NovelToon NovelToon

ข้าคือผู้ทำลายระบบแล้วเลือกที่จะสร้างเส้นทางด้วยมือของตนเอง

ตอนที่1:เห๋อจุน

ตอนที่1:เห๋อจุน

ในห้องสมุดอันเงียบสงัดของมหาวิทยาลัยในยามเย็น

ร่างของชายหนุ่มใบหน้าธรรมดา ใบหน้ามีแผลเป็นมากมายที่เกิดจะแผลไฟไหม้ ชายหนุ่มแว่นตาหนาคล้ายหนอนหนังสือ ผมของชายหนุ่มยุ่งเหยิงราวกับรังนก ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ชายหนุ่มมองไปยังห้องสมุดเก่าๆที่เค้าได้อ่านหนังสือในที่นี้ จนเค้าอ่านหนังสือของที่นี้จนหมดทุกเล่มแล้ว ห้องสมุดนี้คือหนังสือของสงครามในยุคอาวุธเย็น ชายหนุ่มนั้นไม่พอใจกับโลกในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในหัวใจของเค้าเต็มไปด้วยเปลวไฟของสงคราม แม้ว่าจะมีเกมแนวกลยุทธ์มสกมายออกมาให้เลือกเล่น แต่มันก็ไม่อาจตอบสนองความต้องการของเค้าได้ ไม่เป็นแค่เกมไม่ใช่สงครามจริงๆ ชายหนุ่มตัดสินใจจะหยุดทุกอย่างลง

"มันควรจะหยุดได้แล้ว โลกนี้คงไม่เหมาะกับฉันจริงๆ"

บนพื้นของห้องสมุดถูกราดไปด้วยของเหลวประหลาด ชายหนุ่มนำไฟแช็คออกมาจากกระเป๋าแล้วจุดไฟขึ้นมา เปลวไฟสีเหลืองส้มสะท้อนในดวงตาอันบ้าคลั่งของชายหนุ่ม ไฟแช็คถูกปล่อยให้ตกลงบนพื้น เมื่อไฟที่เกิดจากการเผาไหม้สัมผัสกับของเหลวบนพื้น ทันใดนั้นก็เกิดไฟลุกลามไปทั่วห้องสมุด ของเหลวบนพื้นคือน้ำมันที่ชาบหนุ่มได้ลักลอบนำมาราดไว้ในห้องสมุดร้างแห่งนี้ เปลวไฟเผาทุกสิ่งไปพร้อมร่างของชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกทรมารจากไฟที่แผดเผาร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความทรมาร ชายหนุ่มหลับตาลงและปล่อยให้ร่างกายถูกเผาไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า

ณ โลกแห่งสงครามที่ไม่มีจุดจบ

ร่างของขอทานตัวน้อยนอนคดอยู่ในซอยแคบ ดวงตาของขอทานน้อยค่อยๆเปิดขึ้น ภายในดวงตามีประกายแห่งสงครามปรากฏขึ้น ขอทานตัวน้อยมองไปยังรอบบริเวณของมึนงง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของขอทานน้อย

"ระบบเทพสงครามไร้พ้ายเริ่มการเชื่อมต่อ"

"ระบบเทพสงครามไร้พ้ายเชื่อมต่อเสร็จสิ้น"

"ยินดีด้วยท่านได้เป็นเจ้าของระบบเทพสงครามแล้ว เปิดแพ็คมือใหม่เพื่อทำให้ท่านแข็งแกร่งขึ้น"

ขอทานน้อยเมื่อได้ยินเสียงในหัวก็ประหลาดใจและได้รู้ว่าเค้าได้มาเกิดใหม่แล้ว เค้ารู้ว่าต่อไปเค้าควรจะทำอะไรต่อไป

"ระบบคุณจะทำตามคำสั่งของผมใช่ไหม"

"แน่นอน"

"ทำลายระบบสะ"

"หืม ข้อคำสั่งใหม่อีกรอบเพื่อยืนยันคำสั่ง"

"ทำลายระบบเทพสงครามไร้พ้าย"

"ท่านผู้ครอบครองได้โปรดไตร่ตรองให้ดี ในโลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายหากไม่มีระ-"

"ข้าขอสั่งให้ระบบเทพสงครามไร้พ้ายทำลายตัวเองสะ"

"รับคำสั่ง ระบบเทพสงครามไร้พ้ายกำลังทำลายตัวเอง"

ปัง!!!

เกิดเสียงดังภายในหัวของขอทานน้อย ดวงตาของขอทานน้อยไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย มือของขอทานน้อยกำจนแน่น

"ข้าจะสร้างทุกอย่างด้วยมือของข้าเอง ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือตัวช่วยใดๆ มีเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้นมี่จะพึ่งพาของพวกนั้น ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ค่าเช่นนั้น และเพื่อพิสูจคุณค่าที่แท้จริงของตัวข้าเอง ข้าจะสร้างทุกอย่างด้วยตัวข้าเอง"

ขอทานน้อยลุกขึ้นจากพื้น ในดวงตาปรากฏไฟแห่งสงครามขึ้น สงครามคือสิ่งเดียวที่ผู้กลับชาติมาเกิดผู้นี้ต้องการ ใบส่วนลึกของความทรงจำถูกกระตุ้น เรื่องราวของขอทานน้อยอดีตเจ้าของร่างปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา

ขอทานน้อยผู้นี้ มีชื่อว่า เห๋อจุน ไม่มีแซ่ ครอบครัวของเห๋อจุนถูกภัยสงครามทำให้ครอบครัวทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกสังหารยกครัว เหลือเพียงเห๋อจุนที่เอาชีวิตรอดออกมาได้จากการใช้พี่ชายเป็นโล่เพื่อหนีออกมา ทว่าการเป็นขอทานในโลกนี้ช่างยากเย็นนัก ด้วยอากาศหนาวในค่ำคืนทำให้เห๋อจุนเสียชีวิตจากสภาพอากาศอันโหดร้าย คำพูดสุดท้ายของขอทานน้อยคือ

'ถ้าทุกคนกินอิ่มอยู่สบาย มันจะมีสงครามเกิดขึ้นรึไม่'

ข้อมูลที่ขอทานตัวน้อยรู้เกี่ยวกับโลกนี้เริ่มทำให้ผู้กลับชาติมาเกิดคนนี้เข้าใจโลกนี้มากขึ้น โลกนี้เต็มไปด้วยสงครามที่ไม่มีวันจบ ทุกๆที่ล้วนเต็มไปด้วยสงคราม ขอทานเด็กมีอยู่มากมายนับไปถ้วน ทุกๆคนในโลกนี้มีอัจฉริยะภาพในด้านสงครามมากกว่าโลกเก่าของเขา เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมด เขาก็พูดออกมาอย่างใจเย็น

"ข้าคงไม่สามารถทำให้ทุกคนกินอิ่มสบายได้ แต่หลังจากที่ข้าตายไปจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีก"

ขอทานน้อยมองไปบนท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ทั้งสี่ลอยเด่นในยามค่ำคืน ร่างของขอทานน้อยก้าวออกจากซอยที่เต็มไปด้วยของเสีย

"ต่อแต่นี้ข้าคือเห๋อจุน"

ร่างของขอทานน้อยหายไปในม่านสีดำของรัติกาล

ในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด

ร่างของขอทานน้อยเห๋อจุนก้าวไปบนถนนหินอันขรุขระ ร่างของเห๋อจุนตระเวณสำรวจพื้นที่ในบริเวณเพื่อหาขอทานคนอื่นๆ เค้าพบขอทานเด็กจำนวน14คน ไม่มีคนชราหรือวัยกลางคนแม้แต่คนเดียว คนพวกนั้นคงถูกจับไปเป็นทาส เพราะมีความทนทานมากกว่าเด็ก เห๋อจุนตัดสินใจเข้าหาเด็ดคนหนึ่ง

"เจ้าน่ะ อยากมีชีวิตรอดรึป่าว"

ขอทานน้อยที่กำลังนอนอยู่ก็ถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ของเห๋อจุนทันที เมื่อขอทานน้อยได้ยินคำพูขอฃเห๋อจุนก็มองมาทันที

"เจ้าต้องการอะไร"

"สงคราม"

