จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออยู่ๆคุณก็มีแฟน...
เรื่องแปลกประหลาดที่ว่ากำลังเกิดขึ้นกับผม เพียงเพราะตื่นขึ้นมาในห้องนอนของเขา
แน่นอนว่าเราสองคนไม่ได้รู้จักกันมาก่อนและผมก็จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิดเดียว โอเคเรามีอะไรกันแหละครับ ตามร่างกายของผมมีร่องรอยแห่งความเร้าร้อนเต็มไปหมด แถมยังปวดสะโพกร้าวลงไปถึงขา ทางเขาเองก็เช่นกัน แผ่นหลังกว้างนั่นเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน
เรานั่งมองหน้ากันสักพัก เป็นเขาที่อยู่ๆก็เอ่ยขอผมเป็นแฟน บอกจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง
ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งสิครับ ใช่! มันเป็นครั้งแรกของผม แต่ผมก็บอกเขาไปตามตรงว่าไม่ได้ซีเรียส ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร นอกจากไม่ฟังกันแล้วยังรวบรัดตัดตอนเอาเองว่าเราสองคนเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ สามารถเปิดเผยให้คนทั้งโลกรู้โดยไม่อาย
ครับ!
ช่วยด้วยครับ!
จู่ๆผมก็มีแฟนโดยไม่ทันตั้งตัว
......................
แฟนห่าอะไรหายหัวไปเลย...
เป็นประโยคที่วนเวียนอยู่ในหัวหนึ่งสัปดาห์เต็ม อีกฝ่ายได้เบอร์โทรไปไม่ยักกะติดต่อมา น่าจะหลอกกันเล่นแล้วล่ะ พอคิดแบบนั้นก็นึกโล่งใจจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเขาอีกต่อไป
"พี่พร้อม! เพียงไปแล้วนะ"
"ไปดีมาดี กลับไม่เกินสองทุ่มนะโว้ย"
"คร้าบบบบบ"
ด้วยความเป็นนักแปลฟรีแลนซ์เวลาทำงานเลยไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง แถมรับงานมาทีหนึ่งก็มากมามก่ายกอง หามรุ่งหามค่ำแบบยาวๆ เงินมันหอมหวานนี่นา แถมยังต้องกินต้องใช้ น้องก็ยังต้องเรียนหนังสือ ดีที่บ้านไม่ต้องเช่าแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ
มาคิดๆดูที่วันนั้นเมาแล้วเสียตัวเป็นเพราะทะเลาะกับน้องนี่แหละ ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วไอ้เด็กนั่นมันอยากไปอยู่หอ ไอ้เราก็ห่วงบวกกับบ้านไม่ได้ไกลจากที่มันจะเข้าเรียนเท่าไร มันจะไป! เราไม่ให้ไป! กลายเป็นทะเลาะกัน
ผมเลยนัดเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวออกไปดื่ม จำได้แค่ว่าดื่มหนักมาก ปากก็บ่นให้เพื่อนฟัง หลังจากนั้นลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วภาพก็ตัดไปเลย ถามเพื่อนยิ่งไม่ได้ความเพราะมันเองก็เมาไม่ต่างกัน คงต้องรอถามคุณแฟนคนนั้นน่ะนะ
ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไง
ชื่อเสียงเรียงนามอะไรก็ลืมถาม มัวแต่ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น กลับมาบ้านเจอน้องนั่งร้องไห้อยู่เพราะโทรหาแล้วเราไม่รับสาย สุดท้ายนั่งปรับความเข้าใจกันอย่างจริงจัง โดยสัญญาแหละว่าจะให้ไปอยู่ได้ แต่เสาร์อาทิตย์เอ็งต้องกลับมานอนบ้านนะโว้ย ค่าเช่าหอก็ต้องหาเงินจ่ายเอง
มันดีใจใหญ่ ตบปากรับคำเสร็จสรรพ วันต่อมารีบออกไปหางานพาร์ทไทม์ทำ แล้วก็ได้ด้วยนะ เป็นงานร้านกาแฟใกล้มหาวิทยาลัยที่มันจะเข้านั่นแหละ
Rrrrrrrrrrrr
"พร้อมรักพูดครับ"
(ออกมาเจอกันหน่อย)
"หือ? นั่นใครครับ"
(ฉันเอง ออกมาหน้าบ้านหน่อย)
ฉันเองน่ะฉันไหน! จะว่าไปเสียงมันคุ้นหูแบบแปลกๆ รีบลุกไปส่องหน้าต่าง ปรากฏว่าคุณแฟนที่หายหัวไปหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ยืนอยู่หน้าบ้านครับทุกท่าน!
โอเค... เข้าใจละ
"งั้นรอแป๊บนึงนะครับ"
บ้านผมเป็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ท้ายซอยแปดในพื้นที่ของชุมชนร่วมบำรุง
เร่งฝีเท้าออกมาเปิดประตูรั้ว เผยให้เห็นชายหนุ่มที่สูงกว่ากันหลายเซน แต่ถ้าเทียบกันจริงๆเขาสูงกว่ามาก สุดหัวผมถึงแค่ไหล่เขาเอง หุ่นเหิ่นไม่ต้องพูดถึงเลยครับ แข็งแรงกำยำดูดุดันน่าเกรงขาม ขณะที่ผมสมส่วนติดจะลงพุงนิดๆ ไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย
อ๋อย~ พูดแล้วก็อายตัวเอง
"ทำไม่ถึง..."
พรึ่บ!
อีกฝ่ายพอเห็นหน้าก็ยื่นมือมาดึงผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมอกทันที ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับฟ้าประทานซุกซบอยู่ตรงซอกคอ จมูกโด่งคมสันสูดดมกลิ่นกายพลางขยับท่อนแขนกอดรัดให้แน่นขึ้น
"อื้ออออ คุณ! ผมหายใจไม่ออก"
"..."
