NovelToon NovelToon

ความทรงจำที่หายไป

บทนำ

ณ มหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่ง

at 08.30 น. เป็นวันเเรกของการเปิดภาคเรียนที่ 2 ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเเห่งนี้ ทำให้วันนี้ทุกคนดูวุ่นวาย รวมถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังรีบเดินไปที่ห้องเรียนของตนเอง ซึ่งเป็นคาบเรียนเเรกของวันนี้

“ วันนี้ฉันมาสายอีกเเล้ววววว”

หญิงสาวร่างบาง ผิวขาว รีบเดินไปยังตึกเรียนที่คุ้นเคย เเละบ่นพลับพลึงอยู่คนเดียว

ตึกเรียน คณะนิเทศศาสตร์

“ในที่สุดก็เดินมาถึงสักที เหนื่อยเป็นบ้าเลย” หญิงสาวได้เเต่พูดกับตัวเอง เพราะตั้งเเต่เธอเข้ามาเรียนมหาลัย เธอก็ไม่ค่อยมาเพื่อนเลย เพราะเธอต้องทำงานส่งตัวเองเรียน เลยไม่ค่อยมาเพื่อนสักเท่าไหร่ เเต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจที่จะเรียน เเต่บางครั้งก็มีเหงาบ้างเป็นบางเวลา

เธอ ชื่อ มิน อายุ 21 ปีเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ปี สุดท้ายเเล้วเเละเธอก็ตั้งใจที่จะเรียนให้จบถึงเเม้ว่ามันจะเหนื่อยเเสนสาหัสขนาดไหนก็ตาม เพราะเธอทำงานด้วย เรียนไปด้วย ถ้าเธอไม่ทำงานส่งตัวเองเรียน เธอก็คงไม่ได้เรียน

หลังจากที่เธอมาถึงห้องเรียน อาจารย์ที่สอนวิชาที่เธอจะเรียนก็เข้าห้องเรียนมาสอนพอดี

at 11.00 น

“หิวข้าวจังเลยยย ในที่สุดก็เรียนเสร็จสักที” พูดจบหญิงสาวก็รีบเก็บของ เพื่อที่จะไปกินข้าว ซึ่งวันนี้เธอก็ทำอาหารมากินเองที่มหาลัยอีกเช่นเคย เพราะวันนี้เธอมีเรนียนเเค่วิชาเดียวของวันนี้ เเละช่วงบ่ายเธอก็ต้องรีบไปทำงานพิเศษเพื่อรีบเก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอมรอบถัดไปในอีกไม่กี่เดือน

“วันนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีน๋าาา”

ถ้าวันนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารตอนนี้ คนคงเยอะมากเเน่ๆ เพราะใกล้เที่ยงเเล้ว ไม่ไปดีกว่า กลับไปกินข้าวที่ห้องดีกว่า เธอได้เเต่คิดในใจเเละก็เดินทางกลับห้องพักไปกินข้าว

ณ บริษัทเเห่งหนึ่ง

“เย็นนี้ ผมมีประชุมกี่โมง”

“เอ่ออ ช่วงประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ”

“เลื่อนออกไปก่อน ผมมีธุระ”

“ ได้ค่ะ” เธอได้เเต่พยักหน้าเเละตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเธอรู้ดีว่า ถ้าไม่ทำตามที่เขาสั่ง ก็คงจะโดนด่าอีกเเน่

ธุระที่เขาบอกคือ การไปเจอเพื่อนที่กลับมาจากต่างประเทศที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลา 2-3 ปี เเละคืนนี้เขาได้นัดเจอกับเพื่อนที่ผับเเห่งหนึ่ง เป็นที่ๆพวกเขามักจะไปเที่ยวกันบ่อยๆ

เขา ชื่อ พายุ อายุ 30 ปี เป็นประธานบริษัทเเละเป็นเจ้าของกิจการมากมาย เขาอายุขนาดนี้เเล้ว ทำไมถึงยังไม่มีครอบครัว ไม่ใช่ไม่มี เเต่เพราะว่าคนที่รักอยากสร้างครอบครัวด้วย เขาเเต่งงานไปเเล้วเเละทำให้เขายังไม่มีครอบครัว เเละยังไม่อยากมีใครเพราะในใจยังลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้

