NovelToon NovelToon

[Mpreg] ผิดเพราะรัก | ป๋อจ้าน

ตอนที่ 1 ข้าไม่เคยรักเจ้ามากกว่าน้องชาย

“กระหม่อมอยากถามพระองค์ว่า ทรงเคยรักกระหม่อมบ้างหรือไม่?” ไป๋เสวี่ยเฟิน ฮองเฮาของฮ่องเต้แคว้นฉินเอ่ยถามคำถามที่อัดอั้นในใจมาตลอดหลายปีแก่บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี

หยางหลง ฮ่องเต้แคว้นฉิน ที่กำลังยืนประคองคนรักอย่าง ไป๋อิงฮวา พี่สาวร่วมสายเลือดของไป๋เสวี่ยเฟิน และยังรั้งตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยของหยางหลง ที่กุมท้องเพราะบาดแผลที่ได้รับจากคมดาบของไป๋เสวี่ยเฟิน ฮองเฮาของหยางหลงที่ถือดาบอยู่ในมือนั่นเอง

หยางหลงไม่ได้ตอบคำถามของไป๋เสวี่ยเฟิน ราวกับว่าคำถามนั้นไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงสนใจผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของตนเองมากกว่า หญิงอันเป็นที่รักของเขา รักมากยิ่งกว่าฮองเฮาเสียอีกไป๋เสวี่ยเฟินที่เห็นว่าในเมื่อหยางหลงไม่ได้ตอบอันใดออกมา นั่นก็เป็นสิ่ง

ที่ยืนยันได้ว่าหยางหลงไม่เคยรักตนเลยแม้แต่น้อย

มือเรียวจับดาบแน่น ดวงตาแดงก่ำเพราะเกิดจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง เหล่าทหารที่เห็นว่าฮองเฮาจับดาบแน่นก็รีบตั้งท่าทันที

“พระองค์ทรงรักมันมากใช่ไหม! ได้!” ไป๋เสวี่ยเฟินลืมสิ้นแล้วความกลัวทุกอย่าง ยกดาบขึ้นหมายจะแทงไป๋อิงฮวา พี่สาวที่เป็นหนามทิ่มแทงจิตใจของตน

เคร้ง!

ดาบในมือของไป๋เสวี่ยเฟินถูกตวัดออกด้วยดาบของหยางหลง หยางหลงกลั้นความโกรธไม่ได้แล้ว เขาใช้ดาบในมือจ่อเข้าที่คอของไป๋เสวี่ยเฟินทันที

“มันจะมากไปแล้วนะฮองเฮา!” หยางหลงตวาดออกมาโดยความโมโห องครักษ์อวี๋ที่เห็นว่าผู้เป็นนายกักเก็บความโกรธไม่อยู่ จึงรีบเข้าไปรับร่างของไป๋อิงฮวาต่อจากผู้เป็นนายทันที

ไป๋เสวี่ยเฟินที่เห็นผู้เป็นสามีโมโหจนหน้าดำหน้าแดงก็แสยะยิ้มออกมาทันที

“ฆ่ากระหม่อมสิพ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์ไม่ฆ่ากระหม่อมให้ตาย กระหม่อมสาบานเลยว่า จะกลับมาฆ่าหญิงสารเลวคนนั้น!” ไป๋เสวี่ยเฟินตวาดเสียงดังใส่ผู้คนเป็นสามีอย่างไม่หวาดกลัว พร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้คมดาบ

แม้ในใจหยางหลงอยากจะฆ่าไปเสวี่ยเฟินมากขนาดไหนแต่ก็ไม่สามารถลงมือได้ ไป๋เสวี่ยเฟินได้ชื่อว่าเป็นมารดาของแผ่นดิน ตามกฎมนเทียรบาลตัวเขาไม่สามารถประหารชีวิตฮองเฮาได้ นอกเสียจากฮองเฮาจะเป็นผู้ปลิดชีพตัวเอง

“ทหารเข้ามาคุมตัวฮองเฮาไปตำหนักเย็น!” หยางหลงลั่นวาจาสั่งทหารให้เข้ามาจับตัวไป๋เสวี่ยเฟิน โดยที่ไม่ยอมเก็บดาบที่ชี้มาทางไป๋เสวี่ยเฟิน

เมื่อเหล่าทหารได้ยินคำสั่งของนายเหนือหัวก็รีบเดินเข้ามาหมายจะจับกุมไป๋เสวี่ยเฟิน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไป๋เสวี่ยเฟินตวาดเสียงดังลั่น

“หยุด!”

ทหารเหล่านั้นหยุดทันที

“หยางหลง...” น้ำเสียงที่สั่นกับแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของไป๋เสวี่ยเฟินส่งไปยังหยางหลง ราวกับคนละคนที่ตวาดเสียงใส่เหล่าทหารเมื่อครู่

“ข้ารักท่าน ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านหันมามองข้าบ้าง ยอมเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น ยอมร้ายกาจเพื่อกำจัดคนที่คิดทำร้ายท่าน แต่สิ่งที่ท่านตอบแทนให้ข้ามันคืออะไร! ตำแหน่งฮองเฮาโง่ ๆ หรือทรัพย์สินอย่างนั้นหรือที่ให้ข้า!”

