NovelToon NovelToon

นักฆ่ายุคออนไลน์

ตกอับ

ประเทศไทย เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร 

วันที่ 5 มกราคม พุทธศักราช 2565 

ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงทางทิศตะวันตก เมฆดำเริ่มปกคลุม เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาวจึงทำให้บรรยากาศนั้นเย็นลงอย่างรวดเร็วแม้จะเป็นเวลาเพียงสิบแปดนาฬิกาเศษๆ 

แต่ถึงเช่นนั้นรถรามากมายก็ยังคงวิ่งสวนทางกันไปมาบนท้องถนน โดยมีเสียงนกหวีดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกแก่เส้นทางหลายๆสาย 

ลึกเข้าไปในตรอกซอยเล็กใต้สะพานลอย เป็นหมู่บ้านเช่าเล็กๆเรียงรายกันอย่างเป็นระบบระเบียบ มีไฟสีเหลืองส่องประกายตามริมถนน 

ตัวบ้านเป็นปูนสองชั้น ประตูบานเลื่อนกระจก ทางเข้านั้นเป็นลานหญ้าเล็กๆ โดยมีสวนหย่อมที่รกหูรกตาราวกับไม่เคยทำความสะอาดหรือให้ความสนใจมาก่อนอยู่ด้านหน้า 

โอ้ยยยยยย!!!!!!!!!! ในขณะที่กำลังจะกล่าวถึงเจ้าของบ้าน กลับมีเสียงตะโกนแหกปากอย่างเดือดดาลจากหญิงสาวคนนึง ดังกระฉ่อนจนเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงต้องหันควับตามต้นตอเสียง 

"พี่จะเอาแต่นอนแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ห๊ะ?! เดี๋ยวก็แห้งตายเป็นผีเฝ้าบ้านหรอก"

"หนูคนเดียวที่หาเงินเรียนไปด้วย แล้วต้องมาจ่ายค่าบ้านค่ารถ ไม่มีเงินเหลือพอจะมาเลี้ยงพี่ด้วยหรอกนะ!"

"พึ่งจะออกมาจากห้องขังก็ทำตัวให้มันดีๆหน่อยสิ!"

สาวน้อยผมสีม่วงอมชมพูกล่าวพร้อมกับยกไม้กวาดดอกหญ้าชี้หน้าผู้เป็นพี่ชาย ที่นอนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ 

"ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรนี่..พึ่งออกมาจากห้องขังไม่มีบริษัทไหนรับทำงานหรอก"

"งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวสิ?! ไม่ละอายใจบ้างเหรอที่ให้น้องสาววัยมัธยมหาเงินเลี้ยงไปวันๆน่ะ!"

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่ผู้เป็นต้องสาวกลับเดือดดาลจนน้ำตาลซึมคลอเบ้า ก่อนจะวางทิ้งไม้กวาดลงสุดแรงแล้วกล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ 

"เพราะแบบนี้ไงแม่ถึงตายน่ะ..."

อึก...น้องสาวสะบัดหน้าวิ่งขึ้นบันไดชั้นสอง ปิดประตูห้องดังสนั่นราวกับฟ้าลั่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มผู้นอนอยู่หน้าโทรทัศน์รู้ร้อนรู้หนาวเลยแม้แต่น้อย 

"เรื่องแบบนั้นรู้อยู่แล้ว...แต่มันทำอะไรได้สะที่ไหน"

'ถ้าหากฉันออกไปข้างนอกตอนนี้ มีหวังโดนล่าทั้งครอบครัวแน่' 

ตัวเขาในอดีตเคยทำงานรับจ้างให้พวกนายใหญ่นายโต เพราะเรียนไม่จบและเกเรสมัยเด็ก จึงใช้ลู่ทางผิดๆแบบนั้นเพราะเห็นว่าทำเงินได้เยอะ 

แต่สุดท้ายความเลวซ้ำหลายต่อหลายครั้งก็แสดงผล แม่เขาล้มป่วยอย่างหนักและไม่ได้รับการรักษา เขาที่คอยหลบหนีไปเรื่อยไม่รับรู้ว่าแม่ป่วย จนทำให้เธอที่อยู่บ้านคนเดียวถึงแก่ชีวิต 

