จแล้วค่อยนำผ้านั้นไปเช็ดตัวให้นายของตน หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้วเธอก็นำผ้าขาวพร้อมกับอ่างน้ำที่ทำด้วยไม้นำไปเก็บสักพักเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับถืออะไรบางอย่างเข้ามาด้วยลักษณะคล้ายกับกล่องไม้มีลวดลายแกะสลักรูปดวงจันทร์รอบๆกล่อง มันถูก วางไว้ข้างๆเตียงของ เอเวนน่าสาวใช้ทำการเปิดกล่องเผยสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องนั้น มันเป็นหินอะไรสักอย่างสีเขียวมรกตสักพักมันก็เกิดแสงเรืองรองสีเขียวมรกต ซึ่งทำให้ทั้งห้องในตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวมรกตทั่วทั้งห้อง เธอเปิดมันไว้อย่างนั้นพร้อมกับเดินออกไปจากห้องก่อนออกไปเธอก็ไม่วายหันมาทำความเคารพพร้อมกับถอนสายบัวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นถูกฝึกเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดี

" ในห้องนอนอันเงียบสงบพร้อมกับมีกล่องบรรจุด้วยหินสีมรกตส่องแสงเรืองรองอยู่ข้างๆเตียงพร้อมกับร่างบางที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ในห้วงแห่งความฝันของเอเวนน่าสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้คือภาพของใครสักคนที่เธอไม่รู้จักมันเป็นโลกที่แตกต่างแล้วเธอก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อาคารที่สูงสง่าเสียดฟ้าผู้คนแต่งกายสุดแปลกตาไม่เคยเห็น เอเวนน่าพรรณนาอยู่ในห้วงแห่งความฝันว่าที่นี่มันคือที่ไหนกัน จากนั้นก็มีความทรงจำของใครก็ไม่รู้ไหลทะลักเข้ามาในหัวเรื่อยๆเธอกรีดร้องอย่างสุดเสียงในห้วงแห่งความฝันไม่รู้ว่านานเท่าใด ในที่สุดเสียงกรีดร้องของเธอก็หยุดลงพร้อมกับหอบหายใจอย่างแรง ... ภาพที่เธอเห็นในช่วงแรกๆ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันคือภาพความทรงจำในอดีตของเธอเอง "ในที่สุด"...ในที่สุด..ฉันก็จำได้สักที " เธอจำได้ทั้งหมดทั้งที่ตอนตายและตอนที่เธอถูกส่งมาเกิดใหม่พร้อมกับพรของพระเจ้าที่ได้มอบให้กับเธอ พลังของเธอจะถูกปลุกขึ้นพร้อมกับความทรงจำในอดีตของเธอเมื่ออายุเธอครบ 18 ปีโดยพระเจ้าเป็นผู้กำหนด เงื่อนไขนี้ไว้ ดวงจิตของเธอลอยเคว้งคว้างอยู่ในมิติที่มืดสนิทไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด ไม่นานสิ่งที่เธอเห็นแต่ความมืดมิดก็พันเกิดรอยแตกออกเหมือนว่าจะเริ่มมีแสงสว่างลอดผ่านรอยแตกนั้น "โป๊ะ " ความมืดมิดแตกกระจายออกเหมือนกระจก เข้าแทนที่ด้วยแสงสว่าง เอเวนน่า ยกมือขึ้นมาบังแสงจ้านั้นพร้อมกับใช้สายตาลอดผ่านนิ้วมือสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ คือร่างของใครบางคนที่กำลังออกมาจากแสงนั้นไม่นานแสงนั้นก็ค่อยๆหายไปปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังลอยอยู่เหนือหัวเธอ ความงามของเธอนั้นไม่สามารถที่จะบรรยายได้เลย ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเทียบเครียงความงามของอิฏสตรีผู้นี้ได้เลย " ใบหน้าช่างดูคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเห็นที่ไหน" เอเวนน่าร้องอุทานออกมา " อ๋อจำได้แล้ว พระเจ้าสุดสวยของฉันนี่เอง เธอกล่าวออกมาพร้อมกับทำหน้าเลิงล่า ,,ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องออกไปปะเชิญกับโลกแห่งนี้แล้ว เจ้าจงนำพรของข้าจงใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมกับนำปัญญาจากโลกของเจ้ามาช่วยพัฒนาอาณาจักรของเจ้าเสียเทอด ,,ค่ะรับทราบเจ้าค่ะคุณพระเจ้า ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันอีกครั้ง เอเวนน่าทำสอดอ่อนวอนพร้อมกับกล่าวขอบคุณพระเจ้า ,, เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าด้วยล่ะอีกไม่นานจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ข้าเองก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้เพราะมันเป็นกฏแห่งวัฏจักรหากข้ายื่นมือเข้าไปช่วยโดยใช้พลังแห่งพระเจ้านั่นก็เท่ากับ ข้าฝ่าฝืนกฎแห่งวัฏจักรที่ ข้าเป็นผู้สร้างไว้เอาละลากันแค่นี้แหละนะ แสงวิวับแสบตาปกคลุมรอบบริเวณพร้อมกับร่างพระเจ้าที่หายไปจากตรงบริเวณนั้น ทุกอย่างเริ่มดับมืดลงอีกครั้ง พร้อมกับดวงจิตฉันที่ค่อยๆเลือนหายไป

