NovelToon NovelToon

way of the insect King

บทนำ

ณ ห้วงเวลาหนึ่งในความรุ่งโรจน์ของมนุษย์และปีศาจ พื้นที่อิทธิพลของทั้งสองฝ่ายเริ่มขยายและกัดกินขึ้นเรื่อยๆ ทรัพยากรถูกฉกฉวยแย่งชิงจากเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่า จนเกิดความบาดหมางลุกลามกว่าครึ่งมหาทวีป บรรดาปีศาจนั้นเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงสิ่งที่ต้องกำจัดให้พ้นทาง

กับมนุษย์เองต้องดิ้นรนเพื่อความคงอยู่ของเผ่าพันธุ์ ในปีที่3ของสงครามอันโหดร้ายและป่าเถื่อน ภายใต้ความกดดันราวกับถูกผลักให้อยู่บนปากขอบเหวลึก เหล่าพันธสัญญาแห่งแสงได้ยื่นมือเข้าสนับสนุนฝ่ายมนุษย์ โดยส่งอาวุธหนึ่งเดียวที่แสนอันตรายและทรงพลังอย่าง 'อัศวิน อีรอส '

นำกำลังเข้าตีกองทัพของปีศาจจนละลายหายไปกว่าครึ่ง

สถานการณ์เริ่มพลิกกลับและตั้งตัวได้ ฝ่ายมนุษย์ผนึกกำลังกัน ขับไล่ผู้บุกรุกจนถอยร่นสุดเขตชายแดนตนเอง นั่นเป็นเพียงโอกาสเดียวในการยุติสงครามที่จะยืดเยื้อในอนาคต อีรอสทำการชักธงรบในสรภูมิสุดท้าย ซึ่งถูกขนานนามในเวลาต่อมาว่า สมรภูมิเลือดแห่งทุ่งกราเวน ปีศาจถูกสังหารและไล่ต้อนไม่ผิดฝูงมดแตกรัง จนลมหายใจของปีศาจตนสุดท้าย ที่รวยรินอยู่ภายใต้ต้นไม้แห่งชีวิตของทวีปมืดได้หมดลง มนุษย์ได้รับชัยชนะ ทว่า มันยังเหลือปีศาจอีกหนึ่งตน และปีศาจที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าปีศาจในสายตาของมนุษย์นั่นก็คือ อีรอส

เขาถูกฝ่ายมนุษย์ด้วยกันเองหันดาบใส่ และแน่นอนว่าแรงสนับสนุนไม่ได้มาจากไหน นอกจากคำยุยงของพันธสัญญาแห่งแสง ที่ต้องการปลดระวางตัวเขาหลังจากครองอำนาจนานเกินไป การหักหลังในครั้งนี้นำโดย มัสติน แกรนเดรส

ผู้เสียบดาบทะลุหัวใจอีรอสจากด้านหลัง เลือดและร่างของเขาถูกทิ้งไว้ที่เดียวกับร่างของปีศาจตนสุดท้าย ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้แห่งชีวิต ไม่มีแม้การสรรเสริญ ไม่มีแม้คำกล่าวถึง ราวกับต้องการทำให้ผู้คนลืม มีแต่ความมืด ผนวกกับความแค้นที่ฝังรากลึกถึงจิตวิญญาณสุดท้ายก่อนสิ้นลม

: เนื้อหาสร้างจากจินตนาการและแรงบันดาลใจของคนเขียน ผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้

กำเนิดจากไข่(ต่อจากบทนำ)

ในความรู้สึกอันแสนเลือนลาง สายฝนและหิมะแห่งฤดูหนาวผ่านไปแล้วกว่า400ครั้ง ภายใต้ภาพสลัวที่กั้นโดยผนังสีขุ่น มีเมือกเหนียวข้นกลิ่นชวนอาเจียนห่อหุ้มอยู่ภายใน ด้านนอกสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง กำลังเคลื่อนที่และกระพือปีกไปมา ผีเสื้องั้นหรือ? ใช่ มันคือผีเสื้อ เจ้าผีเสื้อตัวนั้นบินวนรอบกำแพงที่รายล้อมเขาอยู่ ดูคล้ายต้องการหาที่เกาะและเข้ามาด้านใน ในจังหวะที่ผีเสื้อตัวเดิมเกาะอยู่ด้านนอกและจ้องกลับมา ปลายนิ้วของเขาก็เริ่มขยับ แตะสัมผัสที่ผิวของกำแพงจนเกิดรอยร้าว

