ในฤดูที่หนาวเหน็บ ณ แคว้นหนาน จวนท่านแม่ทัพกำลังมีเลิกงามยามดี ฮูหยินได้ให้กำเนิดบุตรี แล้วคำทำนายจากผู้เฒ่าในวังหลวงก็เกิดขึ้นว่า องค์รัชทายาทจะมีคู่ครองที่เกิดขึ้นมาแล้ว นางจะมาแล้วกลับความเงียบ
ฮ่องเต้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบกระจายข่าวว่าจวนใดที่ให้กำเนิดบุตรสาวก็พบว่าเป็นจวนของท่านแม่ทัพที่ได้ให้กำเนิดบุตรีซึ่งเกิดมาโดยมิร้องออกมาสักนิด วันถัดมาฮ่องเต้ทรงมีราชโอการหมั้นหมายทันที จวนแม่ทัพมิได้ติดขัดอันใด องค์รัชทายาทที่ยังเด็กแต่เฉลียวฉลาดก็ทรงแล้วแต่บิดา
วัย3หนาว ข้าและเขาได้เจอกันครั้งแรก วัย12หนาวข้าได้ไปยินดีกับเขาที่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในวัย18ปี เขายิ้มกว้างมาให้ข้า รอยยิ้มนั้นเป็นข้าที่ได้มาเพียงคนเดียว ถัดมาอีก6ปีข้าอายุ18ปีท่านแต่งตั้งให้ข้าเป็นสนมเอก แม้วันเข้าหอท่านจะต้องไปออกรบข้าก็เข้าใจ
.
.
.
2ปี ถัดมา...
"ท่านพี่\~\~\~" ข้า หลงกุ้ยอิง วิ่งไปหาสามีที่จำความได้ข้าและเขาก็มีแต่ผู้คนกล่าวว่าฟ้ากำหนดให้เราคู่กัน
"หือ? มีอันใดหรือ" เขาถามขึ้นมาแต่ตายังคงจ้องมองตำราบนโต๊ะ
"หม่อมฉันมาช่วยท่านทำงานได้หรือไม่ อยู่เฉยๆแล้วเบื่อยิ่ง" ข้าทำสีหน้าอ้อนวอนแม้จะรู้คำตอบว่าเขาจะตอบออกมาเช่นไร
"มิได้หรอก พี่อยากให้เจ้าสบาย" เขายังคงพูดประโยคเดิมๆที่พูดกับข้าตลอด2ปี ข้าก็ยังตื้อเขามาเช่นเดิม
"เห้ออออ"
"อยู่วังหลวงสบายเช่นนี้น้องหญิงจะทำอะไรที่ยุ่งยากทำไมเล่า" เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องข้า
"ก็หม่อมฉันเบื่อหนิเพคะ ท่านพี่ก็เอาแต่ทำงาน" ข้าทำหน้ายู่
" เอาเถอะ พี่มีอีกเรื่องที่จะบอกเจ้าไว้" หย่งเทียนจินหรือฮ่องเต้ได้ทำสีหน้าที่จริงจังขึ้น มันทำให้ข้าแปลกใจตาม
"เพคะ?"
