"อ้ากก ทำไมฉันถึงไม่ได้ไปสอบกับเขาด้วยเนี้ยย" นัตสึแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ
หากจะให้เท้าความว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นก็เพราะเขาเรวี่และแฮปปี้ต้องมาทำภารกิจเร่งด่วนที่มาสเตอร์ไหว้วานมานะสิ ทั้งๆที่จะได้สอบเลื่อนระดับเป็นเอสแล้วแท้ๆ อย่างงี้เจ้าเกรย์มันจะไม่แซงหน้าเขาไปก่อนหรอกเหรอ!?
เรวี่ที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ และกล่าวปลอบใจนัตึที่กำลังอารมณ์เสียจนหน้าบูดบึ้ง
"น่าๆ นัตสึครั้งหน้ายังมีโอกาสอยู่นะไว้พวกเราไปสอบแล้วผ่านด้วยกันเถอะ" นัตสึที่ได้ยินแบบนั้นก็ใจเย็นลงเล็กน้อยแต่ก็ได้ไม่นานนัก
"แต่ถ้าเจ้ากางเกงลิงนั้นมันเป็นระดับเอสก่อนฉันมันน่าหงุดหงิดนี่น่า! แค่คิดก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว!" นัตสึบ่นไฟออกปากจนแฮปปี้ที่บินอยู่ข้างๆหนวกหูและเข้ามาดึงเเก้มพ่อของตัวเองเป็นการลงโทษ
"โอ้ยๆ ทำอะไรเนี้ยแฮปปี้มันเจ็บนะเฟ้ย"
"ก็นัตสึส่งเสียงโหวกเหวกโว้ยว้ายอยู่ได้นี้น่า ไอซ์"
ทั้งสองคนเริ่มเถียงกัน เรวี่ที่มองดูอยู่ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกับพูด "พวกเธอสองคนนี้สนิทกันดีนะ"
""ไม่ใช่สะหน่อย"" แฮปปี้กับนัตสึพูดขึ้นมาพร้อมกันก่อนที่จะสบัดหน้าหนีเนื่องจากงอนในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
""เชอะ""
เรวี่ก็ได้แต่เหนื่อยใจและได้แต่หวังว่าภารกิจที่พวกเธอกำลังไปทำอยู่เนี้ยสำเร็จไปด้วยดีเถอะ ไม่งั้นเธอก็คงไม่มีหน้ากลับไปที่กิลล์แหง่ๆ เลย
หากจะให้เล่าก็คงต้องย้อนกลับไปก่อนที่พวกเกรย์กับลูซี่จะไปสอบเพื่อเลื่อนเป็นระดับเอสนั้นแหละว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆ ทั้งเธอและนัตสึถึงได้มาทำภารกิจด้วยกันได้แบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปทำด้วยกันมาก่อนแบบนี้
หนึ่งวันก่อนที่พวกนัตสึกับเรวี่จะได้รับภารกิจเจาะจงค์มาที่พวกเขา
"ชักจะเครื่องร้อนขึ้นมาแล้วสิเฟ้ยยย! จะได้สอบเพื่อเลื่อนระดับเป็นเอสแล้ว!" นัตสึยังคงแหกปากอยู่เหมือนเดิม
แต่วันนี้ดูจะคึกหน่อยเพราะเขาได้รับเลือกให้ได้ไปสอบเพื่อเลื่อนเป็นระดับเอสแล้วพร้อมกับคนอื่นๆ
"เงียบๆ หน่อยสิว่ะไอ้ตาชี้นี้คนยิ่งไม่ค่อยมีสมาธิอยู่" เกรย์บ่นเขาเองก็ตื่นเต้นไม่เเพ้กันเลยพยายามสงบอารมณ์แต่เพราะเสียงแหกปากของนัตสึทำให้เขาสงบอารมณ์ไม่ลงจริงๆ
"หา จะเอารึไงไอ้ตาตกนี้"
"พูดงี้ก็สวยสิฟร่ะ"
ทั้งสองคนเอาหัวชนกันพร้อมกับจ้องมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ
ลูซี่ที่นั้งอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่ายหัว "เฮ้อเจ้าพวกบ้านั้นเอาอีกแล้ว" ก่อนที่จะเลิกสนใจและหันไปคุยกับมิราเจนและเรวี่ด้วยความตื่นเต้นถึงเรื่องของการสอบเพราะเธอเองก็ได้รับเลือกเหมือนกัน
"คะ คุณนัตสึ คุณ คุณเกรย์คะ อย่าทะเลาะกันเลย!" เวนดี้รีบออกมาห้ามทัพเพราะไม่อยากให้กิลล์มีสภาพเละเทะเหมือนวันก่อนๆ
อีกอย่างคนที่ต้องรักษาคนบาดเจ็บมันก็คือเธอเองนะ! เด็กสาวได้แต่น้ำตาตกในห้ามยังไงก็เหมือนคุยกับลมไม่สนใจกันเลย
ผมสีน้ำเงินเข้มของเวนดี้ที่มัดเป็นทวินเทลถึงกับลู่ลงมาอย่างอ่อนแรง
นัตสึกับเกรย์เริ่มตีกันจนลามไปรอบๆ ปะทะกันนั่วเป็นสีสันอย่างหนึ่งของกิลล์อันดับหนึ่งในอิชูกัลอย่างกิลล์แฟรี่เทลแห่งนี้
กิลล์ที่แข็งแกร่งที่สุด!
และก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้มาสเตอร์รุ่นที่สาม หรือมาสเตอร์มาคาลอฟ เดรเยอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้บรรยากาศที่วุ่นวายอยู่เงียบลงที่ด้านหลังของชายชรามีร่างของหญิงสาวผมแดงยืนอยู่ เอลซ่า สกาเล็ต ไททาเนียแกร่งผู้เป็นระดับเอสอีกคนของกิลล์นั้นเอง
เธอจ้องมองไปยังตัวต้นเหตุทั้งสองหน่อด้วยเเววตาที่ดุดันจนทั้งนัตสึกับเดรย์สะดุ้งโหย่งไปด้วยความสั่นกลัว
"อะแฮม! เอาล่ะเจ้าพวกเด็กบ้าจงฟังให้ดีในวันพรุ่งนี้คนที่ได้รับเลือกให้เข้ารับการทดสอบจะได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่เพราะงั้นจงไปเตรียมตัวซะ!" เสียงของชายชราร่างเล็กที่องยืนอยู่บนคานชั้นของชั้นสองก้องกังวาลไปทั่วฺฮอลกิลล์
"เยส! จะได้ไปแล้วชักเครื่องร้อนขึ้นมาแล้วสิ!" นัตสึพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
แต่ทว่าเรื่องต่อไปที่มาคาลอฟพูดออกมาเนี้ยสิที่ดับไฟของเขาจนแทบจะมอด
"ยกเว้นนัตสึกับเรวี่"
สิ้นเสียงของมาสเตอร์คนทั้งกิลล์ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
""เอ๋!!!""