ขอทานน้อยตกตะลึกทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เห๋อจุนตอบกลับมา ขอทานน้อยคิดว่าตนหูเพี้ยนจนได้ยินผิดไป แต่เมื่อมองไปยังดวงตาของขอทานน้อยตรงหน้าก็ต้องตกใจปนหวาดกลัว ภายในดวงตาเค้าเห็นเปลวไฟของสงครามและความโหดเหี้ยม ขอทานตัวน้อยรู้สึกเหมือนได้กลับไปในตอนที่เค้าเห็ครอบครัวตัวเองถูกสังหารจากโจรที่บุกเข้ามา แต่ทว่าคนตรงหน้าที่อายุรุ่นรางคราวเดียวกับเค้ากลับมีสาบตาที่น่ากลัวยิ่งกว่าโจรเถื่อนเหล่านั้นอีก

"ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมกับเจ้า"

"ไม่ต้องเป็นขอทานอีก ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวหรืออดตาย ไม่ต้องเป็นเพียงขยะไร้ค่าที่ทำได้แค่รอวันตาย แต่ทั้งชีวิตของเจ้าจะต้องอยู่กับสงคราม ติดตามข้าไปทุกสงคราม จนกว่าเจ้าหรือข้าจะตาย"

"ก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ตายอย่างขยะ"

"ข้าชื่อเห๋อจุน แล้วเจ้าล่ะชื่อว่าอะไร"

"ข้าชื่อซ่งหนิว ตอนนี้พวกเราจะทำอะไร"

"เราจะรวบรวมคนให้ได้สัก30คน แล้วออกปล้นในคืนพรุ่งนี้"

"งั้นที่ต่อไปของเจ้าคือเขตไหน"

"รวบรวมขอทานบริเวณนี้ก่อน แล้วเราจะไปยังเขตตะวันตกที่ใกล้กับป่ามากที่สุด"

"ตกลง"

เห๋อจุนเดินนำซ่งหนิวไปรวบรวมขอทานรอบบริเวณ เด็กขอทานทั้งหมดล้วนติดตามเห๋อจุนมาทั้งหมด สิ่งที่ทำให้ทุกคนยอมติดตามเห๋อจุนมาคือความกลัวและความหวัง เมื่อเจอศพของขอทานเด็กที่ตายเพราะความหนาวหรืออดตาย เห๋อจุนก็จะให้ขอทานคนอื่นๆแบกมาด้วย

"เจ้าจะใช้ศพเหล่านี้เพื่ออะไร"

ซ่งหนิวถามอย่างสงสัย เพราะมันไม่คิดว่าคนอย่างเห๋อจุนจะกินศพอย่างแน่นอน

"นำไปเป็นเหยื่อล่อพวกสัตว์ร้ายในป่า ถ้าแค่พวกเราไม่มีทางปล้นใครได้อยู่แล้ว"

ขอทานน้อยรวมถึงซ่งหนิวต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทุกคนที่เห็นเห๋อจุนในตอนนี้ไม่ต่างกับการเห็นสัตว์ร้ายที่พึ่งถูกปล่อยออกมาจากกรงที่ขังมันมานาน เห๋อจุนในตอนนี้โหดร้ายจนถึงที่สุด ในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้มันจะไม่เลือกวิธีการที่จะทำให้เป้าหมายของตนสำเร็จแม้แต่น้อย ความกระหายในสงครามของมันกำลังปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง รัศมีที่ปลดปล่อยออกมาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดอันบ้าคลั่ง

เมื่อเห๋อจุนเดินทางมาถึงเขตตะวันตก มันก็สั่งให้รวบรวมคนอีก16คนทันที ซ่งหนิวถามเห๋อจุนด้วยความสงสัยในใจ

"ถ้าเรามีคนมากกว่า30มันจะไม่ดีกว่าหรือ"

"เจ้าคิดว่าจะจับตาดูคนมากกว่า40คนไหวหรือ"

"มันก็จริงตามที่เจ้าว่า"

เมื่อรวมรวมจนครบ30คน เห๋อจุนก็เรียกรวมขอทานทุกคนทันที

"ตอนนี้ข้าต้องการคนที่รู้เกี่ยวกับพืชมีพิษในป่าทางตะวันตก ข้าต้องการพืชที่มีฤิทธิ์มำให้รู้สึกผ่อนคลายหรือง่วงนอนผ่านการหายใจ"

ขอทานน้อยมองหน้ากันสักพัก ก่อนจะเป็นขอทานน้อยคนหนึ่งก้าวออกมา

"ข้าพอจะรู้จักพืชประเภทนี้อยู่บ้าง"

"เยี่ยม เจ้ามีชื่อว่าอะไร"

"ขะข้าชื่อหม่าเฉียว"

"ขะให้เจ้าคัดเลือกคน4คนไปเก็บพืชพวกนั้นกับเจ้า"

"ข้าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีเท่าทีข้าจะทำได้"

หม่าเฉียวดีใจเล็กน้อย หม่าเฉียวในอดีตได้รับการศึกษามาแต่น้อย แต่เพราะภัยสงครามทำให้เค้าต้องกลายมาเป็นขอทานในเขตตะวันตก

"ต่อไปข้าต้องการคนที่มีสายตาดีสามารถมองเห๋นไกลกว่า40เมตร"

คราวนี้มีเด็กออกมาสองคนพร้อมกัน ทั้งสองคนมีหน้าตาเหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่หว่างคิ้วของทั้งสองมีสัญลักษ์ที่แตกต่างกัน คนพี่คือคนที่มีรูปกากบาด ส่วนคนน้องมีรูปวงกรม นี้เป็นธรรมเนียมของโลกใบนี้ คนพี่ที่เปิดก่อนจะต้องปกป้องน้อง ส่วนคนน้องจะต้องคอยคุมพี่

"ชื่อของพวกเจ้าคืออะไร"

"ข้าคนพี่หน่านซือ"

"ข้าคนน้องหน่านซง"

"หน่านซือและหน่านซง พวกเจ้าจะต้องเป็นคนตรวจดูสิ่งต่างๆและคอยเตือนถึงอันตรายให้กับกลุ่มของหม่าเฉียว"

"พวกเราสองพี่น้องจะทำอย่างสุดกำลัง"

เห๋อจุนพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

"ซ่งหนิว"

"ต้องการให้ข้าทำอะไร"

"ข้าต้องการรู้ว่ามีกลุ่มโจรไหนใกล้กับป่าตะวันตกมากที่สุด"

"มีอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่พวกมันแข็งแกร่งไม่น้อย"

"ผู้ที่จะกลายเป็นศพจะแข็งแกร่งได้อย่างไร รีบพูดมา"

"พวกมันคือกลุ่มโจร ตี้ซาน หัวหน้ากลุ่มคือซานเป่า มันเป็นมีกำลังพลทั้งหมด126นาย"

"ในกลุ่มโจรตี้ซานมีผู้ใช้ธนูอยู่กี่คน"

"มีอยู่12คน"

"หม่าเฉียว ข้าต้องการพืชที่สามารถสร้างควันได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้นได้ เจ้าพอจะรู้ไหม"

"หญ้าเฮยเยียน เป็นพืชหาได้ทั่วไป พวกเราพอจะเก็บมันระหว่างทางได้อยู่"

"คนอื่นๆที่ไม่มีหน้าที่อะไรในตอนเช้าให้มากับข้า ฟัฃคำสั่งของข้าให้ดีไม่งั้นเจ้าจะกลายเป็นศพก่อนพวกมัน"

"คนที่ไม่ได้ทานอะไร เมื่อเราหาจุดปลอดภัยห่างค่ายของตี้ซานได้เมื่อไร ข้าจะหาอะไรให้ทานแก้หิวไปก่อน"

เมื่อลอบออกจากเมืองมาได้ ทุกคนก็เดอนมาไม่นานก็ถึงป่าตะวันตก ทุกคนเริ่มคนหาที่ปลอยภัย

"ไปหากิ่งไม้มาคนละ1ก้าน"

เห๋อจุนออกคำสั่งอย่างจริงจัง กิ่งไม้เป็นสิ่งสำคัญหาเดินป่ากันเป็นกลุ่ม เมื่อทุกคนได้กิ่งไม้มาครบทุกคนแล้ว เห๋อจุนก็ออกคำสั่งอีกครั้ง

