ณ ค่ำคืนที่แสนมืดมิดในยามวิกาล
ในปราศาสตร์แห่งหนึ่ง แวมไพร์หนุ่มตนนึง นั่งอยู่ในวงเวทย์ที่ใช้ในการทำพิธีดูคล้ายการบูชายันต์
แต่มันไม่ใช่ แวมไพร์หนุ่มเดินเข้าไปนั่งให้วงเวทย์ ด้วยความเต็มใจของตนเองโดยไม่มีผู้ใดบังคับ จากนั้นผู้เป็นแม่ได้ถามกับแวมไพร์หนุ่มตนนั้นด้วยความห่วงใย
"....ลูกแน่ใจแล้วหรือ" แวมไพร์หนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบให้แม่ของตน พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า แวมไพร์หนุ่ม
เมื่อชายหนุ่มพร้อมแล้ว ชายสวมชุดคลุมสีดำได้มายืนต่อหน้าแวมไพร์หนุ่มตนนั้น แวมไพร์หนุ่มได้ยิ้มให้กับชายที่ใส่ชุดดำ ราวกับว่าพวกเขาเองนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี ชายหนุ่มชุดดำพงกหัวขึ้นลงช้าๆ และค่อยๆเริ่มร่ายเวทย์ทำพิธี
ชายหนุ่มชุดดำได้พูดขึ้น "เจ้า ในนามลูกของจอมมารเกอร์ซีอิ๊ว และราชินีแวมไพร์เซนารอธ" ชายหนุ่มชุดดำเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยนามของแวมไพร์หนุ่มที่อยู่ด้านหน้าของเขาในตอนนี้
"องค์รัชทายาทแห่งแดนปีศาจ เทร่าไกอา เซนารอธ" ชายหนุ่มสวมชุดดำเงียบไปอีกครั้งก่อนจะสูดหายใจเข้าและพูดต่อ "ข้าขออัญเชิญดวงวิญญาณของท่านไปยังสู่โลกใบใหม่...ขอให้ท่าน...โชคดี.." ชายหนุ่มชุดดำพูดจบก็รีบจบการทำพิธีและรีบวางของแล้วเดินออกจากห้องทำพิธีไป
แวมไพร์หนุ่มหลังจากที่ทำพิธีเสร็จก็ได้หมดสติลง ผู้เป็นแม่ของแวมไพร์หนุ่มรีบเข้ามารับตัวของแวมไพร์หนุ่มที่กำลังค่อยหลับตาและอ่อนแรงลง ผู้เป็นเเม่ของแวมไพร์หนุ่มทำได้แค่แบกรับร่างที่ไร้วิญญาณของแวมไพร์หนุ่มเอาไว้เท่านั้น
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เวลาตีสามตรง วันอังคารที่ ยี่สิสาม มีนาคม
ท้องฟ้ศมืดมิดพายุฝนฟ้ากระหน่ำลมพัดแรงดวงจันทร์สว่างเจิดจ้าภายใต้เงาเมฆสีดำที่กระจายไปทั่วบริเวณนั้น
"มาแล้วสินะ องค์รัชทายาท" ชายใส่ชุดดำคนหนึ่งได้พูดขึ้น ภายในโรงพยาบาลเกิดความโกลาหลขึ้น "เบ่งค่ะ! เบ่งอีกค่ะ เบ่งให้สุดเเรงเกิดเลยค่ะ!"
พยาบาลผู้ทำคลอดให้ปูป่วยคนนึงพยายามช่วยให้ผู้ป่วยคลอดลูก ผ่านไปได้ สามนาทีผู้ป่วยได้คลอดลูกออกมาแล้ว พยาบาลจึงทำหน้าที่ต่อและฝากพยาบาลอีกคนนึงให้ไปบอกญาติผู้ป่วย
เวลาได้ผ่านไป10ปี
สวัสดีครับ ผมชื่อเหนือเมฆครับ ผมอายุสิบปีครับ และใช่ครับผมคือองค์รัชทายาทในโลกแห่งปีศาจ แต่ผมไม่ใช่จอมมารหรอกนะครับ พ่อของผมต่างหากล่ะ ที่เป็นจอมมาร
ผมน่ะเป็นแวมไพร์ ส่วนแม่ของผมนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นราชินีแห่งแวมไพร์ อ่า.. และเผื่อบางคนจะไม่รู้จัก
...แวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตเอ่อ..ไม่สิไม่มีชีวิตต่างหาก แวมไพร์มีอีกชื่อนึงที่ถูกเรียกว่าผีดูดเลือด หรือถ้าจะให้ผมแปรตรงตัวก็คือ ผี ดูด เลือด นั่นเอง...