เขาผ่อนแรงลงเล็กน้อยและยังคงกอดอยู่อย่างนั้น
"นี่ โอเคไหมครับ"
บางทีเขาอาจจะเหนื่อย... เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ เลยยืนให้เขากอดจนพอใจแล้วกระซิบบอกว่าเข้าบ้านกันเถอะ
พอมองดูดีๆแล้วถึงเห็นว่าเขาเหนื่อยล้ามากขนาดไหน ใบหน้าดูโทรมขาดการบำรุง หนวดขึ้นเต็มไปหมด ยิ่งดวงตานี่ยิ่งเห็นชัด พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ
เขานั่งอยู่ที่โซฟาขณะที่ผมนั่งอยู่บนตักของเขาอีกที กอดซบอยู่อย่างนั้น ถามว่าอึดอัดไหม... ก็นิดนึง ต้องเกร็งเพื่อไม่ให้ตัวเองทิ้งน้ำหนักตัวใส่เขามากจนเกินไป
เรามันไม่ใช่คนผอมบางร่างน้อย เรามันผู้ชายรูปร่างสมส่วนที่มีพุงย้อยๆให้คอยกวนใจ ของกินอร่อยใครจะสนกันล่ะ
"นี่คุณครับ ไม่เมื่อยเหรอ"
"อือ" เขาครางเสียงเบา
"ปล่อยผมเถอะ จะได้นั่งสบายๆ"
นิ่งมาก... ไม่ใช่ว่าหลับไปแล้วเหรอ กลัวจะเป็นอย่างนั้นเลยถือวิสาสะจับใบหน้าเขาให้เงยขึ้นเพื่อที่จะดู
อ่า...
"หลับ"
อย่างที่เห็นเลยครับ หลับตาพริ้มหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ โอเคจ้า นอนหลับฝันดีนะสุดหล่อ
ผมค่อยๆขยับลงจากตัก จับเขานอนบนโซฟาดีๆ เสร็จก็เดินขึ้นไปเอาผ้าห่มลงมาห่มให้ สรุปต้องรอเขาตื่นถึงจะได้คุยกัน...
เวลาต่อมา
...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหลับไปนานมาก หกโมงเย็นแล้วครับทุกท่าน ผมกำลังเข้าครัวทำอาหารรอน้องชายและทำเผื่อเขาด้วย
หมับ!
"หอม"
พ่อหนุ่มรูปหล่อเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แน่นอนว่าคนที่จมจ่อมอยู่กับสมาธิสะดุ้งตกใจไปตามระเบียบ เขาสวมกอดจากทางด้านหลังพลางกดจมูกหอมขมับไล่ลงมาถึงซอกคอ
เออดีเนอะ! ผมก็ยืนนิ่งให้เขากอดเขาหอมโดยไม่รู้สึกกระดากอายอะไรเลย
"หิวข้าว" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก
"อืม เสร็จหมดแล้วล่ะ เหลือทอดไส้กรอกอีกอย่างเดียว"
เพียงรักมันชอบกินไส้กรอกมาก ยิ่งมีชีสนะยิ่งชอบ กินได้ทุกวันไม่มีเบื่อ ยกหม้อแกงเขียวหวานลงแล้วตั้งกะทะเตรียมทอดต่อ
"ใจคอจะเกาะกันอยู่แบบนี้เหรอ"
"อือ"
ไม่ถนัดนิดหน่อยแต่ก็ปล่อยให้กอดอยู่อย่างนั้น เดินไปจัดโต๊ะ ตักข้าวตักแกงไปวาง เขาจึงผละออกไปนั่งทานไม่พูดไม่จา เทไส้กรอกชีสถุงใหญ่ลงทอดในกะทะหมดเลย จิ้มกินกับซอสมะเขือเทศ ก็ดี น้ำจิ้มซีฟู้ดนี่ก็สุดยอด
"อร่อยไหมครับ"
"อืม"
"ขนมจีนก็มีนะครับ ถ้าไม่อิ่มเติมได้ตามสบาย"
บ้านนี้เรื่องกินเรื่องใหญ่(รองจากเรื่องเงินที่ผมจะชอบมากเป็นพิเศษ) เอาจริงๆผมชอบกินมาก น้องเองก็เช่นกัน อาหารในแต่ละวันเลยหลากหลายเมนู อย่างวันนี้ก็ทำแกงเขียวหวานเนื้อ ผัดกะเพราหมูสับหมูกรอบใส่ไข่เยี่ยวม้า ซุปผักไว้ซดให้คล่องคอ น้ำพริกมันปูบวกผักลวก แล้วก็ไส้กรอกทอด ถ้าไม่หมดเก็บใส่กล่องเข้าตู้เย็นไว้อุ่นกินตอนเช้าต่อ
"เธอเองก็มากินด้วยกันสิ"
"ผมรอกินพร้อมน้องชายน่ะครับ"
"เธอมีน้อง?"
"ครับ"
"อ่อ... ฉันเองก็มีเหมือนกัน"
เราสองคนไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของกันและกัน... คุณว่ามันแปลกไหมล่ะครับ นอกจากมีแฟนแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฟนของตัวเองอีก
ผมเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มองเขาที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหาร บรรยากาศรอบข้างไม่ได้เงียบจนน่าอึกอัด หากจะดำเนินสถานะนี้ต่อไป...
"เราควรแนะนำตัวต่อกันได้หรือยังครับ"
จ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย เขาดูพอใจกับสถานการณ์จนปิดไม่มิด อะไรทำให้เขารู้สึกอย่างนั้นกันนะ
"ฉันชื่อเผ่าเพชร..." เขาเอ่ย
จากนั้นก็แนะนำตัวต่อว่า เขาอายุสามสิบสามปี เป็นผู้บริหารโรงแรมลักษมีธานี(ของตระกูลฝั่งแม่)ซึ่งมีสาขาอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆหลายแห่งและมีรีสอร์ทในเครือทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตผ้าและเสื้อผ้ารายใหญ่อย่างทวีโรจน์การทอ(ของตระกูลฝั่งพ่อ) รวมไปถึงเป็นเจ้าของบริษัทผลิตอาหารแช่แข็งชื่อดังอย่าง PhP Industry
หลังจากฟังจบคุณรู้ไหมว่าในหัวผมมันโล่งไปหมด นี่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครกันเนี้ย!!!