ไม่ผิดแสงสว่างปลายอุโมงค์ หลังจากสายตาเริ่มปรับสภาพและชินกับการมองเห็น ก็เริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบด้วยความสงสัย นี่มันอะไรกัน ทำไมตัวเขาถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ เท่าที่จำได้ลางๆ คือเมื่อนานมาแล้ว ในครั้งนั้น ในยามที่กวัดแกว่งดาบแล้วภาพก็ตัดไป ผีเสื้อตัวเดิมบินมาหยุดตรงหน้า ก่อนเสียงของใครบางคนซึ่งเล็กทว่าใสดั่งระฆังดังขึ้น

"สวัสดีนายท่าน "

เขาหันมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจ เสียงดังอีกครั้ง

"ท่านจะมองไปไหน ข้าอยู่นี่ ข้าเอง"

หันกลับมา พบผีเสื้อตัวเดิมกระพือปีกอยู่กับที่

"ใช่ หมายถึงข้านี่แหล่ะ ข้ารอนายท่านมานานเหลือเกิน ในที่สุดนายท่านก็ออกมาจากไข่แห่งชีวิตสักที ท่านพูดได้มั้ย? "

สายตาของเขาฉาบไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนขากรรไกรเริ่มขยับ จากความยากลำบากในตอนแรกก็เริ่มคล่องขึ้น

"ผี ผีเสื้อพูดได้งั้นรึ"

เจ้าผีเสื้อบินวนไปมาราวกับดีใจสุดขีด

"ไชโย นายท่านพูดได้จริงๆ ด้วย แบบนี้ความประสงค์ของต้นไม้แห่งชีวิตก็บรรลุผลแล้ว อ้าว! ท่านจะไปไหน" ผีเสื้อตัวน้อยบินตาม เมื่อร่างเปลือยของเขาคลานบนพื้นหญ้าอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง

"น้ำ ข้า ข้าหิวน้ำ"

"น้ำเหรอ ตามข้ามาสิ หลังต้นไม้แห่งชีวิตมีลำธารไหลผ่าน ระวังเปลือกไข่บาดมือท่านนะ"

เขาคลานตามช้าๆ ขณะเหลือบมองไข่ใบยักษ์ที่ตั้งอยู่ด้านขวา นั่นคือสถานที่ที่ห่อหุ้มร่างเขาไว้งั้นหรือ ยิ่งสร้างความสับสน จนยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวแทบจะระเบิด มือค่อยๆ จุ่มลงบนสายลำธารที่ไหลเอื่อย มันมีอุณหภูมิเย็นเล็กน้อย ก่อนวักขึ้นใส่ปากด้วยความกระหาย และสิ่งที่สร้างความประหลาดใจก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับเงาในน้ำ

ไม่ใช่! มันไม่ใช่ใบหน้าของเขา ชายคนนี้มีผิวสองสี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมหยักศกสีขาวราวกับดอกฝ้าย มันอะไรกัน ผีเสื้อตัวเดิมบินมาเกาะที่ไหล่พร้อมคำอธิบาย

"ไม่ต้องตกใจ นี่คือท่าน ใบหน้าของท่าน ร่างกายของท่าน ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น"

เขาเหลือบมอง ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ

"นี่คือข้า ไม่ มันจะใช่ได้ยังไง ที่จำได้…."

"นั่นคือความทรงจำต่างหาก"

"ความทรงจำ? "

"ใช่แล้วนายท่าน ความทรงจำจากต้นไม้แห่งชีวิต ที่ส่งต่อผ่านรากใส่เข้าไปในไข่ที่ห่อหุ้มร่างกายของนายท่าน ความจริงก็ไม่เชิงยัดเยียดเสียทีเดียว มันเป็นผลข้างเคียงน่ะ ต้นไม้แห่งชีวิตป้อนอาหารผ่านสายใยราก ส่วนความทรงจำพวกนั้นคือสิ่งที่แฝงมาโดยไม่ตั้งใจ"

"งั้นหรอ ความทรงจำพวกนี้น่ากลัวจัง แล้ว…." เขานิ่งเพื่อพิจารณาใบหน้าตนเองผ่านผิวน้ำ ก่อนถามต่อ

"...ทำไม ผีเสื้ออย่างเจ้าถึงรู้และพูดได้ล่ะ"

