NovelToon NovelToon

ชา โรงน้ำชานี้ช่างหวานละมุน

บทนำ สาเหตุของการพบพาน

บทนำ

สาเหตุของการพบพาน

รัชศกหมิงอิ๋งปีที่ 11

เมื่อคิมหันตฤดูใกล้หมดไป สารทฤดูใกล้เข้ามาเยือน

ฮองเฮาผู้มีสภาพร่างกายอ่อนแอจนมิอาจตั้งครรภ์ได้มาตลอดสิบปีกลับตั้งครรภ์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

ทำให้ฮ่องเต้ทรงปลื้มปิติยินดียิ่ง เพียงแค่พระองค์ทรงนึกขึ้นได้ว่าฮองเฮาเคยพึมพำอยากดื่มชาร้อน

ๆ ในช่วงเหมันตฤดู พระองค์ไม่รีรอที่จะรับสั่งให้เหล่าขุนนางทั้งหลายออกตามหาชาเลิศรส

และทรงตรัสอีกว่าหากขุนนางผู้ใดสามารถนำชาเลิศรสที่ทำให้ฮองเฮาพึงพอใจได้ดีที่สุดกลับมาได้

พระองค์จะทรงรับฟังคำขอของคนผู้นั้นเป็นการตอบแทนอย่างไม่มีเงื่อนไข

หลังจบการประชุมในท้องพระโรง

ขุนนางรูปงามผู้หนึ่งได้ทราบถึงกระแสรับสั่งขององค์ฮ่องเต้ก็ไม่รอช้า

เดินออกจากท้องพระโรงด้วยท่วงท่าสง่างาม ทว่าฝีเท้าว่องไวยิ่งกว่าอาชาเสียอีก

เป้าหมายตั้งแต่เยาว์วัยของบุรุษผู้นี้คือยศถาบรรดาศักดิ์

เขาหวังว่าสักวันจะสามารถยืนอยู่เหนือบิดาของตนได้ เพราะ...

เมื่อกลับถึงจวนสกุลเฟย

ขุนนางหนุ่มสั่งให้บ่าวเกือบทั้งจวนออกตามหาชาเลิศรสโดยมิรอช้า

หากทว่าสิ่งที่ข้ารับใช้นำมา กลับเป็นเพียงใบชาพื้นเพธรรมดา

เขาจึงตัดสินใจออกตามหาด้วยตนเอง พร้อมกับสั่งให้บ่าวกระจายตัวไปยังเมืองต่าง ๆ

เพื่อค้นหาใบชาที่ดีที่สุดในใต้หล้าและนำกลับมาถวายแด่ฮ่องเต้

ผู้ยืนอยู่เหนือผู้คนในแผ่นดินชวน

ขุนนางรูปงามออกตามหาชาเลิศรสตามเมืองต่าง

ๆ จนมาถึงเพิงน้ำชาชานเมืองฉิน

หลังจากดื่มกินชำระเงินเสร็จและลุกขึ้นเพื่อจะเดินทางต่อ ขุนนางหนุ่มพลันได้ยินเสียงพูดคุยของคนโต๊ะด้านข้าง

ซึ่งกำลังเจรจาอย่างสำราญด้วยความเมามาย หัวข้อสนทนาทำให้เขาชะงักและนั่งลง พวกเขาพูดคุยกันถึงโรงน้ำแห่งหนึ่งในเมืองฉือ

ว่ากันว่าโรงน้ำชาแห่งนั้นมีชาเลิศรสสุดหาที่ใดเปรียบ รวมถึงเจ้าของโรงน้ำชาก็งดงามสุดบรรยาย

ประหนึ่งเดินออกมาจากภาพวาดของจิตรกรยอดฝีมือ ขอเพียงได้สบตากับเจ้าของโรงน้ำชา ก็จะมิสามารถสลัดใบหน้าอันงดงามนั้นออกไปจากความคิดได้เลย

แม้กระทั่งยามหลับนอนกับภรรยา ก็มักจะจินตนาการว่าภรรยาพวกเขาคือเจ้าของโรงน้ำชาผู้นั้น

ขุนนางหนุ่มรีบไต่ถามชื่อของโรงน้ำชานั้นด้วยความสุภาพ

จากนั้นรีบขึ้นเกี้ยวเดินทางเข้าเมืองฉือทันที เขาหาได้สนใจหน้าตาเจ้าของโรงน้ำชาผู้นั้น