น้องสาวที่ปกติเรียนอยู่ต่างจังหวัดเองก็รีบมาดูอาการ แต่มันสายเกินไป แม่ของเขาช็อคโคม่าด้วยโรคร้ายบางอย่างที่ดูเหมือนทางโรงพยาบาลเองก็ปิดปากเงียบสนิท 

เรื่องราวในคราวนั้นทำให้เขาต้องตัดสินใจเข้ามอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ด้วยการยอมรับคำสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ จึงถูกตัดสินให้ลดลงเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต 

แน่นอนว่าเขาได้สิ้นประกายแสงแห่งความหวังไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากออกมาใช้ชีวิตข้างนอกเพราะยังมีน้องสาวอยู่ เขาได้ทำทุกวิถีทางเพื่อลดหย่อนโทษจนในที่สุดก็เหลือเพียงไม่กี่ปี และวันนี้ก็เป็นวันที่ 5 แล้วตั้งแต่เขาออกจากกรงขังแคบๆแบบนั้น 

'เห้อ\~ถ้าย้อนเวลากลับไปได้' 

'ก็ไม่ได้อยากจะทำเรื่องแบบนี้สักหน่อย..' 

ชายหนุ่มฉายแววตาเศร้าโศก พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลุกขึ้นจากโซฟา เผยให้เห็นมัดกล้ามและรอยสักเต็มแผ่นหลังอย่างน่าเกรงขาม

ประจวบกับสีผมดำทมิฬและดวงตาอันมืดสนิทเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ทำให้เขาดูลึกลับและสุขุมเป็นอย่างมาก 

ร่างกายสูงราว 185 เซนติเมตร น้ำหนักโดยประมาณก็ 60-70 กิโลกรัม ใบหน้าคมกริบแต่เย็นชาเกินไป แถมยังแผ่รังสีอำมหิตออกมาตลอดเวลาโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกต่างหาก 

เขาเดินออกจากโซฟาไปคว้าเสื้อแขนยาวสีกลมตัวนึง ดึงเอาหมวกติดตัวเสื้อคลุมศีรษะ จากนั้นก็เดินก้มหน้าออกไปที่หน้าบ้าน 

"ไม่รู้ด้วยสิว่าต้องสมัครทำงานยังไง...เดินถามไปเรื่อยๆก็แล้วกัน"

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินล้วงกระเป๋าก้มหน้าไปตามริมถนน จนมาถึงร้านก๊วยเตี๋ยวใต้สะพานลอยซึ่งอยู่หน้าปากซอยบ้านเช่าของเขา 

"อะไรน่ะ? ผู้ชายคนนั้น ดูน่ากลัวจัง"

ผู้หญิงนักเรียนสองคนที่กำลังซดน้ำบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย เงยหน้าขึ้นมองในขณะที่ปากยังเคี้ยวลูกชิ้นปลา ก่อนอีกคนที่นั่งตรงข้ามจะหันตามไปมองด้วยความสงสัย 

"เออ ฉันก็ว่างั้น..ทำไมดูน่ากลัวขนาดนั้น"

"รีบๆกินดีกว่า แถวนี้อันตรายด้วยสิ เห็นแค่ก่อนมีข่าวยิงกันบ่อยๆด้วย"

"ใช่ๆ เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน ฉันก็ได้ยินว่ามีคนถูกแทงตายแถวนี้แหละ พอนึกแล้วก็ขนลุกชะมัด"

นักเรียนสาวสองคนพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาเลยแม้แต่น้อย ทำให้ชายหนุ่มเลือกเบี่ยงตัวแล้วเดินไปอีกฟากทางทันที 

บรรยากาศเริ่มเย็นจัด บวกกับกระแสลมเวลากลางคืนยิ่งทำให้มันหนาวเหน็บเกินทน แต่ชายหนุ่มผู้ที่ไร้ซึ่งความหวังก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ จนพบกับร้านทองริมถนน ที่มีลูกค้าพูดคุยกันอยู่ในนั้นขณะซื้อทอง 

ชายหนุ่มตัดสินใจเดินปรี่เข้าไปด้วยความมีมารยาท ตัวเขาไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสมัครงานมาก่อน จึงเลือกถามออกไปแบบโต้งๆ แต่ก้มหัวเล็กน้อยเพื่อความเป็นมารยาท 

"ที่นี่รับสมัครพนักงานรึเปล่าครับ?"