"วันพรุ่ง พี่ต้องไปออกรบมิรู้ว่าจะได้กลับคราใด อาจเป็นเดือน เป็นปี เป็นวัน ก็มิอาจล่วงรู้ได้ พี่อยากให้เจ้าดูแลวังหลวงให้ดี" เขาลุกขึ้นแล้วนำมือมาลูบหัวข้า ข้าตกใจเล็กน้อยเหตุใดถึงกระทันหันแบบนี้ละ
"ทำไมถึงเร็วแบบนี้ละเพคะ" ต้องมีอะไรที่แปลกแน่กับศึกครานี้
" ทางชายแดนส่งข่าวมาบอกว่ามีกบฏเพิ่มขึ้นเยอะ พี่ต้องลงไปดูเสียหน่อย ชาวบ้านก็ขาดแคลนอาหารในบริเวณนั้น ต้องไปหาสาเหตุอีกเยอะเสียจริงๆ ในระหว่างที่พี่ไม่อยู่หวังว่าเจ้าจะดูแลให้วังหลวงสงบดีนะ" เขาร่ายยาวขณะพาข้าเดินไปเรื่อยๆ ข้าครุ่นคิดตามที่เขาพูด
"เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ" ตั้งแต่เข้าวังข้ากับเขาเจอกันได้เพียงแปบเดียวเท่านั้นซึ่งข้าก็ต้องยอมรับเพราะเขาเป็นถึงฮ่องเต้เลยหนิ ราษฎรต้องมาก่อนเสมอ
" ดีแล้ว ข้าจะได้มิเหนื่อยมาก" เขายิ้มอ่อนออกมาให้ข้าแต่รอยยิ้มเช่นนี้ข้าจะได้มันกลับมามิเหมือนเดิมอีกแล้ว...
.
.
.
.
.
3 เดือนผ่านไป
"พระสนมเพคะ หากฮ่องเต้ทรงรู้ว่าท่านมาฝึกดาบเล่นเช่นนี้ต้องมิดีแน่" เป็นนางกำนัลคนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยความหนักใจ ก็ดูเถิดตั้งแต่ฮ่องเต้ไปออกรบพระสนมก็เอาแต่มาฝึกดาบกับพวกทหารในวัง
"เอาน่าาา อึบ" ข้าไม่ใส่ใจกับคำพูดของนางนัก หากเขารู้ก็คงมีบ่นเล็กน้อยเพราะเขาก็รู้อยู่แล้วว่าข้านั้นพอจะเล่นดาบเป็นแต่เขามิรู้ว่าข้านั้นก็เป็นวรยุทธ์ด้วย
"ฮืออออ พระสนมหัวของหม่อมฉัน10หัวก็มิพอนะเพคะ" นางกำนัลอ้อนวอน
"งั้นเจ้าก็-" ข้ากำลังจะพูดแต่ก็มีทหารวิ่งมาด้วยความเหนื่อยและแตกตื่นว่า
"แอ่กๆๆๆ พระสนมพะยะค่ะ! ฝ่าบาททรง แอ่กๆๆ กลับมาแล้วพะยะค่ะ"
"อ่อ" ข้าหันไปฝึกดาบต่อจะให้พูดเช่นไรดี ทุกคราที่เขากลับมาจากการรบเขาก็มักจะบอกว่าเหนื่อยอยากพัก สุดท้ายกว่าจะได้เจอก็2วันถัดไป สู้มิไปหาให้เสียเวลาดีกว่า
"โถ่ พระสนมแต่ครานี้-" ทหารจะกล่าวต่อแต่ก็มีคนมาขัดขึ้น
"เอ่อ หากพระสนมยังมิอยากไปก็มิเป็นไรพะยะค่ะ ส่วนเจ้าจะไปไหนก็ไป!" เป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของเขานั้นพูดแทรกขึ้นมาแล้วทำการไล่ทหารผู้นั้นไป
"เว่ยจิง ข้าจะไปหาเขาตอนนี้แหละ หลบ" ข้ากล่าวชื่อองค์รักษ์เพื่อบอกให้หลบเนื่องด้วยข้าก้าวขาไปทางใดเว่ยจิงก็ก้าวไปทางเดียวกับข้าตลอด มีอันใดปิดปังข้าเป็นแน่!
" อะ โอ้ย พระสนมท่าน!" เว่ยจิงที่โดนนางเล่นงานที่ขาให้ล้มก็ตกใจเขาเป็นถึงองค์รักษ์ของฮ่องเต้แต่กลับถูกพระสนมลอบทำร้ายโดยมิรู้ตัว พระสนมท่านมีความลับเยอะเสียจริง!!