แต่ก็มีอีกหลายชื่อที่ใช้เรียกพวกเราเหมือนกัน เกร็กคูล่า ผีดิบ แต่คนที่เรียกว่าผีดิบน่ะจะน้อย
เเละเช่นเดียวเเวมไพร์นั้นก็มีเรื่องที่คล้ายคลึง กับมนุษย์เหมือนกันตรงที่ แลมไพร์ส่วนใหญ่มักมีพักพวก มีกลุ่ม และอื่นๆ แต่จะแตกต่างจากมนุษย์เพราะแวมไพร์บางกลุ่มก็ยังกินเลือดมนุษย์อยู่ แวมไพร์สมัยนี้เค้าเลิกกินเลือดมนุษย์กันไปนานมากแล้ว
คงเพราะด้วยเหตุผลกับสัญญาบางอย่างที่เคยทำกับมนุษย์ไว้ เเต่ไม่ต้องห่วงผมน่ะไม่กินเลือดมนุษย์หรอกนะ....
ณ ห้องเรียนชั้นปีหนึ่งห้องเรียนที่มีเสียงโหวกเหวกเจี้ยวจ้าว ดังอยู่สักครู่ จนกระทั่งคุณครูผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ สามสิบปลายๆ มัดผมหางม้ายาวถึงหลัง
ได้เดินเข้ามาในห้องเรียน ทันใดที่เธอได้ก้าวเข้ามาในห้องเรียน เสียงภายในห้องก็เงียบสงัดลงทันที
"สวัสดีค่ะ ครูชื่อกมลทิพย์ เอี่ยมสอาด
หรือจะเรียกว่าครูเมย์ก็ได้ค่ะ" เธอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มยางให้เด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ในห้อง "สวัสดีค่ะ ครูชื่อสุภัทตรา แก้วหยกค่ะ จะเรียกว่าครูเอมก็ได้ค่ะ"
ครูผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอได้เเนะนำตัวต่อจากครูเมย์ มีท่าทีสุขุมเงียบนิ่ง
เธอเเนะนำตัวเอง ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
ในขณะที่คุณครูทั้งสองท่านกำลังเเนะทำตัวอยู่ เหนือเมฆได้เหม่อมองไปที่ข้างนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งครูเอมเห็นดังนั้นเลยกระแอม หนึ่งครั้งแต่เหนือเมฆก็ยังเหม่ออยู่
เมื่อเธอเห็นว่าเหนือเมฆนั้นยังคงเหม่อมองออกไปที่ข้างนอกหน้าต่าง เธอจึงเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าเด็กชายอย่างไม่รีบร้อนนัก "นักเรียนคะ! สนใจครูหน่อยค่ะ" เธอพูดกับเหนือเมฆด้วยน้ำเสียงดุเพื่อให้เหนือเมฆหลุดจากพวังความคิด
"ครับ" เหนือเมฆตอบกลับครูเอมไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบนิ่ง ดูคล้ายกับคนกำลังง่วงนอน เมื่อเธอเห็นว่านักเรียนชายที่อยู่ตรงหย้าเธอนั้นไม่ได้มีความเกรงกลัวใดๆ ต่อเธอทั้งสิ้น
เธอไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของเหนือเมฆที่ไม่มีความเกรงกลัวต่อเธอ จึงได้พูดต่อ "งั้น! ในเมื่อการเเนะนำตัวของครูมันน่าเบื่อจนชวนง่วงนอนขนาดนั้น งั้นก็
ให้ทุกคนเเนะนำตัวกันเองเลยแล้วกัน"
ครูเอมพักหายใจครูนึง ก่อนจะพูดต่อ
