NovelToon NovelToon

พอแล้วชีวิตนี้ สำหรับอดีตวายร้ายแบบข้า

บทที่:. 0 บทนำเนื้อเรื่องหลัก

' กลียุคนั้นเป็นดั่งจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นดั่งความโกลาหลที่ไม่รู้จักจบ ที่ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภ ความตะกละ ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ความเกลียด ความแค้น และความราคะ ทุกสิ่งอย่างเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดสงครามไปยังทุกที่ ทุกหย่อมหญ้า ทุกเผ่าพันธุ์ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าทวยเทพ '

ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวมีกล้ามเนื้อที่เด่นชัดเห็นได้ด้วยตาเปล่า รูปทรงของกล้ามเนื้อนั้นเรียกว่าไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไปทำให้ดูดีจนมีเสน่ห์

ผมสีดำที่ยาวมาถึงกลางหลังกับชุดที่ขาดหลุดหลุ่ยอีกทั้งรองเท้าที่ไม่มีใส่ ทำให้ตัวของเขานั้นดูเหมือนพวกขอทานเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปยังบนท้องฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ ก่อนจะก้มลงมามองเป็นแนวตรงแล้วหันหน้าไปทางด้านซ้ายของตน ที่ตอนนี้มีแต่กองศพนับไม่ถ้วนตายเรียงรายกันอยู่ตรงนั้น ใช่แล้วพื้นที่ ที่เขายืนอยู่นั้นคือสนามรบที่ตอนนี้คงเหลือไว้เพียงแค่ศพ เอาไว้ให้พวกนกอีกา และนกอีแร้งมาจิกกินศพเป็นอาหารประทังชีวิต ก่อนที่ตัวของเขาจะค่อยหันกลับมาแล้วเดินหน้าต่อไป โดยที่สีหน้านั้นแสดงถึงความไร้ความรู้สึกและอารมณ์เป็นอย่างมาก

' สงคราม....เป็นเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคแต่เมื่อได้ฟังแล้วกลับรับรู้ได้ถึงความสิ้นหวัง ความโศกเศร้าและความตาย มันเป็นแบบนั้นมานานแล้วและไม่มีทางที่จะหยุดลงได้ ได้แต่เพียงภาวนาขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดีเท่านั้น...'

เขาเดินไปและคิดแต่เรื่องเดิมๆวนไปมาในหัว นี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตะหงิดใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาลืมตาดูโลก

' ทำไม? เพราะอะไร? ใยมนุษย์ถึงยังยิ้มได้ทั้งๆที่กำลังตาย? ความรู้สึกนั้นมันคืออะไร? พวกมันไม่กลัวตายเลยหรือยังไง ช่างเป็นความรู้สึกที่ตัวข้าไม่อาจเข้าใจได้เสี่ยนี่กระไร "

ยิ่งคิดทบทวนไปมากเท่าไหร่ หน้าตาของเขาก็ยิ่งมีแต่จะขมวดคิ้วมากขึ้นเพราะสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจและไม่อาจเข้าถึงได้ ถึงแม้จะมีอายุอยู่มาเป็นร้อยปี พันปี ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักครั้งในชีวิต เพราะทุกครั้งที่มนุษย์เจอเขาจะเอาแต่วิ่งเข้ามาโจมตีโดยที่ไม่สนและไม่เคยถามไถ่กันเลยสักครั้ง ใช่แล้วเพราะเขานั้นคือสัตว์ประหลาดยังไงละ จะเป็นปีศาจก็ไม่ใช่เป็นอมนุษย์ก็ไม่เชิง ขนาดเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเขายังเกลียดตัวเขาเองเลยด้วยซ้ำ เพราะเขานั้นแตกต่างจากทุกคน แตกต่างจากทุกสิ่งและไม่มีสิ่งใดที่เหมือนเขา ทุกสิ่งอย่างเป็นอันตรายสำหรับเขามากกว่าการเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ..