ทุกคนเริ่มสงสัยทันที ไม่ใช่ว่าสองคนนี้มีรายชื่ออยู่ในใบประกาศการเข้าสอบไม่ใช่รึไงกัน?
"ทุกคนอาจจะสงสัยแต่เพราะมีภารกิจเร่งด่วนเข้ามานะ และเจาะจงเฉพาะสองคนนี้ด้วยเพราะงั้นเรื่องการสอบเลยไม่สามารถทำได้นะ" มาสเตอร์บอกออกมาด้วยความรู้สึกผิด
"มาสเตอร์ ภารกิจนี้ยกเลิกไม่ได้เหรอคะ" เอลซ่าถามออกมาด้วยสีหน้าที่ดูกังวลเพราะสำหรับนัตสึ เธอรู้ดีว่าการเลื่อนระดับมันสำคัญแค่ไหนเรวี่เองก็เหมือนกัน
"ปฏิเสธไม่ได้หรอก เรื่องนี้มันมาจากราชาโดยตรงนะ" ได้ยินแบบนี้ทุกคนก็ตกใจอีกซ้ำสอง
ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาสเตอร์เรียกทั้งสองคนไปคุยที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของภารกิจและเหตุผลที่ทำไมทั้งสองคนถึงถูกเลือก
"มันเป็นภารกิจแบบไหนงั้นเหรอคะ? ทำไมถึงเลือกเฉพาะหนูกับนัตสึด้วย?" เรวี่ถามออกมาเธอเองบอกตามตรงก็รู้สึกผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้ไปสอบเพื่อเลื่อนระดับ ทั้งๆ ที่รอมาตลอดแท้ๆ อย่างงี้เธอจะได้สอบเลื่อนระดับอีกเมื่อไหร่กัน
นัตสึที่เห็นท่าทีเศร้าหมองของเรวี่เขาก็เศร้าตามก่อนที่จะตัดสินใจได้ เขาเดินไปข้างหน้าก่อนที่จะพูด
"ปู่! ให้เฉพาะฉันไปได้ไหม?!" มาคาลอฟเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
"นัตสึ..." เรวี่พูดชื่อของเด็กหนุ่มออกมาเบาๆ
"เฮ้อ....บอกตามตรงฉันก็ไม่อยากจะให้พวกเธอทั้งสองคนรับภารกิจนี้หรอกนะเพราะว่าการสอบมันกำลังจะเริ่มขึ้น
แต่เพราะครั้งนี้มันเป็นคำขอมาจากพระราชาของอณาจักรโดยตรงเลยปฏิเสธลำบาก หากไม่เจาะจงมาที่พวกเธอทั้งสองฉันก็ใฟ้คนอื่นที่ว่างอยู่รับไปแล้วล่ะ" ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงไม่น้อย
เพราะคำขอมันเจาะจงมาที่ทั้งสองแถมยังเป็นพระราชาอีกจะให้ปฏิเสธก็ทำไม่ได้ ไม่งั้นในอนาคตกิลล์ของพวกเขาคงมีปัญหาแน่ๆ
"ฮึ้ย! พระราชาอะไรนั้นเดียวฉันจะไปซัดให้หน้าหงายเดียวนี้แหละ" นัตสึมีน้ำโหและเตรียมที่จะพุ่งออกมาแม้ว่าไม่รู้ว่าทิศทางมันอยู่ที่ไหนก็ตาม
มาคาลอฟรีบใช้เวทมนทำให้เเขนของเขาใหญ่ขึ้นมาก่อนที่จะขว้าเข้าที่ผ้าพันคอของเด็กหนุ่มผมชมพู
"แอ็ก ทำอะไรของปู่เนี้ย!? ปล่อยนะ!" เขาดิ้นกระเเด๋วๆอยู่กลางอากาศ
"ถ้าฉันปล่อยแกไปชกพระราชาก็งานเข้าพอดีสิฟร่ะเจ้าเด็กนี้!" มาคาลอฟโมโหเจ้าเด็กสมองขี้เลื่อยคนนี้จริงๆ
เรวี่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับการกระทำของทั้งสองก่อนที่จะวกกลับเข้ามาที่หัวข้อสำคัญ นั้นก็คือทำไมต้องเป็นพวกเธอทั้งสองคน
มาคาลอฟรอบถอนหายใจก่อนที่จะบอกออกมา ได้ความว่าภารกิจในครั้งนี้นั้นเป็นภารกิจฉุกเฉินให้ไปจัดการกับสัตว์ประหลาดปริศนากับสืบหาต้นตอของมัน
เนื่องจากเวทมนปกติมันใช้ไม่ได้กับพวกมัน นอกจากเวทโบราณแล้วก็แทบทำความเสียหายให้พวกมันไม่ได้เพราะงั้นไฟของนัตสึจึงเข้าท่ามากกว่าเพราะมันสร้างควาทเสียหายได้เป็นวงกว้างและรุนแรง
"แล้วหนูละคะ?" เรวี่ถามขึ้นมาทันทีเพราะเธอไม่เห็นว่าตัวเองจะมีประโยชน์ในภารกิจนี้ตรงไหนเลย
"หลังจากที่จัดการสัตว์ประหลาดแล้ว หน้าที่ต่อไปก็คือการสืบต้นตอเพราะงั้นเรวี่ เวทมนของเธอจึงจำเป็นสำหรับหน้าที่นี้มากอีกอย่างความชำนานในภาษาโบราณของเธอเองก็สามารถใช้ประโยชน์ในการสืบหานี้เช่นกัน"
"......." นัตสึกับเรวี่มองหน้ากัน พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าภารกิจนี้เริ่มที่จะดูจริงจังมากกว่าทุกทีแล้วสิ
หลังจากนั้นมาคาลอฟก็พูดอะไรอีกนิดหน่อยก่อนที่จะปล่อยทั้งสองคนออกมา พวกเขาตกลงรับภารกิจอย่างที่ไม่อาจเลี่ยงได้
"อืม หลังจากกลับมาแล้วฉันจะพิจารณาให้พวกเธอสองคนเลื่อนขั้นเป็นระดับเอสให้ก็แล้วกัน" มาคาลอฟบอกก่อนที่ทั้งสองจะออกจากห้องไป เขาเองก็ไม่อยากตัดโอกาศเด็กๆจึงได้เสนอทางเลือกนี้ออกมา
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยถูกใจนัตสึเท่าไหร่นัก
"ไม่ต้องหรอกน่าปู่ ถึงฉันจะไม่ได้สอบครั้งนี้แต่จะไม่มีการโกงอย่างพิจารณาแน่นอน ฉันจะสอบในครั้งถัดไป"
เรวี่ที่ตอนแรกดีใจกับคำพูดของมาคาลอฟเมื่อได้ยินนัตสึกล่าวเธอก็เริ่มคล้อยตาม ก่อนที่จะเห็นด้วย
การทำแบบนี้มันไม่แฟร์กับคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการสอบเลยแม้แต่น้อย
"หนูเองก็เหมือนกันคะ!"
