ภรรยาของแฝดสาม (4p)
บทนำ
ณ ใจกลางเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ตึกหรูซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของเหล่านักฆ่ามือดี ศูนย์รวมสมาชิกที่มีความสามารถอันรอบด้าน
ความสูงของมันเป็นที่น่าเกรงขาม บรรยากาศโดยรอบราวกับถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกสีดำ แต่ในความเป็นจริงมันก็แค่บริษัทๆหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการจ้างวานให้ฆ่า...
ชั้นบนสุด ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายโซนไว้ให้พักผ่อน มีเพียงผู้บริหารที่มีอำนาจสูงสุดได้ครอบครองทั้งชั้นนี้แต่เพียงผู้เดียว
โจนส์
เห็นบ่นว่าอยากจะแต่งงาน..
โจนส์
บอสเจอคนที่ถูกใจแล้วหรอครับ
เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางเดินไปหยุดลงตรงหน้าโต๊ะทำงาน ที่บัดนี้มีเอกสารมากมายกองทับกันอยู่เต็มโต๊ะ จนแทบจะไม่เหลือพื้นที่ว่างให้วางสิ่งใด
ไอซ์
คนที่ฉันถูกใจอยู่น่ะมีแน่
ไอซ์
แต่จะได้แต่งมั้ยยังไม่รู้
หญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยจนหาที่ติไม่ได้นั้นเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร พร้อมกับปากบางที่หาวออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล หาได้เกรงใจหนุ่มลูกน้องที่ยืนมองกันอยู่เลยสักนิด
ไอซ์
ไอ้ผู้ชายบ้าเลือดคนนั้น
ไอซ์
เงียบแบบนั้นหมายความว่าไง
ไอซ์
นายว่าฉันพอมีหวังมั้ย?
โจนส์
ผู้ชายคนนั้นรักใครไม่เป็นหรอก
ไอซ์
แล้วนายคิดว่าฉันเป็นไง?
อีกฝ่ายเงียบไป พลางไล่สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่เป็นเจ้านายของตน
ซึ่งเธอเองก็จ้องตอบกลับไปไม่แพ้กัน
ไอซ์
ถ้าฉันสวยตั้งขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่มีแฟน
โจนส์
คงเพราะบอสน่ากลัวเกินไปล่ะมั้งครับ
ไอซ์
ฉันก็ผู้หญิงบอบบางคนนึง
ไอซ์
ต้องการใครสักคนมาปกป้อง
โจนส์
ผู้หญิงบอบบางสินะครับ..
โจนส์หันหน้าหนีหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น
เขากลั้นขำจนหน้าแดง และท่าทางแบบนั้นคิดหรอว่าจะรอดพ้นสายตาของบอสสาวไปได้
ชายหนุ่มเม้มปากเข้าหากันแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ในตอนนี้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหัวเสียขึ้นมา
โจนส์
แต่หน้าซองมันบอกเอาไว้ชัดเจนว่าห้ามใครอ่าน
มือบางยื่นไปด้านหน้า รับเอกสารปริศนาที่พึ่งได้มาสดๆร้อนๆ
เธอเปิดมันออกอย่างใจเย็น ก่อนจะไล่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
บริเวณท่าเรือที่บัดนี้ต่างก็มีชายชุดดำยืนเรียงกันอยู่เป็นแถว
ร่างบางเดินนวยนาดเข้าไปผ่านการ์ดคนแล้วคนเล่า ตลอดทางที่เดินมานั้นต่างก็ถูกจับจ้องด้วยสายตาแทะโลมจนเธอเริ่มหงุดหงิด
เธอจิ๊ปากอย่างนึกรำคาญ แต่ก็ยอมเดินต่อไปจนถึงปลายทางของสะพานที่เบื้องล่างคือทะเลสีฟ้าคราม
ชายหนุ่มซึ่งเป็นคนที่หญิงสาวปลาบปลื้มอยู่ในตอนนี้นิ่งเงียบ นัยน์ตาสีรัตติกาลมองออกไปไกล ไม่แม้แต่จะหันมาให้คำตอบร่างบางเลยสักนิด
ไอซ์
อะไรทำให้นายไม่ยอมตอบตกลง
ชายที่มีรอยบากของแผลเป็นปรากฎอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมาสบกับนัยน์ตาไร้แววของคนข้างกาย
เขาตอบกลับคำถามของเธอในทันที ราวกับเตรียมคำตอบเอาไว้อยู่แล้ว
ไอซ์
ข้อแลกเปลี่ยนที่ฉันเสนอให้นายมันไม่มากพอหรอ
แฮกแมน
เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สามารถกอบกุมอำนาจทุกอย่างเอาไว้ในมือได้
แฮกแมน
ทุกอย่างที่เป็นของเธอ
ไอซ์
สมแล้วที่เป็นผู้ชายที่ฉันกำลังสนใจ
แฮกแมน
เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว
แฮกแมน
แล้วมันต่างกันตรงไหน
ไอซ์
ฉันจะยื่นข้อเสนอให้นายอีกข้อ
อีกฝ่ายเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม สงสัยในสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยบอกจนขมวดคิ้วยุ่ง
ไอซ์
แล้วนายจะได้ทุกอย่างที่นายต้องการ
ไม่เพียงแค่แฮกแมนที่นิ่งอึ้งไปกับประโยคนั้นของบอสสาว แต่คนอื่นๆที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน
คงมีเพียงแค่โจนส์ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของหญิงสาวเท่านั้นที่มีท่าทีคัดค้านกับความคิดของเธอ
ไอซ์
นายได้ผลประโยชน์เต็มๆเลยนะ
ทุกคนนิ่งอึ้ง ต่างพากันจ้องมองผู้หญิงเพียงคนเดียวในที่นี้ ซึ่งกำลังยกยิ้มชอบใจกับข้อเสนอของตัวเองที่มอบให้กับแฮกแมน
แฮกแมน
ฉันไม่อยากผูกมัดกับใคร
แฮกแมน
ฉันแปลกใจนะว่าทำไมเธอถึงคิดว่าตัวเองไม่น่าสนใจ
แฮกแมน
ผู้ชายคนอื่นมันคงกลัวเธอจนหัวหด
ไอซ์
หน้าตาฉันมันไม่ปกติหรอ
แฮกแมน
ชื่อเสียงของเธอโด่งดังแม้กระทั่งกับประเทศข้างเคียง
แฮกแมน
ใครไม่รู้จักเธอก็ให้มันรู้ไป
ไอซ์
ฉันมีชื่อเสียงแล้วมันยังไง?