' จากนี้ไปข้า ไลเคออน อาคาเดีย ราชันย์ของมนุษย์หมาป่า ตัวของข้าต้องการมีชีวิตที่เงียบสงบ และข้าอยากตามหาความหมายของรอยยิ้มพวกนั้นเพราะเหตุใดพวกมนุษย์ถึงยิ้มได้ในขณะที่กำลังจะตาย ข้าอยากรู้และอยากเฝ้ามองทุกสิ่งมีชีวิตที่ดำเนินชีวิตแตกต่างกันออกไป ข้าอยากเห็นอยากเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของอารยธรรมที่แตกต่างกัน!! '

ไลเคออน หรือก็คือชายหนุ่มคนดังกล่าวมำสีหน้าจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมวนขณะที่กำลังคิดในใจอยู่ ก่อนจะเริ่มออกเดินทางเพื่อตามหาสิ่งที่ตัวเขานั้นปราถนา และด้วยการหายตัวไปของเขาทำให้พวกมนุษย์หมาป่าที่เหลือคิดว่าเขานั้นได้ตายไปแล้ว นั้นเลยเป็นเหตุผลที่จำเป็นจะต้องมีผู้นำคนใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นผู้นำฝูงคนต่อไป

ไลเคออนนั้นรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้นซึ่งตัวเขาเองก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นพอดี เขานั้นเบื่อแล้วกับชีวิตที่ทุกคนทำตามคำสั่งเพราะหวาดกลัวเขา มันเป็นชีวิตที่เขาไม่ต้องการ และไม่อยากหันกลับไปมองมันอีกครั้ง...

บทที่:. 1 เลือกสิระหว่างความเป็นและความตาย

             “ นานมาแล้วในช่วงสงคราม กลียุค เมื่อหลายพันปีก่อนได้ให้กำเนิดปีศาจร้าย ที่มีรูปร่างใหญ่โต ทั่วทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยขนสีดำสนิทส่องประกายแวววาว เมื่อกระทบเข้ากับแสงจันทร์ เขี้ยวสีขาว และตาสีแดงที่ส่องประกายอยู่ในเงาอันมืดมิดคอยจ้องมองเหล่าเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ว่าอย่าออกไปเล่นในตอนกลางคืนกิน…….แฮร่ !! "

             ชายหนุ่มวัยกลางคนตะโกนเสียงดังในขณะที่กำลังนั่งบนพื้นเล่านิทานให้กับลูกสาวของเขาฟัง ก่อนที่ลูกสาวของเขาจะตกใจแล้วปาหมอนที่กอดอยู่ไปยังชายหนุ่มวัยกลางคน 

            “ ท่านแม่!! ท่านพ่อแกล้งข้าอีกแล้ว ”

เด็กสาวตะโกนพร้อมกับลุกขึ้นวิ่งไปหาแม่ของเธอที่ตอนนี้กำลังยกถ้วนน้ำซุปและอาหารต่าง ๆ มายังโต๊ะตรงกลางห้อง ซึ่งเป็นที่ ที่ไว้สำหรับรับประทานอาหาร

          “ โธ่ คุณก็อย่าแกล้งลูกตอนดึกๆแบบนี้สิคะ ”

           หญิงสาววัยกลางคนผู้เป็นแม่ทำหน้าดุเล็กน้อยเพื่อตำหนิสามีของเธอ ที่เอาแต่เล่าเรื่องราวน่ากลัวๆให้ลูกสาวตัวน้อยฟัง แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ลูกสาวของพวกเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผู้เป็นพ่อพยายามทุกวิถีทางเขย่าขวัญลูกสาวของตน

            “ แต่ที่ข้าพูดก็ไม่ผิดนะลิเลีย เพราะตามตำนานมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าแค่กลัวว่าลูกสาวของเราจะเกิดอันตรายขึ้นได้ถ้าหากนางยังดื้อไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพวกเรา ”

             เขาพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าจริงจัง แต่ในสายตากลับเก็บเปี่ยมไปด้วยความหวงและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก หากเกิดอันตรายขึ้นจริงๆ ตัวเขาก็พร้อมจะสู้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องครอบครัวของเขาโดยที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนก็ตาม ขอแค่ยื้อเวลาให้ภรรยาและลูกสาวหนีไปได้เขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจเลยแม้แต่น้อย

             “ ตำนานอะไรเหรอคะท่านแม่ ? ”

             “ นั้นสินะ ไม่ลองอ้อนท่านพ่อเจ้าดูละ บางทีเขาอาจจะยอมเล่าให้เจ้าฟังก็ได้นะ ”

             พอผู้เป็นแม่พูดจบเด็กสาวก็วิ่งเข้าไปกอดพ่อของตนพร้อมกับแสดงสีหน้าอ้อนวอนขอให้เล่าตำนานดังกล่าวให้เธอฟัง แม้ว่ามันจะเป็นตำนานที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่สำหรับเด็กสาวอายุ 7 ขวบ 