"เรวี่" นัตสึยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของสาวร่างเล็กแต่จิตใจแกร่งกล้าเกินร้อย เขาถูกใจคำพูดของเธอมากๆ!
พอออกมาทุกคนก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
"เรวี่จังมาสเตอร์ว่ายังไงบ้างปฏิเสธไปแล้วใช่ไหม?" ลูซี่ถาม เธอเองก็อยากจะไปสอบพร้อมกับเพื่อนสนิทของเธอมาก แต่พอเห็นเรวี่ส่ายหัวให้ลูซี่ก็ตกใจ
"ทำไมล่ะ!?" ลูซี่ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
"ก็...มันเป็นภารกิจที่สำคัญมากนะนอกจากฉันกับนัตสึแล้วคนอื่นก็ไม่เหมาะนะเลยช่วยไม่ได้ แฮะๆ" เรวี่หัวเราะออกมาแห้งๆ ก่อนที่จะรีบบอกต่อเมื่อเห็นลูซี่เศร้า
"แต่ว่าครั้งหน้าที่ไปสอบฉันกับนัตสึยังได้สิทธิ์อยู่แค่ครั้งนี้ไม่ได้ไปพร้อมกับทุกคนแค่นั้นเองนะ"
"ใช่แล้วอย่างที่เรวี่บอก!" นัตสึกล่าวเสริม
"แล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังก็แล้วกันเจ้ากิ่งก่าไฟ" เกรย์พูดจ่ายั่วยุเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้ถูกถอดถอนการสอบไปเพียงแค่ไม่ได้ไปพร้อมกับพวกเขาเท่านั้น
"ว่าไงนะเจ้าชีเปลื้อยนี้!"
"ว่าใครชีเปลื้อยฟร่ะ!?"
""ก็แกนั้นแหละ"" ทุกคนในกิลล์พูดขึ้นมาพร้อมกันเพราะตอนนี้เดรย์เหลื่อเพียงแค่กุงเกงลิงเพียงตัวเดียว
เกรย์ร้องขึ้นมาว่า เผลอถอดอีกแล้ว! ก่อนที่จะโดนเอลซ่าเขกหัวเเละลากให้กลับไปใส่เสื้อโดยที่มีจูเบียตามไป
ลูซี่หัวเราะออกมาและเริ่มวางใจ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ไปสอบด้วยกันก็ตาม
กลับมายังปัจจุบัน
"ไม่อยากขึ้นรถไฟเลย...อ่อยยย" นัตสึทำหน้าเพลียจัดหลังจากที่เห็นศัตรูที่เขาไม่เคยเอาชนะได้สักครั้ง
"เอาน่านัตสึภารกิจครั้งนี้เราต้องนั้งรถไฟไปนะ เดินไปไม่ถึงแน่นอน" เรวี่บอก
"งั้นก็ให้แฮปปี้แบกพวกเราสองคนไปไง! ง่ายกว่ากันตั้งเยอะ" นัตสึเสนอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แฮปปี้แมวมีปีกตัวสีฟ้ารีบแย้งขึ้นมาทันที "ไอซ์! ผมแบกทั้งสองคนไม่ไหวหรอกนะ! แค่นัตสึคนเดียวผมก็เต็มกลืนแล้ว"
"เอาน่าๆ นัตสึไม่ต้องทำหน้าเพลียขนาดนั้นก็ได้" เรวี่พยายามปลอบก่อนที่จะเสนออะไรที่น่าสนใจออกมา "อืมม...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนายอยากจะลองรักษาอาการเมาพาหนะดูไหม?"
เด็กหนุ่มตาเป็นประกายก่อนที่จะพุ่งเข้าไปจับไหลของเรวี่เอาไว้แน่น
"ทำได้จริงเหรอ!?"
หญิงสาวร่างเล็กทำหน้าลำบากใจ "มันก็ไม่ร้อยเปอร์เซนหรอก พอดีว่าสนใจก็เลยลองค้นขว้าจากเวทรักษาของเวนดี้จังดูนะ"
"ไม่เป็นไรลองกับฉันได้ไม่มีปัญหา" นัตสึบอกเพราะเขาไม่อยากจะรู้สึกพะอืดพะอมเวลาขึ้นยานพาหนะอีกแล้ว
"เอาจริงเหรอ? ถ้างั้นฉันขอลองดูหน่อยนะ" เรวี่เริ่มร่ายเวทมนตร์ของเธอใส่ตัวนัตสึ
เธอใช้นิ้วเขียนอักษรรูนซึ้งเป็นภาษาโบราณที่มีคำว่ารักษาและคำอื่นๆที่อ่านแทบไม่ออกลงไป พอมันลอยไปประทับกับนัตสึแล้วก็เกิดแสงส่องไปทั่วทั้งร่างของเขาชั่วครู่ก่อนที่จะดับลง
"ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ" แฮปปี้พูดขึ้นมา นัตาเอียงศีษระ
"พลาด?"
"มันต้องลองขึ้นรถไฟถึงจะรู้สิ มายืนอยู่ตรงนี้อาการคลื่นใส่มันจะแสดงไหมล่ะ?" เรวี่บอก
"นั้นสินะ! งั้นพวกเรารีบไปขึ้นกันเถอะ" นัตสึจับมือของเรวี่ก่อนที่จะดึงเธอขึ้นรถไฟไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น
เขาจะห่ยจากอาการเมาพาหนะแล้วเฟ้ยย!
"ดะ เดียวนัตสึ!"
"รอผมด้วยสิ ไอซ์!"