เป็นอดีตที่เจ็บปวด เป็นอดีตที่อยากลืม ยิ่งอยากลืมมากเท่าไหร่กลายเป็นยิ่งจำมากเท่านั้น

ตอนที่ 1

ผับชื่อดังเเห่งหนึ่ง

21.00 น

ผมเดินทางมาถึงผับตามที่ได้นัดกับเพื่อนผมเอาไว้ เเละผมก็เดินตรงไปยังโซน VIP เพราะมันนั่งอยู่ตรงนั้น ถ้าพวกผมจะมาเที่ยวผับ พวกผมมักจะนั่งโซน VIP เท่านั้น ทำไมนะเหรอ เพราะพวกผมเป็นเพื่อนเจ้าของผับนะสิครับ เลยกลายเป็นเเขกระดับ VIP ไปโดยปริยาย

“ไอพายุ ทางนี้ครับมึง”

เสียงเพื่อนผมเองครับ ซึ่งมันมีชื่อว่า ‘เเบงค์’ เป็นเพื่อนกันมาจะ 10 ปีเเล้วครับ ค่อนข้างจะสนิทมากระดับหนึ่งครับ

“ไงครับมึง ไม่ได้เจอกันสะนาน คิดว่าตายห่าไปละ ไม่เห็นติดต่อกูมาบ้างเลยนะมึง”

เป็นคำทักทายเเรกที่ผมเจอหน้ามัน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติครับที่พวกผมจะทักทายกันแบบนี้

“นี่คำทักทายของมึงเหรอครับ”

“…….”

ผมไม่ตอบอะไรมัน เพราะขี้เกียจจะพูดกับมันละ

“คิดถึงกูไหมครับ ไม่เจอกูตั้งหลายปี”

“ไม่ครับ”

“ใจร้ายว่ะ”

เหนื่อยใจกับมัน วันนี้มันอารมณ์ไหนว่ะ อยู่ดีๆมาถามว่าคิดถึงมันไหม สงสัยจะลืมกินยาเขย่าขวด

“เเล้วไอเฟียกับไอตินละ ยังไม่มาอีกเหรอมึง”

“กูไม่รู้ครับ กูพึ่งมาถึง มึงเห็นมันไหมละ”

“กวนตีนละมึง”

20 นาทีผ่านไป

“ไงครับพวกมึง มาถึงกันนานเเล้วเหรอครับ”

“สักพักละมึง”

ในที่สุดก็มากันครบสักที รอนานชิบหายเลยว่ะ เเละอีกอย่างผมก็ไม่ค่อยมาในสถานที่เเบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันน่าเบื่อ มีเเต่เหี้ยอะไรก็ไม่รู้

“มึงกลับมาไทยนานเเล้วเหรอว่ะ “

ไอเฟียเอ๋ยถาม หลังจากที่มาถึงเเล้ว

“ก็พึ่งมาถึงเมื่อวานนี้เเหละมึง กูโคตรคิดถึงพวกมึงเลยว่ะ”

“เอ้า มึง อย่ามาดราม่าตอนนี้นะเว้ย กูไม่มีอารมณ์จะปลอบใครตอนนี้นะมึง”

“ว่าเเต่มึงเถอะ ไอพายุ มึงเเต่งงานกับการ์ตูนเเล้วเหรอว่ะ”

ตุบ!!

“นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ะ ไอเเบงค์”

“รู้อะไรว่ะ กูตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าว่ะ”

“……..”

