บทที่1
วันสุดท้ายของปี4ได้สิ้นสุดลง นักศึกษาเภสัชศาสตร์ต่างก็แยกย้ายกันไปฝึกงานในช่วงปิดเทอมซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ตะวัน” หญิงสาวหน้าตาหน้ารักผิวพรรณขาวผ่องใส แต่ก็มีความสวยไปในตัว
เธอได้มาฝึกงานในร้านขายยาแห่งหนึ่งในกรุงเทพแน่นอนว่าตอนนี้เธอมาฝึกงานได้ประมาณสองอาทิตย์แล้ว โชคดีที่เธอมีรุ่นพี่ที่ใจดีทำให้ไม่ยากลำบากนักในการฝึก
ระหว่างที่เธอกำลังนับยาอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นจนทำให้เธอต้องรีบรับสายในทันที
“หโหล เพลง” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความดีใจเพราะเพื่อนรักของเธอ “เพลงพิณ” ได้โทรมา
“หโหล ตะวันเป็นไงบ้างฝึกงานโอเครมั้ย”
“ก็ดีนะแกแต่ว่ามันก็เหนื่อยๆหน่อยอ่ะ”ตะวันพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆแต่ปนทะเล้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า สู้ๆนะจ๊ะ เออ!ว่าแต่ตอนเที่ยงแกว่างมั้ยชั้นจะชวนไปกินข้าว”
“อืม..ว่างนะแก"ตะวันเอ่ยออกไปพลางยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา
“แล้วแบบนี้ ผู้ปกครองแกจะไม่ว่าหรอจ๊ะขออนุญาตเค้ายัง”
“ผู้ปกคงปกครองอะไรกัน มั่วแล้วแกหนิ”เพลงพิณเอ่ยมาอย่างเคอะเขิน
“โอเคร~ฉันแค่หยอกน่างั้นแกไปรอฉันที่ร้านนะ”
“จ้า”
หลังจากวางสายกับเพื่อนรักแล้วตะวันก็รีบทำงานทุกอย่างที่ค้างให้เสร็จก่อนเที่ยง วันนี้เธอไม่ได้อยู่ที่ร้านคนเดียวแต่ยังมีเพื่อนๆที่มาฝึกงานด้วยทำให้เธอสามารถออกมานอกร้านได้
เพลงพิณเป็นเพื่อนกับตะวันตั้งแต่สมัยมัธยมทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากพอขึ้นมหาลัยมิตรภาพก็ยังไม่จางหาย เพียงแค่พวกเธอเรียนอยู่คนละคณะกันก็เท่านั้น
ณ ตึกสูงใจกลางกรุงปักกิ่ง ชายร่างสูงสง่าในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูปมองไปที่วิวเมืองอย่างพินิจ ภายนอกของเขาที่ดูเย็นชา สุขุม เลือดเย็นแต่ในหัวของเขานั้นคล้ายมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา
เมื่อสองวันก่อน “ธาม ธนาวิน” ลูกครึ่งไทย-จีนอายุราวประมาณสามสิบปี ได้รับข่าวการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเจ้าสัว ธนิน ซึ่งเป็นพ่อของตนเอง แต่เขารู้ดีว่ามันไม่เป็นแบบนั้น
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการจัดฉากและแน่นอนพวกมันคงไม่ได้ต้องการแค่ชีวิตพ่อของเขาเป็นแน่
“นายครับ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” เสียงเฉิน ลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกผู้เป็นนาย เขาทำงานมาให้ธามด้วยความจงรักษ์ภักดีก็นับว่าหลายปีแล้ว ด้วยความที่อายุค่อนข้างพอๆกันทำให้เฉินทำงานที่ได้รับมอบหมายมาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ดี บอกคนของเราให้พร้อมพรุ่งนี้ฉันจะขึ้นเครื่องแต่เช้า”ธามเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบปกติ
“ครับ แล้วไอพวกนั้นนายจะให้ผมจัดการเลยมั้ยครับ”
“ยังก่อนตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตายของพวกมัน” แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าพวกมันมากแค่ไหนแต่เขาต้องระงับความแค้นไว้ก่อนรอให้พวกมันตายใจเมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่เค้าจะชำระความแค้นกับพวกมันให้สาสม
“ครับนาย” ว่าเสร็จเฉินรีบโค้งคำนับแล้วออกจากห้องทันทีเพราะรู้ว่านายของตนคงต้องการอยู่คนเดียวแล้วคิดอะไรสักพัก
12:00 น.