"ไม่เมา...." เด็กหนุ่มผมชมพูที่สีดูเหมือนเนื้อแซลม่อนพึมพัมออกมาเบาๆ เขย่าตัวจนสุดก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นมาด้วยความดีใจสุดขีด
แขนทั้งสองข้างชูไปบนฟ้าพร้อมกับตะโกน
""หายเมายานพาหนะแล้ววว!!/ ไอซ์!!"" นัตสึกับคู่หูของเขาตะโกนออกมากลางขบวนรถไฟ
คนที่นั้งอยู่รอบๆ เริ่มมองมาที่พวกเขาและคิดว่าหัวของนัตสึน่าจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างถึงได้ดูเพี้ยนๆ แบบนี้
"นั้งลงเถอะนัตสึมันรบกวนคนอื่นเขานะ" เลวี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าการค้นขว้าของเธอประสบผลสำเร็จ
แบบนี้คงสามารถเอาไปใช่กับกาซีลได้แล้วสิเนี้ย...เมื่อคิดถึงชายคนนี้เลวี่ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
"บ้า...คิดอะไรของเรากันเนี้ย" เธอพึมพัมออกมาเบาๆ และพยายามเลิกคิดถึงเรื่องของอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงนัตสึเลยว่าตอนนี้เขาเข้ามานั้งจ้องหน้าของเธอชนิดที่แทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว เนื่องจากเด็กหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวร่างเล็กจู่ๆ ก็หน้าแดงเลยนึกว่าเป็นไข้
เขาจึงเข้ามาดูไกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง
"เลวี่เธอไม่าสบายงั้นเหรอ?" เลวี่ได้สติหันมาตามเสียงพูดของนัตสึก่อนที่จะตกใจเพราะใบหน้าของเขามันไกล้มาก และการหันมาเมื่อกี้ของเธอจมูกของเขาเเละเธอเองก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว
"อ้าย!" เรวี่ตกใจร้องออกมาก่อนที่จะเผลอใช้มือทั้งสองข้างพลักใบหน้าของนัตสึออกไปอย่างเเรง
"หะ! เดียว-"
ก้อง!
โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรหัวของนัตสึก็ถูกกระแทกเข้ากับที่นั้งไปสะแล้ว ดวงตาของเด็กหนุ่มขาวโพลนดูเหมือนว่าการลอบโจมตีเมื่อกี้จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่สิ!-
"อะ นัตสึเป็นอะไรไหม!? เมื่อกี้ฉันแค่...ตก...ใจ" เมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่มที่สลบน้ำลายยืดเลวี่ก็ถึงกับพูดต่อไม่ออก
"ดูเหมือนจะสลบไปแล้วนะไอเซอร์!" แฮปปี้บอกออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อของตนเองสลบไปแล้ว
เลวี่รู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายสลบไป เธอจึงเปลี่ยนที่นั้งไปนั้งข้างๆนัตสึแทน (เมื่อกี้ทั้งสองคนนั้งหันหน้าเข้าหากัน) ก่อนที่จะนำหัวของเขามาหนุนที่ตักของเธอ และเอากระเป๋าสำภาระวางไว้ที่นั้งของเธอแทน
แฮปปี้เองก็ย้ายไปนั้งอยู่กับกระเป๋าเช่นกันเนื่องจากที่นั้งไม่พอให้นั้งได้สามคนในที่เดียว
"หวังว่าแบบนี้จะไม่ทำให้หัวของนัตสึกระแทกเพิ่มนะ" เธอพูดออกมาเบาๆ ให้ตัวเองได้ยินเป็นการปลอบใจตัวเอง
หลังจากที่จัดท่าทางของนัตสึเสร็จ เธอก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างคาดหวังกับภารกิจที่พวกเธอกำลังจะไปทำ
ได้แต่หวังไว้ว่ามันจะไม่ยุ่งยากเกินไปละนะ
.....
ณ ปราสาทของพระราชาซึ่งอยู่ใจกลางของอานาจักรฟิโอเล่
พระราชาโทมะ อี ฟิโอเล่ ทำหน้าเครียดหลังจากที่ได้รับข่าวสารใหม่จากข้ารับใช้ถึงเรื่องสัตว์ประหลาดแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พระราชาเป็นชายวัยกลางคนมีผมสีขาวซึ่งก็เป็นไปตามวัยสังขาล ร่างของเขาไม่สูงมากนักหากจะให้เทียบก็คงจะราวๆ มาสาเตอร์จากกิลล์แฟรี่เทลที่มีส่วนสูงไกล้เคียงกัน
"ว่ายังไงนะ จู่ๆ มันก็โผล่ออกมาจากหลุมสีดำที่ปรากฏออกมาจากอากาศ!? เจ้าแน่ใจงั้นรึ?"
ข้ารับใช้พยักหน้ายืนยันในขณะที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่หน้าพระพักของพระราชา
"ขอรับจากข่าวสารที่สามารถยืนยันได้ เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมันออกมาจากหลุมสีดำกลางอากาศซึ่งน่าจะมาจากเวทมนประเภทมิติขอรับ"
สัตว์ประหลาดที่พวดเขาพูดถึงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากว่าจู่ๆ ก็ได้รับรายงานเดี่ยวกับพวกมันประมาณหนึ่งตัวเมื่อเดือนก่อนแต่เพราะมันไม่ได้มีมากมายอะไรจึงไม่มีใครสนใจมากนัก
แต่พอมันเริ่มสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านก็มีคนออกภารกิจให้ไปกำจัดมันแต่ทว่าจอมเวทที่รับภารกิจไปไม่ตายก็รอดมาแบบไม่ครบสามสิบสองและกลายเป็นบ้ากันไปหมด เอาแต่พึมๆ อะไรไม่รู้ออกมา
บางก็บอกว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่เหมือนมังกร บางก็บอกว่ามันมีรูปร่างเหมือนโกเลม และมีอีกสิ่งที่น่าสงสัยก็คือมีคนที่รอดบอดมาว่ามันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์
เวทมนตร์ปกติไม่สามารถทำความเสียหายให้กับมันได้นอกจากเวทมนตร์โบราณ พระราชาที่เริ่มรับรู้ถึงวิกฤติก็เริ่มส่งมือดีเข้าไปตรวจสอบถึงเรื่องนี้และก็เพิ่งจะได้ข้อมูลใหม่มาสดๆ ร้อนๆ
"เฮ้อ....หวังว่าจอมเวทจากกิลล์แฟรี่เทลจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้นะ" พระราชาที่นั้งอยู่บนบรรลังค์กล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
ตอนนี้คงได้แต่คาดหวังไว้กับเวทมนโบราณของซาลาแมนเดอร์กับอีกคนที่มาจากทีมชาโดว์เกียผู้มีความสามารถในการอ่านภาษาโบราณแล้วล่ะ
พระราชาเฝ้ารอการมาถึงของทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ
.....