             “ พ่อก็จำไม่ค่อยได้หรอก แต่ได้ยินผ่าน ๆ มาจากเพื่อนนักผจญภัยนะ ”

              ชายหนุ่มวัยกลางคนหยุดพูด ก่อนจะมองไปยังลูกสาวของเขาที่ตอนนี้ให้ความสนใจกับเรื่องราวดังกลาวเป็นอย่างมาก ในตาของเด็กสาวตอนนี้กำลังส่องประกายแวววับด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเล่าต่อจากตรงจุดเดิม

              “ มันเป็นตำนานของอสูรกายที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับโคโบลด์ พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างจากโคโบลด์และพวกอมนุษย์โดยสิ้นเชิง ว่ากันว่าหากอยู่แบบปกติทั่วไปพวกมันจะมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์มีแรงกายมากกว่าอมนุษย์ เมื่อแปลงกายจะมีรูปร่างคล้ายคลึงกับโคโบลด์ แต่จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าแข็งแรงกว่ามีขนที่หนากว่า พวกมันถูกเรียกว่ามนุษย์หมาป่าเป็นมนุษย์ที่สามารถกลายร่างได้ และในหมู่มนุษย์หมาป่าเองก็มีการแบ่งแยกชนชั้นตามลำดับสีตาอยู่ ”

                ชายหนุ่มวัยกลางคนหยุดเล่าเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเขาเล่าไปนั้นลูกสาวของเขายังฟังอยู่หรือไม่ แต่กลับกันเด็กสาวที่เป็นลูกสาวของเขากลับสนใจมากขึ้น และตั้งคำถามถึงช่วงที่ขาดไปในขณะที่หยุดเล่า

                “ ตามลำดับสีตาเหรอคะ ? หมายถึงยังไงเหรอคะ ? ” 

                ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ได้ยินก็ได้แต่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าแล้วเริ่มเล่าต่อ ถึงความหมายของสีตาที่แตกต่างกันออกไป

                “ สีตาของมนุษย์หมาป่าจะบ่งบอกถึงสถานการณ์เป็นอยู่นะ เช่น ดวงตาสีเหลือ จะถูกนับเป็นลูกฝูง ดวงตาสีน้ำเงินอมฟ้าจะถูกนับเป็นรองจ่าฝูง ส่วนสุดท้ายดวงตาสีแดงจะถูกนับเป็นจ่าฝูง ว่ากันว่าตามตำนานพวกที่เป็นจ่าฝูงได้ต้องเกิดจากการฆ่าจ่าฝูงตนก่อนเท่านั้นถึงจะสามารถเป็นจ่าฝูงได้ เพราะแบบนั้นไม่ว่าจะมนุษย์หมาป่าตาสีไหนก็สามารถท้าชิงการเป็นจ่าฝูงได้ยังไงละ ลายละเอียดที่เหลือพ่อเองก็จำไม่ได้แล้วสิ พ่อจำได้แค่นี้แหละ ฮา ฮา ฮา ”

                เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับกอดลูกสาวที่กระโดดเข้ามาอยู่ในออมกอดด้วยความสุข ก่อนจะค่อยๆอุ้มยืนขึ้นแล้วเดินไปทางภรรยาของตนที่ตอนนี้เตรียมกับข้าวและจานข้าวสำหรับมื้อเย็นเสร็จแล้ว

                 “ เอาละๆ ฟังนิทานหรือเรื่องเล่าเสร็จแล้วก็มาทานมื้อเย็นได้แล้วนะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย ”

                 “ ครับ / ค่ะ ”

                 หลังจากที่พ่อแม่ลูกรับประทานอาหารกันเสร็จ ก็เป็นเวลากลางคืนที่ตอนนี้พระจันทร์เคลื่อนที่มาใกล้ถึงจุดศูนย์กลางของท้องฟ้าแล้ว ในช่วงเวลานั้นเองทางตอนใต้ของประเทศ เรเวีย ที่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ก็ได้เกิดเหตุการณ์มอนสเตอร์บุกหมู่บ้านในบริเวณนั้น เป็นฝูงมอนสเตอร์ที่มีแต่เหล่าสัตว์มอนสเตอร์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ฝูงสัตว์ร้าย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหล่าสัตว์ป่าที่เกิดกันกลายพันธุ์กะทันหัน ทำให้พวกมันอาละวาดไปทั่วจนมาถึงยังหมู่บ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น