"บอกมาเจ้ามีความลับอันใด!" ข้ากระชากคอเสื้อของเว่ยจิงให้ลุกขึ้น เอาเถอะก็ข้าอยากรู้ก่อนไปถึงหนิ วังหลังนี่ข้าคุม!
"พระ พระสนมทรงเย็นพระทัยก่อนพะยะค่ะ" เว่ยจิงค่อยๆลุกแล้วพูดติดๆขัดๆ
"รีบพูดมาซะดีๆถ้าเจ้ายังมิอยากเจ็บตัวเพิ่ม" ข้าถกแขนเสื้อขึ้นแต่นางกำนัลส่วนตัวก็รีบวิ่งมาปิดให้ในทันที
"พระสนมมันมิงามเพคะ"
"เห้ออออ เว่ยจิงเจ้าช่วยบอกข้ามาดีๆเถิด" ข้าที่เห็นแก่นางกำนัลก็ยอมกล่าวดีๆ จะพูดเช่นไรดีตลอด2ปีที่ข้าเข้าวังข้ามิได้ใช้นิสัยเช่นตอนอยู่นอกวังให้ผูัอื่นเห็นแม้กระทั่งสามีของตน จะเรียกง่ายๆว่าข้าตามน้ำง่ายหนะ พูดดีพูดอ่อนโยนข้าก็ทำได้ แล้วแต่สถานการณ์กระมั้ง
" ฝ่าบาททรงเอ่อ... ขออภัยหม่อมฉันมิสามารถกล่าวได้พะยะค่ะ" เว่ยจิงกล่าวออกมาหนักแน่นนับว่าเขาคนนี้มีความซื่อสัตย์จริงๆ
"ได้งั้นข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ" ข้าหันหลังก้าวขาไปอย่างรวดเร็ว กลับรบมาครานี้เหตุใดถึงมีเรื่องให้ข้าสงสัยเยอะนัก
"พระสนมรอด้วยพะยะค่ะะะะ"เว่ยจิงรีบวิ่งตามไป
.
.
.
ตำหนักใหญ่
" หลบสิ" ข้าที่เห็นทหารไม่ขยับตัวสักทีก็ทำท่าหมุนไหล่เล็กน้อยหากมิหลบคงได้ออกกำลังแขนหน่อยละมั้งงงง
"เอ่ออ ฝ่าบาททรง-" ทหารหน้าประตูตำหนักมองหน้ากันด้วยความเลิกลั่กว่าควรจะให้พระสนมเข้าไปหรือไม่เพราะข้างในนั้นมัน..
"รีบหลบให้พระสนมสิพวกเจ้าหนิ" เป็นเว่ยจิงที่ตามมาทีหลังรีบพูดเพราะเห็นนางหมุนแขนไปมาเป็นเชิงพร้อมทำร้ายคน
"ขอรับ"
"เเอ๊ดดดด" ทันทีที่ประตูเปิดข้าก้าวข้าเข้าไปอย่างไม่รีบร้อนมากนักทันทีที่ข้าเงยหน้าก็พบว่าเขานั่งคุยกับสตรีที่ข้ามิเคยเห็นหน้ามาก่อน?
" เอ๊ะ ฝ่าบาทใครหรือ"ข้าแสร้งตกใจแล้วเดินไปนั่งข้างๆเขา ที่ข้ามิจำเป็นต้องทำความเคารพก็เพราะเขาเคยบอกกับข้าว่าเป็นสามีภรรยากันมิจำเป็นต้องทำ
"นี่ฟางจิง ข้าพบนางขณะออกรบจึงช่วยไว้ นางกล่าวถอยคำประหลาดๆแถมยังช่วยชาวบ้านอีกด้วย ฉลาดยิ่งนักๆๆ" ข้าถามเพียงนิดเขากับร่ายเสียซะยาว
"เอ่อ ใครหรอท่าน" นางถามกลับ
"นี่สนมเอกข้าเอง" เขากล่าวแนะนำข้าได้สั้นเสียจริง
"เอ่อยินดีที่ได้รู้จัก... เพคะ ฮ่าๆๆ ต้องพูดแบบนี้สินะ" นางกล่าวออกมาท่าทางดูลำบากเสมือนมิใช่คนที่นี้?
