ณ ที่แห่งหนึ่งในซีกโลกตอนใต้ ?!
หญิงสาวที่มีผมยาวสีตาลเช่นเดียวกับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กลมเกลือนกับผมอย่างชัดเจน จมูกรั้นนิดๆพอดีน่ารัก ปากบางสีชมพู ผิวขาวอมน้ำผึ้ง ซึ่งก็ดูไม่เด่นเท่าไหร่นักในปัจจุบันนี้ที่มีผู้หญิงสวยมากมายจากการปรุงแต่งเสริมนิดหน่อย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด สายแล้วเว้ยยย"
หญิงสาวที่ตอนนี้เข้าย่างสู่วัยสาวเต็มตัว กำลังหยิบชุดมัธยมปลายขึ้นมา แล้วรีบใส่ชุดอย่างทุลักทุเล เพราะวันนี้เป็นวันขึ้นมัธยมปลายปีที่ 2 ของเธอ เธอจะไปสายตั้งแต่วันแรกของการเรียนแบบนี้ไม่ได้นะ -^- ต้องรีบแล้ววว
“นี่ยัยลูกสาวบ้า กรี๊ดจนข้างบ้านด่าแล้วเนี่ย อยากโดนตำรวจจับหรือไง”
อ้อและนี่คุณแม่ของฉันที่ขี้โมโหขี้บ่นทุกวัน แต่ทำอาหารอร่อยนะ ตอนนี้บริษัทแกคงไม่ค่อยจะดีช่วงนี้เลยโมโหง่ายไปหน่อย ชิ(เบ้ปากพร้อมกับยังคงนั่งมองดูพี่แอสเคียลตาไม่กระพริบ)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ฉันคือฮารุ ที่แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้อายุ 17 ปี ตอนนี้มีความสุขมากกับการที่จะได้ไปเจอเพื่อนๆ ในฤดูหนาวแบบนี้หลังเลิกเรียนก็ต้องไปกินราเม็งร้อนๆ และไปต่อด้วยร้างคาราโอเกะกันให้คอแหก แต่ว่าความสุขนั้นมันกำลังจะหายไป เพราะผู้ชายคนนั้น คนที่เคยเจอเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ตาบ้านั่นT^T
เมื่อ10 ปี ก่อน
ช่วงเดือนที่หิมะตกและมีความหนาวเหน็บมากที่สุดในรอบปี เด็กหญิงตัวน้อยผมยาวสีตาล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นจุดเด่นของเธอ ทำให้เธอดูเด่นทั้งสีตาและสีผมที่เหมาะเจาะกับใบหน้าที่ได้รูป ทำให้เพื่อนๆนั่นต่างพากันอิจฉาเธอ นั่นหมายถึงการที่เธอไม่มีเพื่อนสักคน…
เด็กน้อยในชุดเสื้อกันหนาวสีขาวยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆเครื่องเล่นม้าหมุน ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะมาเล่นกับเพื่อนๆแท้ๆ
แต่เด็กน้อยกลับถูกทุกคนรุมไล่ และบอกกับเธอว่าถ้าเข้ามาใกล้อีกจะไม่คุยด้วย เด็กน้อยน้ำตาตกใน แต่ก็ฝืนยิ้มออกไปด้วยแววตาสดใสเหมือนอย่างเคย.. พร้อมบอกกับเพื่อนๆของเธอว่า
“ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ห่างจากพวกเธอในระยะ1 เมตร เหมือนที่เคยคุยกันไว้”
ฮารุพูดพร้อมกับก้าวถอยหลังไปช้าๆ ในขณะที่มองเพื่อนของเธอเล่นกันต่อไป เธอนั่งลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ในความมืดนั้นสิ่งที่กัดกินจิตใจ ความเศร้า ความเหงา ได้ครอบคลุมจิตใจของเด็กน้อยวัย7 ขวบ เธอไม่สงสัยเลยว่ามันจะมีสิ่งไม่ดีอะไรคลืบคลานเข้ามาจากความมืดนั้น
“นี่แหละ ร้องไห้อีกสิ คร่ำครวญมากกว่านี้สิเด็กน้อย เพื่อนๆของเธอเป็นคนไม่ดี เธอยังจะอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันอีกหรอ”
เสียงจากในเงามืดข้างหลังของเธอเอ๋ยออกมาด้วยเสียงชวนขนลุก หากแต่เด็กน้อยนั้นไม่ได้สนใจอีกแล้วเธอเก็บงำความเสียใจมามากพอที่จะรับฟังเจ้าสิ่งนั้น
เธอหันไปมองเพื่อนๆอีกครั้งพร้อมแววตาที่แข็งกระด้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยสดใสหมองลงไปเหมือนโดนสะกด
“ไม่อีกแล้ว พวกเขาไม่ใช่เพื่อนหนู” เด็กน้อยพูดในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลกำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีทับทิมทีละน้อย
“อ้า หนูน้อยดวงตาแบบนี้แหละความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด จะนำพาดวงตานี้มาปรากฏบนหน้าของเจ้าเด็กน้อย”
เจ้าปีศาจร้ายพึมพำด้วยความพึงพอใจ ตั้งแต่มันรู้ว่ามีมนุษย์ได้เกิดมาพร้อมกับดวงตาสีทับทิมหายาก หากเพียงได้ดวงตานั้นมาก็จะมีพลังมหาศาล ดวงตาที่วิเศษนี้เมื่อเป็นสีทับทิมแล้ว สามารถนำมาใช้เป็นยาที่จะทำให้ผู้ที่ดื้มกินเข้าไปสามารถดูดซับพลังของสวรรค์ และปีศาจได้ และมันเป็นยาวิเศษที่รักษาบาดแผลได้ทุกชนิด ไม่ว่าบาดแผลร้ายแรงแค่ไหน และใช่นั่นมันหมายถึงการชุบชีวิตคน! ข้าอยากได้มัน!
หากแต่ว่าตอนนี้มันยังไม่สามารถนำไปได้ แต่ต้องทำให้เจ้าของดวงตานี้ใจสลายจนไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีกแล้วเพื่อชิงมันมา และอีกสิ่งหนึ่งสำหรับดวงตานี้คือ หากเจ้าของดวงตาต้องการสิ่งใดที่แน่วแน่สิ่งหนึ่ง สิ่งที่เจ้าของดวงตานี้ปรารถนามากที่สุดเมื่อนั้นอำนาจจากดวงตานี้จะปรากฎขึ้นและจะทำให้มีพลังที่มากพอจะทำสิ่งที่ปรารถนานั้นเป็นจริงในที่สุด หากแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ผู้ครอบครองดวงตานั้นจะค่อยๆสลายหายไป ถ้าข้าได้มันมาครอบครองข้าก็จะสามารถเป็นเจ้าของโลกทั้งสามนี้ ได้!!!!
โลกทั้งสามนี้ โลกปีศาจ ผู้ที่มีมหาปีศาจปกครอง ผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่จะมีรูปร่างกำยำแข็งแรงดวงตาทองอร่าม ผู้คนที่คิดว่าคนที่มาจากโลกปีศาจนั้นจะอัปลัค หากแต่ไม่เลยสักนิด พวกเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาพอๆกับผู้คนบนสวรรค์ แต่พวกเขาจะไม่มีออร่าของความอบอุ่นปนเย็นเหมือนอย่างเทพธิดาหรือเทพบุตร พวกเขาจะมีออร่าของความร้อนแผ่รอบๆตัวพวกเขา ยามใดที่พวกเขาโกรธ หรือ โมโหไอความร้อนนั้นจะปรากฏมาแผดเผาสิ่งรอบๆให้มอดสิ้น ดวงตานั้นก็เกิดจากไอความร้อนนั้น เมื่อครั้งหนึ่งที่เกิดสงคราของสองโลก โลกปีศาจ และสวรรค์ ไอความร้อนและความเย็นหักล้างกันจนเกิดเป็นแสงๆหนึ่งที่เป็นสีทับทิมอ่อนสวยงามสะกดทุกสายตาที่กำลังสู้รบ เหมือนมันดึงความสนใจ ความโลภ ความต้องการออกมาใส่ตัวบุคคลที่จ้องมองมันต้องการได้มันมาครอง แม้แต่เทพธิดาที่ว่าบำเพ็ญระงับความอยาก ตัดความต้องการออกแล้วนั้น ก็ยังต้องการครอบครองมัน
เมื่อผู้นำของทั้งสองฝ่ายเห็นเช่นนั้น จึงร่วมมือกันใช้พลังอำนาจทั้งหมดที่เหลือจากการต่อสู้อันยาวนาน พลักมันออกไปให้ไกล นับจากนั้นมันก็หายไป
ไม่นึกเลยว่ามันจะมาอยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ พวกของมันได้มารายงานว่า สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดวงตา ไม่คิดว่าผู้ที่จะได้ครอบครองมันจะยังเด็กอยู่เช่นนี้...
แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น เป็นผู้ซึ่งไม่มีผลต่ออำนาจดวงตานี้เพราะมนุษย์ไม่มีเวทมนย์ที่จะสัมผัสมันได้ พวกเขาจะเห็นเพียงแค่สีทับทิมสวยงามเท่านั้น
เจ้าปีศาจชั้นต่ำนึกถึงสีทับทิมจากสงครามนั้น สิ่งนั้นติดตาตรึงใจของมัน มันทำให้จิตใจของเจ้าปีศาจอยากจะครอบครองสิ่งนี้มากเหมือนมันโดนสะกด มันโหยหาสิ่งนั้นมันอยากจะได้มาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว มันต้องได้มา ดวงตานี้มันเป็นของข้า!!!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ปีศาจชั้นต่ำได้มองลงมาที่เด็กน้อยที่ดวงตากำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีทับทิมด้วยความหลงใหล ถ้าหากอยากให้เจ้าเด็กนี้มันใจสลายมากกว่านี้ คงต้องให้มันทำสิ่งที่จะทำให้ทุกคนเกลียดมันไปชั่วชีวิต รวมถึงครอบครัวมัน และคนที่รักมันทั้งหมดต้องเกลียดมัน!
ปีศาจมันเดินไปข้างๆเด็กน้อยจ้องมองดวงตาที่กำลังแปลเปลี่ยนไป พร้อมยื่นมือขึ้นมาพร้อมกับสิ่งของหนึ่งที่มีความวาววับและคมกริบ…
“เจ้าคิดเหมือนข้าใช่ไหมเด็กน้อย ในเมื่อเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดผิดเลย ทำไมทุกคนถึงต้องทำแบบนั้นกับเจ้า มันไม่ยุติธรรมจริงไหม?” เด็กน้อยพยักหน้าอย่างช้าเหมือนสมองและจิตใจของเธอนั้นได้เอนเอียงไปตามคำพูดของเจ้าปีศาจตัวนี้ไปซะแล้ว
มันยิ้มขึ้นทันทีพร้อมกับประกายตาที่ลุกโชนด้วยความลิงโลด มันยื่นสิ่งที่อยู่บนมือให้เด็กน้อย
“ใช้นี้สิ เจ้าพวกนั้นไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในโลกนี้พวกมันควรที่จะหายไป” เด็กน้อยหันมามองสิ่งที่อยู่บนมือ ภาพสะท้อนจากสิ่งนั้นสะท้อนเห็นดวงตาสีทับทิมที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่นะ หนูไม่อยากทำแบบนี้” เด็กน้อยตกใจเล็กน้อยกับภาพสะท้อนนั้น เธอมองเห็นเลือดที่อาบอยู่เต็มใบมีดเล่มนั้นพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของเพื่อนๆเธอ
เด็กน้อยผงะถอยหลังไป อัปกริยานั้นทำให้ปีศาจชั้นต่ำใจหายวูบ สิ่งที่มันอยากได้กำลังจะหายไปแล้ว ดวงตานั้นกำลังจะหายไป สีมันกำลังจางหายไป ไม่นะ เอามันกลับคืนมา!!
