NovelToon NovelToon

ผ่ายุทธจักรชิงคำภีร์

บทที่1:ชิงตัวนักโทษ

ณ. สุสานแห่งหนึ่งตอนเที่ยงเศษ มีกลุ่มคนกำลังจะตัดศีรษะชายผู้หนึ่งมีนามว่า เหลียงฟง. ชายผู้นี้มีอายุราว35ปีผิวขาวร่างกำยำพอถึงเวลาที่จะตัดศีรษะเพชรฆาตได้เงื้อดาบขึ้น"อย่าพึ่งประหาร!!!"เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งสุสาน. ทหารที่เฝ้าอยู่ต่างหันมองดูก็พบว่ามีเงาประหลาดกำลังเดินเข้ามาทางที่พวกตน ทหารที่เฝ้าประตูสุสานเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงถามออกไปว่า"เจ้าเป็นใครกันเหตุใดเจ้าจึงมาในที่แห่งนี้" เงาประหลาดลึกลับนั้นก็ยังไม่ตอบ พอทหารเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้าไปเพื่อหมายปองที่จะสังหารเงาผู้นั้นแต่ก็กลับไม่เป็นอย่างที่คิด. เมื่อเงาลึกลับพุ่งตัวออกมาและสังหารทหารที่เฝ้าประตูได้อย่างง่ายเพียงพริบตาเงาลึกลับกพุ่งตัวขึ้นไปบนประตูสุสานจึงให้เห็นรูปร่างชัดเจน"ถึงจะมีรูปร่างเล็กแต่กลับสังหารทหารที่มีร่างกายกำยำได้อย่างง่ายดาย แถมยังดูไม่หนุ่มไม่แก่. ดูจากสภาพคงจะมีวรยุทธล้ำเลิศ"ผู้พิพากษาได้กล่าวขึ้น. ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ได้กล่าวขึ้นว่า"ข้าอึงเฟยเฉินประมุขพรรคไป่เหมย

ที่ข้าได้มาในวันนี้จะมาขอตัวคนของข้าคืน" ผู้พิพากษาทำหน้าเยาะเย้ยแล้วกล่าวขึ้นมาว่า"ใครคือคนของเจ้ามิทราบ. คนผู้นี้ข้าจับได้ในค่ายของข้า ข้าจะถลกหนัง ตัดหัว เลาะกระดูกต้มน้ำซุปก็เรื่องข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า" พออึงเฟยเฉินได้ยินก็โมโหและเดือดดานเป็นอย่างมากพร้อมกล่าวออกไปว่า"เจ้าก็เป็นถึงผู้พิพากษาเหตุใดวาจาเจ้าถึงโอหังยิ่งนักมิได้รู้จักที่ต่ำที่สูง. ปากอย่างนี้ระวังจะอยู่ไม่ถึงวันเกิดปีหน้า" ทางฝั่งผู้พิพากษาได้ยินก็ตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกล่าวว่า"เจ้าชั่งบังอาจยิ่งนัก งั้นข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงฝีมือของทั้ง9ฝ่ามือแล้วกัน" กล่าวเสร็จ ก็ได้เรียกคนทั้ง9ออกมา"ข้าน้อย9ฝ่ามือได้ยินชื่อนี้มานานจึงอยากจะขอคำชี้แนะหน่อยได้หรือไม่!!!"อึงเฟยเฉินยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวว่า"พวกท่าน9ฝ่าสินะ. ข้าเคยได้ยินลุกฮิวเล่าให้ข้าฟังอยู่ว่าพวกเจ้า9คนสามารถเอาชนะเขาได้ ฝีมือคงจะร้ายใช่ย่อย

