NovelToon NovelToon

เกิดเป็นจอมมารครานี้ข้าจะเลวให้สุด!!

เรื่องราวตาลปัตรพลิกพันชีวิตสาวงาม

ในยุคสมัยที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้า ทุกสิ่งอย่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน ระบบกระแสไฟฟ้า เครื่องสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่พลังงานที่มองไม่เห็นก็ถูกนิยามขึ้นมาในคำศัพท์ภาษาให้เข้าใจง่าย

ตระกูลหวังครั้งอดีตยังเป็นเพียงต้นตระกูลล้าหลัง ไม่มีหัวคิดการค้าแต่อย่างใด ทรัพย์สินเงินทองส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นบุญเก่า ยังไม่มีใครสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลเข้าตระกูลได้จนกระทั่ง หวังลี่กวง ชายผู้ที่ทุ่มทั้งชีวิตเพื่อศึกษาระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้รู้แจ้งจนเข้ากระดูกดำ

เขาสร้างชื่อเสียงให้ต้นตระกูลทั้งยังหยิบจับรายได้มหาศาลมาไว้ในอุ้งมือ ครอบครัวตระกูลหวังเฟื้องฟูขึ้นมากในช่วง30ปีมานี้

เมื่อไม่นานภรรยาของหวังลี่กวงได้ให้กำเนิดบุตรสาวออกมาคนหนึ่ง เธอมีนามว่า "หวังหลิงหลิง" แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หลังจากที่แม่ของเด็กได้ให้กำเนิดบุตรสาวขึ้นจู่ๆเกิดภาวะช็อคกระทันหันทำให้เกิดการสูญเสียที่น่าโศกเศร้า

หวังหลิงหลิงไม่เคยแม้กระทั่งจะได้จับมือถือแขนกับผู้เป็นแม่ นั่นถือเป็นปมที่อย่างหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่อย่างมาก แต่เพราะเธอนั้นเป็นลูกเพียงคนเดียวที่ต้องสืบทอดวงศ์ตระกูล พ่อของเธอคอยเอาแต่พร่ำสอนให้เธอศึกษาด้านไอที วันๆเอาแต่กรอกหูเธอให้เก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ จนเธอเองก็รู้สึกเอือมระอา

พออายุได้20ปีหลังจากนั้นเธอก็เริ่มเกเรพ่อพูดอะไรเธอก็ไม่ฟัง วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่กับหนังสือนิยาย แต่เพราะนั่นเป็นเพียงความสุขเดียวของเธอแล้วจริงๆ

ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหวังหลิงหลิง ปีนี้เธอก็อายุ25ปีแล้ว ใครๆต่างก็ให้คำแนะนำเธอราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นอาจารย์ผู้เก่งกล้า พ่อของเธอก็เอาแต่นอบน้อมเชื่อฟังคำแนะนำทั้งพี่พอลับหลังพวกเขาก็ชอบแสดงสีหน้าแหยะๆออกมา

"หลิงหลิง" พ่อของเธอกำลังพับเสื้อเชิ้ตแขนยาวขึ้นมาไว้ที่ข้อศอก เขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ได้มีคำกล่าวเอ่ยตักเตือนใดๆหลุดออกมาแต่นั่นกลับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่ายินดีนักสำหรับสาวน้อย

"ตอนนี้อายุ25แล้วนะ" วันนี้เขามาแปลกจริงๆ ความสุขุมแต่แฝงเจือไปด้วยเรื่องราวมากมายที่อยากพูด แต่แล้วก็ตัดสินใจกลืนมันลงคอ

"ค่ะ" เธอหลุบตาลงต่ำมองพื้นห้องอย่างประหม่า

"ฉันจะให้แกเข้าไปเรียนรู้หลักการทำงานและวิธีการต่างๆในบริษัท ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป" ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหันหนีไปทางอื่นขณะคุยเรื่องนี้กับเธอ

"ไม่ค่ะ ฉันจะไม่ไป" สายตาของเธอแข็งกร้าว จ้องมองผู้เป็นพ่อไม่ละสายตา

หวังลี่กวงรีบหันหน้ามามองลูกสาวตัวเองอย่างไว เธอเพิ่งปฎิเสธความหวังดีของเขางั้นหรอ!

