*ณ อยุธยา
มีคนพายเรือพลุกพล่านมากมายแสนจะครึกครื้นและสบายตา เรือสำเภาค้าขนาดใหญ่จอดเทียบท่าที่หน้าท่าเรือ หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มและคมคายกระโดดลงจากเรือ ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ เธอสวมชุดไทยสีชมพู นุ่งโจงกระเบนสีเขียวขี้ม้า ผมสยายเป็นเงาสวย ผิวสีขาวผ่องนวลเนียนประหนึ่งเทพธิดา แต่ความแก่นและกวนของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใคร
ปั้ก!!!
"โอ้ย! ป่าป๊า!"เสียงมือกระทบกับกบาลดังขึ้นหลังจากพ่อของเอากำปั้นทุบไปที่ศรีษะของหญิงสาวพอให้เกิดเสียง
"สำรวมลูก สำรวม~"เขาทำหน้าทะเล้นใส่ลูกสาวก่อนจะยิ้มให้แบบคาดโทษ
"ถ้าเจ้าพลาดตกลงมาบาดเจ็บจะทำยังไง! ม๊าเจ้าก็ทิ้งข้าไปแล้วจะให้ข้าเสียเจ้าไปอีกรึ"ดึงหน้าเศร้า
"เถอะน่าป๊าข้าไม่เป็นอะไรหรอกน่า น้าาา~"หญิงสาวเกาะแขนพ่อแล้วอ้อนใส่เขาเพื่อให้คนโกรธง่ายหายโกรธซะ
"เอาเถอะๆ ไปกัน"
พูดจบพวกเขาก็เดินไปนั่งเรือเล็กที่จอดเทียบท่ารอพวกเขาอยู่
"มู่อี่หลิง" เด็กสาวลูกครึ่งสยามกับจีนที่มีพ่อชื่อ"อนนท์"ที่เป็นคนสุโขทัยและเป็นเสนาบดีกรมคลังและแม่ชื่อ"มู่จื่อฮวาน"เป็นลูกสาวพ่อค้าชาวจีนด้วยกระนั้นเธอจึงพูดได้หลายภาษา และทำธุรกิจได้หลายอย่าง จึงได้รับตำแหน่งขุนนางที่สุโขทัย แล้วทั้งสองได้พบกันตอนที่ทำงานอยู่หลายคราจึงเกิดรักกัน จึงร่วมกันค้าขายและช่วยกันทำงาน ไม่นานนักมู่จื่อฮวานก็ตั้งครรภ์และทั้งสองก็ใช้ชีวิตกันมาถึงทุกวันนี้และมู่จื่อฮวานก็ได้เสียชีวิตลง
< ๑๙ ปีต่อมา >
*ณ ปัจจุบัน
ในปีนี้มู่อี่หลิงอายุจวนจะครบ ๑๘ แต่แม่ของเธอก็ได้จากโลกนี้ไปในวัยกลางคน ทำให้รู้สึกน่าเศร้ายิ่ง เพราะแม่ของเธอนั้นปกติทุกอย่าง แต่เธอก็มีความลับบางอย่างที่แม้แต่กับสามีและลูกของตนเองก็บอกไม่ได้ เธอดันด่วนจากไปเสียก่อนที่จะมีใครตั้งคำถาม ซึ่งสิ่งที่เธอปิดบังจะต้องเกี่ยวกับความตายนี้เป็นแน่แท้ ใครจะไปรู้กันหละ!?
*[มู่อี่หลิง]*
*ณ เรือนน้ำหวาน
หลังจากที่ข้าทราบข่าวเรื่องท่านแม่ข้าเข่าแทบทรุดลงเสียตรงนั้น ในใจเอาแต่นึกเสียดายในตอนที่ท่านอยากมาที่อยุธยาอีก เหตุใดข้าจึงมิรั้งท่านไว้กันนะ
เรือของข้ากับท่านพ่อจอดเทียบท่า
ข้ารู้สึกไม่อยากก้าวเดินเข้าไป มันจุกอกอย่างบอกไม่ถูก ใจเต้นระรัว น้ำตาก็ซึมพร้อมจะหลากลงทุกเมื่อ ทำได้แค่พยายามหายใจช้าๆไม่ให้ฟุ้งซ่าน
"เฮ้ออ~"ข้าถอนหายใจเพื่อให้ความหนักอกนี้ทุเลาลงไปบ้าง ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วหายใจเข้าไปอีกครั้ง
ข้าค่อยๆก้าวเดินขึ้นไปอย่างช้าๆ บันไดแต่ละขั้นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ค่อยๆหนักขึ้นทุกย่างก้าว ทันทีที่ข้าเห็นร่างของท่านแม่หัวใจดวงนี้แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ได้ไหลลงมาตามร่องแก้ม มือเริ่มสั่น
ฝุบ~!