แต่สนใจถึงชาอันเลิศรสว่าสมกับคำร่ำลือหรือไม่

“โรงน้ำชาอู่เฉวียน”

ขุนนางหนุ่มเอ่ยชื่อโรงน้ำชาขณะนั่งเกี้ยว คาดหวังเหลือเกินว่าเขาจะได้พบกับสิ่งที่ปรารถนา

บทที่ 1 บุรุษผู้งดงาม

บทที่ 1 บุรุษผู้งดงาม

ณ เวลายามเว่ย แสงอาทิตย์เจิดจ้าท้องฟ้าปราศจากเมฆ

ขุนนางหนุ่มได้นั่งเกี้ยวมาถึงหน้าประตูเมืองฉือ

มือหนาแหวกม่านชำเลืองมองออกมานอกเกี้ยว

พลางกล่าว “นี่นะหรือเมืองฉือ?”

ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

บุรุษรูปงามค่อย ๆ

ก้าวลงจากเกี้ยวด้วยท่วงท่าที่สง่างาม รวมถึงรูปลักษณ์อันหล่อเหล่าของเขาที่ยากจะหาใครเปรียบ

ได้สะกดทุกสายตาให้จับจ้อง

เขาสวมอาภรณ์สีขาวทำจากผ้าเนื้องามราคาแพงเกินกว่าคนธรรมดาจะซื้อได้

เมื่อเห็นเช่นนั้น

ดวงตาเจ้าของโรงเตี๊ยมวัยราวห้าสิบได้ลุกวาว สาวเท้ารีบเร่งเดินเข้ามาต้อนรับ

“ยินดีต้อนรับคุณชาย ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”

ทว่าก่อนที่เจ้าของโรงเตี๊ยมจะเดินเข้าประชิดตัว

บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งซึ่งถือดาบแนบไว้ข้างกายพลันเดินเข้ามาขวาง

“คุณชายของข้าต้องการเข้าพัก โรงเตี๊ยมของเจ้ายังมีที่ว่างหรือไม่?”

สายตาเจ้าของโรงเตี๊ยมได้จับจ้องไปที่ดาบสีดำเล่มนั้น

ใบหน้าเขาซีดลงพร้อมปรากฏหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ

“ฮ่า ฮ่า โรงเตี๊ยมของข้ายังมีที่ว่างขอรับคุณชาย

เชิญด้านในก่อน” สิ้นเสียง เหลาปั่นไม่รอช้ารีบเร่งเดินนำทางให้ขุนนางหนุ่ม

และบ่าวใช้สองคน

จนมาถึงด้านใน

เจ้าของโรงเตี๊ยมได้ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

ปรบมือเรียกสาวงามมาบริการพร้อมผายมือไปที่เก้าอี้ไม้แกะสลักพลางกล่าว

“เชิญนั่งก่อนขอรับคุณชาย”

สีหน้าบุรุษผู้นี้นิ่งเฉย

แววตาคมเหลือบมองเจ้าของโรงเตี๊ยมก่อนเดินเข้าไปนั่ง

“ท่านจะรับอะไรก่อนหรือไม่ขอรับคุณชาย

โรงเตี๊ยมของข้ามีพ่อครัวฝีมือดีอยู่มาก

รับรองว่าอาหารและเครื่องดื่มของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ต้องถูกใจท่านเป็นแน่”

ขุนนางหนุ่มหาได้สนใจไม่ เพียงกล่าว

“เจ้ารู้จักโรงน้ำชาอู่เฉวียนหรือไม่?”

“ขออภัยคุณชาย ข้าไม่เคยได้ยินชื่อโรงน้ำชานี้มาก่อน”

“หากเป็นเช่นนั้นเจ้ากับเสี่ยวเอ้อร์ไปได้แล้ว

ที่เหลือบ่าวของข้าจะจัดการเอง”

ทว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมพร้อมกับสาว ๆ

พวกนั้นยังคงดื้อดึงที่จะบริการให้ขุนนางผู้นี้ต่อเพื่อหวังผลประโยชน์

บ่าวทั้งสองจึงชักคมดาบออกจากฝัก ปลายดาบแหลมพุ่งจี้จรดคอหอยของอีกฝ่าย

“คุณชายของข้าบอกให้พวกเจ้าไปได้แล้วไม่ได้ยินหรือ?”