ทุกคนต่างมองหน้าผม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมไม่อยากนึกถึงมัน ผมได้เเต่หยิบไวน์ขึ้นมากินโดยไม่สนใจสายตาเพื่อนๆของผมที่เหมือนอยากจะให้ผมเล่าให้ฟัง ซึ่งผมก็ไม่เล่า เพราะผม ขี้เกียจเล่า เเละไม่อยากพูดถึงมันอีก

“มันเลิกกับน้องตูนเเล้วครับมึง”

ไอตินเป็นคนบอก ซึ่งก่อนที่มันจะพูด มันได้มองหน้าผม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร

“เอ้าเหรอว่ะ หรือน้องเขามีผัวใหม่เเล้ว ? “

“มึงไม่ต้องพูดก็ได้มั้ง”

“โทษครับมึง กูปากเร็วไปหน่อย”

ผมกับเพื่อนนั่งสังสรรค์กันไปสักพัก ก็พากันเเยกย้ายกับบ้านของตัวเอง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานอยู่เเล้ว เพราะผมมีประชุมงานช่วงเช้า

ถ้าถามผมว่า ผมเสียใจไหมที่น้องเขาทิ้งผมไปแต่งงานกับคนอื่น ผมเสียใจนะครับ เพราะผมกับน้องเขาก็คบกันมานาน เกือบ 10 ปี เเต่อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยมีเวลาให้เขา หรือเพราะผมกับน้องเขาไม่ใช่ มันเลยลงเอ๋ยแบบนั้น

ก่อนที่ผมจะเดินกลับ ผมได้เดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่งในผับ

ตุบ!

“ขอโทษค่ะ”

เธอกล่าวขอโทษผม เเละโค้งเป็นการขอโทษ ซึ่งน่าจะต้องเป็นผมนะที่ต้องขอโทษเธอมากกว่า เพราะผมเป็นคนเดินชนเธอ ไม่ใช่เธอเดินชนผม เเต่ชั่งมันเถอะ

“ครับ”

ผมไม่ได้ยืนรอเห็นหน้าเธอคนนั้นเหรอกนะครับ เพราะเธอไม่เงยหน้ามาให้ผมเห็น เเละอีกอย่างผมก็รีบกลับบ้านด้วย

“อะไรกันว่ะเนี้ยยย”

เหล้ายกใส่เสื้อผมตอนไหนว่ะเนี้ยยย หรือจะเป็นตอนที่ผมเดินชนผู้หญิงคนนั้นว่ะ เหม็นชิบหายเลยว่ะ

เเละผมก็ขับรถกลับบ้าน

18.00 น.

ฉันเดินทางมาทำงานที่ผับเเห่งนี้เป็นที่เเรก เเละเป็นการเริ่มงานวันเเรกของฉันด้วย เพราะเพื่อนที่รู้จักเเนะนำมา เเละอีกอย่างเงินดีด้วย เเต่ก็อย่างว่าเเหละ ผับเเห่งนี้มีเเต่คนรวยเข้าอะเหนอะ

“สวัสดีคะผู้จักการ หนูชื่อมินนะคะ”

“ดีครับ เริ่มงานวันเเรกใช่ไหมครับ”

“ใช่คะ “

ฉันได้เเต่ยิ้มตอบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อเเล้ว เเละอีกอย่างที่นี่ก็คอ่นข้างจะเย็นมากกเเละเสียงดังมากพอสมควร

“งั้นก็ทำงานทั่วไปก่อนละกันนะครับ”

“งานทั่วไปนี่คือ อะไรบ้างคะ มินจะได้ทำถูกคะ “

นั้นนะสิ งานทั่วไปที่นี่มีอะไรบ้างละ เพราะเเต่ละที่ งานไม่เหมือนกัน บางที่ก็ห้ามเด็กใหม่ทำนั้นทำนี่ เเละอีกงาน ผับที่นี่งานก็น่าจะเยอะด้วย มั้งนะ ไม่รู้สิ เพราะไม่เคยทำงานที่ผับมาก่อนนี่หน้า

“เเล้วเราทำอะไรเป็นบ้างละครับ”