ไอซ์
ไม่เห็นมีใครเข้าหาสักคน
แฮกแมน
เธอขึ้นชื่อเรื่องการ'ฆ่า'
ไอซ์
ผิดหรอที่ฉันชอบเล่นกับเหยื่อก่อนที่มันจะตาย
แฮกแมน
เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงยังไม่มีแฟน
ไอซ์
มันเป็นปัญหาใหญ่มากเลยนะ!
ไอซ์
ฉันเสนอให้ขนาดนี้แล้ว
แฮกแมน
ข้อเสนอนั้นน่าสนใจดี
แฮกแมน
ฉันอยากได้ทุกอย่างก็จริง
แฮกแมน
แต่ฉันไม่ได้อยากได้เธอ
แฮกแมน
ไอ้พวกลิ้วล้อที่ยังนับถือและแทบจะกราบเธออยู่ทุกวันเนี่ย
แฮกแมน
มันบางคนพร้อมที่จะตายเพื่อเธอ
แฮกแมน
ลูกน้องที่ไม่รักตัวกลัวตายพวกนั้น
แฮกแมน
อยากให้มาภักดีกับฉันแค่คนเดียว
แฮกแมน
เพื่อไปอยู่ภายใต้อำนาจของเธออีกทีน่ะหรอ
ไอซ์
มันก็ไม่มีทางอื่นแล้วนะ
ไอซ์
คนของฉันจะไม่มีวันภักดีต่อนาย
ไอซ์
นายจะไม่มีวันได้ใครไปสักคน
ไอซ์
คือฉันคนเดียวเท่านั้น
ไอซ์
นายเอาไปไม่ได้เหมือนกัน
แฮกแมน
นายคนใหม่ของพวกมันก็จะกลายเป็นฉัน
กระสุนปืนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนพุ่งทะลุผ่านร่างของเธอไปอย่างง่ายได้
บาดแผลบริเวณอกข้างซ้ายสาหัสเกินกว่าที่จะห้ามเลือดไม่ให้มันไหลไปมากกว่านี้ได้
แฮกแมน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้างมา
แฮกแมน
แล้วอย่าได้กลับขึ้นมาอีกเลย
มือหนายื่นไปด้านหน้า ผลักร่างบางให้ร่วงลงสู่ผืนทะเลอันมืดมิดไร้ซึ่งแสงใดส่องถึง
นัยน์ตาที่ฉายแววความว่างเปล่า บัดนี้กลับมีความเสียใจแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
เธอเหลือบมองลูกน้องคนสนิทอย่างโจนส์ที่ถูกจับกดลงกับพื้น อีกฝ่ายพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
เพื่อที่จะเข้ามาช่วยเธอ แต่มันไม่ทันเสียแล้ว
หญิงสาวกระอักเลือดสีข้นออกมาจำนวนมาก ร่างสูงโปร่งนั้นจมลงสู่ก้นทะเลเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นแม้แต่เงาเลือนรางที่ยืนมองเธออยู่บนสะพาน..
ความคิดสุดท้ายที่ดังขึ้นในหัว คือการด่าไอ้คนใจร้ายที่กล้าฆ่าเธอได้อย่างง่ายดาย
เสียชื่อบอสสาวคนโหดที่สะสมมาหลายปี เรียกให้น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
พวกนั้นจะอยู่ยังไง หากไร้เธอคอยสั่งการ
เปลือกตาบางหลับลง บาดแผลที่ได้มายากที่จะช่วยให้มันทุเลาลงได้
ร่างของเธอค่อยๆจมลงสู่ความมืดมิดที่ไม่มีวันสิ้นสุด(?)
ทั้งๆที่เธอควรจะถึงก้นมหาสมุทรแล้วแท้ๆ เพราะตรงที่เธอตกลงมานั้นมันไม่ได้ลึกมาก
ร่างบอบบางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงถูกฉุดกระฉากไปตามแรงดึง ก่อนที่เธอจะสามารถขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำได้สำเร็จ
(ไอซ์) : นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย!?
หญิงสาวตะเกียกตะกายสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองโผล่พ้นจากเหนือน้ำให้ได้มากที่สุด
ก่อนจะถูกช่วยเหลือโดยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ช่วยพยุงเธอจนสามารถมาถึงขอบสระ(?)ในที่สุด
ก่อนหน้านี้เธอตกลงมาในทะเลไม่ใช่หรอ
แล้วทำไมถึงมาโผล่ในสระว่ายน้ำได้ล่ะ
มือบางของสาวน้อยในวัย19ปียื่นมาตรงหน้าของแคลร์ด้วยความหวังดี
หญิงสาวเตรียมจะตอบรับความช่วยเหลือนั้นอย่างเต็มใจ แต่แล้วความทรงจำที่เธอไม่คุ้นเคยก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่ขาดสาย
ภาพที่เข้ามาล่าสุดคือผู้หญิงที่ส่งยิ้มใจดีมาให้เธอ พร้อมกับหยิบยื่นไมตรีมาให้นั้นคือคนเดียวกันกับที่ผลักเธอตกสระน้ำ
(ไอซ์) : นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ลาน่า
เดี๋ยวน่าจะดึงคุณขึ้นมาเอง
ลาน่า
อยู่ในน้ำนานๆเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะคะ
แคลร์
เป็นคนผลักฉันตกน้ำเองแท้ๆ
ประโยคเหล่านั้นสร้างความแปลกใจให้กับผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์นี้อยู่บนขอบสระ
และแคลร์ก็พึ่งจะสังเกตุเห็นว่า ณ ที่ตรงนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องมาที่เธอกันเป็นตาเดียว
ลาน่า
คุณแคลร์ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ
ลาน่า
หัวได้ไปกระแทกกับอะไรรึเปล่า
แคลร์
ผลักคนอื่นตกน้ำแล้วยังจะมีหน้ามาคุยกับเขาอีก
แคลร์
จะหน้าด้านเกินไปรึเปล่า
เสียงทุ้มเอ่ยบอก ซึ่งนั่นเรียกความสนใจไปจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
แบรนเดอร์
จะทำให้พวกฉันขายหน้าไปถึงไหน
สามหนุ่มที่จ้องมองมายังเธอกำลังยืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอย่างกับสามทหารเสือสาว(?)
ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะนั้น แค่เห็นครั้งเดียวก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นแฝดสามแน่ๆ
อาร์เชอ
ขึ้นไปสิครับนายหญิง
(ไอซ์) : แล้วไอ้บ้านี่ใครอีก!?
แคลร์แสดงสีหน้าออกมาอย่างสงสัย เพราะคำถามเมื่อครู่มาจากชายหนุ่มที่เข้ามาดึงเธอขึ้นจากเหนือน้ำ
(ไอซ์) : หล่อว่ะ ไอ้เวรแฮกแมกมันชิดซ้ายไปเลย
อาร์เชอ
หรือว่านายหญิงจะหัวกระแทกจริงๆ
(ไอซ์) : ใครคือนายหญิง หมายถึงเธอหรอ?
อีกฝ่ายทำสีหน้าแปลกใจ ใบหน้าหล่อเอียงไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
ไอซ์ในร่างของแคลร์นั้นยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย อีกทั้งเงยหน้ามองมือบางที่ยื่นมาตรงหน้าของเธอ ก่อนที่จะตัดสินใจทำบางอย่าง
มือเรียวสวยยื่นออกไปเพื่อไขว่ขว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ก่อนจะฉุดรั้งและกระชากหล่อนให้ตกลงมาในสระน้ำเดียวกันกับเธออย่างแรง
เสียงกรีดร้องอย่างสุดเสียงนั้นส่งผลให้เธอกลายเป็นจุดเด่นยิ่งกว่าเดิม สายตาหลายคู่ที่มองมาต่างก็แสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
และในขณะเดียวกัน ความคิดของทุกคนก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
👥 : นายหญิงคนนั้นกล้าแสดงออกแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
โดยเฉพาะสายตาของทั้งสามคู่
พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่า'ภรรยา'ที่อ่อนปวกเปี้ยกคนนั้น จะกลับกลายเป็นคนละคนได้เพียงเพราะตกน้ำไปยังไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ
• แคลร์ พอลซัน (นามสกุลของสามี)
หญิงสาวในวัย 22 ปี ที่โชคชะตาอันแสนโหดร้ายส่งให้เธอได้มาแต่งงานกับ 'คุณชายทั้งสาม' แห่งตระกูลพอลซัน เพียงเพราะคำมั่นสัญญาในอดีตของเหล่าคุณตาที่เสียชีวิตไปแล้ว
เธอเป็นคนใจดี แต่ไม่ค่อยสู้คน ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้อื่น และจะถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ อีกทั้งยังไม่ชอบเข้าสังคม แต่ทว่า...
แคลร์ที่อ่อนแอคนนั้น...
จะไม่ใช่แคลร์คนเดิมอีกต่อไป
• บาสเตียน พอลซัน
ชายหนุ่มในวัย 28 ปี แฝดคนโต คือบุคคลที่มีศักดิ์ในความเป็นผู้นำสูงสุดของบ้าน เขาเป็นเจ้าตระกูลคนปัจจุบัน ซึ่งสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อมาจากพ่อของเขาเอง
บาสเตียนมีความเป็นผู้นำสูงกว่าแฝดอีกสองคน อีกทั้งยังเป็นคนนิ่งๆ สุขุม เด็ดขาด ชัดเจน ไม่ชอบคนต่อล้อต่อเถียง ชอบความเรียบง่ายและมั่นคง
• เจคอป พอลซัน
แฝดคนรองในวัย 28 ปี เขาเป็นคนเดียวที่เต็มใจช่วยพี่ชายบริหารงานในบริษัทที่แสนจะหนักหนาและน่าปวดหัว ผิดกับแฝดคนเล็กที่วันๆไม่ทำอะไรเลย
นิสัยโดยส่วนตัวของเจคอปนั้นค่อนข้างคล้ายกับพี่ชายของเขา แต่เขาคนนี้จะเงียบกว่า หากไม่มีความจำเป็นก็จะไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมาเลย
• แบรนเดอร์ พอลซัน
แฝดคนน้องในวัย 28 ปี เขาไม่สนธุรกิจที่พ่อส่งต่อให้ ปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้กับแฝดพี่ทั้งสองได้อย่างหน้าตาเฉย แต่กลับไม่มีใครต่อว่า แถมยังปล่อยผ่านไปอีก