สีหน้าเจ้าของโรงเตี๊ยมพลันเปลี่ยนสีซีดเซียว

“ข้าแก่แล้ว หูของข้าไม่ค่อยได้ยิน”

เขาสะบัดมือให้พวกเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังถอยไป

พลางกล่าว “พวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

เมื่อพวกเขาเดินห่างออกไป

บ่าวทั้งสองจึงเสียบเก็บดาบกลับเข้าฝักไว้เช่นเดิม

“พวกเจ้า อย่าทำอะไรนอกเหนือสิ่งที่ข้าสั่ง

การที่ข้าออกเดินทางมาครั้งนี้ เพียงเพื่อออกตามหาชาเท่านั้น อย่าได้ก่อเรื่อง”

ขุนนางหนุ่มกล่าวตำหนิบ่าวทั้งสองของตน

บ่าวทั้งสองพลันคุกเข่าประสานมือขึ้นเหนือศีรษะ

“ขออภัยคุณชาย โปรดลงโทษ” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน

“ลุกขึ้น แล้วออกไปตามหาโรงน้ำชาแห่งนั้น

หากได้เรื่องให้รีบแจ้งข้าโดยเร็ว ข้าจะรออยู่ที่นี่”

“ขอรับคุณชาย” บ่าวใช้ทั้งสองรับคำ

เวลาผ่านล่วงเลยมาเพียงครึ่งชั่วยาม ขุนนางหนุ่มที่กำลังนั่งพักอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมรู้สึกเบื่อหน่าย

จึงได้เก็บของสำคัญพร้อมร่มหนึ่งคันติดตัวก่อนเดินออกจากห้องพัก เพื่อลงไปชั้นล่าง

เขาสวมใส่อาภรณ์สีขาวเนื้อผ้าละเอียด เพียงมองก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นคนมีฐานะ

เจ้าของโรงเตี๊ยมเหลือบมองไปเห็นบุรุษรูปงามที่กำลังเดินลงมาจากบันได

จึงรีบสาวเท้าเข้าหาทันที “คุณชาย ท่านจะไปที่ใดหรือ?”

“ข้าจะออกไปข้างนอกสักพัก หากบ่าวของข้ากลับมา บอกพวกเขาให้รอข้าอยู่ที่นี่”

“รับทราบคุณชาย” เจ้าของโรงเตี๊ยมรับคำ

ในขณะออกตามหาโรงน้ำชาอู่เฉวียนอยู่นั้น

แสงจากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวันที่ส่องลงมาโดยปราศจากเมฆขาวบดบัง

ทำให้อากาศร้อนเป็นอย่างยิ่ง

เขารู้สึกกระหายน้ำจึงได้แวะพักในเพิงร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองฉือ

“เถ้าแก่ ท่านรู้จักโรงน้ำชาอู่เฉวียนหรือไม่?” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบพลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ เพียงลิ้มลองรสของชา

คิ้วทั้งสองข้างก็พลันขมวดเข้าหากัน

“โอ้! คุณชาย ท่านเพิ่งมาเมืองฉือเป็นครั้งแรกอย่างงั้นหรือ?”

“เป็นเช่นนั้น ข้าพึ่งเดินทางมาถึงเมื่อยามเว่ย”

เขาวางถ้วยชาลงเบา ๆ

“ฮ่า ๆ หากเป็นเช่นนั้น ท่านสนใจใช้บริการใหม่ของร้านข้าหรือไม่

เพียงสองร้อยเหวิน ข้าจะให้ลูกชายของข้าพาท่านเดินชมรอบเมืองฉือ”

เถ้าแก่เอ่ยถามพลางยิ้มร่า

ขุนนางหนุ่มหาได้ใส่ใจ

เขามองเถ้าแก่ร้านด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ข้าเพียงถามท่านว่า

ท่านรู้จักโรงน้ำชาอู่เฉวียนหรือไม่”

เถ้าแก่เห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด

รอยยิ้มกว้างพลันหุบลงทันใด “คุณชาย หากท่านไม่พอใจกับราคานี้

ข้าสามารถลดให้ท่านได้สี่สิบเหวิน ท่านคิดเช่นไร?”

ขุนนางหนุ่มค่อย ๆ เก็บของพลางลุกขึ้น

ทว่ากลับมีมืออันหนักแน่นของชายหนุ่มรูปร่างกำยำสองคนมากดทับไว้บนบ่าของเขาให้นั่งลง

“คุณชายท่านจะรีบไปไหนอย่างงั้นหรือ?” มุมปากของเถ้าแก่ยกยิ้มอย่างพอใจ

“ท่านจะทำสิ่งใด?” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบพร้อมใบหน้านิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ข้าเพียงเห็นว่าท่านพึ่งมาถึงเมืองฉือ

ข้าเลยกลัวว่าท่านจะเหนื่อย หากเพียงเพราะข้าเป็นห่วงท่านเสียมากกว่าจึงอยากให้ท่านนั่งพักเสียหน่อย”

“เจ้าคิดว่าข้ามองเจ้าไม่ออกอย่างงั้นหรือ?”