“มินล้างจาน ช่วยเสริฟน้ำ เสริฟอาหาร ได้คะ งานที่ทำได้ก็มีเเค่นี่คะ เเฮร่ๆ “

ฉันได้เเต่ยิ้มเเห้งให้กับผู้จักการร้าน หวังว่าเขาคงไม่ไล่ฉันออกนะ

“โอเคครับ ไม่เป็นไรครับ งั้นก็ทำหน้าที่ช่วย พนักงานคนอื่น เสริฟน้ำไปก่อนนะครับ เพราะวันนี้ลูกค้าเยอะ”

“ได้คะ ขอบคุณคะ”

ฉันยกมือไหว้ผู้จักการร้าน

“วันนี้จะมีเเขก VIP มา ยังไงก็ดูเเลให้ดีละ”

“รับทราบคะ”

ทุกคนต่างคานตอบรับผู้จักการร้าน ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า แขก VIP ที่นี่เป็นยังไงอ่ะ เป็นคนรวยเเบบรวยมากๆเหรอ หรือเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตอะไรเเบบนี้หรือเปล่านะ

“เอ่อ พี่คะ พอดีหนูสงสัยคะ ว่าเเขกระดับ VIP นี่คืออะไรเหรอคะ”

ฉันถามพี่ที่หน้าตาดูใจดีๆ เเค่คิดเอาเองนะ

“อ้อ วันนี้จะมีลูกชายเจ้าของร้านผับเเละบรรดาเพื่อนๆมาผับนะ ทางที่ดี หนูอย่าไปแถวชั้น 2 จะดีกว่านะจ๊ะ

“อ้อ ได้คะ ขอบคุณนะคะ “

อ้อ เป็นอย่างนี่ นี่เอง

เเละฉันก็ทำงานมาเลื่อยๆ อาจจะมีเสริฟน้ำผิดโต๊ะบ้าง เเต่ยังดีที่มีพี่ใจดีคอยบอก คอยสอนงาน เพราะที่นี่โต๊ะเยอะมาก เเถมคนก็เยอะมากเช่นกัน สมัยนี่ผมฮิตกันเที่ยวผับมากกว่าเดินตลาดนัดเเล้วเหรอเนี่ย ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย

การเดินเสริฟน้ำ เสริฟ อาหารที่นี่เหนื่อยเป็นบ้าเลยอ่ะ ถ้าเทียบกับทำงานตามร้านอาหารนะ ที่นี่เหนื่อยกว่าอีก เเต่ก็อย่างว่าเเหละ คนเยอะ ออเดอก็เยอะ จนฉันเดินชนกับใครก็ไม่รู้ จนน้ำในเเกวยกใส่คนๆนั้นเลย ฮืออ เเก้วละเท่าไหร่อ่ะ ต้องเเพงมากเเน่ๆเลยอ่ะ เริ่มงานวันเเรกก็เอาสะเเล้วว

“ขอโทษค่ะ”

ฉันรีบกล่าวขอโทษเเละโค้งเป็นการขอโทษ เผื่อเขาจะเห็นใจไม่เอาเรื่องฉัน

“ครับ”

ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา เพราะกลัวเขาจะเอาเรื่องฉันที่ฉันทำน้ำยกใส่เสื้อเขา จนเขาเดินไปไกล เเละฉันได้เเต่ถอนหายใจใส่ตัวเอง เเละเดินกลับไปบอกพี่ใจดี เเต่พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

02.30 น.

เป็นเวลาที่ผับปิดร้าน ซึ่งวันนี้ปิดเร็วเป็นพิเศษ ปกติเเล้วจะปิดประมาณ ตี 5 เเต่วันนี่จะมีตำรวจมาตรวจความเรียบร้อยของร้านเเละระบบรักษาความปลอยภัยมั้ง เลยต้องปิดเร็วหน่อย

“กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย 2 วิชาเลยอ่ะ “

ฉันได้เเต่บอกกับตัวเองให้อดทนเเละสู้ๆไปก่อน เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆเหรอก บนโลกใบนี้