"แกว่ายังไงนะ ไม่ไปงั้นหรอ!" เขาขึ้นเสียงใส่ลูกสาวของตัวเองทันที

สาวน้อยตกใจกับการถูกตะคอกใส่เล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงท่าทีแข็งกร้าวนั้นเอาไว้ทั้งที่หัวใจกำลังเต้นระสั่น หวั่นกลัวว่าอีกคนจะโกรธเธอมากๆอยู่

"ไม่รู้แหละ ยังไงพรุ่งนี้แกก็ต้องไป!" คนเป็นพ่อออกคำสั่งเด็ดขาดขึ้นมาทันที

จู่ๆเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นขณะที่คนเป็นพ่อออกคำสั่งนั่น แสงสีฟ้าฟาดลงบนพื้นเป็นแบ็กกราวพื้นหลังขับให้คำพูดของหวังลี่กวงดูน่าเกรงขามขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่หยุดหย่อน

ถึงอย่างนั้นหวังลี่กวงก็ยังหยิบเสื้อตัวนอกของเขาที่เพิ่งพาดลงบนเก้าอี้ไม้ราคาแพงเดินออกไปด้านนอกที่มีอากาศหนาวเหน็บ ฝ่าสายฝนที่ตกหนักราวกับกลั่นแกล้งกันไปขึ้นรถและขับออกไปทันที

หลิงหลิงได้แต่มองตามผู้เป็นพ่อเดินผ่านหน้าเธอไป หญิงสาวกลับไม่สนใจแล้วเดินหัวร้อนขึ้นห้องไปทันที

"ไม่เข้าใจเลยจริงว่าทำไมถึงต้องบังคับกันขนาดนี้!" เธอพ่นวาจาเชิงตัดพ้อออกมาเพียงลำพังขณะแช่อ่างอาบน้ำสวยๆอยู่

ไม่นานสาวเจ้าก็เดินมานั่งบนเตียงพร้อมชุดนอนลายหมีพูสีเหลืองของเธอ หญิงสาวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าแล้วก็ยังโมโหไม่หาย หากไม่ใช่เพราะเธอคือลูกของเขาเธอก็ไม่มีวันให้เขามาบังคับเธออย่างนี้ได้แน่นอน!

หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความโกรธในจิตใจ เธอเปิดหนังสือนิยายที่ตัวเองอ่านค้างเอาไว้มาอ่านต่ออย่างระทึกใจ เพราะหน้าหนังสือที่ค้างเอาไว้กำลังถึงจุดพลิกผันของเหล่ามารแล้ว

เป็นเวลานานมากที่เธอยังจดจ้องอยู่กับตัวหนังสือให้กระดาษ แผ่นแล้ว แผ่นเล่า จนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน มีเพียงเสียงฟ้าร้องที่เธอจดจำได้ดี

จู่ๆแสงสีฟ้าก็ฟาดลงบนหลังคาบ้านหรูของหวังหลิงหลิงทันที

เปรี้ยง!!!

เสียงฟ้าผ่าครั้งสุดท้ายในใจ หวังหลิงหลิงเดินตามทางเดินรกร้างน่าหวาดกลัวมาเรื่อยๆ เธอก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด แล้วเหตุใดสองข้างทางถึงมีแต่หัวกะโหลกพวกนั้นแถมยังถูกทิ้งเรี่ยราดกระจัดกระจายไว้เช่นนี้ เธอหันมองซ้ายขวาอย่างนึกหวั่นเกรง

ที่นี่คล้ายดินแดนมารที่อยู่ใต้ภิภพเหมือนในภาพบรรยายหนังสือที่เธออ่านค้างเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ดินแดนเหล่านั้นก็เป็นเพียงคำเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น หรือไม่ก็เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้คนเพียงเท่านั้นแหละ!

