‘วันนี้แกกลับคนเดียวได้ไหม เราว่าจะกลับพร้อมบิ๋ม’
‘อื้ม พรุ่งนี้เจอกันนะฉันไปก่อน’
ชายหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่สวมใส่ชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยดังของจังหวัด บอกลากันก่อน “กรกนก”เพื่อนสาวคนสนิทของ “อัครฉัตร”จะหันหลังเดินหายลับจากรัศมีสายตาไป
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น สนิทขั้นที่ว่าเรียนตามกันมาจนขึ้นมหาลัย ทั้งสองเกื้อกูลหนุนหลังกันมาตลอด ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งแต่นานนม
‘รอนานไหมอิฐ อาจารย์เลิกคลาสช้าหนะ’ เสียงหวานใสของใครบางคนเอ่ยทักอัครฉัตรที่ยืนก้มหน้าเขี่ยโทรศัพท์อยู่ จนเจ้าตัวต้องแหงนหน้าขึ้นมามอง
‘ไม่นานหรอกบิ๋ม เราพึ่งมาเมื่อกี้’ อัครฉัตรเอ่ยตอบมินตราแฟนสาวของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
‘งั้นก็ไปกันเลยไหม?’
‘อื้ม ไปดิ’
อัครฉัตรพบกับมินตราตอนขึ้นมหาลัย ช่วงรับน้องทำกิจกรรมมักได้อยู่กลุ่มเดียวกันบ่อยๆ ทำให้ปิ้งกันตั้งแต่ตอนนั้นและเริ่มตกลงคบหาดูใจกัน จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาปีกว่าจวนจะสองปีแล้ว ในวันพรุ่งนี้ครบรอบสองปีที่ทั้งสองคนคบกัน
‘พรุ่งนี้เจอกันนะบิ๋ม’ อัครฉัตรกล่าวลาเมื่อขับรถ BMW สีขาวคันหรูจอดหน้าบ้านแฟนสาว
‘ค่ะ ขับรถดีๆน๊า ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วยหละ จุ๊บ’ มินตราว่าเสียงออดอ้อน ก่อนจุมพิตลงที่แก้มซ้ายของชายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ
‘ครับ’ ว่าจบอัครฉัตรจึงขับรถตรงดิ่งไปที่คอนโดของตนทันที
ล้อรถคันหรูหยุดลงหน้าคอนโดมิเนียมที่หรูหราหมาเห่าไม่แพ้รถ ชายหนุ่มร่างสูงสาวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ กดขึ้นชั้นสามสิบห้า
ถึงห้องของตนอัครฉัตรดิ่งเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายทันที สามสิบนาทีผ่านไปร่างกำยำเปลือยท่อนบนเดินดุ่มมานั่งที่โซฟากลางห้อง พร้อมหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องแพงขึ้นมาส่งข้อความหาใครบางคน
‘ฟาง นอนยัง?’
‘ยัง แกมีอะไร?’
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอัครฉัตรกดโทรออก ต่อสายหาคนในห้องแชททันที ไม่นานปลายสายก็รับ
‘ว่าไง’ เสียงหวานปลายสายถามขึ้น
‘พรุ่งนี้ช่วงบ่ายว่างป่าว ช่วยฉันเลือกของขวัญให้บิ๋มหน่อยดิ ครบรอบสองปีอะ’
‘…ว่าง’ กรกนกตอบเพื่อนชายด้วยเสียงเรียบ
‘งั้นพรุ่งนี้บ่าย ฉันไปหาที่คณะนะ ขอบใจแกมาก’
‘อืม แค่นี้นะ’
‘ครับ’ อัครฉัตรว่าจบกนกกรก็ได้ตัดสายไปเลยทันที
บ่ายโมงวันต่อมา
‘ช้าซะจริงแกเนี่ย’ เสียงทุ้มเอ่ยท้วงติงเพื่อนสาวคนสนิทที่มาช้ากว่าเวลานัดไปยี่สิบนาที
‘ชิ นิดๆหน่อยๆเอง บ่นเป็นคนแก่ไปได้’ กรกนกพูดทั้งเบะปากใส่อัครฉัตรที่เอาแต่บ่นตนได้ตลอด
‘ไปเหอะ’ พูดจบคนร่างสูงเดินสะบัดก้น นำหน้าเพื่อนสาวไปทันที
*
ห้าง
‘*แกอยากได้แนวไหน’ กรกนกถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในโซนเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องประดับ