ไป๋เสวี่ยเฟินพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นหัวใจ

เหล่าขุนนางและทหารที่อยู่บริเวณนั้นต่างมองมาที่ไป๋เสวี่ยเฟินด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรสงสารหรือสมน้ำหน้าฮองเฮาผู้โง่งมกับความรักดี

“แต่เปล่าเลยข้าไม่ได้ต้องการสิ่งของพวกนั้น! สิ่งที่ข้าอยากได้ คือหัวใจของท่าน ความรักของท่านที่ควรมอบให้ข้า ไม่ใช่หญิงสารเลวอิงฮวานั่น!”

“หากอิงฮวาเป็นหญิงสารเลวแล้วเจ้าเล่าไป๋เสวี่ยเฟิน เจ้าเป็นตัวอันใดกัน” หยางหลงถามด้วยเสียงนิ่ง เขาไม่เคยรักไป๋เสวี่ยเฟินมากกว่าน้องชาย แต่เพราะคำทำนายโง่ ๆ นั่น ทำให้เขาและไป๋เสวี่ยเฟินเป็นเช่นนี้

“ไป๋เสวี่ยเฟิน ข้าไม่เคยรักเจ้ามากไปกว่าน้องชาย”

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าที่ผ่านมาคนตรงหน้าคิดกับตนแบบใด แต่พอมาได้ยินคนที่ตนรักพูดแบบนี้ต่อหน้า ทำเอาใจของไป๋เสวี่ยเฟินแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

ฟางเส้นสุดท้ายของไป๋เสวี่ยเฟินขาดในที่สุด

ตำแหน่งที่หยางหลงให้เขาเป็นได้แค่น้องชายอย่างนั้นหรือ ไป๋เสวี่ยเฟินรักหยางหลงดั่งคนรัก แต่อีกฝ่ายกลับคิดแค่เพียงน้องชาย ตอนนี้ในหัวของไป๋เสวี่ยเฟินมีแต่คำว่าน้องชายวนเวียนอยู่อย่างนั้น

“ในเมื่อท่านเห็นข้าเป็นแค่น้องชาย...งั้นท่านก็อย่าอยู่เลย!” ไป๋เสวี่ยเฟินหยิบมีดสั้นที่ซ่อนไว้ที่แขนเสื้อขึ้นมาเพื่อแทงหยางหลง

หยางหลงรีบเบี่ยงตัวหนีทันที

ฉึก!

ดาบในมือของหยางหลงเกือบจะแทงเข้าที่ท้องของไป๋เสวี่ยเฟินห่างเพียงหนึ่งนิ้วมือเท่านั้น

“พอเถอะอาเฟิน” คำเรียกแทนตัวของไป๋เสวี่ยเฟินที่เมื่อก่อนหยางหลงเคยใช้เรียกเขา และเลิกเรียกตั้งแต่ที่หยางหลงรู้ว่าต้องแต่งงานกับตน ตั้งแต่นั้นมาคำพูดและท่าทางสนิทสนมกลับดูห่างเหิน

คำว่าอาเฟินทำเอาไป๋เสวี่ยเฟินรู้สึกจุกในอกเป็นอย่างมาก

“ท่านพี่...ข้าเดินทางมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปแล้ว ข้าคืนทุกอย่างให้ท่าน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา ทรัพย์สิน ที่ท่านมอบให้ข้า แต่ข้าขอความรักและความซื่อสัตย์ที่ให้กับท่านแต่เพียงผู้เดียวคืน ต่อแต่นี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” ไป๋เสวี่ยเฟินกล่าวด้วยน้ำตา ก่อนจะเดินพุ่งโน้มตัวใส่ดาบที่จ่อที่ท้องของเขา

หยางหลงตกใจกับการกระทำของไป๋เสวี่ยเฟิน เขาพยายามจะชักดาบกลับ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

ฉึก!

“อาเฟิน!”

“ฮองเฮา!”

“คุณชาย!”

ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์เพราะไม่คิดว่าไป๋เสวี่ยเฟินจะพุ่งตัวเข้าใส่ดาบในมือของหยางหลงเอง โดยเฉพาะผิงผิงสาวรับใช้ของไป๋เสวี่ยเฟินที่มาเห็นภาพคุณชายของนางเดินเอาตัวเข้าใส่คมดาบเอง

“และข้าขอชดใช้ทุกอย่างด้วยชีวิตของข้า” มุมปากของไป๋เสวี่ยเฟินกำลังมีรอยหยดเลือดไหลออกมา ก่อนจะจับดาบนั้นเองเข้าให้สุดแล้วหมุนดาบ ก่อนจะผลักหยางหลงออกไป พร้อมกับร่างของตัวเองที่ล้มลงนอนกับพื้น

หยางหลงตกใจกับการกระทำของไป๋เสวี่ยเฟินเป็นอย่างมาก หากไป๋เสวี่ยเฟินแค่เอาตัวแทงเข้าดาบเฉย ๆ เหมือนที่ไป๋เสวี่ยเฟินทำกับไป๋อิงฮวาเขาคงไม่ตกใจมากขนาดนี้ ไป๋เสวี่ยเฟินกดดาบเข้าลึกจดสุดด้าม ก่อนจะหมุนเป็นวงกลม ไป๋เสวี่ยเฟินต้องการตายจริง ๆ หรือนี่

“ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!” หยางหลงตวาดเสียงดังลั่น ก่อนจะเข้าไปเพื่อประคองร่างของไป๋เสวี่ยเฟิน แต่ก็โดนผลักเสียก่อน