เจ้าผีเสื้อบินวนไปมาก่อนตอบ

"เดิมทีข้าก็พูดไม่ได้หรอก แต่เนื่องจากสมัยที่ข้ายังเป็นตัวหนอน ข้าบังเอิญได้รับอาหารที่รั่วออกมาจากไข่ของนายท่าน เกิดการพัฒนาจนกลายเป็นผีเสื้อ และสามารถพูดกับท่านได้อย่างที่เห็น "

"งั้นเหรอ พวกขโมยกินสินะ"

"ไม่ใช่นะ อาหารจากไข่มันออกมาเองต่างหาก "

เขาโบกมือ ก่อนพยุงกายลุกขึ้นนั่ง

"ช่างเถอะ ว่าแต่ชื่ออะไรเราน่ะ"

ผีเสื้อนิ่งไปสักพักก่อนตอบ

"ชื่อ? ชื่อคืออะไรหรอนายท่าน"

"ชื่อก็หมายถึงคำที่ใช้เรียกแทนตัวเจ้าไง"

"อ๋อ ไม่มีหรอก ข้าไม่มีชื่อ"

"งั้นเหรอ… " แหงนหน้ามองอย่างว่างเปล่า ก่อนหันมาเอ่ย

"...งั้นชื่อจูแล้วกัน ตกลงมั้ย"

ผีเสื้อบินวนราวกับดีใจ ก่อนตอบเสียงใส

"จูเหรอ ข้าชื่อจูจริงๆ หรอ ได้ๆ ข้าจะมีชื่อว่าจูนะ "

เขายิ้มมุมปาก "เอาล่ะจู ก่อนจะคุยกัน ตอนนี้มีอะไรให้ข้ากินบ้าง ข้าหิวเหลือเกิน"

เขาค่อยๆ ลุกและเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ทว่าจูรีบบินมาขวาง เอ่ยเสียงใส

"เดี๋ยวนายท่าน ท่านออกห่างจากรัศมีต้นไม้แห่งชีวิตไม่ได้นะ"

"ทำไมล่ะ อึก!" ขาของเขาอ่อนแรงลงอย่างน่าประหลาด เมื่อเดินห่างจากต้นไม้ที่ว่าออกมาราว10เมตร ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่มีอยู่ในสายเลือด จึงค่อยๆ คลานกลับไปนั่งที่ใต้ต้นไม้จุดเดิมด้วยสีหน้าซีดเซียว จูอธิบายว่ามันคือผลกระทบจากต้นไม้แห่งชีวิต เนื่องจากสภาพของตัวต้นไม้นั้นอ่อนแอลง จึงส่งผลเป็นห่วงโซ่มาถึงตัวเขา ต้นไม้แห่งชีวิตคือเขา และเขาคือต้นไม้แห่งชีวิต ทั้งสองอย่างแยกออกจากกันไม่ได้

"และข้าก็คือนายท่านในอีกนิยามนึง จูคือนายท่าน จูคือส่วนนึงในชีวิตของนายท่าน ถ้าไม่มีนายท่าน นั่นก็หมายถึงว่าไม่มีจูด้วยเช่นกัน"

เขาขมวดคิ้ว ก่อนลูบหน้าผากตนเอง

"ยุ่งยากจริง แล้วทำอะไรได้มั่งเนี่ย"

จูบินมาเกาะบนหัวของเขา

"เท่าที่ข้าซึมซับความรู้มา ถึงจะเกือบทั้งหมดก็เถอะ แต่บอกก่อน ท่านว่าข้าทีหลังไม่ได้นะ เพราะนั่นเป็นจุดประสงค์ของต้นไม้แห่งชีวิต ท่านสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตได้ แต่มีข้อแม้ …"

"ข้อแม้? ข้อแม้อะไร "

"...ข้อแม้ก็คือ จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีสายสัมพันธ์กับตัวของต้นไม้แห่งชีวิต นั่นจึงสอดคล้องกับสิ่งที่ข้าได้บอกไป ว่าต้นไม้แห่งชีวิตคือท่าน "

"แล้วตัวอะไรล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะรู้"

จูบินวนส่ายไปมา

"ข้าก็ไม่รู้ เรื่องนั้นท่านต้องทดลองทำเอาเอง แค่อย่าออกไปนอกเหนือรัศมีก็พอ ส่วนเรื่องการบำรุงต้นไม้แห่งชีวิตให้แข็งแรง ถ้านายท่านอิ่มท้องหรือแข็งแรงขึ้น บางทีอาจจะรู้หรือสื่อสารได้ก็ได้นะ "

