น้องหัวหอมโดนหอมหัว
ตอนที่ 1 บทเริ่มต้น
หัวหอม
สวัสดีครับ ผมชื่อ'หัวหอม' นะครับเรียกหอมก็ได้ คนแถวบ้านผมก็เรียกกันแบบนั้นแต่ผมก็ว่ามันสั้นดีนะครับถึงชื่อผมจะยาวแค่ 2 พยางค์ก็เถอะ
หัวหอม
ตัวผมเองสูง174 น้ำหนัก 57 กก. มวลดัชนีร่างกายอยู่ที่ 18.8 เป็นหนุ่มน้อยสุขภาพดีเลยล่ะ ถึงจะความสูงจะต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานแต่ไม่เป็นไรครับก็ถือว่าสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปแหละเนาะ
หัวหอม
ผมเพิ่งเข้ามหาลัยได้ 3 เดือนกว่า ผมเรียนเกษตรศาสตร์สาขาพืชผัก ผมมีเพื่อน 1 คนชื่อพิณ บอกไว้ก่อนว่าพิณเป็นผู้ชายนะครับ
หัวหอม
จัดได้ว่าน่ารักมากๆ เลยครับแถมสูง 178 แหนะ
หัวหอม
เพิ่งรู้จักกันตอนที่เข้ามาเนี่ยแหละพอดีเราลงเรียนวิชาเดียวกัน ทำงานคู่ด้วยกันเลยพาลสนิทกันไปด้วย
หัวหอม
ชีวิตในมหาลัยก็แฮปปี้ดีนะครับ ไปเรียนกลับห้อง ไปเที่ยวกับบ้าง เที่ยว ในที่นี้หมายถึงพวกคาเฟ่นะครับ ผมไม่ค่อยชอบเข้าผับเท่าไหร่มันทั้งเสียงดัง ทั้งดูวุ่นวาย ๆ ยังไงไม่รู้ผมเลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
หัวหอม
จนเมื่อกระทั่ง 2 เดือนก่อน ไม่รู้ว่าเป็นวันซวยอะไรของผมนักหนา ตื่นสายไม่พอ ด้วยความรีบผมจึงวิ่งไปชนรุ่นพี่คนหนึ่งจนงานของพี่เขาหล่นเปื้อนหมด
หัวหอม
ผมก้มลงไปเก็บปรากฏว่าเป็นภาพวาดผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางดวงจันทร์ที่ใหญ่มากๆ ผมจำได้คร่าวๆ เพราะพี่เขาแย่งภาพนั้นไปก่อน
หัวหอม
เพราะพี่เขาแย่งภาพนั้นไปก่อน แต่ถึงดูแค่นั้นผมก็รู้ได้แล้วว่าพี่เขาคงเรียนเกี่ยวกับสถาปัตย์
หัวหอม
พี่เขามองผมตาเขียวปั้ดเลย ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ทำให้เขาน่ากลัวมากๆ ดูแล้วอารมณ์เสียสุด ๆ
หัวหอม
แต่ดีที่เพื่อนในกลุ่มพี่คนนั้นบอกให้ผมรีบ ๆ ไปก่อนจะไม่รอดเพราะเหตุนั้นผมจึงยังเป็นไอ้หัวหอมอยู่จนถึงทุกวันนี้
หัวหอม
ผมมารู้ช่วงหลัง ๆ อีกทีว่าพี่เขาชื่อ ‘สิงค์’ คณะสถาปัตย์ปี 3 เป็นหนุ่มในอุดมคติของเหล่าสาว ๆ ทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะเรียกได้ว่าฮอตสุด ๆ
หัวหอม
แต่แทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พี่เขาก็แหงล่ะทำหน้าตากลัวตลอดเวลาแบบนั้นใครเขาจะกล้าเข้าใกล้กันล่ะ
หัวหอม
หลังจากนั้นมาพวกพี่เขาก็ตามผมไปทุกทีถ้าเรียกรังควานก็ดูเกินไปเพราะพวกพี่เขามักจะมานั่งเล่น พูดคุยด้วย บางครั้งก็ชวนกินข้าว
หัวหอม
จนผมเริ่มที่จะสนิทกับพวกพี่เขาแล้วล่ะครับ แต่กับพี่สิงค์นี่สิผมไม่ค่อยได้พูดคุยกับพี่เขาเท่าไหร่ ก็น่าจะรู้พี่เขาน่ากลัวจะตาย พูดออกมาทีไรขนผมนี่ลุกซู่ทุกที
‘ค่าย’ เจ้าของเสียงตะโกนเรียกร่างบางที่เหม่อลอยอยู่ ทำให้หอมหลุดออกจากภวังค์ในทันใด
หัวหอม
ห้ะ! ครับๆ ว่าไงนะครับ
หว่าน
ใจลอยไปถึงดวงจันทร์แล้วมั้ง
ค่าย
ดวงจันทร์เหี้ยไรว้า มึงเห็นนั้นไหม
ค่าย
ลอยไปถึงพระอาทิตย์ ยูโนวว?