ตอนที่ 2

เป็นเช้าอีกวันที่ฉันต้องตื่นมาเรียนเเต่เช้า เเต่ดีหน่อย เทอมนี้ฉันมีเรียนเเค่ 3 ตัว เเละเป็น 3 ตัวสุดท้ายเเล้ว เเต่เป็นวิชาที่ค่อนข้างจะเข้าใจยากมากๆเลย ต้องอาศัยทั้งความรู้เเละความเข้าใจในการเรียนด้วย เเล้วอีกอย่าง วิชาโปรเจ็คก็ต้องทำ เฮ้ออ เทอมนี้มันช่างยากจังเลยน๋าาาา

เเล้วเทอมนี้จะทำโปรเจ็คอะไรดีละ คิดไม่ออกเลยอ่ะ อืมมม เดี๋ยวค่อยคิดละกันนะ

“วันนี้ อาจารย์จะให้นักศึกษานั่งทำงานในห้องเรียนนะครับ”

“ค่ะ อาจารย์”

ยังไม่หมดคาบเรียนของวิชาที่ 2 เเต่เห็นอาจารย์บอกว่าติดประชุมเลยต้อง สอนเเค่นี้ก่อน ฉันเลยมีเวลาเคลียร์งานที่อาจารย์สั่งในห้องเรียนให้เสร็จไปเลย ไม่ต้องเอากลับไปทำที่ห้องอีก เเละอีกอย่างวันนี้ฉันต้องไปทำงานพิเศษอีก กว่าจะเลิกงานก็คงดึกพอดี

ฉันได้เเต่นั่งมองเพื่อนๆในห้องเรียนนั่งคุยกัน อย่างสนิทสนม ซึ่งต่างจากฉันที่นั่งอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน บางครั้งฉันก็คิดนะว่า ทำไมต้องเป็นฉันที่ดิ้นรนอยู่คนเดียว เเละจะมีสักกี่คนที่เข้าใจฉัน T^T

22.00 น.

ผับเเห่งหนึ่ง

วันนี้เป็นวันเริ่มงานครั้งที่ 2 ของฉัน เเละวันนี้มันต้องดีกว่าเมื่อวาน เเละฉันจะต้องเรียนรู้งานให้ได้เร็วที่สุด เเละระหว่างการทำงาน ฉันสามารถทำได้ดีกว่าเมื่อวานเยอะเลย เเต่อาจจะมีผิดพลาดบ้าง เเต่ผิดพลาดน้อยกว่าเมื่อวาน

ทางด้านอีกคน

“วันนี้นายจะเดินทางกลับบ้านใหญ่ไหมครับ ผมจะได้เตรียมรถไว้”

“อืมม”

ผมไม่ได้ตอบอะไร ใน 1 เดือน ผมจะต้องขับรถกลับบ้านใหญ่ ไปทานข้าวเย็นพูดคุยกัน ตามประสาทครอบครัวใหญ่ ซึ่งมันไม่เห็นต้องทำ เเละผมก็ไม่ได้ชอบ เเละทกุครั้งที่ผมกลับไป มักจะมีคำถามเดิมๆ ที่ผมขี้เกียจพูด อย่างเช่น ‘เมื่อไหร่จะเเต่งงานมีครอบครัว’ ผมเบื่อที่ต้องพูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ

บ้านใหญ่

“วันนี้มึงมาช้านะไอพายุ”

“ผมติดประชุมครับ”

“เเล้วนี่ทานอะไรมาเเล้วหรือยังละ”

“เรียบร้อยเเล้วครับ”

“ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับเเกอย่างจริงๆจิงๆสักที”

คงจะเป็นเรื่องเดิมๆ น่าเบื่อ

“เมื่อไหร่เเกจะเเต่งงาน มีครอบครัว มีลูกสักที ฉันอยากอุ้มหลาน”

“ผมยังอยากทำงาน ยังไม่อยากเเต่งงานมีครอบครัวตอนนี้ครับ”

“ฉันรู้ว่าเเกยังไม่อยากเเต่งงาน เเต่เเกก็รู้ว่า ฉันอายุเท่าไหร่เเล้ว จะรอให้เเกพร้อม ฉันคงตายจากโลกนี้ไปก่อนที่จะได้อุ้มหลาน”

