ฉันชื่อ ' จัสมิน ' เป็นเด็กมัธยมต้นปีที่ 3 ฉันชอบการอ่านนิยายมาก มากจนเรียกว่าคลั่งได้เลยล่ะ ถ้าให้เลือกระหว่างนิยายแนวโปรดเป็น 10 ล้านเล่ม กับ เงินสด 100 ล้านบาทมากองตรงหน้า แน่นอนว่าต่อให้เป็นเงินกี่หลักฉันก็เลือกนิยายอยู่แล้ว ฉันมันนักอ่านตัวท็อปนี่นา เฮอะ ๆ ฉันทำตัวแบบนี้นานวันเข้าจนบางครั้งแม่ก็แทบจะเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนั้นเพราะฉันเอาแต่อ่านนิยายอยู่ให้ห้องทั้งวันทั้งคืน น้ำก็ไม่อาบ ข้าวก็ไม่กิน ก็มันไม่อยากไปไหนจริง ๆ นั่นแหละ ยิ่งเป็นนิยายเล่มใหม่ด้วย ถึงฉันจะอ่านนิยายมาหลายเรื่องจนนับไม่ถ้วนก็จริง แต่ฉันดันติดเรื่องนี้มากเนี่ยสิก่อนหน้าแน่นอนว่าฉันไม่ค่อยชอบอ่านแนวพีเรียดตะวันตกเท่าไหร่ จนได้มาเจอกับเรื่องนี้เข้า
ไม่กี่วันก่อนฉันไปเดินห้างกับแม่แล้วขอแม่เข้าร้านหนังสือ ฉันเดินดูเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอนิยายภาคต่อของเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านแล้วยังไม่จบ แต่เดินหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ส่วนมากจะเป็นนิยายแนวผู้ใหญ่กับนิทานหลอกเด็ก ฉันเหมือนจะหมดไฟแล้วก้าวเท้าออกจากร้านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก่อนที่ฉันจะได้ทันก้าวเท้าออกมานั้น เจ้าสายตาไม่รักดีก็ดันเหลือบไปเห็นนิยายแนวพีเรียดตะวันตกเรื่องหนึ่งที่กำลังฮิตฮอตอยู่ในช่วงนี้ ปกหนังสือมีลักษณะเป็นปกแข็งสีน้ำตาล คาดด้วยลายสีทองที่ค่อนข้างวินเทจหน่อย ๆ แต่ก็สวยงาม ขนาดหนังสือค่อนข้างหนาสะใจ แถมยังมีรีวิวดีอีกด้วย ส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะสนใจแนวนี้อยู่แล้ว แต่จิตใต้สำนึกตัวดีของฉันมันบอกกับฉันว่าลองสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่ ใช่ คิดได้ดังนั้นฉันจึงควักเงินค่าขนมทั้งสัปดาห์ของฉันจ่ายนิยายเรื่องนี้ไปอย่างหน้ามืดตามัว
นั่นแหละ จากเหตุการณ์นั้นก็ทำเอาฉันโดนแม่สวดอภิธรรมเช้าเย็นจนหูชาเลยล่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าคุ้มกับการได้มา
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ฉันรีบดิ่งขึ้นห้องล็อคประตูอย่างไว ปิดไฟ แล้วหยิบหนังสือนิยายตัวดี กับโคมไฟคู่ใจมาตั้งไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ฉันหรี่ไฟหน่อย ๆ เพื่อไม่ไห้มันสว่างแสบตาเกินไป หลังจากนั้นฉันก็เริ่มการอ่านหนังสือทันทีและไม่ได้นอนยันรุ่งเช้า แต่ฉันก็อ่านจบพอดี วันนั้นฉันจึงอ้างว่าไม่สบายจึงไม่ไปโรงเรียน ฉันจะได้เอาเวลาทั้งวันนั้นมาทดแทนส่วนที่ฉันต้องอดหลับอดนอนเมื่อคืนนี้ยังไงล่ะ แต่... ฉันนอนไม่หลับ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายฉันเพลียขนาดนี้แท้ ๆ ในหัวฉันเอาแต่คิดถึงเนื้อเรื่องของนิยายที่พึ่งอ่านไปตลอด พอลองนึกดูดี ๆ แล้ว ตัวประกอบที่เป็นตัวต้นเหตุของทุกอย่าง อย่าง ' ไอช่า เดอเรส์ ' ตัวประกอบที่พูดถึงในนิยายเพียง 3 - 5 บรรทัดต่อบท เพราะเป็นตัวการในหลาย ๆ เรื่อง จึงมักจะถูกยกขึ้นมาพูดในเหตุการณ์ต่าง ๆ ถึงแม้จะเพียงแค่ 5 บรรทัดก็เถอะต่อบทก็เถอะ เธอเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านดยุกแห่งจักรวรรดิเชียวนะ ทำไมเธอถึงมีชะตาชีวิตที่เลวร้ายขนาดนั้นกัน ถ้าฉันเป็นเธอล่ะก็ คงหลีกเลี่ยงเดธแฟล็กซ์ของตัวเองแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปนานแล้ว แต่ทั้ง ๆ ที่ไอช่ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอกลับนิ่งเฉยแล้วจากไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ร้องขอความเมตตาหรือความช่วยเหลือใด ๆ ราวกับชินชาไปแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดนะ หรือเพราะคิดว่านั่นเป็นเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กัน จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ฉันต้องรีบนอนเพราะเดี๋ยวแม้จะรู้ว่าฉันโกหกเรื่องที่ไม่สบายถึงฉันจะหลับไม่ลงก็เถอะ ฉันคิดทวนชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะผล็อยหลับไป
ในขณะที่ฉันกำลังหลับอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงของใครบางคนทกำลังเรียกชื่อฉันอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฉันลืมตาขึ้นมา พบว่ารอบข้างของฉันนั้นทั้งกว้างและมืดไปหมด ราวกับว่าถ้าเดินไปเรื่อย ๆ คงจะไม่สิ้นสุด ฉันก้มมองตัวฉันที่ใส่เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาว กับกางเกงยีนส์ขาสั้น และสำรวจร่างกายตัวเองอีกหลายที่ พอสังเกตุดี ๆ แล้ว มีเพียงที่ที่ฉันยืนอยู่เท่านั้นที่สว่างอยู่ ราวกับมีสปอร์ตไลท์ส่วนตัวนั่นแหละ จู่ ๆ ฉันก็ได้เสียงนั่นอีกแล้ว
... ' จัสมิน มานี่สิเจ้าเด็กน้อย '...
ฉันเดินตามเสียงเรียกนั่นไปสักพัก และแล้วฉันก็เจอ สาวน้อยที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉัน กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าฉัน เธอสวย อย่างกับตุ๊กตาแหน่ะ เธอมีผมสีบลอนด์เทายาวสลวย ดวงตาสีม่วงราวกับทุ่งลาเวนเดอร์ ผิวขาวดั่งหิมะแรก และรอยยิ้มที่สดใสเหมือนดวงอาทิตย์นั่น
..." คุณเป็น...เทพธิดาหรือเปล่าคะ " ...
ฉันถามออกไปเพราะตกตะลึงในความงามนั่น หลังจากที่ได้ยินฉันถามแบบนั้น สีหน้าของสาวน้อยคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าอึ้ง แล้วจากนั้นก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเธอสดใสราวกับเสียงนกร้องยามเช้าเลย เธอหัวเราะเสร็จ เธอก็ชวนฉันให้มานั่งคุยกันกับเธอ พร้อมกับส่งรอยยิ้มราวกับพระอาทิตย์นั่นมาให้ ฉันเดินไปนั่งข้าง ๆ เธอ และไม่ได้พูดอะไร เธอจ้องฉันพร้อมกับรอยยิ้มนั่นโดยไม่พูดอะไรอยู่สักพักใหญ่ ๆ ฉันชักจะหลอนกับรอยยิ้มนั้นขึ้นทุกทีแล้วนะ ถึงจะสวยงาม แต่ถ้ามองนาน ๆ ก็คงน่าขนลุกไม่น้อย แถมเป็นคนแปลกหน้าอีก ฉันทนกับสถานการณ์น่าอึดอัดนี่มาเกินพอแล้ว ฉันจึงเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบนี่
..." คุณ...เป็นใครกันแน่คะ แล้วรู้ชื่อฉันได้ยังไง "...