ไม่รู้ว่ายามนี้เป็นช่วงเวลาใด ประตูหน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้ไม่ให้แสงลอดผ่านเปลือกตาของเอเวนน่าค่อยๆเปิดออกนั่นแสดงว่าสติของเธอนั้นได้กลับมาแล้ว .. ทำไมในห้องฉันมันถึงเป็นสีเขียวมรกตละเนี่ย เธอเริ่มมองหาต้นตอของแสงจนพบเข้ากับกล่องไม้ขนาดเล็กเท่าฝามือ ที่ถูกปิดเอาไว้พร้อมกับมีก้อนหินสีเขียวมรกตที่ส่องแสงเรืองรองอยู่ข้างๆเตียงของเธอ ... "นี่มันกล่องอะไรล่ะเนี่ย" เธอปิดกล่องนั้นไว้เพราะมันแสบตา เอเวนน่า มองสำรวจรอบกายเธอพบว่าตอนนี้เธอกำลังใส่ชุดนอนอยู่เธอดันกายลุกออกจากเตียงเดินไปยังหน้าต่างเพื่อทำการเปิดมัน หลังจากแง้มบานหน้าต่างออก แสงสว่างลอดผ่านเปลือกตาเธอปรับโฟกัสสักพักพบว่าดวงอาทิตย์นั้นไกลขึ้นตรงหัวเธอ เต็มที "นี่มันไกล้เที่ยงแล้วหรือเนี่ยเอเวนน่าอุทานออกมา เธอเดินกลับเข้ามานั่งบนเตียงพร้อมกับคิดทบทวนความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา " ในโลกนี้ฉันมีชื่อว่า เอเวนน่า ช่างบังเอิญตรงกับชื่อฉันในโลกก่อนเลยแฮะแตกต่างก็แค่สกุลก็เท่านั้น " อดีตที่ผ่านมายัยนี่ไปทำอะไรมาบ้างแล้วเนี่ย อดีตที่ผ่านมาวันๆวิ่งตามแต่ผู้ชายคิดแต่เรื่องผู้ชายเอาแต่ใจทะเลาะกับคนอื่นไปทั่วขี้อิจฉาริษยาทั้งที่ตัวเองนั้นก็มีครบหมดทุกอย่าง เฮ้อคิดแล้วก็ปวดใจ