ค่ายทำหน้าตาเหนื่อยใจเมื่อเห็นเพื่อนเล่นมุกไม่ดูกลางวันกลางคืน ไม่ดูหลักความเป็นจริงเลยต้องเรียกมาปรับทัศนคติการเล่นมุกให้ใหม่
ค่าย
ตอนนี้กลางวันต้องลอยไปถึง…
ค่ายเอ่ยพลางทำหน้าจริงจังหวังให้กล่าวต่อท้ายคำที่เข้าตัวเอ่ยออกไป
เพื่อนทั้งสองกล่าวขอโทษออกมาพร้อมกันด้วยไม่ได้มอบหมาย
พร้อมทั้งหอมหัวเราะออกมา ตลกกับการกระทำตัวราวกับสำนึกผิดของพี่ค่ายและพี่หว่านที่เพิ่งโดนพี่คิณดุไป
ค่าย
ว่าแต่มึงเถอะ ดูเหม่อๆ อย่าบอกนะว่ามึงอกหักอ่ะ
หัวหอม
ป่าวครับ แค่เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อยน่ะครับ
ค่าย
แล้วไป ก็ว่าอยู่มึงจะมีก่อนกูได้ไง
ค่ายกล่าวหาเพื่อนที่นั่งซดไอ้ติมถ้วยอยู่
หว่าน
ไม่อ่ะ กูไม่โสดเหมือนมึง
ค่าย
ฉึก! ไอ้เพื่อนสารเลวมึงกล้ามากนักที่หักหลังกู
ชายหนุ่มทำท่าราวกับเด็กที่กำลังเลียนแบบท่าโดนมีดแทงที่อก
ค่าย
กูกับมึงเราขาดกัน กัน กัน กัน...
หว่าน
มึงดูหน้ากูดิ กูแคร์มึงไหม ไอ้เหี้ยนิ!
หว่านกล่าวด้วยพลางทำท่าทางตักไอติมเข้าปากแล้วทำหน้าสบายใจใส่
ค่ายเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้งก่อนสะบัดหน้าหันหลังที่ให้หว่านที่นั่งอยู่ตรงข้าม
หอมนั่งมองรุ่นพี่ที่พยายามง้อกันอยู่ด้วยไอติมหนึ่งถ้วยก็พาลอมยิ้มกับความน่ารักของพวกพี่ๆ ไปด้วย
ทุกครั้งที่พี่ค่ายงอนพี่หว่านจะลุกไปซื้อไอติมรสกะทิมาง้อเสมอและด้วยไอติมรสกะทิก็จะสำแดงฤทธิ์ให้ค่ายหายงอนทุกครั้ง
และทุกครั้งที่เขางอนเขาไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากไอติมที่ไม่ต้องควักเงินตัวเองซื้อว่าง่ายๆ คือไอติมฟรีจากเพื่อนรักนักหลงกลไงล่ะ
เมื่อได้กินไอติมสมใจอยากแล้ว ค่ายจึงหันหน้ามาหาน้อง ๆ เพื่อบอกกล่าวอะไรบางอย่าง
ค่าย
กูจะบอกมึงนะ ถ้ามึงจะคบใครมึงต้องพามาให้พวกกูตรวจก่อนพวกมึงก็เหมือนกันเข้าใจไหม
พิณ
โถ่ ๆ มาทำตัวซะเชี่ยวชาญ ได้ยินว่าเพิ่งอกหักมานี้ครับ
ค่าย
อ้าว! ไอ้หนู พี่ผ่านโลกมาเยอะกว่ามึงนะครับ ประสบการณ์กูโชคโชนเว้ยน้อง!