ทันทีที่เสียงเขาดังออกไป ทั้งลูกค้าและเจ้าของร้านทองต่างหันมองเขาตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า 

"นี่? จะมาสมัครเป็นพนักงานหรือจะมาปล้นกันแน่!"

"จะไปไหนก็ไปๆ ที่นี่ไม่มีข้าวฟรีให้กินหรอกนะ คนจะทำมาหากิน อย่ามาวุ่นวายได้รึเปล่า?"

ชายหนุ่มที่ได้ยินก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งอย่างมีมารยาท 

"คือว่าผมอยากจะมาสมัครงานจริง.."

"ออกไป! รึจะให้ฉันเรียกตำรวจ? เข้าใจว่าไม่มีที่ทำงาน แต่ฉันไม่รับพวกทรงโจรแบบนายหรอกนะ แถมสภาพก็เหมือนกับพึ่งออกจากคุกมาหมาดๆ"

"จะไปไหนก็ไป ก่อนฉันจะเรียกตำรวจ"

ชายหนุ่มถึงกับสะอึกพูดไม่ออก แต่แน่นอนว่าคำพูดเสียๆหายๆแบบนั้นมันทำให้เขาต้องก้มหน้าเดินออกจากร้านนั้นด้วยความไม่ยินดี 

สมรภูมิโลกใต้ดิน

ไม่ใช่แค่ร้านทองเมื่อครู่ที่ไล่เขาอละไม่พูดไม่คุยด้วย แต่ร้านอื่นๆก็ยังเป็นเช่นกัน

"พอดีที่นี่ไม่รับคนแล้วครับ"

"ร้านเรารับคนมีวุฒิการศึกษานะคะ"

"อย่างน้อยต้องมีวุฒิ ม.6 นะคะ ถึงจะสมัครได้"

คำกล่าวหลายต่อหลายคำมันดังก้องในหัว แต่ชายหนุ่มที่แม้จะเจอคำพูดพวกนั้นก็ยังคงเดินหาต่อไป เพราะไม่ว่าคำกล่าวพวกนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหนแต่มันก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับความรู้สึกของน้องสาวที่เสียไปแล้วได้ 

เขารู้ดีว่าตัวเขาในตอนนี้และก่อนหน้านี้มันแย่ขนาดไหน หลงระเลิงในเงินตราและอำนาจจนไม่กลับมาดูแลผู้เป็นแม่ ถ้าหากจะให้พูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็...เขานี่แหละคือต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องตาย 

[เป็นเรื่องน่ายินดีนะคะที่ตอนนี้ทัพกิลด์ ทศกัณฑ์ของประเทศไทย มีผู้เล่นคนนึงที่ขึ้นไปติดอันดับพลังรบสูงสุดของโลกได้!]

[เขาเป็นผู้เล่นคนเดียวในไทย ที่สามารถสังหารผู้พิทักษ์หุบเขาวงกตมรณะเลเวล 70, ผู้พิทักษ์สุสานมารทมิฬเลเวล 95 ด้วยตัวคนเดียวได้! และยังติดหนึ่งในสิบผู้มีพลังรบสูงสุดของสมรภูมิใต้ดินออนไลน์แล้วค่ะ!]

[ครับ ผมคิดว่าตอนนี้ในไทยคงไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถเอาชนะเขาได้แล้ว และกิลด์ทศกัณฑ์ของไทยก็มีโอกาสขึ้นเป็นกิลด์ชั้นนำของโลกแล้วด้วยครับ]

[คุณคิดว่าเพลเยอร์แนวหน้าพวกนี้สามารถหาเงินได้วันละเท่าไหร่? ถ้าหากเขากลายเป็นเพลเยอร์เวิลคลาส?]