"ฮึ่ก ฮืออ" หูเจ้ากรรมพลันก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังแว่วออกมาจากที่ใดสักแห่ง รอบๆตัวของเธอเป็นเหมือนสะพานทางเดินกว้างโล่ง ด้านล่างเป็นหุบเหวลึกจนสุดลูกตาดูน่าหวาดเสียวยิ่ง ส่วนเบื้องหน้าก็คล้ายซุ้มทางเข้าไปที่ใดสักที่หนึ่ง แถมยังมองไม่เห็นด้านใน แต่กลับเห็นเป็นแสงสีม่วงอ่อนๆครอบคลุมบดบังเอาไว้

หลิงหลิงยืนชั่งใจอยู่ตรงนั้นนานพอสมควร เธอกลัวว่าถ้าหากเดินเข้าไปแล้วเจอพวกคนชั่วเธอจะทำอย่างไร ถึงมันจะเป็นเพียงความฝันแต่เจ้าตัวนั้นก็มีคามขี้ขลาดอยู่หลายส่วน

"ฮือออ" เสียงร้องนั้นดังขึ้นกว่าเดิม และเมื่อเธอสังเกตดูรอบๆก็ไม่มีใคร นอกเสียจากหลังม่านนั่นจะมีคนอยู่!

หลิงหลิงยืนตัดสินใจอีกไม่นาน เธอถอนหายใจอยู่หลายเฮือกก่อนจะหลับตาลงแล้วเดินผ่านม่านบางๆนั่นเข้าไปด้านในนั้น เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบทางเดินไกลออกไปอีกหน่อยและมีทางแยกสองทางขึ้น "นี่มันอะไรกัน?"

หางตาคู่น้อยเหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังนั่งคุดคู้ฟุบหน้าลงและกอดเข่าร้องไห้อยู่ หลิงหลิงไม่ได้คิดอะไรอีกทั้งนั้น เธอรีบเดินเข้าไปปลอบเด็กคนนั้นทันที

"เป็นอะไรคะ ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้" มือข้างขวาเอื้อมลูบปอยผมนุ่มหอมนั่นอย่างสงสาร

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยคราบน้ำตาเปรอะรอบดวง

"พี่สาว พี่สาวช่วยข้าได้หรือไม่?" การพูดจาที่ตกยุคไปมากทำให้หลิงหลิงนึกงงงวย ยุคนี้สมัยนี้ยังมีคนพูดสำเนียงเก่าแก่นี่อยู่อีกหรือ

"เธอจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ" หญิงสาวถามหยั่งเชิง

เด็กน้อยหันหน้าไปที่ทางแยกนั่นก่อนจะชี้ไปทางที่ต้องเดินเบี่ยงออกทางขวา หลิงหลิงหันตามมือของอีกคนช้าๆ แต่พอเธอกำลังจะหันมาเค้นเอาความจู่ๆเด็กคนนั้นก็หายไปแล้ว

หญิงสาวหันซ้ายแลขวามองสำรวจจนทั่วแต่ก็ไม่พบ เหลือเพียงตัวของเธอกับบานประตูทางเข้าใหญ่ๆนี่เท่านั้น

หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างสับสน เธอหันมองสำรวจหาเด็กคนนั้นอีกหลายครั้งหลายคราก็ไร้วี่แวว ความงงงวยยังคงไม่คลาย เพียงแต่ตอนนี้เธอนั้นต้องเลือกเดินก่อน

การตัดสินใจครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง หากเธอเดินไปตามทางที่เด็กปริศนาคนนั้นบอกแล้วเกิดอันตรายขึ้นเล่า แต่หากเดินผ่านม่านประตูนี้ไปแล้วไม่ใช่ทางเดิมที่เธอจากมาอีกเล่า

สุดท้ายหลิงหลิงจึงเลือกเดินตามคำของเด็กสาวคนนั้นเพราะความสงสัยใคร่รู้หากเดินไปตามที่เด็กคนนั้นบอกแล้วเจอเจ้าหล่อนอีกครั้งเธออาจจะได้มีโอกาสซักถามเด็กคนนั้นให้รู้ความ

หญิงสาวเดินตามทางไปเรื่อยๆอย่างระมัดระวัง เธอไม่ต้องการให้ความฝันนี้ผันเปลี่ยนเส้นทางตามใจชอบอีก เมื่อหญิงสาวเดินไปได้ไม่นานจู่ๆก็บังเกิดมีแสงสีทองสะท้อนลงมาที่ร่างกายบอบบางของเธอ ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้งราวกับถูกบังคับ ทั้งที่เธอพยายามขัดขืนเท่าไหร่ก็ไม่เปฺ็นผล สุดท้ายเธอก็ยอมหลับตาลงตามความต้องการที่ไม่รู้ว่าใช่ความต้องการของตัวเองจริงหรือไม่