“…”

ผมไม่ตอบอะไร เพราะต่อให้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เเละนี้คือเหตุผลทีไม่อยากกลับบ้านใหญ่ เเต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อายุของผมก็ไม่ใช่น้อยๆเเล้ว หรือบางทีผมอาจจะยังลืมรักเก่าไม่ได้หรือผมยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวตอนนี้

“เอาเป็นว่า….ผมพร้อมเมื่อไหร่ก็มีตอนนั้นแหละครับ”

“ -___- “

พูดครับผมก็เกินขึ้นห้องของตัวเอง โดยที่ไม่รอให้โต้ตอบอะไร ถ้าขืนอยู่ตอน คงได้เถียงกันอีกนาน น่าเบื่อเป็นบ้า ผมไม่ได้คิดว่าการมีครอบครัวจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เเต่ผมมองว่ามันควรเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต เเละการจะเเต่งงานมีครอบครัว มันไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้ เเต่ต้องเป็นคนที่เรารักเเละไปด้วยกันได้

เเละการอยู่เป็นโสดโดยที่ไม่มีครอบครัว ในสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คนที่อยู่ได้โดยไม่มีครอบครัวก็มีเยอะเเยะไป เเละคนที่เเต่งงานมีครอบครัว หย่าย้างก็มีเยอะแยะ มันเป็นเรื่องของหัวใจ คิดมากไปก็เท่านั้น ถ้าคนมันจะมี ถึงเวลาก็คงมีเองเเหละ

วันนี้ไหนๆก็กลับมาบ้านละ นอนพักสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

หลังจากที่ผมอาบน้ำ เเต่งตัวเตรียมนอน ผมก็ได้ทำการปิดโทรศัพท์ เเละปิดทุกอย่างที่จะเป็นการรบกวนผมนอน เพราะมันเป็นเวลาที่ผมควรจะได้พักผ่อน

เช้าวันถัดมา

“ตื่นเเล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง นอนหลับสบายดีไหม หื้อมม”

“ก็ดีครับ นอนหลับดี”

เสียงผู้เป็นเเม่เอ่ยถามลูกชายของตน เพราะหลังจากที่ลูกชายทะเลกับปู่ ก็ไม่ได้เจอหน้าลูกชายอันเป็นที่รักเลยจะไปปลุกเพื่อมาคุยให้หายคิดถึงก็เกรงใจ อยากให้ได้พักผ่อนบ้าง คงทำงานเหนื่อย

“อาหารเช้าวันนี้ เป็นข้าวต้มปลา ของโปรดลูกเลยนะ”

“ครับ”

“กินเลยไหม กำลังร้อนๆเลย เเม่พึ่งทำเสร็จ”

“ได้ครับ”

ผู้เป็นเเม่ได้เเต่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะไม่รู้ว่านานเเค่ไหนเเล้วที่ลูกชายสุดที่รักไม่ได้กินข้าวฝีมือของตนเอง วันนี้เลยทำอาหารของโปรดลูกชายสักหน่อย

เธอได้เเต่มองเเละยิ้มกับตนเองอย่างมีความสุข กับการมองลูกชายตนกินข้าว มัวเเต่ทำงานหลัก สงสัยข้าวปลาไม่ค่อยได้กิน ดูผอมลงไปเยอะเลย

“ช่วงนี้งานหนักมากเหรอลูก”

“นิดหน่อยครับ”

“หื้อมม….. ทำงานหนักก็อย่าลืมดูเเลตัวเองบ้างละลูก เเม่เป็นห่วง”

“ครับ”

ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย

“วันนี้ฉันต้องหาบทความสำหรับทำโปรเจ็คให้ได้เลย”

