NovelToon NovelToon

เกมพิชิตใจท่านรอง

ตอนที่ 1 บริษัท MM2u

ณ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักที วันที่ ‘ปอฟาง’ ได้เป็นบัณฑิต สวมใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับบรรดาพ่อแม่พี่น้องป้าน้าอาทั้งหลาย ต่างก็แห่กันมาจากต่างจังหวัดเพื่อร่วมแสดงความยินดีให้กับหญิงสาวที่เรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยอันดับต้น ๆ ของคณะบริหารธุรกิจ

ปอฟาง เธอเป็นคนไฟแรงมาตลอดตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง จนตอนนี้เรียนจบก็มองหางานที่มั่นคงเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา หญิงสาวบุคลิกมั่นใจ ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันดี! ฝีปากกล้าพอตัวจึงทำให้หนุ่ม ๆ ที่แอบหมายตามาตั้งแต่สมัยเรียนไม่กล้าเข้ามาลองจีบเลยสักคน เพราะหากทำอะไรไม่ถูกใจเธอเข้าล้ะก็ มีหวังหูบอดกันระนาว

ปอฟางเธอเป็นคนตัวเล็ก ส่วนสูงประมาณ 156cm. เห็นจะได้ ผมยาวเรียบตรงประมาณกลางหลัง เธอเลือกย้อมเป็นสีน้ำตาลหม่นเพราะพี่รหัสสมัยปีหนึ่งได้แนะนำไว้ ว่าจะช่วยขับผิวเป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้ใบหน้ามีความสว่างละมุนเข้าไปอีก บวกกับแต่งหน้าในโทนสีส้มสดใส ยิ่งทำให้หนุ่ม ๆ เหลียวหลังมองกันเป็นแถว

หลังจากที่รับปริญญาได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้น เธอก็ตระเวรยื่นเรซูเม่ให้กับเหล่าบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหลายที่เปิดรับสมัครในช่วงนี้ และเพียงสามวันก็มีบริษัทหลายแห่งเรียกเธอเข้าสัมภาษณ์ ทุกที่ล้วนสนใจเธอกันทั้งนั้น แต่ทว่าครั้นปอฟางได้ตกลงถึงเรื่องเงินเดือน สวัสดิการต่าง ๆ ฝ่ายบุคคลถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะด้วยบุคลิกที่ดูหนักแน่น มั่นใจในความสามารถตัวเอง เธอจึงต้องการเงินเดือนที่อยู่ในระดับสูงเกินไป

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่งริษัทใหญ่มั่นคงที่หนึ่งเรียกสัมภาษณ์หลังจากที่เธอนอนรอสายเรียกเข้ามาตลอดหนึ่งสัปดาห์ เข้าพบหลายที่แต่ก็ไม่มีที่ไหนเรียกทำงานสักที แต่วันนี้เธอมีลุ้นเป็นพิเศษ เพราะบริษัทที่เรียกสัมภาษณ์ในวันนี้ เป็นถึงMM2u เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับของใช้แม่และเด็กที่ใหญ่ที่สุดและยอดขายอันดับหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้

หญิงสาวในชุดเสื้อเบลเซอร์สีขาว แต่งด้วยเข็มขัดสาน พร้อมด้วยกระโปรงสั้นประมาณหัวเข่า รองเท้าส้นไม่สูงมากนักพอเดินเหินได้สะดวก ย่างเท้าเข้าไปในบริษัทดังกล่าวด้วยท่างมั่นใจ เชิดหน้าชูตาจนพนักงานที่เดินเข้าออกเป็นต้องเหลียวมอง ในมือกำลังถือซองสีน้ำตาลและแฟ้มหนึ่งเล่มที่มีไว้สำหรับใส่ประวัติฝึกงานดีเด่นและผลงานเกียรติบัตรต่าง ๆ ในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

เมื่อเข้ามาถึงในห้องฝ่ายบุคคล ปอฟางกวาดสายตามองทั่วบริเวณด้วยสายตาภาคภูมิแทนพนักงานที่นี่ บริษัทใหญ่โตทั้งเรื่องของกินอาหารว่างก็ไม่จาด แม้แต่ในห้องสัมภาษณ์งานที่มีพื้นที่ขนาดกว้าง โต๊ะทำงานตัวใหญ่วางกลางโต๊ะ ทั้งยังมีทีวี โซฟาคุณภาพดีเพื่อให้คนที่เข้ามารู้สึกผ่อนคลาย

