"ท่านพี่ เดินช้าๆหน่อยเจ้าค่ะ ข้าเดินตามไม่ทัน"เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่รีบตามบุรุษตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น วันนี้ทั้งสองได้มากราบไหว้พระที่ภูเขาตามคำสั่ง ฮูหยินเว่ย
เส้นทางไม่สามารถนำรถม้าขึ้นไปได้ จึงทำให้ต้องเดินทางเท้า เส้นทางลาดชัน นางก็พยายามเดินเร็วขึ้นไปหาท่านพี่ จนเกือบจะถึงอยู่แล้ว แต่สุดท้าย
"ตุบ" นางสะดุดจนเกือบจะล้มเส้นทางที่เป็นขาลง หากล้มลงไป นางคงกลิ้งลงไปแทนการเดิน แต่ยังดีที่ท่านพี่หันมารับนางไว้ทัน
"ซุ่มซ่าม"เสียงแรกที่เอ่ยตำหนินางทันที ไป๋ลูไม่ได้อยากมากับนางเลยด้วยซ้ำ เพราะถูกมารดาบังคับ พอมาด้วยก็เป็นเสียแบบนี้
"ข้าขอโทษเจ้าค่ะ" เขาถอนหายใจก่อนที่พยุงนางยืนขึ้น
"ข้าเบื่อเจ้านัก วันๆ ไม่มีอะไรทำหรือไง มาหาข้าอยู่เรื่อย"
"นอกจากมาหาท่านพี่ก็ ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ"นางหลบสายตาของเขาที่จ้องจับผิด
"เชอะ" เขาสบประมาทนางอยู่ในใจ ตั้งแต่รู้จักเข่อซิง สตรีผู้นี้พูดน้อย ใบหน้านิ่งตลอด แต่เวลาใดที่อยู่กับเขามักแสร้งอ่อนแอ เผยใบหน้าที่ร่างเริงออกมา นางทำเหมือนว่าตนเป็นเพียงเป็ดน้อยผู้น่าสงสาร แต่แท้จริงเป็นจิ้งจอกมักมาก นางทำเช่นนี้เพราะตระกูลของนาง มักใหญ่อยากให้ตระกูลเว่ยเกี่ยวดองจนตัวสั่น นางเองก็คงอยากหวังสูงเช่นกัน เขาจะไม่ใจอ่อนกับนางเด็ดขาด
"ท่านพี่ขาข้าพลิดเจ้าค่ะ" นางก้มนั่งลงก่อนจับที่ข้อเท้าตนเอง
"เจ้ามีแผนอะไรอีก"
"เปล่านะเจ้าค่ะ ข้าเจ็บจริงๆ" เพราะว่าที่เดินมาเพียงสองคน บวกกับเริ่มเย็นแล้ว ทำให้ไม่มีใคร ไป๋ลูจึงต้องนั่งยอง และถอดรองเท้าของนาง เงยให้เห็นขาขาวนวลที่มีรอยช่ำนวดขึ้นมา จึงรู้ว่านางไม่ได้เสแสร้ง ก่อนจะมองใบหน้านางที่ไม่สู้ดี
สาวใช้ที่เดินไปมาอย่างกังวล พอกับบ่าวรับใช้ของไป๋ลูที่ยืนนิ่งเงียบ เห็นว่าสาวใช้ตระกูลซือจะเป็นห่วงนาย
"เจ้าเลิกเดินไปมาเถอะ ข้าเวียนหัว"
"มันเรื่องของเจ้า ทำไมนายข้าถึงช้านัก" เหมยหลินเอ่ยไม่ได้สนใจคนด้านหลังที่กำลังส่งสายตารำคาญมา
"ทำไมหรือ ใช้ว่านายเจ้า กำลังพยายามเกี้ยวนายข้าไปหลายยกแล้วกระฆัง"
"นี่เจ้า นั้นปากหรือ คุณหนูหากใช่คนเช่นนั้นไม่" เหมยหลินหันมาต่อว่าคนด้านหลัง ตั้งแต่ที่ตามคุณหนูมา และได้เจอกัน หมิงอี้ผู้นี้ก็ทำให้นางปวดหัวไม่น้อย
"เหมยหลิน" เสียงใครบางคนที่เอ่ยเรียกนาง พอหันไปก็เป็น คุณหนูที่ถูกคุณชายเว่ยแบกไว้ที่หลัง สาวใช้นั้นแทบตกใจ รีบไปพยุงคุณหนู
"คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้" ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ไป๋ลูจึงถูกบ่าวรับใช้พาไปขึ้นรถม้า โดยไม่ได้ใส่ใจนางต่อ เพราะตอนนี้คนของนางก็มีแล้ว เขาเองก็มีสิ่งที่รีบไปทำเช่นกัน
"ขาพลิกน่ะ"
"คุณหนู มาลำบากแท้ๆ ไปเถอะเจ้าค่ะ" นางที่เห็นว่าเขารีบไปจึงไม่ได้กล่าวอะไร และตอบเหมยหลิน
ตลอดทางที่แบกนางมานั้น เขาไม่เอ่ยสิ่งใด ความอบอุ่นที่แผ่นหลังกว้าง กลิ่มหอมอ่อนๆ ทำให้นางผ่อนคลาย จนไม่รู้เลยว่าถึงตีนเขาแล้ว แม้จะปากร้ายแต่ใจดีไม่น้อย
จวนตระกูลซือ
หลังจากกลับมาได้สามวัน นางต้องพักฝืน จึงไม่สามารถออกด้านนอกได้ แม้ไม่ได้ไปไหน นางก็รู้สึกยินดี เพราะจะได้พักผ่อนเสียบ้าง ไม่ต้องแต่งชุด แต่งหน้าอะไรทั้งสิ้น อยู่แต่ในจวน
"คุณหนูข้าได้มาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงเหมยหลินที่รีบวิ่งมา พร้อมกับตำราในอก เข่อซิงรีบนำหนังสือในมือของสาวใช้ เป็นตำราเล่มล่าสุดของนักปราชญ์โจว เกี่ยวกับการไปเที่ยวในที่ต่างๆ นางติดตามตั้งแต่เล่มแรกๆ จนตอนนี้สิบกว่าเล่มได้แล้ว นางชอบในการอ่านตำรา แม้กระทั่งตำราวิชาการของขุนนางที่สตรีไม่จำเป็นต้องอ่านก็ตาม
"คุณหนูกว่าข้าจะหาซื้อได้ ยังดีที่ร้านตำราเปิดใหม่ยังเหลือ แทนลดราคาให้ด้วยเจ้าค่ะ"
"หึ ใช่หรือ ตำราของนักปราชญ์ท่านนี้หาใช่จะสามารถลดราคา แต่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย"
"จริงเจ้าค่ะ ขนาดเงินที่คุณหนูให้ข้ายังเหลือมาเลยเจ้าค่ะ" ก่อนจะหยิบพวงตำลึงที่พกไปกลัวไม่พอเสียด้วยซ้ำ
"ครั้งหน้าข้าต้องไปเยือนร้านนั้นเสียแล้ว"ขนาดตำราเล่มนี้ยังมีขาย แล้วตำราดังเล่มอื่นเล่า
"คุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านเรียกพบเจ้าค่ะ"
"อืม" นางกับเหมยหลินที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกก็ถูกสาวใช้อาวุโสเอ่ยเรียก นางถึงกับหุบยิ้มลงทันที
ก่อนที่นางจะรีบแต่งตัว และให้เหมยหลินพยุงไป แม้จะเริ่มหายแต่นางไม่สามารถลงน้ำหนักได้
"คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"เมื่อมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นบิดาที่นั่งรออยู่ สีหน้าที่จับจ้องมาทางนาง
"เท้าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ" นางเอ่ยเพราะยกยิ้ม
"อืม ดูเจ้าจะไม่ได้เป็นเตือนเป็นร้อนอะไรเลยสินะ" พอบิดาเอ่ยเช่นนั้นทำเอานางนิ่งไปทันที ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านเหมือนอารมณ์เสีย "ขนาดการหมั้นของเจ้าผ่านมาตั้งสามปี ยังไม่ทันได้แต่ง ยังมายิ้มอีกหรือ เพียงแค่ทำให้ไป๋ลูยอมแต่งงานกับเจ้ามันยากนักหรือไง" บิดา เริ่มหัวเสียการแต่งงานของนาง เพราะเขาหวังอยากดองกับตระกูลเว่ยนี่มาก