เพราะวันนี้ฉันตั้งใจว่าจะเริ่มทำโปรเจ็ค หาข้อมูลเเละความรู้อ้างอิงสำหรับทำโปรเจ็ค ถ้าเริ่มทำตั้งเเต่ตอนนี้อาจจะดีก็ได้ ตั้งเเต่ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ ฉันก็พึ่งเคยมาห้องสมุดของมหาลัยเป็นครั้งเเรกเลย โอ้โห่ มันใหญ่มากๆเลย เเล้วฉันจะหาหนังสือสำหรับทำงานเจอไหมเนี่ย งื้ออ

ฉันเริ่มจากการไปถามหาหนังสือจากพี่บรรณาธิการเเละพี่เขาก็ให้คำเเนะนำฉันได้อย่างดีมากๆเลย เเละฉันก็พึ่งรู้ว่าที่นี่มีหนังสือมากมายที่ฉันสามารถยืมกลับไปอ่านที่หอได้ด้วย

หลังจากที่ฉันได้หนังสือที่ต้องการเเล้ว ปัญหาก็มีอยู่ว่า ฉันจะทำโปรเจ็คเกี่ยวกับอะไรดีนี่สิ ถ้าฉันคิดหมีออกงานก็จะไม่เดิน เพราะไม่รู้ว่าฉันต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน

“วันนี้คงได้เเค่นี้แหละ”

ฉันได้เเต่บ่นกับตัวเองเเละเกินกลับห้องพักของตัวเอง

ระหว่างที่ฉันกำลังนึกว่าจะทำโปรเจ็คเกี่ยวกับอะไรดี ฉันก็รู้สึกเหนื่อยๆ เหมือนคนไม่มีแรง บางครั้งฉันก็น้อยใจตัวเองนะที่เกิดมาเป็นแบบ ทำไมฉันต้องดิ้นรนอยู่คนเดียว ถ้าฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีเงิน ไม่ต้องดิ้นรนอะไรเเบบนี้มันจะเป็นเเบบไหนนะ จะรู้สึกดีเเค่นี้

บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของฉันก็ได้ ฉันพยายามมาขนาดนี้แล้ว ฉันจะมาท้อไม่ได้ ขอเเค่ฉันสู้ต่ออีกสัก 2-3 ปี จะเป็นอะไรไป

วันนี้พักผ่อนหน่อยละกัน ไหนๆก็เป็นวันหยุดเเล้ว อืมม จะออกไปข้างนอกหรือจะนอนพักอยู่ห้องดีน่าาาาา อีกใจก็อยากนอนอยู่ห้อง อีกใจก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอกกับคนอื่นเขาบ้าง เอายังไงดีน่าาา

“ออกไปห้างใกล้ๆเเถวนี้ดีกว่า”

ฉันตัดสินใจเเล้วว่าจะออกไปห้างเเถวๆนี้ เผื่อมีอะไรแปลกใหม่ที่น่าตื่นเต้นให้ดูบ้าง เเละหลังจากนั้นฉันก็ลุกไปอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อจะออกไปข้างนอก ฉันเลือกใส่ชุดสบายๆ

“วันหยุด คนเดินห้างก็เยอะเหมือนกันนะเนี้ยยย”

ใช่! คนเยอะมาก มองไปทางไหนก็เจอเเต่คนเดินเต็มไปหมดเลย รู้งี้นอนตีพุงอยู่ห้องดีกว่า เสียดายจังง

ไหนๆก็มาละ หาสักแปปก็ได้

ระหว่างที่ฉันเดินไปเรื่อยเปื่อยก็ได้เจอกับคนๆหนึ่ง ที่เขาดูดี มีเสน่ห์มาก รูปร่างสูงโปร่ง ผมดำ นัยน์ตาดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก คนอะไรดูดีไปหมดเลย เเถวมากับผู้หญิงอีกคน ดูเเล้วน่าจะมีอายุหน่อย แฟนเหรอ?? หรือว่าจะเป็นเเม่น่า ?? เเละฉันคงจองเขานานไปหน่อย เขาเลยรู้ตัวเเละหันมาสบตาฉัน ทำให้ฉันรีบหันหน้าหนี เเละระหว่างที่เราสบตากันอยู่สักแปนั้นทำไมใจฉันมันเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนะ ทำไมกันนะ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!