เขาเป็นคนที่มีนิสัยแตกต่างจากพี่ชายทั้งสองโดยสิ้นเชิง ขี้โมโห แต่ก็โกรธง่ายหายเร็ว มักแสดงออกทางคำพูดแรงๆ ขี้น้อยใจโดยไร้เหตุผล และดื้อดันทุรังไปตามอารมณ์ของตัวเอง
• อาร์เชอ โฟว์เลอร์
ชายหนุ่มที่มีอายุย่างเข้าเลข3เข้าไปแล้ว แต่ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ราวกับเด็กวัยแรกรุ่น เขาคือมือขวาคนสนิทของบาสเตียน พ่วงด้วยตำแหน่งพิเศษ นั่นคือการเป็นผู้ติดตามของนายหญิงอย่างแคลร์
นิสัยของเขาคือเป็นคนชอบช่วยเหลือและใจกว้าง(แค่กับบางคน) พูดจาตรงไปตรงมาในบางครั้ง แต่ก็มีความบ้าบิ่นโผงผางแบบขวานผ่าซากด้วยเช่นกัน
• ลาน่า ฟริคเชอร์
เด็กสาววัยรุ่นที่พึ่งจะมีอายุได้ 19 ปีหมาดๆ เธอเป็นลูกสาวของผู้ที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกันกับตระกูลพอลซัน เป็นเด็กใจแตกที่คิดจะแย่งสามีของคนอื่น ตัวเธอนั้นมีทุกอย่าง ยกเว้นความยั้งคิดในเรื่องเชิงชู้สาว
ลาน่าเธอเป็นคนดื้อรั้น แต่จะไม่แสดงออกมากนัก ต่อหน้าคนอื่นว่านอนสอนง่าย เป็นกุลสตรีมีชาติตระกูล แต่ลับหลังกลับกลายเป็นคนละคน
ปล. ขออนุญาตเจ้าของรูปภาพด้วยนะคะ🙏
แคลร์ในอดีต (พาร์ท 1)
ณ ค่ำคืนที่แสนจะยาวนาน คฤหาสน์หลังงามที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ถูกรายล้อมไปด้วยรั้วเหล็กกล้าที่แข็งแรงและทนทาน
รถสีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดบริเวณทางเข้าหน้าคฤหาสน์อย่างพอดิบพอดี
ทันทีที่ขาเรียวก้าวลงจากรถ สายตาคู่นี้ก็จดจ้องและมองตรงไปเบื้องหน้าไม่วอกแวก
เธอทอดถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะปรากฏร่างๆหนึ่งตรงหน้าของเธอ
บาสเตียน
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ
ชายหนุ่มเอ่ยออกคำสั่งมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป
ตามหลังไปด้วยชายอีกคนที่ไม่พูดไม่จา เอาแต่เหลือบมองมาที่เธออยู่บ่อยครั้งในตอนที่นั่งอยู่บนรถด้วยกัน แต่ก็ไร้ซึ่งคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของเขา
แบรนเดอร์
วันนี้เธอทำให้พวกเราแปลกใจนะ
แบรนเดอร์
เตรียมคำแก้ตัวเอาไว้ด้วย
ใบหน้าหล่อเหลานั้นนิ่งสนิท ผิดกับคำพูดที่เอ่ยบอกเธอโดยสิ้นเชิง
ตลอดระยะทางที่นั่งอยู่บนรถ ไร้ซึ่งการสนทนาใดๆเกิดขึ้น
แต่นั่นก็ทำให้หญิงสาวได้สบโอกาส ลองสังเกตุท่าทีของทั้งสามอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าที่แล่นเข้ามาเป็นระลอกคลื่นไม่มีหยุดพัก เธอก็ได้ตระหนักรับรู้ว่า...
(ไอซ์) : ร่างนี้มีชื่อว่าแคลร์...สินะ
เธอคิดในใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปภายในตัวคฤหาสน์หลังงามซึ่งถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ที่ราบเรียบ แต่ดูหรูและอลังการในสายตาของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
หญิงสาวอายุน่าจะราวๆ18-19ปี ยืนห่างจากเธอไปพอสมควร แต่ท่าทีอ่อนน้อมและการพูดการจาอย่างมีมารยาทนั้นทำให้แคลร์ในเวอร์ชั่นคนใหม่ถึงกับปรับตัวไม่ถูก
สังคมแต่เดิมที่เธอเคยอยู่ มันไม่ต้องมาทำตัวน้อบน้อมถึงขนาดนี้เสียหน่อย
ขาเรียวสวยขยับไปด้านหน้า เดินนำสาวรับใช้ไปยังห้องนอนส่วนตัวของเธอ
ภาพความทรงจำต่างๆที่เธอเห็น พอจะทำให้เธอสามารถทำตัวกลมกลืนไปกับสถานการณ์ที่นี่ได้บ้าง
ถึงแม้ว่านิสัยของเธอจะไม่เหมือนเดิมก็ตามที..