ชายหนุ่มเงยหน้ามองภาพฉายขนาดมหึมา ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนพลางยกมือขึ้นบังแสงหลากสีที่สาดเข้าตา

"โปรโมทเกมออนไลน์เหรอ? สมัยนี้เกมออนไลน์พัฒนาไปถึงขั้นนี้เลยเหรอ"

ชายหนุ่มตกใจไม่น้อย เพราะเมื่อราวๆสิบปีก่อนเขาเองก็เคยเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ แต่ภาพที่เล่นในตอนนั้นยังเป็นแบบแปดบิตอยู่เลย พูดง่ายๆคือภาพที่ฉายอยู่บนหน้าจอขนาดมหึมาตอนนี้ มันแตกต่างกับเกมในอดีตหลายขุมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากให้ความสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว น้องสาวของเขาต้องทำงานหาเงินคนเดียว ทั้งส่งตัวเองเรียน ไหนจะค่าบ้านค่ารถ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอลำบากแค่ไหน 

เขาไม่ควรจะมาสนใจเรื่องอื่นนอกจากการหางานในช่วงเวลานี้ 

'คงทำได้แค่ก้มหน้าแล้วเดินต่อไปสินะ..' 

ชายหนุ่มดึงหมวกคลุมศีรษะ ก่อนจะหันหน้าม้วนตัวออกไปจากจุดเดิม แต่ทว่ายังไม่ทันที่ขาคู่นี้ได้ก้าวออกไปด้านหน้า เสียงพูดคุยจากปากพิธีกรก็ดังกระฉ่อนเข้าหูราวกับโดนกระแทก 

[เจ็ดร้อยล้านบาทต่อเดือน นี่คือรายได้ของพวกเขาในตอนนี้ครับ ด้วยความที่ขึ้นเป็นระดับท็อปในประเทศไม่แปลกที่จะมีสปอนเซอร์มากมายเข้ามาสนับสนุน แถมตัวเพลเยอร์เองก็ยังแลกเปลี่ยนเงินในเกมมาเป็นเงินจริงได้ ผ่านการรองรับจากธนาคารสากลอีก]

"นี่ฉัน...หูฝาดรึเปล่า?"

[ก็นะ พวกเขาไปถึงคลาสสามของการเปลี่ยนอาชีพแล้ว การหาไอเท็มราคาแสนสองแสนมาขายให้ผู้เล่นระดับต่ำกว่าเป็นช่องทางหาเงินดีๆเลยหล่ะ นั่นทำให้รายได้ส่วนตัวของพวกเขามหาศาลกว่ารายได้รวมของกิลด์สะอีกครับ]

"หะ...หาเงินได้ วันละสองแสน?!"

"กับเกมๆเดียวเนี่ยนะ!"

เขาไม่อาจเก็บความสุขุมได้อีกต่อไป มันทำให้จิตใจที่เหี่ยวเฉานั้นชุ่มน้ำและจุดประกายความระทึกขึ้นมาอีกครั้ง 

เขาบีบหน้าอกตัวเองจนเสื้อแขนยาวยับไปด้วย ดวงตาคู่นี้มองสัญลักษณ์เกมด้านบนหน้าจอไม่แม้แต่จะกะพริบ ตอนนี้หูเขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของพิธีกร ราวกับมันดับสนิทไปตั้งแต่ได้ยินรายได้พวกเพลเยอร์แล้ว?! 

[จะว่าไปลืมพูดถึงเรื่องนี้เลยนะคะ เห็นว่าวันพรุ่งนี้ทางบริษัทเกม สมรภูมิใต้ดินออนไลน์ จะมาเปิดบูทแจกของรางวัลที่เซนทัลxxx หนึ่งในของรางวัลนั้นยังเป็นแคปซูนเล่นเกมพร้อมบัตรสมัครเพลเยอร์รวมราคากว่า 2 แสนบาทเชียวนะคะ]

[ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะครับ แต่อายุขนาดนี้แล้วผมคงไม่ไปแย่งกับวัยรุ่นแน่นอน แต่ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆนะ ผมนี่ไม่พลาดแน่นอนครับ]

[แหม ถ้าได้พูดแล้วยาวเลยนะคะ เราไปถึงเรื่องต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ]

_____

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2565 

ปัง! เสียงเปิดประตูอย่างแรงในช่วงเวลาเช้าตรู่ดังขึ้นจนผู้เป็นน้องสาวสะดุ้งตกใจ 

"จะไปไหนอีกแล้วน่ะ?! เรื่องเมื่อคืนก็ยังไม่เคลียร์กันเลยนะ"

"ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ!"