เหตุที่ฉันนอนติดเตียงอยู่อย่างนี้ก็เพราะอดีต ที่ผ่านมาตัวฉันไปติดพันลูกชายของดยุคคีนอส หรือเจ้าชายแกรนด์ดิส หลงรักเขาจนหัวปักหัวปำ แรกๆก็รักกันดีอยู่หรอกพอหลังๆมาเจ้าแกรนด์ดิสก็เริ่มตีตัวออกห่างเพราะไปถูกใจสาวนางหนึ่งเข้า...ฮึ..ฮึ..นี่มันเหมือนกับนิยายรักพระเอกกับนางร้ายเลยนี่หว่า พอแม่นี่รู้เข้าก็ถึงกับขั้นปรีดแตกหาวิธีแก้สารพัดสารภีจนเกิดเป็นข่าวลือเรื่องเสียๆหายๆของแม่นี่ไปทั่วเมือง เจ้า แกรนด์ดิส เองตระกูลของเจ้าหนี้ก็ไม่ใช่เล่นถึงแม้จะไม่มีอำนาจทางการทหาร แต่เรื่องที่ตระกูลของเจ้านี่คุมเรื่องเศรษฐกิจของอาณาจักรก็ถือว่ามีอำนาจต่อรองที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

สาเหตุที่ฉันนอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนี้ก็เพราะโดนไอ้เจ้าแกรนด์ดิสมันรำคาญฉันแล้วพักฉันตกกระไดหัวทิ่มนอนไม่ได้สติอยู่แรมเดือนจนฉันมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์จนได้มาเจอกับพระเจ้าอีกครั้งนี่แหละคิดทบทวนย้อนกลับไปก็ปวดหัว ฉันเอามือทั้งสองข้างมานวดกระหม่อมที่กำลังปวดตุบๆอยู่ตอนนี้คิดแล้วก็อยากอาบน้ำขึ้นมาทันที

เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้น่าจะประมาณ 2 คนได้มั้งหลังจากถูกฟื้นความทรงจำพร้อมกับปลดล็อคพลังประสาทสัมผัสทั้งหมดของฉันก็ดีขึ้นมากกว่าเก่ามากถึงขนาดที่จะบอกจำนวนคนคล้าวๆได้ว่ามีกี่คน เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าห้องฉัน ในระหว่างนั้นฉันก็เกิดมีความคิดแผงๆขึ้นมาไป ""ซ่อนดีกว่า "" ก่อนที่ประตูนั้นจะเปิดออกเอเวนน่ารีบเดินย่องๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียงและหลบอยู่ที่ข้างๆประตู ประตูถูกเคาะดังขึ้น 3 ครั้งพร้อมกับกล่าวขออนุญาตเข้ามาในห้องตามมารยาทของแม่บ้านที่ถูกฝึกมา ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับแม่บ้านสาว 2 คนที่กำลังถือถังน้ำพร้อมอ่างไม้พาดด้วยผ้าขาวสะอาดเมื่อเดินผ่านพ้นประตูเข้ามาแล้ว เอเวนน่า ร้องคิดๆอยู่ในใจ พร้อมกับกระโดดจับแผ่นหลังของสาวแม่บ้านโดยไม่ให้ตั้งตัว ใบหน้าบิดเบี้ยวของ เอเวนน่า พร้อมกับเสียงร้อง แบร่ๆ..อย่างสุดเสียง ทำให้แม่บ้านสาวทั้งสองหน้าถอดสีสะดุ้งโหยงกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ ถังน้ำอ่างไม้ที่ถือมาด้วยปลิวไปคนละทิศละทาง พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัว เอเวนน่านั่งกุมท้องอยู่ที่พื้นเพราะตอนนี้เธอหัวเราะเสียงดังจนท้องเกรงนี่เป็นการแกล้งคนครั้งแรกนับตั้งแต่เธอมาอยู่ที่โลกนี้ ...แต่ไม่รวมอดีตที่ผ่านมาของฉันนะ..เอเวนน่า ขำออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความชอบใจจนน้ำตาเธอแตก ...เสียงกรีดร้องเมื่อกี้นี้ดังถึงขนาดที่ห้องข้างๆได้ยินเลยก็ว่าได้

