NovelToon NovelToon

ทานตะวัน XOXO (⁠´⁠ε⁠`⁠ ⁠)

ตอนที่ 0

...To the world, you may be one person, but to one person you are the world....

"เธอมีอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือต้องหาเงินมาชดใช้ภายในเดือนนี้ กับสองคือต้องมาเป็นเบ๊ฉันสามเดือน"

ทานตะวันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองกลัวมากที่สุด ทักษกร ลูกชายของเจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนเมื่อได้ยินชื่อต่างก็พากันเกรงกลัว

"เลือกมา! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"

มอเตอร์ไซค์เก่าๆหรือจะสู้เฟอร์รารี่คันละหลายสิบล้าน ทานตะวันผิดเองที่ทำรถเขาเป็นรอยยาว ซึ่งสาเหตุมันมาจากรถส่งอาหารแทรกมาเบียดทำให้เธอเสียหลักไปทางรถเขาที่จอดติดไฟแดงอยู่

"เป็นเบ๊นี่ต้องทำอะไรบ้างคะ"

ถ้าให้เลือกก็เลือกทางที่มันเดือดร้อนครอบครัวน้อยที่สุด นั่นคือการเป็นเบ๊หรือก็คือคนรับใช้

คนตัวสูงใหญ่นั่งแผ่บารมีอยู่อีกฝั่งของโซฟา ขณะที่อีกคนตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆด้วยความกลัว ณ ร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย

"ก็ทำทุกอย่างตามที่ฉันสั่ง นั่นล่ะหน้าที่ของเบ๊"

อย่างน้อยก็ดีกว่าการหาเงินจำนวนหลายแสนมาใช้หนี้หรือเปล่านะ มันอาจจะไม่ดีทั้งสองทางเลยก็ได้

"ถะ ถ้าครบสามเดือนแล้ว..."

"ก็จบ ถือว่าฉันให้โอกาสเพราะเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจ"

"อ่า... ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ"

ทักษกรน่ากลัวขนาดไหนน่ะเหรอ ก็น่ากลัวขนาดที่ว่าไม่มีใครกล้าสบตา รวมถึงทานตะวันที่เอาแต่ก้มหน้า ตัวสั่นเป็นลูกนกเสียจนคนในร้านยังนึกสงสาร

"เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ เอาเบอร์ติดต่อมาสิ"

เธอคับแค้นใจคนขับรถส่งอาหารเหลือเกิน อยู่ดีไม่ว่าดีก็มาทำให้เป็นหนี้ แล้วเป็นหนี้กับใครไม่เป็นมาเป็นกับลูกชายเจ้าพ่อเงินกู้ผู้ไม่เคยปรานีลูกหนี้คนไหน นี่ยังนับว่าเขาใจดีกว่าพ่อตรงที่มีทางเลือกเพื่อให้ลูกหนี้อย่างเธอได้เลือกทำล่ะนะ

"โทรไปต้องรับ ไม่รับโดน"

และในที่สุดทานตะวันก็ได้เริ่มใช้ชีวิตในฐานะเบ๊อย่างเลี่ยงไม่ได้เป็นเวลาสามเดือนนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป

ขอกำลังใจเยอะๆเลยนะคะ เพราะกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันคงใช้พลังเยอะอยู่...

//

ตอนที่ 1

รู้อะไรไหม เมื่อวานทานตะวันกลับบ้านมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง พ่อแม่เรียกกินข้าวก็ไม่กิน หมกตัวอยู่ในห้องนอน เครียดด้วย กลัวด้วย ไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึง

สุดท้ายนอนไม่หลับ ตาสว่างโร่ยันเช้า ลงมาข้างล่างสภาพไร้ชีวิตชีวาสุดๆ พ่อแม่มองหน้ากันห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวจะไม่สบาย

"ไหวไหมลูก หยุดอยู่บ้านสักวันดีไหม"

ได้ยินแบบนั้นคนมีชนักติดหลังสะดุ้งโหยง ส่ายหน้าเป็นพัลวันเมื่อรู้ว่าใครรอใช้งานอยู่ มือไม้โบกสะบัดไปมาจนแม่ต้องเป็นคนรวบจับเอาไว้

"ใจเย็นลูก แปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มีเรื่องอะไรรึเปล่า"

"เปล่านะแม่ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น ตะวันแค่เหนื่อยเรื่องเรียนนิดหน่อย"

มีพิรุธแหละแต่พ่อกับแม่ไม่อยากคาดคั้น กลัวว่าลูกจะเครียดหนักกว่าเดิม

"อ่อ... เหนื่อยก็พัก ได้แค่ไหนแค่นั้น"