คนระดับเขาไม่น่ามาเสียเวลากับคนไม่มีอะไรเลยอย่างผมนะเอาดีๆ ควรเอะใจตั้งแต่เขาขับปอร์เช่มาส่งแล้วไหมแก
ที่น่าตกใจคือต้องเก่งไหนขนาดไหนถึงบริหารได้ตั้งสามบริษัท สภาพเขาถึงแย่อย่างที่เห็น ไม่เจ็บป่วยก็นับว่าพระเจ้ายังปรานี
"อ้อ! แล้วฉันก็เป็นลูกชายคนโต มีพี่สาวและน้องชายอีกอย่างละคน"
"ผมพูดไม่ออกเลยแฮะ เฮ้อ! เอาเป็นว่าผมชื่อพร้อมรัก อายุยี่สิบหกปี อาชีพนักแปลอิสระ" ไม่มีอะไรให้อวดนอกจากบ้านกับเงินประกันที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ แล้วก็เล่าคร่าวๆอีกนิดหน่อยว่าอาศัยอยู่กับน้องแค่สองคน
"เธอเองก็เก่งเหมือนกัน" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วดีต่อใจไม่น้อย
ถ้าน้ำตาแตกไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะอะไร ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมานั่งชมผมแบบนี้หรอก ญาติพี่น้องก็ตัดขาดกันไปนานแล้ว พวกคนเห็นแก่ตัวที่หวังเคลมเงินคนอื่นแบบนั้นนับญาติไม่ลงจริงๆ
พวกท่านเสียไปก่อนที่ผมจะเรียนจบ สี่ปีเห็นจะได้แล้วล่ะครับ ตอนนั้นเพียงรักอายุแค่สิบสี่สิบห้าปีเองมั้ง วัยกำลังโตน่ะ หัวเลี้ยวหัวต่อสุดๆ แต่มันก็ดีครับ เป็นเด็กดี พึ่งพาอาศัยได้
"ผมแค่แสบตาเฉยๆ ไม่ได้จะร้องไห้หรอกนะ ยังไงก็ขอบคุณที่ชมเพราะผมก็คิดว่าตัวเองเก่งอยู่เหมือนกัน"
เขาขำในลำคอเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน เท่าที่สังเกตเป็นคนค่อนข้างพูดน้อย เก็บอาการเก่ง ถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลย เขาคงต้องการให้คนอื่นจำภาพแบบนั้นแน่ๆ
"จริงด้วยสิ! ผมอยากรู้เรื่องคืนนั้น ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเราสองคนถึงได้..."
"เธอเมามาก เดินมาชนฉันที่หน้าห้องน้ำ ขอร้องให้พาเข้าไปฉี่หน่อย"
"แล้วก็พาไป?"
"ใช่" เขาพยักหน้าพลางย้ายมานั่งข้างๆ ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดร่างกายผมไว้ ใบหน้าเราใกล้กันเพียงคืบ สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นอาบรดจนต้องเอียงหน้าหนี
ฉวนโอกาสเก่งใช้ได้เลยนี่...
สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกันเนี่ย!!!
"แล้วหลังจากนั้นนายก็งอแงอยากกลับบ้าน"
"คุณก็เลยพาผมไปที่เพนท์เฮ้าส์ของคุณซะเลย?"
"ก็นะ ฉันถูกใจอะไรที่มันธรรมดาๆแต่ดันน่าค้นหา"
คุณพี่จะมาค้นหาอะไรผมครับ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่พุงย้วยๆกับหน้าตาบ้านๆ ไม่มีอะไรมำให้คุณเร้าใจได้หรอกนะครับพ่อรูปหล่อ
เออะ! ยิ้มแห้งเลยครับนาทีนี้ ขยับตัวยุกยิกให้รู้ว่าอึดอัด แต่มันไม่ได้ผลหรอกครับ เขายิ่งกอดรัด ยิ่งขยับหน้าเข้ามาใกล้ พางพูดชิดใบหูว่า...
"น่ารักจริงๆ"
อ๊ากกกกกกกกกกกก
"พอๆๆ เลิกแกล้งผมได้แล้วน่า"
"หึ! ฟอดดดด"
จึ้ก! เขากดจมูกเข้ากับแก้มของผม สูดดมเสียเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บก่อนผละออกไปนั่งยิ้มอย่างผู้ชนะ ช่างน่าหมั่นไส้อะไรอย่างนี้!
"จริงจังมากน้อยแค่ไหนล่ะครับ ถ้าจะเล่นๆก็เชิญป้ายหน้า ผมชอบความสัมพันธ์ที่มันไปกันรอด"
"ถ้าไม่จริงจังฉันคงไม่มาอยู่ที่นี่"
"จริงอะ?"
"จริงสิ แล้วคืนนี้ฉันก็จะค้างที่นี่กับแฟนสุดที่รักของฉัน"
สุดที่รักก็แย่ละ
ไปพูดแบบนี้กับคนอื่นคงหลงตายห่า แต่ไม่ใช่กับไอ้พร้อมรักโว้ย ความรักที่ดีคือความรักที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ผมไม่เชื่อเพียงเพราะเขาบอกว่าจริงจังหรอกนะ
ก็แค่ลมปากของคนเพิ่งรู้จักกัน
"ผมชอบเงินมากนะบอกไว้ก่อน แล้วก็รักสบายสุดๆ โชคดีจริงๆที่ได้เป็นแฟนคนรวยอย่างคุณ"
ดูออกไหมว่าผมประชด... หมั่นไส้ท่าทางกวนประสาท! นั่งยิ้มอยู่ได้ ก่อนหน้านี้ยังทำเป็นเก็บอาการเก่งอยู่เลยพ่อคุณ เฮ้อ~ แต่ใจจริงก็อยากมีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องทำงาน นอนใช้เงินไปวันๆเหมือนกัน
"เอาเลขบัญชีมาสิครับ จะโอนเช้าโอนเย็นเลย"
คนเจ้าเล่ห์ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆพลางยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยมาให้ ผมบึนปากใส่พลางรับมากดหมายเลขบัญชีลงไป เอาสิ! ใครมันจะแน่กว่ากัน
กล้าโอนก็กล้าใช้นะโว้ยยยย
"ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับสำหรับการเลี้ยงดู" แทบจะกราบยอดอก
...ภายใต้บรรยากาศอันเงียบสนิท เรานั่งสบตากัน ความสัมพันธ์แบบไม่ทันตั้งตัวจะพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่การทำความเข้าใจของแต่ละคน
ตอนนี้ยังไม่รักก็ไม่เป็นไร ความรู้สึกมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในท้ายที่สุดถ้าเราไปด้วยกันต่อไม่ไหว... ผมขอไม่รับปากแล้วกันว่าจะเสียใจไหม อย่างมากก็คงขอบคุณที่เข้ามาทำให้ชีวิตมีสีสันล่ะนะ
Tbc.