👤 : เดี๋ยวดิฉันจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้อาบนะคะ
เด็กสาวคนนั้นมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ซ้ำยังมีสีหน้าที่แตกตื่น ราวกับกำลังตกใจกับอารมณ์ของผู้เป็นนายของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
สายตาราบเรียบจ้องมองตามแผ่นหลังของเด็กคนนั้นที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าทำไมสาวใช้เมื่อครู่ถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป
แคลร์
แม้แต่กับสาวใช้ก็ไม่คิดจะตีสนิทด้วยเลยสักคน
เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะจัดการเปลื้องผ้าที่เปียกชุ่มออกจากเรือนกายขาวผ่อง
มือและเท้าที่เริ่มเปื่อยและเหี่ยวย่นจากการแช่อยู่ในน้ำนานๆ สร้างความหงุดหงิดให้กับหญิงสาวไม่น้อย
เธอเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่วางพาดอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่มาสวมใส่อย่างเรียบร้อย ก่อนจะลงไปด้านล่างโดยไม่สนสิ่งใด
สองขามุ่งตรงไปยังห้องรับแขก ซึ่งตลอดทางแม้จะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆจากเหล่าข้ารับใช้ทั้งหญิงและชาย
แคลร์
ต้องขอโทษด้วยที่ให้รอนาน
เป็นเจคอปที่เงยหน้าขึ้นมามองเธอก่อนใครเพื่อน ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนี หลังจากที่ได้สำรวจร่างกายบอบบางที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แบรนเดอร์
ใส่ชุดอะไรของเธอ
แบรนเดอร์
ทำไมไม่ไปแต่งตัวดีๆ
แคลร์
พอดีว่าฉันเป็นคนอาบน้ำค่อนข้างนาน
แคลร์
เกรงว่าถ้าอาบน้ำก่อนมาพบพวกคุณ
แคลร์
มันจะนานเกินไปน่ะค่ะ
น้ำเสียงที่ฟังดูสุขุมและเยือกเย็นนั้นดังมาจากแฝดคนพี่อย่างบาสเตียน
ทั้งๆที่พวกเขาอายุเท่ากัน แต่ความต่างของนิสัยและบุคลิกท่าทางที่แสดงออกนั้นดูไม่ยากเลยว่าใครมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้
แคลร์
มีอะไรจะคุยกับฉันหรอคะ
ไอซ์ที่อยู่ในร่างของแคลร์เอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ท่าทีของเธอดูแปลกไปจากเดิมมาก
ใบหน้าที่ดูเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความเย้อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด
และทันทีที่เธอทิ้งสะโพกนั่งลงบนโซฟาตรงกันข้ามกับสามหนุ่ม ขาเรียวก็ตวัดยกขึ้นนั่งไขว่ห้างทันที
ไม่สนแม้ว่าเสื้อคลุมนั้นจะแหวกออกจนเผยให้เห็นเรียวขาสวยผิวพรรณเปล่งปลั่งจนยากที่จะละสายตา
แฝดสามที่เห็นภาพนั้นก็ถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ ขนาดพี่ชายคนโตกับน้องชายคนรองที่ว่านิ่งเฉยต่อทุกสิ่ง ยังพ่ายแพ้ให้กับความเย้ายวนตาตรงหน้าได้
แคลร์
ตอนนี้ฉันเหนียวตัวจนอยากอาบน้ำจะแย่
แคลร์
มันไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ
แคลร์
เด็กคนนั้นเป็นคนผลักฉันตกน้ำ
แคลร์
แต่ถ้าพวกคุณจะไม่เชื่อก็แล้วแต่
แบรนเดอร์
เธอก็ไม่ควรไปทำแบบนั้นกับลาน่า
(ไอซ์) : ยัยเด็กคนนั้นที่ผลักเธอตกน้ำหรอ
แคลร์
แล้วทำไมฉันถึงต้องถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวด้วย?
แคลร์
ที่เด็กคนนั้นโดนมันก็สมควรได้รับแล้วไม่ใช่หรอ
การตอบโต้ของหญิงสาวสร้างความประหลาดใจให้กับแฝดสามอีกครั้ง เพราะถ้าเป็นปกติ หากเธอถูกต่อว่าหรือตักเตือนสิ่งใด ก็จะเอาแต่ก้มหน้ารับและเป็นฝ่ายขอโทษ ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
แต่คราวนี้อะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่ชื่อแคลร์กันแน่?
แคลร์
พวกคุณเองก็เหมือนกัน
แคลร์
เป็นสามีประสาอะไรถึงได้ปล่อยให้ภรรยาของตัวเองถูกคนอื่นรังแกแบบนี้
แคลร์
แล้วแทนที่จะเข้ามาช่วย กลับยืนอยู่เฉยๆ
ทั้งสามคนถึงกับนั่งนิ่ง ได้แต่รับฟังแคลร์พูดออกมาเงียบๆ ไม่มีใครกล้าที่จะพูดขัดเธอเลยสักคนเดียว
ความรู้สึกที่ไม่สามารถต่อกรกับร่างบางตรงหน้าได้นี่มันคืออะไร
เพียงแค่เธอปรายตามอง ก็ส่งให้รู้สึกเสียวสันหลังจนเหมือนกับถูกทิ่มแทงด้วยของมีคมนับไม่ถ้วน
บาสเตียน
ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี
บาสเตียน
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว..
บาสเตียน
ก็ให้มันแล้วกันไป
แคลร์
ฉันต้องการให้เด็กคนนั้นมาขอโทษฉัน
แบรนเดอร์
ฝ่ายนั้นเขาไม่เอาเรื่องเธอก็ดีแค่ไหนแล้ว
แบรนเดอร์
ก่อนจะทำอะไรเคยคิดบ้างมั้ย
แบรนเดอร์
เธอทำคนอื่นเขาเดือดร้อนกันไปหมด
แคลร์
ใครมันจะกล้ามาเอาเรื่องจากฉัน
แคลร์
ที่เป็นถึงภรรยาของพวกคุณ
(ไอซ์) : แคลร์....ยัยเจ้าของร่างคนเก่า
(ไอซ์) : หล่อนรู้ความลับบางอย่างของพวกเขาที่ตั้งใจปกปิดเธอ
แคลร์
ฉากหน้าเป็นทายาทนักธุรกิจชื่อดัง
เสียงหวานหยุดเว้นวรรคไว้แต่เพียงเท่านั้น ก่อนจะยกยิ้มอย่างเหนือกว่า
เรียกให้ใบหน้าหล่อของบาสเตียนผู้เฉยชาคนนั้นถึงกับหน้าตึงกันเลยทีเดียว
แคลร์
ยังไงเด็กนั่นก็ต้องมาขอโทษฉัน
แคลร์
ถ้าพวกคุณไม่จัดการให้
แคลร์
ฉันจะไปหาหล่อนด้วยตัวฉันเอง
แบรนเดอร์
ถ้ากล้านักก็ไปสิ
แบรนเดอร์
ยัยผู้หญิงที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน
แบรนเดอร์
ไม่ยอมออกงานสังคม
แบรนเดอร์
จะไปตามโลกนี้ทันได้ยังไง
แคลร์
ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง
แคลร์
แล้วพวกคุณก็ห้ามเข้ามายุ่งด้วย
กล่าวจบ เธอก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินจากไปในทันที
ทิ้งให้ทั้งสามคนนั่งเหม่อ นึกถึงแต่ประโยคที่หญิงสาวผู้เป็นภรรยาพูดกับพวกเขาไว้ก่อนหน้านี้
อีกทั้งท่าทางที่ดูเปลี่ยนไปนั่นอีก แปลกมาก..