"อื้อ ตะวันรู้แล้ว"

"งั้นก็กินข้าวซะจะได้มีแรง เมื่อวานเรียกก็ไม่ยอมลงมา"

ทานตะวันกินข้าวเช้าเสร็จก็รีบออกจากบ้าน ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจที่สร้างเรื่องเอาไว้ไปมหาวิทยาลัย

เข้ามานั่งรอเพื่อนอยู่ใต้ถุนอาคาร ตามองจ้องหน้าจอโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลาด้วยกลัวเจ้าหนี้โทรมาแล้วไม่ได้รับสายจะหาเรื่องตายเอา

"พระเจ้าช่วย! ยัยดอกไม้มาคนแรก"

พิงกี้หรือยัยสีชมพู เพื่อนสาวคนสวยประจำกลุ่มมาถึงก็ร้องทัก เพราะปกติทานตะวันถ้าไม่สายก็คนสุดท้ายของกลุ่มตลอด

"พายุเข้าแน่ๆ" มิวายล้อไปอีกหนึ่งที

ทานตะวันคนมีหนี้หาได้รู้สึกรู้สา ใบหน้าตอนนี้ซีดยิ่งกว่าไก่ต้มของพ่อเมื่อโทรศัพท์เครื่องเก่าสั่นครืนพลางขึ้นหน้าจอว่าเจ้าหนี้(ที่น่ากลัว)

"เดี๋ยวตะวันมา" ร่างสมส่วนวิ่งดุ่มๆออกไปหน้าคณะ รีบกดรับสายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน...

(มาที่ลานจอดรถเดี๋ยวนี้)

ไม่ชอบวิ่งก็ต้องสวมวิญญาณนักวิ่ง จากหน้าคณะไปจนถึงลานจอดรถต้องวิ่งอ้อมไปด้านหลังนู้นเลย ยังไม่เริ่มงานก็เหนื่อยจนหอบแฮ่กแล้ว

ทักษกรนั่งรออยู่ในรถยนต์คันหรูซึ่งเป็นคันใหม่ที่ไม่ใช่เฟอร์รารี่ เปลี่ยนเป็นอาวดี้คันสวย เมื่อเห็นร่างสมส่วนวิ่งตลกๆมาจึงเลื่อนกระจกลงเพื่อพูดคุย

"มาเร็วดีหนิ"

ใช้เพียงหางตามอง ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอเสียหน่อยค่อยว่าต่อ

"ว่าแต่เธอเรียนคณะนี้เหรอ"

"ค่ะ"

"สาขา? ชั้นปี?"

"การบัญชี ปีสองค่ะ"

"ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้า"

เคยเห็นสิแปลก รู้จักกันหรือก็ไม่ เขาเคยสนใจใครที่ไหน ยิ่งกับกลุ่มเพื่อนนะคบกันอยู่แค่นั้น ส่วนคนอื่นน่ะเหรอไม่เคยอยู่ในสายตา

"ชื่อล่ะ"

"ทานตะวันค่ะ เรียกตะวันเฉยๆก็ได้"

"อืม ทานตะวัน..."

เจ้าของชื่อยืนกอดกระเป๋าผ้ารอรับคำสั่ง แดดตอนเช้าใครว่าไม่ร้อนเธอขอเถียงขาดใจ เหงื่อนี่ไหลอาบหน้าไปหมดแล้ว ช่วยไม่ได้ดันเป็นคนขี้ร้อนที่เกลียดหน้าหนาวเข้าไส้

ฮืออออ อากาศอบอ้าวจนอยากร้องไห้

"ไปได้ละ"

"คะ?"

"หูมีปัญหาเหรอ เวลาฉันพูดอะไรเธอต้องตั้งใจฟัง ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆมันน่ารำคาญ"

ทานตะวันทำหน้าจะร้องไห้ เคยโดนดุแต่ไม่มีใครดุแล้วเจ็บเท่านี้มาก่อนบวกกับมีความกลัวเป็นทุนเดิม พยายามข่มอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ

ทักษกรคนขี้รำคาญถอนหายใจ เปิดประตูลงจากรถเดินผ่านร่างเจี๋ยมเจี้ยมไปอย่างไร้เยื่อใย ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย

ซึ่งก็จริง... ทานตะวันไม่ใช่ผู้หญิงสวย ออกจะหน้าตาธรรมดา รูปร่างสมส่วนทั่วไปไม่ได้น่าดึงดูดอะไรเลย แต่ถ้าอยู่กับคนที่สนิทมากๆจะสดใสร่าเริง หัวเราะง่าย ยิ้มเก่ง ต่างจากสถานการณ์ตอนนี้ที่ดูขี้กลัวเหลือเกินแม่คุณ

"ไปไหนมา"

คิดเอาเองว่าเจ้าหนี้เรียกไปทำความรู้จัก พอกลับเข้ามาในตึกเพื่อนๆก็มากันครบหมดแล้ว อย่างคนที่พูดอยู่ชื่อเรนนี่ ลูกเจ้าของร้านทอง แม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน

"เห็นวิ่งหน้าตั้งออกไปสรุปคือ?" พอเรนนี่ถามแล้วไม่ได้คำตอบพิงกี้จึงถามซ้ำ

ทานตะวันไม่เคยมีความลับกับเพื่อนฝูงจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง หวังคลายความเครียดลงได้บ้าง เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ ขืนเป็นแบบนี้มีหวังแย่แน่ๆ

"ซวยมาก บอกแล้วให้ไปแก้ชง" เทียนหอมว่า เจ้าแม่สายมูที่พยายามชักจูงเพื่อนให้มาเข้าร่วมด้วยกันแต่ไม่มีใครสนใจสักคน

"อย่างน้อยก็ดีกว่าการหาเงินเป็นแสนเป็นล้านภายในเดือนเดียวนะเว้ย" เรนนี่คิดว่าทักษกรยังมีความใจดีอยู่บ้าง

"ไอ้คนนั้นมันก็เหลือเกินจริงๆนะ ไม่รู้จะรีบไปตายห่าที่ไหน" พิงกี้หมายถึงคนขับรถส่งอาหารตัวต้นเรื่อง

ทุกคนต่างบอกให้ทานตะวันก้มหน้ายอมรับชะตากรรม แค่สามเดือนอดทนไหวอยู่แล้ว มันคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้หรอก อย่าไปกลัว ใจดีสู้เสือเข้าไว้!

สำหรับคนอื่นมันก็แค่สามเดือนไง แต่สำหรับหญิงสาวที่ได้ยินกิตติศัพท์และเคยเห็นความโหดมากับตา... มันตั้งสามเดือนเชียวนะ! และอีกฝ่ายเองก็น่าจะกำลังอดทนกับเธออยู่เช่นกัน หมดความอดทนเมื่อไหร่เธอตายแน่

ปกติช่วงพักกวางวันจะเป็นช่วงเวลาแสนสุขสำหรับทานตะวันเสมอ หญิงสาวผู้มีความสุขกับการกินบัดนี้กำลังวิ่งหน้าตั้งไปยังลานจอดรถของคณะอีกครั้ง

ร่างสูงใหญ่ดูดีของคุณเจ้าหนี้ยืนรออยู่ข้างรถหรู ใบหน้าเรียบนิ่งมองตรงมาที่เธอ แค่นั้นก็สะท้านไปทั่วแผ่นหลัง

"มาแล้วค่ะ" หอบแฮ่กแบบไม่มีอะไรกั้น ทานตะวันเหนื่อยมาก ตามประสาคนไม่ชอบออกกำลังกาย

"ขับรถเป็นไหม"

"เป็นค่ะ"

"ดี ขับให้ที ไปที่xxx"

ทักษกรจึงโยนกุญแจรถให้ ทานตะวันรู้ว่าต้องทำยังไงจึงรีบเปิดประตูรถให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่ง จากนั้นตัวเธอก็ขึ้นมาประจำที่คนขับ

สถานที่ที่คุณเจ้าหนี้ให้ขับไปส่งนั้นคือโรงพิมพ์ เขาไปไหนเธอก็ต้องไปด้วย เดินตามเข้ามาด้านในใครเห็นต่างก็ทำหน้าขยาด

"สวัสดีครับคุณแท็ค"

เจ้าของตรงมาทักทายอย่างน้อบน้อมทั้งที่อายุมากกว่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

"เลยกำหนดมาเป็นอาทิตย์แล้วนะคุณกิจ ถ้าผมไม่มาคุณก็ไม่คิดจะไปหาพ่อผมที่บริษัทเลยใช่ไหม" เสียงทุ้มดุกล่าว แค่ยืนพูดเฉยๆคนฟังก็ตัวสั่นแล้ว

"ไม่ใช่นะครับ พอดีงานเข้ามาเยอะมากเลยไม่มีเวลาไปไหนเลย" อีกฝ่ายละล่ำละลักบอก

"งั้นก็คงมีเงินจ่ายหนี้พอสมควร"