ขณะที่ร่างบางกำลังมองหาโต๊ะของเพื่อนเธออยู่ก็มีเสียงเรียกกลายๆคล้ายกับชื่อเธอดังขึ้น
“ตะวันทางนี้”เพลงพิณที่นั่งอยู่ขวามุมของร้านก็ยกมือโบกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้
เมื่อตะวันเห็นดังนั้นจึงรีบบึ่งเข้าไปหาทันทีพร้อมกับนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“โห นี่สั่งไว้ให้ฉันหมดเรยหรอเนี่ย”แววตาของตะวันทอประกายขึ้นเมื่อเห็นอาหารที่เพื่อนของเธอสั่งมาอยู่ตรงหน้า ตะวันไม่รอช้ารีบหยิบช้อนขึ้นตักไปยังซุปแล้วนำเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
เพลงพิณเห็นดังนั้นจึงอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้เมื่อเพื่อนของเธอยังทำตัวเป็นเด็กแล้วห่วงกินอยู่แบบนี้
“ค่อยๆกินสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
“ก็มันอร่อยหนิ”
“ตะวัน...”
“หื้ม?”ตะวันละของกินจากตรงหน้าแล้วช้อนตาขึ้นมองไปยังเพื่อนของเธอโดยทันที ท่าทางของเพลงดูซีเรียสขึ้นจากเมื่อกี้นิดนึงบวกกับน้ำเสียงที่ดูเหมือนมีอะไรในใจคล้ายอยากให้เธอช่วย
“มีอะไรรึป่าว?” ตะวันถามออกไปด้วยความเป็นห่วงและสงสัย
“แกจะโกรธฉันมั้ยถ้าฉันอยากให้แกไปงานกับฉันหน่อย”
“งานอะไรอ่ะ”
“งานศพของเจ้าสัว ธนิน”
“หะ! เค้าเป็นอะไรตายอ่ะ” ตะวันถึงกับต้องกระซิบถามโดนส่วนใหญ่เธอก็พอรู้มาบ้างว่าเจ้าสัวคนนี้เป็นใครทำธุรกิจอะไรแต่เธอก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ พอได้ยินข่าวนี้ก็ค่อนข้างช็อคอยู่เหมือนกัน
“อุบัติเหตุทางรถยนต์หน่ะ แต่ฉันก็ได้ยินจากที่คุณภูมินทร์เขาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนก็น่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า" omgช็อคซะยิ่งกว่าช็อคสะอีกนี่มันเหมือนหนังที่เธอเคยดูในซีรีย์เกาหลีก็ไม่ปาน
ตะวันได้แต่ทำหน้าเหวอแล้วตอบตกลงเพลงพิณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของไรท์ผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ❤️❤️
บทที่2
เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆลับฟ้าไป ร่างบางที่พึ่งจัดการทุกอย่างเสร็จก็เตรียมตัวเก็บของเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งแล้วหากมืดกว่านี้เธอกลัวว่าจะอันตรายเกินไป
“พี่ต้นคะ ตะวันกลับแล้วนะพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”เธอบอกกล่าว ต้น รุ่นพี่ที่อยู่กับเธอที่ร้าน
“อ้าว มืดค่ำป่านนี้แล้วจะกลับยังไงล่ะให้พี่ไปส่งมั้ย” ชายหนุ่มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวหากไปไหนตอนกลางคืนคงไม่ดีแน่
