ความมืดเป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจของทุกสิ่ง...
ความมืดดำรงอยู่ในทุกที่...
ความมืดครอบครองได้ทุกสิ่ง...
แล้วเหตุใดโลกนี้ถึงไม่โดนความมืดครอบครอง..?
-แฮ่ก..แฮ่ก..แฮ่ก.......
เสียงของลมหายใจที่โรยรินพร้อมที่จะดับสูญ กับบรรยาการที่อึมครึม
-ทำไม...เจ้าถึงสู้ละ...
ปีศาจไม่สิ จอมมารตนนึงผู้ที่น่าสะพรึง กำลังถามชายผู้โง่เขลาที่กำลังจะสิ้นชีพ
-แฮ่ก..แฮ่ก..แฮ่ก......ถ้าข้าไม่สู้....
ชายผู้โง่เขลาพยายามที่จะเอ่ยคำพูดของตน แม้ว่าจะเบาเพียงใด แต่ตนก็จะเอ่ยให้ได้
-..พวกเขา...ก็จะตาย.....แฮ่ก..แฮ่ก...
แววตาที่จะกำลังจะมืดมนลงทุกวินาที โลหิตที่กำลังไหลรินออกจากกายยา ประสาทสัมผัสกำลังสลาย
ร่างกายกำลังทลายลงทุกวินาที แต่จิตใจยังคงแน่วแน่เหมือนเดิม ไม่ว่าตนจะตาย ไม่ว่าจะทรมาน
แต่ยังคงจะปกป้องโลกใบนี้
-โลกใบนี้น่ะ...นายไม่คิดเลยหรอ?...ว่ามันสวยงาม...
จอมมารได้ยินคำดั่งกล่าว เลยประหลาดใจ เพราะจอมมารนั้นไม่เคย...ไม่เคยลืมว่าโลกนั้นสวยและงดงามขนาดไหน
-คิดสิ...ถ้าไม่ใช้อย่างงั้น ข้าจะสังหารพวกมนุษย์ทำไมละ...
ในหัวของจอมมารนั้นคิดว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ คิดแต่เรื่องของตนเองจนสามารถเหยียบย่ำผู้อื่น ไม่ว่าอะไรมนุษย์ก็จะหาความสุขและความสบายของตัวเองจนไม่สนเรื่องใด
เหยียบย่ำทุกสิ่ง! ละทิ้งทุกอย่าง!! ทำลายทั้งหมด!!! มนุษย์ควรถูกทำลาย!!!!
-ฉันรู้นะว่านายน่ะ...นิสัยดี..
ชายผู้โง่เขลาไม่สิ ผู้กล้า หากเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือแม้แต่ทวยเทพก็ตาม ผู้กล้านั้นเป็นคนที่จิตใจดีที่สุด เป็นคนที่นิสัยดีที่สุด มองโลกในแง่ดีที่สุด
เขาไม่ได้โง่แต่เขาเชื่อว่า มนุษย์นั้นสามารถดีขึ้นได้ดั่งสหายและคนรอบตัวของเขา
-ข้าหวังว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นจะเป็นควาจริง..
จอมมารได้ยินคำนั้น ได้รู้สึกดีเป็นครั้งแรกหลังจาก--------ไป
-ข้าจะให้ความปรารถนา 2 อย่างแก่เจ้า..จงเอ่ยมา
จอมมารเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและน่าเกลียดน่ากลัว?
แต่ว่าใครเป็นคนกำหนดสิ่งเหล่านั้นล่ะ?
จอมมารก็สามารถเป็นคนดีได้ และผู้กล้าก็สามารถเป็นคนชั่วได้เหมือนกัน ค่านิยามและความรู้มันบังคับให้คนรู้สึกอย่างนั้น
จงอย่าไปเชื่อคำของผู้ใดจงเชื่อความรู้สึกและความมีเหตุผลเสียเถอะ
-ไว้ชีวิตของพวกพ้องผม....และยุติสงครามระว่างมนุษย์กับปีศาจได้ไหม?...
เป็นคำขอสุดท้ายที่ผู้กล้าจะขอได้ แต่มันไม่ใช่คำขอที่แน่วแน่แล้วเพราะเขาเริ่มที่จะดับสูญ...
-ข้าจะรับคำขอของเจ้าเพียงขอเดียว...ข้าจะไว้ชีวิตพวกพ้องเจ้า...
เป็นคำตอบที่น่าหดหู่ เพราะสงครามยังคงอยู่ ยังคงต้องมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกพ้องของเขายังคงต้องทรมานหรืออาจจะตาย....
แต่จอมมารนั้นยังพูดไม่จบเสียทีเดียว..
-สงคราม..ข้าจะยืดเวลาไปให้เพียงแค่10ปีเท่านั้น เมื่อสิ้นสุด10ปี เผ่าปีศาจของข้าจะโจมตีมนุษย์อย่างที่ควรจะทำ เจ้าพอใจในสิ่งที่ข้าเอ่ยไปไหม
ยืดเวลาสงคราม10ปี เป็นเวลาที่สั้นมาก..แต่มันสามารถฟื้นฟูกำลังและความสามัคคีของมนุษย์ได้ มนุษย์จะเข้าใจซึ่งกันและกันและมีกำลังมากขึ้น
จะสามารถปงป้องเผ่าพันธุ์ของตัวเองได้จะไม่ดับสูญ จะไม่ศูนย์สิ้นเหมือนกับเขา
-พอใจ..พอใจสิ...