แต่แม้จะได้หมั้นกัน แต่ทางฝ่ายนั้นให้บุตรชายเป็นคนตัดสินงานแต่ง เพราะอยู่ในช่างการสอบขุนนาง และเขาอ้างเรื่องนี้มาบอกบิดามารดา ว่าต้องการทุ่มเทให้แต่การเรียน ทำให้บิดานั้นไม่ค้าน จนตอนนี้เข้าขุนนางได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้มาสู่ขอจริงจัง และจะให้นางทำอย่างไรได้ ก็อยากแต่งงานให้จบๆ แต่เข่อซิงเคารพการตัดสินใจของเขา
"ท่านพ่อ ข้าจะพยายามมากขึ้นเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้โมโห" นางพยายามใจเย็นแล้ว รับปากไว้เพื่อให้บิดาใจเย็นลง ตอนนี้จะทำยังไงได้กัน
นางอยู่กับความกดดันนี้มานาน หากแต่จะทำอย่างไร นอกจากทำเจตจำนงของบิดาให้สำเร็จ
"คุณหนูอย่าคิดมากเลยนะเจ้าค่ะ" เหมยหลินนั้นเดินตาม นายตนอย่างเศร้าๆ เมื่อเช้าก็ถูกนายท่านซือมาอาละวาดถึงเรือนพูดถึงแต่งานแต่ง ไม่สนใจเลยว่าคุณหนูยังบาดเจ็บ ให้ไปหาแต่คู่หมั้น
"อืม เตรียมรถม้าเถอะ เราจะไปหาซื้อขนมที่ท่านพี่ชอบ ก่อนแล้วค่อยไปหาที่จวน"
"แต่คุณหนูตอนนี้ เท้ายังไม่หาดีเลยนะเจ้าค่ะ"
"ข้าเดินช้าๆ มันก็ไม่เจ็บแล้ว ไปเถอะ" นางกล่าวอย่างนิ่งเฉย แค่ไปหาท่านพี่ไป๋ลูแล้วก็คงจบสินะ
รถม้าที่ค่อยมาจอดข้างทาง ผู้คนต่างเดินจับจ่ายซื้อของ เหมยหลินให้นายตนอยู่แต่ในรถม้า แต่เข่อซิงอยากไปอีกที่หนึ่งที่เหมยหลินบอก เป็นร้านเปิดใหม่ แวะไปชมเสียหน่อยจะเป็นอะไรไป
พอมาถึงร้านตำราร้านนี้ ช่างยิ่งใหญ่ นางไม่ได้สังเกต เพราะเวลาใดที่ไปหาท่านพี่จะใช้อีกเส้นทางหนึ่ง แต่พอต้องแวะซื้อของก็ต้องเข้ามาเส้นนี้ ตำราที่จัดว่าเป็นระเบียบ มีทั้งเล่มเก่าและใหม่เป็นสวรรค์บนดินชัดๆ
"นั้นคุณหนูซือ" เสียงใครบางคนที่เอ่ยเบาๆ แต่นางกลับได้ยิน แต่เพียงทำหน้าไม่สนใจ อีกมือก็จับแขนของสาวใช้ไว้ ก่อนจะพาตนเองออกจากบทสนทนานั้น
"จริงด้วย ตามคุณชายเว่ยมาถึงนี่เลยหรือ" พอได้ยินประโยคนั้น เข่อซิงถึงกับนิ่งไป ท่านพี่อยู่นี่งั้นเหรอ เหอะ..มิน่าสตรีพวกนั้นเห็นนางพากันพูดถึงนาง แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องไปถึงจวน และพูดถึงงานแต่งของนางเสียที
เข่อซิงหาได้สนใจคู่หมั้น ก่อนจะถามเจ้าของร้าน รู้ว่าท่านพี่อยู่ชั้นบน งั้นนางจะรอที่ชั้นนี้ ดูตำราไปพลางดีกว่า สังขารก็ยิ่งไม่ดีอีก คิดได้ดังนั้น เข่อซิงจึงไปที่ชั้นหนังสือที่แยกเป็นหมวด โดยไม่ได้สนใจคนที่นินทานางอีก