ซึ่งทำให้คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องข้างๆลุกออกมาดูด้วยความร้อนรนเพราะเสียเมื่อกี้นี้มันดังมาจากห้องของลูกสาวของเขานั่นเอง ดยุคมอแกนรีบเดินมายังต้นเสียงพร้อมกับเห็นประตูห้องของเอเวนน่าที่เปิดทิ้งไว้ เขารีบเดินไปดูด้วยความร้อนรนแต่ก็ต้องผงะเมื่อเข้ามาเห็นถังน้ำที่กองอยู่ตรงหน้าเขาและมองเข้าไปยังด้านในพร้อมกับเห็นเหล่าแม่บ้านที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ในห้องดยุค มอแกนได้ยินเสียงร้องคิกคักพร้อมขวดสายตามองรอบๆห้องก็ต้องผงะอีกครั้งเมื่อเห็นร่างบางที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆห้อง ดยุคมอแกนเมื่อเห็นดังนั้นน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุเขารีบวิ่งเข้าไปช้อนร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดเขาทันทีพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก "" ลูกพ่อ...ลูกพ่อฟื้นแล้ว "" ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเมตตา " ฮือๆ...ตาเฒ่านี่ร้องไห้เหมือนยังกับเด็กเลยนะเนี่ย เอเวนน่าคิดในใจ

.

.

.

จบตอนที่ 1 เนื้อหาบางส่วนนั้นอาจจะยังไม่ละเอียดมากนักต้องขอประทานอภัยและอาจจะมีคำผิดอีกมากมายต้องขอโทษด้วย

ตอนที่ 2

" ท่านพ่อหนูหายใจไม่ออก " ดยุคมอแกนสดุ่งพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาโอบกอดเอเวนน่า แรงเกินไปทั้งๆที่เธอพึ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ "

...โอ้ว..ลูกรักพ่อขอโทษเผอิญว่าพ่อดีใจเกินไปหน่อย " แหมจะดีใจเกินหน้าเกินตาไปแล้ว " เอเวนน่าขบคิดในใจ " เกือบทำให้ฉันขาดอากาศตายแล้วไม่ล่ะ " ดยุคมอร์แกนเท่าที่ฉันจำได้เขาเป็นคนที่โอ๋ลูกสาวเอามากๆตามใจทุกอย่าง "

" เอาละลูกฟื้นขึ้นมาพ่อก็ดีใจมากๆแล้ว ลูกอยากได้อะไรไหม เอเวนน่า ดยุคมอแกนหันไปถามเอเวนน่า "

"ตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมาข้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยท่านพ่อ ..ข้าหิวข้าว..เอเวนน่า ทำท่ากุมท้อง ดยุคมอแกนเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปสั่งสาวใช้ให้จัดเตรียมอาหารที่เอเวนน่าชอบกินมายังห้องนี้ทันที

"เจ้าอยากได้อะไรอีกไหม"ดยุคมอแกนหันไปถามเอเวนน่า " เอเวนน่าสายหัว " ไม่มีอะไรที่เธอต้องการในตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องการคืออาหารและอาบน้ำเย็นๆเพื่อให้ร่างกายสดชื่น"

" ไม่ค่ะท่านพ่อ "