มันยื่นมากลับไปกระจากเสื้อเด็กน้อย จนเด็กน้อยแทบจะลอยตามแรงกระชากนั้นขึ้นมา เด็กน้อยถูกลากเข้ามาในมุมมืดที่ทุกคนไม่เห็น
“เจ้าเอามันคืนมาเดี่ยวนี้!!” มันตะคอกใส่ เด็กผู้หญิงที่ตอนนี้มีน้ำตาอาบแก้มอีกครั้งและกำลังสั่นด้วยความกลัวสุดขีด เพราะเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มันกำลังมีเขี้ยวงอกออกมา ดวงตากำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไอร้อนจากรอบตัวๆมันทำให้เธออึดอัดและร้อนผ่าวเหมือนอยู่ในเตา
“กรี๊ดดดด ช่วยด้วยคะแม่หนูกลัวช่วยหนูด้วย!” ฮารุตะโกนสุดเสียง หากแต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับเธอมาเลย
ปีศาจชั้นต่ำเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
“ในเมื่อข้าไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้ดวงตานี้ไปเลย”
มันค่อยๆขยับยื่นมืออันน่ารังเกียจที่มีขนยาวขึ้นเต็มไปหมดมาหาใบหน้าของเด็กน้อย มันกางเล็บขึ้นมาเพื่อหวังที่จะกระชากดวงตานั้นออกไป ถึงแม้จะใช้การไม่ได้แต่มันก็ไม่อยากให้ใครได้มันเช่นกัน
'นี่เราจะต้องตายแล้วหรอ..' เสียงความคิดของเด็กคนนี้ เหมือนเทพเจ้าเบื้องบนจะได้ยิน
เพียงเสี้ยววินาทีที่เล็บนั้นกำลังจะถึงดวงตาสีน้ำตาอ่อนอันเปราะบาง แสงสีทองปรากฏรอบตัวของปีศาจและเด็กน้อย เด็กน้อยหันไปมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า บุคคลที่รูปร่างสูงโปร่งใส่ชุดดูดีเหมือนอย่างบุคคลทั่วไป หากแต่ออร่ารอบๆตัวเขาปรากฏเป็นสีทองเปร่งประกาย มันผลักให้ปีศาจที่จับตัวเธออยู่กระเด็นออกไป ในขณะที่ร่างของเธอกำลังร่วงลงสู่พื้น แขนที่แข็งแรงก็ได้เข้ามารับเธอไว้ได้ทันเวลา
ในขณะนั้นเธอใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดลืมตามขึ้นมามองใบหน้าบุคคลที่มาช่วยเธอครั้งนี้ แม้จะเรือนลาง แต่เธอก็เห็นเขา ใบหน้าเรียวได้รูป ผมสีดำ ดวงตาสีเงินลึกล้ำ ที่ตัดกับผิวขาวของเขา ใบหน้าถึงแม้จะเรียวดูบอบบางแต่ก็มีเค้าโครงของความแข็งแกร่งภายใต้ใบหน้านั้น ดวงตาคมสีเงินดูเรียบเฉย แต่กลับทรงอำนาจแม้ไม่ได้หันไปสบตามันก็ตาม
'น่ากลัว!'
นั่นเป็นสิ่งที่ไอ้ปีศาจคิด เจ้าของผมสีดำหันกลับมามองเด็กน้อยในอ้อมแขนพร้อมกับยิ้มมุมปากเหมือนคนเจ้าเล่ห์
“กำจัดมันซะ อย่าให้เหลือแม้แต่รังของพวกมัน"
เสียงเรียบเย็น เอ่ยแบบไร้ความปราณี
"น้อมรับบัญชา องค์ชาย" เหล่าคนที่ติดตาม ที่กำลังคุกเข่าด้วยความเคารพยำเกรงกล่าวตอบรับ ผู้ที่มีอำนาจเหนือตน
"ดวงตานี้เป็นของข้า ข้าต้องรอเวลาอีกหน่อยนางจะมีประโยชน์ต่อข้าในอนาคต” ได้ยินเพียงแค่นั้นเธอก็สลบไปและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นอีกเลย
ณ เวลาปัจจุบัน
ในห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์แสนน่าเบื่อ
เธอกำลังนึกถึงเขา..
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเธอได้เจอกับเขาอีกครั้ง ผู้ที่เหมือนกับคนในความทรงจำของเธอ เขามีชื่อว่าแอสเคียล
'เจ้าต้องมากับข้า'
'ดวงตาของเจ้าเป็นมากกว่าสิ่งของธรรมดา'
เขาปรากฏตัวในโรงเรียนของเธอในสวนด้านหลังขณะที่เธอกำลังเอาขยะมาทิ้ง เพราะวันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของเธอ เขาพูดพร้อมกับใช้ปลายนิ้วจับใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมาสบตาเขา
'อุ้ย แม่เจ้าอีตาบ้านี่ หล่อวัวตายควายล้มจริงๆ >\~
'อะแฮ่ม' ใบหน้าของแอสเคียลยังเรียบเฉย แต่สายตานั้นมันอะไรกัน ทำไมต้องทิ่มแทงเหมือนจะฆ่ากันแบบนั้นด้วย
'อ้ะ ฉันขอโทษที่จ้องคุณ ฉันมันไร้มารยาท' โถ่เว้ยย เผลอกลัวสายตานั่นจนต้องขอโทษเลยเรา ToT
แอสเคียลมองฮารุที่ตัวสั่น หงึกๆ เหมือนหมาน้อย 'อืมก็เหมือนหมาอยู่นะ' แอสเคียลคิด
'อีกหนึ่งอาทิตย์'
นั่นคือสิ่งที่เขาบอก แล้วก็หายจากไป โถ่เว้ย ไอเจ้าบ้านั่น เป็นตัวอะไรกันแน่ ในโลกนี้มีเวทมนต์จริงๆหรอ หรือเขาจะเป็นผีอะ 0_0!!! แต่..มองยังไงก็หล่อวัวตายควายล้มจริงๆ >///<
แป๊ะ แป๊ะ เอามือตบหน้าตัวเอง ไม่ได้ๆ หนึ่งอาทิตย์นี่หมายความว่าไง พูดไว้แค่นั้นแล้วก็ไป แล้วยังบังอาจมาบอกว่าลูกกะตาฉันเป็นสิ่งของหรอย้ะ ฮึ่ยย โกรธๆๆๆ ><**** แต่ก็อภัยให้หน้าหล่อ ฟะฮุๆ อ้ากกกก เอามือตบหัวตัวเองสี่ที (ตอนนี้คนที่เดินผ่านไปมากระซิบว่า อีบ้านี่เป็นอะไร)
เอ้ะแต่เขาบอกไว้นี่นาว่าจะมารับ หมายความว่าอีกหนึ่งอาทิตย์เขาจะมารับเรางั้นเหรอ _ _?
'เห้อ ความจริงก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วแหละว่าบางทีตาของเราก็เปลี่ยนสีไป'
อย่างเช่นเหมือนอย่างตอนนั้น ตอนที่เราหนีออกจากบ้านไปตอนนั้นเพราะพ่อกับแม่ไม่เข้าใจเลยว่า เราไม่อยากย้ายโรงเรียนขนาดไหน ทำไมต้องย้ายบ้านด้วย ต่อให้เพื่อนๆไม่ค่อยเล่นกับเรา แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็ขอให้เราทำนู่นทำนี้ให้
มโนภาพ
'ฮารุไปซื้อขนมให้เราหน่อยสิ'
'ได้จ้าา\~' < ตอบรับด้วยความใสซื้อ
'ฮารุทำการบ้านให้หน่อย'
'ฮารุเอาขยะไปทิ้ง'
'ฮารุๆๆๆ'
เห็นไหมเพื่อนๆก็ต้องการเรานี่นา เราหนีออกจากบ้านตอนนั้น แล้วแอบไปร้องให้ที่สวนหลังบ้านใครสักคน เราไม่อยากย้ายไปมากๆจนร้องไห้แทบเป็นแทบตาย ในใจก็คิดแต่ว่าถ้าหากเราได้อยู่ในที่ๆทุกคนเต็มใจเป็นเพื่อนกับเราบ้างก็คงดี แล้วจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างวนรอบตัว รู้สึกอบอุ่นทั้งๆที่อากาสก็หนาวเหมือนดั่งตอนนี้ จู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่ดวงตา เธอจึงหันไปมองกระจกหน้าต่าง สิ่งที่เห็นคือดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีทับทิมอ่อน
'ได้ยังไงกัน?!!' ฮารุตื่นตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ แล้วบอกว่าดวงตาของเธอเปลี่ยนสีแล้ว ตอนนั้นพ่อกับแม่กังวลมาก คิดว่าเธอจะตาบอดหรือเปล่า จึงรีบพาไปโรงพยาบาล แต่หมอกับพยาบาลก็หาสาเหตุไม่ได้ คิดว่าของเป็นปรากฎการ 1 ในล้าน เมล็ดสีตาเกิดการเปลี่ยนแปลงเอง และสาเหตุอาจจะเกิดจากการที่เธอไปโดนแสงที่ตามากไป
หลังจากนั้นเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ จากที่ตอนแรกพ่อกับแม่จะต้องทิ้งเราไปทำงานที่ต่างประเทศและเราต้องย้ายไปอยู่กับญาติของแม่ พ่อกับแม่ก็ดันได้ทำงานที่ในประเทศ แต่เราก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นอยู่ดีเพราะจะได้ใกล้ที่ทำงาน เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองในเทพนิยาย เรื่องเล่าจากแต่ก่อนพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นสถานที่เกิดปฏิหาร จากที่เคยแห้งแล้งกลับเติบโตไปด้วยพรรณไม้ ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้วได้เกิดสงครามระหว่างปีศาจและสวรรค์ สงครามยุติได้อย่างไรไม่รู้ แต่ว่าระหว่างสงครานั้นเกิดแสงสว่างขึ้นและมีสิ่งหนึ่งตกลงมา ทำให้พื้นที่แถบนี้อุดมสมบูรณ์ เหมือนอย่างสวนเอเดนของพระเจ้า มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าละนะ
เราอยู่ที่นี่มาได้ 1 ปีแล้วสินะ ... แต่พอไม่มีสีตาแบบนั้นแล้วทุกคนก็ดีกับเราหมดเลย หรือเพราะดวงตานี้มันประหลาดหรอ แล้วมันเปลี่ยนสีได้ไง...
“พัสดุมาส่งครับบบ” อ้ะๆ พัสดุมาแล้วต้องเป็นอันนั้นแน่ๆ ฮารุรีบวิ่งสี่คูณร้อยไปหน้าประตูภายในเสี้ยววิ
“ยัยลูกคนนี้อย่าวิ่งในบ้านสิ!”
ฮารุรีบวิ่งมาถึงหน้าประตู เธอรีบเปิดประตูด้วยความร้อนรนปนตื่นเต้น วันนี้เป็นวันที่โปสเตอร์ของวงค์ xo อปป้ะรุ้นลิมิเต็ดอิดิชั่น วันนี้ประกาศผลสุ่มคนที่ถูกรางวัลได้ของชิ้นนี้ วันนั้นฉันก็เฝ้ารอตั้งแต่ตีสาม ฝ่าดงขี้ตาตื่นมาลงทะเบียน
ตื่นเต้นจังเลยยย ><\~ เธอคิดแบบนั้นพร้อมรับซองกระดาษสีน้ำตาล
'อะเด้ะ ทำไมมันเล็กจังเลย สงสัยเขาทำเวอชั้นป้ายหดละมั้ง >3<'
แต่ซองนี้ทำไมมีรอยประทับตาอะไรด้วยนะ เธอมองตราประทับนั่น มันช่างดูคุ้นตาจริงๆ ตราเป็นรูปนกกริฟฟินที่โบยบินเคียงคู่ไปกับพระอาทิตย์ เธอค่อยๆแกะตราประทับออกแล้วหยิบกระดาษแข็งลวดลายเหมือนกับที่ตราประทับ กระดาษเป็นสีชมพูอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมคล้ายดอกกุหลาบโฉยออกมา และเมื่อเธอกางแผ่นกระดาษนั้นออกมาด้วยใจที่ระถึก
“อะไรวะเนี่ยยยย!!!!!!!!” ฮารุตะโกนขึ้นมาสุดเสียงอีกครั้งที่เธอต้องโดนแม่ของเธอตวาด
มันไม่ใช่โปสเตอร์นี่นา.. บนกระดาษเขียนไว้ว่า สัญญาการเข้าร่วมของราชวงศ์อันเชสเต้ มันคืออะไร?!! เธอพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อดูให้แน่ชัดว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไป
นี่มันตัวอักษรอะไร ทำไมมันรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ.. ทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสตัวอักษรบนกระดาษนั้น อักขระสีดำที่อยู่บนกระดาษก็เรียงตัวออกมา ท่ามกลางแสงสีทอง มันเรียงตัวกันจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์กลมๆ ที่ข้างในมีอักษรแปลกตา ก่อนมันจะค่อยๆเปลี่ยนสี จากสี น้ำตาล เป็นสีฟ้า สีแดง สีเขียว สีทอง สีดำ และสีขาว มันวนอยู่แบบนั้นจนหยุดที่สีขาว
มวลอากาสที่ห่อหุ้มห้องไว้ก็หายวับไปทันทีพร้อมกับกระดาษและซองจดหมายนั้น เธอนั่งกระพริบตาปริบๆด้วยความงง แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ก็ปรากฎกลุ่มก้อนปริศนารอบกายเธอ น่าแปลกมันไม่ได้รัดเธอ หรือทำให้รู้สึกอึดอัด.. แถมกลิ่นนี้ ที่ลอยมาติดจมูกเหมือนกับกลิ่นที่ติดมากับซองจดหมาย กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ กลิ่นนี้ทำไมมันคุ้นเคย อีกแล้ว..? คุ้นเคยหรอ ทำไมถึงคุ้นเคยละ
ขณะที่สติกำลังเลือนลาง เธอเห็นภาพภาพหนึ่ง คือสวนที่มีดอกไม้เต็มไปหมด แต่ที่ชัดเจนคือดอกกุหลาบสีขาวทอดยาวไปจนถึงทะเลสาบที่สะท้อนแสงระยิบระยับ เธอเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมสีดำกำลังก้มมอง มองมาที่เธอ เราเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่กลิ่นของเขา..นั้นชัดเจน เหมือนกลิ่นในสวนแห่งนี้ คุณเป็นใครกัน.. ทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ อยู่ๆหัวใจก็เหมือนถูกบีบอย่างรุนแรง รู้สึกเศร้าเหลือเกิน อยากจะร้องไห้ให้ขาดใจไปเสียตรงนี้ ขอแค่ได้อยู่ข้างเขา..