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเถียงขาดใจหนุ่มปากจัดอย่างเขามีหรือจะยอม
พิณ
ประสบการณ์โชคโชนเหี้ยไรไอ้พี่ค่ายเกิดก่อนกู 2 ปีเองทำเป็นพูด ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่กูเจอกันช้านะกูก็อายุเท่ามึงละว่ะพี่!
ค่าย
งั้นมึงลุกมาไฟท์กับกูเลยมา สูงเท่าหน้าแข้งกูเนี่ยทำเป็นเก่งกูเตะก้นหักให้แน่มึง!
พิณ
มาดิว่ะ เห็นกูกลัวมึงหรือไงพี่!
ว่าแล้วทั้งสองลุกขึ้นพร้อมปะทะอย่างไว
เป็นสถานการณ์ที่พบเห็นอยู่เป็นประจำที่รุ่นพี่ปี3 สถาปัตย์จะปะทะฝีปากกับน้องเล็กคณะเกษตรศาสตร์ เป็นเรื่องที่ดูไปดูมาคนเหมือนในกลุ่มจะชินกับมันไปซะแล้ว
เสียงแสนเย็นชาของชายหนุ่มที่กำลังนอนฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อนดังขึ้นแม้เป็นเสียงที่เบาเรียบแต่ฟังแล้วช่างน่าขนลุก จึงทำให้สถานการณ์การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องนั้นหยุดลง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นักเขียนเองจ้า
เปิดตัวตอนแรกกับแก๊งไอติมถ้วยสมาชิกในกลุ่มทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องปากแซ่บไม่แพ้กัน
นักเขียนเองจ้า
อย่าลืมมาต่อตอนที่2 กันด้วยน้า
ตอนที่ 2 จอมโจรหัวหอม
ค่าย
ไอ้สิงค์มันห้ามกูไว้ไม่งั้นวันมึงไม่เหลือแล้ว ไอ้เตี้ย!
หอมเห็นท่าทางบรรยากาศระหว่างทั้งสองไม่สู้ดีนัก จึงออกอุบายลากตัวเพื่อนเข้าเรียนทั้ง ๆ ที่เหลืออีกตั้ง 30 นาทีกว่าคลาสเรียนจะเริ่ม
หัวหอม
ง…งั้นพวกผมไปเรียนแล้วนะครับ
พี่หว่านและพี่คิณต่างพยักหน้าให้เป็นการรับรู้ ส่วนพี่ค่ายก็ตอบ อืม ๆ เออ ๆ ไปตามเพื่อนเพราะด้วยความที่หัวยังไม่หายร้อน มีเพียงแต่ก็ไอ้สิงค์เนี่ยแหละที่เหล่หางตาดูเล็กน้อยไม่ได้สนใจอะไร
หลังเรียนจบคลาสสองเกลอต่างแยกย้ายกันกลับที่พัก ทีแรกนัดกันซะดิบดีว่าจะแวะไปคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่สักหน่อยแต่วันนี้ช่างเหนื่อยล้าเหลือเกินชักอยากจะกระโดดลงเตียงนุ่มมากกว่าไปกินขนมอร่อยแล้วล่ะสิ
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากเรียนที่ติดต่อกันระยะเวลานานหลายชั่วโมงบวกกับในช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือจนดึกเนื่องด้วยเดือนหน้าอันใกล้นี้จะสอบจบเทอมแรกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่าเลื่อนการไปคาเฟ่ออกไปจนกว่าจะสอบเสร็จ เพราะอย่างนั้นตอนนี้ขอกลับไปสลีปที่เตียงก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
และแล้วเช้าที่แสนสดใสก็มาถึงแต่มันจะสดใสมากกว่านี้หากปล่อยให้ร่างบางได้นอนต่อ นั้นเพราะว่าวันนี้เขาต้องออกไปคืนหนังสือที่ร้านตามกำหนดการ
ด้วยความกลัวว่าตนเองจะลืมจึงตั้งนาฬิกาปลุกวันนี้เอาไว้ แต่ด้วยความสะเพร่าของหอมดันไม่ดูเวลาเป็นผลให้นาฬิกาปลุกทำงานตั้งแต่8โมงเช้า เป็นผลให้ร่างบางต้องเดินตัวอ่อนปวกเปียกหลังจากที่นั่งอารมณ์บ่จอยบนเตียงอยู่นานสองนาน