“อย่ามาแตะต้องคุณชายของข้า!” ผิงผิงสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์และเปรียบเสมือนน้องสาวของไป๋เสวี่ยเฟินตวาดใส่หยางหลง อย่างไม่เกรงกลัวฮ่องเต้

“อือออออ คุณชายทำแบบนี้ทำไมกันเจ้าคะ” ผิงผิงกอดร่างของไป๋เสวี่ยเฟินที่เริ่มหายใจโรยรินเสียแล้ว

“ข้าเหนื่อยแล้วผิงผิง ข้าพอแล้ว” เสียงพูดอันแผ่วเบาของไป๋เสวี่ยเฟินยิ่งทำให้ผิงผิงร้องไห้หนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะนั่นคือสัญญาณว่าคุณชายของนางใกล้หมดเวลาแล้ว

“ทำไมท่านไม่คิดถึงคุณชายน้อยบ้าง!” ผิงผิงตวาดใส่ผู้เป็นนายที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองและลูกไปพร้อมกัน

ใช่แล้ว ตอนนี้ไป๋เสวี่ยเฟินกำลังตั้งครรภ์อยู่ เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับอย่างดี มีแค่ไป๋เสวี่ยเฟิน ผิงผิง และหมอประจำตัวของไป๋เสวี่ยเฟินเท่านั้นที่รู้เรื่อง

คำพูดของผิงผิงทำเอาหยางหลงชะงักทันที ไป๋เสวี่ยเฟินตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ? ดวงตาเรียวมองไปที่ท้องของฮองเฮาของตนที่มีเลือดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

“ข ข้ากับลูก ร เราตัดสินใจแล้วผิงผิง” พูดจบไป๋เสวี่ยเฟินก็กระอักเลือดออกมาคำโต นอกจากบาดแผลที่ท้องแล้ว ไป๋เสวี่ยเฟินยังได้รับยาพิษเข้าไปด้วย ยาพิษที่ผู้เป็นพี่สาวมอบให้แก่เขามาตลอดหลายปี และตัวเขาเพิ่งทราบเรื่องเมื่อวาน

ไป๋เสวี่ยเฟินนึกแล้วก็อดที่จะขบขันกับชะตาของตัวเองไปไม่ได้ คนที่เขารักก็ไม่ได้รักเขา พี่สาวที่เป็นสายเลือดเดียวกันก็หมายจะฆ่าเขา

ทำไมทุกคนถึงใจร้ายกับเขาแบบนี้ หรือเพียงเพราะว่าเขาคือไป๋เสวี่ยเฟินกัน ทุกคนถึงได้ใจร้ายกับเขาแบบนี้

เหล่าขุนนางและทหารที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็พากันตกใจและส่งเสียงซุบซิบกันทันที

ฮองเฮาทรงพระครรภ์อย่างนั้นหรือ! แถมยังตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยคมดาบของฮ่องเต้ แบบนี้ไม่เท่ากับว่าฮ่องเต้ฆ่าบุตรของตัวเองด้วยหรือ?

“อ อาเฟิน” หยางหลงทรุดตัวนั่งข้างไป๋เสวี่ยเฟิน ก่อนจะเรียกไป๋เสวี่ยเฟินด้วยน้ำเสียงสั่นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“เมื่อไหร่หมอหลวงจะมา!” หยางหลงตวาดลั่น ก่อนจะกุมมือของไป๋เสวี่ยเฟินแน่น “ข ข้าขอโทษ อดทนหน่อยนะอาเฟิน”

“อย่ามาแตะต้องคุณชายข้า!” ผิงผิงผลักหยางหลงออกอย่างไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของกษัตริย์

หยางหลงไม่เคยรู้เลยว่าไป๋เสวี่ยเฟินกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาเอง เขาเป็นคนที่อยากมีลูกเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่มีสนมคนใดตั้งครรภ์ให้เขาได้เลย ไม่เว้นแม้แต่ไป๋อิงฮวาคนที่เขาอยากให้ตั้งครรภ์มากที่สุด แต่กลับกลายเป็นไป๋เสวี่ยเฟินคนที่เขาร่วมหลับนอนเพียงไม่กี่ครั้งแต่กลับตั้งครรภ์อย่างง่ายดาย

หยางหลงเป็นฮ่องเต้ที่ฆ่าลูกและเมียตนเอง นั่นคือสิ่งที่จะตามหลอกหลอนหยางหลงตลอดกาล

“ข ข้ากับลูก ชดใช้ให้ท่าน พ เพียงพอหรือยัง หยางหลง” ไป๋เสวี่ยเฟินปรายตามองไปที่หยางหลง เรี่ยวแรงของเขาแทบจะไม่หลงเหลือแล้ว

“เจ้าทำแบบนี้ทำไมกันอาเฟิน ทำไมถึงทำแบบนี้!”