แต่ก็คงจะเทียบไม่ได้กับข้าหรอก5555555+"เมื่อหัวหน้าของ9ฝ่ามือได้ก็กล่าวกลับไปอย่างโกรธเกรี้ยวว่า"เจ้ามันก็แค่ค้างคาวพิษจะสู้อะไรกับพวกข้าได้ เจ้าเห็นลุกฮิวหรือไม่ขนาดคนเก่งอย่างเขายังแพ้ราบคราบนับภาษาอะไรกับเจ้า!!!"(55555555+ อึงเฟยเฉินหัวเราะเสียงดัง)พร้อมกล่าวกลับไปว่า"พูดไปต้องนานเจ้าไม่รู้หรอกรึว่าลุกฮิวคือ1ในสามแม่ทัพของข้าเจ้าคิดว่าชนะเขาแล้วจะชนะข้างั้นรึหวังสูงไปหน่อยมั้ง แต่ก็เอาเถอะถ้าเจ้ายังยืนยันที่จะสู้กับข้า ข้าก็จะต่อให้เจ้า3กระบวนท่า แต่ถ้าเจ้าไม่คิดจะสู้กับข้าก็จงสวามิภักดิ์ต่อข้าอึงเฟยเฉินผู้นี้เถิด"9ฝ่ามือได้ยินดังนั้นก็โกรธจนควันออกหูพร้อมกล่าวว่า"เจ้าคนถ่อยเจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นสุนัขหลายรางรึต่อให้ข้าตายข้าก็จะไม่ไปอยู่ใต้อาณัติเจ้า!!!"พอพูดเสร็จบุคคลทั้ง9ก็ขว้างกระบี่ไปหาอึงเฟยเฉิน แล้วใช้ฝ่ามือควบคุมกระบี่กระบี่ทั้ง18เล่มนั้นพุ่งเข้าไปที่อึงเฟยเฉิน แต่มีหรอที่ประมุขแห่งพรรคไป่เหมยจะแพ้เพียงเพราะกระบี่18เล่ม. อึงเฟยเฉินได้กระโดดหลบกระบี่อยู่นาน. ประมาณ ครึ่งชั่วยามเพราะกระบี่ทั้ง18เล่มนั้นไม่ใช่กระบี่ธรรมดาเเละสามารถใช้ผ่ามือควบคุมได้อีกจึงทำให้หาโอกาสที่จะตอบโต้ได้นั้นยากอยู่พอสมควร

เมื่ออึงเฟยเฉินมีโอกาสก็รวบจับกระบี่ทั้งหมดและขว้างกระบี่ด้วยความเเรงกลับไปหาพวก9ฝ่ามือ. แต่พวก9ฝ่ามือก็หลบได้. กระบี่จึงไปถูกผู้พิพากษาและทหารส่วนหนึ่งจนสิ้นใจ. ส่วน9ฝ่ามือพอไม่มีกระบี่ก็เหมือนเสือไร้เคี้ยวเล็บจึงได้แต่หลบปัดป้อง ถึงจะสามารถตอบโต้ได้แต่ก็ยากเพราะชินกับการใช้ฝ่ามือควบคุมกระบี่แถมอึงเฟยเฉินยังมีความเร็วเหมือนทูตผี. พอไม่มีกระบี่เพียงพริบตาเดียว อึงเฟยเฉินก็สามารถสังหารคนทั้ง9จนสิ้นใจอย่างอนาถ พอทหารเห็นสภาพของบุคคลทั้ง9ก็ต่างกลัวและยอมสวามิภักดิ์ต่อประมุขแห่ง พรรคไป่เหมย. จากนั้นอึงเฟยเฉินก็สั่งปลดตรวน และให้เหลียงฟงนำทหารกลับพรรคล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวตนจะตามกลับไปที่หลัง

บทที่2 การปรากฎตัวของซัวหาร

ณ. ห้องประชุมพรรคไป่เหมย. "ท่านลุกฮิว. วันนี้มีเหตุการณ์อะไรที่ผิดปกติหรือไม่"อึงเฟยเฉินได้กล่าวจั่วหัวเพื่อเปิดการประชุม. ชายวัยกลางคนทำหน้าจริงจังแล้วกล่าวกลับอึงเฟยเฉินว่า"เรียนท่านประมุข. สองสามวันมานี้ข้าได้ยินมาว่า พบตัวซัวหารในเขตพรรคเรา"อึงเฟยเฉินได้ยินดังนั้น. สีหน้าดูวิตกพร้อมถามกลับไปว่า"ข่าวสารนี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน ท่านอยากลืมนะตอนที่พวกเรายกพวกไปปราบกองทัพของซัวหาร สามดนตรีมรณะพร้อมกลับลูกน้องมันส่วนหนึ่งหนีไปได้ (อึงเฟยเฉินถอนหายใจ)นี่ก็เข้าปีที่สามและสินะที่ซัวหานอยู่ในคุกซาอี"ลุกฮิวได้กล่าวขึ้นมาว่า"แต่ท่านประมุขถ้าเป็นข่าวจริงขึ้นมา. มันก็อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็ได้. ทางที่ดีควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด"อึงเฟยเฉินลุกขึ้นแล้วกล่าวว่าจริงของท่าน. งั้นข้าจะส่งยัวจื่อไปที่คุกซาอี. ยัวจื่อจงฟัง เจ้าจงเดินทางไปที่คุกซาอีให้ไวที่สุด" "รับทราบ"ชายหนุ่มได้กล่าวขึ้น. หลังการประชุมสิ้นสุดลงยัวจื่อก็ได้ควบม้าเร็วมุ่งหน้าไปที่คุกซาอี

(สามวันผ่านไป)

"ท่าประมุขท่านแม่ทัพยัวกลับมาแล้วครับ" "ให้เขาเข้ามา"(อึงเฟยเฉินกล่าวเสียงดัง)พอยัวจื่อเข้ามาได้ก็กล่าวว่า"เรียนท่านประมุข พอข้าน้อยได้ไปถึงคุกซาอีก็พบเพียงศพของผู้คุม และซากประหลักหักพัง พบร่องรอยมีดบนศพและผนังภายในคุก. แต่มันแปลกมาก. ถ้าเป็นดาบหรือมีดถ้าโดนจุดสำคัญคนธรรมดาจะตายทันที่และไม่สามารถทำให้กำแพงเป็นลอยได้ แต่นี่พบร่องรอยการฟันเป็นร้อยครั้งบนร่างกายของศพ แถมกำแพงที่แข็งเเรงยังเป็นรอยลึก" อึงเฟยเฉินยินดังนั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่า นี่เป็นฝีมือของสามดนตรีมรณะ พออึงเฟยเฉินรู้ดังนี้ก็รีบเดินทางไปพบ ซือหยวนฮ้องเต้ที่ดูแลเมืองแห่งนี้ และเป็นเพื่อนสนิทอึงเฟยเฉินอีกด้วย

ณ ห้องประชุม งานราชการ. ได้มีขุนนางทั้งน้อยใหญ่เข้าร่วมประชุมโดยมีประธานการประชุมคือชายที่ทุกคนต่างเคารพและรู้หวาดกลัวเวลาเขาผู้นี้โมโห ไม่ใครที่ไหนแต่เขาก็คือซือหยวนฮ้องเต้ที่อึงเฟยเฉินกล่าวถึงนั่นเอง