"เอ้า! นัตสึพวกเรามาถึงเมืองหลวงแล้วนะ" เลวี่ตะโกนเรียกนัตสึที่นอนเอามือกุมปากไว้อยู่ ใบหน้าของเขามันดูซีดเซียวจนไม่มีสี
สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าคาถาที่เลวี่ร่ายเอาไว้มันหมดฤทธิ์นะสิ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แบบสะทีเดียวคงต้องค้นขว้ากันต่อไป
"อุก....ช่วย....ด้วย" นัตสึคลานมาเกาะขาของเลวี่ท่ามกลางสายตาของประชาชีที่มองอยู่ หญิงสาวร่างเล็กรู้สึกอายขึ้นมาทันที
"นี้นัตสึอย่าทำแบบนี้สิมันน่าอายนะ!" เธอกระซิบบอกเสียงเบาในขณะที่พยายามแงะมือของนัตสึออกจากขาของเธอให้ได้อยู่
"จะอ้วก...แล้ว อุก" นัตสึเริ่มทำท่าจะคายอาหารเช้าที่กินไปออกมา
เลวี่ร้องกรี้ดทันทีเนื่องจากว่าเขาทำท่าจะอ้วกรดขาของเธอ
"แฮปปี้มาช่วยหน่อยสิ!" เรวี่หันไปหาตัวช่วย
"ไอซ์ นัตสึกินปลาหน่อยไหมเผื่ออาการจะดีขึ้น" แฮปปี้ยื่นปลาสดมาไกล้ใบหน้าของนัตสึ ซึ่งจากกลิ่นคาวของมันบวกกับคนกำลังคลื่นใส้อยู่ก็เท่ากับ-
"อ้วกกก"
"......." เรวี่
"......" ประชาชนที่มองอยู่
"อืม...เค้าไม่ผิดนะ" แฮปปี้
และสุดท้ายเลวี่ก็ต้องมาเก็บกวาดเองอยู่ดีด้วยเวทมนง่ายๆ อย่างการเขียนคลีนทำให้คราบใฟ้ไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก่อนที่จะรักษาอาการของนัตสึเบื้องต้นด้วยการให้เขากินยากับร่ายเวทด้วยการเขียนอักษรของเธอลงไปบนตัวของเด็กหนุ่มไป
"คืนชีพพพ! ฮาๆๆ!" พออาการหายปุปก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม "ขอบคุณนะที่ช่วยเลวี่!"
นัตสึยิ้มแฉ่งให้ เลวี่ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนเเรงตอบและคิดในใจไปด้วยว่า 'ลูซี่จังรู้สึกแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ? เฮ้อ'
เนื่องจากว่าพึ่งจะเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ พวกเขาเลยไปหาร้านอาหารเพื่อเติมพลังสักหน่อยก่อนที่จะไปพบกับผู้จ้างวาน ซึ่งก็คือพระราชาของอานาจักรแห่งนี้
รับประทานอาหารจนอิ่มหน่ำสำราญกันเสร็จโดยที่มื้อนี้นัตสึเป็นคนเลี้ยงเป็นการขอบคุณเลวี่ที่ช่วยเขาไว้หลายครั้งในวันนี้ และโชคดีที่เขายังมีเงินเหลือจากภารกิจก่อนๆ ไม่งั้นคงไม่พ้นเลวี่ต้องเป็นคนจ่ายแทนแหง่ๆ
"งั้นพวกเราไปพบพระราชากันเถอะ!" เลวี่บอกโดยมีเสียงร้อง "โอ้!" กับ "ไอเซอร์!" ตามหลังเธอมา
รู้สึกเหมือนกับกลายเป็นพี่เลี้ยงยังไงก็ไม่รู้แฮะ เลวี่ได้แต่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
พวกเขาเดินทางไปที่ประสาทซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงเป็นสถานที่ๆ เด่นสุดๆไปเลยจึงสามารถมาถึงได้ง่ายมาก
พอเอาเอกสารยื่นให้กับทหารยามที่เฝ้ารักษาประตูอยู่ก็ถูกนำทางมาที่ห้องรับแขกในประสาทหลังใหญ่โตแห่งนี้ เอะ...หรือว่าจะเรียกว่าวังดี?
ใหญ่ขนาดนี้น่าจะวังนั้นแหละ
นั้งรออยู่สักพักก็มีข้ารับใช้เข้ามาพาไปยังที่ๆ พระราชาอยู่เพื่อเข้าเฝ้า
"เอาล่ะมาถึงแล้วขอรับ...ก่อนจะเข้าไปกระผมขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าได้เสียมารยาทกับฝ่าบาทเด็ดขาด"
เลวี่รู้เลยว่าอีกฝ่ายน่าจะกังวลน่าดู ก็นะกิลล์ของพวกเธอเป็นกิลล์ที่ไม่ค่อยสนกฏเกนณ์อะไรเลยสักนิดกลัวว่าจะทำอะไรเสียหายต่อหน้าจองพระราชาก็ไม่แปลก
หลังจากที่ประตูเปิดออกนัตสึกับเลวี่และแฮปปี้ที่ตอนนี้เกาะอยู่บนไหล่ของนัตสึอยู่ก็เดินเข้าไปตามพรมสีแดง
"ถวายบังคม" ข้ารับใช้คุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ
เลวี่เองก็ทำตามแต่นัตสึนั้น....ไม่เขายื่นนิ่งๆ และจ้องหน้าของพระราชาก่อนที่จะทำหน้ายัวะโมโหขึ้นมา
"ขอต่อยสักทีเถอะ" เด็กหนุ่มชนหมัดกับฝ่ามืออีกข้างจนมีประกายไฟปะทุ
คนที่อยู่ในห้องตกใจและที่ตกใจที่สุดก็คือเลวี่ เธอรีบลุกขึ้นมาเกาะตัวของนัตสึเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบกล่าวออกมา ไม่งั้นมีหวังพวกเธอได้หัวกุดข้อหาทำร้ายพระราชาของอานาจักรแน่ๆ
"ขอโทษด้วยนะคะ! พอดีว่าเขาแค่โมโหที่ไม่ได้ไปสอบเพื่อเลื่อนเป็นระดับเอสนะคะ!"