หยางหลงร้องไห้ออกมา ไหนว่าไป๋เสวี่ยเฟินรักเขาหนักหนาไม่ใช่รึอย่างไรกัน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็รู้ว่าหากเอาเรื่องลูกมาต่อรองกับเขามันจะได้ผลแน่นอน ทำไมไป๋เสวี่ยเฟินถึงไม่ยอมทำกัน

ไป๋เสวี่ยเฟินไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งยิ้มออกมาเป็นคำตอบเท่านั้น รอยยิ้มที่เต็มความรัก รอยยิ้มสุดท้ายในชีวิตของไป๋เสวี่ยเฟินที่หยางหลงจะได้เห็นมัน ก่อนที่ร่างหงส์จะหลับใหลอย่างไม่มีวันคืนกลับมา

เสียงกรีดร้องของหยางหลงและผิงผิงดังขึ้นอย่างกับคนที่ใกล้จะขาดใจตาย คนที่รักตายในอ้อมกอดของเขาทั้งคู่ ภาพนั้นทำเอาเหล่าคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันร้องไห้ออกมา

สิ้นแล้ว ไป๋เสวี่ยเฟิน ฮองเฮาที่ฮ่องเต้หยางหลงไร้รัก

จากไปแบบไม่มีวันหวนคืนมา พร้อมกับมังกรน้อยในครรภ์

ผิงผิงตัดสินใจหยิบมีดใส่ที่ตกอยู่ใกล้มือนั่นแทงเข้าที่หน้าอกของตนเองตรงบริเวณหัวใจ นางตัดสินใจจบชีวิตตามไป๋เสวี่ยเฟินไป ส่วนหยางหลงก็กอดร่างไร้วิญญาณของไป๋เสวี่ยเฟินไว้แน่นด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะหันไปมองหญิงอันเป็นที่รัก ไป๋อิงฮวา ที่ตอนนี้กำลังโดนหมอหลวงพาตัวเข้าตำหนักเพื่อทำการรักษาบาดแผลที่ถูกแทง

 

 

 

 

 

 

 

 

...ความรักมันช่างเจ็บปวดเช่นนี้นี่เอง...

...รักที่ไม่เคยตอบแทนมา...

...รั้งต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด...

...หากข้ายังอยู่ ข้าคงลืมท่านไม่ได้...

...และสักวันหนึ่งข้าต้องกลับมาทวงท่านเป็นอย่างแน่...

...ในเมื่อท่านไม่เคยรักข้ามากกว่าน้องชาย...

...ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไมกันเล่า...

...ลาก่อนท่านพี่หยางหลงคนรักของข้า...

...หากข้าเลือกได้ ข้าจะไม่รักท่านตั้งแต่แรก...

 

 

ตอนที่ 2 กลับสู่จุดเริ่มต้น

เฮือก!! ไป๋เสวี่ยเฟินสะดุ้งตื่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ผิงผิงที่นอนอยู่ข้างเตียงรับรู้ว่าคุณชายของเธอฟื้นแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นทันที

“ฮองเฮาฟื้นแล้ว!” ผิงผิงตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

ฟื้นหรือ?

เรื่องราวเมื่อครู่คือเขาฝันร้ายอย่างนั้นรึ ทำไมมันช่างเหมือนจริงเสียอย่างนี้ ไป๋เสวี่ยเฟินคิดในใจ

“หมอหลวง!!!” ผิงผิงเปิดประตูตะโกนออกไปทันที หมอหลวงที่พักใกล้ ๆ ตำหนักของฮองเฮารีบตื่นขึ้นมาทันที และวิ่งไปตำหนักฮองเฮาอย่างรวดเร็ว

หมอหลวงรีบตรวจอาการของฮองเฮาทันที “ฮองเฮาทรงปลอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ระหว่างนี้กระหม่อมจะจัดเทียบยาบำรุงมาให้ท่านตอนเช้าและเย็นนานเจ็ดวัน รับรองฮองเฮาจะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” จูจ้านจิน หมอหลวงประจำตัวของไป๋เสวี่ยเฟินโดยเฉพาะและยังเป็นสหายไป๋เสวี่ยเฟินอีกด้วย

“ข้าบอกแล้วไง อยู่กับคนสนิทเช่นนี้ ให้เจ้าเรียกเช่นไรจ้านจิน” ไป๋เสวี่ยเฟินตำหนิเพื่อนของตน

“เกิดคนอื่นมาได้ยินเข้า มีหวังข้าก็หัวขาดกันพอดีสิเสวี่ยเฟิน” จูจ้านจินทำท่าขนลุกทันที เห็นท่าทางอย่างนั้นของสหายทำเอาคนป่วยอย่างไป๋เสวี่ยเฟินและคนที่ไม่ป่วยอย่างผิงผิงหัวเราะออกมาทันที

“เจ้าคิดว่าตำหนักของข้า คนอื่นเข้ามาได้ง่ายหนักรึไงกัน” ไป๋เสวี่ยเฟินเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ

ตำหนักของฮองเฮาในอยู่ลึกที่สุดในวังหลวง เรียกได้ว่าอยู่ท้ายสุดของวังหลวงเลยก็ว่าได้ แถมยังอยู่คนละมุมกับตำหนักของฮ่องเต้ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องหมายบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าฮ่องเต้หยางหลงหาได้รักใคร่ฮองเฮาอย่างไป๋เสวี่ยเฟินไม่ ต่างจากสนมขั้นอื่น ๆ ที่ตำหนักอยู่ใกล้กันเกือบหมด ตำหนักของฮองเฮาจึงไม่ต่างอะไรกับตำหนักเย็น เงียบเหงาและโดดเดี่ยว บ่าวรับใช้ในเรือนมีเพียงแค่สิบคนถ้วน

“ว่าแต่ข้าเป็นอะไรถึงป่วยรึ?”

คำถามของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาจูจ้านจินและผิงผิงขมวดคิ้วทันที

“เจ้าจำไม่ไม่ได้รึ?” จูจ้านจินถามขึ้นด้วยความสงสัย

ไป๋เสวี่ยเฟินส่ายหัวเป็นคำตอบแทน เขาจำไม่ได้จริง ๆ

ผิงผิงรีบไขข้อข้องใจให้คุณชายของนางทันที “ฮองเฮาทรงพลัดตกสระบัวเพคะ เป็นความผิดของหม่อมฉันเองที่ดูแลฮองเฮาไม่ดี” ผิงผิงรีบก้มหัวร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลฮองเฮาของเธอได้

“ข้าพลัดตกสระบัวได้อย่างไรกัน?” ไป๋เสวี่ยเฟินถามขึ้น เขาพลัดตกไปองครักษ์และบ่าวรับใช้ก็ต้องมาช่วยเขาอยู่แล้ว หากตกเดี๋ยวเดียวเหตุใดเขาถึงป่วยจนสลบไปถึงเจ็ดวันเยี่ยงนี้เล่า

ทำไมยิ่งคิด เขาถึงยิ่งปวดหัวแบบนี้กันนะ

“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พระองค์ใช้ให้หม่อมฉันเดินไปตามองครักษ์หลิว พอหม่อมฉันกลับมาก็เห็นว่าพระองค์ทรงกำลังจมลงไปในน้ำแล้วเพคะ” ผิงผิงเล่าเหตุการณ์ที่เธอกลับมาเห็นเข้าพอดี

เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดฮองเฮาของเธอที่ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดเข้าใกล้สระบัวเลย เหตุใดถึงได้ไปอยู่ที่สระบัวจนพลัดตกน้ำเสียอย่างนั้น หากเธอและองครักษ์หลิวมาช้าเพียงนิด คาดว่าเธอคงได้เสียฮองเฮาไปอย่างแน่นอน

“อ่า...ข้านึกออกแล้ว” ท่าทางของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาคนทั้งสองงงกันไปเลยทีเดียว ตัวไป๋เสวี่ยเฟินพอจะเริ่มประติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น

“ข้าโดนหวงกุ้ยเฟยผลัก” ประโยคที่ออกมาจากปากของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาหนึ่งบ่าวที่เป็นดั่งน้องสาวและหนึ่งสหายสนิทกำหมัดแน่นทันที

“ข้าจะไปฟ้องฝ่าบาท!” จูจ้านจินตะโกนขึ้นอย่างโมโห ก่อนจะโดนรั้งแขนโดยมือของไป๋เสวี่ยเฟินเอาไว้

“อย่าเลยจ้านจิน” ไป๋เสวี่ยเฟินส่ายหัว

คำห้ามของไป๋เสวี่ยเฟินยิ่งทำให้จูจ้านจินอารมณ์ขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

ไป๋เสวี่ยเฟินก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ตนจะถูกกลั่นแกล้งมากเพียงใด แต่ไม่เคยเอาเรื่องไปฟ้องฮ่องเต้เลยสักครั้ง ต่างจากสนมคนอื่นที่โดนไป๋เสวี่ยเฟินโต้ตอบหรือไม่ก็อ้างสร้างเรื่องทั้ง ๆ ที่ไป๋เสวี่ยเฟินยังมิได้กระทำอันใด พวกนางก็ไปยื่นร้องฟ้องฮ่องเต้เสียอย่างนั้น

และฮ่องเต้จะเลือกเชื่อใครเล่า หากไม่ใช่สนมพวกนั้น

ใครจะไปเชื่อคำพูดคนอย่างไป๋เสวี่ยเฟิน ฮองเฮาที่ฮ่องเต้ทรงไม่รักกันเล่า

ไป๋เสวี่ยเฟินจึงกลายเป็นฮองเฮาใจร้ายที่ชอบกลั่นแกล้งบรรดาเหล่าสนมและบ่าวไพร่ กิริยาท่าทางราวกับไม่ใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ขี้อิจฉา ริษยา โดยเฉพาะไป๋อิงฮวาผู้เป็นพี่สาวของฮองเฮาที่ถูกตบแต่งเข้ามาเป็นหวงกุ้ยเฟย ซึ่งเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงรักแต่เพียงผู้เดียว หาใช่ไป๋เสวี่ยเฟินฮองเฮาไม่

“เจ้าจะยอมนางไปถึงเมื่อไหร่เสวี่ยเฟิน! นางทั้งแย่งคนรักเจ้า! ทั้งกลั่นแกล้งเจ้าสารพัดจนเจ้ากลายเป็นปีศาจในสายตาคนอื่นก็เพราะนาง!” จูจ้านจินระบายความอัดอั้นออกมา ตัวเขาที่ทราบเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียดมีหรือที่จะไม่โกรธแค้นแทนสหาย

“ฟ้องไปแล้วได้อะไรเล่า มีใครเชื่อฮองเฮาปีศาจอย่างข้าบ้าง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางต้องการเสียเถิด” ไป๋เสวี่ยเฟินพูดออกมาอย่างปลงแล้วในที่สุด

ต่อให้เหตุการณ์ครั้งนี้เขาตายตกลงไปจริง ๆ คนส่วนใหญ่ก็คงไม่คิดที่จะเสียใจกับการจากไปของเขา คงจะเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำ

“เจ้า!” จูจ้านจินไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาเถียงไป๋เสวี่ยเฟินแล้วจริง ๆ เขาไม่เข้าใจไป๋เสวี่ยเฟินเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเกือบตายแท้ ๆ ก็ยังไม่คิดจะทำอะไรคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ข้าง่วงแล้ว ข้าขอนอนต่อก่อนนะ ผิงผิงข้าฝากไปส่งจ้านจินด้วยนะ” ไป๋เสวี่ยเฟินรีบเอ่ยตัดบทสนทนาทันที หากยังไม่รีบมีหวังเขาคงได้โดนจูจ้านจินโดนบ่นจนหูชาเป็นแน่

“เพคะ” ผิงผิงน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะผายมือเป็นคำเชิญแก่จูจ้านจิน

จูจ้านจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปอย่างหงุดหงิด

ไป๋เสวี่ยเฟินนอนหันหน้าเข้าผนังก่อนจะคิดทบทวนเรื่องทั้งหมด

“ข้าไม่ได้ฝันอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงย้อนกลับมาอย่างนั้นหรือ?” ไป๋เสวี่ยเฟินขบคิดอยู่นานสองนาน จนในที่สุดเขาก็สรุปเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมดแล้วว่า ความฝันที่ตัวของเขาฝันก่อนจะตื่นนั้นคือเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วเขาก็ย้อนเวลากลับมา

ทำไมเขาถึงทราบอย่างนั้นหรือ ก็เพราะเรื่องราวในห้องบรรทมของเขาเมื่อครู่อย่างไรล่ะ จู่ ๆ ก็มีภาพโผล่ขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ที่ไม่ติดต่อกัน แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าหลังจากเขาพูดจบ จูจ้านจินกับผิงผิงจะพูดอันใดต่อ หรือแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไร เขาเห็นมันก่อนที่จะเกิดขึ้น

เยี่ยงนั้นในความฝันคือเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ เขาตายไปแล้วพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์วัยห้าเดือนเศษ ที่เขาตัดสินใจปลิดชีพไปพร้อมกัน

ไป๋เสวี่ยเฟินนอนขบคิดเรื่องราวอย่างถี่ถ้วน เขาจะไม่มีวันให้เรื่องราวมันซ้ำรอยเดิมเป็นแน่ ในเมื่อฮ่องเต้ทรงไม่ได้รักเขาอย่างที่เขารักพระองค์ พวกเขาสองคนก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่าเดิม

ท่านพี่หยางหลง...ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่อ้อนวอนขอความรักความเมตตาจากท่าอีกต่อไปแล้ว

ท่านอยากให้ข้าเป็นน้องชายของท่าน ข้าก็จะทำให้สมปรารถนา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะไปจากท่านทันทีอย่างไม่ลังเลเฉกเช่นที่ผ่านมา

ตอนที่ 3 นอนหลับถึงเจ็ดวันเลยรึ?

ณ ตำหนักอิงฮวา

“ฝ่าบาททรงไปเยี่ยมฮองเฮารึยังเพคะ?” ไป๋อิงฮวาถามบุรุษที่กำลังโอบกอดเธอ อีกฝ่ายส่ายหัวเป็นคำตอบ “ฝ่าบาททรงอยากให้หม่อมฉันโดนมองว่าเป็นพี่สาวไม่ดีเพิ่มหรือเพคะ?”

“ใครจะกล้าว่าเจ้าอิงฮวา”

“ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาเป็นภรรยาของฝ่าบาทและทรงเป็นน้องชายของหม่อมฉัน ฮองเฮาทรงประชวรแต่ฝ่าบาทและหม่อมฉันกลับไม่เคยไปเยี่ยมเยียนฮองเฮาเลย เหล่าขุนนางและประชาชนจะตำหนิว่าฝ่าบาทไม่สนใจฮองเฮานะเพคะ”

“ก็ถูกของเขาแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร เพราะเจิ้นสนใจแต่เจ้า” พูดจบหยางหลงก็ก้มหอมแก้มไป๋อิงฮวาทันที

“ฝ่าบาททรงแกล้งหม่อมฉันอีกแล้ว” ไป๋อิงฮวาทำท่าทางเขินอายเล็กน้อย

“ไว้พรุ่งนี้เจิ้นจะไปเยี่ยมฮองเฮาก็แล้วกัน” หยางหลงพูดตัดปัญหา เขารู้ว่าไป๋อิงฮวาเป็นห่วงน้องชายและรักน้องชายมากเพียงใด ซึ่งต่างจากไป๋เสวี่ยเฟินที่ตั้งแง่จงเกลียดจงชังผู้เป็นพี่สาวเสียยิ่งกว่าอะไร

“เพคะ” ไป๋อิงฮวายิ้มหวานให้กับชายอันเป็นที่รัก

ณ ตำหนักเฟิ่งหวง

ตอนนี้เป็นเวลายามซื่อแล้ว ไป๋เสวี่ยเฟินนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทรงงาน การหมดสติไปเจ็ดวันทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินมีงานมากมายในฐานะฮองเฮาต้องสะสาง

“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาททรงเสด็จมาเพคะ” ผิงผิงรีบเข้าในห้องทำงานแจ้งฮองเฮาที่ตอนนี้กำลังทรงงานอยู่ในห้องหนังสือ