สวัสดีความรักกับการมีแฟนวันที่สอง เขานอนอยู่ข้างๆผมนี่เอง หลับปุ๋ยน่าเอ็นดูเชียว
แหวะ! แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขนาดหลับยังดูดี
เมื่อคืนบ้านแทบแตก เมื่อเพียงรักกลับมาเจอแขกอันทรงเกียรติ ถามคำถามร้อยแปดพันเก้า สารพัดจะถามตามประสาคนไม่เชื่อสายตา โวยวายสติแตกที่พี่ชายอยู่ๆก็มีแฟน
แล้วช่างเป็นแฟนที่แสนเพอร์เฟค!
มันไม่เชื่อว่าพี่ชายของมันจะมีแฟนได้ วันๆเอาแต่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอม ออกจากบ้านนับครั้งได้ ไปไกลสุดก็แค่ตลาดกับร้านสะดวกซื้อ หลงทางเก่งก็ที่หนึ่ง เพราะอย่างนั้นจะเอาเวลาไหนไปมีกันล่ะ
คนเจ้ากี้เจ้าการอยากเป็นแฟนเลยรับหน้าที่ตอบคำถามทั้งหมดแทน แม้จะยังมีเรื่องตะขิดตะขวงใจ แต่ก็คลายสงสัยลงไปบ้างพร้อมทั้งยินดีกับความสัมพันธ์ของเราสองคน
และก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอน มิวายกระซิบบอกคุณแฟนของพี่อีกว่าพี่น่ะชอบเงินมากที่สุดเลย ให้อะไรก็ไม่ดีใจเท่าให้เงิน ของกินน่ะเป็นรองเพราะต้องมีเงินถึงจะซื้อกินได้
พอได้ยินแบบนั้นเข้า เขาหันมาระเบิดเสียงหัวเราะใส่ผม บอกว่าเพียงรักตลกพอๆกับพี่ชายเลยเนาะ สมกับที่เป็นพี่น้องกันจริงๆว่างั้น
ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงนะ หน้าเงิน คบเพราะเงิน ก็แล้วแต่จะคิดจะเข้าใจเลย
...ผมน่ะชอบเงินด้วย จริงจังในความสัมพันธ์ด้วย ไม่ได้หรือไงล่ะ
"ที่รัก"
"อือ"
"ตื่นนานแล้วเหรอ"
"สามสิบนาทีได้"
"หืม"
ด้วยความที่เตียงผมมันเล็กมาก นอนคนเดียวสบาย แต่สองคนคือต้องเบียดเอา เบียดเสร็จโดนกอดตลอดคืน ผมนึกว่าตัวเองจะหายเข้าไปในตัวเขาแล้วนะ แบบหลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน
"ที่รัก"
"ครับ"
เขาเรียกผมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืน บอกเรียกแบบนี้ดูสนิทกันดี แถมบอกให้ผมเรียกเขาว่าพี่เผ่า ใช้คุณมันดูห่างเหินเกินไป
โอเคเลย~ คุณพี่เผ่า
"ที่รัก"
"มีอะไรครับคุณพี่เผ่า"
เรียกแล้วไม่พูดนะ หาเรื่องกวน เห็นเขานิ่งๆพูดน้อยแบบนี้เป็นนักกวนประสาทหน้าตายอันดับหนึ่งเลย
"..."
"วันนี้ต้องไปทำงานไหม"
"อือ ออกสายๆ"
"น่าจะหาเวลาพักบ้างนะครับ เห็นสภาพเมื่อวานแล้วเดี๋ยวจะแย่เอา"
ร่างกำยำขยับมานอนซบอกพาดแขนกอดกัน ขณะที่ผมนั่งพิงหัวเตียงไถโทรศัพท์มือถือเช็คข่าวสารไปเรื่อยเปื่อย
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงรู้สึกแปลก ไม่ชินเมื่อถูกคนเพิ่งรู้จักกอดหอม แต่สำหรับผมคือเฉยๆมาก ราวกับยอมรับโดยอัตโนมัติว่าอีกฝ่ายคือคนรัก
"ฉันอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน"
"เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ น้องชายผมยังต้องการคนดูแล"
"เขาโตแล้ว"
"แต่เขาคือครอบครัวเพียงคนเดียวของผม"
"..."
"ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะครับ"
อีกฝ่ายไม่พูดอะไรอีก นอนกอดผมอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าในหัวกำลังคิดอะไร ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปช้าๆ จากห้าเป็นสิบเป็นยี่สิบนาที
"ลุกอาบน้ำเถอะครับ ผมจะลงไปทำมื้อเช้า"
ดันเขาออกเพื่อลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็ลงไปข้างล้าง เห็นเพียงรักกำลังนั่งกินอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน
"วันนี้เพียงกลับดึกหน่อยนะพี่พร้อม"
"แกจะไปไหนต่อ"
"เลิกงานแล้วเพียงจะไปงานวันเกิดเพื่อน"
"เพื่อนคนไหน พี่รู้จักไหม"
"อ่า... เป็นเพื่อนของไอ้ยิมอีกทีน่ะครับ"
"อ้าว แล้วเขาจัดที่ไหนกันล่ะ"
"คอนโดDAWANDA แถวย่านสุขุมวิท"
"โอเค ยังไงก็ส่งโลเคชั่นเลขห้องเลขชั้นให้ด้วยแล้วกัน"
"รับทราบ!"