"ฮะๆ ไม่เป็นไรๆ เราเข้าใจ" พระราชาโทมะหัวเราะออกมาแห้งๆ พร้อมกับเหงื่อตกและรํสึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ไปสอบ
"เอาล่ะพวกเจ้าไปจัดเตรียมสถานที่ให้หน่อยเรากับจอมเวทจากแฟรี่เทลจะหารือเกี่ยวกับภารกิจที่พวกเขาจะได้รับไป" พระราชาโทมะสั่งข้ารับใช้
"ทราบแล้วขอรับ" ข้ารับใช้คานรับและเดินออกไปทำตามคำสั่งของพระราชาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้สถานที่ๆ ต้องการแล้วพวกเขาก็ย้ายไปยังสถายที่นั้นก่อนที่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเนี้อหาของภารกิจที่นัตสึและเลวี่จะได้รับไป
"เอาล่ะเราต้องขอโทษด้วยที่ต้องลากพวกเธอให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ติดภารกิจสำคัญอยู่" พระราชาโทมะกล่าวขอโทษออกมาด้วยความจริงใจ
แม้นัตสึจะรู้สึกหัวร้อนอยู่บ้างแต่เมื่อได้รับการขอโทษแล้วเขาก็ใจเย็นลงและพร้อมกับจะรับฟังเนื้อหาเต็มของภารกิจจากผู้จ้างวานแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกคะท่าน หากพวกเราสามารถทำได้ก็ไม่เกี่หรอกว่าจะเป็นภารกิจแบบไหน" เลวี่ยิ้มให้ด้วยความมั้นใจโดยมีนัตสึผงกหัวเสริมส่วนแฮปปี้ก็นั้งกินปลาของเขาไป
"งั้นเหรอ เป็นงั้นเองอย่างนี้ทางเร่ก็ค่อยโล่งอกหน่อย"
"เนื้อหาภารกิจที่เราจะจ้างวานนั้นมันค่อนข้างที่จะคลุมเครือไปหน่อย..." แล้วพระราชาก็บอกเนื้อหาเท่าที่ได้รับรู้มาให้ทั้งสองฟัง
เหตุเกิดจากสัตว์ประหลาดปริศนาปรากฏขึ้นมาจากวังวนสีดำรูปร่างไม่แน่ชัดเพราะมันสามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ มีความสามารถสังหารจอมเวทได้ง่ายดาย
เวทมนปกติไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
"แบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะงานหยาบเลยสิคะ" เลวี่เริ่มประหม่า
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเดียวจะใช้เวทมนนี้ซัดพวกมันจนหมอบให้ดู" นัตสึจุดประกายไฟบนฝ่ามือก่อนที่จะกำหมัดกลายเป็นลุกไหม้ทั่วทั้งมือของเขา
"ใช่แล้วไอซ์! พลังทำลายของนัตสึหาใครเทียบได้อยู่แล้ว
"ได้ยินแบบนั้นเราก็วางใจ" พระราชายิ้ม "ส่วนหลังจากที่พวกเธอสาทฝมารถจัดการมันได้แล้วอยากจะใฟ้สืบค้นดูว่าพวกมันคือตัวอะไรกันแน่ให้หน่อยได้ไหม?"
"จะบอกว่าให้ฝ่าศพพวกมันเหรอคะ?"
"ทำนองนั้น" พระราชาพยักหน้าให้เป็นการยืนยัน
พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ เผื่อข้อมูลยิบย่อยมันจะเป็นประโยชน์เลวี่ตดบันทึกข้อมูลทุกอย่างลงไปในโน้ตที่เธอเอาออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ
ส่วนนัตสึกับแฮปปี้นั้นก็แทบจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่แล้วเนื่องจากข้อมูลทั้งหลายนั้นมันมากเกินไป เกินกว่าที่สมองของพวกเขาจะรับไหว
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงที่แจ่งตัวดูดีหรูหราอายุประมาณสิบเอ็ดปีเดินเข้ามายังสถานที่ๆ พวกเขากำลังคุยกันอยู่
"ท่านพ่อ!"
"ชิซุย" พระราชาแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวมาหา
นัตสึกับแฮปปี้ตื่นขึ้นมา เลวี่เองก็มองไปยังเด็กสาวคนที่ชื่อว่าชิซุย
เธอมีผมสีเขียวมัดไว้เป็นทรงหางม้าดูดีเหมาะกับวัยเด็กแบบเธอมาก ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมของเธอจ้องมองมาที่ทั้งสามคนอย่างแปลกใจ
เมื่อพระราชาโทมะเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวขึ้นมา
"ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ นี้ลูกสาวของเราเองชื่อ ชิซุย อี ฟิโอเล่" พระราชาตบหลังของลูกสาวเบาๆ เพื่อเป็นเชิงให้กำลังใจ "เอาสวัสดีพวกพี่เขาสิ"
"สะ สวัสดีคะทุกคน" เธอพูดออกมาเขินๆ
เลวี่ดวงตาเป็นประกายเพราะเด็กสาวคนนี้น่ารักมาก
"สวัสดีคะองค์หญิง พี่ชื่อเลวี่นะ"
"สวัสดีเราชื่อแฮปปี้!"
"ว่าไง! ส่วนฉันชื่อนัตสึ" เด็กหนุ่มยิ้มให้กับเด็กสาวจนหน้าแดงด้วยความเขินอายเธอรีบไปหลบที่หลังของพ่อเธอทันที
ในชีวิตของเธอยังไม่เคยคุยกับเพศตรงข้ามมาก่อนเลยโดยเฉพาะอายุที่ไกล้เคียงกันแบบนี้?
นัตสึกับเลวี่ออกเดินทางหลังจากที่ได้ข้อมูลของภารกิจมาจากพระราชาทั้งหมดแล้ว
ทิศทางที่พวกเขาจะต้องก็ก็คือทางเหนือ ตัวตันเหตุมันอยู่ในป่าไกล้กับหมูบ้านที่อยู่ในระแวกนั้นพอดี
และเวลาที่พวกเขาจะต้องใช้หากเดินทางด้วยการเดินเท้าก็คือสี่วัน ซึ่งมันนานเกินไปเพราะงั้นจึงต้องใช้รถม้าในการเดินทางเท่านั้นไม่งั้นเป้าหมายอาจจะหนีเตลิดไปแล้วก็ได้
นัตสึได้แต่ทำหน้าซีดไม่อยากจะขึ้นรถม้าเลยสักนิด เลวี่จึงต้องทำการรายเวทรักษาสำหรับดราก้อนสเลเยอร์ที่เธอทำการค้นขว้ามาให้เจ้าตัวอีกครั้ง
"แบบนี้ค่อยโล่งหน่อย!" นัตสึราวกับปลาได้น้ำรีบกระโดดเข้าไปนั้งทันที
"เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิ" เลวี่ได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำเเบบเด็กๆ ของนัตสึ "งั้นพวกเราก็ขึ้นกันเถอะแฮปปี้"
"ไอเซอร์!" แฮปปี้ตอบก่อนที่จะถูกเลวี่อุ้มและขึ้นรถม้าไป
การเดินทางสู่จุดหมายสู่ภารกิจสำคัญเริ่มขึ้นแล้ว!