                  ‘ แก๊ง ! แก๊ง !! แก๊ง !!! แก๊ง !!!! แก๊ง !!!!! แก๊ง !!!!!! แก๊ง !!!!!!! แก๊ง !!!!!!!! ’

                   ทุกครั้งที่เสียงระฆังเตือนภัยดังขั้นมันจะส่งเสียงดังตามลำดับขั้น และยังคงดังขึ้นไปอีกจนกว่าทุกคนในหมู่บ้านจะรู้ตัว แน่นอนว่าคนที่ตีระฆังจะต้องเป็นยามที่มีหน้าที่ในการตรวจตรา หรือเฝ้าเวรยามในตอนกลางคืนเพียงเท่านั้น เพื่อรักษาความสงบสุขของหมู่บ้าน และเตือนภัยอันตรายให้กับคนในหมู่บ้านนั้นเอง

                  “ ฝูงมอนสเตอร์บุก !! เร็วเข้า!! เรียกทุกคนในหมู่บ้านเตรียมตัวให้พร้อม ผู้หญิงคนแก่ เด็กและคนชรา รีบพาเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยเดี๋ยวนี้ ”

                   เสียงของชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นมาเสียงดังฟังชัด ในจังหวะที่เสียงระฆังเตือนภัยดังจบลง ทุกคนในหมู่บ้านโดยเฉพาะคนแก่และเด็กต่างถูกพาเหล่าหญิงสาวพาตัวเข้าไปหลบอยู่ในหลุมหลบภัย ซึ่งทางเข้านั้นจะเป็นโกดังสำหรับเก็บข้าวของทางการเกษตรในหมู่บ้าน

                  " ท่านหัวหน้าหมู่บ้านครับ !! ตอนนี้พวกมันล้อมหมู่บ้านเอาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังหมดแล้วครับ พวกเราจะทำยังไงกันดี!! "

                  ชายวัยกลางคนอีกคนตะโกนขึ้นพร้อมกับกระโดดถอยออกมา ในขณะที่หลบการโจมตีของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้ายหมู่ป่า แต่มีฟันที่แหลมคมอีกทั้งยังมีเขาที่ลักษณะคล้ายคลึงกับกระทิงและมีขนาดความสูง 2.5 เมตร ความยาวนับจากปลายหัวจนถึงปลายหางประมาณ 4.5 เมตรได้ 

                   " รูปแบบการโจมตีของพวกมันไม่เหมือนกับการบุกของ ฝูงสัตว์ร้าย สักนิด !! พวกมันมีรูปแบบการโจมตีและหลอกล่อ อีกทั้งยังรู้จักการปิดล้อมทางหนีออกด้วย !! "

                 หัวหน้าหมู่บ้านกัดฝันแน่น เพราะสิ่งที่เผชิญอยู่ตรงหน้า มันแตกต่างจาก ฝูงสัตว์ร้าย โดยปกติทั่วไปมาก ไม่ว่าจะมองยังไงพวกมันก็ไม่น่าจะมีสติเหลืออยู่แล้ว เว้นเพียงแต่ว่าพวกมันจะถูกควบคุมจากใครสักคนหรือมอนสเตอร์ที่มีความคิดและการกระทำแบบเดียวกับมนุษย์

                 " ข้าจะสร้างช่องว่างให้ เจ้าพาคนอื่นหนีไปสะ "

                 หัวหน้าหมู่บ้านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ก่อนจะมองไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตอนนี้กำลังทำหน้าอึ้งกันอยู่

                 " ท่านจะพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ พวกเราเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานแล้วนะท่านตั้งแต่สมัยที่พวกเรายังเป็นเพียงแค่นักผจญภัย !! "

                 " ข้ารู้... แต่ถ้าหากเรายังยื้อแบบนี้เอาไว้ ยังไงเราก็ต้องตายอยู่ดี ทั้งตัวข้า ทั้งเจ้า เจ้าพวกนั้นที่สู้เคียงข้างเรา และคนในหมู่บ้าน ทุกคนจะตายกันหมด สู้ข้าที่แข็งแกร่งที่สุดเปิดทางให้พวกเจ้าหนีไม่ดีกว่ารึไง ? "