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวตะวันนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า”ตะวันว่าออกไปด้วยความเกรงใจปนเคอะเขินนิดๆ ยอมรับเลยว่าเธอแอบมีใจให้รุ่นพี่คนนี้อยู่หน่อยๆเพราะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ แถมยังอบอุ่นใจดีเหมือนไอต้าวไมโครเวฟ จึงไม่แปลกที่ใครต่อใครก็อยากที่จะมาทำความรู้จักด้วย แต่สำหรับเธอแค่ได้มองก็สุขใจแล้ว
“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ไปส่ง”
“แน่ใจค่ะพี่ต้นอยู่เคลียร์ทางนี้เถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงรับรองว่าตะวันถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน”
เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดดังนั้นเขาจึงไม่ขัดอะไรเพราะรู้ดีว่าแถวนี้คงไม่มีพวกขี้เมาหรือโจรมาทำอันตรายเธอได้
หลังจากที่เธอทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อกลับมาถึงที่พักจึงได้วางสัมภาระทุกอย่างแล้วรีบเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายในทันที
“ทำไมมึงไม่เลื่อนไฟท์บิน จากจากพรุ่งนี้เช้าเป็นวันนี้เย็นเลยวะ”เสียงของการันต์จากปลายสายโทรศัพท์เครื่องหรูเอ่ยถามธาม
“เออ จะได้รีบกลับมาไวๆ มาช่วยพวกกูปลอบไอเวร์หามัน ไอภูมินทร์ก็เอาแต่ติดเมีย พวกกูหล่ะเหง๊าา เหงา”เพทายพูดเสริม
“กูยังมีเรื่องที่ต้องเคลียร์อยู่นิดหน่อย แต่พวกมึงไม่ต้องห่วงหรอกได้เจอกูแน่ๆ” ปากพูดบอกแก่เพื่อนสนิทที่อยู่ในสายมือก็พลางหยิบน้ำสีอำพันเข้าปาก
“เออเดี๋ยวจะรอดูเลย”เมื่อคุยกันเสร็จธามจึงวางสายจากโทรศัพท์และละสายตาไปยังไอแพดที่กำลังฉายหน้าเว็ปไซท์ข่าวเรื่องการตายของพ่อตนดวงตาสีดำนิลเพ่งมองไปยังตัวหนังสือทุกตัวอักษรและอ่านมันอย่างละเอียด
ใบหน้าไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดธามยังคงเพ่งอ่านอยู่อย่างนั้นพร้อมกับดื่มน้ำสีอำพันเช่นเดิม
ค่ำคืนที่แสนธรรมดาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วตะวันยังคงมาทำงานดั่งเช่นทุกวัน ต่างกันแค่ช่วงเย็นที่เธอต้องไปงานศพของเจ้าสัวธนินตามที่ตกลงกับเพลงพิณเอาไว้โดยเจ้าตัวเอ่ยปากว่าจะมารับด้วยเธอด้วยตนเอง
ตะวันใช้เวลาแต่งตัวเพียงไม่นานชุดของเธอค่อนข้างเรียบง่ายเสื้อยืดสีดำใส่พับในกับกางเกงทรงกระบอกขายาวที่มีสีเดียวกันกับเสื้อประกอบกับรองเท้าผ้าใบสีขาวใบหน้างามที่แต่งเพียงบางๆพร้อมมัดผมทรงหางม้าปล่อยปอยลงมานิดหน่อยช่างเป็นอะไรที่เข้ากันที่สุดสำหรับเธอ
หญิงสาวไม่รอช้ารีบลงมาจากหอพักหลังจากมองหาอยู่เนืองๆรถตู้คันหรูก็ได้มาจอดอยู่หน้าเธอทันที