จะว่าไปเรื่องรางวัลภารกิจที่พระราชาบอกมา เอาตรงๆ เลวี่แทบจะเป็นลมล้มพับไปในตอนนั้นที่ได้ฟังเลย
เงินจีเวลที่พวกเธอจะได้รับนั้นก็คือ....หนึ่งร้อยสามสิบล้านจีเวล! และสมบัติอื่นๆ ในท้องพระโรงอีกจำนวนหนึ่งเพียงแค่ทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
ของรางวัลทำเอาเธอกลัวจนไม่กล้าทำภารกิจเลย แต่ก็สามารถตั้งสติได้เพราะภารกิจที่ให้ค่าตอบแทนสูงแบบนี้บอกได้คำเดียวก็คือหากไม่เสี่ยงชีวิตก็ไม่อาจได้มาแน่ๆ
เพราะงั้นในระหว่างที่เดินทางอยู่เลวี่จึงทุ้มสุดตัวเพราะค้นขว้าข้อมูลที่ได้มาจากพระราชาเพื่อค้นหาต้นตอของมันไปพร้อมๆ กับต้นตอ
แม้ว่าจะดูไม่มีความหมายอะไรเพราะเป็นการฟังมาจากปากคนอื่นและยังไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแบบนี้
"เฮ้! แฮปปี้ดูนั้นต้นไม้!" นัตสึที่ตื่นเต้นเพราะไม่รู้สึกเมารถก็จ้อไม่หยุด
"เฮ้แฮปปี้! นั้นนก!"
"นั้นขอนไม้!"
"นั้นโจร!"
"พวกมันกำลังมาทางนี้!-"
.
.
.
สามวันผ่านไป
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย จริงๆ ก็ไม่ใช่จุดหมายหรอกแต่มันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ไกล้ๆ ต่างหาก
เลวี่นัตสึและแฮปปี้ยืนอยู่ภายในตัวหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ เด็กหนุ่มผมชมพูแซลม่อนถึงกับกัดฟันกรอดเมื่อเห็นสภาพของชาวบ้านที่อยู่ที่นี้แล้ว
เลวี่ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากแววตาของเธอสั่นไหว แฮปปี้แมวมีปีกที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอก็ถึงกับจิตใจสั่นไหว
ภาพแบบนี้...มันโหดร้ายเกินไปแล้ว...
ชาวบ้านไม่ได้สนใจพวกเขา สภาพในตอนนี้ถึงอยู่ไปก็แทบจะไร้ความหวังเหมือนหายใจทิ้งเฉยๆ แววตาของแต่ละคนช่างเลื้อนลอย ตามร่างกายของพวกเขามีบาดแผลสาหัสมากมายจนบรรยายไม่ออก
"นี้มัน....เกิดบ้าอะไรขึ้น" นัตสึพูดออกมาเสียงต่ำแววตาของเขาเเดงก่ำไปหมด
"นั้นเป็นฝีมือของสัตว์ประหลาดครับ" เสียงปริศนาตอบคำถามที่นัตสึพูดออกมาอย่างลืมตัว
ทั้งสามคนรีบหันไปมองด้วยความตกใจเนื่องจากสัมพัสถึงคนที่พูดไม่ได้ว่ามาตอนไหน ปรากฏว่าเป็นชายชราที่สภาพไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้านนัก
"คุณคือใคร...คะ?" เลวี่ถามออกมาด้วยความสงายแม้ว่าจะยังเสถือนใจกับสภาพของพวกชาวบ้านอยู่
"หัวหน้าหมู่บ้านมูนฟอเรสครับ ท่านจอมเวท" ชายชราที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านตอบ "พวกท่านคงจะถูกส่งมาจากพระราชาสินะ ข้าชื่อชิชะ ต้องขออภัยที่แสดงด้านไม่ดีให้เห็น"
หัวหน้าหมู่บ้ายชิชะที่ใช้ไม้ค้ำอยู่พยายามก้มหัวขอโทษ ขาของเขาขาดไปข้างหนึ่งจึงทำให้ทรงตัวลำบากมากพอก้มหัวมาข้างหน้าก็แทบจะทำให้เขาล้มลงมาแล้ว
นัตสึรีบเข้าไปประคองทันที
"อย่าฝืนเลยน่าปู่"
"ขอบคุณมากท่านจอมเวท" ชิชะกล่าวขอบคุณนัตสึที่ช่วยเอาไว้ ก่อนที่จะเชิญพวกเขาไปยังกระต๊อบหลังเล็กที่ทำไว้อย่างลวกๆ เนื่องจากบ้านทุกหลังไม่ถูกทำลายก็แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ คุณชิชะ" เลวี่ถามตรงเข้าประเด็นทันทีที่ได้นั้งลง นัตสึกับแฮปปี้นั้งอยู่ข้างๆ เธอ
ชิชะที่นั้งอยู่บนที่นอนของเขาก็ทำสีหน้าหวาดกลัว ตัวเริ่มสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"มันคือ...สัตว์ประหลาด" เขากล่าวออกมาเสียงสั่น "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาได้ยังไงแต่จู่ๆ มะนก็โผล่พลวดเข้ามาในหมู่บ้าน รูปร่างของมันแปลกประหลาดมากเพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ตลอดเวลา พอมันฆ่าและกินคนไปจำนวนหนึ่งก็หยุดก่อนที่จะหนีกลับเข้าไปในป่า"
"ข้าเอง....ก็เอาชีวิตแทบไม่รอด" ชายชรากลั้นน้ำตาที่กำลังไหลลิ้นลงมา ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวผมหงอกที่เหลืออยู่บนหัวไม่มากนั้นก็สั้นไหวไปตามการสั่นของร่างกาย
"ลูกชายข้าถูกมันฆ่าตายและกินไปต่อหน้าต่อตา"
ทั้งสามคนนั้งฟังเงียบๆ และมีคนเดียวที่เดือดที่สุดในสามคนที่ได้ฟังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือนัตสึ
"เจ้าสัตว์ประหลาดนั้น....กล้าดียังไง!?"
เลวี่ที่เห็นท่าทีของนัตสึเริ่มไม่ดีก็รีบยื่นมือเข้าไปขว้าเเขนของเขาเอาไว้
"นัตสึใจเย็นก่อน พวกเราจะต้องวางแผนดีๆ ก่อนนะ"
เด็กหนุ่มตะโกนส่วนขึ้นมา "แล้วจะให้ฉันทำยังไง นั้งรอดูพวกชาวบ้านและคุณปู่คนนี้เจ็บปวดเฉยๆ รึไงกัน!?"
"ไม่ใช่ ที่ฉันจะสื่อก็คือพวกเราจำเป็นที่จะต้องวางแผนให้รัดกุมมากกว่านี้เกิดพวกเราเข้าไปสู้กับมันแล้วเผลอลากมันเข้ามาในเขตหมู่บ้านมันจะไม่แย่รึไงกัน นัตสึ!" เลวี่เองก็เจ็บปวดเช่นกันที่เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้
นัตสึถึงกับชะงักมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวร่างเล็กแต่กลับแกร่งกล้ากว่าที่เห็นก็ได้แต่ทำใจให้เย็นลง เป็นตามที่เลวี่พูดถ้าเขาไปสู้แบบไม่สนอะไรขึ้นมาพวกชาวบ้านโดนลูกหลงแน่ๆ
"เข้าใจแล้วขอโทษที" นัตสึนั้งลง เลวี่ยิ้มและส่ายหัวให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนที่จะหันไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านชิชะต่อ
"ข้ารู้สึกขอบคุณที่โกรธเเทนพวกข้าแบบนี้" ชิชะร้องไห้ออกมาด้วยความทราบซึ้ง "ข้าจะให้ความร่วมมือเต็มที่เพราะงั้น...ได้โปรด ได้โปรดฆ่ามันไห้ได้นะท่านจอมเวท!"