'ไดซี่' เสียงของเขา อ่อนโยนจัง..ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป คิดถึงท่านเหลือเกิน.. ดวงใจของข้า
ณ ปราสาทสีดำทมิฬทั้งหลัง ที่ภายในตกแต่งด้วยสีขาวธรรมชาติจากหินอ่อน ชายผู้ครอบครองดวงตาสีเงินคู่สวย กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองแกมแดงกำมะหยี่ดูราคาแพง ห้องโถงที่สามารถจุคนได้หลายพันคน ตรงสุดทางเดินที่มีเก้าอี้อันใหญ่ตรงกลางโถงตั้งอยู่ ปรากฏบุคคลที่นั่งอยู่บนนั้นที่มีดางตาสีทองกำลังยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีเงินกำลังสั่นไหวริกรี้ถึงความตื่นเต้นที่กำลังจะเข้ามา หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบเธอไป
ปกติเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้ แต่จากการทดสอบนั้น มันปรากฏสีขาว สีที่หายากนั้น เวทย์มนตร์แห่งจิตวิญญาณ ทำไมมนุษย์ผู้หญิงที่ดูต่ำต่อยนั่นถึงมีเวทอย์นี้ติดตัว
''เจ้าเป็นใครกัน'' แอสเคียลยิ้มเหี้ยม
“หึหึ ฮารุงั้นสินะ ข้าจะจำเจ้าไว้ ผู้ครอบครองดวงตาสีทับทิม” ใบหน้าหล่อเหลากล่าวพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ เขาเฝ้ารอที่จะควักดวงตาคู่นั้นจากเธอไม่ไหวแล้ว!
และโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ล่วงรู้เลยว่า โชคชะตาที่กำลังรอพวกเขาอยู่กำลังขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง
'ช่วยด้วยย!' เรากำลังวิ่งหนีอะไรนะ... กลิ่นกุหลาบ
'ไดซี่ มานี่เร็ว' เสียงนี้อีกแล้ว นายเป็นใครกัน
ซ่า
"แค้ก แค้ก อะไรวะ!" เมื่อกี้ความฝันอีกแล้วหรอ
"ไม่มีคำว่ากุลสตรีเลยสักนิด"
"เฮือก 0.,0"
ฉันหันขวับไปมองเสียงนี้ และสิ่งประดิษฐ์ที่เหมือนรูปปั้นที่ดูเพอร์เฟคไปทุกตารางนิ้ว เสื้อผ้าสีขาวสบายๆแต่ปลดกระดัมถึงสองเม็ด โชว์ผิวขาวที่เหมือนจะเรืองแสงได้ พระเจ้าใครมันช่างส่งหมอนี่มาเกิดนะหล่ออิ๊บอ๋ายยย อ้ายยหลงรักกก <3
"หยุดเลือดที่จมูกของเจ้าเดี่ยวนี้!!"
"โว้ยยจะให้หยุดยังไง มันไหลเองอ้าาาฮื้ออออ นายก็เลิกโชว์เนื้อหนังตรงนี้เส้" << เป็นคนที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้น พูดไม่คิดนั่นแหละ
"น่าไม่อายเสียจริง- -" แอสเคียลทำหน้าเอือมปนรังเกียจ แล้วหยิบผ้าชุดหน้าที่ถูกระบายไปด้วยรอบปักเย็บปราณีตสีทองตรงขอบมาเช็ดมือ ต้องเรียกว่าถูเลยดีกว่า
เดี่ยวนะ ไอหมอนี่ ฉันยังไม่ได้สัมผัสมือส่วนไหนของนายเลยนะเว้ย!
"เอายัยหมาบ้านี่ไปตรวจสอบ และเปลี่ยนพรมที่ห้องข้าด้วย" เหล่าพวกคนที่คิดว่าเป็นคนรับใช้ทั้งหลาย ก็มาหิ้วฉันออกไป แล้วพ่อบ้านอีกสิบชีวิตก็รีบวิ่งมาทำความสะอาดพรมยกใหญ่ นี่นายให้ฉันนอนบนพื้นหรอ(วะ)คะ ! แล้วฉันก็ไม่ใช่หมานะ
"เดี่ยวก่อนที่นี่ที่ไหนนบอกกันก่อนเส้" เขาไม่ฟังฉันเลยอะ TT
เธอดิ้นๆ อยู่บนมือของสาวเมดคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเอาพลังกายมาจากไหน สามารถหิ้วฉันด้วยเพียงนิ้วเดียว 0•0 พระเจ้านี่มัน เธอแอบฟิสอัพพันรอบ ต่อด้วยยกดับเบิลห้าสิบกิโลรึเปล่าเนี่ย ถึกทึนจังคะ! คิดไปได้เรื่อยเปื่อย พี่สาวพลังช้างก็หิ้วฉันเข้ามาภายในห้องหนึ่ง มีหนังสืออยู่เต็มไปหมดทั้งเก่าและใหม่ บรรยากาศอึมขรึม ตรงกลางห้องมีโต๊ะหนึ่งที่ตั้งวางสิ่ง รอบสิ่งนั้นมีอักขระบางอย่างที่เคยเห็นในจดหมาย
พี่สาวเมด จับมือฉันไปแตะอักขระพวกนั้น ฉันที่พยายามจะชักมือออกกลับไม่เป็นผลสักนิด จะแรงเยอะไปไหมหะ \=0\='
ทันทีที่นิ้วมือสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นรอบตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันยังมีสติอยู่จนถึงแสงสีขาวปรากฎบนอังขระพวกนั้น นี่คืออะไรอะ อย่าบอกนะว่าจะทดสอบว่าฉันเป็นสาวพรมจันทร์ และมันเป็นสีขาวแบบนี้ โฮ้ะๆ แน่นอนสิย้ะ ช่วงล่างฉันสะอาดผุดผ่องเป็นยองใย ไม่เคยมีอะไรมาตอม แม้แต่เชื้อโรคจากขอบชักโครกฉันยังไม่ได้แตะ >[]<
"เจ้ามีเวทมนต์จริงๆด้วย" อยู่ๆไอบ้าหัวหมึกนั่นก็เข้ามา มาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง หัวใจจะวายเพราะความหล่อรอบที่ล้าน
"ฉันไม่ได้มี! และไม่เคยมีด้วย!"
"อย่าโกหก!" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะฆ่ากัน น่ากลัวจริงๆผู้ชายคนนี้ หน้าตาก็ดีแต่ทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วยนะ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ก็เราไม่มีเวทย์มนต์จริงๆอะ ฮารุคิด
"ฉันไม่ได้มีเวทมนต์จริงๆ ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด แล้วที่นายพาตัวฉันมาแบบนี้ พ่อกับแม่ที่บ้านของฉันละ เขาจะไม่เป็นห่วงหรอ นายจะทำตัวไม่มีเหตุผลและไร้มารยาทแบบนี้ไม่ได้นะ ไอหัวหมึก!" ฮึ่ย หล่อก็หล่อเถอะฉันไม่สนแล้ว
"เจ้าบังอาจ"
แอสเคียลเดินเข้ามาใกล้แล้วจ้องหน้าเธอ แม้แต่พี่สาวเมดยังถอยห่างออกไปเป็นเมตร สายตาที่พร้อมจะฆ่าเธอตลอดเวลานั่น แต่เธอไม่กลัวหรอกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่! ถ้าขนาดเขาสามารถที่จะสั่งพวกคนที่อยู่ที่นี่ได้แปลว่าเขาต้องมีอำนาจมากแน่ๆ เราจะทำยังไงดีเราจะตายที่นี่หรอ
"พานางหมานี่ไปที่เอมิเรตส์" หลังจากเขาพูดจบเขาก็จับบนหัวของฉันแบบแผ่วเบา ฉันรู้สึกอุ่นๆบริเวณหัว อ้ะ! ฉันแอบเห็นนายรอบยิ้มร้ายกาจนะย้ะ >//
"รับทราบขอรับ ฝ่าบาท"
"0[]0!!!!" ว๊อทททททททททททท ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม ฝ่าบาทหรอ นี่ฉันหัวจะหลุดจากบ่าไหม
เนี่ย
ก่อนที่เขาจะเดินออกไปไม่วายหันกลับมามองเธอแล้วยิ้มมุมปากที่ชวนกระชากใจ
"เจ้าจะไม่ได้เจอพ่อแม่อีก" ไม่กระชากใจสักนิดเว้ย!!
ฮารุโดนพาตัวไป ณ สถานที่มีชื่อว่าเอมิเรตส์ มันคือสถานที่บันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองบานาบัสแห่งนี้ แต่ภายในเคำว่าบันเทิงนี้คงไม่ใช่ในแบบที่ฮารุคิดตอนนี้ คำว่าบันเทิงสำหรับเมืองแห่งปีศาจนี้คือการฆ่าฟัน และการตัดสินจากคำว่าต่อสู้ มีเพียงคำว่าแพ้กับชนะเท่านั้น
"นี่เราจะไปไหนกัน.. คะ" ฮารุหันไปถามทหารสักตนหนึ่ง เธอเกือบจะเติมคำว่า คะ ไม่ทัน ถ้าไม่สุภาพไว้เธออาจจะถึงฆาตก็เป็นได้ - -"
"..." มีเพียงแต่ความเงียบตอบกลับมา อะไรกันวะะะะ!
เธอทำได้เพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่หลังลูกกรง เธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ในกรงที่อยู่หลังรถม้าคันใหญ่ ไม่นึกเลยว่าข้างในจะกว้างใหญ่ขนาดนี้ แถมที่ในเกวียนม้ามีคนอยู่อีกเกือบสิบคน ถูกแยกออกไปอยู่คนละกรงกัน แต่ละคนสภาพเหมือนไปรบมาอย่างหนัก บางคนยังแขนขาขาดพิการ และเหมือนจะไม่ได้รับการรักษาแต่อย่างใด โหดร้ายจริงๆ
และที่เรียกทหารนายนั้นว่าตนเพราะใบหน้าของเขานั้นถึงแม้จะคล้ายมนุษย์อยู่บ้าง แต่ข้างแก้มของเขานั้นมีสิ่งที่เรียกว่าเกล็ดสีขาวผมฟ้าอยู่ด้วย แถมใบหน้าที่เหมือนจะยื่นออกมานิดหน่อย แค่อ้าปากก็เห็นฟันแหลมคมเหมือนสัตว์ร้ายที่จะฉีกเหยื่อให้เป็นชิ้นๆ อึ้ยยย สยองจัง >[]<
สองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนพลักพล่าน เธอไม่เคยเห็นผู้คนเยอะแยะเช่นนี้มาก่อน แต่ละคนที่เดินควักไขว่บ้างก็เหมือนคนแต่บางคนก็แทบจะไม่เรียกว่ามนุษย์ ถึงแม้จะดูเหมือนมนุษย์แต่พวกเขาก็ล้วนเหมือนอย่างทหารที่พาตัวเธอมาคือมีบางส่วนของร่างกายที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่เหมือนอย่างเขาที่ดูเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แถมหน้าตาดี... #'{#'¥{ นึกถึงอีตานั่นอีกแล้ว
รู้สึกพักนี้เขาเข้ามาอยู่ในความคิดของเธอบ่อยๆ ผมสีดำนั่นมันคุ้นเคยจริงๆ ทั้งๆที่เขากับเธอก็เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง ทั้งหยาบคาย พูดจาเย็นชา และชอบออกคำสั่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจเลย แต่เขาก็เคยช่วยเธอไว้ครั้งนึง แต่แค่ครั้งนั้นทำให้เธอถึงกับไม่โกรธผู้ชายร้ายกาจแบบเขาเลยหรอ เธอมักจะอยากได้ยินเสียงเขาบ่อยๆ อยากเห็นหน้าเขา ถึงทุกครั้งที่เขาอ้าปากจะไม่ใช่ค่อยเรื่องดีกับเธอก็เถอะ \= \="
>\~
เห้อ นึกถึงเขาไปก็เท่านั้น ไอหัวหมึกนั่น ตอนนี้เขากำลังส่งเธอไปที่สถานที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ได้ยินไอพวกทหารบอกว่าจะไปที่ที่เรียกว่า เอมิเรตส์ เป็นหนึ่งในสถานที่บันเทิงที่มีผู้คนเข้ามาเยอะที่สุดในเมืองนี้ ว่ากันว่ามันไม่ใช่สถานที่น่ารื่นรมนัก มันเป็นสถานที่นำนักโทษที่ทำผิดร้ายแรงไปต่อสู้กันเพื่อหาคนที่จะมีชีวิตรอด นี่มันเหมือนกับยุคโรมันตอนนั้นที่พระมหากษัตริย์ของเขาต้องการการชมความสนุกสนานของการต่อสู้กัน โดยไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะตายหรือเป็นอย่างไร ! ไอพวกขี้ก๊อบปี้เอ้ยย
ว่ากันว่าเมืองบานาบัสแห่งนี้ เป็นเมืองที่รวมเหล่านักรบที่ทรงพลังยิ่งกว่าเผ่าสวรรค์ ผู้คนในเมืองนี้จึงมักมีการต่อสู้กันบ่อยๆ จึงทำให้มีการจัดนะเบียบโดยการตั้งกฏเกณฑ์ของการประลองขึ้นมา และทำให้เกิดสถานที่ เอมิเรตส์ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นได้มาใช้สนามประลองเพื่อท้าชิงสิ่งของต่างๆ หรือแม้แต่เกียรติยศ และเรื่องเล็กๆอย่างเช่น การวัดพลังกัน ทุกอย่างในเมืองนี้ล้วนตัดสินใจความแข่งแกน่งของแต่ละคนเอง
และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่การทำโทษของพวกที่ทำความผิด ถ้าหากเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกราชวงศ์ เขาจพได้รับอนุญาตให้มีทางเลือกสองทางเลือก คือการมีชีวิตที่ต้องรับใช้ราชวงศ์ โดยการได้รับแต่งตั้ง หรือการที่ถูกขับไล่ออกไปจากเมืองแห่งนี้ แต่ส่วนมากไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมือของราชวงศ์และความตายไปได้
เราก็คิดว่าการตัดสินแบบนี้มันก็ยุคิธรรม แต่การนำฉันที่ไม่ได้ทำผิดมาทำแบบนี้มัน ไม่ ยุติธรรมเลยสักนิด !!!!