คุณหนูหลิงลู่ ธิดาจอมมาร

ภายในบ้านไม้ทำจากท่อนไม้ไผ่แก่ดูเก่าซอมซ่อ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนเป็นของมีราคาที่พวกมียศตำแหน่งสูงๆเขาใช้กัน หากแต่มันดูเก่าราวกับเป็นของที่เคยผ่านมือใครมามากแล้วเสียมากกว่า

หลิงหลิงลืมตาตื่นขึ้นมากลางบ้านไม้แห่งหนึ่ง บนที่นอนแข็งๆไร้ซึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงร่างบอบบางของนางที่นอนอยู่ หลิงหลิงลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆด้วยที่นางยังรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง

"คุณหนู!!!" หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกาะที่ขอบเตียงของนางแน่น หลิงหลิงตกใจไม่น้อย นางจำได้ว่าที่บ้านของนางไม่เคยมีสาวใช้หน้าตาแบบนี้มาก่อน

"คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" นางนั่งลงเกาะขอบเตียงไว้แน่น ปากก็เอาแต่ถามถึงอาการของคนที่นางเรียกว่าคุณหนู

หลิงหลิงนั่งประมวลผลอยู่สักพัก แม่นางคนนั้นเองก็เงียบไปแล้วแต่สีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยนไปอีกแบบ การแต่งกายของนางก็ช่างมอซอมอมแมมราวกับคนไม่มีเสื้อผ้าใส่ผัดเปลี่ยน ผมเผ้ารกรุงรังประหนึ่งถูกใช้งานอย่างหนัก แต่ท่าทางนอบน้อมไร้พิษภัยของนางทำให้หลิงหลิงผ่อนคลายขึ้นได้หนึ่งส่วน

"คุณหนูเจ้าคะ นี่คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ?" นางผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าดำนั่นขึ้นมาอิงหน้าผากมนของเธอ

"เอ่อ.. ฉัน" หลิงหลิงเปล่งน้ำเสียงตะกุกตะกักนั่นออกมา.. แต่เอ๊ะ ทำไมน้ำเสียงของเธอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ!?

หวังหลิงหลิงมองซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่ง เธอเหลือบไปเห็นบานกระจกหนาวางตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของตัวบ้านก็รีบปรี่เข้าไปหามันทันที

หญิงสาวปริศนาคนนั้นถึงกับตะลึงงัน นางเบิกดวงตากลมโตจ้องมองไปทางหญิงสาวที่ที่เพิ่งอายุได้สองร้อยปีเต็มเมื่อวานนี้เองอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ

"ไม่นะ.. นี่มัน" หลิงหลิงตกใจอย่างมากเมื่อเจ้าหล่อนวิ่งไปส่องกระจกบานหนาแต่เก่ากึกนั่นดู

นี่มันไม่ใช่ใบหน้าของเธอ นี่เหมือนกับใบหน้าของสาวน้อยคนนั้น สาวน้อยที่เธอเดินเข้าไปปลอบในความฝันนั้น ใช่แล้ว! นี่อาจจะเป็นความฝัน

หลิงหลิงลงมือหยิงตัวเองแรงๆเพื่อเช็คสถานการณ์ตรงนี้ว่าเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่

"โอ๊ย!!"

"คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนูอย่าทำอย่างนี้เลยนะเจ้าคะ!" แม่สาวรับใช้คนนั้นรีบปรี่เข้ามากอดขาเธอเอาไว้แน่น นางดูใส่ใจและทะนุถนอมร่างๆนี้มากเสียเหลือเกิน

"นี่ ปล่อยชั้นนะ! ชั้นไม่ใช่เจ้านายของเธอสักหน่อย" หลิงหลิงโพล่งปากออกมาอย่างตกใจ สาวใช้คนนั้นรีบหยุดการกระทำทุกอย่างของเธอทันที

"เอ่อ.." หลิงหลิงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นพลาดแล้ว นางเดินไปนั่งบนเตียงขนาดเล็กนี่ก่อนจะเอ่ยซักถามสาวใช้ทันที "นี่.. เธอชื่ออะไรหรอ?"