"อือ"
เดินผ่านเจ้าน้องชายไปทางตู้เย็น จะเอาของเหลือออกมาอุ่นให้คุณพี่เผ่ากินเห็นทีจะไม่ดี เขามีเงินมากมายไม่เป็นจำต้องมากินกับข้าวเหลือๆด้วยซ้ำ อืม...งั้นทำข้าวผัดแล้วกัน
"แฟนพี่ยังไม่ตื่นเหรอ"
"ตื่นแล้ว"
"เขาหล่อมากเลยเนาะ หล่อแบบหล๊อหล่ออออ"
"หึๆ ขนาดนั้นเลยนะ"
"ขนาดนั้นเลยแหละ"
ก็นะ... เรื่องความหล่อเหลาเขาชนะขาดลอย แถมยังเก่งแล้วก็รวยมหาศาล บางทีก็แอบภูมิใจเล็กๆที่ได้ของแรร์ไอเทมแบบนี้มาครอบครอง
เร่งมือผัดข้าวระหว่างที่เขายังไม่ลงมา ใส่หมู ใส่ไข่ ใส่กุ้ง เทข้าว ปรุงๆ เสร็จก็โรยต้นหอมซอย ปิดไฟตักใส่จาน โรยพริกไทยใส่ผักชีตกแต่งหน้าอีกนิดหน่อยเป็นอันเรียบร้อย
"เพียงไปก่อนนะพี่พร้อม"
"อือ ไปดีมากดี"
ไอ้เด็กแสบเก็บจานชามมาวางไว้ในซิงค์ล้างจาน แวะกอดหนึ่งทีก่อนจะตีก้นเราอีกหนึ่งครั้ง พอเราจะตีคืนมันก็รีบวิ่งหนีออกไป ได้ยินเสียงปิดประตูบ้านประจวบเหมาะกับที่คุณพี่เผ่าเดินเข้ามาพอดี
"เขาออกไปไหน" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางคลอเคลียเรา กอดหอมจนพอใจจึงผละออกไป
"ทำงาน"
"อ่อ..."
วางจานข้าวลงบนโต๊ะ วนเปิดตู้อีกรอบเพื่อหยิบน้ำมารินใส่แก้ว ตัวเองยังไม่หิวเลยไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม
"กาแฟด้วยได้ไหม"
"ไม่มีหรอกครับ บ้านนี้ไม่ดื่มกาแฟน่ะ"
"งั้นก็ไม่เป็นไร"
ผมมองเขาขณะที่เขาก้มมองจานข้าว นิ่งเหมือนไม่อยากกิน
"ปกติตอนเช้าพี่กินอะไรครับ"
"กาแฟ"
"อย่างเดียว?"
"..." พยักหน้า
ผมเลยดึงจานข้าวมาไว้ตรงหน้าตัวเองแทน ใช้ช้อนตักพอดีคำแล้วยื่นไปหาเขา
"วันหลังผมจะออกไปซื้อมาไว้ให้ วันนี้ก็กินข้าวผัดรองท้องไปก่อน โอเคไหม"
เขาอ้าปากงับคำข้าวพลางพยักหน้า กลายเป็นว่าต้องนั่งป้อนอยู่อย่างนั้นกระทั่งหมดจาน เอ้อระเหยจนเกือบสิบโมงถึงจะออกไปทำงาน มิวายทิ้งท้ายว่าจะกลับมาค้างด้วย
ทำงานเพลินจนลืมเวลา สักสี่โมงเย็นกว่าๆผมรีบออกไปซื้อของสดเข้าบ้านและไม่ลืมซื้อกาแฟคั่วบดอย่างดีกลับมาด้วย ราคาปาดเหงื่ออยู่เหมือนกันนะครับ
แต่ท่านไม่ต้องห่วง คุณพี่เผ่าเขาโอนเงินให้อย่างที่ปากว่าไว้ ผมเลยใช้เงินนั่นซื้อครับ คิคิคิ
อาหารเย็นวันนี้ไม่ได้ทำเยอะเพราะเจ้าน้องชายกลับดึก กินเลี้ยงวันเกิดอะไรเพื่อนเขานั่นแหละ กลับมาบ้านก็คงจะอิ่มแปล้
เวลาต่อมา
คุณพี่เผ่ากลับมาถึงบ้านราวๆหกโมงเย็นซึ่งผมทำอาหารเสร็จพอดี ไม่มาเปล่าเขามาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า บอกหน้าตายอีกว่าจะมาอยู่ด้วย
ห้ะ?
คุณพรี้!!!!!
บ้านช่องหลังใหญ่โต ไหนจะเพนท์เฮ้าส์สุดหรู ทำไมคุณพี่เผ่าคนดีถึงไม่ไปอยู่ มาอยู่อะไรในบ้านหลังเล็กแค่นี้ เตียงก็แค่นั้นเดี๋ยวก็นอนปวดหลัง
อะไรในตัวผมทำให้เขาคลั่งขนาดนี้ครับทุกท่าน คือผมไม่ได้จะอวยตัวเอง แต่เอะอะกอดเอะอะหอมมันชักจะเกินไปหน่อย บางทีก็รำคาญ วอแวไม่เลิกไม่ราเสียที นี่เพิ่งรู้จักกันแค่สองวันเองนะ
โวยวายในใจไปก็เท่านั้น เอาเข้าจริงผมไม่คิดจะปฏิเสธเขาด้วยซ้ำ ย้อนแย้งแบบแปลกๆ ไม่อยากยอมรับเลยว่าเป็นแบบนี้มันก็ดี...
โอ๊ย! ผมมันคนย้อนแย้งโว้ยยยยยย
"หิวแล้ว"
"ไปล้างมือสิครับ"
มัวแต่หงุดหงิดงุ่นง่าน สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจแล้วรีบตั้งโต๊ะ อีกฝ่ายล้างมือเสร็จก็มานั่งรอ
"พี่จะอยู่นานแค่ไหน"
"ก็จนกว่าเธอจะยอมย้ายไปอยู่กับฉัน"
"น่าจะอีกนาน"
ย้ายน่ะย้ายได้ ดีเสียอีกจะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานบ้าง แต่ที่ยังไม่ไปหลักๆผมเป็นห่วงน้องชายน่ะครับ
"ฉันรอได้"
ผมชอบชีวิตของตัวเองนะ มันเรื่อยๆเอื่อยๆ ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ถึงอย่างนั้นข้อเสียมันก็มีครับ ด้วยความอยู่แต่บ้านเวลาไปไหนถ้าไม่หลงทางก็นั่งรถเลยป้ายตลอด จำอย่างอื่นแม่นนะแต่กับเรื่องเส้นทางนี่ขอยอมแพ้
"อร่อย"
ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงทุ้มนุ่มดังเรียกสติ เขาเอ่ยชมพลางกินข้าวคำใหญ่ มีการตักกับข้าวมาให้กันอีกต่างหาก
"อร่อยก็กินเยอะๆ"
ใช้เวลาสักพักกว่าจะกินเสร็จ เขาเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บข้างบน บ่นว่าอยากซื้อเตียงนอนให้ใหม่ ของเดิมมันสำหรับนอนคนเดียว
ด้วยความที่บ้านหลังเล็ก พื้นที่ใช้สอยไม่ได้มีมากมาย คนที่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่อาจไม่สะดวกสบาย แต่ไม่เห็นใจหรอกนะเพราะนี่มันบ้านผมนี่นา อยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต
ทำความสะอาดครัว ล้างจานชามเสร็จเรียบร้อยก็เอาไอติมมานั่งกินหน้าทีวี ดูรายการเบาสมอง ปกติจะทำงานช่วงกลางคืนด้วย ยาวถึงตีสามตีสี่ แต่เพราะเขามาอยู่ด้วยคาดว่าน่าจะไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว
โต๊ะทำงานตั้งอยู่ในห้องนอนครับ ถ้านั่งทำเกรงว่าน่าจะรบกวนการนอนของอีกฝ่าย ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ชีวิตผมมันก็มีแค่นี้แหละครับ ใครเบื่อต้องขออภัยจริงๆ
"ที่รัก"
"หืม?"