หญิงสาวผู้มาใหม่นั่งมองหัวหน้าฝ่ายบุคคลซึ่งเป็นผู้หญิงวัยประมาณ40ต้น ๆ กำลังอยู่ในห้องอาหารว่าง ยืนกดกาแฟด้วยท่าทางสบายอารมณ์ เหลือบมองมาทางปอฟางเล็กน้อยขณะที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม

ปอฟางนั่งถือซองสีน้ำตาลรอด้วยความอดทน กำซองนั้นไว้แน่นภาวนาให้ตนนั่งอยู่กับที่จนกว่าหญิงสาวคนดังกล่าวจะออกมา

ใช้เวลาร่วม 10 นาทีกว่าหัวหน้าฝ่ายบุคคลจะจีดการธุระส่วนตัวเสร็จ ปอฟางคิดในใจ บริษัทใหญ่โตมั่นคง แต่พนักงาน….

“ขอโทษทีนะคะที่ให้รอนาน” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียงเป็นกันเองขณะเดินออกจากห้องกาแฟมามือเปล่าด้วยชุดที่ดูภูมิฐานพร้อมทั้งส่งยิ้มเก็บฟอร์มมาให้คนที่นั่งรอ

ปอฟางเห็นเช่นนั้นทำทีเป็นยิ้มตาหยีส่งไป ด้วยท่าทางมีมารยาทเก็บอารมณ์เอาไว้ก่อน ทำตัวเรียบร้อยเข้าไว้ หากได้เข้าทำงานที่นี่เมื่อไหร่ล่ะก็ ยัยป้าคนนี้ต้องโดนบ่นเข้าสักที!

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ”

“พี่ชื่อแก้วนะคะ ไหน..ขอดูประวัติหน่อยซิ”

แก้วพูดแนะนำตัวเองเพียงเล็กน้อยพลางเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามอีกคน จากน้ำเสียงเป็นกันเองเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็งวางอำนาจในทันใดพร้อมทั้งยื่นมือขอเอกสารในมือปอฟาง

หญิงสาวผู้ที่มาสัมภาษณ์ยื่นซองสีน้ำตาลให้เธอแต่โดยดี พร้อมทั้งแฟ้มที่ใส่เรซูเม่ดอาไว้ แก้วเปิดดูเอกสารทั้งหมดนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับร้อง โอ้โห!ด้วยความตะลึง เพราะประวัติการฝึกงานของอีกคนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เธอเคยฝึกงานในตำแหน่งนักการตลาดถึงประเทศอังกฤษเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม หมายความว่าทั้งเรื่องภาษา การวางตัว มารยาททางการเจรจาทางธุรกิจต่าง ๆ ก็ต้องสมบูรณ์แบบแน่นอนอยู่แล้ว

ส่วนปอฟางเธอนั่งหลังยืดตรงเพื่อไม่ให้เสียบุคลิก เมื่อมองสีหน้าหัวหน้าฝ่ายบุคคล เธอเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะอีกคนใบหน้านิ่งขรึม ไม่รู้ว่าฟอร์มจัดหรืออย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าที่ไหนก็ต้องตกตะลึงกันทั้งนั้น

จากนั้นแก้วก็เริ่มถามประวัติส่วนตัวต่าง ๆ แรงบันดาลใจในการทำงาน และเป้าหมายเป็นอย่างไร ทุกท่วงท่าการตอบคำถามของปอฟางล้วนเต็มไปด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงฟังดูอ่อนน้อมถ่อมตน ทั้งการศึกษ าลักษณะนิสัยที่แก้วมองเธอจากภายนอก ช่างเหมาะสมที่จะเป็นพนักงานของMM2uเหลือเกิน

ทั้งสองพูดคุยซักถามประวัติกันพอหอมปากหอมคอ ต่อไปก็ได้เวลาเข้าเรื่องจริงจังบ้างแล้ว แก้วเปลี่ยนท่านั่งเป็นพับขาไขว่ห้าง ยกแขนขึ้นกอด สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นทันตา

“แล้วต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ”

คำถามแบบนี้ปอฟางรู้แน่ชัดว่าแก้วต้องการรับเธอเข้าทำงานแล้วแน่แท้ จึงตอบกลับไปชัดถ้อยชัดคำ ท่าทางมั่นใจไม่มีตก

“ห้าหมื่นค่ะ”

“อืม..ห้า…” แก้วพยักหน้าหงึกไปครู่หนึ่งครุ่นคิดถึฃตัวเลข แต่ก็เหมือนได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ได้ยินเพียงห้า… “อะไรนะ!ห้าหมื่น!!”