"เอ่อ... ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมครับ เงินที่มีผมยังต้องใช้หมุนต่อ"

"คุณกิจ รู้ใช่ไหมว่าถ้าพ่อผมมาเองคุณกับโรงพิมพ์ของคุณจะเป็นยังไง อย่างน้อยก็จ่ายดอกเบี้ยมา ผมมีที่อื่นต้องไปต่อ"

ทานตะวันยืนฟังเงียบๆ มองคนนั้นทีคนนี้ที หายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไร หิวข้าวด้วย ปกติจะมีคนทำหน้าที่ทวงหนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงต้องมาทำแทน

"ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่ครับ" เจ้าของรีบวิ่งไปหลังโต๊ะทำงาน เปิดเก๊ะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา

ทักษกรรับเงินมานับแล้วเก็บใส่ซองดังเดิม พยักหน้าพอใจแล้วหันหลังเดินออกมา แต่มิวายทิ้งท้ายไว้ว่าหาเงินไปจ่ายให้ตรงเวลา ยิ่งช้ายิ่งเลี่ยงที่โรงพิมพ์อันเป็นที่รักจะถูกยึด

"แวะหาอะไรกินก่อนแล้วกัน" เขาสั่งหลังจากกลับมาขึ้นรถกันแล้วเรียบร้อย

"ให้ไปที่ไหนดีคะ"

"ห้างxxxแล้วกันทางผ่านพอดี"

เบ๊คนดีขับรถตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่ว่า ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง คุณเขาเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นมื้อกลางวัน ทานตะวันนั่งรออยู่หน้าร้าน คร่ำครวญชีวิตในใจ ท้องก็ร้องหิวช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้

แต่แล้วอยู่ๆคนที่เพิ่งเดินเข้าไปได้เดินวนกลับออกมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ทานตะวันเห็นก็รีบเด้งตัวยืนขึ้นทันที มีอะไรทำให้เขาไม่พอใจกันนะ

"เกิดอะไรขึ้นคะ"

"ทำไมไม่เดินตามเข้าไป"

อ้าว... ใครมันจะรู้ว่าให้เดินตามเข้าไปด้วย หญิงสาวหน้าเหวอขณะที่คนตรงหน้าเริ่มมีน้ำโหนิดๆ

"ก็คุณไม่ได้บอก"

"แล้วต้องให้ฉันบอกเธอทุกอย่างเลยหรือไง!"

ทานตะวันอยากร้องไห้ ย่นคอหนีเมื่ออีกฝ่ายกึ่งว่ากึ่งตะคอก คนเดินผ่านไปมาเขาก็มองกันใหญ่ ไม่รู้ต้องทำยังไงเลยเอ่ยขอโทษไป

"ไป! เข้าไป"

คนโดนดุก้มหน้าเดินตามต้อยๆเข้าไปในร้าน จิตใจห่อเหี่ยวแบบอยากกลับบ้านไปฟ้องแม่

"อยากกินอะไรก็สั่ง"

ไหนๆก็หิวมาก ทานตะวันสั่งของที่อยากกินโดยไม่สนใจราคา ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆที่หาเรื่องดุเธอตั้งแต่เช้ายันตอนนี้

เวลาต่อมา

อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจ เงินไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าสักบาท ขณะที่คนเลี้ยงกินเพียงข้าวหน้าเนื้อ ทงคัตสึ แล้วก็ซุปหัวไชเท้า

"ตอนบ่ายมีเรียนอีกไหม" เขาถามขณะเดินกลับไปที่รถ

"มีตอนบ่ายสองค่ะ" เลิกประมาณบ่ายสี่โมง

"น่าจะทัน เดี๋ยวไปกันต่ออีกที่ก็เสร็จ"

"ที่ไหนคะ"

ทักษกรบอกสถานที่ที่ต้องไป งานตามหนี้หรือทวงหนี้ถ้าเป็นเจ้าใหญ่ๆพ่อจะให้ลูกน้องคนสนิททำ แต่ช่วงนี้ลูกน้องที่ว่าต้องเข้าผ่าตัดลำไส้และพักฟื้นอีกหลายสัปดาห์ พ่อเลยให้เขาทำหน้าที่นี้แทนไปก่อน ส่วนเจ้าเล็กๆจะมีลูกน้องคนอื่นคอยดูแล