"จับกิ่งไม้ของคนด้านหน้า หน่านซือมาอยู่หน้า หน่านซงมาอยู่หลัง พวกเจ้าทั้งสองจะต้องเป็นตานำทางให้แก่เรา"

"แล้วพวกเราจะหาที่พักที่ปลอดภัยได้อย่างไร

ซ่งหนิวมองไปยังเห๋อจุนอย่างสงสัย

"กลุ่มโจรตีซานมีผู้ใช้ธนู จุดที่ได้เปรียบของพวกเค้าคือที่ไม่สูงมาก เพราะพวกเค้ายังมีหน่วยภาคพื้นอยู่ หากอยู่ในที่สูงเกินไปจะทำให้พวกเค้ามีเปรียนแค่เรื่องที่พวกเค้ามีผู้ใช้ธนูเพียงเท่านั้น ทำให้หน่วยภาคพื้นที่เป็นกำลังพลหลักจะเสียเปรียบถ้าเกิดการต่อสู้ระยะประชิด และด้วยหน่วยภาคพื้นของพวกเค้าที่มีมากที่สุด การลดข้อได้เปรียบของผู้ใช้ธนูลงเล็กน้อย แต่หากเพิ่มความสามารถให้กับหน่วยภาคพื้นได้ มันจะทำให้พวกเข้าได้เปรียบมากกว่า เพราะพวกเค้าสามารถโจมตีและป้องกันได้ง่าย จะใช้หน่วยภาคพื้นเข้าระยะประชิดล้อมและให้ผู้ใช้ธนูยิงสกัดก็ได้ จะให้หน่วยภาคพื้นป้องกันแล้วให้ผู้ใช้ธนูโจมตีผู้นำของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ กลยุทธ์ของพวกเค้าอาจไม่หลากหลายแต่แค่นึ้ก็มากพอแล้ว"

"เจ้าต้องการจะสื่อว่าอะไร"

เมื่อได้ยินการอธิบายของเห๋อจุน เหล่าขอทานน้อยคนอื่นๆก็รู้สึกกลัวกันแล้ว เห๋อจุนไม่สนใจอาการหวาดกลัวที่คนอื่นๆแสดงออกมา เค้าตอบคำถามกลับอย่างใจเย็น

"หินไง พวกเราต้องหาหินที่อยู่ในจุดที่จะกำบังพวกเราได้ทั้งหมด เราไม่สามารอยู่สูงกว่าพวกเค้าได้ การโจมตีจากที่สูงไม่ใช่เรื่องดีนัก พวกเค้ามีผู้ใช้ธนูอยู่ ความคิดที่จะโจมตีจากที่สูงคงเป็นไปไม่ได้ แม้จะมีสัตว์ร้ายบุกแต่พลธนูก็จะแบ่งเป็นหน่วยจู่โจมและป้องกันอยู่ดี ต้องอยู่ใกล้กับป่าเพื่อจะทำให้พวกเราเข้าไปหลบซ่อนตัวได้"

"พวกเราเข้าใจแล้ว"

"ต่อไปนี้พวกเจ้าห้ามส่งเสียงหรือตะโกน สัญญาณจะถูกส่งกันผ่านกิ่งไม้ หากพวกเจ้าทั้งสองพบสิ่งแปลกประฟลาดให้สั่นกิ่งไม้ คนที่ได้รับสัญญาณให้ทำเหมือนกัน หากทุกคนได้รับสัญญาณแล้วล้อมกันเป็นวงกลมทันที ในระหว่างนี้พวกเจ้าต้องควบคุมสติให้ดี ใครที่ควบคุมสติไม่ได้ข้าจะปล่อยคนผู้นั้นทิ้งไว้ มือข้างที่ว่างก็ช่วยแบกศพพวกนี้กันหน่อย"

ทุกคนพยักหน้ารับ ทุกคนทำตามสิ่งที่เห๋อจุนบอก เมื่อจัดระเบียบทุกคนจนเรียบร้อย ทุกคนต่างช่วยกันแบกศพของขอทานที่ตายไปโดยไม่มีอาการสะอิสะเอียนแม้แต่น้อย ซากศพเป็นสิ่งคนในโลกนี้คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปกว่านี้ได้อีก เห๋อจุนที่เคยตายมาแล้วรอบหนึ่งก็ไม่รู้สึกใดๆกับศพเหล่านี้ กลุ่มของเห๋อจุนเดินลัดเลาะไปตามแนวชายป่า กลุ่มของเห๋อจุนเดินทางกันมาจนใกล้จะถึงบริเวณของกลุ่มโจรตี้ซานแล้ว ทว่าพวกเค้าโชคไม่ดีนัก สัตว์ร้ายที่มีคมเคี้ยวใหญ่ยื้นออกมาข้าหน้า ดวงตาสีเหลืองคล้ายแมวกำลังจับต้องกลุ่มของเห๋อจุนอยู่ หน่านซือที่นำหน้าหยุดเดินและสั่นกิ่งไม้ในมือทันที เมื่อได้รับสัญญาณทุกคนก็ล้อมรอบขบวนเป็นรูปวงกลมทันที เมื่อสัตว์ร้ายเห็นการเคลื่อนไหวของเหยื่อที่เปลี่ยนไปก็รู้แล้วว่ามันถูกค้นพบแล้ว สัตว์ร้ายไม่คิดซ้อนตัวอีกต่อไป มันค่อยๆย่างเท้าเข้าหากลุ่มของเห๋อจุนอย่างเชื่องช้า ลายขีดบนตัวและกล้ามเนื้อสี่ขาอันทรงพลังถูกเปิดเผยออกมาใต้แสงจันทร์

"เสือเขี้ยวเงิน!"

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของสัตว์ร้าย ร่างกายของเหล่าขอทานน้อยต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว นักล่าที่น่าหวาดกลัวที่สุดในป่าตะวันตกเขตกลาง เห๋อจุนสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ลนลานออกคำสั่งในทันทีทำเพียงรอจนกว่ากลุ่มของตนจะสงบลง เมื่อทุกคนกลับมาเป็นปกติก็รู้สึกละอายใจไม่น้อย เห๋อจุนที่เห็นทุกคนสงบลงแล้วก็ออกคำสั่งทันที

"วางศพไว้3ศพแล้วถอยหลังออกไปช้าๆสัก20ก้าวแล้วออกเดินทางต่อ"

ทุกคนทำตามที่เห๋อจุนสั่งอย่างระมัดระวัง พวกมันวางศพลงอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆถอยออกไป เมื่อถอยจนครบ20ก้าวทุกคนก็กลับมาเดินทางกันต่อ แม้ว่าจะต้องเดินไปเส้นทางอ้อม แต่ก็รอดพ้นจากอันตรายในที่สุด

"ทำไหมเจ้าถึงคิดว่ามันจะปล่อยพวกเราไปกัน?"

"เจ้าไม่สังเกตุเห็นจริงๆหรือ ขาหลังด้านซ้ายของมันก้าวอย่างประหลาด นั้นหมายความว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ และที่มันมาโผล่ที่นี้ก็หมายความว่ามันถูกไล่ออกมาจากอาณาเขตของตัวเอง การที่มันออกล่าในเวลานี้ก็แสดงว่ามันกำลังหิวอยู่ ถือว่าคราวนี้เราโชคดีมากที่มันได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็เตรียมตัวกลายเป็นอาหารในมื้อนี้ของมันได้เลย"

ดวงตาของเห๋อจุนตอนที่กำลังอธิบายนิ่งสงบไม่แยแสราวกับสิ่งที่พูดมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวมัน ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัว ผู้นำที่ชื่อเห๋อจุนผู้นี้นอกจากสงครามที่มันสนใจ ในหัวของมันคงไม่มีสิ่งใดนอกจากสงครามเป็นแน่แท้ พวกมันเริ่มมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดกันขึ้นมาแล้ว

หลังจากเดินทางมานานในที่สุดมันก็เห็นค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานอย่างรวดเร็ว เห๋อจุนเริ่มนำทีมไปสำรวจรอบพื้นที่ จนในที่สุดมันก็ได้พบกับที่พักที่ดีในที่สุด ทว่ามันก็ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้หินกำบังก้อนนั้น มันให้ทุกคนรวมกลุ่มออกห่างจากหินก้อนนั้นมาไกล มันเริ่มจุดไฟขึ้นมา กิ่งไม้ที่ทุกคนนำมาได้กลายเป็นฟืนของกองไฟนี้ มันไปตรงป่าสำรวจดูต้นไม้สักพักมันก็เลือกมาต้นหนึ่ง

"หม่าเฉียว!"