‘อืม..เครื่องประดับแล้วกัน’ อัครฉัตรชะงักครุ่นคิดอยู่แวบนึง ก่อนจะให้คำตอบกับเพื่อนสาว
กรกนกไม่พูดตอบอะไรไปแต่ทว่าเจ้าตัวกลับเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านขายกำไล Hermes สุดหรู ที่อยู่ถัดไปสามร้าน อัครฉัตรเห็นแบบนั้นก็ได้แต่เดินตามเพื่อนคนสนิทต้อยๆ
ภายในร้านมีเครื่องประดับราคาแพง วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้กระจกใส ไม่ว่าจะเป็น แหวน สร้อย กำไล หรือนาฬิกา
กรกนกยืนอยู่หน้าตู้กระจกใสที่ข้างในเรียงรายไปด้วยกำไลข้อมือทรงสวยและมีราคา
‘กำไลหรอ ทำไมหละ’ อัครฉัตรเอ่ยถามเพื่อนสาว
‘ใจสั่งมา แกเลือกสีดิ’ กนกกรตอบพร้อมเอี้ยวหน้าบอกเพื่อนสนิทให้เลือกสีและลักษณะแบบที่ตนถูกใจ ทว่าอัครฉัตรได้แต่ยืนมองอยู่นาน
‘แกเลือกให้หน่อย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงเขาชอบกันแบบไหน’ อัครฉัตรพูดน้ำเสียงเคอะเขิน
ไม่รอช้ากรกนกก็จัดการเลือกแบบเลือกสีอย่างว่องไว เสร็จสรรพจึงโยนหน้าที่การจ่ายเงินไปให้อัครฉัตร
‘ขอบใจมากน๊าที่อุตส่าห์มาช่วยเลือก ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวแกนะ’ อัครฉัตรพูดออดอ้อนเพื่อนสาวของตนอย่างที่เคยชินทำประจำ
‘ตามสะดวก บ๊ายบายขับรถดีๆนะ’ กรกนกบอกพร้อมโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินเข้าไปในตัวคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ไม่แพ้ของอัครฉัตร
20:00 น.
หลังจากส่งเพื่อนสาวอย่างกรกนกถึงที่ อัครฉัตรขับรถคันหรูมาที่ Red sky ร้านอาหารหรู บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
อัครฉัตรเดินเข้าไปในร้านอาหารสุดหรู จับจองโต๊ะวีไอพีสำหรับสองคน พร้อมสั่งอาหารราคาแพงหลายรายการ ทั้งให้พนักงานจัดเตรียมเชิงเทียน ให้บรรยากาศโรแมนติกอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องปลื้มปริ่ม
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมอัครฉัตรจึงโทรออกต่อสายหาแฟนสาวคนสวยของตนทันที
“ใกล้ถึงยังครับบิ๋ม”
“เอ่อ…กะใกล้ถึงแล้ว อิฐรอเราแป๊บนึงนะ” ปลายสายพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ครับ รีบมาน๊า”
“ค่ะที่รัก” ว่าจบมินตราผู้อยู่ปลายสายจึงตัดสายการติดต่อไป ทว่าผ่านไปสิบนาทีหลังจากที่อัครฉัตรโทรหาแฟนสาวก็ได้มีข้อความปริศนาจากใครบางคนส่งมาให้เขา
ติ้งง\~
อัครฉัตรจ้องสมาร์ตโฟนเครื่องแพงอยู่ครู่นึง ในหัวครุ่นคิดว่าเป็นใคร ก่อนที่จะกดเข้าห้องแชทปริศนา ภาพที่เห็นจากข้อความที่ถูกส่งมาคือคลิปที่แฟนสาวกำลังนอกกาย อัครฉัตรถึงกับตัวชาวาบ ใจเต้นระรัวราวกับใครตีกลองรัวอยู่ในอกก็ไม่ปาน
เขามั่นใจได้ว่าเป็นมินตราแฟนสาวของตนไม่ผิดแน่ หน้าตาที่ถูกถ่ายอย่างชัดเจน ทั้งเสียงร้องครวญครางที่ดูมีความสุขกับราคะนั่น อัครฉัตรได้แต่นั่งมองคลิปที่ถูกส่งมาอย่างแน่นิ่ง น้ำใสๆเริ่มไหนรินรดตามแก้มเนียน พอดิบพอดีตรงจังหวะที่มินตราเดินเข้ามา
“อะ..อิฐ เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม?” มินตราตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นแฟนหนุ่มของตัวเองนั่งจมกองน้ำตา