วันนี้น้องหอมเลือกใส่ชุดสบายๆ เรียบ ๆ สวมกางเกงผ้าวอร์มสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีขาวตัวใหญ่ ตบท้ายด้วยรองเท้าผ้าใหญ่คอนเวิร์สสีดำคู่ใจและกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ ขาก้าวออกตากห้องไม่ลืมที่จะปิดประตูกันพวกขโมยขโจรทั้งหลายด้วย
ระหว่างทางร่างบางวางแผนในหัวเอาไว้แล้วว่า หลังจากไปคืนหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะแวะทานข้าวนิดหนึ่ง ไปซื้อของเข้าห้องอีกนิดหน่อยแล้วจึงจะเดินทางกลับห้องพัก
หัวหอม
‘เพอร์เฟกต์! สมบูรณ์แบบ! เป๊ะสุดๆ! ไม่มีอะไรดีเท่านี้แล้ว’
น้องหอมคิดในใจพลางยิ้มแก้มปริออกมา
ระหว่างทางขากลับปกติหอมจะขึ้นBTSสถานีใกล้ห้าง จากนั้นลงสถานีที่ใกล้มหาลัยที่สุดเพราะหอพักของลอยนั้นอยู่ห่างมหาลัยไม่ถึง3ซอยเดินสัก9-10นาทีก็ถึงแต่กลับกันวันนี้หอมนึกยังไงไม่รู้เขาเลือกที่จะเดินผ่านสวนสาธารณะเพื่อไปขึ้นอีกสถานีหนึ่งซึ่งอยู่ไกลมากกว่า
ร่างบางเดินมานั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งใต้ต้นประดู่ที่ออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งงามตา ร่างบางพลางนั่งลงแล้วสูดอากาศเข้าเต็มปอด หาได้ยากที่จะมีที่อากาศบริสุทธิ์ในท่ามกลางเมืองหลวงแบบนี้
ร่างเล็กเอนหลังพลางหลับตาลงได้สักพักหนึ่ง อยู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงขนนุ่มของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กระโดดมาบนม้านั่งที่เขานั่งอยู่ หอมลืมตาขึ้นจึงพบกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนสีขาวปุยกำลังนอนเอาหน้าแนบตักมองเขาอยู่
หมูคั่ว
บ๊อก!! บ๊อก!! บ๊อก!!
หัวหอม
อุ้ย~~หนูมาจากไหนลูก~
หัวหอม
หลงมารึเปล่าหรือเจ้าของเอามาปล่อย~
หอมถือวิสาสะอุ้มสัตว์ตัวเล็กตรงหน้าชูขึ้นระดับอกพร้อมกับทำเสียงเล็กเสียงน้อย
หัวหอม
เจ้าของคงเอามาปล่อยแหละเนอะ ไปอยู่กับพ่อใหม่ดีกว่า ดีเด็ก…
หากแต่เล่นกันไปได้สักพัก พวกเขาก็คงต้องจากกันเสียแล้วเพราะเจ้าของตัวจริงเสียงจริงของสุนัขตัวน้อยนี้กำลังมาในไม่ช้า หากร่างบางเห็นคงแทบจะอยากมุดดินหนีหรือตาย ๆ มันไปเสีย
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นจากด้านหลัง
หัวหอม
ปะ…เปล่านะครับพี่สิงค์ ผมไม่ได้จะขโมยนะครับ!
หัวหอม
ไม่ใช่จริงๆ นะครับ! ผมแค่เล่นกับน้องเอง…
ร่างบางมุดหน้ามุ่ยของตัวเองลงเมื่อไร้ทางอธิบาย
คนพี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องมันทำตัวไม่ถูกทำหน้ามุดมุ่ยน่ารัก จึงใส่ไฟแกล้งคนน้องใหญ่
สิงค์
แบบนี้กูคงต้องแจ้งตำรวจ
หัวหอม
อย่านะครับ ผมไม่ได้จะขโมยจริงๆ นะ
หัวหอม
พี่สิงค์เชื่อผมนะครับ…
ร่างบางหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อทำให้คนพี่เชื่อสักทีว่าตนไม่ได้จะขโมยแต่ไร้ผล งั้นก็คงเหลือแค่ท่าไม่ตายอย่างสุดท้ายนั้น คือความน่ารัก ยังไงล่ะ!