“ท่านหมายความว่าอย่างไรกันคุณชาย?”

“จากสิ่งที่ข้าเห็น

ตอนนี้พวกเจ้าพยายามรีดไถเงินจากข้าอยู่” ขุนนางหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ พลางล้วงหยิบห่อขนมที่เก็บไว้ด้านในอาภรณ์ขึ้นมากิน

“มิกล้า มิกล้า

ข้าน้อยเป็นเพียงพ่อค้าขายอาหารธรรมดาข้างทาง มีเพียงเพิงร้านเล็ก ๆ เป็นที่พักพิง

ข้าจะกล้าทำสิ่งนั้นได้อย่างไรกัน” เถ้าแก่กล่าวพลางหรี่ตาลงพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าว่าเจ้าบอกให้ลูกทั้งสองของเจ้าเลิกเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวข้าได้หรือไม่”

น้ำเสียงขุนนางหนุ่มยังคงนิ่งเรียบ

ลูกชายทั้งสองของเถ้าแก่ร้านต่างไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับคำพูดของขุนนางหนุ่มที่กล่าวออกมาเมื่อครู่

มือหยาบหนากำแน่นพร้อมง้างเข้ามาใกล้ใบหน้าอันหล่อเหลา หากทว่ากลับมีเสียงแหลมของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมาหยุดไว้เสียก่อน

“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! พวกเจ้ากำลังจะทำสิ่งใดกัน? เถ้าแก่ชาง เจ้าอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่?”

“คุณหนูจางลี่!!!”

เถ้าแก่ชางเรียกชื่อของจางลี่พร้อมท่าทีตกใจ

“ฮ่า ฮ่า” เถ้าแก่ชางหัวเราะแห้ง

“เรื่องมันมีที่มาอย่างนี้ขอรับคุณหนูจาง

บังเอิญว่าคุณชายท่านนี้เขากินแล้วไม่ยอมจ่าย ข้าเลยบอกให้ลูก ๆ

ของข้าสั่งสอนเขาเพียงเล็กน้อย” เถ้าแก่ชางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทียำเกรง

“เป็นอย่างงั้นหรือ คุณชาย” จางลี่เอ่ยถามหนุ่มรูปงาม

เถ้าแก่ชางยิ้มหรี่ตามองขุนนางหนุ่ม

แววตาของเขาดุดัน พยายามข่มให้อีกฝ่ายคล้อยตามตน ทว่าขุนนางหนุ่มหาได้สนใจไม่

เขาเหลือบมองไปยังจางลี่ ก่อนเอ่ยถาม “แล้วแม่นาง คิดเช่นไร?”

“นี่ท่าน!!! ข้าถามท่าน

มิใช่ให้ท่านถามข้ากลับเช่นนี้ ครอบครัวสอนมาเช่นไรกัน”

ขุนนางหนุ่มนิ่งเงียบก่อนที่จะเก็บห่อขนมของเขากลับเข้าไปไว้ในอาภรณ์สีขาว

“เอาละ ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรจะกล่าว

ข้าจะถือว่าสิ่งที่เถ้าแก่ชางกล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง”

ขุนนางหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในถุงอาภรณ์ของเขาเพื่อนำเงินออกมาหนึ่งตำลึงเงิน

กระแทกลงบนโต๊ะไม้อย่างแรงจนขาโต๊ะได้หักไปข้างหนึ่งแล้วเดินจากไป ขณะนั้น

เถ้าแก่ร้านและลูก ๆ ของเขารวมถึงจางลี่ ต่างพากันนิ่งเงียบเพราะความตกใจ

จางลี่เมื่อหาเสียงตนเจอก็พลันตะโกนกล่าวถามตามหลังขุนนางหนุ่มซึ่งเดินออกไปได้ครู่หนึ่ง

“นะ...นี่ท่าน ท่านจะไปที่ไหนกัน ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!? ”