หม่าเฉียวเดินออกมาหาเห๋อจุนอย่างมึนงง

"เก็บพืชที่พอมีประโยชน์ในบริเวณนี้หน่อย ข้าจะหาบางอย่างให้คนในกลุ่มทาน"

มันไม่รอการตอบรับจากหม่าเฉียว มันเริ่มนำหินที่ไม่รู้เก็บมาตอนไหนออกจากช่องเสื้อผ้า มันเริ่มลับหินให้คม เสียงการลับมีดเสียดสีกัน การลับมีดค่อนข้างทื่อด้านมาก แต่ในช่วงเวลาอันขัดสนเช่นนี้ ทักษะลับคมได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว

มีดหินหน้าตาไม่น่าดูชมคือผลลัพที่ได้จากการลับมีดของเห๋อจุน แม้ดูแล้วน่าเกียจไม่บ้างแต่ก็พอจะใช้งานจริงได้ เห๋อจุนใช้มือเคาะไปยังเปลือกต้นไม้ ก่อนจะหยิบใบไม้มาทดสอบความคมของมีด ใบไม้ถูกตัดขาดได้ไม่ยาก แม้รอยคมจะไม่นิ่งแต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ

เห๋อจุนเริ่มเจาะเปลือกไม้ด้วยมีดหิน ช่างน่าแปลกที่พอเจาะเข้าไปกลับไม่พบยางไม้ เห๋อจุนยังคงเจาะเปลือกไม้ต่อไป เมื่อเจาะจนถึงเนื้อไม้ชั้นในได้สำเร็จ เห๋อจุนก็แงะเนื้อไม้ออกมาบางส่วน เห๋อจุนนำเนื้อไม้เข้าปากแล้วเคี้ยวทันที รสหวานอ่อนๆเข้ามาในการรับรสของเห๋อจุน ทำให้สิ่งที่เห๋อจุนคาดการไว้ถูกต้อง

"ต้นไม้ชนิดนี้เต็มไปด้วยพลังงาน ยังคล้ายกับต้นไม้ในโลกก่อนอยู่บ้าง"

เห๋อจุนเริ่มแงะเนื้อไม้ขนาดใหญ่ออกมา ตัดให้ขนาดเท่าฝ่ามือของตนเอง พร้อมกับเรียกคนในกลุ่มให้มาหาตนทันที

"เนื้อไม้นี้ทานได้ แต่ห้ามทานเกินปริมาณที่ข้ากำหนดให้ ไม่งั้นมันจะมีผลเสียกับร่างกายของเจ้า"

ทกุคนพยักหน้าและเริ่มทานเนื้อไม้กันเพื่อคลายความหิว เห๋อจุนก็ทานเนื้อไม้เพื่อคลายความหิวเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ เมื่อรอไปสักพักในที่สุดหม่าเฉียวก็กลับมาพร้อมกับสมุนไพรห้าชนิดในมือ

"นี้คือหญ้าเคลิบเคลิ้ม มันฤิทธิ์ทำให้ระบบประสาทของผู้ที่สูดดมเข้าไปอยู่ในอาการมึนงง มันไม่มีพิษแต่จะค่อยๆกล่อมประสาทของผู้ที่สูดดมเข้าจนหลับไป"

หม่าเฉียวส่งหญ้าที่มีใบครามออกเขียวอ่อน ดูเป็นหญ้าธรรมดาๆที่พบเห็นได้ทั่วไป ทว่าตรงรากของมันมีความยาวมากกว่าหญ้าปกติมาก

"รากของมันมีไว้ทำอะไร"

"ต้าเหรินสายตาเฉียบแหลมมากขอรับ รากของมันหากนำไปล้างและตากให้แห้ง หลังจากนั้นก็นำไปบดให้เป็นผงจะสร้างเป็นยาชูกำลังได้ และเป็นหนึ่งในส่วนผสมยาถอนพิษระดับต่ำหลายชนิด"

"ส่วนที่เหลือล่ะ"

"นี้คือหญ้าเฮยเยียน มันเป็นหญ้าที่สร้างควันได้เป็นจำนวนมาก และเพราะมันมีจำนวนมากแถมยังไม่มีประโยชน์อะไรคนเลยไม่ค่อยใส่ใจมัน"

หญ้าเฮยเยียนมีสีดำทั้งต้น แถมรากยังสั้นมากแต่ใบที่มีสีดำขอมันเต็มไปด้วยเส้นใยพืชมหาศาลหนาแน่นเกินกว่าพืชปกติจะเทียบได้

"ส่วนที่คือดอกล่ออสูร น้ำของดอกไม้นี้เป็นตัวล่อเหล่าสัตว์ร้ายได้อย่างดี"

ดอกไม้มีสีม่วงสดใสส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา คาดว่าหากเข้นน้ำออกมากลิ่นหอมคงกระจายไปไกลหลายลี้

"นี้คือเถาวัลย์เหนียวขจีคราม หากจะกล่าวถึงสรรพคุณก็ตรงตาทชื่อของมันเลยล่ะ เพราะคุณสมบัติของมันคือเหนียวมาก มีความยืดหยุ่นสูงแต่เปราะบาง เพราะงั้นส่วนใหญ่จึงเอาไว้ทำธนูคุณต่ำเท่านั้น"

เถาวัลย์นี้ตรงตามชื่ออย่างยิ่งเพราะมันมีสีเขียวครามคล้ายหยกฟ้า ความเหนียวของมันถือว่าใช้ได้เลย เพราะขนาดใช้มีดหินฟันยังเกิดรอยขีดข่วนนิดเดียวเอง

"เหมาะจะทำเป็นอุปกรณ์สำหรับขว้างปามากกว่า"

ดวงตาของเห๋อจุนเป็นประกายราวกับคิดแผนบางอย่างได้ มันส่งสัญญาณให้หม่าเฉียวพูดต่อ

"ส่วนพืชสุดท้ายคือดอกไล่ดารา นี้เป็นพืชที่หากได้ยากมาก เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักของยาลูกกลอนระดับตูจวิน ฤิทธิ์ของมันมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก หากรับประทานสดๆอาจทำให้เลือดภานในกายเดือดพล่านชีพจรแตกซ่านเสียหายหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในทันทีเลย"

เห็ตุนมองไปยังดอกไม้ที่มีกลีบสีฟ้า รอบๆดอกมีแสงสีน้ำเงินคล้ายกลุ่มแสงของดวงดาววนอยู่รอบๆ ให้ความรู้สึกสวยงามและน่าลุ่มหลง

"เก็บมันไว้อย่าได้นำไปขายหรือให้คนอื่นนอกจากกลุ่มเราได้เห็น สิ่งมีค่าแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะใช้มัน แต่หากจะขายออกไปก็เป็นเรื่องยากเพราะอาจมีกลุ่มคนโลภเข้ามาหาพวกเรา"

เมื่อเห๋อจุนกล่าวจบก็หยิบหญ้าเฮยเยียนออกมาและตรงไปยังกองไฟ มันทำให้หญ้าเฮยเยียนติดไฟแล้วโยนไปยังหินที่พวกมันเลือกใช้เป็นที่พัก เวลาผ่านไปสักพักแมลงมากมายก็คลานออกมาจากหินยักษ์ก้อนนั้นตามมาด้วยควันที่ลอยออกมาเป็นจำนวนมาก เหล่าแมลงมีพิษและไม่มีพิษรีบออกไปให้ห่างจากบริเวณนั้นในทันที

"น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีอุปกรณ์ที่พร้อมมากพอ ไม่เช่นนั้นแมลงมีพิษบางชนิดที่หนีไปเมื่อกี้คงเหมาะจะใช้ประโยชน์ได้อยู่บ้าง"

เห๋อจุนบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยโดยไม่แสดงอาการใดๆ มันเดินนำทุกคนตรงไปยังก้อนหินยัก์ที่เหมาะจะเป็นที่กำบังให้แก่พวกมัน เมื่อมาถึงมันก็ให้ทุกคนในกลุ่มนอนพักผ่อนเอาแรง ส่วนมันกับซ่งหนิวจะคอยดูสถานที่โดยรอบและประชุมแผนการกัน