เข่าและขาของข้าดิ่งลงไปตรงพื้นไม้สีน้ำตาลอ่อน ทุกอย่างมันมืดบอดไปหมด ในหัวก็ขาวโพลน ข้าปล่อยโฮโฮกใหญ่ก่อนที่ทุกอย่างจะสว่างจ้า รู้สึกเหมือนได้ลอยอยู่ในอากาศ มันเบาไปหมด รู้สึกโล่งและว่างเปล่า ความเจ็บแปลบที่ขั้วหัวใจได้หายไปแล้ว
"คุ...."
อะไรหนะ?
"คุณ...หู...สิ"
ได้ยินไม่ชัด!?
"คุณหนู!!ฟื้นสิคะ!"
ใครหนะ?
ซ่าา~
เสียงสาดน้ำ?
ทันทีที่ข้ารู้ตัวทุกอย่างมันเลือนลางไปหมด หัวข้าปวด ปวดมากๆ เสียงในหัววิ๊งแบบไม่หยุดพักสลับกับเสียงบ่าวที่ตะโกนเรียก ทุกอย่างมันเริ่มหนักอึ้งขึ้น
"ปวด...หัว.."ข้ารวบรวมกำลังทั้งหมดเปล่งเสียงออกมา แต่ร่างกายของข้าเหมือนโดนทับด้วยหินก้อนใหญ่ มันปวดไปหมดและมีอาการชาร่วมด้วย ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะตัดอีกครั้งแต่คราวนี้รู้สึกเหมือนแค่หลับไป
< นี่! ท่าน! >
อะไร?ใครหนะ?
< ข้ามีชื่อว่า ผิ... >
มีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงมาหาเธอ
!!!?
"แฮกๆๆ!"สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
"อะไรวะเนี่ย!? เฮ้อ~"ข้ารีบลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้ารีบเดินออกไป
"ป่าป๊าๆข้าฝันประหลาดสะ..."
ข้าหยุดชงักเมื่อเห็นท่านพ่อของตนนั่งกุมมือท่านแม่อยู่ด้วยความโศกเศร้า ท่านเอามือของท่านแม่มากุมไว้ก่อนจะพรมจูบไปที่มือของท่านแม่ จากนั้นท่านก็เอื้อมไปหยิบปิ่นปักผมของท่านแม่ออกมา
"มานี่สิ.."ท่านพ่อบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ
ข้าเดินไปหาท่านก่อนที่ท่านจะ โบกมือลงให้ข้าก้มศรีษะ ท่านพ่อสางเส้นผมของข้าด้วยปิ่นก่อนจะม้วนมวยผมและปักมันลงในแนวเฉียง สีแดงสดที่เตะตาของมันทำให้ข้านึกถึงสีที่ท่านแม่ชอบที่สุด
"เจ้าช่างเหมือนนางจริงๆ ลูกสาวป๊า"ท่านลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน
ข้าพลันเหลือบไปเห็นตาของท่านที่บวมเล็กน้อย มันกลับมาอีกแล้วความหนักอึ้งที่อยู่ในอก รู้สึกทรมานเหลือเกิน..