สิงค์
คิดว่ากูชอบของน่ารักรึไง
หัวหอม
‘ขนาดนี้แล้วยอมผมเถอะพี่ ปล่อยผมไปเถอะครับ’
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว ทางรอดที่เซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ของหอมคิดขึ้นมาได้นั้นคือ….
หัวหอม
ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะครับ
หอมยัดเจ้าลูกสุนัขให้คนพี่แล้วรีบวิ่งหนีทันที
พอเจ้าตัวกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนมุดหน้ากับหมอนด้วยความอาย ใครกันช่างกล้าทำแบบนั้นกับพี่สิงค์ กล้าจับยัดเจ้าสุนัขตัวเล็กใส่มือพี่สิงค์แล้ววิ่งหนีหน้าตั้งออกมาแล้วพี่สิงค์เป็นคนที่น่ากลัวมาก ๆ ด้วยสิ แบบนี้เขาจะยังไม่เหลือแค่ชื่อใช่ไหม
หัวหอม
พี่สิงค์ต้องโกรธหอมแน่ ๆ เลย
หัวหอม
งื้อ~ หอมจะทำยังไงล่ะทีนี่
----------------------------------------------------------------------------------------------------
นักเขียนเองจ้า
จบไปแล้วจ้าสำหรับตอนที่ 2 อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้าบ~
ตอนที่ 3 กลุ้มใจ
ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เหงื่อไหลตามตัวออกตามร่างกายอย่างกับเพิ่งไปออกกำลังกายมาร่างเล็กนั่งหอบบนเตียงด้วยความเหนื่อยเหตุจากเจ้าตัวนั้นฝันอะไรแปลก ๆ
ฝันว่าโดนสิงโตตัวใหญ่วิ่งไล่อย่างเอาเป็นเอาตายซึ่งน่ากลัวมาก ๆ หรือนี่จะเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างนะมันช่างบังเอิญกับสถานการณ์ของหอมในตอนนี้เสียจริง
หอมพยายามกำหนดลมหายใจ หายใจเข้าออกช้า ๆ เริ่มมีสมาธิมากขึ้นหลังจากที่นั่งตั้งสติได้ร่างบางจึงลุกขึ้นเริ่มทำกิจวัตรประจำวันของการไปเรียน
ร่างบางเดินเข้ามาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ในโรงอาหารด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก นั่งลงอย่างเก้ๆ กังๆ พลางเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งสถานการณ์จริงและความฝันที่เกิดกับตนเอง
หัวหอม
ไหนว่าจะไม่หัวเราะไง
พิณ
โทษทีๆ ก็มันตลกนี่ ใครที่ไหนกล้าทำแบบนั้นกับพี่สิงค์กันเล่า
พิณ
ทั้งยังความฝันอะไรนั่นอีก ถ้าพวกพี่ค่ายมาได้ยินคงขำตายห่าแน่ๆ
หอมทำหน้ามุ่ยให้เพื่อนที่เอาแต่หัวเราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้
หัวหอม
หอมจะทำไงดีพิณ ถ้าพี่สิงค์โกรธหอมขึ้นมาจะทำยังไง
พิณ
พี่สิงค์เขาเป็นผู้ใหญ่จะตาย เรื่องแค่นี้เขาไม่เก็บมาคิดหรอกน่าเชื่อพิณสิ
หัวหอม
จริงหรอ แต่สายตาพี่เขาตอนนั้นเหมือนโกรธหอมเลยอ่ะพิณ
พิณ
พี่แกทำหน้าตาน่ากลัวตลอดเวลานั่นแหละ หอมยังไม่ชินอีกหรอ
ร่างเล็กที่นั่งกอดแขนเพื่อนพลางส่ายหน้าเบาๆ
หัวหอม
พี่สิงค์น่ากลัวที่สุด หอมไม่มีทางชินหรอก
ในระหว่างที่เพื่อนสนิททั้งสองกำลังนั่งเสวนากันอยู่ก็มีชายหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามามุ่งมายังโต๊ะที่นั่งของหอมและพิณ
ร่างบางหันซ้ายหันขวาไม่เห็นพี่สิงค์เดินตามมาความโล่งใจแทรกเข้าหัวใจดวงน้อยๆ ของหอมทันที ตอนนี้ขอเขาไปตั้งหลักหาทางรับมือกับความโกรธเกรี้ยวของพี่สิงห์ก่อน
และทุกคนก็รู้ว่าไอ้พี่ค่ายและพี่หว่านมาเมื่อไรความเงียบสงบก็จะหายลับไปกับตาทันทีเพราะปากไอ้พวกรุ่นพี่ทั้งสองมันโหวกเหวกโวยวายกันไม่หยุด
ค่าย
ป้าครับข้าวผัดหมูสองจานครับ มาเสิร์ฟด้วยนะครับขี้เกียจเดิน!