"เริ่มจากเธอก่อนเลยจ่ะ" เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและมองมาที่เหนือเมฆ นักเรียนทุกคนมองมาที่เหนือเมฆ เขาลุกขึ้นก่อนจะพูดเเนะนำตัว "เหนือเมฆครับ" เหนือเมฆเเนะนำตัวเองเพียงแค่นั้นเเล้งนั่งลง ในที่เขากำลังนั่งลงก็รู้สึกปวดหัวมากอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากเค้านั่งลง เพื่อนในห้องคนที่นั่งข้างๆ
เขาก็ได้ลุงขึ้นยืน เเละแนะน้ำตัวอย่างสุภาพยิ้มแย้ม เพื่อนคนนั้นมองไปรอบๆ ห้องแล้วหันกลับมาหยุดมองอยู่ที่เขาสักพักแล้วนั่งลงกับที่ของตัวเอง
ณ เวลาพักเที่ยง ตอนนี้ในห้องเรียบที่เคยเสียงดังเจี้ยวจ้าวกลับกลายเป็นเงียบสงัดอย่างกับป่าช้า ไม่มีใครคุยกับใครทั้งนั้น ภายในห้องเหลือกันอยู่ไม่กี่คน บรรยากาศดีภายในห้องเย็นสบายดึงแม้จะมีแดดแต่ผมก็พัดเเรง จึงทำให้อากาศดี
เหนือเมฆที่กำลังเอาหน้าฟุบกับโต๊ะเรียนเเละกำลังอะไรไปมาอยู่ในใจ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาไกลตัวเองเรื่อยๆ เเต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
เหนือเมฆรับรู้ ได้ถึงกลิ่นเลือดของมนุษย์คนหนึ่ง มันอยู่ไก้ลเขามาก เขาคิดวนไปวนมา
อยู่แบบนั้นสักพัก จนมีมือของใครสักคนมาแตะตัวเขาและเรียกชื่อ "เหนือเมฆ" เหนือเมฆสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมากจากโต๊ะ หันมาทางคนที่แตะตัวของเขาพบว่ามีอยู่สองคนที่นั่งอยู่ไก้ลเขา
คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหลังของเขานั่งเล่นอยู่เเบบไม่สนโลกซึ่งแปลว่าคนที่สกิดเขาเมื่อกี้คือคนที่นั่งข้างๆ เขา
เหนือเมฆตึงมองไปที่คนที่นั่งข้างๆ เขา แล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย "มีเรื่องอะไร" เหนือเมฆถามคนที่นั่งข้างๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เด็กหัวดำตรงหน้าเขาได้ตอบกลับเหนือเมฆ
"นายชื่ออะไรหรอ แล้วสีผมนายใส่สีจริงๆ รึเปล่า ตานายสวยจัง" เหนือเมฆนิ่งไปพักใหญ่เมื่อคนที่นั่งข้างๆ เขามารัวคำถามใส่ เหนือเมฆไม่ชินกับเรื่องอะไรเเบบนี้เลย "ก่อนจะถามชื่อคนอื่นควรบอกชื่อตัวเองมาก่อนรึป่าว" เหนือเมฆ
ตอบกลับคนผมดำที่นั่งข้างๆ เขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "อ..อ้อ..ฉันชื่อไทป์นะ"
เห็นคนตรงหน้าตอบคำถามของแล้วเขา
จึงตอบคำถามของไทป์บ้าง "ฉันชื่อเหนือเมฆ สีผมนี่สีจริง ส่วนตาฉันใส่คอนเทคเลนส์น่ะ" ถึงเหนือเมฆจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ก็อมยิ้มนิดหน่อย
เพราะด่าทางไร้เดียงสาของไทป์ทำให้เหนือเมฆเผลออมยิ้ม "ยิ้มแล้วว!!!"