นัตสึกับเลวี่ถึงกับพูดไม่ออกแฮปปี้ที่ปกติมักจะไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างก็ถึงกับเงียบ
ทั้งสองชายหญิงมองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มขึ้นมาด้วยความมั้นใจ
""แน่นอน! พวกเราจะช่วยพวกคุณ/ปู่เองไม่ต้องห่วง!""
นัตสึชนหมัดเข้ากับฝ่ามือจนเกิดประกายไฟขึ้นมา
"ใช่ไหมแฮปปี้?"
"ไอเซอร์! ใช่แล้วพวกเราจะช่วยพวกคุณปู่หัวหน้าหมู่บ้านเอง!!" แฮปปี้ตอบออกมาด้วยความร่าเริงเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเคร่งเครียดเกินไป
หัวหน้าหมู่บ้านชิชะก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจกับความหวังใหม่ที่มาในครั้งนี้
นัตสึกับเลวี่อยู่คุยกับหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะไปตั้งเต้นท์เพื่อสร้างที่พัก เนื่องจากว่าสภาพของหมู่บ้านนั้นเละเทะมากจะให้ไปหาที่นอนก็ไม่ได้จึงได้แต่สร้างที่พักขึ้นมาเอง
หลังจากที่สร้างเสร็จพวกเขาก็พักเอาเเรงเพื่อลุยภารกิจในวันพรุ่งนี้เพราะหากจะทำในวันนี้ให้จบรวดเดียวน่าจะไม่ไหว อีกอย่างมันก็ไกล้ค่ำแล้วด้วย
"นัตสึศัตรูคร่าวนี้คาดเดารูปอบบไม่ได้เพราะงั้นระวังให้ดีๆ นะ" เลวี่ที่นั้งเขียนข้อมูลอยู่พูดออกมา ดวงตาหลังกรอบแว่นของเธอล่ะออกมาจากสมุดและจ้องมองไปยังนัตสึที่นอนอยู่กับพื้นข้างๆ ตัว
"เข้าใจแล้ว" เด็กหนุ่มตอบรับ เขาจ้องมองท้องฟ้าที่โล่งโจ้งด้วยความรู้สึกอันหลากหลายหลังจากที่เห็นสภาพของพวกชาวบ้านเป็นแบบนั้น
"เพราะเวทมนตร์ของฉันน่าจะช่วยสู้ไม่ได้เพราะงั้นฉันจะสนับสนุนนายเองลุยให้เต็มที่เลยนัตสึ!"
นัตสึล่ะสายตาออกจากท้องฟ้าก่อนที่จะหันหัวไปมองเลวี่ที่กำลังยิ้มแฉ่งให้เขาด้วยท่าทีให้กำลังใจ เด็กหนุ่มยิ้มตอบรับ
"โอ้!"
ค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนัตสึและเลวี่นัดแนะแผนการเพื่อดักเล่นงานสัตว์ประหล่ดปริศนาในวันพรุ่งนี้ก็เตรียมนอนพักเอาเเรง โดยนัตสึให้เลวี่เข้าไปนอนก่อนเขาจะอยู่เฝ้ายามก่อนเอง
หลังจากครบกำหนดเวลาพวกเขาก็จะเปลี่ยนเวรกัน
เลวี่ลากตัวแฮปปี้ไปนอนกอดด้วยเพื่อความอุ่นใจ
"......" นัตสึจ้องมองเปรวไฟที่กำลังลุกไหม้ตรงหน้าเงียบๆ กองไฟขนาดประมาณนี้น่าจะอยู่ได้ทั้งคืนและถึงจะดับไปเรื่องไฟก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาสามารถใช้เวทมนตร์เพื่อเรียกไฟออกมาได้สบายๆ อยู่แล้ว
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาและคิดไปถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปปานนี้น่าจะเริ่มการสอบไปแล้วมั้ง
ใครจะได้เป็นระดับเอสอีกคนของแฟรี่เทลต่อกันนะ อยากรู้จัง
"ส่วนฉันก็ต้องรอสอบในครั้งถัดไปสินะ....อยากสอบพร้อมกับทุกคนจริงๆ จังเลย" นัตสึกล่าวออกมาอย่างเหงาๆ
ฟุดฟิดๆ
นัตสึขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจเนื่องจากว่าเขาได้กลิ่นของคนหลายคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
"พวกชาวบ้านเข้ามาทำอะไรที่นี้กัน?" นัตสึกล่าวออกมาเบาๆ ด้วยความแปลกใจ แต่เพราะรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีเขาเลยรีบไปปลุกเลวี่และแฮปปี้ในเต้นท์ให้ตื่น
พร้อมกับเก็บของที่จำเป็นมาด้วยจำนวนหนึ่งและปีนขึ้นต้นไม้ที่มีมีที่กำบังซับซ้อนอย่างใบไม้ปิดบังตัวของพวกเขาเอาไว้
"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอกนัตสึ?" เลวี่กระซิบถามจากที่ง่วงงุนอยู่ ตอนนี้เธอตื่นเต็มตาแล้วแฮปปี้เองตอนนี้ก็กำลังทำสีหน้าสับสนอยู่ในอ้อมกอดของเลวี่เช่นกัน
"พวกชาวบ้านกำลังมาทางนี้หลายคน ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยพาเธอมาหลบอยู่ตรงนี้ก่อนนะ" นัตสึขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาหลายส่วน "หวังว่าฉันจะคิดมากไปเอง"
เลวี่จ้องมองตามลงไปยังเบื้องล้างแฮปปี้เองก็ทำตาม เห็นพวกชาวบ้านจำนวนมากที่ยังบาดเจ็บอยู่กำลังถือเครื่องไม้เครื่องมือมายืนล้อมเต้นท์ของพวกเขาอย่างแปลกๆ
ทันใดนั้นพวกชาวบ้านก็ลงมือฟาดจอบฟาดเสียมลงไปที่เต้นท์อย่างรุนแรงจนพังเละไม่เป็นท่า และเมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นก็ค่อยๆ หันไปมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังมองหาพวกเขาอยู่
ท่าทีของพวกชาวบ้านดูไม่มีสติเลยสักนิด ราวกับโดนควบคุมอยู่ยังไงอย่างงั้น
"นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย!?" เลวี่สถบออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!