ดูเหมือนว่าคำถามฉันจะได้ผล นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินน้ำเสียงของเธอ เสียงเธอช่างหวานละมุนต่อให้ได้ยินอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
..." ข้าคงเสียมารยาทไปสินะ ข้ามีนามว่า ไอช่า เดอเรส์ เรียกข้าว่า ไอช่า ก็ได้ "...
ทันทีที่ฉันได้รู้ชื่อเธอคนนั้นก็ทำให้ฉันอึ้ง ไอช่า..ไอช่า เดอเรส์ คนนั้น...! คนที่ไม่แม้แต่จะมีบทพูดหรือบทบาทหน้าที่ในนิยายที่ฉันพึ่งอ่านเมื่อคืนนี้ หรือฉันจะคิดเรื่องเธอมากไปจนเก็บมาฝันหรือเปล่านะ ฉันคิดพร้อมกับมองหน้าเธอสลับไปมา แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไร ไอช่าก็ได้ขยับเข้ามาใกล้แล้วกุมมือฉันไว้ พร้อมกับพูดในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อน
..." ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า "...
..." ข้อเสนอ..ให้ฉันหรอคะ ? เรื่องอะไร ? "...
..." เจ้ากับข้าเราลองมาสลับร่างกันดูมั้ยล่ะ ? "...
เธอพูดว่าสลับร่างออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้ได้ไงกัน หล่อนเป็นผีหรือเปล่าาา ถ้าฉันตกลงหล่อนจะเอาชีวิตฉันไปใช่มั้ยย..!! คิดดังนั้นฉันจึงสบัดมือแล้วถอยห่างออกมาอย่างเร็ว น่าสงสัยเป็นที่สุด ! ถ้าอยากได้ส่วนบุญก็มาขอกันดี ๆ ก็ได้นี่คะะะ ทำไมต้องมาหลอกเอาชีวิตกันด้วยล่ะะ ฉันสั่นเป็นเจ้าเข้า ในขณะที่เธอคนนั้นหัวเราะกับปฏิกิริยาของฉัน แล้วอธิบายให้ฉันได้เข้าใจกระจ่าง
..." ข้าไม่ได้หมายจะเอาชีวิตเจ้าหรอกไม่ต้องห่วง ที่ข้าพูดน่ะ หมายความว่าให้เจ้าใช้ชีวิตเป็นข้า และข้าก็ใช้ชีวิตเป็นเจ้าในโลกแห่งความเป็นจริงไง เจ้าไม่คิดว่ามันน่าสนใจบ้างหรอ ! "...
ไม่ค่ะ ทุกคนก็รักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น ฉันจะไม่ยอมแลกชีวิตฉันกับใครก็ไม่รู้หรอก เธอทำหน้าตาเหมือนอ่านใจฉันออกทุกประโยค เธอบอกให้ใจเย็น แล้วที่เธออธิบายให้จบ เธอบอกว่าโลกที่เธอและฉันอยู่นั้น เรียกว่า โลกคู่ขนาน ซึ่งฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ฉันต้องเชื่อหรือเปล่า
..." เอ่อ..ข้าบีบบังคับเจ้าเกินไปหรือเปล่า ? ขอโทษนะ "...