ค่ายตะโกนสั่งข้าวกับป้าแม่ครัวดังลั่น
พิณ
โอ๊ย! พี่ค่ายเดินไปสั่งก็ได้ป่ะ ไม่อายคนอื่นหรือไง!
ค่าย
มึงจะอายทำไมพวกกูไม่เห็นอายเลย
หว่าน
เมนส์มึงมารึไง โมโหแต่เช้าเชียวน้อง
หว่าน
แล้วคุยไรกันอยู่ว่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ
หว่าน
แล้วเนี่ย! ทำหน้าอย่างคนร้องไห้มา
เมื่อหว่านเห็นหอมหน้าตาเหมือนที่คนที่ผ่านการร้องไห้มาจึงทักขึ้น
หัวหอม
เปล่าครับ ผมแค่เป็นภูมิแพ้น่ะครับ
ร่างบางเลือกที่จะยังไม่บอกรุ่นพี่เพราะหากเพื่อนพี่สิงค์รู้พี่สิงค์ก็ย่อมรู้ อีกอย่างหากพี่ค่าย พี่หว่านรู้ว่าหอมขี้ขลาดไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายขนาดนี้หอมจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน
พิณ
แล้วนี่ พี่คิณกับพี่สิงค์ไปไหนอ่ะ ไม่เห็นมาด้วยกัน
ค่าย
จารย์ยังขึ้นคลาสเลยไม่รู้วันนี้แม่งดีดอะไรแต่เช้า
ค่ายตอบกลับทั้ง ๆ ที่ข้าวยังเต็มปาก
พิณ
ผมว่าพี่กลืนก่อนเถอะค่อยพูด
พิณ
สงสารว่ะ...เดี๋ยวข้าวติดคอตาย
ชายหนุ่มหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อทำให้อาหารเข้าสู่หลอดอาหารและลงกระเพาะได้คล่องมากขึ้น
หว่าน
คือไร พูดมาสิกูไม่หอมแก้มมึงหรอกน่า
หัวหอม
เอ่อ...คือว่า...พี่สิงค์ชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ
หว่าน
ถามทำไมอ่ะ จะซื้อไปจีบมันหรอ
หว่าน
กูบอกไว้เลยอย่างมึงไม่ใช่สเปกมันหรอก
หว่าน
ต้องขาว สวย อึ๋มๆ เด้งๆ เอวบาง หน้าตาหมวยๆ น่ารักๆ
ค่าย
เดี๋ยวๆ กูว่าไม่ใช่ไอ้สิงค์ล่ะ
ค่าย
ไอ้สิงค์มันชอบของน่ารักๆ ซะที่ไหน
สรุปไม่ได้อะไรจากพวกพี่เขาเลย หอมจึงทำได้แค่นั่งน่าเศร้าไปทั้งวันคิดแล้วคิดอีกว่าจะยังไงดีแต่เหมือนวันนี้สมองหอมไม่แล่นเอาซะเลยเหมือนกำแพงอะไรสักอย่างกั้นไว้ วันนี้ดีที่ทั้งวันไม่ได้เจอพี่สิงค์ไม่งั้นหอมคงตายไปแล้ว แต่ก็จะตายอยู่ดีเพราะถ้าวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้ หอมยังไม่กล้าไปขอโทษแล้วหากมีความกล้าไปขอโทษแล้วพี่สิงค์ไม่ให้อภัยล่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
นักเขียนเองจ้า
ตกลงได้อะไรจากพี่ค่ายกับพี่หว่าน5555
นักเขียนเองจ้า
อย่าลืมมาต่อตอนที่ 3 นะงับ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!