"ฮึ่ยยๆๆๆ แง่งงงงงๆ" << คนที่นึกโมโหแล้วกัดกรงแทบพัง
"เจ้าหมา อย่าทำลายกรงไม่งั้นข้าจะเอาตะกร้อคอบปากเจ้าไว้!!"
ไอหน้ากิ้งก่าพูด คนไม่หล่ออย่ามาพูดสั่งฉันนะ!
"ฉันไม่ใช่หมานะ !!"
"เห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าเป็นหมานะ เจ้ามีหางกับหูไม่ใช่เรอะ เจ้านี่เป็นหมาย้าแบบที่ฝ่าบาทบอกไว้จริงๆด้วยสินะ"
"เอ้ะ ก็ฉันบอกว่ามะ...!!! อ้ากกกกก!!" ฉันที่ตกใจ มือฉันที่เอื้อมไปจับบนหัวกลับรู้สึกถึงอะไรนิ่มๆ เหมือนขนสัตว์และฉันรู้สึกจั๊กจี้หลังจากที่จับส่วนนั้นขึ้นมา มันเหมือนหู !!!!
ฉันหันกลับไปมองที่ก้นของฉัน ที่ตอนนี้เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมออกมาจากก้น แล้วมันยังกระดิกได้อีกด้วย!!! ฉันกลายเป็นหมา ได้ยังไง ว๊อทททท?! ไม่ๆ นี่ฉันเป็นปีศาจแต่ไม่รู้ตัวหรอ เอ้ะ อะเด้ะ งงงงงงง @\~@
และแล้วสมองที่มีอยู่อันน้อยนิดก็นึกย้อนถึงตอนที่เขาสัมผัสที่บริเวณหัว ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากมือของเขา อุณภูมิร่างกายของเขา นี่เขาทำให้ฉันกลายเป็นหมาหรอ อึ้ยยยยย! เขาคิดจะแก้แค้นที่ฉันเรียกเขาว่าหัวหมึกสินะ ชิส์ ( - -)
"ทำไมข้ารู้สึกเหมือนได้กลิ่นเลือดมนุษย์"
ฮารุที่ได้ยินดังนั้น รีบเช็ดเลือดที่มุมปาก ที่เธอพยายามจะกัดกรงจนเลือดออก ที่แท้มนุษย์ก็เป็นเหมือนดั่งอาหารอันโอชะของพวกปีศาจ ทั้งๆที่เรืองพื้นฐานแบบนี้ จากโลกที่เธอเคยอยู่เธอก็มักจะได้ยินเรื่องเล่าแบบนี้มาย่อยๆ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้ว่าเธอจะเป็นอัตรายแน่นอนถ้าเธอมีรูปร่างเป็นมนุษย์เต็มตัว แต่มันก็น่าแปลกใจที่เขารูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับมีแต่คนรับคำสั่งจากเขาหรือเพราะเขามีสายเลือดของราชวงศ์ที่มีพลงแข็งแกร่งรุปลักษณ์จะเป็นยังไงก็มีแต่คนยำเกรงเขาสินะ..
"ตึกตัก.." เธอจับที่ตรงหน้าอกของเธอ ความรู้สึกร้อนๆที่หน้า อยู่ๆหัวใจก็เต้น หรือเขาทำแบบนี้เพราะต้องการปกป้องเราหรอ..
"ใกล้ถึงแล้ว!!"
เสียงจากทหารด้านหน้าเรียกดึงสติของเธอ ฮารุมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรูเล็กๆ สองข้างทางยิ่งเต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน แต่ผู้คนจากที่ดูอ่อนแอใส่ชุดเหมือนชาวบ้าน เปลี่ยนเป็นใส่ชุดเกราะคล้ายทหาร บางคนก็พกหอกพกดาบ หรือกระบอง บางคนก็มีหินอะไรสักอย่างถือติดตัวไว้แตกต่างกันแค่สีที่ไม่คล้ายกัน รูปลักษณ์ของหินก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็มีหืนนั้นแต่ประดับอยู่ที่อาวุธก็มี หรือคนพวกนั้นเขาจะใช้เวทอมนต์ ในนิยายส่วนใหญ่ก็ต้องมีสื่อกลางเวทมนต์สินะ ฉันนี่ฉลาดจริงๆเลย !
ชื่นชมมันสมองตัวเองได้ไม่นาน รถม้าที่เคยขยับเขยื้อนก็หยุดลง ประตูเหล็กที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออก ทันทีที่เท้าเหยียบลงบนพื้นดินแห้งกร้าน สีของพื้นดินยังคงทิ้งร่องรอยของความโหดร้ายไว้อยู่
"เฮ่!!!!" เสียงโห่ร้องดังก้องเข้ามาในโสตประสาท กลุ่มผู้คนที่อัดแน่เต็มจนไม่เห็นแม้แต่พื้นที่ว่าง บรรยากาสที่ชวนทำให้หึกเหิม ผู้คนมากหน้าหลายตาแม้แต่เด็กน้อยที่อายุอาจจะยังไม่ถึง 8 ขวบยังเข้ามาชม
ลักษณะของเอมิเรตน์ ไม่ได้แตกต่างจากลักษณะของสเตเดี้ยมที่เธอเคยจินตนการ มันเป็นพื้นที่นั่งเหมือนขั้นบรรไดขึ้นไปจนสูงพอๆกับตึก 10 ชั้น ลักษณะทรงกล และพื้นที่การประลองอยู่ตรงกลาง ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับการประลองจากทุกมุมแบบสบายๆ โดยพื้นที่บนสุดทั้งแทบมีเพียงตรงพื้นที่ระหว่างกลางที่มีที่นั่งที่หรูหราตกแต่งด้วยเครื่องทองและเพรชพลอย และปูพรมแดงทั้งพื้นที่ชั้นนั้น สิ่งที่แตกต่างของที่นี่กับสเตเดี้ยมที่เธอเคยเห็นในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์คือ ตัวหินที่ถูกนำมาสร้างนั้นเป็นเห็นที่เป็นหินอ่อนแต่มีความระยิบระยับแฝงอยู่ในตัวหินนั้น สีของหินและการออกแบบพื้นที่ที่เหมือนสวรรค์ เสาที่เหมือนในเทพนิยายกรีก ทำให้ถ้าหากดูภายนอก คงคิดว่าเป็นที่ประทับของเทพสวรรค์ ใครจะไปคิดว่ามันมีไว้สำหรับการประลองเดือดดาลแบบนี้
เธอโดนล๊อคกุญแจข้อมือเหมือนกับอีกสิบคนที่เหลือ ข้างๆเธอนั้นเป็นผู้ชายที่มีรูปลักษณ์เหมือนงูอยู่ เขามีดวงตาคมสีเขียว สีผมเป็นสีมรกตดูสะดุดตา ใบหน้าหล่อเหลาใช้ได้ แถมผิวพรรณก็ยังเปร่งปรั่ง มองดูก็หล่อดี แต่หล่อน้อยกว่าไอบ้านั่นอยู่ดีอะนะ ถ้าเทียบกันเขาแลดูแข็งแกร่งที่สัดในกลุ่มนี้ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากจะไปสู้กับเขาเลย แต่เอาจริงๆ จะเป็นใครเธอก็ไม่อยากสู้ทั้งนั้น
ก็ฉันสู้ไม่เป็นนน !
จู่ๆเขาก็หันมามองที่เธอ ทำให้เธอต้องรีบหลบสายตาเขา เหงื่อแตกพลักๆ
'ตะโกนออกไปเลยดีไหมนะ ว่าฉันมันอ่อนแอยิ่งกว่ามดปลวกT^T'
"เธอทำอะไรผิดมา" พ่อหัวเขียวถามขึ้นมา อ้ายยย เขาถามฉันขึ้นมาทำไมอะ ฉันควรตอบคำถามเขาไหมสะ เขาจะรู้ไหมอะว่าฉันเป็นมนุษย์ น้อนกลัววว
"..."
"ไม่พูดหรอ หมาน้อย"
อ้ะจริงสิฉันอยู่ในร่างปีศาจหมาน้อยน่ารักอยู่นี่นะ ความน่ารักของฉันอาจจะทำให้เขาปราณีไม่ฆ่าฉันก็ได้นะ
"พี่ชายสุดหล่อ เผอิญว่ามันมีไอปีศาจหัวหมึกตัวนึงคิดว่าฉันไปหลอกลวงเขา แล้วเขาก็ส่งฉัน เอ้ย ข้ามาที่นี่"
" (_ _) " เขายังคงทำหน้าเฉยเมย ฉันต้องทำให้เขาสงสารฉันให้ได้
"อะ เอ่อท่านพี่ชาย ข้าต้องผลัดพรากจากครอบครัวที่ข้ารัก!! แถมยังต้องมาที่นี่ทั้งๆที่ข้าไม่มีความผิดอะไรเลย ท่านคิดว่ามันยุติธรรมไหม?!!"
"อืมม" ทำสายตาครุ้นคิด
เขากำลังจะหลงกลฉัน! "ท่านพี่ชายดูข้าสิ ข้าเป็นเพียงหมาน้อยน่ารัก ข้าจะมีกำลังอะไรไปสู้พวกพี่ได้ พี่ต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะ ข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่ง ช่วยข้าด้วย ข้าอยากกลับบ้านง้าาา\~ กระซิกๆ"
<< น้ำตาเรียกร้องความสนใจ ผู้ชายหน้าไหนก็หลงกลนี้ทั้งนั้นแหละ!!
" *^* "ทำหน้าตาน่าสงสาร ปริบๆ
"ฮ่าๆ เจ้านี่ฉลาดนักนะ เจ้าดูออกด้วยหรือว่าข้าแข็งแกร่ง"
ว้ายย หัวเรอะแล้วน่ารักอยู่น้ะะะ >..<
"น่านอนสิคะ! ข้านะได้ฉายาว่า ผู้มีดวงตาที่เฉียบคมที่สวรรค์ประทาน" ได้ทีก็โม้ใหญ่
"หึ ดวงตาของเจ้าก็วิเศษจริงๆนั่นแหละ"
"-///-" อ้ะ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินไปแล้วนะ ฮู่ๆ ตกใจหมด
"ก็ได้ข้าจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องยอมมาเป็นผู้ติดตามข้านะ"
"รับทราบครับเจ้านาย!! - -" ทำท่าวันทยาหัตถ์!