ชายหนุ่มรีบผูกเชือกรองเท้าในขณะที่ปากยังคาบขนมปังชิ้นนึง ทำเอาน้องสาวที่กำลังถูบ้านขมวดคิ้วด้วยความสงสัย 

"รีบไปไหนของเค้านะ สองสามวันก่อนยังเห็นไม่กระตือรือล้นอยู่เลย"

เธอไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเห็นพี่ชายวิ่งแจ้นออกนอกบ้านแบบนั้นก็คงไปหาสมัครงานนั่นแหละ ดีแล้วที่เขาคิดได้หลังจากได้ยินเสียงบ่นไปขนาดนั้น 

อย่างน้อยไม่ว่าจะได้งานอะไร ขอแค่ช่วยแบ่งเบาภาระเธอ ก่อนช่วงจะเปิดเทอมก็ยังดี 

บรื้น!! เสียงสตาทรถดังลั่น ทำเอาผู้เป็นน้องสาวรีบวิ่งออกมาดูพร้อมตะโกนเรียก 

"พี่จะไปไหนเนี่ย?! ช่วงเที่ยงหนูจะได้เอารถไปซื้อของเตรียมเปิดเทอมนะ"

"ไม่เกินเที่ยงหรอก..เดี๋ยวกลับมา"

ชายหนุ่มบิดจักรยานยนต์ยี่ห้อเวฟรุ่นเก่าออกจากหน้าบ้านอย่างไม่รีรอ เดินทางมุ่งตรงไปเซนทัลดังกล่าวอย่างกระตือรือล้น 

การเดินทางแม้จะเป็นช่วงเช้าแต่รถกลับติดจนน่าแปลกใจ ทำให้เขาใช้เวลาหลายสิบนาทีกว่าจะมาถึงบูทที่นักข่าวประกาศไว้เมื่อวาน 

"คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ คงเป็นเพราะมาเช้าล่ะมั้ง"

เขากวาดสายตามองผู้คนที่ไม่หนาตามากนักเดินผ่านไปมาบริเวณหน้าบูท ก่อนเดินตรงไปถามเจ้าหน้าที่ด้วยความมีมารยาท 

"ต้องทำยังไงถึงจะได้เครื่องเล่นฟรีเหรอครับ?"

พนักงานถึงกับสะดุ้งเมื่อมีคนมาถามแบบตรงๆ แถมความรู้สึกเมื่อมองตาชายคนนี้ยังดูมืดมนแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก 

"เชิญทางนี้เลยครับ คุณได้เอาบัตรประชาชนมาไหมครับ?"

"เอ๋? ไม่เห็นรู้ว่าต้องเอาบัตรมาเลยนี่ครับ"

"อ๋อ ไม่เป็นไรๆ แค่จำเลขได้ก็พอแล้วครับ"

เจ้าหน้าที่ยิ้มแห้งเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของชายคนนี้ ทำไมแค่สีหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายมันทำให้เขาเหงื่อตกได้เลยนะ? 

"เขียนเลขบัตร ชื่อจริง นามสกุลจริง ชื่อเล่น แล้วก็เดินไปฝั่งด้านนั้นได้เลยครับ ถ้าหากคุณผ่านการทดสอบ ทางเราจะส่งแคปซูน บัตรเพลเยอร์ รวมถึงคู่มือการเล่นไปตามที่อยู่ในเลขบัตรนี้ครับ"

"อา.."

เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ก็กรอกข้อมูลลงไปตามพนักงานแนะนำ 

"คุณชื่อโซลเหรอครับ?"

"ใช่ แปลกเหรอ?"