ตอนที่ 2 เจ้าของเงิน

ปอฟางยิ้มอย่างพอใจกับท่าทีของหัวหน้าฝ่ายบุคคล เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาเธอก็เอาแต่ทำหน้านิ่งเชิงหยิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น มาเวลานี้ก็ได้เห็นสีหน้าคนตกใจเสียที

“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ แม้แต่คนที่เค้าอายุมากกว่าเธอ มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ยังไม่เรียกเงินเดือนถึงขนาดนี้เลยนะ แต่นี่ เป็นแค่เด็กจบใหม่..” แก้วมองแรงไปยังอีกคน เปลี่ยนท่านั่งเป็นพิงพนักเก้าอี้ สายตาดุดันไม่ใช่เล่น แต่นั่นก็ไม่ทำให้ปอฟางหวั่นเกรงแม้แต่น้อย

“ก็ไหนบริษัทบอกว่าต้องการคนทำงานที่มีประสิทธิภาพไงคะ อยู่นี่แล้วไง” ตอบกลับหน้าตาเฉยทั้งยังเผยรอยยิ้มแห่งความหนักแน่น เธอพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม หากแก้วไม่รับปอฟางเข้าทำงานล่ะก็ ถือว่าบริษัทคงเสียว่าที่พนักงานน้ำดีไปอีกหนึ่งคน

“ฉันถามจริง ๆ เธอได้อ่านคุณสมบัติครบถ้วนรึเปล่า”

“ครบค่ะ”

“งั้นเธอก็ต้องเห็นสิ ว่ากรอบเงินเดือน อยู่ตั้งแต่ 15,000-25,000” แก้วตอบกลับพลางยื่นเอกสารที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและเงินเดือนอีกครั้ง ทว่าอีกคนไม่ก้มลงมองแม้แต่น้อยเพราะถือว่าตนได้อ่านมาครบถ้วนแล้ว

“รู้ค่ะ แต่ฟางมั่นใจ ว่าจะสามารถทำเงินให้บริษัทได้มากเป็นเท่าตัวแน่นอน” ยังคงมั่นหน้าไม่ลดลง ปอฟางต้องการเข้าทำงานที่นี่ให้ได้ อันที่จริงเธอได้บอกพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดเอาไว้ ว่าหลังจากรับปริญญาภายในหนึ่งเดือนแล้วยังหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งไม่ได้ เธอจะกลับบ้านไปเป็นครูสอนเด็ก ๆ ในโรงเรียนเล็ก ๆ อย่างพ่อและแม่ ซึ่งแน่นอนว่าคนหัวสูงอย่างปอฟางไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นแน่นอน

“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน เพิ่งจบมาใหม่ ๆ แท้ ๆ แทนที่จะ…” แก้วส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เธอยอมแพ้ให้กับท่าทีของอีกฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ปอฟางทำงานที่นี่ในเงินเดือนห้าหมื่นได้ “เรซูเม่เธอก็น่าสนใจดีนะ ได้ฝึกงานถึงอังกฤษ”

แก้วหยิบเอกสารของอีกคนขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง ในขณะที่เจ้าของก็นั่งฟังไปด้วยพยักหน้าไปด้วย แต่ใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ปอฟางสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดด้วยความลุ้นระทึกว่าแก้วจะตอบอย่างไรต่อไป

“แต่ถ้าเธอเรียกเงินเดือนขนาดนี้ ฉันคงรับเธอไว้ไม่ได้” แก้วพูดจบก็ปิดแฟ้มลงทันที ทำท่าจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องแต่อีกคนกลับรั้งเอาไว้

“งั้นให้ฟางคุยกับเจ้าของเงินเดือนได้มั้ยคะ” น้ำเสียงยังคงหนักแน่น เธอนั่งที่เดิมปรายสายตามองแผ่นหลังแก้วที่กำลังหันมามองเธออีกครั้งอย่างช้า ๆ สีหน้าอีกคนดูแปลกประหลาดไม่น้อย คงยังไม่เคยเจอพนักงานที่ทำอวดเก่งเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าของเงินเดือน?นี่!เป็นใครมาจากไหนฮะ ถึงได้ขอพบท่านประธานทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เป็นคนของที่นี่แท้ ๆ!” แก้วเริ่มหงุดหงิดจนหัวคิ้วผูกกันเป็นปม หันมาถามกลับเสียงตะคอกพร้อมทั้งจ้องหน้าอีกคนอย่างไม่ลดละ