หลังจากจบคำพูดของผู้กล้า จอมมารได้ยืนมองร่างของผู้กล้าที่เสียชีวิต ก่อนที่จะกลายเป็นรูปปั้นจนหมด จอมมารได้เทเลพอร์ตพวกพ้องของผู้กล้าให้ออกห่างจากตนเองและร่างของผู้กล้า พร้อมกับตะโกนก้องว่า...
-เผ่าปีศาจของข้า!!! และเหล่ามารทั้ง7ตน!!! จะไม่ทำร้ายเผ่ามนุษย์เป็นเวลา10ปี!!! เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้กล้า!!! เดวิด โจทันฮาล!!!
END 0
หลังจากการเสียชีวิตของผู้กล้าเดวิด โจทันฮาล เวลาได้ผ่านมาแล้ว 2 ปี มนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ฟื้นฟูสภาพกลับสู้ความสงบอีกครั้ง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฟื้นฟูได้ มนุษย์ได้พัฒนาขึ้นและทำสัญญาพันธมิตรกับเผ่าพันธ์อื่นๆ เช่นคนแคระ เงือก เอลฟ์ และเผ่าอื่นๆ เพื่อที่จะได้มีพันธมิตรไว้คอยปกป้องตนเอง
เผ่ามนุษย์ได้ก่อตั้งกิลด์ขึ้น เพื่อที่จะแลกเปลี่ยและหาข้อมูลต่างๆ
ณ กิลด์ เรด ทันเดอร์
-นี้เบน~..นายคิดว่ารอบนี้..สภาเวทย์มนต์จะอัญเชิญผู้กล้าได้ไหม...
เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งได้เอ่ยถามชายรูปร่างใหญ่คนนึง พร้อมกับนั่งจิบน้ำปั่นอย่างสบายใจ
-ก็ไม่รู้สิ...อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด...
เบนได้เอ่ยคำดังกลาวด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา ทำไมถึงยิ้มกันเขาเคยเจอผู้กล้าหรอ? หรือเขาคิดจะทำอะไรกับผู้กล้ากัน
ณ สภาเวทย์มนต์
ผมสีน้ำเงินกำลังพัดพาไปกับลม ดวงตาสีทองเป็นประกายในความมืด ราชาเวทย์มนต์ ฟิลล์ กาเนช กำลังร่ายเวทมิติ
เวทย์มิติเป็นเวทย์ที่น้อยคนจะใช้ได้ เพราะเป็นเวทย์ที่มีความซับซ้อนมาก บวกกับการที่จะใช้แต่ ละครั้งต้องใช้พลังเวทย์เป็นจำนวนมาก
-ท่านฟิลล์คะ ถึงเวลาแล้วค่ะ
เสียงของหญิงคนหนึ่งได้ทำการบอกราชาเวทย์มนต์ ฟิลล์ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดหรือคุยด้วยแม้จะเป็นหน้าที่ก็ตาม
-ข้ารู้น่า~ เอาละน่ะ!
มิติเป็นสิ่งที่เราจะบางและน่าพิศวงมาก แม้แต่เทพบางองค์ยังไม่กล้ายุ่งกับมิติเลย
ราชาเวทย์มนต์ได้ทำการร่ายเวทย์มิติ พร้อมกับนักเวทย์คนอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก เขาเริ่มถ่องเวทย์เพื่อเปิดมิติของตัวเองและดึงคนจากมิติอื่นเข้ามา
-มิติและจักรวาลล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับข้า กาลเวลาอาจแปรผันแต่ตัวข้ายังคงอยู่ เวทย์มนต์ระดับ7
distorted dimensions!!
มิติได้ทำการฉีกต่อหน้าเขา กาลเวลาได้ทำการหยุดนิ่งทุกสิ่งทุกอย่างไม่ขยับ แต่ตัวของราชาเวทย์ยังคงรับรู้ทุกสิ่งและยังคงเคลื่อนไหวได้
สายตาเริ่มเป็นประกายสว่างไสว ตัวของเขาเริ่มเป็นหนึ่งเดียวกับมิติและจักรวาล ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถจับต้องเขาได้ และไม่มีใครจะทำลายเขาในตอนนี้ได้
ดวงตาเริ่มปิดลงเพื่อที่จะได้สื่อสารกับตัวเองจากมิติอื่นๆ เพื่อที่จะบอกว่าเขาทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไร
บางสิ่งบางอย่างได้โผล่ออกมาจากมิติที่ฉีกออก เป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุ 14 กับเด็กหนุ่มอายุ 16
ทั้งสองได้ตกลงที่พื้นอย่างช้าๆ พร้อมกับละอองเวทย์ที่เคลื่อนไหวรอบตัว
-อะไรกัน!?