บริษัทเงินกู้รายใหญ่ทำอย่างถูกกฏหมายก็จริงแต่ไม่ได้ใสสะอาดขนาดนั้น เบื้องหลังมีให้กู้แบบดอกเบี้ยสูงอยู่ด้วย จ่ายไหวก็ดีจ่ายไม่ไหวก็ยึดทรัพย์ขายเอาเงินเข้ากระเป๋า แถมยังปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโด บ้าน อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ตึกแถว และยังให้เช่าที่ดินทำนั่นทำนี่ แค่ฝั่งพ่อก็ทำเงินได้ไม่รู้ตั้งเท่าไร ยังไม่นับรวมฝั่งแม่ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน เจ้าของบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์

ทานตะวันดูกลายเป็นมดตัวเล็กๆไปเลย ใหญ่โตออกปานนั้นจะเอาอะไรสู้ แค่เงินในกระเป๋าก็ต่างกันแล้ว

กลับมาทันเข้าคลาส ลูกหนี้ผู้น่าสงสารถูกเฉดหัวลงจากรถเพื่อวิ่งขึ้นตึกไปเรียน ส่วนเจ้าหนี้เองก็มีเรียนเช่นกัน วันนี้น่าจะไม่มีอะไรต้องใช้ยัยนั่นอีกแล้วล่ะมั้ง

ร่างสูงใหญ่ดูดีเดินเข้ามาในห้องเรียน เพื่อนฝูงต่างพากันพยักหน้าทักทาย เป็นอันรู้กันว่ามันกลับมาแล้ว

"เป็นไง เบ๊ส่วนตัวทำงานได้ดีไหม" จอชถามพลางยิ้มล้อเลียนเพราะเห็นสีหน้าของเพื่อนไม่สบอารมณ์

"ก็ต้องดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ร้อยวันพันปีมันเคยให้โอกาสใครที่ไหน ยิ่งทำลูกรักเป็นรอยยาวขนาดนั้นมึงเห็นมันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไหมล่ะ" ทีปต์แทบไม่อยากเชื่อสายตาด้วยซ้ำ คนอารมณ์ร้อนที่พยายามไม่อารมณ์ร้อนเพียงเพราะไม่อยากให้ใครบางคนกลัว

แต่ก็กลัวอยู่ดี...

ตลกชะมัด

"ทำเขาร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้ววันนี้" เฉียงออกจะเห็นใจอยู่หน่อยๆ ...เห็นใจใครบางคนน่ะนะ

"พวกมึงหุบปากไปเลย ไม่ร้องไห้แต่ก็กลัวกูตลอดเวลา ห่าเอ๊ย! กวนอารมณ์ชิบหาย"

ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างก็มองอย่างหวาดๆ มองจากคนภายนอกรู้สึกว่าหัวเราะอะไรกันวะน่ากลัวชิบหายเลย เหมือนกำลังวางแผนจะกินหัวใครสักคน

"มึงมันไม่อ่อนโยน" จอชขำจนปวดท้อง

"ว่าแต่กู มึงดูตัวเองด้วย"

เป็นการรวมตัวของความเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย หากจะถามถึงจุดเริ่มต้นมันก็คงมมาจากเหล่าพ่อแม่ของพวกเขานั่นแหละที่เป็นเพื่อนกันรักกัน ความหายนะมันก็เลยเริ่มมาจากจุดนั้นแหละ

//

ตอนที่ 2

ทักษกรหรือแทค(ต่อไปนี้จะขอเรียกว่าชื่อเล่นแทนชื่อจริง) ลูกชายคนรองของเจ้าสัวทองคำ เขามีพี่ชายที่อายุห่างกันสี่ปีหนึ่งคนชื่อทิค และมีน้องชายที่อายุห่างกันสามปีอีกหนึ่งคนชื่อโท

พ่อแม่หย่าร้างด้วยเหตุผลบางอย่างแต่ก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอ ...เพราะพวกเขายังรักกันดีอยู่นั่นเอง(?)