" หากท่านสงสัยข้ามาจากต่างโลกที่พวกท่านไม่รู้จักหรอก ข้าก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไงแต่ข้าคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน" อันที่จริงฉันตกหลุมรักฮ่องเต้ที่นี่นะสิ เหมือนในนิยายเป๊ะเลยยย เห้อออก็ดูเถอะเจอกันครั้งแรกเขาก็อุ้มฉันบนหลังม้าช่วยชีวิตจากโจร เเถมระหว่าง1เดือนนั้นยังได้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลาอีกมันก็หวั่นไหวมั้ยละ
" ต่างโลก? "ข้าถามซ้ำมันคืออันใด
" อธิบายไปเจ้าก็มิรู้หรอกน้องหญิง ข้าเคยให้นางอธิบายข้ายังมิเข้าใจเลย" เขาหันมากล่าวพร้อมกับเกลี่ยผมที่ปลิวมาติดใบหน้าไปทัดหู ฟางจิงที่เห็นก็แอบน้อยใจนิดๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"แล้วท่านพานางมาทำไม?" ข้าจึงหันไปถามเขาแทน
" อืมมม นางช่วยข้าในหลายๆเรื่องเลยหากเก็บไว้ข้างกายคงจะดีมิน้อย ข้าจะแต่งตั้งให้นางเป็นซูเฟยดีหรือไม่เจ้าว่า" เขายิ้มอ่อน
"ท่าน..."ข้าจ้องมองเขาอย่ามิคาดคิดว่าคนเช่นเขาจะกล้าแต่งตั้งสนมเพิ่มรองจากนางเลยหรือ
"พระสนมหรอ! จริงหรอเพคะ" นาวทำท่าตกใจเล็กน้อยแล้วยิ้มกว้าง ข้ายังคงมองหน้าเขาที่หันไปหัวเราะให้กับฟางจิงก็ได้แต่คิดในใจว่า ท่านคิดอันใดอยู่กันแน่
"หากหม่อมฉันบอกว่าไม่ท่านก็คงแต่งนางเข้ามาอยู่ดี หม่อมฉันเลือกอันใดได้ละ" ข้าลุกขึ้นแล้วเตรียมจะก้าวเดินออกไปจากตำหนักเขาหันมามองข้าแล้วกล่าวว่า
"ข้ารู้เจ้าจะต้องตอบเช่นนี้ แต่ข้าแต่งตั้งนางเพื่อบ้านเมืองหากมีนางคอยช่วยข้าคงหายเหนื่อยไปบ้าง" ไม่ใช่ว่าเขามิสนใจความรู้สึกนางแต่เหตุใดนางถึงต้องทำให้เขาเหนื่อยใจอยู่ร่ำไป ฟางจิงเป็นสตรีที่ข้าบังเอิญเจอใน1เดือนที่ข้าได้อยู่กับฟางจิงเหตุใดมิเหมือนกับอยู่กับนางเลยเล่า ความรู้สึกข้ามันบอกเช่นนี้
" หม่อมฉันเข้าใจเพคะ เข้าใจ"ข้ายิ้มอ่อนก่อนจะเดินออกไป แต่หารู้ไม่ในใจข้ามันแทบจะแตกออกอยู่แล้ว ฝ่าบาทท่านคิดแบบนั้นจริงๆหรือเพื่อบ้านเมืองหรือเพื่อตนเองกันแน่.....
"พระสนมเป็นเช่นไรบ้าง-" นางกำนัลที่เห็นพระสนมกลับมาก็รีบจะเข้าไปพูดคุยดั่งเดิมแต่..