                 " แต่ว่าท่านหัวหน้-- ไม่สิ คาร์ช !! ถึงยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน อย่างน้อย ๆ ข้าก็อยากจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับจะ-- "

                 " หยุดแล้วฟังข้าซะเวลโก้ !! ผู้คนต่อจากนี้ต้องมีผู้นำ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับข้า... ข้าฝากที่เหลือด้วย "

                 ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่า คาร์ช ตบไหล่เพื่อนของตนที่ชื่อว่า เวลโก้ ก่อนจะพุ่งเข้าไปเปิดทะลวงกลุ่ม ฝูงสัตว์ร้าย อย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าตัวเขาเองนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรมากแล้วเพราะต่อจากนี้เพื่อนของเขา เวลโก้ จะเป็นคนนำพาหมู่บ้านให้หนีออกไปได้ 

                การต่อสู้เปิดทางนั้นเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก เพราะว่าการจะล้มสัตว์ป่าที่กลายพันธุ์ไปแล้วนั้นต้องใช้ความสามารถ ทางแรงกาย มานา ออร่า พลังชีวิต พลังจิต เป็นอย่างมาก หากเผาพลาญพลังงานมากเกินไปผลสุดท้ายก็อาจจะทำให้ พิการ สติไม่สมประกอบ มากสุดก็คือความตาย ซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้ พวกที่เป็นอดีตนักผจญภัยที่มีประสบการณ์สูงเองก็มีไม่มาก ระดับสูงสุดในหมู่บ้านก็เป็นเพียงแค่นักผจญภัยแรงค์ C ซึ่งเป็นระดับเกือบต่ำสุดในบรรดานักผจญภัยด้วยซ้ำ ยิ่งสู้นานขึ้นก็เหมือนกับว่าพลังและแรงกายค่อยๆลดลงจนมองเห็นได้ชัด แม้ว่าจะไม่ใช่นักผจญภัยด้วยกันเองก็ตาม

                คาร์ชต่อสู้ยื้อเวลาเพื่อให้เวลโก้พาทุกคนในหมู่บ้านหนีออกไป เขาวิ่งฟาดฟันเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ทั้งจากทางด้านหลัง ด้านหน้าและด้านข้าง โดยที่ตัวเขานั้นไม่คิดที่จะหยุดพักเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ความสูญเสียเองก็ตามมาเช่นกันเพราะบางจังหวะนั้นตัวเขาไม่สามารถไปช่วยได้ทันเวลา ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ต้องเดินทางหนีต่อไปเพื่อความอยู่รอด แม้ว่าจะต้องสละข้าวของจำเป็นไปก็ตาม

                 ‘ แย่แล้วสิ… ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ ข้าไม่สามารถปกป้องทุกคนได้เป็นแน่ ’

                คาร์ชคิดในใจขณะที่กำลังกระโดดฟาดฟันเหล่า ฝูงสัตว์ร้าย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัตว์กลายพันธ์ุจำนวนมาก ซึ่งมีราวๆ 150 ตัว และในแต่ละตัวจะมีรูปร่างหรือลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บางตัวมีเขา มีหางเหมือนงู บางตัวมีปีกเหมือนค้างคาว สัตว์กลายพันธ์ุนั้นต่างมีนิสัยและอารมเป็นของตัวเอง ทั่วไปแล้วการรวมฝูงแต่ละทีต้องเกิดการต่อสู้กันภายในฝูงเพื่อแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงตลอด แต่ถึงอย่างนั้นพวกสัตว์กลายพันธ์ุที่เข้ามาโจมตีหมู่บ้านกลับสามัคคีช่วยกันต้อนเหยื่ออย่างบอกไม่ถูก การโจมตีของพวกมันเองก็มีชั้นเชิงราวกับว่ามีีคนคอยชักจุงพวกมันอยู่

                 “ เวลโก้ !! ข้าจะใช้พลังทั้งหมดทะลวงไปยังด้านหน้าที่พวกมันอยู่ ที่เหลือฝากเจ้าพาทุกคนหนีด้วยละ ”

                 “ คาร์ชนี่เจ้าจะ… ”

                 “ เชื่อใจข้าสิไอ้เพื่อนยาก !! ”