แม่นางผู้นั้นขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองใบหน้างามนี้อย่างสงสัย

"คุณหนูกล่าวอันใดออกมาหรือเจ้าคะ?" นางนั่งพับเพียบลงแหมะข้างเตียงของหญิงสาวอีกครั้ง

"ข..ข้า ข้าหมายถึงเจ้าชื่ออะไร" โชคยังเข้าข้างที่เธอนั้นอ่านนิยายแนวย้อนยุคมาบ้างคลังคำศัพท์ต่างๆจึงผุดออกมาให้หยิบจับมาใช้ได้โดยง่าย

"นี่คุณหนู.. โถ่คุณหนูของบ่าว ฮึกๆ" ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้ตอบคำถามอะไรเธอเจ้าหล่อนก็โห่ร้องออกมามากจนน้ำตาแทบจะหลั่งเป็นสายเลือดอยู่รอมร่อ

นางเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กนี่เบาๆ หลิงหลิงนั้นเกิดความสงสัยขึ้นมาข้างในจิตใจมากมาย ทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่บ้านซอมซ่อแห่งนี้ แล้วถ้าหากนางเป็นคนที่มีฐานะต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้วเหตุใดถึงมีคนใช้

"นี่เจ้า อย่างเพิ่งแสร้งโศกเศร้าไปได้หรือไม่ ข้าอยากได้คำตอบแล้ว" หลิงหลิงใช้สายตาคมมองอีกคนอย่างคาดคั้น

เจ้าหล่อนรีบใช้มือเปื้อนดินเปื้อนโคลนนั่นปาดน้ำตาวงน้อยออกก่อนจะกลับมาแนะนำตัวกับผู้เป็นนายอย่างกระตือรือร้น

"ข้ามีนามว่ามู่อวง เป็นสาวรับใช้ของคุณหนูเจ้าค่ะ" สาวเจ้าส่งยิ้มกว้างนั่นมาให้เธอจนสุดแก้ม

มู่อวงงั้นหรอ แล้วถ้าจะถามถึงชื่อของร่างกายนี้ล่ะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มีฐานะอะไร แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ เธอควรจะถามมู่อวงอย่างไรดี

ราวกับรู้ใจนัก สาวรับใช้คนนี้เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคนเป็นนายก็รู้ได้ทันที

"คุณหนูสงสัยอันใดอีกหรือไม่เจ้าคะ" นางกุมมือนายของตนแน่นก่อนจะเขย่าไปมาเบาๆ

"ข้า.. เหตุใดข้าจึงจำอะไรไม่ได้เลย เกิดอะไรขึ้นกับข้าหรือไม่" นางแสร้งตีสีหน้างงงวยขึ้นอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่แล้วสาวใช้ผู้จงรักภักดีก็พลันน้ำตาร่วงหล่นอีกครั้ง

"โถ่ คุณหนูของบ่าว เมื่อสามวันก่อนนายหญิงใหญ่มาที่นี่เจ้าค่ะ นางจับท่าน.."

"ทำไม นางทำอะไรข้า"

สีหน้าของมู่อวงกล้ำกลืนจะพูดเหตุการณ์นั่นออกมามาก หลิงหลิงเกือบจะอดทนฟังแทบไม่ไหว

"นางจับท่านกดน้ำเจ้าค่ะ!" มู่อวงกล่าวออกมาอย่างกระแทกอารมณ์ หลิงหลิงรู้สึกเวทนาเด็กหญิงคนนี้มาก แต่ก็ยังรู้สึกดีแทนเด็กผู้หญิงคนนี้มากเช่นกันที่นางยังมีคนที่รักนางอยู่ข้างกาย

"เพราะเหตุนี้งั้นรึข้าถึงจำเรื่องราวในชีวิตไม่ได้เลย"

หลิงหลิงยังแสร้งทำสีหน้าเศร้าสร้อย และบ่าวรับใช้ผู้โง่เขลาก็ดันหลงกลอุบายของนางจิ้งจอกเข้าให้แล้ว

"คุณหนูของบ่าว ฮึกฮืออ" ยังไม่ทันได้ทำอะไรอันเป็นที่น่าเศร้าสลดหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอีกแล้วแม่นางผู้นี้ช่างบ่อน้ำตาตื้นเสียจริง