อืม มากเลยล่ะ เธอคนนี้ทำตัวแปลกจริง ๆ เธอคะยั้นคะยอฉันมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ยสิ สิ่งที่เธอต้องการน่ะ คือการสลับร่างกันจริง ๆ น่ะหรอ ไม่ใช่ว่าเธอมีจุดประสงค์อื่นเลยมาขอสลับร่างหรอกหรอ ตอนที่พูดถึงการสลับร่างนะ แววตาของเธอเป็นประกายเชียว แต่ฉันพึ่งจะ 15 นะ จะให้ทิ้งชีวิตที่อิสระแล้วไปใช้ชีวิตในโลกแบบนั้นเนี่ยนะ
..." อ่า..เวลาหมดซะแล้ว ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ แล้วเจอกันนะ จัสมิน "...
พูดจบเธอก็เดินหายไปในความมืด แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น แม่นั่นเอง พอลองมองนาฬิกาดูอีกที 18 : 45 !!! ฉันหลับนานขนาดนี้ได้ไงกันน ถึงว่าล่ะ ตื่นมาแม่ก็บ่นฉันใหญ่เลย ผู้หญิงคนนั้นคืออะไรกันแน่...
หลังจากที่ฉันตื่นมา เสียงของ ไอช่า คนนั้นก็ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัว ถ้าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันล่ะ ? ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาฉันจะตัดสินใจออกไปยังไงล่ะ ? ฉันตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าก่อนที่จะตื่นมานั้น ไอช่า ได้บอกกับเธอว่า
...' .....แล้วเจอกันนะ จัสมิน '...
โอ้พระเจ้า ถ้าเกิดว่า ไอช่า มาอีกจริง ๆ ล่ะ ฉันต้องทำตัวยังไง ในคืนนั้นฉันจึงรีบกินข้าวแล้วขึ้นมาบนห้องด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหนังสือนิยายเล่มหนาออกมาตั้งไว้บนโต๊ะ ลองหาเนื้อหาที่เกี่ยวการสลับร่างดู เผื่อในนี้จะมีการกล่าวถึงการสลับร่างผ่านความฝันบ้าง แต่ก็ไม่เจอ เล่มตั้งหนา ทำไมไม่เขียนไว้บ้างนะ ! ลองโพสต์ถามในพันทิพย์บ้างล่ะ แต่ก็ไม่เจอเลย หรือฉันควรพอแค่นี้กันนะ
ในคืนนั้นฉันจึงทักไปปรึกษาเพื่อนเรื่องความฝันดู
...ไอมินเลิกเพ้อ (3)...
^^^พวกมึง คือกูฝันว่ามีคนมาขอสลับร่างกับกูอ่ะ ถ้าเป็น : พวกมึง พวกมึงจะทำไงอ่ะ ^^^
ฟางจ่ะ : ก็ลองตอบตกลงดูดิ ยังไงมันก็เป็นแค่ความฝันไม่ใช่หรอวะ
ไซ บีเรียน : ใช่ จะกังวลทำไมอ่ะ ก็แค่ความฝัน
เมื่อได้คำตอบจากเพื่อนรักทั้งสองแล้ว ความกังวลของฉันก็ลดน้อยลง นั่นสิ พวกมันพูดถูก ถ้าเป็นแค่ความฝันยังไงพอตื่นมาทุกอย่างก็คงเป็นเหมือนเดิมเองนั่นแหละ ใช่แล้วยัยมิน แค่ตอบตกลงไปเท่านั้นเอง จะกังวลอะไรนักหนา ฉันเตรียมโดดขึ้นเตียงแล้วนอนหลับทันที ชักตื่นเต้นแล้วสิว่าถ้าตอบตกลงไปมันจะเป็นยังไงต่อนะ
^^^To be continued....^^^
ฉันลืมตาขึ้นมาในความฝันของตัวเอง เพื่อหวังจะได้เจอกับเธอคนนั้นอีกครั้ง แต่สถานที่รอบข้างกลับต่างออกไป แทนที่จะเป็นห้องสีดำมืด ๆ เหมือนกับเมื่อวาน กลับเป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา พร้อมกับลมพัดเอื่อยเฉื่อย ฉันกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อหาไอช่า เดอเรส์คนนั้น แต่ฉันกลับพบเจอแต่ทุ่งหญ้ากว้าง ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต ฉันตัดสินใจลุกขึ้นเดินสำรวจทุ่งหญ้านี้ ฉันเดินไปเรื่อย ๆ ตามกระแสลม แต่ไม่ว่าจะเดินไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีวี่แววของเธอเลย
" ไอช่า เธออยู่ไหนน่ะ !!"