หญิงสาวตัวเล็กซึ่งเป็นเด็กจบใหม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าไปใกล้หัวหน้าฝ่ายบุคคลอีกหน่อย พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มมุมปากให้เห็นเล็กน้อยดูแล้วน่าหงุดหงิดชอบกล แม้แต่โดนขึ้นเสียงใส่ขนาดนั้นเธอก็ยังไม่หวั่น นับถือใจปอฟางจริง ๆ

“พี่แก้วก็เห็นประวัติฟางแล้วนี่คะ” เธอใช้สรรพนามที่ฟังดูเป็นกันเอง จนอีกคนภึงกับต้อฝอ้าปากเหวอไป “ให้เจ้าของเงินเดือนเค้าตัดสินใจเองดีมั้ยคะ ว่านักศึกษาจบใหม่อย่างฟางเนี่ยควรจะรับเข้าทำงานที่นี่ด้วยเงินเดือนห้าหมื่นรึเปล่า”

“ฮึ!” แก้วหันหน้าไปหัวเราะเยาะทางอื่นก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง “ได้!อยากเจอท่านประธานมากใช่มั้ย ฉันจัดให้ นั่งรออยู่ตรงนี้ละกัน” ส่งสายตาไปยังเก้าอี้ด้านหลังปอฟางเพื่อให้เธอกลับไปนั่งลงกับที่ ก่อนจะเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ไปด้วยท่าทางขึงขังโกรธแรง ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ตอนจบใหม่ เธอได้เงินเดือนเพียงหมื่นสองเท่านั้น มิหนำซ้ำตั้งแต่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า ก็ยังไม่เคยเจอคนอวดดีอย่างยัยเด็กปอฟางนั่นมาก่อน แบบนี้ต้องให้ท่านประธานจัดการด้วยตัวเอง

ส่วนทางด้านปอฟาง แท้จริงแล้วเธอไม่ได้มั่นใจอย่างที่คิด แต่นั่นคือเปลือกภายนอกที่ตั้งใจจะใช้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครรังแกได้ก็เท่านั้น หลังจากที่แก้วออกไป เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ปลดปล่อยความอึดอัดเมื่อครู่ออกมาเสีย ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เดิมเพื่อรอพบท่านประธานของบริษัท

ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นภายในกระเป๋าแบรนด์หรูที่หญิงสาวพาดไหบ่เอาไว้ ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูแบะพบว่าคนที่โทรมาคือ แม่ นั่นเอง

“ฮัลโหลแม่มีไร” เสียงห้วนทักทายปลายสายไร้หางเสียง

“ไง สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง” คนปลายสาวถามกลับเสียงห้วนเช่นกัน

“นี่ไง หนูกำลังสีมภาษณ์อยู่ แค่นี้ก่อนนะแม่” ปอฟางตอบเสียงกึ่งกระซิบพลางใช้มือป้องปากก้มหน้าลงหน่อย กลัวว่าหากพี่แก้วและท่านประธานเข้ามาจอนนี้อาจเป็นภาพที่ดูไม่ดีนัก

“อืม ๆ แต่อย่าลืมนะ เดือนนี้ถ้ายังไม่ได้งาน แกต้องกลับมาเป็นครูสอนเด็ก ๆ ที่บ้านนะ”

“อืมมม รู้แล้วนา วันนี้ได้แน่นอน แม่รอฟังข่าวดีได้เลย”

“จ่ะ!จะรอ!”