"ตกลง เจ้าช่วยเล่าทุกอย่างในชีวิตนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่" ถึงกระนั้นจิ้งจอกสาวเจ้าเล่ห์ก็ยังใช่กลอุบายเปิดปากสาวรับใช้ต่ออย่างแยบยล

"ได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูชื่อคุณหนูไป๋หลิงลู่เสินเจี้ยเจ้าค่ะ แต่ผู้อื่นมักเรียกท่านว่าแม่นางหลิงลู่"

"คุณหนูเป็นบุตรสาวของจอมราชันที่21 เจ้าค่ะ องค์ไป๋ม่อเหวินอวี่ "

หลิงหลิงนั่งฟังอีกคนเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ เรื่องราวพวกนี้คล้ายกับในนิยายที่เธอชอบอ่านจริงๆด้วย ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหลุดมาอยู่ที่นี่

"ที่นี่คือภิภพเบื้องล่าง ที่ที่เหล่ามารอย่างเราอาศัยอยู่เจ้าค่ะ" มาถึงตอนนี้หลิงหลิงถึงกับตาโตหันขวับไปมองหญิงสาวอีกคนทันที

"เมื่อกี้เธอ!.. เอ่อ เจ้า เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรนะ!" หลิงหลิงรู้สึกว่าเมื่อตะกี้ตัวเองนั้นตกใจจนสติเกือบหลุด เผลอทำเรื่องผิดสังเกตให้สาวคนนี้จับได้เสียแล้ว

"เอ่อ.. ที่นี่คือภิภพของเหล่ามารและสัตว์ชั้นต่ำที่พวกคนข้างบนนิยามมาให้เจ้าค่ะ" มู่อวงแอบชำเลืองมองผู้เป็นนายเล็กน้อย

นี่มันอะไรกัน! อย่าบอกนะว่าเธอหลุดมาอยู่ในโลกของนิยาย...

นางทาสชั้นต่ำ

"คุณหนูเจ้าคะ!! คุณหนูท่านรอข้าด้วย!!"

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นกลางตลาดใหญ่ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมประชากรจำนวนมากของเผ่ามาร ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก สุนัขจิ้งจอก หรือแม้แต่เหล่ามาร แต่ละคนมีรูปร่างต่างๆหลากหลายออกไป บ้างก็มีหูยาวแหลม บ้างก็มีหาง และที่หนักไปกว่านั้นคือ บางคนก็มีหลายมือ

หากเป็นหลิงลู่คนก่อนคงได้กลัวหัวหดไม่กล้าออกมาสู้หน้าเหล่าประชาชีพวกนี้เป็นแน่ แต่หลิงหลิงคนนี้กลับรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับมัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การดำรงชีวิต หรือแม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา

น่าแปลกที่พอคุณหนูแห่งเผ่ามารอย่างหลิงลู่เดินผ่านใครไปก็มักจะมีเสียงติฉินนินทาตามหลังมาเสมอ ดูท่านางจะทำเรื่องไม่น่าพอใจให้แก่เหล่าประชาของนางไม่มากก็น้อย

"นี่ มู่อวง" หญิงสาวทั้งสองเดินเข้ามานั่งในร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง อีกคนร่าเริงไร้ซึ่งการหอบเหนื่อย ส่วนอีกคนที่เป็นบ่าวกลับเหนื่อยหอบจนจะเป็นลมแทน

"เจ้าค่ะ คุณหนูของมู่อวงมีอะไรสงสัยหรือ"

ถึงเจ้าหล่อนจะเหนื่อยหอบสักเพียงใดก็ต้องปรับสมดุลให้ปกติโดยเร็ว เพราะคุณหนูของนางตอนนี้ต่างไปจากเดิมมาก กำลังวังชาก็เพิ่มขึ้นจนน่าอัศจรรย์ ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ

"ทำไมทุกคนถึงมองข้าแล้วหันไปซุบซิบนินทากัน?" สาวเจ้าถามโพล่งขึ้นมาเสียงดังราวกับไม่หวั่นกลัวผู้ใด

"คุณหนูท่านเบาเสียงลงหน่อย"

"ข้ารู้แล้วๆ จะเล่าได้หรือยัง"

มู่อวงทอดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางหันมองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าแถวนี้จะไม่มีคนขององค์จอมมาร