ปล.ชื่อเรือนน้ำหวาน มาจาก ชื่อของ มู่จื่อฮวาน ที่คนอยุธยาจะเรียกเธอว่า น้ำหวาน นั้นเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
next episode <🔻>
#ณ เรือนน้ำหวาน
เวลาผ่านไปจนตะวันย่ำค่ำ พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พระจันทร์เริ่มสว่างชัดขึ้นอยู่ไกลๆ ฝูงกาโห่ร้องก้องกังวาน จิ้งหริดเรไรหวีดร้องสู้เสียง ดังสลับไปมา บ้านข้ามีเสียงวงปี่แก้วนางหงส์ เล่นเครื่องดนตรีดังกังวาน สลับกับเสียงลมพัดยอดไม้แกว่งไกว
*[มู่อี่หลิง]*
ข้าเปลี่ยนชุดเป็นผ้าถุงสีดำ สไบสีขาว สวมแค่สังวาลย์เส้นเดียวเป็นเครื่องประดับ มีผู้คนสวมผ้าสีม่วงแก่บ้าง น้ำเงินบ้าง ดำบ้าง สลับกันไป ส่วนท่านพ่อสวมชุดสีเช่นเดียวกับข้า ท่านใส่แต่แหวนแต่งท่านแม่เดินรับคนมาเข้างาน ประหนึ่งว่าเป็นงานรึ่นเริงสังสรรค์ แต่วงปี่แก้วนางหงส์ที่บรรเลง ยิ่งเสียงปี่ดังก้องและเพราะเพียงใดกลับกรีดดวงใจผู้ฟังไปเรื่อยๆ
สีหน้าท่านพ่อเริ่มมิสู้ดี ข้าจึงเดินไปบอกแก่ท่านว่ามีแขกมาที่เรือนทางด้านคุ้งนู้น
ท่านพ่อพยักหน้าตอบรับและเดินออกไปจากกงนี้
"อ้าว~! หญิงลูกไหนท่านพ่อหละจ๊ะ"
"อ้าว! ท่านย่า~!"ข้าโผเข้ากอดก่อนจะประคองท่านย่าไปหาที่นั่ง
"เอ้อ~"ท่านย่าค่อยๆนั่งลง
"เสียดายลูกสะใภ้คนโปรดของข้า น้ำหวานเอ๊ย~ เอ็งไปผุดไปเกิดเสียหนา มาเกิดใหม่เป็นลูกข้า เมียลูกข้า หรือผัวลูกข้าก็ได้~!"ท่านย่าค่อยๆรึพึงถึงท่านแม่
"เอ้อๆๆ! แล้วเอ็งเล่าหญิงเมื่อใดจักมีผัวกับเขา"ท่านย่าหันมาถามหลานสาวสุดที่รัก
"มิมีผู้ใดหล่อเท่าท่านพ่อข้านี่เจ้าคะท่านย่า"ข้าทำท่ากระซิบกระซาบ
"เจ้าก็ช่างพูด มันหล่อแต่ได้แม่มันมา หน้าตาคิ้วโครงเหมือนข้าหมด ยกเว้นนิสัย ดึ้อดึง เอาแต่ และกวน** เหมือนพ่อมัน"ท่านย่าหัวร่อเบาๆ
"ส่วนเอ็งได้น้ำหวานมาเต็มๆ เหลือแค่ตากับหูที่ได้ไอ้อนนท์มา ส่วนนิสัยก็เหมือนข้าสมัยก่อนรวบกับพ่อเอ็งร่วมด้วย นิสัยเอ็งจึงแปลกพิลึก หน้าหวาน สวย แต่นิสัยเอ็งหนะกล้าท้าทาย ไม่เกรงกลัวใคร แก่น ซน พิลึกหนะเอ็งหนะ นั่น~มีแขกมาแล้วไปรับเถอะ"ท่านย่าอธิบายมายาวเหยียดก่อนจะสะกิดข้า
"เจ้าค่ะ"ข้ารีบวิ่งไปรับ
"อ้าว! พี่หมอวา แม่มณี แล้วก็ เจ้า.."ข้าเอ่ยก่อนจะหันไปปะหน้ากับหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน
"ท่านขุนเมฆา"ข้ายิ้มกวนก่อนจะจ้องไปที่เขา
"เชิญเจ้าค่ะๆทุกท่าน"ข้าให้ทั้งสามเดินไปในงานแต่หนึ่งในนั้นก็หยุดเดินปล่อยให้ทุกคนเดินไปนั่งที่แคร่ไม้สลักสีดำ
"ไงแม่หญิงสนใจไปหาปลากับข้ารึไม่"ว่าก่อนจะหยิบมือข้าไปจูบอย่างแผ่วเบา
"ท่านมิพาไอ้...ท่านขุนยอดชัย กับขุนชนะมาด้วยเล่า"ข้าเริ่มสวน
"ไอ้ยอดกับไอ้ชนมิว่างดอก มันติดสาวอยู่ที่ตลาดท่าจีนนู้นหล่ากระมัง"เขาชายตามองข้าก่อนจากลากข้าไปที่ใดก็ไม่รู้แน่
พอพ้นผู้คนเขา...เขาถอดเสื้อของเขาออก พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ข้าเรื่อยๆ ข้ายืนชะงักก่อนจะสังเกตุเห็น รอยที่แผ่นหลังกว้างของเขา
"โห~รอยสักนี่ เจ้าไปสักมาจริงด้วย"ข้าเริ่มลูบตามลายมาเรื่อยๆ
"มีที่อกด้วยนะ อะแฮ่ม~!"เขากระแอมด้วยความภูมิใจ
"ไหนๆๆ ขอดูหน่อย"ข้าเดินกลับไป ก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเดิม แต่ในครานี้ไม่ใช่รอยสักแต่เป็น...