“เราดูโง่มากใช่มั้ยบิ๋ม?” อัครฉัตรถามแฟนสาวเสียงเรียบพลางยกมือปาดน้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลเป็นสายอย่างลวกๆ
“อิฐพูดเรื่องอะไร เราไม่เข้าใจ..” มินตราตอบกลับเสียงเริ่มสั่นระริก ในใจเธอร้อนเป็นไฟวูบวาบราวกับกลัวความผิดอะไรอยู่
“หึ” อัครฉัตรเค้นหัวเราะเย้ยหยันให้กับความโง่เง่าเต่าตุ่นของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้
“ไม่เข้าใจจริงๆหรอบิ๋ม แล้วนี่มันคืออะไร!! หน้าแบบนี้เสียงแบบนี้มันของเธอทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไง!!” อัครฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นัยตาแดงก่ำจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเค้นเอาความจริง
“…เราไม่ได้ตั้งใจอิฐ เราแค่หลงผิดชั่วขณะ” มินตราตอบเสียงสั่น มือเรียวคว้าแขนแกร่งของอัครฉัตรเขย่าเบาๆ แต่กลับถูกสะบัดทิ้งอย่างแรง
“การนอกใจนอกกายไม่มีหลงผิดหรอกบิ๋ม เราไม่ดีตรงไหน เพราะอะไรเธอต้องทำกับเราแบบนี้ หรือเพราะเรารักเธอมากเกินไป?” อัครฉัตรก้มหน้าหลั่งน้ำตาปากก็พร่ำถามมินตราไม่หยุดหย่อนว่าตนผิดพลาดตรงไหน
“…….เราขอโทษ”
“เหอะ เก็บคำขอโทษจอมปลอมนั่นกลับไปเหอะบิ๋ม”
อัครฉัตรพูดทิ้งท้ายก่อนจะสาวเท้าเดินหนีออกมา ในมือบีบกำกล่องของขวัญชิ้นเล็กสีแดงเอาไว้แน่น ของขวัญที่เขาเตรียมมาให้เธอโดยเฉพาะตอนนี้กลับกลายเป็นของไม่มีเจ้าของเสียแล้ว ชายหนุ่มหย่อนตัวนั่งในรถฝั่งเบาะคนขับ นิ้วเรียวกดโทรออกต่อสายหาเพื่อนสาวคนสนิทที่ป่านนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
“มีอะไรอิฐ เวลานี้ไม่ได้อยู่กับแฟนแกหรอกหรอ?” เสียงหวานปลายสายเอ่ยถามทันทีที่กดรับ
“แกว่างมั้ย อยู่ห้องรึเปล่า?” อัครฉัตรไม่ตอบคำถามใดๆ เพียงแค่ถามกลับคนปลายสายไปเท่านั้น
“ว่าง อยู่ สรุปแกมีอะไ….” ปลายสายพูดตอบได้แค่นั้นก็ถูกอัครฉัตรตัดสายทิ้งไปก่อนแล้ว เขาไม่รีรอรีบสตาร์ทรถคันหรู และออกเเรงเท้าเหยียบคันเร่งไปที่คอนโดมิเนียมของกรกนกทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก\~
เสียงเคาะประตูบานใหญ่ทำให้กรกนกที่นั่งดูซีรี่ย์อยู่ตรงโซฟากลางห้องถึงกับสะดุ้ง ทว่าเธอก็พอเดาได้ว่าคนหลังประตูบานนั้นคือใคร กรกนกหยัดตัวลุกจากโซฟาเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะเปิดมันออก
“แกเนี่ยชอบมารบกวนฉันดึกๆอยู่เรื่อ…” พูดยังไม่ทันจบกรกนกก็ต้องชะงักไปเสียก่อนเมื่อเห็นเพื่อนชายคนสนิทของตนดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาปูดบวม ทั้งในมือยังถือถุงหูหิ้วใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุเบียร์อยู่หลายขวด
กรกนกไม่กล่าวอะไรเพียงแต่ใช้มือเล็กกอบกุมแขนแกร่งและออกแรงดึงหน่อยๆเพื่อให้เพื่อนชายเข้ามาด้านใน จากนั้นเธอจึงปิดประตูลง
“ไอ้อิฐ… ใครทำอะไรแกวะ” กรกนกถามเสียงอ่อน แต่คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไรออกมาสักคำ ใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาว่างเปล่าตอนแรกกลับเริ่มมีน้ำใสๆไหลรินออกมา
หมับ!