"ข้าอยากอยู่คนเดียวห้ามใครมารบกวน" พูดเสร็จข้าก็เดินเข้าตำหนักของตนเองไปทันที นางกำนัลได้แต่มึนงงแต่ก็อดเป็นห่วงมิได้ ตั้งแต่มาอยู่รับใช้พระสนมถึง2ปี นางมิเคยเห็นพระสนมบอกว่ามีความสุขเสียสักที
"เพคะ"
"ปัง" เสียงปิดประตู
"เหตุใดถึงได้หน่วงใจเช่นนี้นะ"ข้านั่งลงที่เตียงของตนแล้วนำมือทาบไปที่หน้าอก ความรู้สึกของข้ามัน... เจ็บ
ตั้งแต่ข้ารู้จักเขาในคราแรกที่เจอจนถึงวันที่เขากลายมาเป็นสามี ข้าก็มิเคยถามเขาว่า เขารักข้ามั้ย หรือเพราะข้าคิดไปเองหลงเชื่อคำพูดของเขาจน...กลายมาเป็นเช่นนี้
หรือเป็นข้าที่คิดมากไปเขาเป็นถึงฮ่องเต้ย่อมมีสนมเป็นมากมายแต่ถามใจข้ารึยังว่าข้าพร้อมจะมีสามีร่วมกับคนอื่นได้เช่นไร..
"อ๊ะ! จริงสิ" ข้าลุกขึ้นยืนกระทันหัน สตรีที่เขานำมาบอกว่ามากจากที่ที่ข้ามิรู้จัก นางเสียสติหรือ? น่าจะมิใช่
"อิงอิงๆ เตรียมรถม้าด่วน" ข้าพลักประตูออกไปพร้อมกับคิดในหัว คนที่จะอธิบายทุกอย่างในวันนี้ได้มีเพียงผู้เฒ่าเท่านั้น!
"เอ่อออ เพคะ"
.
.
.
" พระสนมทรงออกไปยังนอกวังแล้วพะยะค่ะ" องค์รักษ์ส่วนตัวของเขาได้นำข่าวมาบอกกล่าว เขาสั่งให้เว่ยจิงคอยดูนางอยู่เสมอ
" อืม"
" ให้กระหม่อมทรงติดตามไปหรือไม่พะยะค่ะ"
"มิต้องหากนางอยากไปก็ปล่อยนาง" เขาวางพู่กันแล้วเงยหน้านางดื้อรั้นมิเคยเปลี่ยน ครานี้คงอยากให้เขาตามไปหาเป็นแน่
" พระองค์ เอ่อออ จะทรงแต่งตั้งพระสนมเพิ่มจริงๆหรือพะยะค่ะ" เว่ยจิงถามออกไปตรงๆ
"นางมิดีตรงไหน" เขาขมวดคิ้วฟางจิงเป็นสตรีที่กล้าหาญกล้าพูดกับเขาอย่างมิเกรงกลัว นางรู้เรื่องที่เขามิรู้ในหลายๆเรื่อง นับว่าก็ดีมิใช่น้อย
"แต่พระองค์ยังมิเคยเข้าหอกับพระสนมสักครา นอนก็นอนแยกตำหนัก หากพระองค์แต่งตั้งซูเฟยแล้วเข้าหอกับนาง จะมิเป็นการหยามเกีรยติของพระสนมหรือพะยะค่ะ" เว่ยจิงร่ายยาวเขาอยากจะบอกกับพระองค์จริงๆว่าพระสนมนั้นร้ายมากกว่าที่ท่านมิรูัอีกกกก
"วันนี้เจ้าช่างน่ารำคาญเสียจริง ออกไปได้แล้วเรื่องนี้ข้าจะกลับไปคิดเอง" เขาอารมณ์ขึ้นเล็กน้อยเว่ยจิงยอมออกไปอย่างง่ายดายทั้งตำหนักก็เหลือเพียงแต่เขา ฟางจิงเขาส่งให้นางไปนอนพัก หรือว่าข้าต้องไปเข้าหอกับน้องหญิงของข้าก่อนถึงจะแต่งตั้งได้? งั้นคงต้องรีบทำงานให้เสร็จเสียแล้วละ...