"ไอ้เมฆ! ซิ๊กแพ็กเอ็งแน่นมาก~!"ข้าว่าแล้วก่อนจะเอื้อมมือไป..
หมับ~
"อะ อ้าว มีคนดับฝันข้า.."ข้าทำหน้าบู้ก่อนจะชักมือกลับ
"เอ็งนี่นะ โรคจิตรึเอ็งหนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นคงจับเจ้ากับข้าว่าผิดผีกันเป็นแน่"เขายิ้มก่อนจะพูดกวนบาทาข้า
"just a little bit! <แค่นิดเดียว> "ข้าพยายามจะจับให้ได้ ก่อนจะเอื้อมมือไปฉกมัน
เขานิ่งไม่ไหวติงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจับมือข้ากลับ แล้วก็สวมเสื้อดังเดิม
"ข้าจะไปบอกไอ้ยอดกับไอ้ชน ว่าเอ็งเป็นโรคจิต!"เขาว่าก่อนจะทำท่าป้องตัวบิดไปบิดมา แล้วรีบเดินจากไป
ข้าที่ยืนงงอยู่ตรงนั้นได้แต่ยิ้มกริ่ม
ซักวันข้าต้องมีแบบนั้นให้ได้!
"เกือบไปแล้ว..."เมฆกล่าวกับตนเองก่อนจะไปเดินไปทางที่แม่มณี กับหมอวาอยู่
ข้าที่ยืนนิ่งอยู่กงนั้นเหลือบไปเห็นเงาร่างใหญ่และสูงยืนอยู่ใกล้ท่าน้ำอีกฝั่ง ก่อนจะกระโดดลงไป
คงมาเล่นน้ำกระมัง
ข้ายืนจ้องอยู่ชั่วครูหนึ่งนับ๑-๖๐จึงรีบวิ่งไปดูที่ท่านั้น ข้าเจอผ้าขาวม้าของท่านพ่อลอยอยู่บนน้ำ
"ป่าป๊า!!!"
"มีคนตกน้ำ!!!!"ข้ารีบกู่ตะโกนเสียงดังพอทุกคนเริ่มจับสังเกตุก็วิ่งมาทางข้า
ตู้ม!!!
ข้ากลั้นใจกระโดดลงไปในน้ำ เหตุใดวันนี้น้ำจึงลึกเป็นพิเศษกันนะ
"น้ำวน!!!"หนึ่งในนั้นที่อยู่บนบกกู่ตะโกนเสียงดัง
< ๘ นาทีผ่านไป >
ข้าเจอร่างท่านพ่อลอยอยู่ จึงรีบเข้าไปใกล้ ข้ารีบจับท่านพ่อและว่ายขึ้นไป แต่กลับทำไม่ได้ ข้าใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักท่านพ่อขึ้นไป แต่ตัวข้านั้นกลับดิ่งลึกใกล้ถึงก้นแม่น้ำไวกว่าเดิมเสียอีก
ท่านพ่อขึ้นจากน้ำอย่างปลอดภัย ก่อนจะโดนหามตัวกลับไป
ทุกคนแห่พากันเดินกลับ แต่ข้ากลับหมดแรงเสียแล้ว
ทุกคนคงไม่เห็นตอนข้ากระโดดน้ำสินะ
อากาศของข้าจวนจะหมดแล้วสิ
"มีคนอีก!!!! มานี่ก่อนเซ่!"