                 คาร์ชวิ่งไปพร้อมกับตบไหล่ของเวลโก้เบาๆ ก่อนที่ตัวเขาจะจับอาวุธหรือหอกในมือแน่น รวบรวมออร่าทั่วร่างกายที่ยังหลงเหลืออยู่ แล้วหลอมรวมเข้ากับพลังชีวิตที่มีเกือบทั้งหมด ทำให้ร่างกายของคาร์ชตอนนี้เกิดรอยแตกสีแดงทั่วทั้งร่างกาย รอยแตกเหล่านั้นก็คือเส้นเลือดที่คอยบีบขั้นออร่า ส่วนเลือดที่ไหลออกมาจากรอยแตกนั้นคือการผลาญพลังชีวิตนั้นเอง การทุ่มโจมตีของคาร์ชพุ่งไปยังด้านหน้า ก่อให้เกิดแรงหมุนสีน้ำเงินดั่งพายุ ฉีกกระชากพวกสัตว์กลายพันธุ์ที่ล้อมไว้ด้านหน้าจนแหลกละเอียดเหลือไว้เพียงแค่อวัยวะภายในที่ฉีกขาดกระจัดกระจายเรี่ยราดเท่านั้น

                   " ตอนนี้แหล-- !! อุ๊ก !! อ๊าก !! "

                   คาร์ชตะโกนพร้อมกับจะวิ่งไปสมทบกับเวลโก้แต่ทันใดนั้น จู่ๆร่างกายของเขาก็เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา 4 รู ในแต่ละรูเป็นเล็บยาวสีขาวที่แหลมคมดั่งใบมีด พอคาร์ชหันไปมองยันด้านหลังของเขาก็พบว่า สิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นเป็น โคโบลด์ที่กลายพันธุ์จนแตกต่างออกไปจากปกติ รูปร่างของมันนั้นสูงใหญ่ราวๆ 3 ถึง 4 เมตร เขี้ยวสีขาวของมันส่องประกายเมื่อกระทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ขนสีเทาที่สั้นราวกับหมาขี้เรื้อน และหน้าตาของมันที่ชวนให้ขยะแขยงมากในเวลาเดียวกัน

                      " นะ... หนี !! "

                     คาร์ชตะโกนออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะห้อยโตงเตงอยู่ตรงมือของโคโบลด์กลายพันธุ์ตัวดังกล่าว เมื่อคาร์ชนั้นจากไปแล้วเวลโก้ที่เป็นคนแข็งแกร่งรองลงมาจากเขาถึงอาสายื้อเวลาสู้กับโคโบลด์ตัวดังกล่าว 

                       " ทุกคนหนีไป !! ข้าจะยื้อตรงนี้เอาไว้เอง !! ข้าจะสานต่องานของเจ้าคาร์-- !? "

                     เวลโก้เขาพูดยังไม่ทันจบเพียงแค่เขากะพริบตาเท่านั้น ผู้คนมากมายจากทางด้านหลังของเขาก็ถูกเจ้าโคโบลด์สังหารจนสิ้น ทั้งเด็กเล็กแดง ผู้หญิง หรือแม้แต่คนชรา และพวกคนที่คอยคุ้มกันขบวนถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นชิ้นเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น บางคนตัวขาดไส้ทะลัก บางคนหัวและแขนขาดกระจัดกระจายไปทั่ว เป็นภาพที่แม้แต่เวลโก้อดีตนักผจญภัยยังต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ก่อนจะอวกลงกับพื้น

                      " ฮา ! ฮา ! ฮา ! ฮา ! นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหม... ฮา ! ฮา ! ฮา ! ฮา ! "

                      ตัวเขาคุกเข่าลงแล้วหัวเราะลั่นบริเวณตรงนั้นเหมือนดั่งคนขาดสติ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบบนี้คือการต่อสู้ มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นต้องพยายามด้วยซ้ำ แค่อีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวทุกอย่างที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เละตุ้มเป๊ะไปจนหมดแล้ว ตัวเขาในตอนนี้นั้นสูญเสียทุกสิ่งในชีวิตแล้วทั้งเพื่อนรัก ครอบครัว และคนในหมู่บ้าน ทั้งหมดนั้นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้เวลโก้ขาดสติกลายเป็นเพียงแค่คนบ้าคนหนึ่งที่กำลังหัวเราะ และอาบฝนเลือดอยู่เพียงเท่านั้น

                       " เอาสิ !! เข้ามาสิวะ !! เข้ามาเลยไอ้หมาเวร !! "