.
.
.
ทางด้านหลงกุ้ยอิง(พระสนม)
" พระสนมเราจะไปที่ใดกันหรือเพคะ" อิงอิงถามอย่างสงสัยก็นั่งในรถม้ามาเสียตั้งนานรอบๆระยะทางมีแต่ป่า น่ากลัวยิ่ง
"เอาน่าเดี๋ยวก็ถึงแล้ว" ข้าบอกพร้อมกับคอยมองทาง การเดินทางไปหาท่านผู้เฒ่าช่างยากเสียจริงๆ
"อิงอิงดูนั้นสิ!" ข้าชี้ออกไปยังข้างนอกรถม้า อิงอิงรีบมองตามมือข้า ข้าใช้เข็มจิ้มไปที่ต้นคอเบาๆเพียงให้นางสลบ ข้าขอโทษนะอิงอิงแต่ว่าข้าจำเป็น
"พระสนมเกิดอันใด อะ-"คนขับรถม้าหยุดแล้วจะเข้ามาแต่ข้าก็ปาเข็มไปทางนั้นทันทีทำให้ในครานี้ทั้งคู่สลบเป็นที่เรียบร้อย เอาละ ข้าควรเดินไปทางไหนก่อนดี ใช่แล้วข้าจะปล่อยให้รถม้ากับคนขับรถนอนอยู่ที่นี่ไปเสียก่อนเพราะข้าจะไปหาผู้เฒ่าเองเพียงผู้เดียว
"แปะๆ เก่งจังเลยนะ"เสียงปรบมือดังขึ้นมาปริศนาข้าจึงรีบมองไปรอบๆในทันที ก็เจอกับบุรุษสวมใส่ชุดสีขาวพร้อมกับหมวกคลุมใบหน้า
"เอ่ออออ" ข้าอ้าปากงงๆ
"มิต้องถามว่าข้าเป็นผู้ใด" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาติดเยือกเย็น
"ก็ไม่ได้อยากรู้เลยนะ "ข้าส่ายหัวไปมาพร้อมกับหันหลังจะเดินตามหาบ้านของผู้เฒ่าต่อ
"เจ้า! หึ หาทั้งชาติเจ้าก็ไม่เจอท่านผู้เฒ่าหรอ" ชายปริศนาพูดออกมาให้ข้าได้ยินเต็ม2หู ข้าเพียงหันหลังกลับไปช้าๆแล้วยิ้มอ่อน
"เจ้า... ข้ายังมิได้บอกว่ามาหาท่านผู้เฒ่า แสดงว่าเจ้ารู้ว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ที่ใด.... ดังนั้นจะพาข้าไปดีๆหรือเจ้าจะต้องร้องไห้ก่อน"ข้ายิ้มกว้างพร้อมกับเดินเขาไปใกล้ๆ เดาเลยว่าบุรุษปริศนาตรงหน้าข้าต้องเป็นคนคอยดูแลท่านผู้เฒ่าเป็นแน่!
"เป็นแค่ อะ โอ้ยยย"บุรุษปริศนายืนกอดอกมิเกรงกลัวข้า ข้าจึงได้ทำการจับเขาทุ่มลงพื้นเบาๆ
" ยังไง"ข้าจับหัวเขากดลงพื้น อันที่จริงข้าไปเอาแรงมาจากไหนก็มิรู้เสียตั้งเยอะ
"เออข้าจะพาไป!" ิบุรุษปริศนารีบพูด สตรีอันใดแรงเยอะกว่าเขาเสียอีก ฮืออ
"ดี"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!