"ปะ..เปล่าครับ โซลแปลว่าวิญญาณ ซึ่งเกมของเราก็มีพลังวิญญาณเป็นแกนหลัก ก็เลยทักถามแค่นั้นเองครับ"

เจ้าหน้าที่โบกไม้โบกมือยิ้มแห้ง ก่อนจะนำชายหนุ่มเดินไปอีกทาง ซึ่งมีวัยรุ่นหลายต่อหลายคนกำลังทำการทดสอบอยู่ 

"มันคืออะไรเหรอ?"

โซลกล่าวถามพลางจ้องมองเครื่องเล่นแปลกประหลาด มันเป็นลูวิ่งขนาดใหญ่ ด้านหน้าและด้านข้างมีสิ่งกีดขวางมากมาย ถัดไปอีกในระยะยี่สิบห้าเมตรมีชายสวมสูตรถือปืนคู่ยืนอยู่ 

"เป็นเกมง่ายๆ แค่หลบกระสุนครับ ถ้าหากคุณหลบกระสุนแล้วไปหยิบปืนตรงนั้น"

พนักงานชี้ไปที่จุดหลบจุดนึง ซึ่งมีปืนพกบรรจุกระสุนหนึ่งนัดเอาไว้ 

"แล้วยิงเข้าจุดตายจุดใดก็ได้บนตัวผู้ชายสวมสูตร ก็เท่ากับคุณผ่านการทดสอบครับ นี่เป็นกิจกรรมง่ายๆแต่น้อยคนจะผ่านได้ครับ"

"เหรอ?"

โซลเดินเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองลู่วิ่งและระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนัก หากวิ่งไปหลบไปยังไงก็ถึงอยู่แล้วนี่? 

แล้วอะไรที่ทำให้เกมนี้มันยากล่ะ?

แสดงตน

หลังจากโซลยืนสำรวจอยู่สักพัก เขาพอเข้าใจได้เล็กน้อยว่าอะไรที่ทำให้การทดสอบนี้มันยากถึงขั้นเอาแคปซูนมาเป็นของรางวัล

'อย่างแรกคือความแม่นยำของหุ่นตัวนั้น การยิงปืนแต่ละครั้งราวกับคาดเดาการเคลื่อนไหวของผู้ทดสอบได้ เขายิงกระสุนออกไปก่อนที่ผู้ทดสอบจะได้เคลื่อนไหวหลบหลีกสะด้วยซ้ำ' 

'อย่างต่อมา คือสิ่งกีดขวาง แม้มันจะใช้เป็นบังเกอร์ได้แต่นั่นทำให้อีกฝ่ายรู้การเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนและรอดักยิงได้ง่ายๆ' 

'อย่างที่สามคือระยะทาง เหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้จุดที่ปืนวางไว้มากเท่าไหร่ ความเร็วและความถี่ในการยิงก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น แถมปืนของหุ่นตัวนั้นยังมีถึงสองกระบอก'

'และสุดท้ายคือกระสุนในรังเพลิงปืนทดสอบนั้นมีแค่นั้นเดียว ด้วยความเร็วในการยิงจากอีกฝ่าย บวกกับความกดดันและตื่นเต้นยิ่งทำให้ไม่มีเวลาเล็งด้วยซ้ำ การจะยิงได้ต้องจดจำตำแหน่งมันอย่างชัดเจนและยิงออกไปด้วยสัญชาตญาณ' 

'ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่ผ่านถึงมีน้อยขนาดนั้น แถมยืนดูมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีคนผ่านสักคนเดียว' 

'ไม่ใช่เล่นๆแล้ว..' 

หากเขาพลาดการทดสอบนี้ เขาจะไม่มีทุนในการซื้อเครื่องเล่นเกมที่ราคาโคตรจะแพงแบบนั้นแน่นอน คงต้องรอให้บูทจัดกิจกรรมอีกซึ่งไม่รู้ว่าตอนไหน 

แต่กว่าจะถึงเวลานั้นเขาคงได้ตายเพราะอดข้าวอดน้ำก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย 

"คุณครับ..นี่คุณครับ"

อึก! ชายหนุ่มรู้สึกตัวหลังจากจมอยู่กับความคิดตัวเองเป็นเวลาสักระยะนึง ก่อนหันมองไปหาคนที่มาสะกิดไหล่เขา ซึ่งก็เป็นพนักงานคนเดิม 