ฉันตะโกนเรียกชื่อของเธอท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างนั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นมีแค่เสียงสะท้อนของฉันเองเท่านั้น ฉันเริ่มถอดใจกับการตามหา ไอช่า เดอเรส์ แล้ว และเดินต่อไปเรื่อย ๆ ในทุ่งหญ้า ขณะนั้นเอง ฉันก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนอยู่ใกล้ ๆ นี้ ฉันหันกลับไปก็ได้เจอกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ใต้ร่มของต้นไม้นั้นมีสาวน้อยกำลังนั่งจิบน้ำชาบนโต๊ะกลมเล็กหรูหรา บนโต๊ะมีถาดวางขนม 3 ชั้นที่ดูหรูหราเช่นกัน ฉันมองคนที่กำลังจิบน้ำชาอยู่อย่างนั้น ท่าทางของเธอดูสง่างามจนอดที่จะละสายตาจากเธอไม่ได้ ก่อนที่เธอจะวางถ้วยชาลง แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน
" นั่งสิคะ เลดี้จัสมิน วันนี้เลดี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะคะ "
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังจะสื่อ แต่งตัวสวย?? ก็แค่เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์กับกางเกงขาสั้น-- เอ๊ะ ? ฉันก้มลงสำรวจตัวเองกลับพบว่าชุดของฉันเปลี่ยนไป จากเสื้อยืดธรรมดากลับกลายเป็นชุดเดรสสีม่วงหรูหรา มีหมวกเป็นเครื่องประดับ ในมือถือร่มกันแดดที่ค่อนข้างจะหรูหราเกินกว่าที่จะเอามาใช้กันแดดอย่างเดียว ฉันทำหน้าตกใจแล้วเงยหน้าขึ้นมามองตัวต้นเหตุ เธอส่งยิ้มให้ฉันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ตายสิ น่าหมั่นไส้ชะมัด แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงเดินถือกระโปรงพอง ๆ นี่ไปที่โต๊ะน้ำชานั่นอย่างยากลำบาก ไอช่าผลักถ้วยน้ำชาเปล่ามาไว้ข้างหน้าฉัน จากนั้นเธอก็เริ่มเทน้ำชาให้ฉันด้วยท่าทางที่ดูสง่างามเช่นเคย อ่า...อิจฉาหล่อนจัง หน้าตาก็สวยแถมด้วยท่าทางที่สง่างามนั่นอีก ฉันกล่าวขอบคุณก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นมายกดื่ม ฉันเหลือบมองหล่อนหน่อย ๆ แต่หลังจากที่เห็นฉันกำลังดื่มชาที่รินให้นั้นสีหน้าของไอช่าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ตกใจทันที อ้าว ทำไมล่ะ ฉันทำหน้างงงวย ไอช่าถอนหายใจแล้วจึงลุกขึ้นเดินมาหาฉันแล้วสอนมารยาทในการถือถ้วยชา และอื่น ๆ อีกมากมาย ฉันสัมผัสได้ว่ามันทั้งเหนื่อยและไม่เข้าใจเอามาก ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสร้างมารยาทการดื่มชาให้ยุ่งยากแบบนี้ทำไมสู้ดื่มชาแบบเดิมดีกว่า และในคืนนั้นฉันกับไอช่าก็ได้พูดคุยกันเรื่องมารยาท และไม่ได้เอ่ยถึงการสลับร่างเลย