เจคอป
แคลร์หัวกระแทกรึเปล่า
คำถามนั้นดังมาจากเจคอปที่เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่หญิงสาวเริ่มบทสนทนา เขาเอาแต่จับสังเกตุร่างบางตรงหน้าโดยที่หูก็คอยรับฟังไปด้วยอย่างตั้งใจ
แบรนเดอร์
หัวกระแทกอะไรจะทำให้คนๆนึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
เจคอป
เรียกหมอมาตรวจอาการของเธอดีมั้ยครับ
เจคอปไม่แม้แต่จะสนใจเสียงพูดของแฝดน้องคนเล็กเลยสักนิด กลับกัน เขาหันไปออกความเห็นกับแฝดคนพี่แทน
บาสเตียน
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเรียกหมอมาแล้วกัน
ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูก็ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบมันขึ้นมาเปิดดูรายชื่อบนหน้าจอ พลางคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างวิตก
แบรนเดอร์
หมอนั่นคงรู้เรื่องแล้ว
แบรนเดอร์
ไม่งั้นคงไม่โทรมาแบบนี้
บาสเตียน
พวกนายแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่นเถอะ
แบรนเดอร์
งั้นผมไปดูร้านแล้วนะ
แบรนเดอร์พูดอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทางไม่พอใจในตอนที่พูดคุยกับแคลร์อยู่เลย
คล้อยหลังร่างสูงออกไปได้ไม่นาน บาสเตียนก็กดรับสายนั้น ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
📞คาร์ดอส : กี่ครั้งแล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้
บาสเตียน
ฉันห้ามไม่ให้มันเกิดได้รึไง
📞คาร์ดอส : ถึงพวกนายจะไม่รู้สึกอะไรกับน้องฉัน แต่ก็ช่วยใจดีกับเธอหน่อย
📞คาร์ดอส : ถ้าครบสัญญา5ปีของเราเมื่อไหร่ ฉันจะไปเอาตัวแคลร์กลับมาทันที
📞คาร์ดอส : ในระหว่างนี้ ก็ช่วยดูแลเธอด้วย
บาสเตียน
นี่พึ่งผ่านไปปีเดียว...
บาสเตียน
แต่เหมือนจะมีปัญหาอื่นเข้ามาให้ปวดหัวอีกแล้ว
📞คาร์ดอส : หมายความว่าไง?
บาสเตียน
เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง
📞คาร์ดอส : ฉันไว้ใจนายนะบาสเตียน
บาสเตียน
แต่หลังจากหมดสัญญา5ปี
บาสเตียน
ฉันจะส่งเธอกลับคืนให้นายทันที
📞คาร์ดอส : ตามนั้นก็แล้วกัน
สายถูกตัดไปแล้ว ร่างสูงได้แต่ทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับภาระอันหนักอึ้ง นอกจากคิดเรื่องงานแล้วยังมีเรื่องของภรรยาให้ต้องคิดหนักอีก
บาสเตียน
ทำไมนายยังไม่ไปอีก
เจคอป
เราแค่ต้องอดทนใช่มั้ยพี่
ชายหนุ่มเอนกายพิงไปด้านหลังกับผนักโซฟา ก่อนจะหลับตาลงเพื่อคลายความอ่อนล้า
พร้อมด้วยแขนแกร่งที่ยกขึ้นมาก่ายหน้าผากตนเองไปด้วย
บาสเตียน
วันนี้งานในส่วนของนายหมดแล้ว
บาสเตียน
ส่วนฉันจะอยู่ตรงนี้สักพัก
เจคอปกล่าวเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพัก ทิ้งบาสเตียนให้จมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่อย่างนั้น
เดี๋ยวได้เห็นหน้าพี่ชายแน่คะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้🤣
แคลร์ในอดีต (พาร์ท 2)
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีขาวเกือบทั้งหมด
ร่างบอบบางนอนลืมตามองเพดานห้องอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ด้วยนัยน์ตาเลื่อนลอย
ก่อนที่เปลือกตาบางจะหลับพริ้ม ซึมซับบรรยากาศและห้วงเวลานี้ที่กำลังเลยผ่านไป
แคลร์
ให้ฉันได้รู้เรื่องของเธอมากกว่านี้สิ
เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกกับความว่างเปล่า ภายในห้องที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความมืดคอยปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ
เสียงทอดถอนหายใจท่ามกลางความเงียบ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอสงบลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่นาน เสียงลมหายใจเริ่มเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าหญิงสาวกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว
ร่างบางนอนพลิกไปพลิกมาอยู่สักพัก ก่อนจะนิ่งไปเมื่อรู้สึกถึงความสบายตัวกับท่าที่นอนอยู่
ความฝันที่สะท้อนถึงชีวิตก่อนหน้าก็เริ่มฉายเข้ามาเป็นดั่งหนังม้วนหนึ่ง
บาสเตียน
วันนี้จะมีแขกมาที่บ้าน
ในระหว่างที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่นั้น บาสเตียนก็เปิดบทสนทนามาด้วยคำพูดที่ทำเอาแคลร์ถึงกับชะงักช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปาก
บาสเตียน
รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำตัวยังไง
แบรนเดอร์
ก็ให้อยู่แต่บนห้องเหมือนทุกทีนั่นแหละ
บาสเตียน
แขกที่มาวันนี้อยากให้แคลร์อยู่ร่วมวงสนทนาด้วย
แบรนเดอร์
ทำไมต้องอยากเจอแคลร์
แบรนเดอร์วางช้อนลงบนจานอย่างเป็นระเบียบหลังจากที่ทานจนอิ่มแล้ว เขาเอ่ยถามพี่ชายคนโตด้วยความอยากรู้ แต่กลับได้รับสีหน้าเฉยชากลับมา
แบรนเดอร์
ตั้งแต่จบงานแต่งก็หายหน้าหายตาไปเลย
บาสเตียน
เห็นบอกว่าจะมาเยี่ยมแคลร์
แบรนเดอร์
อย่าพูดอะไรที่ทำให้พวกฉันเดือดร้อนล่ะ
หญิงสาวทำเพียงแค่ตอบรับไปสั้นๆตามความเคยชิน และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เป็นดั่งเช่นทุกวัน เงียบกริบ ไร้ซึ่งเสียงสนทนาใดๆ ใครอิ่มก็ลุกออกไปทันที ไม่มีการรั้งรอหรือพูดคุยกันให้มากความ
และมันจะเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง...