“อื้อหือ จะสวยไปไหนเนี่ย”อดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนของตนเอง เพราะวันนี้เพลงพิณแต่งตัวด้วยชุดเดรสกระโปรงสีดำคุมเข่าผมที่ถูกลอนมาให้ยาวปะบ่าพลางนึกใจว่านับวันเพื่อนเธอยิ่งโตยิ่งสวย
“ยังจะมาแซวอีกรีบขึ้นรถมาเร็วเดี๋ยวสายนะ”
“โอเคร”
ไม่นานรถตู้คันหรูก็ได้แล่นเข้ามาจอดภายในหน้างาน ตะวันที่ได้ลงจากรถก็ดูตื่นเต้นเอามากๆเธอลอบมองซ้ายทีขวาทีเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นงานศพอะไรที่มันดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
“สาบานว่านี่คืองานศพถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย”
เธอพูดออกไปตามที่ใจนึกคิดเพลงพิณที่ฟังก็ได้แต่ยิ้มกับคำถามเพื่อนของเธอ
“นี่ๆเพลง ดูแต่ละคนดิแต่งตัวดูดีกันทั้งนั้นเลยอ่ะ”ตะวันสะกิดเพลงพิณให้หันไปทางเดียวกับเธอผู้คนในงานที่มาต่างก็เป็นคนที่มีฐานะกันทั้งนั้นบ้างก็เป็นคุณหญิงคุณนายบ้างก็เป็นนายตำรวจชั้นยศสูงหรือแม้กระทั่งนักธุรกิจพันล้าน
“ก็เป็นแบบนี้แหละไม่ว่าจะงานอะไรก็ต้องให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน”ตะวันเพียงพยักหน้าเนือยๆพร้อมกับเดินตามเพื่อนไปนั่งอยู่ยังเก้าอี้รับรอง
“แล้วแกไม่ต้องไปหาคุณภูมินทร์เขาหรอ?”
“เขาให้ฉันมาที่งานก่อนน่ะเดี๋ยวเขาจะตามมาที่หลัง นู่นไงมากันแล้ว”ตะวันหันไปมองยังผู้มาเยือนใหม่สายตาผู้คนในงานต่างจับจ้องไปยังบุรุษทั้งห้าที่เดินเข้ามาในงาน ตามด้วยลูกน้องอีกหลายคนที่เดินตามหลังผู้เป็นายมาเช่น
ใบหน้าของแต่ละคนมีความหล่อเหลากันคนละแบบแต่ก็ทำให้คนที่มองตกหลุมพรางเสน่ห์ไปได้ง่ายๆอีกทั้งยังมีความหน้ากลัวพร้อมกับรังสีอันตรายที่ซ่อนอยู่ เธอมองพวกเขาอย่างใช้ความคิดพร้อมกับมีข้อสงสัยบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
“เอ๊ะ!! อีกสี่คนนั้นเป็นใครหรอ”
“อ๋อ เป็นเพื่อนสนิทของคุณภูมินทร์ รู้จักกันตั้งแต่รุ่นพ่อเห็นทำพวกธุรกิจด้วยกันมั้ง” มองไปมองมาอยู่สักพักก็ต้องไปสะดุดตากับผู้ชายคนหนึ่งเพราะตอนแรกเธอมองไม่ค่อยเห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่นักเนื่องจากมีนักธุรกิจต่างก็เข้าไปพูดคุยสนธนากันมากอยู่ทีเดียว
เพลงพิณเห็นเพื่อนรักมองเขาอย่างไม่วางตาจึงเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามแก่เพื่อนสนิทใหทราบ
“นั่นหน่ะคือคุณธามลูกชายเจ้าสัวธนิน”
“หะ!!”เธอโพร่งด้วยความตกใจไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสัวคนนี้จะมีลูกชายด้วย
สักพักเธอก็รู้สึกเหมือนมีรังสีอะไรบางอย่างกำลังมองมาที่เธออยู่อย่างไม่ละสายตา
และใช่เขากำลังมองเธออยู่.....