"แม่โทรมาบ่นว่าพักนี้แกไม่โผล่หน้าไปให้เขาเห็นเลย"

ตอนนี้สองพ่อลูกกำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ นอกจากคุยเรื่องงานแล้วยังรวมถึงเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปด้วย

"ผมไม่ค่อยว่างพ่อก็รู้"

"เออ แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามึงติดผู้หญิง"

"ติดก็แย่ละ"

เจ้าสัวทองคำนึกขำลูกชายคนรองอยู่ไม่น้อย คนอย่างมันจะหาความอ่อนโยนจากไหนให้ผู้หญิง ไม่ทำเขาร้องไห้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"ยังไงก็หาเวลาไปหาแม่เขาหน่อย"

"ครับ"

ร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินออกมาเจอลูกน้องของพ่อซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว คนพวกนั้นโค้งหัวเคารพอย่างนอบน้อม ส่วนเขาทำเพียงพยักหน้าให้แล้วเดินผ่านไป

วันหยุดไม่ชอบออกไปไหน มักจะขลุกอยู่ที่อู่ซ่อมรถซึ่งเป็นอู่ที่เอาไว้ทำรถตัวเองโดยเฉพาะ หากใครสนใจอยากเอารถมาทำที่นี่ก็มีช่างฝีมือดีคอยให้บริการ แต่รับเฉพาะรถหรูเท่านั้นนะ มอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน

ร่างกายกำยำเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดมือลวกๆก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยในกระเป๋ากางเกงออกมากดส่งข้อความหาใครบางคน ส่งเสร็จก็ไปไล่ตรวจงานเพื่อฆ่าเวลา

สามสิบนาทีต่อมา... ทานตะวันอยากจะร้องไห้เป็นรอบที่ร้อยเมื่ออยู่ๆคุณเจ้าหนี้ที่น่ากลัวก็ส่งข้อความมาบอกว่าหิวข้าวพร้อมส่งโลเคชั่นมาให้

คนที่กำลังช่วยงานพ่อกับแม่อยู่เลยรีบจัดกับข้าวใส่ปิ่นโตเถาใหญ่ จากนั้นก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์เอามาให้ยังสถานที่ที่ว่า ถูกสายตาหลายสิบคู่จับจ้องจนทานตะวันหวั่นกลัว ไหนจะพวกช่าง พวกลูกน้อง คนงานอีก แทบไม่กล้าขยับตัวลงจากรถ

เหงื่อตกด้วยความร้อนของอากาศผสมรวมกับความประหม่าจนตาพร่าแทบเป็นลม ใครก็ได้เอาคนพวกนี้ไปเก็บที!

"มาทำอะไร" เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างจะเดินตรงมา ใบหน้าดุดัน รูปร่างสูงใหญ่กำยำเสียจนหญิงสาวตัวสั่นขวัญกระเจิง นี่มันรวมพลคนน่ากลัวทั้งนั้นเลยนี่นา

"อะ เอ่อ... หนูเอาข้าวมาให้คุณแทคค่ะ"

"ข้าว? อ่อ... งั้นก็เดินเข้าไปทางนั้นน่ะ เจ้านายน่าจะอยู่ในออฟฟิศล่ะมั้ง"

มองตามนิ้วชี้ของคุณพี่ท่านนี้ ทางค่อนข้างซับซ้อนเพราะถูกแบ่งเป็นบล็อกๆสำหรับรถแต่ละคัน ซึ่งตัวออฟฟิศอยู่ด้านในสุดนู้นแหนะ

คนไม่รู้ทางพยักหน้าตาลอยๆ แต่อย่างน้อยก็ยังพอฉลาดอยู่บ้างโดยการส่งข้อความกลับไปบอกคุณเจ้าหนี้ว่ามาถึงแล้วกำลังเดินเข้าไป

ระหว่างทางต้องอดทนต่อสายตาแทะโลมอย่างเปิดเผยของคนพวกนัั้น สามเดือนใครว่ามันง่ายอยากให้ลองมาเป็นเธอดูเหลือเกิน

ในที่สุดทานตะวันก็เดินมาถึงออฟฟิศ โดยมีเจ้าหนี้หน้าดุยืนกอดอกรออยู่นานแล้ว เธอยิ้มโล่งใจรีบสาวเท้าเข้าไปหา

"ช้า" คำแรกก็เอาซะรอยยิ้มปลิวหาย กว่าจะมาถึงได้คุณเจ้าหนี้รู้ไหมว่าไอ้ทานตะวันคนนี้ฉี่แทบราดกางเกง

"ขอโทษค่ะ" นี่ก็เร็วสุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่าาาา อยากตอบแบบนี้มากแต่กลัวตาย

"ไหนล่ะ"

"นี่ค่ะ"

ส่งปิ่นโตให้ ดีแค่ไหนที่บ้านเธอเปิดร้านขายข้าวแกง ข้างกันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวกกับข้าวมันไก่ของพ่อ ทำให้ไม่ต้องวิ่งหาร้านอาหารให้เหนื่อย ในย่านจึงมีแค่ร้านของบ้านเธอที่เปิดขายทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