"ถึงตาคุณแล้วนะครับ"

"อะ..ครับ"

โซลก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินไปที่ลู่วิ่งเพื่อเตรียมทดสอบ ทำให้เขามองเห็นตัวเลขบนศีรษะหุ่นยนต์ตัวนั้นซึ่งเป็นการนับถอยหลังเพื่อเริ่มการทดสอบครั้งนี้ 

"นี่ๆ ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีคนผ่านเลยเหรอ? การคัดกรองเพื่อดันผู้เล่นใหม่ๆให้กลายเป็นเพลเยอร์แนวหน้าคงยากแล้วสินะ"

พนักงานสาวคนนึงเดินมาที่ขอบสนาม พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียใจไม่น้อย

"ครับ ยังไม่มีสักคนเลยที่ได้เครื่องเล่นไปฟรีๆ ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าโปรเจคดันผู้เล่นหน้าใหม่นี้จะมีใครผ่านไปได้รึเปล่า"

บูทกิจกรรมในครั้งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อดันให้ผู้เล่นหน้าใหม่ถือกำเนิดขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นกระแสเกมให้โด่งดังมากขึ้นไปอีก โดยการแจกของรางวัลมากมายเพื่อคัดสรรหาเพลเยอร์ที่มีแววว่าจะสามารถขึ้นไปเป็นแนวหน้าได้ 

แน่นอนว่าตัวเกม สมรภูมิใต้ดินนั้นโด่งดังไปทั่วโลก จึงทำให้มีการแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างดุเดือด เนื่องจากเงินตราในเกมนั้นสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ 

จึงทำให้ผู้ทำหลายประเทศมองเห็นว่านี่คือแหล่งทรัพยากรแห่งใหม่ที่ควรค่าแก่การลงทุน ไม่แปลกที่พวกเขาจะระดมทุนสนับสนุนผู้เล่นในประเทศตัวเองให้ไปทัดเทียมกับระดับโลก 

"ก็นะ เกมนี้ถูกสร้างมาเมื่อสองปีก่อน มันโด่งดังในค่ำคืนเดียวเพราะเป็นเกมเสมือนจริง ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมถึงมีคนสนใจมากขนาดนั้น"

"เห้อ\~ แต่ไม่ว่ายังไงคนที่ผ่านบททดสอบนี้ได้ก็คงน้อยนิดจนน่าใจหายอยู่ดีแหละค่ะ ไม่สิ..ตอนนี้คงต้องภาวนาให้มีใครสักคนผ่านก่อนล่ะนะ"

ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกันแบบคอตก ก่อนเสียงนับถอยหลังจะดังมาถึงเลขสาม ในขณะที่ชายหนุ่มผมดำกำลังบิดเนื้อบิดตัวเป็นการวอมอัพอยู่บนจุดเริ่มต้น 

"ดูท่าทางก็คงเหมือนคนก่อนๆสินะ ไม่มีใครไปถึงครึ่งทางได้เลย ศักยภาพประเทศเราสู้ยุโรปกับเอเชียไม่ได้จริงๆนั่นแหละ"

[เริ่มได้]

สิ้นคำพูดของหญิงสาวพนักงานพร้อมเพรียงกับเสียงประกาศดังก้องหู ชายหนุ่มผมสีดำดีดตัวจนเกิดเสียงลมกรรโชกผ่านใบหน้าทั้งคู่ไปจนทำเอาเส้นผมปลิวว่อน! 

"เร็วมาก!"

พนักงานทั้งสองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนชายหนุ่มคนดังกล่าวจะสไลด์ตัวหลบกระสุนนัดแรก ทิ้งตัวไปอยู่หลังบังเกอร์ได้อย่างหวุดหวิด! 

"เท้าแตะพื้นแค่ครั้งเดียว? บ้าไปแล้ว! แรงดีดตัวอะไรจะขนาดนั้น! เขาใช้ความเร่งสูงสุดเพื่อปาดตัวออกไปก่อนกระสุนจะยิงออกจากรังเพลิง ทำให้วิถีกระสุนนั้นเล็งมาไม่ทัน!"