ขุนนางหนุ่มเดินแวะเวียนตามซอกซอยต่าง

และไต่ถามผู้คนมากมายเพื่อตามหาร้านน้ำชาตามข่าวลือที่ตนได้รับมาจากเมืองฉินจนถึงยามที่พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า

หากกลับไม่พบสิ่งใดที่เชื่อมโยงถึงโรงน้ำชาอู่เฉวียนเลยแม้เพียงน้อย

“ดูท่าข้าคงจะมาเสียเที่ยวเสียแล้ว นี่เป็นสิ่งผิดพลาด

ข้าไม่ควรหลงเชื่อคำพูดของคนเมา” ขุนนางหนุ่มกล่าวกับตนเอง

ระหว่างที่เขากำลังทอดถอนใจ

พลันได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชาโชยเข้าจมูก ใต้แสงสีทองระยิบระยับของดวงอาทิตย์

“นี่มันกลิ่นชา? ช่างเป็นกลิ่นที่หอมอะไรถึงเพียงนี้”

ขุนนางหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินตามกลิ่นหอมที่ลอยมาตามสายลมไปอย่างใจจดใจจ่อ

ยามนี้ขุนนางหนุ่มได้เดินมาถึงต้นตอของกลิ่นหอมละมุน

ภาพตรงหน้าของเขาคือโรงน้ำชาที่เพียงมองก็รู้ได้ทันทีว่าพึ่งเปิดมาได้ไม่นานนัก

มีเพียงป้ายขนาดเล็กที่มีเพียงตัวอักษรเขียนว่า ‘โรงน้ำชา’ ไร้สิ่งเติมแต่งใด ๆ ตั้งอยู่หน้าร้าน

“ที่นี่หรือ? ต้นตอของกลิ่นหอมนั้น

ถึงแม้จะพึ่งเปิดได้ไม่นาน ก็ไม่คิดว่าจะเรียบง่ายอะไรถึงเพียงนี้”

ขุนนางหนุ่มเลิกม่านไม้ไผ่ตรงหน้าขึ้น

พลางก้มหน้าก้าวข้ามวงกบประตูไม้ล่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา

สายตาพลันกระจ่างจ้าดุจคนตาบอดได้พบแสง

แสงตะวันสาดส่อง สารทฤดูพัดโชย

กลีบใบต่างร่วงโรย ใจข้ามิอาจต้านทาน

บทกวีพลันผุดขึ้นมาในใจทันทีเมื่อได้เห็นผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

คนผู้นั้นสวมอาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ กำลังยืนทัดเกศาดำขลับยาวสลวย ซึ่งพลิ้วไหวด้วยสายลมที่พัดผ่านเข้ามา

ขับเน้นความงามเจ้าของโรงน้ำชาประหนึ่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์

ขุนนางหนุ่มคล้ายตกในห้วงภวังค์

มิอาจละสายตาจากรูปลักษณ์อันงดงามนั้น

“คุณชาย ท่านอยากดื่มอะไรหรือไม่? ร้านใกล้จะปิดแล้ว”

เสียงไพเราะดุจพญาหงส์เอ่ยถาม

พร้อมด้วยแววตาเคลือบความสงสัย

“คุณชาย ท่านได้ยินที่ข้าถามหรือไม่?”

“...”

เจ้าของโรงน้ำเห็นท่าทีอีกฝ่ายก็แปลกใจ

พลางเดินมายังเบื้องหน้าของบุรุษหนุ่มด้วยการทิ้งระยะห่างเพียงเล็กน้อย

“หากเอาแต่ยืนขวางประตูเช่นนี้ ข้าจะปิดร้านได้อย่างไร?”

ขุนนางหนุ่มพลันได้สติ

รีบปั้นหน้ากลับ

“ขออภัยแม่นาง มิทราบว่าท่านมีนามใดหรือ?”

“ข้ามีนามว่าอู่เฉวียน แต่ได้โปรดอย่าเรียกข้าว่าแม่นาง

เนื่องจากข้าเป็นบุรุษ”

ขุนนางหนุ่มเพ่งพินิจไปบนดวงหน้าของอีกฝ่ายซึ่งงดงามราวกับมิใช่คนบนโลกมนุษย์

พลางยิ้มขำ

“แม่นางรู้จักล้อเล่นนัก ในโลกไหนเลยจะมีบุรุษงามถึงเพียงนี้”

“ท่านมิเชื่อ” อู่เฉวียนเลิกคิ้วเล็กน้อย

ขุนนางหนุ่มยังคงยิ้มพลางส่ายหน้า“หากเจ้าของร้านน้ำชาเบื้องหน้าเป็นบุรุษ ในโลกก็ไม่จำเป็นต้องมีสตรีแล้ว”

“มิว่าผู้ใดต่างไม่เชื่อว่าข้าเป็นบุรุษ

แม้แต่ท่านก็ด้วย ช่างเถิด ข้าชินเสียแล้ว”

“แม่นาง ท่านโกรธหรือ?”