ไทป์ได้พูดเเซวเหนือเมฆขึ้นมา ทำให้เขาหุปยิ้มทันที
หลังจากนั้นไทป์ก็หันไปหน้าหาคนข้างหลังของ เหนือเมฆแล้วพูดขึ้น
คนตัวเล็กข้างๆ ผมหันหน้าไปยังคนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปต่อจากผม "นายชื่ออะไรหรอ" ไทป์ถามเขาด้วยแววตาที่ใสซื่อ
ราวกันเด็กอนุบาลเห็นของเล่น "ชื่อไลน์" เขาพูดจบก็หันหน้าไปทาง หน้าต่างเพื่อเพื่อรับลม เขาหยิบปากกาขึ้นมาร่างภาพที่กำลังวาดอยู่
"วาดรูปอะไรงั้นหรอ" ไทป์ยังคงถามเขาด้วยสายตาใสซื่อเช่นเคย ไลน์ที่ได้ยินไทป์ถามเขาแบบนั้น
แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไทป์กลับไป ผมพูดตอบแทนไลน์ ที่กำลังนั่งเงียบและวาดอย่างตั้งใจ "ก็แค่รูปทั่วไปน่ะ"
ผมตอบไทป์ไปอย่างนั้นทั้งที่ความมันคงจริงเเล้วมันไม่ใช่หรอก จากนั้นคนตัว
เล็กเงียบไปสักพัก
ก่อนจะร้องอ๋ออย่างใสซื่อแบบไม่ติดใจสงสัยอะไร "เราปวดท้องอ่ะ ไปเจ้าห้องน้ำก่อนนะ" ไทป์กล่าวก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะ
เเละเดินออกจากห้องเรียนไปยังห้องน้ำ พอเห็นว่าคนตัวเล็กเดินไปได้ไกลแล้ว ผมจึงหันไปกระซิบกับคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังผม
....................................
"ไปกินข้าวกันเถอะ" ไทป์มาชวนผมเเละไลน์ไปกินข้าว ผมกับไลน์ส่ายหน้าพร้อมกัน
"อ่า...งั้นเราไปคนเดียวก็ได้" คนตัวเล็กข้างหน้าผมพูดจบก็ทำหน้าจ๋อยๆ เดินออกจากห้องเรียนไป
"นายท่าน!!" หลังจากคนตัวเล็กเดินออกจากห้องเรียนไปได้ไม่นาน ก็มีชายหนุ่มอายุราวๆ พวกเรา
มายืนอยู่หน้าผม ก่อนจะเรียกผมว่านายท่าน อย่างร่าเริง
ผมและไลน์มองหน้ากันก่อนจะหันหน้าไปทางชายฟนุ่มคนนั้นอีกครั้ง และพูดพร้อมกัน "คนไหน" พูดจบหนุ่มคนนั้นก็หันมายิ้มให้เราและพูดขึ้น
"เหนือเมฆครับ" ชายหนุ่มพูดอย่าง
นอบน้อมเเละก้มหัวให้ผม ไลน์จึงหันหน้ามาทางผม เหมือนเป็นการถามทางสายตาว่าผมรู้จักคน คนนี้มั้ย
ผมจึงส่ายหน้าตอบเขา และหันไปพูดกับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เรียบเฉย "คุณเป็นใคร รู้ชื่อผมได้ไง"
ชายหนุ่มจึงตอบกลับผมอย่าง
นอบน้อมเเละใจเย็น "ผมชื่อปอ (ปอฉางเย่) เป็นคนรับใช้ส่วนตัวและมาเพื่อรับใช้นายท่าน"
ใช่ ที่จริงผมยังคงจำได้ ว่าเขาคือคนรับใช้ส่วนตัวในชาติที่แล้วของผม
ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ปอทำให้ความลับเรื่องมาเกอดใหม่ของผมเเตก
มันก็คงจะต้องลงโทษกันสักหน่อย
พูดจบผมก็ตบหัวปอเต็มเเรง(ของที่มนุษย์ใช้กัน) "ปอฉางเย่!! เจ้าทำความลับข้าแตก!"
พูดกับปอจบผมก็หันกลับไปจะบอกเรื่องความลับนี้ให้ไลน์รู้ "ไลน์ คือเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้..."
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!