"ฮ่าๆ เจ้านี่ตลกเสียจริง"
"แหะๆ ว่าแต่ท่านชื่ออะไรละ ข้าชื่อฮารุนะ"
"หืม ข้าชื่อ กาเบล"
ก่อนที่จะได้คุยไรกันต่อ จู่ๆเสียงที่เคยดังจากผู้คนก็ค่อยๆเงียบลง ฮารุหันไปมองด้วยความแปลกใจที่บรรยากาสแปลเปลี่ยนไป ทันทีที่คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาบนชั้นบนสุด ตรงที่ที่มีเก้าอี้สีแดงเคลือบทองนั่นวางอยู่ ผมยาวสีดำพัดปลิวสไวไปตามสายลม ดวงตาที่แสนเยือกเย็นแต่น่าหลงไหล เขาสวมชุดสีขาวทับกับเสื้อคลุมสีแดงเลือดหมูที่ปลักลายเหมือนตราที่เคยเห็นจากซองจดหมาย ทันที่เขาก้าวเท้า ทุกสายตาหันไปมองเขาและก้มโค้งทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง แม้แต่กาเบลที่ยืนอยู่ข้างๆก็ก้มโค้งคำนับเขา
แว๊บนึงที่เห็นเหมือนสายตานั่นหันมามองที่เธอ..
"ราชาเสด็จ!!"
"จงดูไว้พวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหากทำผิดก็ต้องมาที่นี่แม้แต่คนของข้า" เธอสังเกตกาเบลที่อยู่ข้างๆเธอมีอาการสั่นไหว
"ท่านเป็นอะไรนะ" กระซิบ
"ป่าว" แววตาของเขาแลหวาดกลัวจังเลยหรือเพราะสิ่งที่แอสเคียงพูดเมื่อกี้ มันทำให้เขากังวลหรอ
แอสเคียลหันกลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้วช้อนตามองลงมาเบื้องล่าง แต่ไม่วายหันมาแสยะยิ้มให้ธอ!
"ต่อจากนี้ คนที่ทำผิดจะต้องสู้กับเหล่าทหารของราชวงศ์ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถมีสิทธิ์รอดไปจากที่นี่ได้ เมื่อพวกเจ้ารับรู้แล้วก็เตรียมตัวและใจให้พร้อม... พวกเจ้าต้องมีชีวิตรอดให้ได้ภายใน 30 นาทีนี้"
ฮารุได้ยินแต่เพียงเสียงหายใจของพวกเหล่าตัวร้ายที่ทำผิด เสียงหายใจฟืดฟาดเหมือนคนกำลังหวาดกลัว
แอ๊ด เสียงประตูเหล็กเบื้องหน้าเปิดขึ้นมา ปรากฏร่างสองร่าง เบื้องหลังหน้ากากเหล็กสีเงิน ดวงตาสีแดงกล่ำ! พวกเขาคนหนึ่งถืออาวุธที่เป็นดาบ และอีกคนมีอัญมณีที่เธอเคยเห็นก่อนหน้า พวกเขาสองคนน่าจะเป็นผู้ใช้เวทมนต์กับใช้อาวุธสินะ
"เริ่ม!!!!!!!" สิ้นเสียงตะโกนของทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายแอสเคียล กุญแจมือที่เคยพันธการอยู่ก็หลุดออก ทุกคนสตาทวิ่งไปที่กองคลังอาวุธที่อยู่มุมหนึ่งของสนาม แต่ยังไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสอาวุธ
"อ้ากกกกกก!!!" เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น หยดน้ำสีแดงฉานกระฉูดออกมาจากร่างๆหนึ่งที่ไร้หัว
"ตึง!! อ้ากกกก !!!" ร่างใหญ่ๆของ 1 ในคนทำผิด ล้มลองไปกองกับพื้น เสียงร้องโหยหวนของคนที่โดนตัดอวัยวะทิ้ง ชิ้นส่วนของเนื้อที่กระเด็นลงพื้น เสียงดาบที่กระทบกับผิวของพวกเขา เสียงการฉีกขาดของเนื้อที่โดนฟัน !!
เร็วมาก!!!
ฮารุยังคงนิ่งค้างกับภาพเหตุการณ์นั้น ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้จับอาวุธสู้พวกเขาก็ต้องตายสะแล้ว นี่มันโหดร้าย โหดร้ายจริงๆ!!!
เลือดที่กระเซ็นมาโดนเนื้อตัวของฮารุ กลิ่นคาวเลือดที่ไม่เคยได้สัมผัสทำให้เธอแทบเป็นลม!!
"ฮารุ!!!! ตั้งสติสิ มาอยู่ข้างข้า!!!!" เสียงของกาเบลดังแทรกเข้ามาใน
ฮารุหันไปมองกาเบลที่กำลังใช้ดาบปัดป้องการโจมตีจากเวทมนต์ที่กำลังจะโจมตีเธอ เธอยังคงอึ้งกับสิ่งตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้ !! หญิงสาวสติหลุดไปแล้ว
"ฮารุ!! โถ่เว้ย!!!!"
ถ้ามีเพียงแค่เขาคนเดียวก็คงล้มสองคนนั้นไม่ยาก แต่เพราะเขาต้องปกป้องฮารุไปด้วยทำให้เขาต้องเพิ่มพลังขึ้นสองเท่า ถึงแม้เขาจะมีพลังของไฟก็จริง แต่ถ้าหากต้องปกป้องอีกคนหนึ่งไปพร้อมกัน และสู้กับอีกสองคนเขาคงต้านทานไม่ได้มาก จริงสิ เราต้องมีชีวิตรอด อย่างน้อยต้องปกป้องฮารุให้ถึง 30 นาที!!! กาเบลหันไปมองฮารุที่ตอนนี้ยืนนิ่ง นางคงตกใจมาก สีดวงตาทับทิม กับผมสีกุหลาบอ่อน ดวงหน้าที่งดงามกำลังสั่นไหว เลือดสีแดงที่เปรอะปรื้นหน้า ยิ่งทำให้เธอยิ่งหน้ามองเหมือนลูกหมาน้อยที่กำลังหวาดกลัว!!
"ให้ตายสิ นางทำให้ข้ารู้สึกอยากปกป้อง"
กาเบลบ่นกับตัวเอง แล้วใช้พลังสร้างบาเรียสีแดงเพลิงล้อมรอบตัวฮารุไว้ แล้วพุ่งเข้าไปหาไอคนที่ใช้เวทอยู่ข้างหลัง เวทย์ดิน.. น่าจะจัดการได้ไม่ยาก กาเบลสะบัดมือหนึ่งทีทำให้เกิดบอลไฟล้อมรอบที่มือ แล้วเขวี้ยงไปที่ผู้ใช้เวทดินนั้น แต่นักเวทดินตกใจตั้งท่าตั้งรับเวทนั้น แต่ยังไม่ทันที่ลูกบอลไฟจะถึงตัว กาเบลก็ย้ายร่างไปประชิดตัวของทหารคนนั้นได้ ก่อนจะใช้เวทไฟระดับที่ห้า อัดเข้ากับชุดเกราะ แรงอัดแน่นจากมวลอากาสบวกกับพลังของเวทไฟที่เป็นหนึ่งในเวทที่มีอนุภาพทำลายล้างมากที่สุด จนเกิดเสียงดังสนั่น
ตู้ม!!!!!!!
แรงระเบิดอัดส่งให้ทหารนายนั้นกระเด็นไปกระแทกกำแพง กำแพงที่เคยราบเรียบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
"โฮ่!!!!!" เสียงเชียจากผู้คนร้องขึ้นมาทันทีที่กาเบลสามารถล้ม 1 ในทหารของราชวงศ์ได้ แต่ด้วยความที่กาเบลจ้องแบ่งพลังไปเพื่อปกป้องฮารุด้วย ร่วมกับที่เขาอัดพลังใส่หารที่ใช้เวทย์ทำให้พลังเวทย์เขาเริ่มเหลือน้อยลง
"แฮ่กๆ" กาเบลเริ่มส่งเสียงด้วยความหอบเหนื่อยจากการปล่อยพลังเมื่อครู่ ถ้าหากเขาไม่อัดพลังนั่นไปทีเดียวเขาอาจจะไม่สามารถล้มทหารนั่นได้
ไม่ทันที่กาเบลจะได้ระวังตัว ทหารผู้ใช้ดาบก็เข้ามาประชิดตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้!!
'แย่แน่!!' ในระยะแค่นี้เขาไม่สามารถที่จะหลบได้แน่ ให้ตายสิพลังเวทย์แทบจะไม่เหลือแล้ว เขาไม่สามารถหนีพ้นแน่ !!!
เคร้ง!!!!!
เสียงเหล็กกระทบกัน กาเบลลืมตาขึ้นมา เบื้องหน้ามีหญิงสาวที่มีเส้นผมสีกุหลาบอ่อน คั่นกลางดาบของทหารนายนั้นไว้อยู่ ในมือของเธอมีดาบสีดำที่ฝังอัญมณีไว้
'เธอรับดาบของทหารระดับห้าได้!!'
"ข้าขอโทษที่ปล่อยให้ท่านรอ!" เสียงหวานใสดังออกมา ฮารุก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมเธอถึงวิ่งมาได้เร็วขนาดนี้ ตอนที่เธออยู่ในบาเรียที่กาเบลสร้างให้เพื่อปกป้องเธอ
'ตู้ม!!!'
เสียงดังมาจากฝั่งที่กาเบลอยู่. เธอเห็นทุกฉากที่กาเบลกำลังต่อสู้ และเธอรับรู้หด้ว่าเขากำลังหมดแรง เธอรู้สึกร้อนลนใจเป็นอย่างมาก เธอหันไปมองด้านบน มองที่แอสเคียล เขาก็มองเธออยู่เช่นกัน เธอส่งสายตาอ้อนวอนแก่เขา สายตาเขามันสื่อออกมาว่า ..ให้เธอเอาตัวรอดเอง เธอไม่สามารถขอร้องเขาได้เลย แล้วเธอก็เห็นทหารที่ใช้ดาบนั่นกำลังพุ่งไปหากาเบล เธอมองไปรอบๆ ทุกคนโดนฆ่าหมดแล้ว เธอต้องช่วยกาเบลนะ!! เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ เขาอุตส่าห์สัญญาว่าจะปกป้องเธอ เธออ่อนแอชะมัด ทำไมเธอทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ เธอก็ไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง จนพ่อแม่ของเธอต้องเดือดร้อน เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก ได้โปรด..!! ขอให้เราแข่งแกร่งขึ้นด้วยเถอะ !!
วืดด วืดดดด
เสียงเหมือนลมสวนทางกันในอากาส ปรากฏแสงสีขาววนรอบตัวฮารุ แล้วจู่ๆภาพบางอย่างก็กระแทกกระทันเข้ามาในสมอง เธอเห็นภาพของดาบ! กระบวนท่าดาบๆหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนพละร่างกายของเธอเพิ่มขึ้น ตัวของเธอเบาโหวงไร้น้ำหนัก กว่าจะทันได้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ฮารุใช้เพียงปลายเท้าแตะที่พื้น แค่เพียงเสี้ยววิ ก่อนที่ดาบของทหารนายนั้นจะถึงตัวกาเบล เธอก็ไปถึงตัวกาเบล เธอไม่รู้ที่นำดาบมาจากไหนเข้ารับการโจมตีของทหารนั้น !
เคร้ง!! เสียงดาบกระทบกัน ฮารุไม่รอช้า เธอใช้ดาบฟันฟาดฟันเข้าไปที่ทหารนั้น พวกเขาสองคนสู้ได้อย่างสูสี แอสเคียลที่เห็นเหตุการณ์นั้นก็ลุกขึ้นมา!!
พรึบ!
'นั่นมัน!! ทำไมนางถึงใช้ท่านั้นได้'
เพลงดาบที่ฮารุใช้มันเหมือนกับของเขา และมีแค่เขาคนเดียวที่ใช้ได้ เพราะอาจารย์ของเขาเป็นคนสอนเขาเพียงคนเดียว ทำไมเธอถึงรู้ได้ละ นี่มันหมายความว่าไง...? ถึงแม้ท่าทางของเธอจะยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก แต่มันก็คล้ายคลึงอย่างมาก
เคร้ง เคร้ง
ฮารุที่ตอนนี้กำลังเป็นฝ่ายตั้งรับ เธอรู้สึกเหมือนข้อมือจะหักให้ได้ ท่าดาบนี่มันอะไรกัน รุนแรงจนสามารถที่จะทำให้ไหล่เธอหลุด เธอยังไม่มีกำลังมากพอที่จะใช้ท่านี้ แต่สิ่งที่เธอจำได้เธอทำได้แค่เพียงท่าพวกนี้ ไม่รู้ว่าเธอไปจำมาจากไหน แต่ร่างกายของเธอมันขยับไปเอง!
ฉึก!!
"กรี๊ดดดดดดดด"ฮารุที่ไม่สามารถต้านทานพละกำลังของอีกฝ่ายได้ ทำให้ดาบโดนฟาดกระเด็กออกจากมือไป ปลายดาบของทหารฟาดผ่านไหล่ของเธอ ทำให้เกิดรอยดาบเป็นทางยาว เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลอย่างมาก
กลิ่นเลือดที่ออกมาทำให้ไอเจ้าทหารหยุดชะงักไปกับกลิ่นนั้น
"กลิ่นเหมือนมนุษย์!!!" ทหารได้กลิ่นนั้น เขาเลียเลือดที่ดาบ ตึกตัก
'อะไรกันทำไมข้ารู้สึกเหมือนมีพละกำลังมากขึ้น!!' ไม่รอช้าเขารีบเดินเข้ามาใกล้ฮารุมากขึ้น ก่อนที่เขาจะเงื้อดาบหวังจะฟันธอให้ตาย! เธอไม่รอดแล้วแน่ๆ !!!!