“ข้าจะโกรธท่านได้อย่างไร

ท่านมิใช่คนแรกที่เห็นข้าเป็นสตรี” อู่เฉวียนหลบสายตาอีกฝ่ายชั่วครู่

ก่อนหันมากล่าวต่อ “คุณชาย ร้านใกล้จะปิดแล้ว

ท่านต้องการสั่งสิ่งใดโปรดว่ามา”

“แม่นางจะไม่เชิญข้านั่งหน่อยหรือ?”

อู่เฉวียนได้ยินเช่นนั้นจึงเชิญอีกฝ่ายนั่งลง

ขุนนางหนุ่มเอ่ยขึ้น“ในเมื่อที่นี่เป็นโรงน้ำชา ก็ยกน้ำชามาให้ข้า”

“ตกลง” อู่เฉวียนรับคำพลางเลิกม่านเข้าหลังร้าน

ไม่นานก็มีกลิ่นหอมโชยมา ทำให้ผู้ได้รับกลิ่นรู้สึกสดชื่น

ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทั้งวันของขุนนางหนุ่มมลายสิ้น

เสียงฝีเท้าดังมาจากในครัว

อู่เฉวียนเลิกม่านยกถาดน้ำชาออกมา แสงตะวันสีทองซึ่งส่องมาทางหน้าต่าง

ย้อมอาภรณ์ขาวเปล่งประกายทอง สะกดสายตาขุนนางหนุ่มจนมิอาจกะพริบ

ถาดน้ำชาวางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา

พร้อมดวงตาที่งามซึ้งดุจดวงดาราจับจ้องมายังบุรุษเบื้องหน้า

รอยยิ้มงามปานบุปผาเผยออก

“คุณชาย ชานี้มีชื่อว่าอู่หลง เชิญดื่มแก้กระหาย”

ขุนนางหนุ่มพยักหน้าอย่างลืมตัว

เขาเอื้อมมือไปที่กาน้ำชา ทว่าอู่เฉวียนกลับคว้าไปเสียก่อน

“ท่านคือลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้

ให้ข้าได้ดูแลท่านเถิด” เขารินน้ำชาลงถ้วยอย่างช้า ๆ ด้วยกิริยาอ่อนละมุน

นิ้วเรียวงามดุจดอกกล้วยไม้ มือขาวผ่องดั่งผ้าขาวซึ่งราวกับไม่เคยแปดเปื้อนเศษธุลี

สะกดขุนนางหนุ่มให้หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

บทที่ 2  บุรุษ? ท่านหมายความว่าอย่างไร

บทที่ 2  บุรุษ? ท่านหมายความว่าอย่างไร

“เชิญท่านดื่ม”

“ขอบคุณแม่นาง” ขุนนางหนุ่มเอื้อมมือหยิบถ้วยชาขึ้น

กลิ่นชาอู่หลงโชยขึ้นแตะปลายจมูกของเขา

เพียงได้กลิ่นก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นมีชีวิตชีวา กล่าวต่อ

“กลิ่นของชาช่างหอมหวนยิ่งนัก”

อู่เฉวียนได้ยินเช่นนั้นดวงหน้างามพลันผุดยิ้ม

แววตาใสมองมายังชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างสุขใจ พลางกล่าว

“ชาของข้าทำขึ้นมาโดยขั้นตอนพิเศษ”

ขุนนางหนุ่มมองดวงหน้าอันงดงามของเจ้าของโรงน้ำชาพลางยิ้มมุมปาก

จากนั้นยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างประณีต

“แม่นาง ชาของท่านช่างเป็นชาที่ลึกล้ำยิ่งนัก

เพียงแค่ได้ลิ้มลอง ก็รู้สึกราวกับดอกไม้ทั้งสวนได้ผลิบานอยู่ในปากของข้า”

เจ้าของโรงน้ำชายกแขนเสื้อปิดปากพลางหัวร่อเสียงแผ่ว

“ท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว” เขาลดมือต่ำวางลงบนตัก กล่าวต่อ