ตำราที่นางสนใจมีมากเหลือเกิน แววตาที่สุขใสเวลาที่ได้เจออะไรที่ชอบ เหมยหลินเองก็เป็นคนรอรับเล่มตำราที่คุณหนูเลือก
" เล่มนี้ก็ดี.. ท่านอาจารย์จ้าวออกเล่มใหม่อีกแล้ว"นางที่เมือนจะพูดกับเหมยหลิน แต่จริงนางกำลังพูดกับตัวเอง สาวใช้ที่เช่นนั้นก็มีความสุขตามไปด้วย
"คุณหนูระวังข้อเท้านะเจ้าค่ะ"
ผ่านจากชั้นที่นางอยู่มีใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองนางก่อนจะรีบขึ้นไปชั้นสอง เดินลัดเลาะมาถึงสาวใช้คนนั้นรีบไปกระซิบคุณหนูตัวเอง
ทั้งสองคนต่างสบตากัน นางค่อยเผยรอยยิ้มก่อนหันมาหาคุณชายเว่ยที่กำลังดูตำราอยู่
"ท่านพี่เว่ย เราไปทานอาหารกันดีหรือไม่เจ้าค่ะ" ใบหน้างามยกยิ้มขึ้น ผมยาวสลายดำสนิท ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ริมฝีปากอมชมพูดั่งดอกอิงฮวา ในฤดูร้อน ทำให้บุรุษชมชอบนางไม่น้อย ตั้งแต่ที่ย้ายกลับมา
"ตามใจเจ้า" ไป๋ลูยกยิ้มก่อนเดินนำสตรีข้างกาย นางทั้งสวยและงดงาม เหมือนครั้งก่อน ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นเขาวันนั้น บ่าวรับใช้มารายงานตนจึงรีบกลับมา พบว่าข้างจวน เลี่ยงจินได้ย้ายกลับมาแล้ว เขาดีใจนัก ก่อนทั้งสองจะเดินไปคุยไป
"ท่านพี่อาหารที่ท่านชอบยังคงเหมือนก่อนหรือไม่เจ้าค่ะ"
"แน่นอน หากยิ่งเป็นอาหารที่เจ้าทำข้ายิ่งชอบเป็นพิเศษ"
"เมื่อครั้งก่อนที่ข้าทำไปให้ท่านทาน แทบไม่ได้เรื่องเลยเจ้าค่ะ" ไป๋ลูรีบแย้ง
"ใครบอกเจ้ากัน อาหารที่เจ้าทำนั้นอร่อยมาก..ยิ่ง"
เสียงที่ดังลงมาจากชั้นสอง เข่อซิงนั้นจำได้ว่าใคร ก่อนที่จะจะรีบมาดักคู่หมั้นของนาง
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่"นั้นคือคำแรกที่เอ่ยออกมา
"ข้ามาหาท่านพี่เจ้าค่ะ" นางเอ่ยเสียงนิ่ง แววตามองต่ำ เพราะดูท่าวันนี้นางจะไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานเสียแล้ว
"ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ"เสียงเลี่ยงจินนั้นสั่นเทา เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
"เรากำลังจะไปทานข้าว คงไม่ว่าง" เขาจับแขนของเลี่ยงจินไว้ จ้องมองคู่หมั้นตัวเอง
"งั้นไปทานด้วยนะเจ้าค่ะ"นางเสนอตนเองไปด้วย ในใจนั้นกลัว กลัวว่าสตรีคนนี้ ทำให้ท่านพี่หลงรักอีกครั้ง หรือจริงๆแล้วเขารักมาโดยตลอด นางไม่รู้เลย เข่อซิงกำลังกังวล หากกลับมาเช่นนี้นางจะสู้ได้หรือเปล่า ขนาดสามปีนี้นางพยายามยังไม่สัมฤทธิผลด้วยซ้ำ
"ใครเชิญเจ้า อย่าได้ตามข้านักเลยรู้หรือไม่ข้ายิ่งไม่ชอบเจ้า" เสียงนั้นเอ่ยอย่างไม่เหลือเยื่อใย ไป๋ลูหาได้คิดเลยว่านางเป็นคู่หมั้น จูงมือหญิงอื่นออกมา โดยไม่ได้สนใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็ฮูหยิงของเขาในอนาคต