"เฮ้!!! เห้ย!!! ท่าน 0.0!!!!!!!!" เสียงเชียงมี่แซ่ส่อง หวังให้เธอโดนฟัน และก่อนที่ดาบจะฟันลงมา
พรึบ เงาๆหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าของเธอคั้นดาบนั้นไว้ เอ้ะไม่เจ็บเลยนี่หว่า นี่เธอรอดแล้วหรอ ..
..กลิ่นกุหลาบ..
ฮารุค่อยๆลืมตาขึ้นมา คนที่อยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่ใครที่ไหน..
"แอสเคียล.."
"เจ้าเป็นใครถึงพูดชื่อข้าออกมาแบบนั้น"
เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาก็รับดาบนั้นได้อย่างง่ายดาย เหมือนมีออร่ารอบมือของเขาดันดาบนั้นไว้
ก่อนจะสะบัดมือเพียงนิดเดียว ร่างของทหารนั่นก็เหมือนโดนดูดเข้มไปในอากาส ร่างสูงโปร่งที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเทียบกับเธอแล้วเธออยู่เพียงระดับหน้าอกเขาเอง ร่างของเขาบังเธอมิดจนเงาของเขาทับร่างของเธอได้หมด ไหล่กว้างดูแข็งแกร่ง แต่ใบหน้ายังคงนิ่งเรียบ สายตาที่มองมาก็ยังคงเย็นชา ไม่อาจรับรู้ความคิดของเขาได้เลย...
เกิดความเงียบขึ้นใน เอมิเรตส์..
"ขะ ขอโทษ"
เขายังไม่พูดอะไร แต่ก้มลงไปมองบาดแผลที่ไหล่ของเธอ เขานิ่งไปสักพัก แล้วสิ่งที่ไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้น
"อ้ะ!!"
ฟึบ! ฮารุโดนดึงตัวเข้าไปใกล้ เธอรู้สึกเย็นวาบและชื่นแฉะที่แผลของเธอ
เขากำลังเลียที่แผลของเธอ !!!!! ปลายลิ้นที่เขาใช้สัมผัสที่แผลของเธอ มันเจ็บมาก แต่ขณะเดียวกันเธอกลับรู้สึกปั่นป่วนไปทั้วท้อง สัมผัสที่อ่อนนุ่มที่เล็มไปทั่วทั้งแผลของเธอ ทำให้เธอแทบหมดแรงแล้วล้มลงไป แอสเคียลกระชับอ้อมแขนที่โอบเธอไว้ให้แน่นขึ้น เพราะเธอเหมือนจะล้มลงไปจากการกระทำของเขา..
"อืม.. อร่อย" ขณะที่พูดออกมาแต่ปากก็ยังไม่ผละจากไหล่เธอ แต่เขากลับเพิ่มความหนักหน่วงของริมฝีปากและปลายลิ้นลงไปอีก
"อื้ออ..!" เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขากลืนกิน!!
"ตึกตักตึกตัก >////<" ทั้งๆเราควรที่จะผลักเขา แต่เรากลับไม่ทำ เรากลับรู้สึกหวั่นไหวที่ใจ อร๊างงงงงง ใจจะวายยย ไม่น้าาา
เมื่อเขาชิมจนพอใจแล้วเขาก็ค่อยๆถอนใบหน้าออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สายตาที่มองเธอทำให้เธอยิ่งสั่นไหว แอสเคียลเลียฝีปากของตัวเอง แล้วมองบาดแผลของเธอที่ค่อยๆสมานลง
"เจ้าไปเรียนดาบนั้นมาจากไหน"
"ฉะ ฉะ ฉันไม่รู้ มันเป็นไปเอง @///@" อ้ายยยย มีสติสิยะ!! หางที่โดนเขาติดตัวไว้ กำลังสั่นพับๆๆอย่างแรง น่าอายชะมัด !!!! ทำไมเขาทำอะไรแบบนี้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยนะ ยังทำหน้าตายอยู่ได้ แว้ดๆๆๆๆ!!
"หึ" เขายิ้มอะไรอะ ทำไมยิ้มชั่วรเาย แต่หล่อลากไส้แบบนี้ TT!!! รู้สึกพ่ายแพ้
"ทะ ท่าน ทำบ้าอะไรนะหะ มาเลียคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!!!"
"ต่อไปนี้ เจ้าต้องมาอยู่ข้างข้า" พูดจบก็หันไปหาทุกคนที่ตอนนี้กำลังอึ้งตาแตกเป็นไข่นกกระทา
"งานวันนี้จบแค่นี้!!! เราได้ผู้ชนะสองคน"
"ฮะ เฮ่\~!" ทุกคนที่อยู่ในความงงงวย แต่ก็ยังโห่ร้องเฮ่ ด้วยความงงวยเช่นกัน - -!
ฟรึบ!
"นี่!!! ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ!!!" ดิ้นๆ << ฉันที่ตกใจ ที่อยู่ๆเขาก็อุ้มฉันพาดบ่าได้อย่างง่ายดาย เหมือนฉันเป็นสัตว์ไม่ใช่คน!!
"เจ้าเป็นสัตว์ของข้า มาเถอะข้าจะเลี้ยงเจ้าอย่างดี"
"ม้ายยยย!! 8#''#€%78#¥" ฉันที่ไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย ทำได้แค่ดิ้นพลักๆอยู่บนบ่าของเขา ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาเธอมักจะสั่นไหวตลอด รวมถึงหลงไปกับกลิ่นกุหลาบที่ติดตัวเขาอยู่..
ทางด้านกาเบล
ภาพเบื้องหน้าเป็นอะไรที่น่าตกใจสำหรับเขามาก ไม่คิดเลยว่าชายผู้เป็นเหนือกว่าปีศาจทุกตน จะเข้ามาช่วยปีศาจจิ้งจอกสาวน้อยนี้ แถมยังฆ่าทหารนายนั้นทันที เขาเห็นว่าทหารตนนั้นเลียเลือดที่ดาบ แล้วตาก็ลุกวาวรีบพุ่งไปหาฮารุทันที แล้วยังเรื่องที่ฝ่าบาทเลียเลือดจากบาดแผลของเธอเพื่อให้ ผลสมานนั้นอีก ทั้งๆที่มีวิธีอื่นตั้งมากมายที่จะช่วยทำให้แผลหายไป.. และเขาไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจา.. เทบิต้า หรือเขาจะสนใจนาง
ก่อนที่แอสเคียลจะเดินออกไป เขาหันมาหากาเบลด้วยสายตากดดัน
"จำไว้เจ้าอย่าทำพลาดอีก"
"ขอรับ ราชาของข้า"
กาเบลก้มลงทำท่าเคารพของทหาร ที่จริงแล้วเขาเป็น 1 ในองค์รักษ์ของราชา ที่ได้ไปทำภารกิจตามล่า อารอน พี่ชายต่างมารดาของแอสเคียล ที่ทำการกบฎแล้วหนีหายไปกบดาลที่พื้นที่ของสวรรค์ แต่เขาได้ทำพลาด ไม่สามารถที่จะจับผู้ชายคนนั้นได้ หรือแม้แต่กองกำลังของเขา ผู้ชายคนนั้นจะต้องมีคนที่คอยช่วยเหลือที่มีอำนาจมากพอหนุนหลังอยู่แน่ๆ..
กาเบลมองราชาของเขาที่ตอนนี้มี หญิงสาวปีศาจจิ้งจอกพาดอยู่ที่ไหล่ที่ดิ้นจนเหมือนจะหมดแรงและกำลังเดินไปที่เวทย์แหวนที่สามารถเทเลพอตไปที่ไหนก็ได้ในบานาบัส ผู้ที่จะสามารถใช้ได้ก็แค่ราชาเท่านั้น..!
แฮกๆ อ้ารู้สึกร้อน เหงื่อแตกพลัก รู้สึกปวดเหมือนร่างกายจะขาด รู้สึกหนักอึ้งจนขยับเปลือกตาไม่ได้สความร้อนที่สัมผัสอยู่บริเวณหน้าอก รู้สึกเหมือนจะตายอยู่แล้ว!
"เหมือนนางจะไม่สบายนะเพคะ ให้หม่อนฉันพาไป..." เสียงใครสักคนพูดอยู่ข้างหู
"นางคงยังไม่ชิน ออกไป ให้นางพักผ่อน"
อืมม.. เสียงไอหัวหมึกนี่นา ไม่ชินอะไรหนะ ? อื้อ เสียงดังจริงเชียวคนอยากจะนอน
"เอ่อ.. แต่ว่านี่มันห้องของท่าน" หัวหน้าแม่บ้านต้องตกใจกับสายตาที่ทิ่มแทงมา เพราะเธอกำลังขัดคำสั่งองค์ราชา
"ถ้างั้นหม่อนฉันขอตัวเพคะ" แม่บ้านถอยตัวไปแล้วก้มหัวทำความเคารพก่อนจะเดินออกไป
ปึง เสียงประตูปิดลง..
แอสเคียลเดินมาอยู่ตรงขอบเตียง สายตาทอดมองไปที่หญิงสาวผมสีเหมือนท้องฟ้ายามเย็น สีที่มองแล้วรู้สึกสบายตาเฉกเช่นกับสีดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาที่มีขนตางามงอนเป็นแพ ดวงหน้าสะอาดหมดจดหลังจากที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว เธอก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่น่าพึงพอใจคนหนึ่ง หึ แต่ก็น้อยกว่านางผู้นั้นละนะ
แอสเคียลยิ้มที่มุมปาก แล้วนั่งลงข้างๆตัวของฮารุ
เขานึกถึการประลองในสนาม เธอส่งสายตาขอความช่วยเขาครั้งหนึ่งตอนที่กาเบลกำลังจะโดนโจมตี นางผู้นี้ช่างกล้าเสียจริง นางกล้าสบตาข้าและขอความช่วยเหลือจากข้า ในขณะที่คนอื่นมักก้มหัวให้ข้า รอแต่รับฟังคำสั่งจากข้า ไม่เคยมีใครกล้ามองตาเขาแล้วไม่นึกหวาดกลัว
เสี้ยววินาทีนั้น ข้าก็นึกอยากจะรู้เสียจริงว่านางจะทำยังไง จึงไม่ได้ตอบรับคำขอของนาง พริบตานั้นสีหน้าที่หวาดกลัวกลับปรากฏขึ้นบนหน้าของนาง เขานึกว่านางจะยอมถอยเพราะรู้ว่านางไม่น่าจะมีพละกำลังพอไปสู้กับเหล่าทหารของเขาได้ แต่เขาคิดผิด.. เป็นครั้งแรกที่สิ่งนี้อยู่นอกเหนือการวิเคราะห์ของเขา
นางกลับรีบไปรับดาบนั้นอย่างไม่ลังเล ถึงแม้แววตาจะยังหวาดกลัว แต่ก็มีความกล้าหาญ เขาไม่อยากจะยอมรับก็จริง แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่น่าสนใจซะทีเดียว..
ยามนี้นางต้องอยู่ในร่างของปีศาจจิ้งจอก หางยาวกับหูสีขาวก็ทำให้นางดูน่าถนุถนอมอยู่บ้าง ยิ่งในตอนหลับและไม่พูดอะไรขึ้นมานี่ก็ดูดีกว่าตอนพูดมากเสียอีก
แอสเคียลเอามือไปแนบอิงกับหน้าผากของเธอ แล้วใช้พลังของเขาเพื่อลดความร้อนระอุภายในร่างกายของฮารุ อาจจะเพราะเธอไม่เคยใช้เวทมนต์มาก่อนการใช้มันอย่างกระทันทำให้กระแสเวทมนต์ข้างในปั่นป่วน
ใบหน้าของฮารุค่อยๆเริ่มผ่อนคลายลง แอสเคียลเฝ้าฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ จนมั่นใจว่า เธอคงสบายตัวขึ้นบ้างแล้ว และแต่ตอนนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำต่ออีก ปล่อยให้นางนอนอยู่ที่นี่ไปก่อน รอนางฟื้นดีค่อยจัดการตอนนี้เขาต้องไปจัดการกับหนึ่งในคนที่รอดมาได้จากการประลอง กาเบล องค์รักษ์ของเขา
หมับ! ฟรึบ!