“คุยกันมาพอสมควรแล้วยังมิได้ทราบในนามท่าน คุณชาย ท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”

ขุนนางหนุ่มค่อย ๆ

วางถ้วยชาลงอย่างเบามือ

“ข้าแซ่เฟย มีนามคำเดียวว่าเถียน”

“เฟยเถียน คุณชายเฟย”

อู่เฉวียนเรียกนามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

รอยยิ้มดุจบุปผาแรกแย้มของนางคล้ายมนตราสะกดทุกสิ่งให้หยุด

หากผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ รับรองว่าชาตินี้มิมีวันลืมเป็นแน่

ขุนนางหนุ่มเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าก็ตะลึงไป

แต่ด้วยสายตาเจ้าของโรงน้ำชาที่จับจ้องมา ทำให้เขาต้องรีบยกชาดื่มแก้เขินอย่างเร่งรีบ

อู่เฉวียนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

กล่าวเสียงละมุน “คุณชาย ท่านค่อย ๆ ดื่มเถิด ชาของข้ายังมีอีกมาก”

ขุนนางแซ่เฟยไม่รู้ว่าจะแก้เขินอย่างไรดี

จึงเอ่ย “ชาของท่านรสชาติประเสริฐนัก ทำให้ข้ารู้สึกว่าดื่มเท่าใดก็มิพอ”

“ชมเกินไปแล้ว”

“เป็นเช่นนั้นจริง แม่นาง”

อู่เฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เผยยิ้มอย่างมีความสุข

ขุนนางหนุ่มยิ้มตอบรับพลางชวนสนทนาต่อ

“ข้าเคยลิ้มลองรสชาติของชามามาก

หากไม่มีชาเมืองไหนหรือที่ใดเลยจะมีรสชาติดีเท่าชาของแม่นาง”

“ท่านเคยลิ้มลองชามากมายจากหลายเมืองอย่างนั้นหรือ?” อู่เฉวียนกล่าวถาม แววตาใสเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เขาดูสนใจในสิ่งที่เฟยเถียนกล่าวออกมาเป็นอย่างมาก

เฟยเถียนไม่ได้ตอบสิ่งใด

เขาเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางผงกศีรษะเบา ๆ

“ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าชาของแต่ละเมืองที่ท่านเคยลิ้มลองมีรสชาติเป็นเช่นไร”

อู่เฉวียนก้มดวงหน้างามลงชั่วครู่ ก่อนเงยมองบุรุษเบื้องหน้า กล่าวต่อ

“ตัวข้านั้นยังขาดประสบการณ์ แม้ว่าข้าจะเปิดโรงน้ำชา

ทว่าชาที่เคยดื่มกลับมีเพียงไม่กี่อย่าง” น้ำเสียงของเขาดูละอายใจเล็กน้อย

“ข้ายินดีแม่นาง ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง”

“ขอบคุณท่านมาก” สิ้นเสียง

อู่เฉวียนพลันเอื้อมมือเรียวยกรินชาให้อีกฝ่ายอย่างประณีต

หลังจากนั้นเฟยเถียนได้เริ่มเล่าถึงรสชาติของชาในเมืองต่าง

ๆ ที่เขาเคยลิ้มลองให้อู่เฉวียนฟัง

พวกเขาคุยกันอย่างถูกคอราวกับคนที่รู้จักกันมานาน จนเวลาผ่านไปราว ๆ ครึ่งก้านธูป

“คุณชายเฟย ข้าขอบคุณท่านมาก

เรื่องที่ท่านเล่าให้ข้าวันนี้ น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก”

เฟยเถียนผุดยิ้ม

ก่อนเริ่มบทสนทนาใหม่อีกครั้ง “โรงน้ำชาของแม่นางพึ่งเปิดได้ไม่นานใช่หรือไม่?”

ดวงหน้านุ่มนวลของอู่เฉวียนพลันฉงนเล็กน้อย

“ท่านรู้ได้อย่างไรกัน?”