"กับข้าวจากร้านตะวันเอง"

"เหรอ? ทำสะอาดใช่ไหม"

"สะอาดสิคะ หน้าร้านสะอาดยังไงหลังร้านก็สะอาดอย่างงั้น ไม่เชื่อก็ไปดูได้"

ไม่ชอบใจเท่าไรหรอก พูดเหมือนว่าร้านของบ้านเธอสกปรกทั้งที่ไม่เคยไปกินเลยสักครั้ง ถึงจะไม่ใช่ร้านติดแอร์แต่ก็เป็นร้านที่ได้มาตรฐาน สะอาดถูกหลักอนามัยทุกอย่าง เปิดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเชียวนา

ฟึดฟัดฮึดฮัดพองแก้ม ทำปากงุบงิบบ่นในใจด้วยกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน ก็แหม... ทานตะวันจอมขี้ขลาดจะกล้าหือกับคุณเจ้าหนี้ที่น่าเกรงขามได้ยังไง

แทคมองหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังไม่พอใจ แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบคำพูดของเขาเป็นอย่างมาก ปกติเห็นทำหน้าจะร้องไห้ตลอด ดูตอนนี้สิยับยู่ขู่ฟู่ฟู่เหมือนลูกเจี๊ยบพยายามเบ่งอึ๊ ตลกชิบหาย...

"ใครจะไปรู้ ร้านอาหารเดี๋ยวนี้สักแต่จะเปิด"

"แต่ไม่ใช่กับร้านของตะวันแน่นอน ร้านตะวันเปิดมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่นู้นแหนะ"

"ก็ดี"

ทานตะวันเดินตามร่างสูงใหญ่เข้ามาในออฟฟิศ เขาวางปิ่นโตไว้บนโต๊ะกระจกก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม

"แล้วคุณมีอะไรจะใช้อีกไหม"

"มี เธอเรียนบัญชีใช่ไหม"

"ค่ะ คุณรู้ได้ไง"

"ก็... เดาเอา สรุปว่าใช่?"

"ค่ะ"

"จัดการบัญชีให้หน่อยแล้วกัน กองนั้นเลย"

ทานตะวันอยากจะบ้าตาย สุดท้ายก็ไปนั่งทำให้ ส่วนแทคนั่งกินข้าวพลางมองร่างสมส่วนทำงานให้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับกำลังห้ามตัวเองไม่อยู่

"อยากกินอะไรไหมล่ะ น้ำ? ขนม? บอกมาสิเดี๋ยวฉันสั่งให้ ถือเป็นค่าล่วงเวลาวันหยุด"

"เค้กค่ะ ขอโกโก้เย็นด้วย" แม้ในใจอยากจะบอกว่าช่วยลดเวลาการใช้หนี้ให้หน่อยก็เถอะ สามเดือนเหมือนสามปีไม่เกินจริง

"โอเค"

ราวกับมีความพอใจลอยฟุ้งไปทั่วห้องโดยที่คนบางคนไม่รู้ มือหนากดสั่งเค้กและเครื่องดื่มจากร้านใกล้ๆมาไว้ให้ จากนั้นก็นั่งกินข้าวเงียบๆจนหมด ยกไปล้างและวางคว่ำไว้ให้แห้ง

ทานตะวันคนดีใช้เวลาอยู่ที่อู่จนเย็นย่ำเพราะต้องช่วยงานแทคหลายอย่าง อีกฝ่ายขยันสรรหางานมาให้ทำ นี่ก็คอยเป็นลูกน้องหยิบจับเครื่องมือให้นายช่างใหญ่เขา

ดีนะส่งข้อความไปบอกพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้วว่ากลับเย็นเพราะต้องช่วยงานกิจกรรมที่คณะ แน่นอนล่ะว่าโกหกคำโต รู้สึกผิดแต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันนั้นได้

"อีกนานไหมคะ นี่มันก็เย็นแล้ว" ถามพลางรับเครื่องมือที่อีกคนส่งมาให้ใส่กล่อง

แทคเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ ใบหน้าและมือเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง เห็นดังนั้นทานตะวันลุกไปหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดออกให้ เธอค่อยๆเช็ดคราบที่เปื้อนหน้าผาก แก้ม รวมถึงตรงคางออกอย่างเบามือ ทำโดยที่เขาไม่ต้องสั่ง

"เสร็จจากนี่ตะวันกลับได้เลยไหม" เธอถาม

"อือ" เขาเอ่ยตอบพลางนั่งให้เธอเช็ดมือต่อ

"ต้องอาบน้ำแบบดีๆเลย เลอะมาก"

"งั้นอาบให้หน่อยสิ"

มือบางชะงักค้างรีบเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู หัวใจที่กำลังดี๊ด๊าเพราะจะได้กลับบ้านเป็นอันสั่นระรัว จะต้องทำให้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...