                     เข้าตะโกนลั่นก่อนจะลุกขึ้นยืนจับดาบแน่น พร้อมกับกระโดดเข้าไปฟันส่วนหลังของเจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์ด้วยความบ้าคลั่ง แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะฟันลงไปมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจทำความเสียหายให้กับเจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์นั้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันดายที่เวลโก้เขาใช้ฟัดฟันใส่โคโบลด์นั้นมันมาถึงขีดจำกัดแล้ว

                      ' แกร๊ง !!!!! '

                     เสียงดาบหักดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทำให้โคโบลด์กลายพันธุ์ดังกล่าวหันกลับมาแล้วจับไปยังหัวของเวลโก้อย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแสดงรอยยิ้มที่ดูสะใจและสมเพชเวลโก้ออกมา 

                     ทันใดนั้นเองเวลโก้ที่กำลังจะชักสีหน้าโกรธขึ้นมา หัวของเขาก็ถูกเจ้าโคโบลด์กลายพันธ์ุบีบจนแตกละเอียด ลูกตาและสมองหล่นลงสู่พื้นกระจัดกระจายไปทั่วในบริเวณนั้น กลิ่นเลือดที่เข้มข้นล่องลอยไปในอากาศจนไปตกกระทบกับชายหนุ่มวัยกลางคน คนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บริเวณใกล้ๆแถวนั้นเขาพอดี พอเขาได้กลิ่นเลือดก็รับรู้ถึงจุดหมายปลายทางและระยะห่างที่ตัวเขาอยู่กับพื้นที่เกิดเหตุได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องเดินหาให้ทั่วเลยแม้แต่น้อย

                     " ยะ... ยัง มะ... ไม่ พะ... พอ ต้อง... กะ... การ มะ... มากกว่า นะ... นี้ !! "

                     การฆ่าคนตายไปจำนวนมากทำให้ตอนนี้เจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์ กำลังเริ่มมีพัฒนาการทางภาษามากขึ้น ซึ่งเกิดจากการดูดกลืนวิญญาณคนตายที่อยู่ในบริเวณนั้นเข้าหลอมรวมกับแกนพลังงานที่อยู่ในตัวของมัน 

                      ขณะที่มันกำลังสนุกและดื่มด่ำกับช่วงเวลานั้นเอง จู่ๆ ในกองศพก็มีร่างของเด็กชายอายุราวๆ 7 ขวบ กำลังคลานออกมาด้วยความยากลำบาก เด็กชายคนนั้นคลานออกมาด้วยความเจ็บปวดที่หาความหมายมาทัดเทียมไม่ได้ แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่ตัวเขาไม่มีวันลืม ร่างกายของเด็กชายอายุ 7 ขวบที่ตอนนี้ ขาขาด แขนขาดไปหนึ่งข้าง ไส้ที่ทะลักออกมาสู่ด้านนอกบางส่วน กำลังพยายามคลานหนีเจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์เพื่อเอาชีวิตรอด แม้ว่าร่างกายจะเจ็บเจียนตายยังไงก็ตาม แต่จิตวิญญาณที่อยู่ในตาของเด็กชายกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น และการอยากมีชีวิตรอด

                       " ยะ... อย่า... วะ... หวัง... วะ... ว่า กะ... -- !? "

                       " อย่าหวังว่าแกจะมีชีวิตรอดสินะ ฮึ !! น่าขันเสียนี่กระไร "

                       ในขณะที่เจ้าโคโบลด์พูดด้วยความยากลำบากจู่ ๆ ก็มีเสียง เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของมัน เป็นเสียงที่เรียบเนียนแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นที่หาที่เปรียบไม่ได้ ส่วนเจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์ที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเสียงดังกล่าวก็ตกใจกระโดดหนีห่างออกไปไกลราวๆ 20 เมตร จากตรงที่ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีผมสีดำสนิทยืนอยู่

                      " จะ... เจ้า.. -- "

                      " แกกำลังจะบอกว่าข้าเป็นใครอย่างงั้นสินะ เฮ้อ !! เป็นแค่หมาขี้เรื้อนมีสิทธิ์อะไรมาตั้งคำถามใส่ข้า !? "