ระหว่างการประชุมได้มีทหารมารายงานว่า"เรียนฝ่าบาทประมุขอึงมาขอเข้าเฝ้า ตอนนี้รออยู่ที่จวน"ซือหยวนได้ยินดังนั้นจึงจบการประชุมและกับจวนเพื่อพบอึงเฟยเฉินทันที ณ จวนของซือหยวน อึงเฟยเฉินที่กำลังดื่มสุราที่ตนเตรียมเพื่อฝากเพือนสนิทอย่างเอหร็ดอหร่อยอยู่นั้น ซือหยวนก็มาถึงพอดีระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้นอึงเฟยเฉินก็เริ่มเมาจึงหาว่ามีคนวางยาตนจึงทำลายสุราไหนั้นทิ้งแล้วกล่าวด้วยความเมาว่า"เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธภพ ใช่ข้าอึงเฟยเฉินผู้นี้นี่แหละ5555+"หลังจากกล่าวเสร็จก็หัวเราะเสียงดังแต่ทันใดนั้นเองได้มีคนซัดอาวุรลับแต่อึงเฟยเฉินถึงแม้จะเมาอยู่แต่ก็รู้สึกถึงอาวุรลับจึงคว้าทวนมาปัดอาวุรลับและพุ่งไปหาผู้ที่ซัดอาวุรลับนั้นมา แต่บุลคลลึกลับนั้นกับมิใช่คนธรรมดาแต่กับมีวรยุทธที่สามารถปัดป้องการโจมตีของอึงเฟยเฉินแบบไม่ตื่นตนกตกใจ ฉับพลันอึงเฟยล่นถอยกลับไปตั้งหลักเตรียมโจมตีอีกครั้ง อึงเฟยเฉินและบุคคลลึกลับยืนประจัญหน้ากัน ทันใดนั้นเกิดเงาสีเขียวพุ่งถลันใส่บุลคลลึกลับ บุลคลลึกลับมิใด้ทันระวังจึงโดน ฝ่ามือรวมธาตุสลายชีพจรเข้าเต็มอก จึงได้บาดเจ็บสาหัส อึงเฟยเฉินเห็นดังนั้นจึงพุ่งเข้าไปหมายจะสังหารแต่ซือหยวนกับห้ามไว้เพื่อจะจับไปสอบสวนให้รู้ความ. ทันใดนั้น ตุ้ม!!!ได้มีการระเบิดขวางอึงเฟยเฉินไว้ หลังจากควันระเบิดได้สลายหายไปหมดก็พบว่าคนลึกลับผู้นั้นได้หายไปแล้ว. ด้วยความเมาอึงเฟยเฉินจึงหัวเสียเป็นอย่างมากพร้อมกล่าวด้วยความเมาสุราว่า"เจ้านี่น่ะมิน่าขวางข้าไว้ ถ้าเจ้ามิได้ขวางข้าไว้ป่านนี้มันได้กลายเป็นผีเฝ้าจวนเจ้าแล้ว"หลังจากกล่าวเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากจวนของซือหยวนไป ระหว่างทางกลับก็พบชายปริศนานอนอยู่กลางป่า. อึงเฟยเฉินได้พบจึงได้เดินเข้าไปดูก็พบว่าเป็นบุคคลลึกลับที่เข้าไปหมายที่จะสังหารอึงเฟยเฉินในจวนของซือหยวน ด้วยความเมาอึงเฟยเฉินก็ไม่ได้สนใจจึงจะเดินกลับทันใดนั้นบุคคลลึกลับที่นอนอนอยู่ก็ไดดีดตัวขึ้นมาและพุ่งเข้าหาอึงเฟยเฉินแต่ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บอยู่นั้นทำให้ลมปราณขัดข้อง ฉับพลันร่างกายชาวาบไม่สามารถขยับได้!!! ระหว่างที่กำลังตกใจก็รู้สึกถึงสิ่งใด้สิ่งหนึ่งที่สัมผัสอยู่ที่หลัง พอกลับไปมองที่อึงเฟยเฉินก็ไม่พบตัวเสียแล้ว ทันใดนั้น

!!!ตุ้ม!!!

เสียงดังกึกกล้องไปทั่วป่า. ร่างกายของบุคคลลึกลับลอยไปชนกับต้นไม้จนหัก ด้วยความไว้ของอึงเฟยเฉินนั้น เพียงพริบตาชายชุดเขียวก็ยืนเซอยู่ข้างหน้าระหว่างที่อึงเฟยเฉินยกเท้าขึ้นเพื่อหมายที่กระทืบไปที่บุคคลปริศนาที่หายใจโรยรินอยู่. แต่ยังที่จะปะทะฝ่าเท้าลงไป ได้มีขวานปริศนาลอยมาด้วยความเมาทำให้ขวานเล่มนั้นปาดหมวกของอึงเฟยเฉินจนหลุด