เสียงของไอ้เมฆ ลาก่อนนะเพื่อนรัก~
ข้าไม่ไหวแล้ว~
ข้าจมลงสู่ก้นแม่น้ำ ข้ากินและสูดน้ำเข้าไป ทุกอย่างมันเจ็บปวดและทรมาณที่ทรวงอก หายใจไม่ออก เจ็บ! เจ็บเหลือเกิน! เจ็บเหมือนทุกอย่างโดนฉุดรั้ง และฉีกมาจากข้างใน ไม่นานนักทุกอย่างก็เริ่มชาและไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ข้าขยับไม่ได้แล้ว ภาพทุกอย่างเริ่มเลือนลางไป ลาก่อน.....
โปรดติดตามตอนต่อไป
next episode <🔻>
*[มู่อี่หลิง]*
"อะ...! เฮือก!!!?"ข้าสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากนั้นก็หันไปรอบข้างอย่างกระวนกระวาย
เฮ้อ~!
โล่งอก! ที่ข้าโผล่มาในห้องนอนกว้าง คงมีคนช่วยข้ากระมัง แต่เอ๊ะ!? ทำไมถึงรู้สึกมึนหัวหละเนี่ย!
"แอ๊~แว้~....แอ๊ะ!!?"
นี่มันอะไรกัน!!! ทำไมชั้นถึงพูดไม่ได้กันหละ!
มือ! มือๆๆๆ
ข้าก้มดูมือและเท้าของตน
!!!!? นี่ข้า! กลับไปเป็นเด็กงั้นรึ!?
"แต่ช้าแต่ๆ~ องค์หญิงปัทมาเพคะทรงนอนต่อเถิดเพคะ"
หญิงสาวอายุอาณามราว ๓๐ ต้นๆนี่คือใครเนี่ย!? เธอกำลังแกว่งแขนของเธออยู่
โอ้ยย! อยากจะอ้วก เวียนหัวมากเลย~
"คุณท้าว!! คุณท้าวเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!องค์หญิงพรรณผกากับองค์หญิงพนารัตน์แย่งของเล่นกันเจ้าค่ะ!!"มีหญิงสาวหน้าตาอ่อนเยาว์สวมสไบสีฟ้าอ่อน นุ่งโจงกระเบนเป็นแพรพรรณธรรมดา คาดว่าจะเป็นบ่าว
อืม~???
พรรณผกา? พนารัตน์?
ชื่อคุ้นๆนะ
...
!!!!!?
วิลาวัณย์ พรรณผกา พนารัตน์ ปัทมา ผกากรอง ประคองยศ รจจะ...
รจนา!?
นี่มัน!
เรื่องสังฆ์ทองหนิ!?
อีกอย่างตัวข้าคือใครกัน?
เมื่อครู่คุณท้าวนี่เรียกข้าว่าอันใดนะ?
ปัด? ปัทมา!?
ก่อนข้าจะรำลึกได้คุณท้าวที่ไกวเปลให้ข้าก็วิ่งโร่ออกไปเสียก่อนที่ข้าจะไตร่ตรองได้เสียอีก
นี่ข้าคือลูกสาวคนที่๔ของท้าวสามนต์รึนี่!?
"แอ้~แบ้~อะ~?"<ไม่มีใครอยู่สินะ?> ข้าโผล่ขี้นมาจากเปลที่แกว่งไกวอยู่ หันซ้าย หันขวา ก็เห็นว่ามิมีใคร
โจ๊กกก~
ชักหิวแล้วสิ
ลองปีนออกไปดูดีกว่า เตียงข้างๆนี่มีคนอยู่ด้วยนี่นา
ข้าชะเง้อดูอีกครั้ง
ผู้หญิง? คงจะเป็นนางมณโฑกระมัง
ออกไปเดินเล่นดีกว่า
"อึ้บ!"ข้าใช้มือยันกำแพงให้ตนเองลุกขึ้นยืน
บ้าจริง! ข้าต้องหัดเดินใหม่!?