ร่างสูงใหญ่เดินลงบันไดมา กลิ่นหอมสดชื่นของสบู่ลอยมาเตะจมูกจนต้องหันไปมอง
"พรุ่งนี้จะมีคนเอาเตียงมาส่ง ฉันโทรสั่งไปแล้ว"
"ห๋า! ไม่คิดจะปรึกษากันก่อนเลยหรอ"
"จะได้นอนสบายๆไงครับ"
เขานั่งลงพลางดึงผมไปกอดไว้ ใบหน้าอยู่ใกล้ซึ่งง่ายต่อการแทะเล็มแก้มผมมากมาย หอมๆดมๆอยู่อย่างนั้นแหละครับ
"ห้องก็เล็กแค่นั้น"
"มันเป็นแบบประกอบได้ เบาะเบอะอะไรก็นุ่มสบาย"
"เอาที่สบายใจแล้วกัน เบื่อจะพูดด้วยแล้ว"
"หึ! หน้างอๆ"
ใครว่าเขานิ่งผมขอเถียงขาดใจเลย กับคนอื่นอาจจะบุคลิกหนึ่งแต่อยู่กับผมก็เป็นแบบนี้
มือหนาบีบปากผมไว้แล้วกดจูบแรงๆย้ำๆ คนไม่มีทางสู้พยายามดันออก รำคาญด้วยเจ็บด้วย!
"อื้อ! พี่เผ่าาาา"
"ทำไมน่าเอ็นดูแบบนี้ หืม? หืมมมม"
จากนั้นก็โดนฟัดไปตามระเบียบ
Tbc.
จากหนึ่งวันสองวันข้ามขั้นเป็นสัปดาห์ ใช่ครับทุกท่าน... ผมกับคุณพี่เผ่าสุดหล่อบาดลึกถึงขั้วหัวใจของใครหลายคน(อวยสุด!)คบกันได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว
เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่เราไม่แม้แต่จะทะเลาะกันเลย ช่วงข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้ นานเข้ามีแต่จะเบือนหน้าหนี
เอาเป็นว่าอยู่ในช่วงที่ยังตัดสินอะไรไม่ได้ ด้วยความที่ยังใหม่กันทั้งคู่ การศึกษานิสัยใจคอจึงเป็นเรื่องสำคัญ
"อื้อ!"
ริมฝีปากอุ่นประทับจูบทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าไล่ลงไปถึงช่วงล่างที่แค่สัมผัสก็สะท้านไปทั้งตัว หลังจากที่เราสำเร็จเสร็จสิ้นภารกิจอันเร้าร้อน กระดากปากแต่ก็ต้องบอกนะว่านี่เป็นครั้งที่สองของเราสองคน
มันดี... เพราะผมจำทุกสัมผัสและทุกความรู้สึกได้อย่างชัดเจน ต่างจากครั้งแรกที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เลย
"ลุกไหวไหม ไปอาบน้ำกัน"
ทั้งที่บอกว่าให้ดำเนินความสัมพันธ์อย่างค่อยเป็นค่อยไปแท้ๆ สุดท้ายก็ตะบะแตกเพราะถูกยั่วยุจากคนเจ้าเล่ห์
ลุกไม่ไหวหรอกครับ อ้อ! เตียงใหม่ใช้ดีมาก นอนแล้วหลับสบาย ที่ไม่สบายคือแม้เตียงจะใหญ่แค่ไหนคุณพี่เผ่าเขาก็ขยันนอนเบียดอยู่ดี
พรึ่บ!
"อื้อ! พี่เผ่า"
เขารับผิดชอบดูแลอย่างที่ปากว่าไว้ได้ดีมากครับ นี่ก็ถึงขั้นอุ้มผมเข้ามาในห้องน้ำ ลงมืออาบให้ มิวายวกมาแทะเล็มเดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอม ลำพังยืนจะไม่ไหวยังต้องมาวุ่นวายปัดป้องอีกฝ่ายอีก
โอ๊ย! เหนื่อยยยย
"ห้องน้ำเล็กไปหน่อย" บ่นเรื่องนี้อีกแล้วครับท่าน ไม่ใช่ในหัวแพลนจะทุบห้องน้ำผมทิ้งหรอกนะ
เราอยู่ด้วยกันหนึ่งสัปดาห์แล้ว ซึ่งเช้าเขาออกไปทำงานเย็นก็กลับเข้าบ้าน เป็นแบบนี้ทุกวันจนไอ้เพียงน้องรักมันแซวว่าเหมือนคู่รักที่แต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ว่าไปนั่น!
"ปกติไม่เคยทำเลยใช่ไหมครับ"
ผมถามขณะที่นั่งมองอีกฝ่ายพยายามเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ใส่อีกมุมหนึ่งอีกมุมก็หลุดออก แบบนี้จะไม่ให้หลุดหัวเราะได้ยังไง
พี่เขาหันมายิ้มก่อนพุ่งมากอดด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะขำตัวเอง ผมเองก็หัวเราะขบขันกอดปลอบให้กำลังใจ บางครั้งคนอย่างคุณพี่เผ่าเพชรก็น่าเอ็นดูอยู่เหมือนกัน
.
.
.