"เมื่อก่อนคุณหนูเคยออกมาเที่ยวเล่นอย่างนี้ที่ไหนกันเล่าเจ้าคะ วันๆก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ผู้คนต่างก็ใส่ร้ายนินทาหาว่าคุณหนูของมู่อวงนั้นรังเกียจประชากรของตัวเองกัน" มู่อวงเล่าออกมาอย่างละเอียดแต่เสียงนั้นกลับเบาบางมากราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแอบฟังบทสนทนาของเรา

"อย่างนั้นรึ" หลิงหลิงในร่างของหลิงลู่พยักหน้ารับก่อนที่นางจะหันมาท้าวคางนั่งครุ่นคิดอะไรต่อ

ในตอนนี้หากนางมาอยู่ในร่างของหลิงลู่ มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างของนางที่อยู่อีกโลกนั้นจะมีวิญญาณของหลิงลู่สิงสู่อาศัยอยู่ หรือไม่ หากวิญญาณของหลิงลู่ดับสิ้นไปเล่า ตอนนี้ร่างกายของนางจะเป็นเช่นไร..

"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ!"

"ว่าอย่างไร!" หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย นางกำลังใช้สมองอันน้อยนิดนี้ไตร่ตรองเหตุการณ์แลคาดเดาทางที่มันจะเป็นไปได้ แต่ดันถูกคนรับใช้เรียกคืนสติจนหมด

"คุณหนูเจ้าคะ.." นางหันมาสะกิดผู้เป็นนายอีกรอบด้วยท่าทีหวั่นกลัวอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาว

หลิงหลิงมองหน้าทาสรับใช้ของตนแว๊บหนึ่ง แต่เมื่อนางเห็นทีท่าผิดสังเกตของอีกคนจึงรีบหันมองตามสายตาของทาสสาวทันที

ร่างอ้วนท้วมเทียบได้กับโอ่งน้ำเดินได้ มุมปากทั้งสองด้านมีเขี้ยวแหลมยื่นออกมาดูน่าเกลียดน่ากลัว หญิงอ้วนนางนั้นกำลังยืนอวดเบ่งประชิดตัวของหลิงหลิงอยู่ สายตาของนางดุดันราวกับจะฆ่าแกงกันเสียให้ได้

"เอ่อ.. แม่นางมีเรื่องอันใดกับข้าหรือไม่?" หญิงสาวรีบลุกกุลีกุจอออกไปยืนข้างๆสาวรับใช้ของตน ถ้าเกิดมีเรื่องอันใดไม่ชอบมาพากลขึ้นจะได้จับมือกันวิ่งได้ทัน

"ใช่แม่นางหลิงลู่หรือไม่" นางถามขึ้นเสียงดังจนก้องกังวาลไปทั่ว ผู้คนต่างหันมาให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้

หญิงสาวสองคนจับมือกันแน่น ไม่รู้เหตุใดถึงต้องหาหลิงลู่กัน ถึงตอนนี้จะมีเพียงหลิงหลิงก็ตาม แต่มันจะช่วยอะไรได้หากว่านางยังอยู่ในร่างของหลิงลู่คนนี้

"ช..ใช่แล้ว ข้าคือหลิงลู่เอง" หญิงสาวตอบกลับไปอย่างยำเกรง หากนางคิดสังหารตนคงไม่แคล้วต้องตายคาตลาดสดนี่เป็นแน่

แล้วจู่ๆแม่นางร่างกายอ้วนท้วมผู้นั้นก็นั่งคุกเข่าคำนับนางทันที หลิงหลิงตกใจอย่างมากที่เห็นแม่นางผู้นั้นแสดงกิริยาแบบนี้ออกมา

"เจ้า เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลย" นางรีบวิ่งเข้าไปประคองหญิงอ้วนผู้นั้นทันที

"ข้าได้รับคำสั่งให้มาตามท่านไปพบจอมมาร เชิญทางนี้" นางก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมแต่กลับดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

นี่หรือเผ่ามารที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว เพียงเพราะเขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนพวกมนุษ์ และดูน่าเกลียดน่ากลัวแค่นั้นหรือ?