"เจ้าค่ะ"นางเจ้ารับอย่างเศร้า ไม่ดื่นดันอีก ผู้คนที่เห็นต่างไม่ได้สงสารนาง เพราะแต่ไหนแต่ไรมักเห็นนางตามคุณชายคนนี้ จนผู้คนชินไปแล้ว ส่วนใหญ่จะโดนดุต่อหน้าผู้คน แต่นางก็ไม่ได้สนใจ แต่มาครั้งนี้ดูเหมือนจะหนัก คุณหนูซือนิ่งไปเลย เห็นสายตานางดูไม่สู้ดีนัก นางก็พยายามมามาก แต่ไม่เห็นจะได้ผล เดินตามทำอะไรจะมีนางข้างกาย จนสตรีอื่นนั้นยุ่งกับบุรุษผู้นี้
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นมีใครบางคนที่จ้องมองอยู่ หันไปเอ่ยถามลูกน้องตนเองที่กำลังยืนรอคำสั่ง
"นางคือใคร"เขาเอ่ยถามไป แต่สายตายังคงมองที่สตรีผู้นั้นท่าทางที่แสดง ใบหน้าที่สลับเปลี่ยนไปมา สีหน้าตกใจ เศร้า จนผู้คนเห็นคิดว่านางดูน่าสงสาร หรือบางคนบอกว่าน่าสมเพช แต่สำหรับเขากลับดูน่าสนใจไม่น้อย ที่เห็นสีหน้าที่คู่สองคนนั้นออกไป นางกลับแปลเปลี่ยนเป็นสีหน้าเฉยชาได้ นางผู้นี้เป็นนักแสดงงิ้วที่ดีได้เลย หากเขาจ้างมาตั้งวงแสดงคงดังไปทั่วแน่ๆ แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุด
"นางเป็นคุณหนูตระกูลซือขอรับ ขุนนางคนหนึ่ง แต่มีคู่หมั้นเป็นถึงคุณชายเว่ย ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง"
"น่าเสียดาย"
"ทำไมหรือขอรับ"
"ดูสิ สีหน้านางแสดงงิ้วได้ดีนัก"เขาเอ่ยเสียงเย็นก่อนยกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางที่เอ่ยตอบคนใช้ ต่างทุกครั้งดูจริงใจต่างจากเมื่อกี้
..
"ท่านพี่เว่ย ปล่อยนางไว้เช่นนั้นจะดีหรือเจ้าค่ะ"เลี่ยงจินมองหันไปทางเข่อซิง ก่อนจะก้มหน้าพูดเสียงเบา"นางเป็นคู่หมั้นท่านนะเจ้าค่ะ"
"คู่หมั้นที่ข้าไม่ได้เลือกน่ะหรือ บิดาเป็นบังคับข้า นางก็รู้เหตุผลนั้น แต่ก็ยังรังควานข้าไม่เลิก โดนเช่นนี้จะได้เลิกตามเสียที"ไป๋ลูนั้นไม่สนใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไรนาง นางก็ยิ้มและอภัยเขาเช่นเดิม ครั้งก็เมือนเมื่อก่อนนั้นแหละ นางเป็นสตรีที่โง่ผู้หนึ่ง
"คุณหนู คุณชายเว่ยมารอที่เรือนรับแขกแล้วเจ้าค่ะ "
"รอไปก่อน" นางเอ่ยนิ่งก่อนให้สาวใช้จัดแต่งทรงผม
นี่ผ่านมาสองวันที่นางแทบไม่ได้ไปเจอเขา ในใจนั้นขี้เกียจ นางรู้อยู่แล้ว เขาจะมาหาทุกครั้ง เวลาไหนที่หักหน้านาง คงถูกฮููหยินเว่ยบังคับเหมือนทุกครั้งนั้นแหละ
"คุณหนูให้คุณชายรอนานเช่นนี้จะดีหรือเจ้าค่ะ"