จังหวะที่เขากำลังจะลุกออกไป แขนของเขาโดนกระฉากจากข้างหลังกระตุก ทำให้เขาที่ไม่ทันระวังตัวเสียหลักล้มลง ..!!! ร่างหนาๆของแอสเคียลล้มทับใส่ร่างบาง ร่างบางที่อยู่ใต้ร่างเขาตอนนี้กำลังหลับไม่รู้เรื่อง ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันไม่ถึงคืบ และได้ยินแม้กระทั้งเสียงหายใจชัดเจน เขารู้สึกปั่นป่วนนิดหน่อย ถ้ามีใครมาเห็นเขากับนางในสภาพแบบนี้ต้องคิดไปไกลกันแน่!
"เคียล ฮึก..!อย่าเป็นอะไรไปนะ ข้าขอโทษ ฮืออ อ ขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้.."
ร่างบางข้างใต้นี่กำลังสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างหนัก เขาเห็นน้ำตาของนางไหลออกมาเป็นสาย น้ำเสียงสะอึกสะอื้นฟังแทบไม่เป็นศัพท์ เธอเรียกเขาว่าเคียล เฉยๆ ตอนแรกก็เรียกชื่อเขาห้วนๆ ตอนนี้ยังเรียกเหมือนสนิทกันมาก แต่เสียงที่เธอเรียกชื่อเขามันดูเจ็บปวดเหลือเกิน แม้แต่เขาก็ยังรับรู้ได้
'เจ้าฝันถึงข้าว่ายังไงนะ'
แอสเคียลได้แต่นึกสงสัย เขาไม่อาจจะเข้าใจความเจ็บปวดของนางที่เป็นเพราะเขาได้เลย เพราะตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ที่แม่ของเขายอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขาไว้จากราชาที่โหดเหี้ยม ซึ่งก็คือคนที่เขาเรียกว่าพ่อ มันทำให้เขาไม่กล้าจะเชื่อใคร หรือแม้แต่จะพยายามเข้าใจใคร เขามันตัวโชคร้าย ที่ทำให้แม่ของตัวเองต้องตายเพียงเพราะเขาดื้อดึงจะฝึกเวทมนต์ พวกมันกลัวคำทำนายที่เกี่ยวกับตัวเขา ที่บอกว่า สักวันเขาจะแข็งแกร่งเหนือพวกมัน พวกมันทำอะไรเขาไม่ได้ จึงหันไปทำร้ายแม่เขาแทน
เจ็บใจนัก!! แม่ปกป้องเขาเพราะเขามันอ่อนแอ แม่ยอมเสียสละวิญญาณตัวเองปกป้องเขาและสาปแช่งพวกมัน ตอนนี้พวกมันก็ได้รับผลของการสาปแช่งนั้นแล้ว เพราะเขาเป็นคนทำให้มันเป็นจริงเอง!! หลังจากใช้เวลาอยู่นานหลายปี ในที่สุดเขาก็ยึดบรรลังก์ได้ และฆ่าพวกมันทั้งหมด
จากนั้นมาก็มีแต่คนหวาดกลัวข้า และอีกพวกคือพวกประจบสอพลอ ไม่มีใครจริงใจกับข้าสักคน ทุกครั้งที่ได้ยินความคิดของพวกมัน มันทำให้ข้าอยากจะฆ่ามันให้ตายทั้งหมด ไอพวกโสโครก แต่ข้าก็ยังต้องใช้งานพวกมัน พอมาเห็นนางร้องไห้เพราะข้าแบบนี้ ข้ายิ่งไม่เข้าใจเลย.. แต่ก็..
"ขอบใจเจ้า" รอยยิ้มเล็กน้อยระบายบนใบหน้าของแอสเคียล เขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขายิ้มออกมาจากใจจริง
สถานที่สีเขียวขจี สวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ ทะเลสาบที่ส่องแสงระยิบระยับยามแสงแดดส่องกระทบผืนน้ำ กลิ่นที่คุ้นเคย
"แฮกๆๆ ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย" ไดซี่ตอนอายุ 10 ปี ที่กำลังวิ่งหนีหมาสองหัว ไอหมาเลี้ยงไม่เชื่อง TT เธอหันไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงต้นไม้นั้น เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเธอ เขาหันมามองด้วยสายตกใจ และตื่นตระหนก
"ไดซี่ มาทางนี้" เขารู้จักชื่อเรา เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขา อีกนิดนึงก็จะโดนงับแล้วนะ ! ช่วยด้วยยยยยย
พรึบ! เธอรู้สึกเหมือนโดนโอบอุ้มด้วยบางอย่าง เธอกำลังลอยอยู่บนอากาส แล้วลูกบอลที่หุ้มฉันไว้ก็เคลื่อนที่อย่างเร็วไปหาเจ้าของผู้ที่ใช้มัน
เธอหันไปมองผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอ เขามีเป็นเจ้าของผมสีดำกับดวงตาสีเงิน องค์ชายแอสเคียล เขาอายุมากกว่าเธอ 3 ปี แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ดูหล่อเหลาไม่สมวัย คงเป็นเพราะมารดาของพระองค์เป็นถึงธิดาของสวรรค์ที่ดันต้องมาเป็นเครื่องบรรณาการของราชสปีศาจของที่นี่
เขาจำชื่อเราได้ด้วย //
แอสเคียลคลายมนต์ลง แล้วเดินเข้ามาหาเด็กสาว "เจ้าไม่เป็นไรนะ"
สายตาที่อ่อนโยนที่มองลงมาทำให้ไดซี่พูดไม่ออก
"เจ้าเป็นใบ้หรอ ฮ่าๆ" ใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอถามด้วยความสงสัย แล้วยิ้มหัวเรอะเล็กน้อย อ้ากกกก0.,0 ไดซี่ที่กำลังทึ่งกับความงามเหมือนรูปปั้นนี้จึงไม่ได้ตอบอะไรไปเลยสักคำ
"ฮ่าๆ ทำไมเจ้าทำหน้าตลกแบบนั้น"
"อะ เอ่อ \~// พระองค์รู้จักหม่อนฉันหรอเพคะ"
"เจ้าคือ ธิดาของท่านรามัสกับท่านมาเอลเล่ของอณาจักรวิญญาณสีขาว ข้ารู้เพราะคนที่จะมีเข้ามาภายในนี้ได้โดยไม่ต้องรับอนุญาต กับสีดวงตาที่เป็นเอกลักษณ์ และชุดของเจ้ามันบ่งบอกว่าเจ้าเป็นคนฝั่งนั้น มันก็ทำให้ข้าเดาได้ไม่ยาก ^^ " หล่อแล้วยังฉลาดอีก !!
"แอสเคียล"
เสียงกังวานใสดังมาจากข้างหลังของไดซี่ นางคือเทบิต้า ผมสีทองสยายนุ่มน่าสัมผัสถูกมัดรวมไว้เป็นหางม้า ศรีษะถูกประดับไปด้วยเครื่องตกแต่งสวยงาม ใบหน้าขาวอมชมพูรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู ดวงตาสีม่วงที่มีเสน่ห์ อ้ายยยย สวยเว่ออออ แสบตาาาาา []!!!!
"เทบิต้า เจ้ามาหาข้าหรอ^^"
"เพคะ องค์ชาย" กริยางดงามสมกับเป็นธิดาสวรรค์TT
"ไปเถิด ข้ารอเจ้าจนหิวแล้ว"
"เพคะ"
องค์ชายทันทีที่ได้ยินเสียงเทบิต้าก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหานางทันที เดินผ่านไดซี่ไปโดยไม่สนใจเลยสักนิด เทบิต้าหันมาทำความเคารพเธอเล็กน้อย แล้วเดินไปพร้อมกับแอสเคียล ไดซี่ทำได้แค่ลอบมองพวกเขาเดินจากไปด้วยกัน เธอเห็นเขายิ้มให้นางแบบอบอุ่นมากๆเลย
เธอได้ยินเรื่องพวกนี้มาตลอด ว่าองค์ชายแอสเคียลมักจะไปไหนมาไหนกับธิดาเทบิต้า เทบิต้าเป็นคนที่จิตใจดี คอยช่วยเหลือแอสเคียล เพราะที่นี่แอสเคียลก็นับว่าเป็นเชลยคนหนึ่งอยู่ดี แถมคำทำนาย..จากหอระฆังสวรรค์
เขาเป็นเด็กที่จะเติบโตขึ้นเป็นใหญ่เหนือสามโลก และด้วยเหตุนั้น
ตอนที่แอสเคียลอายุได้ 18 ปี เหตุการณ์ที่เลวร้ายก็เริ่มต้นขึ้น
เธอที่หลงรักเขาตั้งแต่ตอนนั้น ได้ขอท่านพ่อท่านแม่ให้ได้มาอยู่ข้างเขาในฐานะแขกของอณาจักรที่มาศึกษาเวทมนต์และพืชพรรณต่างๆในโลกปีศาจ
ตอนแรกท่านพ่อท่านแม่ค้านอย่างมากแต่สุดท้ายก็ยอมให้ฉันมาเพราะฉันขู่ว่าจะ หนีลงไปโลกมนุษย์ และทำลายโลกให้สิ้นซาก -[]-!! แต่ก่อนดื้อมาก
ในที่สุดเธอก็ได้มีโอกาสอยู่ข้างเขา แต่เขาไม่สนใจฉันเลย เหมือนเขาจะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นฉันที่พยายามเข้าหาเขาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องประสบความล้มเหลว
"องค์ชายเพคะ ชา"
"องค์ชายเพคะ ข้าไม่เข้าใจส่วนผสมนี้"
"องค์ชายเพคะ อาหารที่นี่ไม่ถูกปากข้าเลย" ตอนกินข้าวด้วยกันครั้งแรก แล้วต้องการเรียกร้องความสนใจ
"องค์ชายเพคะ!!!" แต่เขาก็ไม่เคยสนใจข้าเลย ToT!! ทุกๆวันเขาหลังจากเขาฝึกซ้อมเสร็จ เขาก็มักจะไปหาเทบิต้าเสมอทั้งๆที่นางไม่เคยหันมองท่านเลย ข้าก็สวยกว่านางและมีดวงตาที่ทุกคนอยากได้ ทำไมเขาไม่สนใจข้ากัน!!!
จากนั้นข้าก็เหมือนถลำลึกไปกับความริษยา พยายามหาวิธีที่จะเข้าหาเขาทุกวิถีทาง และบางครั้งก็แอบไปใส่ร้ายเทบิต้าต่างๆนาๆ ทำให้แอสเคียลเริ่มไม่พอใจข้า ข้ายิ่งกลายเป็นบุคคลไร้ตัวตนสำหรับเขา
"องค์.." ไม่ทันที่ข้าจะได้พูดจบ เขาก็เดินผ่านไป ข้ากลายเป็นคนไร้ตัวตนสำหรับเขาโดยสมบูรณ์ข้ารู้สึกเจ็บช้ำจนอยากจะฆ่านังนั่นให้ตายๆไปซะ!
จนวันหนึ่งแอสเคียลได้ไปยินเกี่ยวกับคำทำนาย เขาเริ่มมีจิตใจที่ดำมืด เพราะมองว่าทุกคนเห็นแก่ตัว กลัวเสียอำนาจ แอสเคียลจึงเริ่มแอบไปเรียนดาป และเวทมนตร์ด้วยตัวเองนับจากวันนั้นมา การกระทำนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของราชาไปได้ มีคนไปฟ้องราชา
และเธอรับรู้เหตุการณ์ทุกอย่าง แต่เธอไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้มาก เธอมักจะเอาดอกไม้ไปให้เขาโดยฝากยามไป มันจะทำให้เขาผ่อนคลาย เธอไปขอร้องให้ท่านพ่อช่วยเขา จนท่านพ่อยอมลงมาช่วย
แต่ถึงอย่างนั้น แอสเคียลก็โดนลงโทษอย่างหนัก ข้าเป็นคนเฝ้าดูแลเขาตอนที่เขาไม่สบาย แต่พอเขาตื่นมาเขากลับถามหา เทบิต้าเป็นคนแรก ข้าโกรธมากและตวาดใส่เขาไป
"นางเคยไปเยี่ยมท่านที่คุกนั้นกี่ครั้งกัน!!!!"
"นางบอกข้าว่ากำลังช่วยข้า!!"
"วันนี้ที่ท่านออกมาได้ ไม่ใช่เพราะนางแต่เป็นเพราะข้าช่วยท่าน!!!!!"
"เจ้าคิดจะทวงบุญคุณกับข้ารึไง!"
"ไม่ใช่นะ!!!" ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้
"เจ้ามันช่างหน้าไม่อาย เจ้าพยายามเข้าหาข้า โดยไม่สนวิธีเจ้าใส่ร้ายเทบิต้า ทำร้ายคนในวังเพราะเข้าใกล้ข้า คิดว่าข้าไม่รู้รึไง!!!!!"
"ท่านก็สนใจข้าบ้างสิ!!!" ฮึก.. น้ำตากำลังเริ่มไหล
"จำไว้ ข้าไม่มีวันสนใจผู้หญิงแบบเจ้า เจ้ามันน่ารังเกียจ!! เจ้าเทียบกับเทบิต้าไม่ได้หรอก!"