“อืม” ไป๋เสวี่ยเฟินวางพู่กันในมือ แล้วลุกขึ้นทันที

สีหน้าของไป๋เสวี่ยเฟินเรียบเฉยแถมยังดูติดรำคาญอีกด้วย ทำเอาผิงผิงขมวดคิ้วด้วยความงงงวยกับท่าทางของผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ

ฮองเฮายังไม่หายป่วยรึ? เหตุใดถึงได้ไม่มีท่าทางตื่นเต้นอย่างเมื่อก่อนเลย

ไป๋เสวี่ยเฟินเดินออกมาก็ประจบกับขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็มาถึงพอดี ไป๋เสวี่ยเฟินมองดูขบวนด้วยแววตานิ่งเฉย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงยิ้มจนปากฉีกไปถึงใบหูเก็บอาการความดีใจไม่อยู่เสียแล้ว แต่หลังจากที่เขาป่วยและรู้ว่าอนาคตจะเกิดเรื่องอันใดบ้าง ไป๋เสวี่ยเฟินจึงเลือกที่จะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม คงต้องขอบคุณไป๋อิงฮวาเสียแล้วกระมังที่ผลักเขาตกน้ำ เหมือนความเย็นของน้ำได้กัดกินหัวใจของเขาไปเสียแล้ว

ไป๋เสวี่ยเฟินไม่ได้รักหยางหลงอย่างที่เคยมาแล้ว ความรู้สึกรักที่เคยมีให้อีกฝ่ายเริ่มลดลงไปทีละนิดแล้ว เมื่อก่อนหากได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายหัวใจของไป๋เสวี่ยเฟินมักจะเต้นรัว แต่ตอนนี้มันกลับเต้นเป็นปกติไปแล้ว

“ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี” ไป๋เสวี่ยเฟินย่อตัวทำความเคารพ ก่อนจะเชิญให้อีกฝ่ายนั่งที่ศาลาในสวนดอกไม้ที่ไป๋เสวี่ยเฟินเป็นคนปลูกเอง

“เจิ้นรู้ว่าเจ้าไม่สบาย เป็นอย่างไรบ้าง?” หยางหลงถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“กระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบเสียงเรียบเช่นกัน สายตาของไป๋เสวี่ยเฟินเรียบเฉย ไร้ซึ่งแววตาเสน่หา

“...”

“...”

ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบไม่มีใครพูดอันใด ไป๋เสวี่ยเฟินก็ไม่สนใจฮ่องเต้แต่อย่างใด เขายกชาขึ้นดื่ม หยิบขนมขึ้นกินไปเรื่อย ๆ

แปลก

นั่นคือสิ่งที่หยางหลงคิด ไป๋เสวี่ยเฟินเป็นอันใดกัน ปกติหากเขามาหามักจะแสดงอาการตื่นเต้น พูดมาก หาเรื่องชวนคุยกับเขาให้ได้นานที่สุด แต่นี่กลับไม่มีท่าทางตื่นเต้น แต่เลือกที่จะเงียบ น้ำเสียงที่ตอบออกมาเรียบเฉย ท่าทางตอนนี้ของไป๋เสวี่ยเฟินบ่งบอกว่าไม่ได้ยินดียินร้ายที่เขามาหาเลยแม้แต่น้อย

โกรธที่เขาไม่หาตอนเจ้าตัวป่วยอย่างนั้นรึ หรือว่ายังไม่หายป่วยดี?

“เวินกงกง” สุรเสียงเข้มเอ่ยขึ้น

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เวินกงกงก้าวเท้าออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเตรียมรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว

“เรียกหมอหลวงมาตรวจอาการฮองเฮาที”

“พ่ะย่ะค่ะ” เวินกงกงรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไปแต่ถูกเสียงเรียกของไป๋เสวี่ยเฟินรั้งเอาไว้ก่อน

“ช้าก่อนเวินกงกง ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้าหมอหลวงจูเพิ่งมาตรวจกระหม่อมไป กระหม่อมปกติดีทุกอย่าง อย่าเสียเวลาเรียกหมอหลวงคนอื่นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง เพราะคิดว่าจะเสียเวลาตรวจอะไรเยอะแยะ ตรวจครั้งหนึ่งก็ต้องกินยาตอนนั้นเลย เขาหาได้ใช่คนชื่นชอบการกินยาไม่

คิ้วของหยางหลงขมวดทันที “เสียเวลารึ? ฮองเฮาของเจิ้นป่วย เจิ้นเรียกหมอหลวงเพื่อมาดูอาการของฮองเฮา ฮองเฮาว่าเสียเวลาอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของหยางหลงเปลี่ยนเป็นเริ่มหงุดหงิดขึ้นแล้ว เหตุใดอีกไป๋เสวี่ยเฟินถึงกล้าปฏิเสธเขา ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่เขามอบให้เลยแม้แต่น้อย แถมบางทียังเรียกร้องเพิ่มอีกด้วย

ไป๋เสวี่ยเฟินแล้วว่าหยางหลงเริ่มมีน้ำโหจึงเอ่ยเลี่ยง ๆ ไป “อย่างนั้นเห็นแก่สมควรตามพระองค์เลยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเวินกงกงก็รีบไปเรียกหมอหลวงมาดูพระอาการของฮองเฮาทันที

ไม่นานเวินกงกงก็พาหมอหลวงชราคนหนึ่งมาทำการตรงร่างกายของไป๋เสวี่ยเฟิน และก็วินิจฉัยไม่แตกต่างอะไรกับหมอหลวงจูจ้านจินเลยแม้แต่น้อย