"มันก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ ตะวันเป็นผู้หญิงส่วนคุณเป็นผู้ชาย..."

ไม่เหมาะอย่างแรง!

"เป็นเบ๊ต้องทำได้ทุกอย่าง"

"ตะ แต่..."

คราวนี้ทานตะวันทนไม่ไหวจริงๆ วันสองวันมานี้เธอเครียดมาก หากต้องทำถึงขนาดอาบน้ำให้อีกฝ่ายมันก็ออกจะมากเกินไป เกิดมายังไม่เคยอาบน้ำให้ใครเลยนอกจากน้องหมาของป้าข้างบ้านที่เคยเอามาฝากเลี้ยงเพราะต้องไปทำธุระต่างจังหวัด

เมื่อหาทางไปต่อไม่ได้ก็ร้องไห้มันเสียเลย ทานตะวันคนขี้ขลาดน้ำตาไหลพราก แหกปากเสียงดัง พ่อชอบบอกว่าเวลาเธอร้องไห้จะขี้เหร่มาก เธอจึงเถียงกลับไปว่าใครบ้างร้องไห้แล้วไม่ขี้เหร่ เจ็บปวดเสียใจใบหน้าคนเรามันต่างก็เหยเกกันทั้งนั้น ยิ่งเธอไม่ใช่คนสวยภาพลักษณ์เลยไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วง

แทคตกใจกับภาพตรงหน้า เป็นฝ่ายเขาบ้างที่นิ่งค้าง ในที่สุดก็ทำให้หญิงสาวขี้กลัวร้องไห้จนได้ ดีต่อกันมาทั้งวันดันพังเพราะอยากแกล้งแท้ๆ แล้วไม่รู้วิธีปลอบใจคนเสียด้วย เอายังไงดี...

"เธอคิดว่าฉันจะให้ทำแบบนั้นจริงๆหรือไง"

คนร้องไห้พยักหน้ารัว ก็คนอย่างทักษกรน่ะ...

"หยุดร้องไห้ได้แล้วน่า ฉันไม่ได้โรคจิตซะหน่อย"

ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ! ทานตะวันคิดในใจ

แทคยื่นมือมาปาดเช็ดน้ำตาออกให้ หญิงสาวเบะปากปัดมือหนาออกทันทีที่แตะแก้มเธอ

"ฮะ ฮือออ มือเปื้อน!"

"อ่อ โทษๆ"

อยากขำแต่กลั้นไว้ ยัยนี่ตลกกว่าที่คิดแฮะ

สุดท้ายไม่ได้อาบน้ำให้ ใครมันจะบ้าขนาดนั้นกัน! ถ้าขนาดนั้นก็เข้าขั้นโรคจิตแล้ว แทคเดินออกมาส่งถึงหน้าอู่ เพราะทานตะวันบ่นว่าไม่อยากไปคนเดียว เพื่อไถ่โทษก็เลยเดินออกมาด้วย

เออ เข้าใจแล้วทำไมยัยนี่ถึงกลัว สายตาแต่ละคนมันไม่คิดจะปิดบังสักนิด เขาเลยยกแขนพาดบ่าคนตัวเล็กกว่าไว้พลางไล่สายตากดดันพวกมันทุกคน แน่นอนว่าได้ผล ไม่มีใครกล้ามองอีกต่อไปเพราะรู้ว่าถ้าทำให้โกรธจะเป็นอย่างไร

ทานตะวันขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจ หยิบหมวกกันน็อคมาใส่ก่อนหันมองคนตัวสูง เขายืนเท้าเอวมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเฉกเช่นทุกครั้ง

"ไปได้แล้ว" เสียงทุ้มดุเอ่ยไล่

"อื้อ แต่ว่าพรุ่งนี้ตะวันอาจจะไม่ว่างนะคะ"

แทคพยักหน้ารับรู้ ปัดมือให้กลับไปได้แล้ว หญิงสาวจึงขี่รถออกไป หัวใจกลับมาเบิกบานอีกครั้ง

"ตัดเงินทุกคน คนละสองพัน" พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินกลับเข้าไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบและเงินเดือนที่ลดลงของเหล่าลูกน้อง

"ชิบหายละ คนนี้นายจริงจัง"

//

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!