อึก.. คำพูดใจดำที่ทิ่มแทง มันทำให้ข้าใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
"นางไม่ได้รักเจ้าตาสว่างสักที!!! มองที่ข้าสิ มองที่ข้าบ้างสิ ข้ารักเจ้า!!!"
"เจ้าออกไปซะ ข้าไม่ได้รักเจ้าและไม่คิดจะรักเจ้า ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!" เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าข้าด้วยซ้ำ
'นางไม่เคยมาอยู่ข้างเจ้าเลยนะ... เป็นข้าต่างหากที่คอยอยู่ข้างเจ้า'
ไดซี่วิ่งหนีออกมาจากห้อง ใจที่เจ็บช้ำจนอยากจะระบายออกมาให้หมดในวันนี้ ไดซี่วิ่งตรงไปที่ห้องของเทบิต้าทันที
'นังสารเลว'
เพี๊ยะ!! เธอง้างมือตบนางไปฉาดใหญ่
"ทำไมต้องเป็นเจ้า!!" เทบิต้า สะอึดสะอื้นด้วยความงงกับเจ็บ
"องค์หญิงทรงพูดอะไรเพคะ!"
"ทำไมเขาถึงต้องรักเจ้า!!!"
"...!!?"
"ถ้าไม่มีเจ้าอยู่เขาก็จะมองมาที่ข้า ใช่ไหม" เหมือนไดซี่กำลังพูดอยู่คนเดียว ตอนนี้นางได้สติหลุดไปแล้วข้าหลวงที่อยู่ตรงนั้นได้รีบร้อนลนเข้ามาห้ามนาง แต่ทุกคนก็โดนนางใช้พลังกระเด็นกระอักเลือดติดกำแพง
เทบิต้าที่เห็นแบบนั้นก็เกิดความกลัวขึ้นมา "องค์หญิงได้โปรดสงบสติอารมณ์ก่อนเพคะ!!"
"กรี๊ดดดดดดด !!" ตอนนี้พูดอะไรไดซี่ก็คงไม่ได้ยิน เธอกระชากผมของเทบิต้ายังแรงก่อนจะตบหน้าอีกรอบ แล้วใช้มือบีบคอเธอดึงเธอขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียว ก่อนเหวี่ยงเธอลงพื้นอย่างแรง
"ปึง!!! อั๊ก" เทบิต้าร้องอย่างน่าสงสาร ไดซี่ที่ไม่มีสติแล้วกำลังจะใช้เวทอมนต์ที่น่ากลัวที่สุด และก่อนที่เธอจะได้ใช้มัน แอสเคียลก็พุ่งเข้ามาเสียก่อน
"หยุดนะ ไดซี่!!!!!!!!!!!"
สติกลับมาอีกครั้ง เธออึ้งงันกับสิ่งที่เธอทำลงไป เธอมองไปที่เขา ด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาที่กำลังใช้ร่างกายบังเทบิต้าไว้อยู่ ...
"แอสเคียล"
"อย่ามาเรียกชื่อข้า ด้วยปากที่น่ารังเกียจของเจ้า เจ้าทำร้ายนางเจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง!!!"
แอสเคียลโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะใช้พลังผลักไดซี่จนกระอักเลือดออกมากองใหญ่ แล้วอุ้มร่างที่สลบสไลของเทบิต้าออกไป ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง...
"ฮึก ฮือออออ ทำไมเพคะ..? ทำไม... ทำไมพระองค์ถึง รักหม่อนฉันบ้างไม่ได้..." ปากซีดที่มีเลือดไหลมุมปากเอ่ยเสียงแผ่วเบ่า
...เธอกำลังนึกถึงวันแรกที่เธอเจอกับเขา เขาช่างอบอุ่น..
เธอมักเฝ้าคอยเขาทำงานอยู่หน้าประตู เธอที่คอยทำของที่เขาชอบ และมักจะดีใจทุกครั้งที่เขายอมกินอาหารของเธอ ..ถึงเขาจะไม่พูดอะไร
เธอที่มักแอบไปอยู่ให้กำลังใจเขาตอนเขาฝึกซ้อม เธอที่คอยดูแลสวนที่เขารัก
เธอที่มักจะแอบเอาดอกไม้ที่เธอปลูกขึ้นมาเองเพื่อเขา เพราะได้ยินว่าเขามักฝันร้าย
เธอที่คอยเดินตามเขาอยู่ห่างๆ... แต่สำหรับเขา.. เขาไม่เคยมองเห็นเลย ในสายตาของเขามีแต่เธอคนนั้นเสมอ เมื่อไหร่เธอจะสามารถเป็นแสงสว่างในใจของเขาได้อย่างเธอผู้นั้นบ้าง..?
ก่อนที่สติจะเริ่มดำดิ่งลงสู่ความมืด
'เจ้าอยากกำจัดมันไหม'
เสียงหนึ่งกระซิบอยู่ในสมอง มันเหมือนมนต์สะกดที่สะกดจิตใจที่บอบช้ำ หัวใจที่บอบช้ำและความเคียดแค้นทำให้ความดีความยุติธรรมต่างๆหายไป!
'กำจัดมันไปให้ข้าที'
น้ำตาที่ล้นออกมาจากดวงตาสีทับทิม เหมือนมีแต่ความว่างเปล่าอยู่ในดวงตา เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เอามันออกไปจากชีวิตข้าที!!!
'นำดวงตาของเจ้าให้ข้าสิ ข้าช่วยเจ้าได้'
ไวกว่าความคิดความเจ็บปวดอย่างมากมายเกิดที่ดวงตา เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรโดนดึงออกไปมันช่างทรมาน!!!!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด"
ในขณะเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบไป เทพรามัสไม่พอใจเป็นอย่างมากที่รับรู้ข่าวว่าลูกสาวผู้เป็นที่รักโดนทำร้าย ละเสียดวงตาไป
"แอสเคียลเจ้าทำร้ายลูกข้า!!! ข้าขอตัดขาดจากอณาจักรนี่อย่างถาวร!!!"
รามัสท่านพ่อของไดซี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธสุดขีด
" ลูกสาวข้าทำเพื่อเจ้ามากมาย แต่เจ้ากลับมาทำร้ายลูกสาวข้า อย่าหวังว่าข้าจะช่วยอะไรเจ้าอีกเลย!!!!! "
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้น มันเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากการมีปัญหากับท่านรามัส ทำให้ราชาปีศาจไม่ชอบใจมาก บวกกับคำว่าร้ายจากมเหสีว่าแอสเคียลอยากแย่งชิงบันลังค์ของเขา ทำให้ราชาตัดสินใจจะประหารพระเอก โดยไม่สนคำค้านของพ่อข้าเลยทำให้แม่ของแอสเคียลต้องมาช่วย และนางได้สละชีวิตของตัวเองปกป้องและได้กล่าวคำสาปไว้ให้ในราชวังแห่งนี้ ว่าทุกชีวิตจะต้องสูญสิ้นเหลือเพียงแต่บุตรของข้า.... และได้ตายไป
ด้วยคำสาปร้ายทำให้เริ่มเหมือนคำทำนายขึ้นทุกที สวรรค์และนรกจึงร่วมใจกันขังพระเอกไว้ และเทบิต้าผู้หญิงคนเดียวที่เขาไว้ใจ กลับไม่อยู่ข้างกายเขา และกำลังจะอภิเษกกับเจ้าชายของสวรรค์
แอสเคียลที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไปทำให้เขาสติแตกและได้กลายเป็นปีศาจร้าย
ดวงตาที่โดนขโมยไป โดยการร่วมมือของเผ่าสวรรค์กับปีศาจเพื่อนำไปเป็นอาวุธในการทำลายแอสเคียล ไดซี่รู้เสียใจมาก นางไม่ได้คิดอยากจะฆ่าเขา แม้แต่ตอนที่เขาทำร้ายเธอเกือบตาย เธอก็ไม่คิดจะเกลียดเขา..
ไดซี่วิ่งไปบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเลือด เธอหนีออกมาจากวังของเธอ
เธอควานหาร่างๆหนึ่งจากพันกว่าร่าง ที่นอนอย่างไร้วิญญาณ มือเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและเศษชิ้นเนื้อ เธอคลำหาเขาอยู่นานหลายชั่วโมง ถึงเธอจะมองไม่เห็นแต่เธอก็พยายามหาเขา ในที่สุดเธอก็สัมผัสได้ถึงปีศาจตนหนึ่งรูปร่างมันใหญ่โต มีผิวกร้านหยาบที่ปกคลุมไปด้วยเกร็ด ปีศาจตนนี่มีเขาที่หัว และกำลังมันหายใจรัวริน เธอสัมผัสได้ถึงบาดแผลเต็มไปทั้งตัว และแผลที่ใหญ่ที่สุดตรงที่หน้าอกที่มีดาบปักอยู่ ไดซี่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดวงตา และ..กลิ่นกุหลาย
'..แอสเคียล!!'
เธอตะเกียดตะกายไปข้างกายเขา มือสัมผัสกับใบหน้าที่คลุมไปด้วยเกร็ดแข็ง ดวงใจของข้า ...เธอร้องไห้ออกมา
"ฮึก ฮือออ ฮึก ข้าขอโทษ ฮึก โฮ!!" ไม่ไหวแล้วเธอเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ
"เคียล ฮึก..!อย่าเป็นอะไรไปนะ ข้าขอโทษ ฮืออ อ ขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้.."
"ฮึก ต่อจากนี้ข้าจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้า! ข้าจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับเจ้า! ขอเพียงแค่ได้อยู่ข้างเจ้า เพราะข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้านะ ได้โปรดกลับมาเถิด!!! ข้า.. ข้าจะ...ไม่รักเจ้าอีกแล้ว ฮืออ " เสียงร้องที่น่าเวทนาของหญิงสาว
วิ้งวิ้ง..
..เกิดแสงสีขาวอบอุ่นโอบอ้อมร่างทั้งสองไว้ เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังค่อยๆสลายหายไปในอากาสอย่างเชื่องช้า เธอยังคงกอดเขาไว้ เพราะกลัวเหลือเกินกลัวจะจดจำอ้อมกอดนี้ไม่ได้อีกร่างเล็กๆเรือนผมสีเหมือนแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังโอบกอดแอสดคียลในร่างปีศาจไว้ นางกำลังหายไป นางยอมสละตัวเองเหมือนเช่นแม่ของเขา เพื่อให้เขามีชีวิตอีกครั้ง แล้วสติของเธอก็พลันวูบไป
..วินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนหายไป
แอสเคียลลืมตาขึ้นมา.. แสงอบอุ่นรอบตัวเขา เขารู้สึกเหมือนถูกปลอบประโลมจิตใจ เบื้องหน้าเบาเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเธอหลับตาพริ้ม เขาได้ยินทุกอย่างที่เธอพูด.. คราบน้ำตายังคงไหลอยู่เต็มแก้ม เธอผู้ที่เขาไม่เคยสนใจเลย ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้... ทำไมเจ้าถึงเจ็บปวดถึงเพียงนั้นใบหน้าที่ข้าเกลียดชัง การกระทำที่ข้าไม่ชอบใจ ทุกครั้งที่ข้าผลักไสเจ้า ทำร้ายเจ้า ว่าร้ายเจ้า.. ใยเจ้ายังยิ้มให้ข้าเช่นนี้ร้องไห้เพื่อข้าเล่า เขาอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั่น แต่เขาเจ็บเกินกว่าจะทำได้
..แล้วร่างเล็กๆนั่นก็เลือนหายไป
'ถ้าข้าได้เจอเจ้าอีกครั้ง ..ขอให้ข้ารักเจ้าได้ไหม'
แล้วความฝันก็เปลี่ยนไปเป็นบ้านหลังหนึ่ง เด็กทารกคนหนึ่งที่เกิดมามีตาสีทับทิม
แอ๊ๆ\~ เด็กคนนั้นมันเรานี่!!!
เฮือก เหมือนเธอเพิ่งตื่นจากความฝันที่ยาวนาน... ในใจตอนนี้ของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ความเศร้า ความเจ็บปวก ความโหยหา ถาโถมเข้าใส่เธอไม่หยุด ... เธอได้ย้อนกลับมา แต่กลับมาในร่างของมนุษย์ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องเขา..
ฮารุเหม่อมองออกไปที่ท้องฟ้า เมืองรอบนอก ภายในห้องที่ตกแต่งเป็นระเบียบ กลิ่นที่คุ้นเคย สถานที่ที่ตอนแรกมันดูไม่คุ้นตา
"ยังเหมือนเดิมเลย.."
"อึ้ยยย ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราเคยรักไอหมอนั่น!! -^-"
แต่เธอก็แปลกใจในตัวเองเพราะว่า..
แอสเคียล ข้าเคยรักเจ้า... แต่รู้ไหม ตอนนี้ข้าก็ยังรักเจ้าเหมือนเดิม หญิงสาวเพียงยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!