"จะนานหรือช้าก็ขึ้นกับเจ้า เหมยหลิน"พอได้ยินแบบนั้น สาวใช้จึงรีบมาจัดแต่งทรงผม หากไม่ได้บิดานางก็ว่าอีก ความโมโหร้ายของเขาทำเอามารดานั้นขอหย่า และกลับไปเมืองเกิดแล้ว ตอนนี้มีเพียงนางที่อยู่ข้างๆ ต้องค่อยเอาใจทำตามคำของบิดาเพื่อไม่ให้ต้องทุกข์ใจ เหมือนตอนมารดานางอีก นางไม่อยากให้บิดาต้องร่ำไห้อีกแล้ว กว่าจะกลับมาได้ก็ใช้เวลานานเหลือเกิน การที่ต้องทำตามทุกสิ่งที่บิดาต้องการมันเป็นเช่นเดียวที่จะทำให้ท่านนั้นมีความสุข นางเชื่อแบบนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้เล่า
ใช้เวลาไม่นานนางก็มาถึง นางยืนนิ่งจากนั้นจึงเข้าไป ใบหน้าที่เรียบเฉย วินาทีที่เปิดประตูรอยยิ้มกว้างจึงประทับลงบทใบหน้า
"ท่านพี่ไป๋ลู ขอโทษที่ทำให้รอเจ้าค่ะ"รอยยิ้มบนใบหน้านางเป็นสิ่งที่บอกว่า ไม่โกรธอะไรเขาเลย ไป๋ลูไม่อยากมานักหรอก หากมีคนไปฟ้องว่าเขาทำร้ายจิตใจคู่หมั้น มารดาเขายิ่งบ่นจนหูชา ความที่นางชอบไปตีสนิทกับมารดาเขา แถมของฝากนั้นนี่ มีหรือที่มารดาจะไม่ชอบ นางเล่นของใส่มารดาเขาเป็นแน่
"ดูถ้าเจ้าจะไม่ได้โกรธข้าสินะ"
"ท่านพี่ข้าจะไปโกรธท่านได้อย่างไร ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ"นางนั่งข้างๆ พร้อมขยับไปใกล้คู่หมั้น
"งั้นข้าขอตัว" เขาไม่รีรอรีบลุกขึ้น แค่นี้ก็พอแล้ว เขายิ่งรีบๆ แต่ต้องมานั่งรอนาน เสียเวลานัก
"ท่านพี่ไม่อยู่ทานข้าวกับข้าวก่อนหรือเจ้าค่ะ"
"มีธุระ ข้าไม่ได้ว่างเหมือนเจ้า วันเอาแต่นอนและก็มาหาข้า"
"ก็ข้าคิดถึงท่านนี่เจ้าค่ะ"นางเอ่ยออกไปเช่นเดิมที่เคยทำ ทุกครั้งที่เอ่ยว่าชอบหรือคิดถึง เขาจะเพียงทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วเดินจากไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังโกรธ
"อย่าเอาเช่นนี้ต่อหน้าใครอีก โดยเฉพาะ"เขาหยุดพูดก่อนมองใบหน้าคู่หมั้นตนเองที่ใบหน้านั้นเหมือนจะเศร้าลง จึงถอนหายใจ "ช่างเถอะ แต่อย่าเอ่ยเช่นนี้ ข้าไม่ชอบ"
"เจ้าค่ะ" นางกล่าวเสียงนิ่ง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ยืนรอให้ไป๋ลูกออกไปสีหน้านั้นกลับมานิ่งเฉย บอกให้เหมยหลินตามไปดู
ก่อนที่นางจะเดินมาที่ห้องตนเอง หญิงสาวเอนตัวลงนอนที่เตียงอย่างเหนื่อยล้า วันนี้อุตส่าห์ว่านอนเล่นอยู่จวน ในวันที่บิดาไม่อยู่แท้ๆ ต้องมาแต่งหน้าทำผมเช่นนี้อีก
นางนึกสักครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น นางนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้มีร้านอาหารเปิดใหม่ พอดีเลย อยากไปลองดูเห็นว่ามีอาหารเลิศจากแดนใต้
"คุณหนู"
"เป็นไงบ้าง"เหมยหลินที่รีบเข้ามา พร้อมสีหน้าที่ดูจะไม่สู้ดี