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายคนเริ่มให้ความสนใจ จากผู้ทดสอบก่อนหน้าที่ทำมั่วๆแต่ชายคนนี้กลับเต็มไปด้วยความปรารถนาและเดือดดาล 

เขาเหมือนสัตว์ร้ายที่กระหายเหยื่อ แต่กลับไม่หิวโหยเกินไปจนประมาท! 

'ความเร็วของกระสุนยางช้ากว่ากระสุนจริงนิดหน่อย แต่ความเร็วการชักปืนของมันเหมือนนักฆ่ามืออาชีพเลย' 

ชายหนุ่มใช้หลังพิงบังเกอร์ก่อนเหลือบหน้าออกไปเล็กน้อย ทำเอากระสุนยิงผ่านดวงตาจนเห็นลูกยางได้อย่างชัดเจน 

'น่าเสียดายที่แกเป็นแค่หุ่นยนต์น่ะนะ'

ใบหน้าอันเย็นชาเริ่มแผ่รังสีอำมหิตออกมาอีกครั้ง ก่อนดีดตัวทันทีหลังจากกระสุนวิ่งผ่านหน้าไป และแน่นอนว่าด้วยความที่อีกฝ่ายมีปืนสองกระบอก เมื่อเขาออกมามันจะยิงต่อเนื่องทันที! 

ปัง!! กระสุนยางวิ่งผ่านรังเพลิงมาอย่างแม่นยำ กระชากสายลมตรงวิถีเล็งมาที่หน้าอกชายหนุ่ม ก่อนช่วงเวลาสั้นๆเขาจะทิ้งตัวลงพื้นแบบฉับพลัน พร้อมเอนไหล่ไปตามเส้นทางของกระสุน ทำให้กระสุนยางวิ่งผ่านใต้รักแร้ไปโดยไม่สะกิดแม้แต่ชายเสื้อ! 

"ฟลุ๊คเหรอ?!"

หญิงสาวพนักงานที่เห็นว่าจู่ๆเขาก็ล้มลงอย่างกระทันหันและหลบเข้าบังเกอร์ ถึงกับอุทานอย่างไม่ตั้งใจ แต่พนักงานชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆกลับไม่คิดเช่นนั้น ก่อนยกมือปาดเหงื่อแล้วกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตา 

"ไม่ใช่! ตอนเขาเหลือบมองออกไปครั้งแรกนั่นไม่ใช่การมองว่าบังเกอร์อยู่ตรงไหน แต่เขาเพียงหลอกหล่อให้มันยิงกระสุนออกมาครั้งนึง..แน่นอนว่าระบบถูกตั้งไว้เมื่อผู้ทดสอบโผล่นอกบังเกอร์"

"แต่ที่ปืนมีสองกระบอกก็เพื่อป้องกันการหลอกล่อของผู้ทดสอบ เมื่อยิงออกไปแล้วและผู้ทดสอบกระโดดออกมา หุ่นยนต์จะยิงดักทางทันทีโดยไม่มีรอ..."

"แต่ว่าชายคนนี้เหลือบสายตาออกมาครั้งแรกเพื่อหลอกก็จริง และด้วยความที่รู้อยู่แล้วว่าปืนมีสองกระบอกจึงคิดไว้ล่วงหน้าว่าต้องถูกยิงดัก จึงทิ้งตัวลงอย่างกระทันหันก่อนจะถึงจุดดักที่ถูกเซ็ตติ้งเอาไว้!"

อึก...พนักงานชายกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก แววตาเขาสั่นคลอนตนแว่นแทบหลุด เขาไม่อยากกระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ตั้งแต่ตอนนั้น...ตั้งแต่ตอนที่เขายืนนิ่งค้างก่อนการเริ่มทดสอบ 

ชายคนนี้ได้จดจำแพทเทิร์นการยิงไว้หมดแล้ว! แต่ไม่ใช่แค่นั้น เขายังหาวิธีหลอกล่อและแก้ไขมันได้อย่างง่ายดาย! 

"ชายคนนี้...กำลังทำเอาฉันคนลุกไปทั้งตัว!"

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!