"เห๋อจุนเจ้าคิดจะใช้วิธีการใดในการพิชิตกลุ่มโจรตี้ซาน"

"การรบทางจิตใจ"

"แต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มโจรตี้ซานเจ้าก็รู้ดี พวกเราจะเอาอะไรไปทำให้มันวิตกกังวล"

"เสือเขี้ยวเงิน"

"นั้นคงทำให้พวกมันกังวลได้จริงๆ แล้วต่อไปเล่า"

"สงครามประสาทยังไงล่ะ ให้สองพี่น้องแซ่หน่านใช้หญ้าควันดำเพื่อสร้างสถานะการว่าบ้านบางหลังเกิดไฟไหม้ หากเป็นเช่นนั้นกลุ่มโจรตี้ซานจะต้องแบ่งความสนใจออกเป็นสองฝั่ง ส่วนพลธนูต้องใช้หญ้าเคลิบเคลิ้มจัดการ

ต่อไปเราต้องดูทิศทางลมว่าลมจะพัดไปในทางไหน แต่ถ้าดูจากการตั้งค่ายของมันแล้ว ลมที่จะพัดมาสมควรพัดมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

เราจะเริ่มเดินทางและจัดแผนการก่อนยามเฉิน แผนการจะเริ่มขึ้นเมื่อตะวันกำลังขึ้นจากขอบฟ้า ช่วงเวลานั้นคือช่วงที่สายตาของมือธนูมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด นั้นคือโอกาสเดียวที่เราจะเป็นฝ่านกุมชัยชนะ"

ในดวงตาของเห๋อจุนมีดวงไฟสีแดงเต้นเร่าอยู่ภายใน มันทั้งโหดร้ายและบ้าคลั่งประดุจสัตว์ที่กำลังตื่นจากการหลับไหล นี้คือก้าวแรกของมันในโลกนี้

ตอนที่2:ก้าวแรกของผู้มาเกิดใหม่

ตอนที่2:ก้าวแรกของผู้มาเกิดใหม่

ณ เวลายามอิ๋นอันเงียบสงัด

"ได้เวลาตื่นแล้ว ข้าให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวกันห้านาที ผู้ใดล่าช้าจะถูกตัดส่วนแบ่งออกจากการปล้นครั้งนี้"

เสียงอันเย็นชาของเห็นจุนดังขึ้นทำให้เหล่าขอทานน้อยต่างตื่นและลุกขึ้นกันอย่างรวดเร็ว พวกมันเข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานโดยไม่ต้องมีคำสั่ง

"แยกกันหั่นศพเหล่านี้เป็นหลายๆส่วน กลุ่มของหม่าเฉียวออกไปเก็บหญ้าเฉยเยียนมาเพิ่มสองกอง เถาวัลย์เหนียวขจีครามอีกหนึ่ง และดอกล่ออสูรชุดหนึ่ง ข้าให้เวลากับพวกเจ้าสิบห้านาที หากล่าช้าเกินกำหนดที่ข้าตั้งไว้ส่วนแบ่งหนึ่งในสามที่กลุ่มของเจ้าควรจะได้รับจะถูกหักออก"

"รับคำสั่งต้าเหริน"

กลุ่มของหม่าเฉียวรีบออกไปปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายในทันที เห๋อจุนไม่กลัวเด็กเหล่านี้จะหนีไป เพราะมันรู้ดีว่าโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นตัดสิน พวกมันหนีไปก็ไม่เสียอะไรและไม่ได้อะไร แต่หากมันหนีไปก็อาจพลาดโอกาสที่จะทำให้มันหลุดพ้นจากการเป็นขอทานได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีสิ่งใดจะเสียแล้ว การเดิมพันด้วยชีวิตย่อมทางเลือกเดียวของพวกมัน

"มาช่วยข้าแยกศพเหล่านี้หน่อย"

เห๋อจุนทำการลงมือแยกชิ้นส่วนร่างกายของศพขอทานตรงหน้าอย่างใจเย็น เหล่าขอทานน้อยในกลุ่มของเห๋อจุนก็ไม่ได้แหยแสเลือดที่เปราะเปื้อนมือและร่างกายสักเท่าไร สิ่งเหล่านี้ล่วนเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของทุกคน ยิ่งพวกมันมองซากศพเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้พวกมันรู้สึกมีความหวัง เป็นขอทานนั้นอานาคต แต่หากติดตามคนผู้นี้และการปล้นครั้งนี้สำเร็จ พวกมันจะมีอานาคตอย่างแน่นอน ผ่านไปสิบนาทีทีมของหม่าเฉียวก็กลับมาพร้อมกับพืชสมุนไพรที่เห๋อนจุนต้องการ เมื่อพบเห็นกลุ่มคนที่กำลังนั่งชำแหละซากศพกันอย่างขะมักเขม้นก็ถึงกับผงะ แต่พวกมันก็รีบวางสิ่งของลงแล้วไปช่วยชำแหละซากศพกันด้วยอีกแรงหนึ่ง ชิ้นส่วนแขนขาหัวและลำตัวถูกแยกออกมากระจัดกระจายไปทั่วพื้น ดินและหญ้าสีเขียวถูกอาบด้ายเลือกเหนียวข้นสีแดงจนดูแล้วน่าสะอิดสะเอียน เมื่อแยกส่วนซากศพเสร็จเป็นที่เรียบร้อยเห๋อจุนก็หันไปมองสองพี่น้องแซ่หน่านอย่างจริงจัง

"ข้ามอบหน้าที่สำคัญให้กับพวกเจ้า"

"พวกเราพร้อมรับคำสั่งต้าเหรินทุกเมื่อ"

"ดี จงถักเถาวัลเหนียวเป็นสลิงและทดบองฝึกให้คุ้นชินมือ พวกเจ้าจะต้องรับหน้าที่พลซุ่มยิงก่อนกวนให้กับพวกเรา"

"รับทราบต้าเหริน"

สองพี่น้องหน่านซือและหน่านซงเริ่มถักสานเถาวัลย์เหนียวขจีครามอย่างชำนาญ ผ่านไปไม่นานทั้งสองก็ทำสลิงขว้างปาได้สำเร็จ ทั้งสองเริ่มฝึกกันอย่างจริงจัง เห๋อจุนพยักห้าอย่างพึงพอใจพร้อมกับเรียกหาซ่งหนิวทันที

"ซ่งหนิว!"

"มีอะไรหรือเห๋อจุน"

"บอกให้ทุกคนยกเว้นหน่านซือและหน่านซงมารวมกัน"

"รับทราบ"

เหล่าขอทานน้อยเมื่อได้ยืนคำสั่งก็รีบวิ่งมารวมตัวกันในทันที เห๋อจุนนำมือของตนมาไพล่ไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง ดวงตาสีแดงของมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมที่ปิดไม่มิด ภายในความคิดของทุกคนที่ได้มองเข้าไปในดวงตาของเห๋อจุนมีเพียงสามคำเท่านั้น เด็ดขาด โหดร้าย บ้าคลั่ง

"ข้าจะแบ่งพวกเจ้าออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะมีผู้นำกลุ่มเป็นข้าเพื่อเดินทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ กลุ่มที่สองจะมีผู้นำเป็นซ่งหนิวเพื่อปฏิบัติการบนพื้นที่ราบ กลุ่มของข้าจะประกอบด้วยข้าเห๋อจุน หน่านซง หน่านซือ และคนอีกเจ็ดคน ส่วนที่เหลือจะอยู่ในกลุ่มของซ่งหนิว ผู้ที่ทำหน้าที่อยู่บนพื้นที่ราบต้องสกัดดอกล่ออสูรแล้วนำมาทาบนตัวศพ จงอย่าใช้มือเปล่าสัมผัสน้ำสกัดดอกล่ออสูรถ้ายังไม่อยากตาย หลังจากนั้นให้นำศพไปวางไว้ใกล้ค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน ต่อไปคือหน้าที่ของหม่าเฉียว เมื่อดวงตะวันกำลังขึ้นจากขอบฟ้าให้เจ้านำหญ้าเคลิบเคลิ้มที่บดเป็นผงไปใกล้กับค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นให้จุดไฟอ่อนบนผงหญ้าเคลิบเคลิ้ม ไม่ใช่ให้เผามันเลยแต่ต้องค่อยๆไหม้คล้ายกำยานและเครื่องหอม ส่วนคนที่เหลือให้คอยขว้างหญ้าเฮยเยียนที่ติดไฟไปเรื่อยๆ ให้เหลือศพที่ยังไม่ได้ทาน้ำดอกล่ออสูรไว้สักหนึ่งร่าง เมื่อกลุ่มโจรตี้ซานแตกพ้ายให้นำน้ำดอกล่ออสูรทาบนตัวศพแล้วโยนมันออกไปให้ไกล หลังจากนั้นจะเป็นการบุกเข้าค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน ข้าขอเพียงอย่างเดียวจากพวกเจ้า จงมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้มากที่สุด หากมีคนตายเกินสองคนส่วนแบ่งที่พวกเจ้าจะได้รับจะน้อยลง"