" อ๋อ .. ท่านพ่อข้ามีเรื่องอยากจะถามอยู่เรื่องนึง ว่ามาซิลูก ... ไอ้กล่องที่มันวางอยู่ข้างเตียงหนูนี่มันคืออะไรหรือคะ ... เรื่องนั้นเองรึ มันเป็นกล่องหินเวทย์น่ะ เมื่อผู้ใดก็ตามที่อยู่ใกล้แสงนั้นมันจะคอยช่วยฟื้นฟูร่างกายของคนๆนั้นให้อยู่ในสภาพปกติ ลูกจะไม่มีความรู้สึกหิวเมื่อลูกอยู่ใกล้แสงนั้นเพราะพลังที่แผ่ออกมา จะช่วยไปเติมเต็มความหิวนั้นและคอยช่วยรักษาร่างกายให้อยู่ในสภาพเดิมไปตลอดตราบใดที่อยู่ใกล้กับแสงนั้น มันยังช่วยปรับอุณหภูมิโดยรอบด้วยนะ

ส่วนมากที่ใช้กันคือการนำมันมาช่วย ใน การยื่นอายุขัยของคนเจ็บหรือคนป่วยล่ะนะ แต่มันก็ไม่สามารถที่จะนำไปรักษาคนให้หายจากโรคภัยหรือรักษาพวกติดพิษได้เพราะหินนี่มันก็แค่นำมาช่วยให้ยื่นอายุขัยของคนๆนั้นให้นานออกไปหน่อยก็เท่านั้นเอง "" งั้นเหรอค่ะ"" ในตอนนี้ฉันอยากกินอาหารแล้วก็ อยากอาบน้ำ เต็มทีแล้วจึงได้ขอให้คนที่เป็นพ่อฉันตอนนี้กลับไปทำงานของเขาต่อ พร้อมกับบอกผู้เป็นบิดาให้เปลี่ยนสีห้องใหม่ทั้งหมดพร้อมกับให้เก็บของตกแต่งสีหวานแหวว ออกให้หมด ..ดยุคมอแกนตกใจมากเมื่อเห็นลูกสาวของตนเองอยากจะเปลี่ยนสีห้องแล้วยังบอกว่าให้เก็บสิ่งของที่ตนเองชอบนักชอบหนา ออกไปให้หมดทั้งที่แต่ก่อนเธอออกจะชอบแท้ๆถึงขนาด ออดอ่อนขอให้ผู้เป็นบิดาซื้อมาให้และต้องมีของที่ดูน่ารักมุ้งมิ้งนี้มาประกอบ ตกแต่งห้อง เท่านั้น ของพวกนี้มีราคาแพงมากๆเพราะมันถูกทำด้วยช่างที่ฝีมือในด้านนี้โดยเฉพาะ

แต่อย่างไรก็ตามดยุคมอแกน ก็ไม่หวังสิ่งใดนอกจากเห็นลูกสาวเขามีความสุขเขาจะปกป้องดวงใจนี้ด้วยชีวิตของเขา หลังจากรับคำเอเวนน่าแล้วดยุคมอแกนก็สั่งสาวใช้ให้ไปดำเนินการตามที่เอเวนน่าร้องขอพร้อมกับปล่อยให้เธอพักผ่อนตามที่เธอต้องการ หลังจากเดินออกมาจากห้องของ เอเวนน่า แล้ว มีบุรุษสวมเกราะเหล็กรูปร่างกำยำยืนรอเขาอยู่ที่ทางเดินก่อนจะถึงห้องทำงานของดยุคมอแกน "

" ข้าพร้อมแล้วนายท่าน " บุรุษผู้นั้นกล่าวออกมาพร้อมกับทำความเคารพดยุคมอแกนด้วยความนอบน้อม " ดีงั้นก็เริ่มดำเนินการตามแผนนั่นเลย " ใครคิดขัดขวางฆ่ามันให้หมด " ครับ " บุรุษเหล็กตอบรับคำอย่างหนักแน่นก่อนจะหายไปจากตรงนั้น" ... มันถึงเวลาแล้วที่อาณาจักร วินเนอร์ จะมีผู้ปกครองที่แท้จริงสักที..ฮึ..ฮึๆๆ ฮ่าฮ่าๆ..

.

.

.

จบ

ตอนสั้นไปหน่อยต้องขอโทษด้วยน้าาาา

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!