จูอธิบายอีกว่าหากต้องการเพิ่มระยะห่างจากต้นไม้ มันก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา หากต้นไม้แห่งชีวิตแข็งแรงสมบูรณ์ พื้นที่ก็จะขยายกว้างออกไปตามลำดับ ผีเสื้อตัวน้อยคำนวนออกมาเป็นตัวเลขเพื่อความง่าย ว่าความสมบูรณ์ของต้นไม้แห่งชีวิตในตอนนี้ ระดับอยู่ราวๆ 2 มันน้อยจนน่าตกใจ เขาพยายามตั้งสมาธิเพื่อทดลองใช้ความสามารถ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จากสีหน้าที่เรียบเฉยสุขุม เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นยุ่งราวกับขัดใจอะไรบางอย่าง จูถามด้วยความสงสัย

"มีอะไรเหรอนายท่าน"

"ปะ เปล่า แค่สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมได้น่ะ"

"ก็ดีสินายท่าน แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ"

เขาลืมตา

"ก็ที่ควบคุมได้ มันมีแค่ มด1รัง ผึ้ง1รัง ปลวก1รัง แมงมุม2ตัว กับไส้เดือนอีก7ตัวแค่นั้นน่ะสิ "

ผลึกรูน

จูอุทานด้วยความตกใจ

"ตายจริง! แสดงว่าตัวข้าคือสาเหตุแน่ๆ "

เขาขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงต่ำ

"สาเหตุ? สาเหตุอะไร"

"ก็ข้าเป็นแมลง แต่ดันเชื่อมสายใยแห่งชีวิตกับนายท่าน สายใยที่ผูกกันคงจะมีผลเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่โครงสร้างไม่ได้ซับซ้อนเช่นตัวข้า ข้า ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆ นายท่าน ข้าไม่น่ารับอาหารจากไข่เลย"

น้ำเสียงของผีเสื้อตัวน้อยแสดงออกถึงความเสียใจ ผิดกับเขาที่ไม่สนใจ เพราะในหัวถูกบดบังด้วยความทรงจำบางอย่าง ความทรงจำนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และถูกถาโถมด้วยไฟแค้น ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันฝังอยู่ในเลือด เนื้อ และความคิด จนตระหนักได้ว่าถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ คงไม่มีเวลาให้กับการแก้สถานการณ์ตรงหน้า เมื่อคิดได้จึงวางโทสะนั้นลงสักพัก แล้วนึกถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เอ่ยเสียงเย็นชากับจู

"ร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา"

จูเอ่ยปนสะอื้น

"ก็ข้าเสียใจนี่นา ข้าเป็นสาเหตุทำให้นายท่านประสบปัญหา ข้ามันตัวซวยชัดๆ "

"ช่างเรื่องน่ารำคาญนั่นเถอะ ถามหน่อย เจ้ากับข้าคือส่วนหนึ่งของกันและกันใช่มั้ย? "

"ใช่ นายท่านคือชีวิตของข้า "

"แล้วที่ข้าสามารถควบคุมแมลงได้ เท่ากับว่าเจ้าก็คุมได้ด้วยใช่รึเปล่า"

"นั่นก็ใช่ "

"ดี งั้นสั่งงานให้ที"

จูหยุดสะอื้นทันที ก่อนกระพือปีกบินด้วยความกระตือรือร้น เอ่ยเสียงใสปานระฆังแก้ว

"ได้สินายท่าน ท่านจะสั่งแมลงพวกนั้นผ่านข้าว่ายังไงบ้าง"

คำสั่งแรกคือการคุมฝูงมด ว่ากันว่าพวกมันสามารถแบกน้ำหนักได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง10เท่า แล้วถ้าเป็นมดทั้งรังล่ะ สิ่งที่ให้แบกจะมีขนาดที่ใหญ่ขนาดไหน เริ่มแรกในการทดลองคือผลไม้ที่กินได้ เขาสั่งให้พวกมันออกหาผลไม้ แล้วช่วยกันแบกเรียงแถวกลับมาในจุดที่เขานั่งอยู่ การทำงานของมดนั้นมันวิเศษ ทั้งเรื่องวินัยการเดินแถวอันไร้ที่ติ ทั้งเรื่องความกล้าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เจ้าพวกนี้แหล่ะ ที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับเขาในอนาคต

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือโปรตีน เขาสั่งงานให้ปลวกเพิ่มจำนวนนางพญาให้มากที่สุด ตัวของนางพญาปลวกนั้นจะมีส่วนท้ายที่ใหญ่กว่าลำตัวหลายเท่า และส่วนนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่สำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกาย รสชาตินางพญาปลวกชวนแหว่ะเล็กน้อย แต่ยังมีความมันของเนื้อทำให้พอถูไถไปได้ จูเป็นผู้ช่วยที่ดี เขาใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น จึงฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเรี่ยวแรงจนกลับมาเป็นปกติ

"จู ผึ้งที่ว่าคุณสมบัติเป็นยังไง ต่างกับผึ้งทั่วไปมั้ย" เขาถามขณะนั่งชันเข่า โดยเพ่งสายตาจ้องไปยังหมูป่าขนหนา ที่บังเอิญผ่านมาและทำท่าฟึดฟัดใส่เพราะสัญชาตญาณ

"ต่างกันพอสมควรค่ะนายท่าน ผึ้งในทวีปมืดจะมีพิษของเหล็กในที่แรงกว่าผึ้งทั่วไป แถมยังสามารถต่อยได้หลายครั้งโดยไม่เสียชีวิตอีกด้วย ท่านจะให้ข้าสั่งพวกมันว่ายังไงคะ? "

เขานิ่งคิด ขณะหมูป่าตัวนั้นเริ่มใช้กีบตะกุยดินเตรียมพุ่งปะทะ ด้วยความที่ขนของมันดูหนาเกินไป ทำให้เหล็กในของผึ้งไม่อาจเจาะทะลุลงไปได้ ทำยังไงดี จริงสิ มันยังมีวิธีนั้นอยู่นี่นา คิดได้จึงหันไปทางผีเสื้อตัวน้อย เอ่ยเสียงต่ำเช่นเดิม

"จู"

"ค่ะนายท่าน? "

"ดึงความสนใจมันให้ที"

"ยังไงคะ"

"บินไปตรงหน้ามันไง"

จูผงะ เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก

"ทำแบบนั้นข้าจะไม่โดนเหยียบแหลกเอารึคะนายท่าน"

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"หมูป่าสายตาไม่ดีขนาดนั้น แค่บินไปรบกวนมันก็พอ อีกอย่าง นี่คือคำสั่ง"

"ค.. ค่ะค่ะ ไปแล้วค่ะ" จูบินตรงไปที่หมูป่าตัวนั้น พลางกระพือปีกรบกวนเพื่อดึงความสนใจตามคำสั่ง เจ้าหมูป่าตกหลุมพรางอย่างที่คาด มันใช้เขี้ยวไล่ขวิดหมุนวนอยู่บริเวณนั้นเป็นวงกลม จูส่งเสียงร้องตลอดเวลาเพราะความหวาดกลัว ขณะที่เขาเริ่มเพ่งสมาธิ สั่งการฝูงผึ้งให้บินลงมาจากรัง ผึ้งจำนวนหลายสิบบินลงมาส่งเสียงหึ่ง…งดูน่าขนลุก พวกมันบินตรงไปยังหมูป่าที่ไล่ขวิดจูอย่างรวดเร็ว และพร้อมใจกันฝังเหล็กในใส่บริเวณดวงตาของหมูป่าจนดิ้นพล่าน

"เอาล่ะ จู! กลับมา"

"ค่า..า รอคำนี้นานแล้วนะคะ ฮือ..อ " จูบินกลับมาพร้อมเสียงสะอื้น เขาไม่สนใจ รีบคว้าก้อนหินเตรียมพร้อมที่จะเผด็จศึก เจ้าหมูป่าบัดนี้ถูกดับตะเกียงเรียบร้อย และในจังหวะที่มันเผลอเซเข้ามาในระยะ10เมตร จึงง้างก้อนหินและหวดลงสุดแรง

เป็นเนื้อย่างมื้อแรกในรอบ3วัน ถึงแม้เนื้อจะจืดไปหน่อย แต่อย่างน้อยไขมันของมันยังช่วยเพิ่มรสชาติ เขาใช้เปลือกไข่ที่แข็งปานหินลับจนคม จัดการเลาะหนังออก ทำความสะอาดแล้วห่มช่วงล่างไว้เพื่อกันอุจจาดตา สิ่งหนึ่งที่ได้มานอกเหนือจากเนื้อ คือก้อนผลึกอะไรบางอย่างขนาดเท่ากำปั้น มันมีสีแดงเรืองแสงอ่อนๆ ในตัว เขาหยิบมันขึ้นมาพิจารณา ก่อนหันไปทางจูและถาม