พอเขาลืมตาขึ้นดวงตาก็เบิกโพลง นี้เป็นการรวมตัวของละอองเวทย์ที่มากกว่าปกติได้ 6 เท่า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจได้จริงๆ ก็คือการปรากฎตัวของทั้งสอง
สิ่งที่ควรจะเป็นคือการปรากฏตัวแค่คนเดียว แต่ในรอบนี้มันมี 2 คน แถมละอองเวทย์มันเยอะจนเกินไป มันได้ทำการจุดประกายความหวังของ ราชาเวทย์มนต์ขึ้น
-นั้นสิ..เขาจะกลายเป็นความหวังของเรา..ถ้าเป็นพวกเขา..ก็อาจจะทำได้
ความรู้สึกและสัมผัสต่างๆ ได้บงบอกว่าเด็กทั้งสองไม่ใช้คนธรรมดา มิติได้บงบอกเขา จักรวาลได้ให้คำแนะนำ
ต่อมามิติและกาลเวลาได้ทำการกลับคืนสู่สภาพเดิม ตัวของราชาเวทย์มนต์ได้ใช้ เวทย์มิติเอาผ้ามาจากมิติของตนมาคลุมร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
นักเวทย์คนอื่นๆ ต่างล้มระเนระนาดเนื่องจากร่วมใช้เวทย์สนับสนุน
-ฮ้า~ ฮ้า~ ฮ้า~
-แฮ่ก~ แฮ่ก~ แฮ่ก~ ทำไมรอบนี้ถึงเหนื่อยจังฟระ!!
พวกเขาใช้พลังเวทย์มากกว่าปกติ เลยทำให้เหนื่อยล้ามากกว่าเดิม เพราะแค่ความคิดที่ว่า รอบนี้ก็เป็นแบบเดิม เลยทำให้พวกเขาทำส่งๆ จะได้จบไป
-นี้~..พวกเจ้าเหนื่อยไหม
ราชาเวทย์ฟิลล์ ได้ทำการนั่งลงและพูดเพื่อเรียกสติของนักเวทย์ทั้งหมด เหล่านักเวทย์ทั้งหมดที่ได้ยินต่างตอบกันอย่างพร้อมเพรียง
-ครับ/คะ ไม่เหนื่อยเลย ครับ/คะ
เป็นเพราะความชื่นชมหรือเป็นเพราะความยิ่งใหญ่ของเขา ทำให้นักเวทย์ต่างพร้อมใจกันตอบ แต่เหล่านักเวทย์ยังคงไม่ได้มองไปตรงที่ฟิลล์เลยสักคน
-หรอ...ถ้ายังไม่เหนื่อยก็เตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงซะ
เหล่านักเวทย์ต่างหงุนงงกับคำพูดของฟิลล์ ฝ่ามือทั้งสองของฟิลล์ ได้ลูบหัวของทั้งสองคน ผมสีแดงและผมสีขาวต่างเคลื่อนไหวตามมือของฟิลล์
-ดูสิ พวกเราน่ะ...ทำสำเร็จแล้ว...
คำพูดของฟิลล์นั้น ได้ทำการสร้างความตกใจให้นักเวทย์ทั้งหมด เหล่านักเวทย์ได้ทำการเปิดตาและรีบหันไปทางฟิลล์
-ไช-- ไชโย่!!!!
-เย--เย้!!!!
เสียงตะโกนของนักเวทย์ทั้งหมดเหมือนการประกาศประกาศว่า ผู้กล้าคนใหม่ได้ปรากฏตัวแล้ว ขุนนางที่เงียบงันเพราะคิดที่ว่าต้องล้มเหลวเหมือนเคย ต่างดีใจกันยกใหญ่
ราชาแห่งอาณาจักรนี้ ผู้ที่สนับสนุนและช่วยเหลือสภาเวทย์มนต์ ได้ตาเบิกโพลงเนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าผู้กล้าไม่ได้มีคนเดียว
-นี้มัน!!??
ฟิลล์ได้เอ่ยคำพูดกับราชาเพื่อให้ท่าน ไม่ต้องสงสัย
-พวกเขาทั้งสองต่างเป็นผู้กล้าแน่นอน และต้องตอนที่อัญเชิญพวกเขา ละอองเวทย์มีมากกว่าปกติ 6 เท่า เลยขอรับ
เหล่านักเวทย์ที่กำลังดีใจต่างชะงักไปชั่วครู่ และคำถามก็เริ่มโผล่มาในหัว
-(ท้ังสองคน?/มากกว่าปกติ 6 เท่า?/ทั้งสองเป็นผู้กล้า?)
เมื่อคำถามโผล่มา พวกนักเวทย์ได้หันไปมองให้ชัดๆ จากความดีใจกลายเป็นความตะลึง
-เอ๋!!!!/เห๋!!!!!!
เรื่องราวและความหวังทั้งหมดได้ตกลงไปอยู่กับทั้งสองเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะสามารถกอบกู้เผ่าพันธ์ และกำจัดจอมมารกับปีศาจได้หรือไม่ เรื่องราวคงยังต้องเฝ้าดูต่อไป...
END 1
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!