กรกนกไม่รอคำตอบใดๆ เธอเข้าสวมกอดอัครฉัตรทันที คนตัวโตกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าจึงกอดตอบเธอเช่นกัน อัครฉัตรถึงกลับปล่อยโฮออกมา เขายืนสะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นนานหลายนาที จนในที่สุดผ่านไปราวๆสามสิบนาทีอัครฉัตรจึงสงบลงบ้าง
“แกไหวป่าววะ” กรกนกถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาส่องประกายถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน มือเล็กก็พลางลูบบ่าเพื่อนเป็นการปลอบใจไปด้วย แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธแทน
เห็นแบบนั้นกรกนกจึงไม่อยากถามไถ่อะไรเพิ่มเติม เพราะเธอรู้ดีหากอัครฉัตรสบายใจเมื่อไรเขาจะเล่าให้เธอฟังเอง
“งั้นก็กินเบียร์ย้อมใจกันหน่อยเป็นไง”
กรกนกพูดด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมยกขวดเบียร์ชูขึ้นขนานกับใบหูของตนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาคุนี้ กรกนกจัดการรินน้ำสีอำพันใส่แก้วและยื่นให้คนข้างๆ
อัครฉัตรกระดกแอลกอฮอล์เข้าปากอย่างกับคนหิวกระหาย แก้วในมือเขาถูกยกแก้วแล้วแก้วเล่า จนคนเศร้าเริ่มมึนเมา
“ฟาง…แกบอกฉันทีว่าฉันไม่ดีตรงไหน ฉันพลาดอะไรไป” ความเมาเข้าครอบงำทำให้อัครฉัตรที่ปิดปากเงียบมานานเริ่มพร่ำบ่นถึงสถานการณ์ที่เจอ
“…บิ๋มหรอ?” กรกนกถามคนเมาที่เอาแต่บ่นพรึมพรำ
“หึ ฉันรักเขาแทบตาย ฉันให้เขาได้ทุกอย่าง สิ่งที่เขาตอบแทนฉันเสือกเป็นการนอกกายนอกใจ ฉันดีไม่พอตรงไหนกันวะ!” อัครฉัตรพูดเสียงสั่น นัยตาที่สงบลงเริ่มแดงก่ำอีกครั้ง
“แกรู้ได้ไงวะ ว่าบิ๋มทำแบบนั้น”
สิ้นเสียงหวานของกรกนก อัครฉัตรจึงเปิดสมาร์ตโฟนกดเข้าห้องแชทปริศนาที่ส่งคลิปชวนน่าสะอิดสะเอียนมาให้เขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทันที ก่อนจะยื่นให้กรกนกที่นั่งอยู่ข้างๆดู
กรกนกเห็นคลิปดังกล่าวก็ได้แต่เอามือขึ้นมาป้องปากด้วยความตกใจ รีบกดปิดคลิปไปทันที เธอส่งมือถือคืนให้อัครฉัตรจากนั้นจึงเข้าสวมกอดเพื่อนอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะ แกทำดีที่สุดแล้วเขาเองต่างหากที่ไม่รู้จักพอ” กรกนกพูดพลางลูบแผ่นหลังแกร่ง ส่วนอัครฉัตรก็กระชับวงแขนโอบกอดเธอแน่น
ทั้งสองคนกอดกันกลมอยู่ครู่ใหญ่ เป็นอัครฉัตรที่ผละกอดออกก่อน จากนั้นก็กระหน่ำกระดกแอลกอฮอล์เข้าปากอย่างบ้าคลั่ง ราวกับตั้งใจจะดื่มให้ตายกันไปข้างยังไงอย่างนั้น
ตอนนี้เป็นเวลาดึกพอสมควร ทั้งอัครฉัตรและกรกนกก็ต่างเมามายมากกันทั้งคู่ อัครฉัตรนั่งโงกเงกตาปรือแทบลืมไม่ขึ้น หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“แกดื่มเยอะแล้ว พอเหอะ เดี๋ยวฉันพาไปนอนที่โซฟา” หญิงสาวพูดทั้งที่ตัวเองก็เมาแทบร่วง แต่ปากเจ้ากรรมกลับตกปากบอกชายหนุ่มไปแบบนั้นซะได้ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าหงึกๆ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!