"ข้าคุ้นๆ มันนะ แต่จำไม่ค่อยได้ มันคืออะไร"

ผีเสื้อตัวน้อยบินวนก้อนผลึกสักพัก ก่อนตอบเสียงใส

"จากความรู้ที่ถูกถ่ายทอดมา รู้สึกเจ้านี่จะเป็นผลึกรูนนะคะนายท่าน"

"ผลึกรูน? "

"ค่ะ นายท่าน สิ่งมีชีวิตทุกชนิด จะมีผลึกรูนฝังอยู่ ผลึกรูนนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกเอกลักษณ์ของเจ้าของ เช่นหมูป่าตัวนี้ มันเด่นเรื่องการใช้กำลัง รูนก็จะไปในแนวทางการเสริมพลัง อธิบายแบบนี้ท่านพอเข้าใจใช่มั้ย"

เขาโยนรูนเล่นในมือ

"แล้ว เราจะใช้ประโยชน์จากมันได้ยังไง"

"เอ… รู้สึกว่าในการฟื้นฟูต้นไม้แห่งชีวิต เราจำเป็นต้องใช้รูนจำนวนมากเป็นวัตถุดิบนะคะ ส่วนเรื่องสีนั้น ถ้าจำไม่ผิด จะต้องใช้รูนประเถทที่มีสีเขียว"

จูอธิบายถึงสาเหตุที่ต้นไม้แห่งชีวิตอ่อนแอ นั่นเป็นเพราะเมื่อนานมาแล้ว ในเสี้ยวความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอด สมัยเมื่อครั้งสมรภูมิเลือดแห่งทุ่งกราเวน ครั้งนั้นปีศาจรวมถึงสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในทวีปมืด ต่างถูกสังหารและกวาดล้างจนแทบจะสูญพันธุ์ เมื่อไร้ซึ่งชีวิตเสียแล้ว การหมุนเหวียนของกระแสรูนก็ขาดสะบั้นลงคล้ายวัฏจักรถูกทำลาย ต้นไม้แห่งชีวิตใช้พลังงานของตนเองเฮือกสุดท้าย โดยอาศัยผลึกรูน2ก้อน ซึ่งหลงเหลือจากซากศพ2ร่างที่ย่อยสลายอยู่ใต้ต้น มันเป็นการเดิมพันอันแสนยาวนาน และเป็นการบรรจงสรรสร้างผู้สืบเจตนารมณ์คนใหม่อย่างปราณีต ถึงแม้จะใช้เวลานานกว่า400ปี ทว่าอย่างน้อยสิ่งที่กำเนิดขึ้นมาก็น่าพึงพอใจ

อีกเรื่องคือสีของรูน จูอธิบายให้เขาเข้าใจว่าสีแดงคือตัวแทนของพละกำลัง สีฟ้าเป็นตัวแทนของความรู้ และสีเขียวเป็นตัวแทนของชีวิตและการรักษา รูนสีแดงที่ได้มานั้นไม่มีประโยชน์กับต้นไม้แห่งชีวิต แต่มันก็ไม่ถึงกับต้องโยนทิ้งเสียทีเดียว เขาสามารถใช้มันในการพัฒนาเหล่าแมลงที่อยู่ใต้อาณัติได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้น

"มีวิธีให้พวกมดใช้งานรูนพวกนี้ได้มั้ย? "

จูกระพือปีกอยู่กับที่

"ขอข้าทวนความรู้สักครู่นะคะนายท่าน เอ… รู้สึกว่ารูนก้อนประมาณนี้ จะใช้พัฒนามดได้ประมาณ4ตัวเองนะคะ "

"บ้าจริง! ทำไมน้อยแบบนั้นล่ะ" เขาสบถด้วยความหัวเสีย ขณะผีเสื้อเริ่มเสียงอ่อนด้วยความกลัว

"ข้าผิดอะไรล่ะนายท่าน ทำไม่ต้องดุใส่ข้าด้วยฮือ..อ "