ขวานเล่มนั้นลอยมาพร้อมกับชายชุดทองสวมหมวกติดหยกสีเขียวใส หน้าดูดุดันนัยตามีความน่ากลัวอยู่และยังมาพร้อทกับเสียงหัวเราะสุดเยือกเย็น"5555555+ไม่คิดว่าจะได้เจอคนอย่างเจ้าที่นี่"อึงเฟยเฉินพงกหัวกับไปแล้วกล่าวว่า"จุนเซอมู่เฉา เจ้านี่มันตัวขัดแข้งขัดข้าได้ตลอดเลยนะ แต่ไม่เป็นไรในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเองข้าก็ช่วยไม่ได้"จุนเซอมู่เฉาได้ดึงขวามที่ปักอยู่กับต้นไม้และชี้หน้าบอกอึงเฟยเฉินว่า"งั้นเจ้ากับข้ามางัดซักตั้ง"พร้อมกับลอยไปบนยอดไม้ อึงเฟยเฉินเห็นดังนั้นก็คว้าทวนและตามขึ้นไป

บทที่3 การประลองกันของยอดฝีมือแห่งยุค

หลังจากอึงเฟยเฉินตามจุนเซอมู่เฉาขึ้นไปบนยอดไม้ ทั้งสองก็ประจัญหน้ากัน. ทางฝั่งจุนเซอมู่เฉายืนหยั่งองอาจกล้าหาญ. แต่ฝั่งอึงเฟยเฉินกับยืนโซเซด้วยฤทธิ์ของสุราอยู่ ในมือของทั้งสองคนถือยอดศาสตราวุธอยู่คือ ทวนวายุ และขวานผ่ายุทธภพด้วยอึงเฟยเฉินและจุนเซอมู่เฉามีธาตุเป็นของตัวเองซึ่งจะสามารถใช้พลังธาตุของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วแถมยังสามรถหลอมรวมกับอาวุธได้อีกด้วย ทั้งสองคนมองตากันสักพักพร้อมมีลมโชยมาฉับพลันทวนในมือของอึงเฟยเฉินก็พุ่งเข้าหาซุนเจอมู่เฉาแต่บวกกับความเมา ทำให้การแทงตรงนั้นเบี้ยว จุนเซอมู่เฉาใช้ขวานปัดป้องการโจมตี. หลังจากนั้นจุนเซอมู่เฉาได้กระโดดขึ้นสูงและฟาดขวานลงมา อึงเฟยเฉินใช้ทวนกันไว้ได้อย่างหวุดหวิด ถึงจะป้องกันการโจมตีนี้ได้แต่ก็ต้องรับแรงกดที่รุนแรงทำให้อึงเฟยเฉินจะร่วงลงไปข้างล่าง อึงเฟยเฉินยังไม่ทันถึงพื้นดินก็ดีดตัวเองขึ้นมาพร้อมกับพุ่งทวนไปอีกรอบ จุนเซอมู่เฉาเห็น จึงตั้งกระบวนท่าเตรียมตัวป้องกัน แต่อึงเฟยเฉินกับดึงทวนกับและพุ่งกับมาด้วยความแรง จุนเซอมู่เฉาไม่ทันระวัง แต่ด้วยระดับฝีมือนั้นมิได้เป็นรองกับอึงเฟยเฉิน ทำให้หลบการโจมตีนี้ไปได้ ระหว่างที่ทั้งสองสู้กันอยู่อย่างดุเดือดด้านล่างได้ปรากฎเงาปริศนานอนดูพวกเขากันอยู่บนกิ่งไม้พร้อมเรียกบุคคลลึกที่นอนหายใจโรยให้ดูการประชันกันระยอดฝีมือพร้อมทั้งบ่นว่า"เจ้านี่น้าาา. คิดจะสังหารใครไม่สังหาร. ดันจะไปสังหารคนอย่างอึงเฟยเฉิน คนผู้นี้แม้เมารึถูกยาพิษก็ยังสามารถต่อกรกับยอดฝีมือของพรรคต่างๆได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บโดยเล็กน้อย แม้ข้าจะไม่ได้ขึ้นไปสู้กลับพวกเค้าแต่ก็สัมผัสได้ถึงลมอ่อนๆ ที่โชยมา ทำให้นึกถึงวันวาน หึหึ"พอพูดเสร็จก็ให้ลูกน้องทั้งสองนำตัวบุคคลลึกลับกลับไปรักษา พร้อม ทั้งลอยกลับไป แต่วิชาตัวเบาของคนผู้นี้แม้เบาขนาดใหนก็ไม่สามารถรอดพ้นจากหูของยอดฝีมือทั้งสองได้ เมื่อทั้งสองได้ยินก็หยุดสู้กันทันทีพร้อมกับหันไปมองชายปริศนา ทางฝั่งจุนเซอมู่เฉาก็ถามอึงเฟยเฉินว่า"ออกมาจากคุกซาอีได้ตั้งแต่ตอนไหนละ"ทางฝั่งอึงก็ตอบกับไปว่า"คงจะซักพักแล้วแหละ"จากนั้นทั้งสองก็เลิกสู้กันพร้อมกลับไปในที่ของตน ระหว่างเดินทางกลับอึงเฟยเฉินก็บ่นพรึมพรัมตามภาษาคนเมา พอโจรป่าได้ยินเข้าก็ดักไว้หมายจะปล้นอึงเฟยเฉิน ไม่นานอึงเฟยเฉินก็กลับถึงพรรคพร้อมทั้งได้ยังข่าวว่า ได้พบศพโจรป่าถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ตรงแถบป่าเขตในเมือง แต่อึงเฟยเฉินกับไม่สนใจพร้อมทั้งเดินกลับไปที่จวนเพื่อพักผ่อน.