ข้าได้แต่พึมพัมในใจเพราะภายในห้องยังมีคนนอนพักฟื้นอยู่ พลางเอามือยันกำแพงหัดเดินต่อไป
ข้าไม่ได้ใส่อันใดเลย ทำอันใดดี
ข้าคิดครู่หนึ่งก่อนจะหยิบผ้าสีทองที่ห่อตัวข้ามาทำเป็นสไบ และนำผ้าปูเปลมาทำเป็นผ้าถุง
ว้า~ก็ไม่ได้แย่~
ข้าที่หัดเดินได้สำเร็จก็เดินออกไปที่ประตู
"อัว~อู่~แอ๋~แอ๊~~~"<ครัวอยู่ไหนน้า~> พูดพลางเดินต้วมเตี้ยมออกไป
ข้าเดินพลางสำรวจรอบวังไปด้วย วังนี่คล้ายๆกันจริงๆนี่คงจะเป็นท้องพระโรงสินะ
ข้าเดินลงบันได้ชันๆลงมาได้เพียงแค่ ๒ ขั้นข้าก็หมดแรงเสียแล้ว
เฮ้อ~ทรมาน เหลืออีกสักเท่าใดกันเชียว ๑...๒.... เบื่ออะ! เหลืออีกตั้ง ๑๘ ขั้นมีหวังข้าคงได้ไถหน้าข้าลงกับพื้นบันไดเป็นแน่ แต่ก็เอาเถอะ
นั่งถดบันไดไปแล้วกัน ฮ้า~ขั้นสุดท้าย ข้ายิ้มแก้มปริก่อนจะย่างก้าวต่อ
"ตายแล้ว!!! นี่ลูกใครเนี่ยปล่อยให้มาเล่นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?"ว่าพลางก็อุ้มข้าขึ้นกลับไปที่เดิม
...
"ฮึก! แง๊!!!!!!!"ข้าร้องไห้โฮออกไป แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ของเด็กทารกเนี่ยอ่อนไหวชะมัด
"ข้า...อุอ่า..ลง..ไป..อ้าย..แอ้ว!! งือออ~!!!"ข้าร้องต่อ
สาวใช้คนนั้นทำท่าทีลุกลี้ลุกลน
"เกิดอันใดขึ้นรึ?"มีคนเดินออกมาจากท้องพระโรง
สวมชุดเครื่องเต็มยศขนาดนี้ คงจะเป็นพ่อข้าในชาตินี้สินะ ว้าว~ท้าวสามนต์ตอนยังหนุ่มหล่อมากก
คิ้วใหญ่ยกสูงเป็นโครงได้รูป จับกับหน้าที่เรียบและเรียว ดูสันกรามนั่นสิ! ปากก็เป็นสีชมพูอ่อนเหมือนดอกทิวลิปสีชมพู ผมเผ้าสีดำทอประกายสีทอง ดวงตาสีดำ โห~พึ่งเคยเจอคนที่มีนัยน์ตาสีดำสนิทเช่นนี้ ที่ข้าพบเจอมีแต่สีน้ำตาลเข้ม
"ข้าถามว่ามีอันใดรึ?"เขาย้ำถามอีกครา
"คือ~เด็กคนนี้มาอยู่ตรงนี้หม่อมชั้นเลยตกใจนึกว่านางจะขึ้นบันได หม่อมชั้นเลยนำนางขึ้นมาแทน จากนั้นนางก็ร้องไห้โฮเลยเพคะ"พูดจบนางก็คุกเข่านั่งลง
"ไหน~ขอข้าดูหน่อย"เขาเอื้อมมือทั้งสองมาโอบข้าไว้แล้วอุ้มไปไว้ในอ้อมกอด
"ป้อ~หิว~"ข้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"เจ้าว่าอันใดนะ?"เขางงงวยกับสิ่งที่ได้ยิน
"...หิ..หิว"
"ไม่ใช่ๆคำก่อนหน้านั้น"เขาย้อนถามอีกครั้ง
"ปะ..ป้อ.."
"นี่! เจ้าชื่ออันใด?"เขาซักถาม
"ปัด..ทา..มา~"
"ปัทมางั้นรึ? ชื่อดีนี่"เขาเอ่ยชม
"ห๊ะ!!!?เจ้าว่าอันใดนะ?"เขาตกใจ
"คิกๆๆ"ข้าหลุดขำออกมา
"ข้า~ชื่อ....ปัททะ..มา"
ตึกๆๆๆๆ!!!!