"เอาไว้เพียงรักย้ายไปอยู่หอก่อน ถึงเวลานั้นผมค่อยย้ายไปอยู่กับคุณ"
ผมตัดสินใจหลังจากผ่านกระบวนการคิดมาแล้วหลายต่อครั้ง ซึ่งเอ่ยบอกกลางวงอาหารเย็นทำเอาทั้งน้องทั้งแฟนอึ้งไปตามๆกัน พวกเขาหันมองหน้ากันจากนั้นก็หันกลับมามองหน้าผม
"จริงเหรอ?" พี่เผ่าถามย้ำ
"จริงๆใช่ไหมพี่พร้อม" เพียงรักก็เอาด้วยอีกคน
"อืม แต่ข้อตกลงของเรายังเหมือนเดิม เสาร์อาทิตย์แกต้องกลับบ้าน ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน"
"เพียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถามพี่เผ่าเถอะว่าโอเคไหม"
"โอเค เอาตามที่เธอว่านั่นแหละ"
เพราะยังไงเขาก็ตามผมไปทุกที่อยู่แล้ว
"ได้ยินว่าต้องสอบก่อนใช่ไหม รอฟังผลอีก รวมๆแล้วใช้เวลาเท่าไรเหรอเพียงรัก" เขาถามน้องผม
"ราวๆสามสี่เดือนมั้งครั้บ"
อีกประมาณสามเดือนที่จะถึงนี้เพียงรักต้องไปสอบตรง แล้วผมมั่นใจด้วยว่าน้องผมสอบติดแน่นอน เด็กมันเก่งก็ต้องอวยสิครับรออะไร
"ระหว่างนี้ก็อ่านบ้างล่ะหนังสือหนังหา"
"ค้าบๆ เพียงอ่านทุกคืนแหละน่า"
"อืม เอ้า! กินเข้า"
ตักผัดผักกุ้งให้ มิวายหันไปตักใส่จานให้คุณแฟนด้วย บทสนทนาหลังจากนั้นเป็นเรื่องเรื่อยเปื่อยทั่วไป การใช้ชีวิต สิ่งกำลังที่สนใจ
กินเสร็จผมกับน้องช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจาน ส่วนพี่เผ่าขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน และบอกว่ามีงานต้องเคลียร์นิดหน่อยซึ่งเขาหอบมันกลับมาด้วย เลยขอยึดโต๊ะทำงานของผมชั่วคราว
ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ผมขึ้นมาอาบน้ำบ้าง เห็นเขานั่งทำงานเลยไม่ได้พูดอะไร งานของตัวเองก็เยอะไม่แพ้กันหรอกครับ หน้ามืดรับมาเพราะค่าจ้างล้วนๆ
เงินจากพี่เผ่าก็ยังได้รับอยู่ทุกเช้าเย็นครับ สม่ำเสมอสุดๆ ไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่เท่าไรนั้นขอไม่บอกแล้วกัน เดี๋ยวรู้แล้วจะอิจฉาตาร้อนเปล่าๆ คึคึ
ผมหอบงานลงมาทำที่ห้องนั่งเล่น เปิดทีวีค้างไว้ให้ไม่เหงาใจ รายการวาไรตี้ของเกาหลีเป็นอะไรที่ชอบมาก ตลกแบบขำค้าง
ผ่านไปพักใหญ่รู้สึกปวดตาไม่ไหวจึงลุกไปถอดคอนแทคเลนส์เปลี่ยนเป็นใส่แว่นแทน คำเตือนนะครับทุกท่านกรุณาอย่าทำตามผม การใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปอาจทำให้ตาของท่านขาดออกซิเจนและเกิดอาการล้าได้ ซึ่งผมใส่มาตลอดทั้งวัน เพิ่งจะถอดตอนอาบน้ำแล้วกลับมาใส่ต่อเพราะไม่ชอบแว่นสายตามันรู้สึกหนักหน้า
เอาล่ะ! ผมจัดการถอดมันออกแล้วขึ้นไปหยิบแว่นมาใส่ พี่เผ่าหันมองก่อนลุกขึ้นเดินมาหา ผมยิ้มแห้งเหมือนคนถูกจับได้
"ปวดตา?" เขารู้ฮะ
มือหนายกขึ้นมาคลึงบริเวณหัวตาให้ แขนอีกข้างโอบรัดรอบเอวไว้จนร่างกายแนบชิดกัน
"เดี๋ยวได้ตาบอด"
"ก็แบบ..."
"อย่าทำอีก"
"โอเคๆ จะไม่ทำแล้วค้าบบบบ"
น้ำเสียงดุดันพลางจ้องผมอย่างจริงจัง ไอ้เราก็กลายเป็นหมาหงอ กอดอ้อนเพื่อไม่ให้ถูกดุมากกว่านี้ ยืดตัวขึ้นกดจมูกหอมแก้มทั้งสองข้าง
เอาใจสุดๆครับนาทีนี้
ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจเป่าลดกันแผ่วเบา ผมรู้ว่าเขาจะทำอะไร จึงได้แต่หลับตาพริ้มรอรับจูบอันอบอุ่น
ริมฝีปากนุ่มประทับลงมา ผมเอียงใบหน้ารับปรับองศาให้พอดี เขาดูดดึงเคล้าคลึงทั้งริมฝีปากบนและล่าง เรียวลิ้นร้อนกอบเกี่ยวกันไปมา สองขาสั่นเล็กน้อยจนอีกฝ่ายต้องคอยกอดประคองเอาไว้
"อืม..." คนตัวสูงใหญ่ครางออกมาอย่างพอใจ
คิดจะครองโสดไปจนตายแท้ๆแต่ดูตอนนี้สิ ผมมีแฟนที่คลั่งผมมาก และเราก็กำลังจูบกันอย่างเร้าร้อน
ท่อนแขนแข็งแรงโอบอุ่มผมขึ้นขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงแนบชิดติดกัน เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงนอน เขาทิ้งตัวผมลงแล้วตามมาทาบทับพลางประกบปากจูบต่อทันที มือก็ถกเสื้อยืดย้วยๆของผมขึ้น
"อึก! แฮ่ก แฮ่ก..."