พอตื่นขึ้นก็พบว่าเวลาได้ร่วงเลยมาถึงตอนดึกแล้ว ด้วยความงัวเงียจึงลุกไปล้างหน้าระหว่างนั้นได้มีทหารวิ่งโหวกเหวกโวยวายเข้ามา อึงเฟยเฉินได้ยินจึงตำหนิทหารผู้นั้นว่า"เจ้าโวยวายเข้ามาเจ้ารู้รึไม่ว่าคนอื่นเค้าเหมื่อยล้าจากการทำงาน"ทหารได้ทำหน้าตกใจที่เห็นอึงเฟยเฉินแต่ด้วยความรีบจึงกล่าวว่า"เรียนท่านประมุขมีคนพบศพโจรป่าถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมอยู่ในเขตชายป่า เราควรทำอย่างไรดีอึงเฟยเฉินเดินไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมกล่าวว่า"เจ้าไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าใครทำอะไร. เจ้ามีหน้าที่คอยฝึกทหารก็ฝึกทหารไป งั้นเอางี้ข้าให้ทหารเจ้าคุม5แสนให้เจ้าฝึกเอาเองถ้าเจ้านำทหารไปออกรบแล้วมีชัยกลับมาข้าจะเลื่อนยศเป็นเเม่ทัพคนที่4 ทหารผู้นั้นได้หันมามองหน้าอึงเฟยเฉินพร้อมกล่าวว่า"ข้าเป็นเเค่นายกองเล็กๆคงมิได้มีวาสนาหรอก"อึงเฟยเฉินกล่าวเสียงดัง"มีสิ. ทุกคนมีวาสนาและโอกาสทั้งนั้นแหละ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคว้ามันไว้รึป่าว"หลังจากกล่าวจบอึงเฟยเฉินก็ได้กลับไปที่จวนเพื่ออาบน้ำ ส่วนทหารคนนั้นก็ยังยืนเอ๋ออยู่กับที่พร้อมกับทำหน้างง ว่าประมุขเรานั้นท่าจะบ้า.

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!