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงช่วงเที่ยงวัน
แคลร์ที่มายืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้านชะเง้อคอมองหาผู้ที่ออกปากว่าจะมาหาเธอในวันนี้
แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ซ้ำหล่อนยังเป็นคุณอาของแฝดสาม แต่อีกฝ่ายก็นึกเอ็นดูหญิงสาวอยู่เสมอมา
รอยยิ้มบางเบาถูกจุดขึ้นบนใบหน้าสวยทันทีที่เห็นร่างเพรียวระหงส์ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเธอ
ร่างทั้งร่างถูกรวบเข้าไปกอดอย่างแนบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะกอดกลับไปด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน
เคลลี่
ไม่ได้เจอกันซะนานเลย
เคลลี่
แต่หน้าหนูดูหมองๆนะลูก
เคลลี่
เดี๋ยวอาไปจัดการให้
เคลลี่
แคลร์คิดว่าอาจะเชื่อมั้ย
แคลร์รีบก้มหน้าหลบสายตาเฉี่ยวคมที่มองมาอย่างจับผิด
หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างหวาดหวั่น เธอกลัวว่าคนอายุมากกว่าจะล่วงรู้ถึงความผิดปกติเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับแฝดสาม
แคลร์
รีบเข้าไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ
แคลร์
ทั้งสามคนกำลังรออยู่ด้วย
แคลร์พยายามบ่ายเบี่ยง สีหน้าที่ดูเศร้าหมองพลันปรับให้ดูสดใสขึ้นทันตาเห็น
ซึ่งเคลลี่ก็ไม่ได้มีท่าทีขัดใจหลานสะใภ้คนนี้แต่อย่างใด กลับกัน หล่อนยิ้มรับอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งเดินจูงมือแคลร์เข้าไปในบ้านโดยไม่คิดถามไถ่อะไรเธออีก
บนโต๊ะอาหารที่ซึ่งประกอบไปด้วยตัวของแคลร์ คุณอาเคลลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆกัน และแฝดสามอย่างบาสเตียน เจคอป แบรนเดอร์ นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
บรรยากาศในยามนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่ไม่บ่อยนักที่แคลร์จะได้รับประทานอาหารกับสามีทั้งสามในช่วงกลางวันเช่นนี้
หากเป็นปกติ พวกเขามักจะออกไปทำธุระกันข้างนอกเสียส่วนใหญ่ จะกลับมาอีกทีก็ตอนเย็น หรือบางวันก็ไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยซ้ำ
เหตุผลที่พวกเขามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในเวลาแบบนี้ ก็มีอยู่อย่างเดียว
คือคนในครอบครัวหรือญาติคนสนิทกลับมาเยี่ยมเยือนถึงที่บ้านหลังใหญ่
เคลลี่
เป็นการทานอาหารที่น่าเบื่อจริงๆ
ประโยคราบเรียบนั้นเรียกให้ทุกคนในที่นี้หยุดชะงักไปทันที โดยเฉพาะแคลร์
ใบหน้าสวยแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังรู้สึกเป็นกังวลกับสิ่งที่คนเป็นอาพูดออกมา
ใจจริงอยากจะเอ่ยพูดอะไรสักอย่างเพื่อแก้ต่างให้บรรยากาศในตอนนี้มันดีขึ้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาปะทะเข้ากับนัยน์ตาคมกริบดุจดั่งราชสีห์ของบาสเตียนเข้า ร่างบางก็ถึงกับต้องหยุดปากตัวเองเอาไว้โดยพลัน
เธอรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบเลี่ยงเขา แต่ถึงอย่างนั้น สายตาอีกสองคู่ก็มองกดดันกันอย่างถึงที่สุด
ทั้งๆที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรให้พวกเขาเดือดร้อนเลยแท้ๆ
เคลลี่
บรรยากาศชวนอึดอัดใจแปลกๆ
เคลลี่
พวกเธอเคยคุยกันบ้างมั้ย
หล่อนเอ่ยถามพลางไล่สายตามองหลานชายทั้งสามคนด้วยสายตากดดัน
บาสเตียน
พวกเราไม่มีใครคุยกันหรอกครับ
เคลลี่
เราเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่มาทานข้าวด้วยกันเลย
เคลลี่
ปกติก็เป็นแบบนี้หรอ
แบรนเดอร์
ก็เป็นแบบนี้ตลอดนะครับ
แบรนเดอร์
ถ้าจะให้พูดกันตอนทานข้าวนี่ผมว่ามันเสียมารยาทเกินไปรึเปล่า
เคลลี่
นี่แกจะบอกว่าอาเสียมารยาทหรอ
แบรนเดอร์
ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น
เคลลี่
ฉันไม่มีอารมณ์ทานต่อแล้ว
หล่อนพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน และหันมามองหน้าของหลานสะใภ้ด้วยสายตาที่อ่อนลง
เคลลี่
ทานเสร็จแล้วไปหาอาที่ห้องนั่งเล่นนะ
แคลร์
ท..ทานเสร็จพอดีเลยค่ะ
แคลร์
เดี๋ยวแคลร์เดินไปด้วยเลย
เคลลี่
อาเห็นหลานทานไปนิดเดียวเอง
เคลลี่
ไม่ค่อยทานอะไรแบบนี้ไง
แคลร์ยกยิ้มอ่อน เพราะไม่อาจเถียงอีกฝ่ายได้ ก่อนจะถูกจับจูงมือให้เดินตามกันไปที่ห้องนั่งเล่นเงียบๆ