บทที่3
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคนใช้เมียมึงหรอ”ธามเอ่ยถาม
สีหน้าของเขายังคงราบเรียบปกติแต่สายตาคู่คมกับมองไปยังตะวันคล้ายกับว่าสนใจ
ภูมินทร์ที่ได้ยินดังนั้นจึงหันหน้าไปทางตะวันผู้หญิงที่เพื่อนเขาจ้องมองอย่างไม่ละสายตา
เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ตอนไปรับเพลงพิณที่มหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ค่อยบ่อยมากนัก
“สนใจ?”
“เปล่า” แว็บแรกที่ได้เห็นเธอ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วก็น่าจะไม่ใช่คุณหนูบ้านไหนอย่างแน่นอน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงเข้ามาในงานแบบนี้ได้
“ชื่อตะวันเป็นเพื่อนกับเพลง”
“อืม”ธามไม่พูดอะไรต่อหลังจากนั้น เพียงแค่ละสายตาจากเธอมองไปที่รูปของพ่อตนเท่านั้น
“ที่แท้ก็เป็นเพื่อนกันหรอเนี่ยน่ารักดีนะ”เพทายที่ฟังการสนธนาของทั้งคู่จึงพูดออกไปดวงตาจ้องมองไปที่หญิงสาวเป็นตาเดียว มือก็พลางลูบไปที่คาง ปากหยักยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเลห์
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาล้วนเป็นความจริงไม่ได้ประชดแต่อย่างใดจากที่เคยผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนตะวันถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักและสวยอย่างบอกไม่ถูก
“หยุดความคิดของมึงเลย เขาไม่เอามึงหรอก”เวร์หาที่ได้เห็นท่าทีของเพทายก็นึกอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงพูดแขวะและห้ามปราม
สายตาของเพทายตวัดค้อนไปอย่างทีเล่นทีจริง
“แหม ไอเวร์อิจฉากูก็ไม่บอก ไม่เป็นไรนะกูเข้าใจหัวอกคนอกหัก”ไม่พูดเปล่ามือขวาก็พลันไปค้องคอมุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างทะเล้นไปให้เวร์หา
ตุบ
เวร์หาไม่รอช้าใช้ศอกของเขากระทุ้งไปที่ท้องของเพื่อนตัวดีทันที
“โอ้ย!!จุกนะเว้ย”
“สม”
“เห้อ กูหล่ะหนักใจกับมึงสองคนจริงๆ”การันต์ถึงกับใช้มือกุมขมับเพราะเหนื่อยใจกับสองคนนี้เสียจริงไม่กัดกันสักวันมันจะตายรึไง
ผ่านไปเพียงไม่นานทั้งห้าคนจึงเดินไปนั่งยังแถวหน้าใกล้ๆกับตะวันและเพลงพิณ ด้านตะวันที่เห็นว่าชายกลุ่มนั้นกำลังเดินมายังตนจึงได้คิดหาข้ออ้างเพื่อจากออกจากตรงนี้
“เพลงเดี๋ยวฉันมานะ”
“แกจะไปไหน?”
“ก็ไปจากตรงนี้หน่ะสิขืนอยู่นะฉันได้บ้าตายแน่ๆ”
“ใครจะตาย?”ดวงตาพลันเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยออกมาจากด้านหลังขนที่ตัวเธอลุกซู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าน้ำเสียงของเขามันชั่งเยือกเย็นซะเหลือเกิน
สองสาวที่ยืนคุยกันก่อนหน้านี้จึงรีบหันหลังไปหาชายหนุ่มทั้งห้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตะวันเพื่อนของเธอถึงอยากออกไปจากตรงนี้นัก
“สวัสดีค่ะ”เพลงพิณพนมมือไหว้ต่อผู้มาใหม่เนื่องจากคนตรงหน้ามีอายุมากกว่าเธอทั้งหมด จึงต้องทักทายกันเป็นมารยาท
ชายหนุ่มทั้งห้ารับไหว้อย่างเป็นกันเองพร้อมหันไปหาคนที่ยืนข้างๆหญิงสาวที่ยังเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา
“ตะวัน”
“หะ?”เธอหันไปหาเพื่อนของเธออย่างสงสัย
“มือ”เพลงพิณใช้สายมองไปที่มือเพื่อนบ่งบอกอะไรบางอย่าง
“ต้องไหว้ด้วยหรอ?”