ฉันสัมผัสได้ว่าฉันในตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นเหนื่อยทั้งกายและใจแบบสุด ๆ เดี๋ยวคืนหน้าเธอสอนเรื่องมารยาทในการเข้าสังคมอะไรนั่นแน่ ๆ หรือไม่ก็วิธีการใช้พัดหรือเปล่า....จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้รู้สึกอยากพักกายพักใจเอามาก ๆ แต่...วันนี้ฉันต้องไปโรงเรียนเนี่ยสิ หยุดไม่ได้สินะ เมื่อคิดได้ ฉันจึงลากร่างของตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปโรงเรียนเหมือนอย่างเคย ฉันเดินไปรอรถโรงเรียนที่ป้ายรถเมล์เหมือนทุกวัน แต่วันนี้ดูเหมือนจะมาช้ากว่าปกติ นี่ก็จะเข้าแถวแล้วด้วยซ้ำ หรือเป็นฉันเองหรือเปล่าที่มาไม่ทันรถโรงเรียน ไม่หรอก ฉันมาตรงเวลานี่นา ฉันทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ภาวนาให้รถมารับเร็ว ๆ เท่านั้น ในระหว่างที่รอรถโรงเรียนนั้น ฉันสังเกตว่ามีแมวน้อยกำลังนอนอยู่บนถนนอย่างอารมณ์ดี แล้วมีรถกำลังมาทางนี้พอดี ไม่นะเจ้าแมวน้อย หนีไปเร็วเข้าา ดูเหมือนว่าการส่งสัญญาณของฉันนั้นไม่ได้ผล เจ้าแมวน้อยก็กำลังนอนเลียขนของตัวเองอย่างสบายใจอยู่บนถนน ให้ตายสิ เจ้าแมวนี่มีปลอกคอด้วยนี่ น่าจะเป็นแมวมีเจ้าของสินะ ทำไงดีล่ะทาสแมวอย่างฉัน ? ในเมื่ออยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างนี้ สัญชาตญาณและจิตใต้สำนึกของฉันก็กระตุ้นให้ร่างกายขยับไปเอง ฉันวิ่งพุ่งจะเข้าไปคว้าตัวแมวตัวนั้น แต่จู่ ๆ มันก็หนีไป ฮู้วว เกือบไปแล้วล่ะเจ้าแมวน้อย ฉันรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาสบายใจอะไรตอนนี้ เพราะตอนนี้ฉันยืนอยู่กลางถนนที่กำลังจะมีรถบรรทุกคันใหญ่ขับตรงมาทางนี้ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ตอนนี้ฉันควรจะหลบแท้ ๆ แต่ขามันดันไม่ขยับเลย
ปื๊นนน !!!
ฉันจ้องมองรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเร็ว ถ้าหากหลบตอนนี้ฉันยังมีโอกาสรอด แต่เจ้าร่างกายตัวดีดันไม่เชื่อฟังคำสั่งเนี่ยสิ ร่างกายฉันแข็งทื่ออยู่กับที่ สีหน้าที่ตกใจและหวาดกลัวกับสิ่งตรงหน้า ฉันสั่นไปหมด ทำอะไรไม่ได้เลย ฉันหลับตาปี๋ แต่ก่อนที่ฉันจะโดนชนนั้น จู่ ๆ ฉันก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูเอามาก ๆ ตะโกนเรียกชื่อฉันจากข้างถนน
" จัสมินน !!! "
โครมม !!!
ร่างกายของฉันกระเด็นลอยออกไปนอกถนน ฉันรู้สึกเจ็บจนชาไปทั่วร่างกาย ฉันมองเห็นเลือดของฉันไหลอาบท่วมไปหมด สติของฉันเริ่มพร่ามัว ฉันได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วมาจากฝั่งตรงข้ามของถนน และมันก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจ้าของเสียงปริศนาเดินเข้ามาใกล้ และช้อนร่างของฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ฉันมองเห็นไม่ค่อยชัดว่าคนคนนี้คือใครกันแน่ เสียงสะอื้นไห้ และน้ำเสียงที่เอาแต่เรียกชื่อฉันอย่างตื่นตระหนกพร้อมกันเขย่าตัวฉันเบา ๆ เพื่อเรียกสติของฉัน
" เลิก...เขย่าสักที...มันเจ็บนะไอ้..บ้า "
ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อด่าหมอนี่ออกมา ฉันรู้ว่าตกใจแต่อย่าเขย่าแบบนั้นได้มั้ยยะ ? มันเจ็บย่ะ !