"ได้ไหม" เขาถามเสียงกระเซ่า
ผมไม่ได้ตอบทำเพียงรั้งใบหน้าเขาลงมาประกบปากจูบอีกครั้ง สองขายกเกี่ยวเอวสอบไว้ นัวเนียคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้น งานที่ว่าจะทำให้เสร็จคืนนี้เห็นทีจะไม่ได้ทำแล้วล่ะครับ
ผ่านไปอีกหลายสัปดาห์... วันเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน แป๊บๆก็ครบหนึ่งเดือนทีผมมีแฟนแล้วครับ ในส่วนของคุณแฟนเองก็ยังอยู่ด้วยกันทุกวัน
ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนตอนนี้อยู่ในขั้นของการคึกษาดูใจ เรียนรู้นิสัย เพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกันและกันเลย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ซับซ้อนนะครับ หมายถึงท่าทาง อารมณ์ ความต้องการ เราล้วนแต่บอกกันอย่างตรงไปตรงมา และรับรู้ได้โดยไม่ต้องถาม
"พรุ่งนี้ไปโรงแรมด้วยกัน" เขาพูดขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งดูทีวีด้วยกัน จะได้เจอหน้าก็แค่ช่วงเย็น
ไม่บอกก็รู้ว่างานเขายุ่งมากแค่ไหน แม้จะกลับบ้านตรงเวลาแต่ก็หอบงานกลับมาทำด้วยทุกคืน ปกติถ้าเราไม่ได้คบกันเขาคงทำงานอยู่ตลอดแน่นอน ตัวผมเองช่วงนี้ก็ยังรับงานเท่าเดิมเพิ่มเติมคือไม่ได้โหมทำเท่าเมื่อก่อน ต้องแบ่งมาดูแลแฟน ผ้าไม่ต้องซักเองผมทำให้หมด ไหนจะงานบ้าน อาหารการกินอีก
"หืม?"
"อยากให้ไป"
"ทำไมล่ะครับ"
"จะได้รู้ไงว่าฉันทำงานที่ไหน"
"เหตุผลแค่นั้นน่ะนะ?"
ผมหัวเราะพลางลูบคิ้วเข้มที่เริ่มจะขมวดเข้าหากัน อารมณ์แบบอยากให้ไปด้วยแต่ไม่รู้จะพูดยังไง
"โรงแรมคุณดังออกขนาดนั้นทำไมผมจะไม่รู้จัก"
"แต่เธอไปไม่ถูก เธอเป็นพวกหลงทิศ"
"แรงมาก! นั่งแท็กซี่ นั่งแกร็บ ก็ไปถึงได้เหมือนกัน"
อีกฝ่ายไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูด นั่งถอนหายใจจนผมขำอีกรอบ ท่าทางของเขาตลกมากครับ เหมือนเด็กโดนขัดใจ
"โอเคๆ ไปก็ไป"
เขากอดผมไว้แน่นพลางกดจมูกหอมแก้มย้ำๆ เดาเอานะว่าคงอยากพาไปให้คนอื่นเห็นแหละมั้งว่าตัวเองมีแฟนเป็นตัวเป็นตน หรือไม่ผมก็คิดไปเองคนเดียว
วันต่อมา
เราตื่นกันแต่เช้าเช่นเคย พี่เผ่ากำลังอาบน้ำส่วนผมเก็บเตียงแล้วลงไปดูที่ครัว เห็นเพียงรักกำลังสาละวนอยู่หน้าเตา ทำอะไรกินก่อนออกไปทำงาน
ไอ้เด็กแสบเงินเดือนออกวันนี้เลยอารมณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ฮัมเพลงเต้นส่ายก้นโดยไม่รู้เลยว่าพี่มันยืนดูอยู่
"มีเงินเดือนเป็นของตัวเองแล้ว พี่คงไม่ต้องให้เพิ่มแล้วมั้งเนี่ย" เอ่ยขัดจังหวะขณะที่อีกคนสะดุ้งตกใจ
"โหยยยย พี่พร้อมอ่า มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง"
"หึๆ ทำอะไรกิน ฝากทอดไข่กับไส้กรอกหน่อยสิ"
หยิบกระปุกกาแฟในชั้นด้านบนลงมาตั้งวางไว้ก่อนผละไปเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ
"เอาเยอะไหมครับ"
"ไข่หนึ่ง ไส้กรอกสอง"
"เบคอนก็มีหนิครับ เอาด้วยไหม"
"ไม่เอา พี่เขาไม่ค่อยชอบเท่าไร"
"อ่อ... แล้วก็นะพี่พร้อม"
"หืม?"
"เงินเดือนเพียงยังเอาอยู่นะ พี่จะมาตัดออกไม่ได้"
"ฮ่าๆๆ ก็เห็นว่าทำงานหาเงินเองได้แล้ว"
"แหม คนมันต้องกินต้องใช้นะครับพี่ชาย"
"เออๆ รู้แล้ว"
"เกินได้แต่ขาดไม่ได้นะฮะ"
ให้เงินน้องเป็นรายเดือนครับ ไม่มากไม่มายเพื่อให้บริหารจัดการเองเป็น หมดแล้วขอเพิ่มไม่ได้ด้วย ยิ่งทำงานพิเศษเพิ่มแบบนี้มีเงินใช้ไม่ขาดมือแน่นอน แต่สุดท้ายไอ้แสบมันก็เก็บไว้ใช้กับเรื่องการเรียนนั่นแหละ
เพียงรักทอดไข่กับไส้กรอกใส่จานไว้ให้ พอเสร็จตัวเองก็ไปนั่งกินของตัวเองที่โต๊ะ คิดว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ให้สักคัน จะได้สะดวกเวลาไปทำงาน ขับไปเรียนก็ได้ เดี๋ยวต้องคุยกันอีกที ไหนจะต้องหัดขับอีก ใบขับขี่ก็ต้องมี ยุ่งยากหลายอย่างเลย
ชงกาแฟตั้งวางไว้ แล้วขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวบ้าง พี่เผ่ากำลังกอบเอาเอกสารใส่กระเป๋า ใส่สูทหล่อเนี๊ยบเหมือนอย่างทุกวัน
แน่นอนว่าถ้าไปก็คงอยู่ทั้งวันเลยหอบเอางานของตัวเองไปทำด้วย ไม่ต่างอะไรกับการไปนั่งเฝ้าแฟน เหอเหอ~
อยู่ด้วยกันมาไม่เคยถามว่ามีรถกี่คันกันแน่ เพราะเมื่อคืนหลังจากที่ตอบตกลงเขาก็โทรสั่งให้คนเอารถมาเปลี่ยน วันนี้ผมเลยได้นั่ง bmw สีขาวคันสวยไปยังโรงแรมลักษมีธานี
tbc.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!