“ทูลฝ่าบาท พระอาการของฮองเฮามิมีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ทรงแข็งแรงดี เพียงแต่คงทรงเหนื่อยล้าจากการนอนหลับไปนานถึงเจ็ดวัน กินยาตามที่ท่านหมอหลวงจูจัดเตรียมไว้ให้ ครบเจ็ดวันอาการก็ทรงดีขึ้นดังเดิมพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงชรารายงานการตรวจร่างกายของฮองเฮาทันที

บอกแล้วไม่เชื่อเองว่าเสียเวลา ตรวจกี่รอบกี่คนก็เหมือนกันหมด ยังจะเรียกมาตรวจอีก ไป๋เสวี่ยเฟินบ่นในใจ

“นอนหลับถึงเจ็ดวันเลยรึ?” หยางหลงถามด้วยความตกใจ เขาทราบเพียงว่าไป๋เสวี่ยเฟินป่วยแต่ไม่คิดว่าจะป่วยหนักถึงขั้นนอนหลับไปถึงเจ็ดวัน

เขาคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งป่วยได้เพียงสองสามวันเท่านั้น ทำไมถึงไม่มีใครไปแจ้งเขาเลยว่า ไป๋เสวี่ยเฟินหมดสติไปถึงเจ็ดวัน หากเขารู้เขาคงมาเยี่ยมเจ้าตัวเร็วกว่านี้

“เพคะฝ่าบาท” ผิงผิงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ผิงผิง” ไป๋เสวี่ยเฟินตวัดสายตามองไปทางผิงผิงสื่อความหมายว่าไม่ให้เธอพูดต่อ

แต่มีหรือผิงผิงที่รักคนเป็นนายยิ่งกว่าชีวิตตัวเองก็ฟัง “ฮองเฮาทรงหมดสตินานถึงเจ็ดวัน ตอนแรกร่างกายเย็นเฉียบ ผิวซีดเซียวเป็นอย่างมาก และยังทรงหยุดหายใจไปชั่วขณะเพคะ” เธอพูดไปความจริงที่เห็นอาการของไป๋ฮองเฮาจริง ๆ ตอนที่ไป๋ฮองเฮาทรงหมดสติเธอเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งนานนับวันอาการของไป๋ฮองเฮาก็เหมือนคนตายมากขึ้น จนเธอเผลอคิดไปว่าไป๋ฮองเฮาของเธออาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นไปได้

“ข้าหยุดหายใจด้วยรึ?” ไป๋เสวี่ยเฟินถามออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาก็เพิ่งรู้เรื่องข้อนี้เหมือนกัน

“เพคะ” ผิงผิงยืนยัน

ไป๋เสวี่ยเฟินลอบมองไปทางหยางหลงที่มีสีหน้านิ่งเรียบ ท่านคงคิดว่าทำไมข้าไม่ตายให้มันจบ ๆ ไปเสียใช่หรือไม่ หยางหลง

“คราวหลังก็ระวังตัวให้มากขึ้นนะฮองเฮา หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา แผ่นดินเราจะขาดมารดาแผ่นดิน”

“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบรับ

เหอะ หากขาดข้าไปท่านก็แค่แต่งตั้งคนใหม่มิเห็นยากอันใด ทุกวันนี้ตัวข้าเหมือนมารดาของแผ่นดินมากหรือ ท่านให้ไป๋อิงฮวาหวงกุ้ยเฟยออกหน้าแทนข้าหมด ยังคิดว่าข้าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อยู่อีกหรือ ไป๋เสวี่ยเฟินได้แต่เอ่ยถามอยู่ในใจ

“เอาล่ะในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เยี่ยงนั้นเจิ้นขอตัวก่อน พักผ่อนเสียเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินยืนขึ้นทำความเคารพ มองแผ่นหลังของหยางหลงจนหลับสายตา ก่อนจะเดินกลับเข้าตำหนักและนั่งทำงานต่อในห้องหนังสือ

“เหตุใดฮองเฮาทรงไม่รั้งฝ่าบาทดังเช่นเคยล่ะเพคะ?” ผิงผิงถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ข้าเหนื่อยที่จะวิ่งตามแล้วผิงผิง ข้าว่าข้าควรพอได้แล้ว” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบด้วยเสียงอ่อนแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง

“ฮองเฮา...” ผิงผิงแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของฮองเฮาที่ทรงรักฮ่องเต้มากกว่าตัวเอง

ผิงผิงยืนน้ำตาตกกันเลยทีเดียว

“ดีใจที่เราตัดใจได้รึเด็กโง่” มือเรียวแสนจะอ่อนนุ่มลูบหัวคนที่เป็นดั่งสาวเบาเบาอย่างเอ็นดู

“คุณชาย...” ผิงผิงรีบเช็ดน้ำตาของเธอทันที

ไป๋เสวี่ยเฟินมองผิงผิงอย่างเอ็นดู นึกถึงไปถึงความฝันที่เห็นนางหยิบมีดขึ้นมาแทงตัวเองยอมตายไปกับเขานั้นทำให้เขาเจ็บหัวใจมากเหลือเกิน ความรักและความซื่อสัตย์ของผิงผิงที่มอบให้เขานั้น หาได้ยากแท้ในแผ่นดินแคว้นฉินนี้ที่จะเหมือนนาง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!