เมื่อหมอนี่ได้ยินคำด่าอันศักดิ์สิทธิ์ของฉันที่ด่าออกมาในขณะที่อยู่ในสภาพใกล้ตายก็ชะงักลง และเริ่มร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม ฉันสัมผัสได้ว่าตัวของหมอนี่สั่นไปหมดเหมือนเด็กน้อยขวัญเสีย ฉันเริ่มรู้สึกเสียใจแปลก ๆ และอยากจะยื่นมือไปลูบหัวเพื่อปลอบชะมัด แต่ฉันทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น
" ใครก็ได้!!! ช่วยด้วยครับ!!! ช่วย---ด้วย!!!...ใครก็ได้ช่วยที..! "
น้ำเสียงที่สั่นเทาปะปนกับความตกใจไม่น้อย ฉันพยายามจ้องมองใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้น และนึกให้ออกว่าหมอนี่คือใคร เพราะฉันไม่อยากจากไปทั้ง ๆ ที่ยังคาใจอยู่แบบนี้ อยู่ ๆ หมอนี่ก็ก้มลงมามองใบหน้าของฉัน และใช้มือลูบแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน อ่า...มือของหมอนี่เปื้อนเลือดของฉันหมดเลยแฮะ มือที่กำลังลูบแก้มของฉันอย่างอบอุ่นนั่นสั่นเทา น้ำตาของหมอนี่ไหลอาบแก้มและหยดลงบนใบหน้าของฉัน ฉันสัมผัสได้ว่าหมอนี่เป็นห่วงฉันมาก ๆ
" อย่าหลับนะ มิน....อดทนอีกนิดนะ...ได้โปรด "
น้ำเสียงที่อ่อนโยนและอบอุ่น ปนเปไปด้วยอารมณ์ความเศร้าเสียใจ ในตอนนั้นฉันรับรู้ได้ทันทีว่าหมอนี่ที่ฉันสงสัยนักหนาน่ะ คือ พี่ชาย ตัวดีของฉันนั่นเอง ฉันค่อย ๆ รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด และยื่นมือไปหยิกจมูกของหมอนี่อย่างหมั่นไส้
" ไอ้พี่เจบ๊วย.... "
พี่เจจับมือของฉันไว้ในขณะที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้มอยู่ ให้ตายสิ...ขี้แยจริง ๆ เลย เป็นพี่ภาษาอะไรเนี่ย ? ภาพเรื่องราวชีวิตของฉันหลั่งไหลเข้ามาในหัว และเริ่มฉายภาพชีวิตของฉันตั้งแต่วันแรกที่ได้ลืมตาดูโลก ตอนที่ฉันได้เดินก้าวแรก ตอนที่ฉันได้เข้าโรงเรียนวันแรก ตอนที่ฉันเริ่มอ่านหนังสือออก และเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจนมาถึงปัจจุบันที่อายุ 15 ปี ให้ตายสิ ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มด้วยซ้ำ ฉันยังอยากเรียนให้จบสูง ๆ ทำงานหาเงิน และสวมใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ ด้วยซ้ำ โชคชะตาช่างใจร้ายใจดำเสียจริง
" เป็นพี่แท้ ๆ ....เพิ่งคิดจะ...โผล่หัวมาตอนนี้เนี่ย..นะ ? "
พี่เจเป็นพี่ชายคนเดียวของฉัน ในครอบครัวมี แม่ พี่เจ และฉัน ตั้งแต่จำความได้ฉันก็ไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆ ของฉันด้วยซ้ำ เพราะแม่หย่าร้างกับพ่อในระหว่างที่ท้องฉันอยู่ ถึงแม้ในวันนั้นแม่จะสูญเสียทุกสิ่งแต่ก็ยังสามารถเลี้ยงพวกเราสองคนพี่น้องให้เติบโตมาได้ขนาดนี้ เป็นแม่ที่แข็งแกร่งจริง ๆ ฉันใฝ่ฝันอยากจะเป็นแม่ที่สุดยอดให้ได้แบบแม่ของฉันบ้าง