พูดจบปอฟางรีบตัดสายทิ้งทันที อันที่จริงเธอแอบกังวลอยู่ไม่น้อย หน้าถอดสีครั้นอยู่เพียงลำพังในห้องสี่เหลี่ยม นึกกังวลอยู่ลึก ๆ หากไม่ได้งานภายในเดือนนี้เธอคงต้องกลับต่างจังหวัดด้วยความจำใจ

ตอนที่ 3 เปียกปอน

พูดจบปอฟางรีบตัดสายทิ้งทันที อันที่จริงเธอแอบกังวลอยู่ไม่น้อย หน้าถอดสีครั้นอยู่เพียงลำพังในห้องสี่เหลี่ยม นึกกังวลอยู่ลึก ๆ หากไม่ได้งานภายในเดือนนี้เธอคงต้องกลับต่างจังหวัดด้วยความจำใจ

หน้าห้องทำงานของท่านประธาน เลขาสาวสวยสามคน นั่งตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ อยู่หน้าเคาท์เตอร์ แก้วเดินตรงเข้าไปอย่างรีบเร่งก่อนจะเอ่ยถาม

“ท่านประธานอยู่รึเปล่าคะ” คนถามยืนเอามือค้ำเคาท์เตอร์สีหน้าเคร่งเครียด

“เอ่อ..เพิ่งออกไปพบผู้ตัดการสาขาย่อยเมื่อกี้เองค่ะพีาแก้ว มีอะไรรึเปล่าคะ” เลขสาวสวยคนหนึ่งมีสถานะเป็นรุ่นน้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมีมารยาท ขณะที่อีกสองคนที่เหลือก็ยังคงตรวจตราเอกสารต่อไป

“พี่เจอคนอวดดีเข้าแล้วน่ะสิ!” แก้วตอบกลับเสียงเป็นกันเอง คนในบริษัทไม่มีใครไม่รู้จัก พี่แก้ว หัวหน้าฝ่ายบุคคล เพราะทุกคนล้วนผ่านการแสกนจากเธอทั้งนั้น ทั้งเรื่องการประเมิณเงินเดือนก็ยังเป็นหน้าที่แก้วอีกด้วย จึงไม่มีใครในนี้กล้าหืออือกับเธอเลยสักคน จนกระทั่งได้มาเจอคนปากดีอย่างปอฟางเข้า

“หืออ!ใครมันกล้าอวดดีกับพี่แก้วของพวกเรากันคะ”

“เด็กที่พี่นัดมาสัมภาษงานน่ะสิ จบใหม่แท้ ๆ ประสบการณ์ก็ไม่มี กะอิแค่เคยฝึกงานจากนอกมา เรียกเงินเดือนตั้งห้าหมื่น มันใช้ได้ที่ไหน” แก้วร่ายยาวระบายความอัดอั้นทั้งหมดที่มี

สาวเลขาได้ยินดังกล่าวก็ดวงตาลุกวาว วางเอกสารในมือลงและยืนขึ้นด้ววความตกใจ “ห่ะ ห้าหมื่นเนี่ยนะคะพี่แก้ว!ตายแล้ว!”

“แล้วนางอยากจะคุยกับท่านประธานด้วยนะ หึ!”

“เสียดายท่านประธานไม่อยู่ แต่…” สาวเลขาเว้นวรรคไว้ ก่อนจะเอามือป้องปากตัวเองพลางโน้มเข้าหาอีกคน แก้วก็ยื่นใบหูเจ้ารับด้วยความอยากรู้ “ท่านรองอยู่นะคะ” เลขาสาวพูดต่อเสียงกระซิบก่อนจะหลุบตามองต่ำลง

“คุณฌอนน่ะนะ!” แก้วชะงักไปในนาทีนั้น กลับมามองหน้าเลขาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าความเงียบของท่านรองปนะธานน่ากลัวแค่ไหน แม้แต่ท่านประธานก็ยังดูใจดีกว่าเป็นไหน ๆ ครั้นจะให้แก้วไปขอความข่วยเหลือจากเขา …แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ

“โอยยย ไม่เอาอ่ะ พี่ไปปฎิเสธยัยเด็กนั่นซะก็หมอเรื่อง”

“หือ!แล้วพี่คิดเหรอนางจะยอมไปง่าย ๆ ฟังที่พี่แก้วพูดมานะ เค้าคงไม่ยอมไปง่าย ๆ หรอก ถ้าถึงขั้นอยากพบท่านประธานน่ะ”

“อืม…ใช่”

“แล้วเนี่ย ถ้าท่านรองรู้เข้านะ เขาต้องไม่พอใจยัยเด็กนั่นแน่ ๆ ที่ทำให้พวกเราเสียเวลา” เลขาตอบกลับตามหลักความเป็นจริง หากฟังจากที่แก้วพูดมา เธอคนนั้นพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม หสกถึงขั้นอยากพบท่านประธานก็หมายความว่าเธอตั้งใจอยากทำงานที่นี่แน่นอน