น้ำเสียงของเห๋อจุนที่ใช้ในการประกาศแผนการทั้งเย็นเยียบและแฝงมาด้วยจิตสังหาร มันกล่าวถึงกลุ่มโจรตี้ซานราวกับพวกมันเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่ถูกตัดสินให้ตายแล้ว ทุกคนที่รับรู้คำสั่งก็เริ่มจัดแบ่งคนเป็นสองกลุ่มในทันที เหล่าคนที่ว่างก็จัดเตรียมและเริ่มทำสิ่งของที่ถูกกล่าวในแผนเอาไว้ เมื่อเห๋อจุนเห็นว่าหน่านซือหน่านซงพร้อมแล้วก็ประกาศเคลื่อนพลในทันที

ณ เวลายามอิ๋นใกล้ยามเหม่า

ร่างของเหล่ามือธนูที่ยืนอยู่บนกำแพงกำลังสอดส่องสายตาไปยังความมืดด้วยสีหน้าระแวดระวัง

"เจ้าคิดว่าจะมีผู้มาโจมตีค่ายเราจริงๆ"

"ระวังไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากเกิดการลอบโจมตีจริงพๆวกเราที่ดันเกิดความไม่ระแวดระวังจะเป็นศพแรกที่ตาย"

"มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า หากเกิดเรื่องเช่นนั้นพวกเราก็ยากจะหนีพ้นความตาย"

"เพราะนี้คือกฏของโลกนี้ยังไงล่ะ"

"เจ้าเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าที่สร้างโลกนี้ขึ้นมาด้วยหรือ"

"แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไรล่ะ"

"ข้าเพียงคิดว่าเพราะอะไรพระเจ้าถึงได้สร้างโลกเช่นนี้ขึ้นมา"

"ข้ามิอาจทราบได้ แต่ในยามนี้พวกเราควรจะเพิ่มการระวังเพราะใกล้จะยามเหม่าแล้ว ไปเรียกให้คนอีกฝั่งเตรียมมาสลับฝั่งกับเรา"

"ทราบแล้ว"

เหล่ามือธนูต่าทำหน้าที่ของตนอย่างเคร่งเครียด พวกมันเป็นเหมือนจุดตายของค่ายพักนี้ ยามใดที่พวกมันลดความระมัดระวัง เมื่อนั้นศัตรูก็พร้อมจะกระโจนเข้ามาบุกยังค่ายอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ให้กำเนิดค่ายพักขึ้นมาก็มีมาให้เป็นตัวอย่างแล้ว ดีที่ตอนนั้นต้าเหรินไหวพริบดีทำให้สามารถรอดพ้นจะวิกฤตได้สำเร็จ

เมื่อพระอาทิตย์กำลังขึ้นพวกมันก็รีบสลับฝั่งกันในทันที ทว่าเวลานี้ก็ได้บังเกิดเสียงคำรามของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียวแต่ยังตามมาด้วยเสียงร้องของสัตว์ที่ฟังแล้วก็แน่ใจได้ว่ากินเนื้อแน่นอน กำลังดังออกมาจากป่าและกำลัฃพุ่งเข้ามาใกล้ ทว่าทัศนวิสัยของพวกมันล้วนถูกบดบัฃด้วยดวงตะวันที่กำลังค่อยๆขึ้นจากฟ้า แสงของดวงอาทิตย์ทำให้พวกมันต้องรี่ตาลง นั้นเปิดโอกาสให้เหล่าขอทานน้ิยปฏิบัติตามแผนการอย่างรวดเร็ว

เห๋อจุนในดวงตาที่นิ่งเงียบปรากฏเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนขึ้น คนที่อยู่ในกลุ่มมันล้วนเป็นผู้ที่มีสายตาดีเยี่ยมหรือไม่ก็มีความสามารถทางสัมผัสที่พิเศษ เมื่อเสียงของเหล่าสัตว์ร้ายดังขึ้นพวกมันก็รู้ได้ทันทีแล้วว่าการปฏิบัติการเริ่มขึ้นแล้ว เหล่าทั่งจิตพกก้อนหินหนักมากับตัวตามคำสั่งของเห๋อจุน พวกมันเริ่มขว้างปาก้อนหินเพื่อสร้างเสียงก้าวเท้าลวง ทำราวกับว่ากำลังมีกลุ่มคนมากมายกำลังมั่งตรงไปยังค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน เหล่ามือธนูผู้มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมก็ยิ่งไปตามจุดที่เกิดเสียง แต่พวกมันก็ต้องตกตะลึงเมื่อมีนเสียงที่คล้ายฝีเท้าของผู้คนจำนวนมากกำลังมุ่งตรงเข้าหาค่ายของพวกมัน พวกมันพยักหน้าให้กันในทันทีพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังปลุกให้กลุ่มโจรตี้ซานตื่นขึ้น

"ศัตรูบุก!!! มีศัตรุบุก!!!"

เฟล่าโจรมากมายจับอาวุธที่อยู่ข้างกายแล้วรีบวิ่งออกมาจากค่ายแล้วเริ่มจัดขบวนเตรียมรับการปะทะ ทว่าเมื่อออกมาพวกมันก็ต้องตกตะลึง ร่างของสัตว์ร้ายในป่าเขตนอกโผล่ออกมาจนแน่นขนัดเต็มแนวสายตา ตรงหน้าของกลุ่มสัตว์ร้ายคือเสื้อเขี้ยวเงินที่ยืนนำหน้า สายตาของเหล่าสัตว์ร้ายล้วนกลายเป็นสีแดงเลือดราวกับถูกบางอย่างกระตุ้น พวกมันรีบวิ่งรี่กันพุ่งเข้าหาค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานราวกับมีความแค้นกันมากมาย ทันใดนั้นเหล่ากลุ่มโจรก็มองเห็นซากศพถูกวางกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้น ในใจของพวกมันส่งสัญญาณร้องเตือนว่าแย่แล้วกันดังระงม แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดมากพวกมันต้องตั้งโล่พุ่งเข้าหาสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้ามา เหล่ามือธนูพยายามยิงลูกธนูเพื่อช่วยเหลือ

ทว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าสายตาของพวกมันยังถูกบดยังทำให้การยิงช่วยจะไม่มีผลอะไรมาก การห่ำหั่นสังหารของสองเผ่าพันธุ์ทำให้เกิดเสียงร้องดังระงม เมื่อเหล่ามือธนูได้รับการมองเห็นกลับคืนพวกมันก็รีบยิงธนูช่วยเหลือพวกพ้องทำให้สถานะการณ์พลิกกลับ ฝ่ายของสัตว์ร้ายเริ่มถูกตีโต้กลับอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นไหม้ก็เข้ามาในประสาทการรับรู้ของเหล่ามือธนู พวกมันพลันตกตะลึงและมองไปยังที่มาของกลิ่นก็พบเห็นที่พักบางหลังเกิดควันสีดำคลุ้งโขมงราวกับเกิดไฟไหม้ พวกมันพลันร้องออกมาด้วยความรีบร้อนไม่สนใจจะตรวจสอบสถานะการณ์ใดๆ

"ไฟไหม้!!! ค่ายพักของพวกเราเกิดไฟไหม้!!!!!"

"บัดสบผู้ใดมันทำไฟไหม้วะ!!!!!"