ทิ้งให้สามหนุ่มมองตามไปด้วยสายตายากจะคาดเดา
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสุดแสนจะล้ำลึกนั้นกวาดมองเพดานห้องอย่างใช้ความคิด เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
ก่อนจะต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อตอนนี้เริ่มเข้าสู่วันใหม่เข้าไปแล้ว
เธอพึมพำกับตัวเองเสียงค่อย ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงนอน และบิดขี้เกียจไปด้วยความเคยชิน
แคลร์
ทั้งๆที่หลับไปตั้งแต่หัวค่ำ
แคลร์
แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่พอกันนะ
ความสงสัยทำให้ไอซ์ที่อยู่ในร่างของแคลร์คิดหนัก
เธอล้มตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอีกครั้งอย่างคนหมดเรี่ยวแรง เปลือกตาบางหลับลง เตรียมพร้อมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
แต่เพราะมีเสียงกวนใจ ร่างบอบบางจึงต้องยอมลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
น้ำเสียงของเธอฟังดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด และไม่แน่ว่าคนที่อยู่ด้านนอกห้องก็คงรับรู้ถึงเรื่องนั้นเช่นกัน
👤 : น...นายท่านทั้งสามคนกำลังรอทานข้าวอยู่ค่ะ
แคลร์
บอกให้พวกเขาทานไปก่อนเลย
👤 : ปกตินายหญิงไม่เคยพลาดที่จะทานข้าวเช้ากับนายท่านทั้งสามเลยนะคะ
เมื่อความง่วงงุนเริ่มครอบงำ ยิ่งส่งผลทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอยากจะวีนตามแบบฉบับนิสัยของเธอ
แต่เพราะนึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเธอจะสามารถทำอะไรตามใจได้ จึงได้ยั้งปากที่กำลังจะโวยวายของตัวเองเอาไว้ทัน
แคลร์
ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจเสียอีก
แคลร์
ที่ฉันไม่ได้ไปร่วมทานอาหารด้วย
มีแวบหนึ่งที่ภายในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนไอซ์จับจุดได้ถึงบางอย่างเกี่ยวกับร่างนี้
คงไม่ใช่ว่าเธอรักสามคนนั้นหรอกใช่มั้ย?
แคลร์
ถ้ารอไม่ได้ก็ให้ทานก่อนเลย
เธอเอ่ยตัดปัญหาไปแบบนั้นดื้อๆ และจงใจล้มตัวลงไปนอนต่อโดยไม่สนว่าตนเองควรจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปทานข้าวกับแฝดสามหรือไม่
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวถูกก่อกวนด้วยเสียงเคาะประตูห้อง
แต่คราวนี้มันผิดแปลกไปจากเดิม เนื่องจากน้ำหนักมือและแรงในการเคาะนั้นดูจะไร้มารยาทเสียเหลือเกิน
แบรนเดอร์
ลงไปกินข้าวเดี๋ยวนี้!
เสียงนั้นเรียกให้สติของแคลร์กลับมาจากห้วงแห่งนิทราได้เป็นอย่างดี
มือบางยกขึ้นลูบหน้าตัวเองลวกๆ ก่อนจะเดินนวยนาดไปเปิดประตูออกอย่างอ้อยอิ่ง
ตรงหน้าปรากฏเป็นชายหนุ่มซึ่งคือแฝดคนเล็กกำลังยืนมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด
นัยน์ตาคมกริบไล่มองร่างบางในชุดนอนสายเดี่ยวลายลูกไม้สีดำด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เขานึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเจอกันในสภาพแบบนี้
เพราะถ้าเป็นปกติ เธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิดจนแทบไม่เห็นเนื้อหนังเสียด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เธอดูแปลกไปหลังจากตกลงไปในสระน้ำ
แคลร์
พวกคุณทานกันไปก่อนเถอะ
คิ้วหนากระตุกเมื่อได้ยินแบบนั้น และด้วยเพราะอารมณ์ที่เลือดร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาเลยพูดออกไปอย่างหัวเสีย
แบรนเดอร์
ปกติเธอเคยอดอาหารเช้าที่ไหนกัน
แคลร์
พูดครั้งเดียวก็น่าจะเข้าใจนะ
แบรนเดอร์แอบผงะถอยหลังไปอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวโต้กลับทันทีด้วยใบหน้าเฉยชา
แคลร์
ฉันเบื่อหน้าพวกคุณค่ะ
แคลร์
ไม่อยากไปร่วมโต๊ะทานอาหารด้วย
ไม่รู้เพราะด้วยความง่วงหรือเพราะโมโหกับสิ่งที่พวกเขาเคยปฎิบัติกับร่างนี้ เธอถึงรู้สึกอยากเอาคืนด้วยการตอบกลับไปแบบนั้นบ้าง
แบรนเดอร์
นี่เธอกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง
แคลร์
มีปากก็แค่พูดออกไปค่ะ
แคลร์
ฝากไปบอกพี่ชายอีกสองคนของคุณด้วยนะ
แคลร์
ว่าฉันหมดความอดทนกับพวกคุณแล้ว
พาร์ทอดีตของแคลร์ยังต้องมีมาอีกค่ะ จะได้รู้ว่าทำไมไอซ์ที่อยู่ในร่างแคลร์ตอนนี้ถึงได้โกรธเจ้าแฝดสามนัก
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!