"แย่แล้วเพคะ!!! องค์หญิงปัทมาหายตัวไปเพคะ!"คุณท้าวคนเดิมวิ่งกรูกันมาที่นี่พร้อมกับบ่าววัยละอ่อน ๓-๔ คน
"เจ้าหมายถึงนี่รึ?"เขาหมุนเยื้องไปทางคุณท้าวเผยให้เห็นตัวข้าที่มุดอยู่ในอ้อมกอดอุ่น
"อะ...อ้าว ตายแล้วว!องค์หญิง!ทรงมาที่นี่ได้ไงเพคะ!?"คุณท้าวกู่ตะโกนด้วยความตกใจ
"คุณท้าวฉัตรปล่อยให้องค์หญิงมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร"ท่านพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีโทษะ
"ป่อย~"ข้าเอ่ย
ท่านพ่อค่อยๆวางข้าลงบนพื้น ข้าค่อยๆคลานไปหากำแพงคำเพื่อลุกขึ้นยืน
ข้าลุกนั่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ ยืนได้อย่างมั่นคง แต่แค่ยืนหนะ ส่วนเดินก็ยังโคลงเคลงอยู่
ข้าค่อยเดินไปทางบันได
ฮึบ!
ข้าค่อยๆย่างลงบันไดทีละขั้น
"อ๊า~!"ข้ากำลังจะล้มแต่เอามือยันกำแพงข้างๆบันไดไว้ได้
คุณท้าวตกใจจะวิ่งตามลงมาและอุ้มข้าลงไป
"ยุด!"ข้าตะโกน
คุณท้าวชะงักไปก่อนจะนั่งที่ขั้นบันไดกันข้าล้มลงไป
ข้าตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อ
ขั้นสุดท้าย~!
ชึบ!
"แอ๊ก!"ข้าล้มหัวขมำทันทีที่เดินถึงพึ้น
เดินยากชะมัด~
ข้าค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปอยู่ตรงแยกที่มีทางเดินแยกกันไป ๓ ทาง พลางหันซ้ายหันขวา
"เจ้าจะไปไหนรึ?"ท่านพ่อเอ่ยถามขึ้น
"คัว...ไป..คลัว"
"ให้พ่ออุ้มมั้ย?"
"ไม่...ก็ล้าย"ข้ากางแขนออก
ท่านพ่อก็ตอบรับข้าโดยการเข้ามาอุ้มข้าทันที
พวกเราค่อยๆเดินไป ประเดี๋ยวซ้าย ประเดี๋ยวขวา เริ่มตาลายอีกละ
พอเดินอยู่ครูหนึ่งก็เห็นกระท่อมขนาดกลางทำด้วยไม้ไผ่กับหญ้าคา เหมือนเรือนนอนบ่าวในเรือนข้าชาติก่อนเลย ที่นี่คงคล้ายกัน แตกต่างกันเพียงหลังคา
เพียงท่านพ่อเดินเข้าไปบ่าวทุกคนก็ก้มกราบกบาลติดพื้น
"ยุก..ขึ้ง..เถิด."ข้ากล่าว
บ่าวทำความเคารพก่อนจะแหงนหน้าขึ้น พลางค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
"องค์หญิงปัทมาทรงหิวเราเลยมาที่นี่"เขากล่าว
"เยา..ขอ..เปน..บัวลอย"พลางหันไปหาท่านพ่อ
"ท่าน...จา..เสย..ไหม..เพคะ?"
"เสย?"
"ซา..เหวย.."
"อ้อ~! เสวย!"
"เราไม่หรอกเรายังมีงานที่ต้องทำอีก"เขาพูดพลางยิ้มให้กับข้าไปด้วย
"ท่าน...ปาย..ทาม..เถิด.เพคะ"
"ไม่ๆๆข้าจะอยู่กับเจ้า"ท่านพ่อส่ายหน้า
"เฮ้อ~~"ตามใจเถิดเพคะ
พวกเรานั่งรออยู่ครู่หนึ่ง
บัวลอยยกมาเสิร์ฟข้างๆเรา
"ข้า..ไหว้"ข้ายกมือขึ้นขอบคุณคนครัว
เก็บแต้มๆๆไม่ต้องตกใจ ฮิๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป
next episode <🔻>
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!