แต่คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ ส่วนพี่เจ เห็นแบบนี้แต่ก็เกเรไม่ใช่น้อย ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ แต่ก็ไม่เคยทำตัวหยาบคายกับแม่สักครั้ง กลับมาแกล้งฉันแทนซะงั้น พวกเรามักจะทะเลาะกันตลอด แต่ไม่นานก็คืนดีกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้พวกเราทะเลาะกันใหญ่โตจนพี่ไม่คุยกับฉันเลย และหนีออกไปอยู่บ้านเพื่อนไม่กลับบ้าน พี่ไม่เคยทำตัวอ่อนหวานกับน้องสาวคนนี้สักครั้งเลยในชีวิต แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าพี่รักฉันแค่ไหน
" มิน!! ทำใจดี ๆ ไว้นะ! เดี๋ยวรถพยาบาลจะมารับแล้ว...รอหน่อยนะ! "
" ไม่ล่ะ...หนูว่าไม่น่าจะ...ทันแล้วนะ "
" อย่าพูดแบบนั้นนะ! ต้องรอดสิ ชอบโม้ว่าตัวเองแข็งแรงไม่ใช่หรือไง ? "
" ฮะ ๆๆ ขอโทษนะ..."
" บอกว่าอย่าพูดแบบนั้นไง- "
" มินขอโทษที่ต้อง...สร้างความทรงจำแย่ ๆ ให้พี่แบบนี้..."
" มิน! "
ไม่กี่เดือนนี้ก็จะเป็นวันเกิดของพี่เจแล้วสิ ฉันอยากจะฉลองวันเกิดให้พี่เจอีกสักครั้งจัง แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ....
" ฝาก...ขอโทษแม่ด้วยนะ "
ฉันสั่งเสียก่อนทุกอย่างรอบข้างเริ่มมืดลง จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อ่า...ยังมีอะไรให้สั่งเสียอีกเยอะเลยนะ....แต่ร่างกายตัวดีมันไม่ยอมเชื่อฟังเลย หลังจากนั้นฉันก็ได้หลับไหลไปตลอดการโดยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อไป พี่เจจะเสียใจแค่ไหนนะ ? แม่จะช็อคหรือเปล่า ? พ่อจะมางานศพฉันไหมนะ ? เฮ้ออ-
" เด็กน้อย ลืมตาสิ "
น้ำเสียงที่อ่อนโยนของใครบางคนที่เล็ดลอดเข้ามาในห้วงภวังค์ของฉันอย่างปริศนา น้ำเสียงที่สดใสราวกับเสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วยาวเช้า ความรู้เจ็บก็มลายหายไปเป็นปลิดทิ้งถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสบายใจและอบอุ่นราวกับถูกโอบกอดด้วยแสงของดวงตะวัน ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และได้พบกับ **ไอช่า** ที่นอนอยู่ข้าง ๆ บนเตียงขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราราวกับเป็นเตียงของราชวงศ์ คอยจับมือของฉันอย่างอบอุ่น รอบข้างนั้นมืดสนิท มีเพียงเราสองคนเท่านั้น ไอช่านอนจ้องมองฉันด้วยดวงตาคู่สีม่วงที่น่าหลงใหลนั่น ทำให้รู้สึกเหมือนถูกสะกดเอาไว้
" ไอช่า ? "
ฉันเอ่ยพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี่ลง ไอช่ายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
" เป็นอย่างไรบ้าง ? "
to be continued......
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!