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเป็นปมสีหน้าของธามในตอนนี้บ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นที่สุด เด็กอะไรไม่มีสัมมาคารวะเสียจริง ต่างจากเพื่อนของเขาที่ยิ้มด้วยความเอ็นดูมากกว่า
“อ๋อสวัสดีค่ะ”ตะวันพนมมือพร้อมกับยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“รอนานมั้ยเพลง”ภูมินทร์เข้าไปโอบเอวหญิงผู้เป็นที่รัก
“ไม่นานค่ะ”
“วันนี้มีนักธุรกิจมากันหลายคนอาจจะต้องกลับดึกหน่อยนะเธอไหวรึป่าว”
“ค่ะ”เธอยิ้มตอบ
“จริงสิ เสียใจด้วยนะคะคุณธาม”เพลงพิณคุยกับภูมินทร์เสร็จจึงหันไปบอกธาม
เขาไม่ตอบอะไรจึงพยักหน้าเพื่อเป็นการรับน้ำใจจากหญิงสาวเท่านั้น
“ขรึมแท้..”ตะวันพึมพัมกับตัวเองไม่วายก็ถูกสายตาอำมหิตจับจ้องมาที่ต้นคำพูดที่หญิงสาวพูดมาเขาได้ยินหมด
“อุ้ย”ตะวันที่เห็นว่าเขาส่งสายตามาจึงหันหน้าไปมองทางอื่นทันที
“แล้วธุรกิจที่ร่วมมือทำด้วยกันเป็นยังไงบ้างคะ”เพลงพิณถามออกไปเพราะธุรกิจที่เขาทำกันอยู่เป็นการร่วมมือในเครือของบริษัททั้งห้าคน
“ค่อนข้างไปได้ดีเลยหล่ะครับ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงอยู่”เวร์หาว่าตามจริงพวกเขายังต้องประชุมกันอีกหลายอย่างถึงแม้ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างที่จะดีแต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจสำหรับพวกเขาสะเท่าไหร่
“หืม คงซีเรียสกันหน้าดูนะคะ”
“ใช่แล้วครับ โดยเฉพาะไอภูกับไอธามเครียดมากเลยครับ”
“ไอการันต์”
“พวกคุณเคยเครียดกับเรื่องธุรกิจกันด้วยหรอคะ”ตะวันพูดออกไปอย่างหน้าตาใสพวกเขาเนี่ยนะจะเครียดกับเรื่องพันนี้ไม่มีทางหรอก
"..." ไร้เสียงตอบรับใดๆทุกคนยืนอึ้งกับคำถามของสาวน้อยไม่น่าเชื่อว่าเธอจะถามจะกล้าได้ถึงขนาดนี้ แต่ที่เธอพูดก็มีเหตุผลอยู่หากว่าจะมีเรื่องอะไรให้เครียดก็คงจะเป็นเรื่องผู้หญิงไม่ก็ศัตรูที่เข้ามา
“เข้าใจถามนะเรา”เพทายกล่าว ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าผู้หญิงคนนี้จะมีดีอะไรอีก
มีแว็บนึงที่ธามลอบมองไปทางตะวันแววตาของเขายังเย็นชาเช่นเดิมแต่ในใจกลับคิดอะไรบางอย่างเขาทำทีเป็นไม่สนใจแต่แล้ว
ปั้ง ปั้ง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!