หลิงหลิงเดินตามหญิงสาวผู้นั้นไปเรื่อยๆอย่างร่าเริ่ง แตกต่างจากมู่อวงที่ดูหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา

"เจ้าเป็นอะไรไปมู่อวง ใยทำหน้าตาเช่นนั้นกัน" หลิงหลิงหันมาถามสาวใช้ด้วยท่าทีสงสัย

นางใสซื่อต่อโลกใบนี้มากนัก เห็นแค่เพียงเขาคำนับก็วิ่งโร่ตามเขามาแล้ว หากเกิดอันตรายอันใดขึ้นจะทำอย่างไรกัน

"คุณหนูเจ้าคะ ทางนี้มิใช่ทางไปที่พำนักของจอมมารนะเจ้าคะ" มู่อวงแอบกระซิบให้ผู้เป็นนายได้ยินเพียงผู้เดียว

แต่มีหรือจะเล็ดลอดหูของนางอ้วนผู้นั้น นางใช้หางตาเหลือบมองหญิงสาวทั้งสองแว๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองต้นทางเช่นเดิม

"ข้ากำลังพาไปทางลัด หมาโง่อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร"

"ข้าเป็นหมาป่าต่างหาก!!"

มู่อวงรีบแก้ต่างทันที เจ้าหมูอ้วนนี่มันเป็นใคร บังอาจมากล่าวหาว่าหมาป่าแสนสวยอย่างมู่อวงนั้นเป็นหมาโง่!

หากแต่ตอนนี้เจ้านายคนสวยของมู่อวงกลับแอบหันไปกลั้นขำอยู่อีกทางเสียนี่ หญิงสาวรีบหันไปตำหนิเจ้านายก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงใส่ทันที

เดินมานานหลายชั่วยามแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของประตูเมือง สองข้างทางกลับเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นรกทึบ

"นี่เจ้า! นี่เป็นทางลัดไปที่เมืองแน่หรือ เหตุใดเดินทางมาก็หลายชั่วยามแล้วยังไม่ถึงเสียที" ไม่กี่นาทีก่อนหวังหลิงหลิงเองก็รู้สึกตะหงิดใจขึ้นมาบ้าง นางเริ่มส่งสัญญาณให้สาวใช้ทิ้งระยะห่างออกมาก่อนจะตะโกนถามออกไป

นางอ้วนผู้นั้นหยุดเดินอย่างกระทันหัน ทำให้สองสาวนั้นพลอยหยุดตามไปด้วย

"เมื่อนานมาแล้วมีครอบครัวนางทาสชั้นต่ำครอบครัวหนึ่งกำลังหนีออกจากวังเพื่อออกไปใช้ชีวิตตามยถากรรม แต่เมื่อจอมราชันทราบเข้า ก็ไม่คิดละเว้นโทษ ท่านผู้นั้นลงมือสังหารครอบครัวของทาสชั้นต่ำทิ้งอย่างไม่ใยดี ไม่ละเว้นแม้แต่เด็กเพียงไม่กี่ขวบ"

นิทานสั้นถูกยกขึ้นมาเล่าแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลิงหลิงที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรนางอ้วนผู้นั้นขึ้นแต่อย่างใด หญิงสาวปล่อยให้นางเล่าต่อไปอยู่อย่างนั้น

"แต่แล้วโชคชะตาก็ยังมีมอบให้ ลูกสาวของนางทาสชั้นต่ำผู้นั้นยังไม่ตาย นางรอดมาแต่กลับมีชีวิตอย่างลำบากตรากตรำ วันๆต้องหาหาอาหารประทังชีวิต หันหน้าไปทางใดก็มีแต่พวกใจร้าย ไม่มีใครเห็นใจ สมกับเป็นพวกมารโฉดชั่วเสียจริง 55555" นางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

มู่อวงเกาะแขนนายสาวเอาไว้แน่น หลิงหลิงเองก็รีบก้าวเท้าถอยหลังช้าๆเพื่อไม่ให้หญิงอ้วนผู้นั้นจับสังเกตได้ แต่ยังไม่ทันถึงสามก้าวหญิงผู้นั้นก็หันขวับมาหาพวกนางทั้งสองทันที

"คิดจะหนีข้าอย่างนั้นรึ พวกเจ้าไม่มีโอกาสหรอก!!!"

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!