                      เสียงที่เย็นยะเยือกแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นพูดออกมาเบา ๆ พร้อมกับสายตาของชายหนุ่มวัยกลางคนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสีแดงเลือดราวกับอัญมณีไปแล้ว เพียงแค่การจ้องมองของเขา เจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์มันก็รับรู้ถึงภัยอันตรายที่บอกไม่ถูกได้ทันที มันกำลังคิดว่าต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากสถานการณ์แบบนี้ได้ ? เพราะเพียงแค่แรงกดดันจากสายตาก็ทำให้มันรู้สึกไม่มีแรงเสียแล้ว มันคืออะไรกันแน่ สายตาของชายหนุ่มวัยกลางคนที่จ้องมองมายังมันนั้น เหมือนกับกำลังสั่งมันให้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่อาจขัดขืนได้ ทันใดนั้นเองจู่ๆร่างกายทั้งหมดของมันก็กู่ร้องและสั่นกลัวออกมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะค่อยๆคุกเข่าลองแล้วก้มลงไปให้ระดับหัวของมันนั้น อยู่ต่ำกว่าระดับหัวเข่าของชายหนุ่มวัยกลางคน 

                       ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เห็นแบบนั้นก็ได้เดินเข้าไปหามาเจ้าโคโบลด์กลายพันธ์ุอย่างช้า ๆ และใจเย็น ทั้งตัวเขายังกดดันเจ้าโคโบลด์จากทางสายตาจนตอนนี้มันเอาแต่สันกลัว ก้มหัวลงไม่กล้าสบตาชายหนุ่มวัยกลางคน

                       " เป็นแค่หมาขี้เรื้อนแต่ก็เข้าใจดีนิว่าที่ต่ำ ที่สูงมันเป็นแบบไหน... "

                      ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีผมสีดำตอนนี้สีตาของเขาเปลี่ยนสีกลับเป็นสีดำอีกครั้ง กล่าวออกมาด้วยความเยือกเย็นและขี้เล่นในเวลาเดียวกัน ก่อนที่ตัวของเขาจะเตะจนหัวของเจ้าโคโบลด์กลายพันธุ์หลุดกระเด็นออกไปไกล แล้วใช้มืออีกข้างควักหัวใจของมันออกมาเผาทิ้งด้วยความใจเย็น

                      " ชะ... ช่วยผมด้วย !? "

                      เด็กชายที่กำลังคลานลากร่างกายที่บางตายอยู่นั้น ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับค่อยๆคลานไปยังชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีผมสีดำสนิทเงางามเมื่อกระทบเข้ากับแสงจันทร์ พอชายหนุ่มวัยกลางคนเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ทันที มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายหลายอย่าง ทั้งความสนุก ความอยากรู้อยากเห็น และความตื่นเต้น

                      " เอาสิ... ข้าจะช่วยเจ้าเอง เจ้าหนู ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่เจ้าจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เจ้าจะกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์ด้วยกันเองยังรังเกียจ ปีศาจยังต้องถอยห่างเมื่อเจอเจ้า เอาละจงเลือกสิว่าเจ้าจะเลือกอะไรระหว่างความเป็นที่ไม่ต่างจากตายหรือความตายที่แสนทรมานโดยที่ตัวเจ้าเองไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเจ้านั้นไร้พลัง ? "

                       ชายหนุ่มวัยกลางที่มีผมสีดำสนิทถามออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับส่งมือข้างขวาของเขาไปยังเด็กชายที่กำลังแหงนมองมายังตัวเขาอยู่ ก่อนที่ปากของเด็กชายจะค่อย ๆ พูดอะไรออกมาด้วยความสั่นเทา และสีหน้าที่กำลังทนฝืนความเจ็บปวดของตัวเองอยู่

                       " ข้าอยากมีชีวิต… อยากมีชีวิตอยู่… ไม่ว่าอะไรก็ตามข้าก็พร้อมที่จะแลกกับมัน !! เพื่อพลังที่จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวข้ารักข้าพร้อม !! "

                        ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะลั่นออกมา พร้อมกับแววตาที่ดูตื่นเต้นและสนุกสนาน เหมือนกับว่าตัวเขาได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเขาเองตามหามานานนับพันปี มันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ๆ สำหรับมนุษย์แต่สำหรับมนุษย์หมาป่าแบบเขาแล้ว มันเป็นเวลาที่ไม่นานมากนัก เหมือนดั่งความรู้สึกที่ว่า แค่จำศีลไปเป็นอาทิตย์เท่านั้น…

 

 

 

 

#โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!