"ท่านหัวหน้าค่ายเกิดไฟไหม้หลายหลังเลยขอรับ"

"จะมัวรออยู่ใยรีบแบ่งกำลังคนส่วนหนึ่งออกมาเพื่อไปดับไฟสิวะ!!!"

ในตอนนี้ทั้งค่ายพลันตกอยู่ในความระส่ำระส่าย เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ดันมาเกิดในช่วงวิกฤติทำให้การรบของกลุ่มโจรเกิดความเสียหายอย่างหนัก ทันใดนั้นเหล่ามือธนูก็เริ่มรู้สึกมึนหัว ร่างกายของเหล่ามือธนูเริ่มโซเซและล้มลงสลบลงไปทำให้ทั้งค่ายกลายเป็นตื่นตระหนกยิ่งกว่าเก่า

"พิษ!!! เหล่ามือธนูได้รับพิษ!!!! รีบไปตามเหมี๊ยวซามา!!!"

"หัวหน้าแย่แล้ว หมอเหมี๊ยวซาอยู่ในบ้านที่เกิดไฟไหม้ เกรงว่าจะเสียชีวิตไปแล้วขอรับ"

"บัดสบ!!! มีศัตรูอยู่ในค่าย!!!! พวกเจ้าจงรีบหาตัวมันมาให้ไว้ที่สุด!"

นี้จะเรียกว่าโชคดีของเห๋อจุนได้ไหมกเรียกไม่ได้เต็มปาก เพราะบ้านของหมอคนเดียวในกลุ่มโจรตี้ซานมันเด่นพอๆกับบ้านพักของหัวหน้ากลุ่มตี้ซานเลย นี้ทำให้เห๋อจุนเลือกมันเป็นหนึ่งในบ้านที่จะถูกส่งหญ้าเฮยเยียนติดไฟเข้าไป ส่วนเหมี๊ยวซาอาจไม่ถูกไฟไหม้ตายแต่ก็น่าจะตายเพราะควันเป็นที่เรียบร้อย ฝ่ายกลุ่มโจรตี้ซานเริ่มเสียเปรียบและถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างหนักหน่วง เสือเขี้ยวเงินเป็นราชาของป่าเขตกลาง มันมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าสัตว์ร้ายทั่วไปหลายเท่า กำแพงไม้ที่ดูแข็งแรงพังถล่มลงมาราวกับเป็นเพียงหญ้าฟาง เหล่ามือถูกที่ตกลงมาจากกำแพงก็ถูกไม้ทับจนได้รับบาดเจ็บ บางรายเสียชีวิตทันทีเนื่องจากอยู่ในท่าที่เอาหัวลงดิน เหล่ากลุ่มโจรเริ่มสิ้นหวังคิดหาทางหลบหนีเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง ทว่าก็สายไปแล้วร่างของเหล่าโจรเริ่มถูกสัตว์ขย่ำฉีกทึ้งเสียชีวิตมากขึ้นๆเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสักระยะเาียงการต่อสู้ก็เงียบลง ทิ้งไว้เพียงซากศพของเหล่าโจรในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ เหล่าสัตว์ร้ายกัดกินร่างของกลุ่มโจรตี้ซานอย่างหิวโหย ทันใดนั้นพวกมัก็เงยหน้าขึ้นสูดหลิ่นอะไรบางอย่างในอากาศ พวกมักลุกขึเนแล้วรีบวิ่งกรูกันออกไปตามกลิ่นที่รับรู้ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายออกไปแล้วกลุ่มของขอทานราวๆสามสิบคนก็โผล่ออกมาจากสองทิศทาง นำหน้ามาโดยเห๋อจุนและซ่งหนิวที่เข้ามาเจอหน้ากัน ทุกคนคุกเข้าประกบมือทำท่าคาราวะให้แก่เห๋อจุนแล้วพูดออกมาเสียงดัง

"คาราวะต้าเหริน! พวกขอแสดงความยินดีกับการชนะในศึกครั้งนี้!!!"

"ลุกขึ้น ถึงเวลาเก็บกวาดสินสงครามแล้ว"

เห๋อจุนเดินนำหน้าทุกคนไปยังค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน เมื่อพวกมันเข้ามาก็พบกับฉากหนองเลือด ซากศะไม่สมประกอบกระจายเกลื่อนพื้น เลือดสีแดงเข้มอาบย้อมพื้นดินจนราวกับจะเปลี่ยนพื้นที่อห่งนี้ให้กลายเป็นขุมนรก ทว่าตนทั้งหมดกลับทำสีหน้าชินชาราวกับซากศพเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไป นี้คือโลกที่เต็มไปด้วยสงครามอันไม่มีวันจบสิ้น เรื่องเช่นนี้ย่อมพบเห็นได้ทั่วไปยิ่งกว่าหัวผักกาดขาวที่ขายกันตามท้องตลาด มันมันเริ่มคว้าจับสิ่งของแล้วน้ำมากองรวมกันเพื่อให้เห๋อจุนตัดสินใจ

"ก่อนอื่นคือตอนนี้เราต้องรีบทานอาหาร พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรกันตั้งแต่เมื่อวาน หากรีบขนย้ายสินสงครามโดยที่ร่างกายยังหิวโหยอาจไม่ใช่เรื่องดี"

คำพูดของเห๋อจุนทำให้ทุกคนร้องเฮกันอย่างดีอกดีใจ พวกมันเริ่มทานอาหารกันอย่าตะกละตะกลาม แต่ทุกคนก็ไม่ได้กินจนอิ่ม ทำเพียงกินเพื่อเติมพลังก่อนจะเริ่มขนของกลับไปยังที่พักของพวกมัน เมื่อมาถึงพวกมันก็วางสิ่งของแล้วรอการแบ่งสรรปันส่วนจากเห๋อจุน ในโลกนี้พวกมันเคารพความแข็งแกร่ง แต่ที่พวกมันเคารพยิ่งกว่าความแข็งแกร่งคือผู้นำที่สามารถพาพวกมันไปสู่ชัยชนะได้ เห๋อจุนแยกประเภทสิ่งขงออกแล้วมองไปยังทุกๆคน

"ข้ายินดีมากที่พวกเจ้าไม่มีใครตาย ข้าขอมอบยุทโธปกรณ์ของมือธนูให้แก่กลุ่มของข้าเพราะพวกเค้ามีความเหมาะสมในด้านนี้มากที่สุด และยุทโธปกรณ์ของมือธนูให้ซ่งหนิวในฐานะที่ดูแลและทำหน้าที่ได้ดี ส่วนอีกหนึ่งอันที่เหลืออยู่ข้าจะเก็บไว้ผู้ที่มีผลงานดีเด่นในศึกถัดไป ต่อไปคือยุทโธปกรณ์ของทหารราบทุกคนจะได้เหมือนกัน อยู่ที่ความถนัดว่าเจ้าจะเลือกอาวุธชนิดใด ตอนนี้ใฟ้ทุกคนลุกขึ้นมาหยิบคนละหนึ่งชุด"

เหล่าของทานน้อยต่างลุกขึ้นมาหยิบอาวุธที่ตนคิดว่าถนัดมือที่สุด สุดท้ายก็เหลืออาวุธชิ้นเดียวซึ่งไปมีใครเลือกก็คือดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เห๋อจุนพยักหน้าก่อนจะหยิบดาบใหญ่ขึ้นมาถือในมือ น้ำหนักของมันทำให้เห๋อจุนถึงกับตกตะลึงจนตาเบิกกว้าง เพราะดาบใหญ่ที่ดูธรรมดานี้หนักเกือบเจ็ดสิบชั่งเลยทีเดียว มันต้องใช้ทั้งสองมือถึงจะยกดาบที่ใหญ่กว่ามันไหว รอยยิ้มบ้าคลั่งประการหนึ่งผุดขึ้นมาที่มุมปากของมันจนทำให้ทั้งกลุ่มถึงกับขนลุก

"ต่อไปหน้าที่ในการกำกับดูแลสมุนไพรจะเป็นของหม่าเฉียว ผู้ใดที่อยากจะเป็นหมอให้ไปหามัน"

หม่าเฉียงดีใจเป็นที่สุดที่มันได้รับหน้าที่นี้จากต้าเหริน ทุกคนพยักหน้ารับรู้เพราะมีหม่าเฉียวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ที่เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร

"ต่อไปซ่งหนิวจะรับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าค่อยรับรายงานและส่งมาหาข้า"

"ยินดีที่ได้ทำงานให้ต้าเหริน"

"ต่อไปให้หาคนมาเพิ่มอีกสิบคนในทุกๆสองสัปดาห์ หากหาคนมาเพิ่มเยอะเกินไปจะเป็นการดึงดูดสายตาผู้คนแล้วจะนำภัยมาสู่พวกเรา ข้าต้องการผู้ที่มีทักษะการเจรจาและชักชวนผู้คน ผู้ใดที่คิดว่าตนเองมีความสามารถมากพอให้ก้าวออกมา"

เมื่อทุกคนได้ยินก็มองหน้ากันเลิกหลั่กราวกับไม่ว่าพยายามหาคนที่ดูแล้วมีแวว ทันใดนั้นก็มีขอทานคนหนึ่งยืนขึ้นและก้าวออกมา ดวงตาสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์นั้นชวนให้ทุกคนนึกถึงอสรพิษร้ายที่พร้อมจะเข้ารัดพันเหยื่ออย่างเลือดเย็น เส้นผมสีขาวขับเน้นสภาวะน่าหวาดหวั่นจนผู้คนถึงกับคนหัวลุก ทว่าเมื่อเห๋อจุนเห็นก็อมยิ้มเหมือนกำลังกั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อยู่ เห๋อจุนมองไปที่ทุกคนก่อนจะพูดออกมาอน่างจริงจัง

"ข้าขอแจ้งให้ทุกคนทราบ ผู้ใดที่เป็นสตรีและต้องการจะติดตามไปพิชิตสงครามกับข้าให้แจ้งมาโดยตรง ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจจัดสรรตำแหน่งกองพลให้เหมาะสมได้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นถูกจับได้ระหว่างเตรียมตัวอาจทำให้ความสัมพันธุ์ของคนในกองพลเสียหายได้ สตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะกลัวว่าข้าจะไม่รับไม่ต้องกังวลไป สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงทำสงครามไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรี หากจับดาบถือเกาทัณฑ์ได้ก็คือทหารของข้า "

เหล่าขอทานถึงกับอึ้งและมองไปยังขอทานที่ดูมีเอกลักษณ์ ร่างของเธอแข็งทื่อพร้อมกับเกาหัวอย่างอับอาย ก่อนจะมีคนอีกแปดคนลุกขึ้นยืน พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษทั้งสิ้น เหล่าขอทานคนอื่นๆได้แต่อ้าปากค้าง ขอทานน้อยบางคนที่พอรู้ตัวว่าสหายด้านข้างตนเป็นผู้หญิงก็อดเกาแก้มด้วยความละอายไม่ได้ เห๋อนจุนไดเแต่ส่ายหน้าไปมาสตรีเหล่านี้ย่อมมีทักษะอยู่บ้างจริงๆ

"เอาล่ะตอนนี้ข้าขอรู้ชื่อเจ้าก่อน ส่วนเรื่อฃของพวกเจ้าให้ไปหาซ่งหนิวเขาจะจัดการทุกอย่างให้"

"ข้าชื่อฮั่ว หยุนห่าว เป็นบุตรสาวของข้ารับใช้ในตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่ง พอจะมีความสามารถทางการค้าอยู่บ้าง"

"งั้นก็ดี ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแลเรื่องกิจการภายนอก เจ้าคอยรับคำสั่งจากซ่งหนิว ข้าไม่เก่งอะไรนอกจากทำสงคราม หากจะให้ข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอื่นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก"

"รับคำสั่งต้าเหริน"

เห๋อจุนยิ้มให้ซ่งหนิวอย่างมีเล่ศนัย ซ่งหนิวคิ้วขวากระตุกมันเริ่มรู้แล้วว่าต้าเหรินกำลังจะโบ้ยงานมาให้มันเพิ่มอีกแล้ว ซ่งหนิวแม้จะอยู่กับเห๋อจุนไม่นานแต่ก็พอจะรู้นิสัยของเห๋อจุนแล้ว เห๋อจุนเป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักแต่สงคราม มันไม่ชมชอบให้มีสตรีอยู่ภายใต้การดูแลของมันเพราะรู้ว่านี้จะทำให้ตนยุ่งยาก เหตุที่มันโบ้ยสตรีมาให้ตนคงหวังจะให้ตนรับภาระหน้าที่ในการดูแลสตรีเหล่านี้ เกิดวันใดพวกนางตกหลุมรักกับคนในกลุ่มทุกคนจะได้ไม่คิดว่าพวกนางเป็นสตรีของต้าเหริน แต่หากเป็นเช่นนี้คนที่รับเคราะห์แทนดูเหมือนจะเป็นมันเสียเอง หลังของมันเปียกโชกด้วยเหงื่อจนรู้สึกว่าจะเป็นลม ไฉนต้าเหรินบอกว่าตนไม่เก่งเรื่องอื่นแต่เพียงคำพูดเดียวก็ผลักมันไปอยู่ในจุดที่ถอยไม่ได้แล้วเล่า ดูยังไงความสามารถเช่นนี้ก็ไม่ควรมีอยู่ในการทำสงครามไม่ใช่หรือ ซ่งหนิวได้แต่ทำใจเมื่อต้องพบกับคนที่ในจิตใจมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เข่นฆ่าไปทั่วสารทิศ ในโลกเช่นนี้คนบ้าผู้นี้คือผู้ที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ซ่งหนิวได้แต่ส่ายหน้าจำใจยอมรับหน้าที่นี้อย่างไม่เต็มใจ

'บางทีข้าอาจจะได้ภรรยาจากหนึ่งในนี้ก็ได้ ก็ถือว่าเห๋อจุนยังเป็นคนใจดีอยู่บ้าง'

เมื่อคิดได้เช่นนี้ความรู้สึกเหนื่อยก็หายไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองสตรีทั้งสามอย่างจริงจัง

ขอย้ำและบอกกล่าว

ขอยินดีต้อนรับผู้อ่านทุกท่าน ไรท์มีผลงานดังเดิมอยู่ที่Dek-Dและธัญวลัย และไรท์เป็นนักเขียนสายบรรยายที่ชอบเขียนหมื่นอักษรขึ้นไป เพราะงั้นผู้ที่ชอบอ่านหมื่นอักษรขึ้นไปไรท์ยินดีต้อนรับ เรื่องนี้ไรท์ไม่ได้แต่งดองไว้แต่แต่งสดๆตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไรท์เป็นคนบ้าเพราะงั้นอย่าเอาอะไรกับไรท์มากเลย ส่วนในDek-Dบางตอนมันไม่ถึงหมื่นอักษรเพราะเขียนลงส่งงานขึ้นเว็ปในมือถือ มันไม่มีตรวจจำนวนคำให้ก็เลยรู้สึงเฟิลอยู่หน่อยๆ แต่ไรท์ของสัญญาตอนหนึ่งอย่างน้อยหมื่นอักษร หากไม่ถึงได้โปรดมาขยี้ไรท์ทีเพราะไรท์จะได้ทำให้มันถึงหมื่นอักษร อ่อใครที่อยากอ่านผลงานไรท์ในเด็กดีนามปากกาก็เหมือนกันเลย ถ้าหาไม่เจอก็@Servannoame ขึ้นแน่นอนอยู่ในDek-D

เรื่องนี้จะอัพเดตทุกวันวันละตอน ใครหาว่าโม้ใช่แล้วไรท์โม้เพราะงั้นไม่ต้องเชื่อกันหรอกนะ เพราะที่ไรท์บอกวันละตอนเพราะไรท์เปิดเถอมเห้ยลืมไปไรท์ปิดเถอมสองเดือนนี้หว่า อุ้ยเพราะงั้นก็เตรียมอ่านเหมือนสั่งKFCชุดจุใจได้เลยจร้า

ไรท์มีอยู่สองคนคือไรท์หญิงและไรท์ชายรับหน้าที่ต่างกันไปแต่คนเขียนหลักคือไรท์ชาย เพราะไรท์ชายเป็น บก. จำเป็นให้กับไรท์หญิงและเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อบากเขียนนิยายอีกคน ชีวิตไรท์มันเศร้าเพราะงั้นก็ดูแลไรท์กันหน่อยเน้อ 😊😊😊

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!