และปอฟางจะยอมเดินจากไปก็ต่อเมื่อ..เจ้าของเงินที่เธอหมายถึง เป็นคนปฎิเสธเองเท่านั้น

แก้วได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มคล้อยตาม ครั้นจะปัดความรับผิดชอบให้สาวเลขาล่วยคุยกับท่านรองประธานให้ ก็ดูไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแท่ทีมของที่นี่สักเท่าไหร่ จึงลงมือเองเสียเลยดีกว่า เธอจึงเดินตรงไปอีกนิดก่อนจะถึงหน้าห้องทำงานของฌอนในที่สุด สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็เคาะประตูก่อนตามมารยาท

ทางด้านปอฟางเธอมเริ่มประหม่าเล็กน้อย จากทีแรกแค่สิบนาที แต่ตอนนี้ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว นี่ยัยป้าคนนั้นกำลังเล่นเกมจิตวิทยากับเราอยู่รึเปล่านะ ถึงได้ปล่อยให้รออยู่แบบนี้ ปอฟางเริ่มสั่นขายิก ๆ ด้วยความร้อนใจ ยกโทรศัพท์มือถือมาไถโซเชียลเล่นก็แล้ว ลุกขึ้นเดินชมวิวริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ก็แล้ว แต่ท่านประธานก็ยังไม่มาสักที

เธอเดินไปนั่งตรงโซฟาใหญ่ซึ่งมีทีวีจอแบนอยู่ด้านหย้า หากไม่เกรงใจจริง ๆ ล่ะก็ปอฟางคงหาสวิตซ์เปิดดูละครรีรันรอบบ่ายให้รู้แล้วรู้รอด

ครั้นนั่งรอจนคอเริ่มแห้งบวกกับความประหม่าที่เพิ่มพูนขึ้น เธออยากจะหาอะไรเย็น ๆ ดื่มสักแก้ว ขณะนั้นเองสายตาเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ห้องกาแฟ เหลือบมองเห็นว่ามีเครื่องทำน้ำแข็งด้วย เอาล่ะ!เงยดูนาฬิกาผนังก็ยังไม่ครบครึ่งชั่วโมง อย่างน้อยพวกเขาคงไม่เข้ามาจังหวะพอดีหรอกนะ

ปอฟางไม่ร้อช้ารีบลุกชึ้นจากโฟาเดินตรงไปยังเครื่องทำน้ำแข็งทันที แต่ทว่ารุ่นนี้เธอไม่เคยใช้มาก่อน จับเครื่องมองดูซ้ายขวาก็ไม่มีวิธีทำเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังมีสวิตซ์ปุ่มแดงบ้างเหลืองบ้าง มองแล้วถึงขั้นมึนงงขั้นสุด…ของเก๊รึเปล่าเนี่ย เธอนึกในใจพลางหันมองเครื่องทำกาแฟ หากจะดื่มกาแฟร้อนตอนนี้มันก็ไม่ใช่เวลาเสียด้วย หญิงสาวอยากหาอะไรเย็น ๆ ดีบความร้อนในใจมากกว่า

ปัง ปัง!!

“ฮึ่ยยย!ใช้ยังไงเนี่ย”

สบถก่นด่าเจ้าเครื่องทำน้ำแข็งเจ้าปัญหา เท่านั้นยังไม่พอ เธอใช้กำปั้นตัวเองทุบไปมาอยู่เรื่อย ๆ ก้มลงมองดูด้วยความหงุดหงิด นิสัยเธออยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากกินกาแฟเย็นก็ต้องได้กิน

ทันใดนั้นเองเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น และเป็นจังหวะเดียวกันที่เครื่องทำน้ำแข็งได้มีอะไรสักอย่างออกมาเสียที

ซ่าาาาา!!

“อร๊ายยยยยยย!!!”

“เห้ยยยย ทำอะไรของเธอเนี่ย!”

เสียงแก้วดังขึ้นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเธอและท่านรองจะได้มาเห็นภาพนี้ด้วยกัน ภาพที่ผู้สัมภาษณ์งานกำลังสู้รบกับเครื่องทำน้ำแข็ง แต่ก็แพ้ราบโดยเครื่องนั้นรั่ว พ่นน้ำออกมากระจายไปทั่วจนปอฟางเปียกำปทั้งหน้า..ทั้งตัว

“นี่คุณมาทำอะไรในบริษัทของพี่ชายผม!!”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!