"ตอนที่บ่าวตามออกไป เห็นคุณหนูตระกูลหรงที่ยืนรอคุณชายอยู่หน้าจวนเจ้าค่ะ" พอได้ยินแบบนั้นเข่อซิงได้แต่ถอนหายใจ
"ออกตัวกันขนาดนี้ ไม่ต้องมีข้าเป็นคู่หมั้นแล้วกระมัง"
"ทำยังไงดีเจ้าค่ะ"
"หากไปแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ ท่านพี่ไป๋ลูคงไม่ชอบแน่" และนางไม่อยากไปกีดกัน เพราะยิ่งเป็นการทำคะแนนกับอีกฝ่าย ยิ่งท่านพี่ไป๋ลูมีใจด้วย นางนั้นแหละจะถูกกีดดันแทน
"แต่คุณหนูจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ"
"อืม..ข้าเบื่อแล้ว ข้าเหนื่อยที่ตามแล้วด้วย" เข่อซิงที่หมดไฟที่จะทำอะไรแล้ว หากมีทางอื่นให้ตนเองก็ดีน่ะสิ อยากถอนหมั้นกับเขาแล้วให้ทั้งสองนั้นไปรักกันเลยก็ดี นางจะทำเป็นเช็ดน้ำตากอดเข่าเขาแทน แค่คิดก็สนุกแล้ว
"ปวดหัว เหมยหลินเตรียมรถข้าจะไปร้านอาหาร" นางไม่สนใจแล้วว่าคุณชายนั้นจะทำอะไร
ใช้เวลาไม่นานก็จะถึงร้าอาหารที่นี่มีขนาดใหญ่และกว้าง เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองก็ว่าได้ มีทั้งหมดสามชั้น ตื่นตาสำหรับนางมาก อยากรู้เสียจริงว่าใครเป็นเจ้าของ เพราะหากจะว่านั้นกิจการที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่จะมีเจ้าของปริศนาทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเป็นใคร นางเคยถามมีแต่บอกว่าเป็นผู้ช่วยของเจ้าของกิจการ และนางเชื่อว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ผู้คนมากมายที่มาถึงส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่มากันเป็นคู่ เข่อซิงนั้นหาได้สนใจ เดินเข้าไปสำรวจ เป็นร้านที่มีที่ฉากกันเป็นห้อง แต่สามารถมองเข้าไปได้ มีคนค่อยรับแขก จนมีสตรีวัยกลางคนเข้ามาแนะนำ บอกว่าร้านนี้ดังสำหรับคู่หนุ่มสาว ชั้นหนึ่งเป็นเพียงจิบชาสั่งอาหาร ชั้นสองมีวิวดีและเพลงบรรเลง การแสดงต่างๆ ส่วนชั้นสามจะเป็นห้องพักสำหรับแขก พอได้ยินแบบนั้นน่าคำนวณเงินเดือนแล้วที่บิดาให้ รู้สึกว่าเหมาะสำหรับชั้นหนึ่ง นางจึงจองโต๊ะที่นั่งกับสาวใช้ของตน
"คุณหนูมาถึงทั้งทีทำไมเหลือแค่ชั้นนี้เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าชั้นสองวิวดีมาก"นางไม่เข้าใจกับนิสัยขี้งกของนายตน งกขนาดใหน ขนาดชุดยังคงใช้ชุดซ้ำ เงินเดือนที่ได้ก็ไม่มากไม่น้อย แต่นางกลับประหยัด
"ข้าแค่อยากทานอาหาร เสียอะไรเยอะเล่า" เข่อซิงถือคติว่า งกกับสิ่งไม่จำเป็น เก็บไว้ใช้ในสิ่งที่ชอบ แม้เงินเดือนที่นางได้จะน้อยนิด แต่นางสามารถ ทำให้ซื้อสิ่งที่ชอบได้ เช่นตำรา และภาพวาดของท่านอาจารย์อย่างไรเล่า
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!