เขาเอ่ยเสียงต่ำ หลังจากปรับอารมณ์สักพัก

"ช่างเถอะ 4ตัวก็4ตัว งั้นถ้าข้าจะพัฒนามด4ตัวด้านพละกำลัง มันก็ไม่รวมถึงการยืดอายุด้วยใช่มั้ย"

"อย่างที่บอกค่ะนายท่าน หากต้องการยืดอายุมด ก็ต้องใช้รูนสีเขียว ที่ส่วนใหญ่จะถูกฝังอยู่ในมอนสเตอร์ประเภทพืช อย่างเช่นเจ้าตัวนู้น"

เขามองตาม พบพืชคล้ายต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงขนาดใหญ่1ต้น กำลังอ้าส่วนปากที่ใช้เป็นตัวจับแมลง โดยส่วนกลางของปากนั้นมีดอกไม้ และน้ำหวานไหลเยิ้มเป็นตัวล่อ ถ้าหากสั่งการพวกมดเข้าไปตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ผิดกับป้อนอาหารให้เจ้าตัวนั้นโดยเสียเปล่า เขาสั่งให้จูพัฒนามดงาน4ตัวทันที โดยวิธีการนั่นก็คือ ให้นำผลึกรูนใส่เข้าไปในโพรงของต้นไม้แห่งชีวิต หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของหล่อนเองในการดำเนินการ

"นายท่าน ต้องการพัฒนามดงานในด้านไหนคะ พอดีว่ามันมีปลีกย่อยออกมานอกเหนือจากพละกำลังค่ะ"

"มันมีอะไรบ้าง? "

"ก็อย่างเช่น เพิ่มแรงกัด เพิ่มขนาดตัว เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ เพิ่มความหนาของเปลือก"

เขายืนคิดสักพัก สลับกับมองต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้นนั้นด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนตอบเสียงต่ำ

"เพิ่มแรงกัดอย่างเดียว ทำได้มั้ยจู"

"ได้ค่ะ แต่ปริมาณแรงที่เพิ่มมา ตัวข้าก็ระบุไม่ได้นะคะ ว่าจะเพิ่มขึ้นมามากขนาดไหน …." ผีเสื้อตัวน้อยนิ่งไปชั่วครู่ ขณะผลึกรูนในโพรงเริ่มเรืองแสงสว่างขึ้น และมอดลงย่อยสลายเหลือเพียงเศษขี้เถ้า จูพูดต่อ"....เรียบร้อยค่ะ ให้มดงานทั้ง4ตัวขึ้นมาจากโพรงเลยมั้ยคะ"

"ขึ้นมาเลย และรอฟังคำสั่ง"

มดงานตัวจิ๋วไต่ขึ้นมาตามคำสั่ง ขณะที่เขาสั่งการฝูงผึ้งให้บินลงมาอีกครั้ง จากนั้นจึงควบคุมให้พวกมันบินตรงไปยังต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ เป็นการดึงดูดความสนใจในชั่วระยะเวลานึง เพื่อให้มดงานที่ได้รับการพัฒนาเคลื่อนที่เข้าหา ผึ้งเหล่านั้นบินหลอกล่อจนส่วนปากที่อ้าอยู่ไขว้เขว มันเคลื่อนตัวไล่งับบรรดาผึ้งเป็นพัลวัน จนมดงานทั้ง4ตัวคืบคลานและไต่ขึ้นไปยังส่วนลำต้นของมันได้ เขาสั่งให้มดทั้ง4ตัวกัด และสิ่งที่น่าสะพรึงก็บังเกิดขึ้นทันที

"นาย นายท่าน!!" จูอุทานด้วยความตกใจ เมื่อส่วนลำต้นของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ ขาดสะบั้นในการประสานการกัดจากมดทั้ง4เพียงครั้งเดียว ส่วนปากของมันร่วงตึงลงกับพื้น และมีเมือกเหนียวสีเขียวข้นไหลนอง พลังการกัดที่ได้รับการพัฒนาของมดนั้นช่างน่ากลัว เขายืนพิจารณาผลงานอย่างพอใจ แล้วสั่งให้หมดทั้ง4แบกผลึกแร่สีเขียวก้อนนั้นกลับมา มันคล้ายมรกตอย่างแยกไม่ออก รีบนำไปวางไว้ในโพรงต้นไม้แห่งชีวิตจุดเดิมแล้วออกคำสั่ง

"จู เพิ่มอายุของมดงานทั้ง4ตัวเดี๋ยวนี้"

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!