สายตาเฟยเถียนกวาดมองไปรอบโรงน้ำ

“ข้าดูจากภาพรวม

หนึ่งชื่อเสียงโรงน้ำชาของแม่นางหามีคนรู้จักไม่

ทั้งที่ชาของแม่นางเลิศรสถึงเพียงนี้

สองสิ่งของเครื่องใช้รวมถึงป้ายหน้าร้านของแม่นางดูใหม่เอี่ยมปราศจากคราบฝุ่น

พอจะคาดการณ์ได้ว่าโรงน้ำชาเพิ่งเปิดได้ไม่นานนัก”

สายตาคนชุดขาวจ้องมองคุณชายเบื้องหน้าด้วยความชื่นชม

แต่กลับกล่าว

“มิทราบเพราะเหตุใด

คำชมของท่านกลับทำให้ข้ารู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย”

ขุนนางแซ่เฟยยกมือประสาน

“ขออภัยด้วยหากข้าทำให้แม่นางคิดเช่นนั้น

แม้โรงน้ำชาจะเพิ่งเปิด

แต่เชื่อว่าอีกไม่นานโรงน้ำชานี้ต้องมีชื่อเสียงขจรไกลเป็นแน่”

“ขอบคุณ” อู่เฉวียนตอบด้วยสายตานิ่งสงบ

ขุนนางหนุ่มต้องการเอาใจอีกฝ่าย

จึงเอ่ยถาม

“จริงสิแม่นาง ชาเลิศรสมักคู่กับขนมเลื่องชื่อ

ท่านอยากจะทานขนมหรือไม่?”

“ขนม?” อู่เฉวียนทวนคำด้วยความสงสัย

เฟยเถียนล้วงมือเข้าไปหยิบห่อขนมในอาภรณ์สีขาว

ก่อนจะยื่นให้อู่เฉวียนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“แม่นาง ข้าให้ท่าน”

“ขอบคุณ คุณชาย”

อู่เฉวียนแกะห่อขนมออกพบว่าด้านในห่อมีขนมก้อนขาว

ๆ อยู่หนึ่งชิ้น โดยส่วนผสมหลักของตัวขนมด้านนอกมีลักษณะเป็นเส้นคล้ายเส้นไหม ทำจากน้ำผึ้งกวนกับแป้งข้าวเจ้า

“นี่เป็นขนมอะไรหรือ? ข้ามิเคยเห็นขนมเช่นนี้มาก่อน”

อู่เฉวียนเอ่ยถามพลางจับก้อนสีขาวนั้นขึ้นมาดู แววตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

ทว่าสายลมยามเย็นได้พัดโชยผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอีกครั้ง

เกศาดำขลับปลิวไสวไปด้านข้าง เผยให้เห็นลำคอซึ่งขาวละเอียดดุจหิมะ

สายตาของเฟยเถียนมองต้นคอของอู่เฉวียนด้วยความตะลึงราวกับถูกชักจูงให้เข้าสู่ห้วงภวังค์

แม้แต่พระสนมขององค์จักรพรรดิก็หาได้มีผิวพรรณงดงามถึงเพียงนี้

“….” อู่เฉวียน

เจ้าของโรงน้ำชาโบกมือผ่านสายตาคุณชาย

“ท่านมองอะไร?”

“….” เฟยเถียน

อู่เฉวียนเรียก “คุณชาย ไฉนท่านไม่ตอบ

หรือไม่รู้ว่าขนมนี้เรียกว่าอะไร?”

เฟยเถียนพลันได้สติ

รีบกล่าวเสียงตะกุกตะกัก

“ขะ...ขออภัยแม่นาง เมื่อครู่ข้านึกถึงเรื่องราวอื่น

เป็นเหตุให้เสียมารยาท”

“มิเป็นไร บางคราข้าก็เป็นเฉกเช่นท่าน

มักครุ่นคิดเพลินจนสติมิอยู่กับตัว”

เฟยเถียนเห็นว่าสตรีผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำชาช่างเจรจานัก

อย่างน้อยก็ยังช่วยแก้ตัวแทนเขาที่ขวยเขิน

สตรีชุดขาวหยิบก้อนขนมยื่นให้เฟยเถียนดูจนแทบชนตาเขา

“ข้าถามท่านว่าก้อนขาว ๆ นี้เรียกว่าขนมอะไร?”

“แม่นาง มันจะโดนหน้าข้าแล้ว”

อู่เฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็รีบดึงมือกลับเข้ามาเก็บไว้แนบอก

“ข้าอภัย ข้าลืมตัวไป”

ขุนนางหนุ่มยิ้มพลางกล่าว

“อย่าได้ใส่ใจเลยแม่นาง บอกต่อท่าน

ขนมนี้มีชื่อว่าหนวดมังกร”

อู่เฉวียนวางขนมกลับลงไปในห่อ

มองด้วยความสนใจ

“ข้ามิเคยได้ยินชื่อขนมนี้มาก่อน ท่านได้มาจากที่ใด?”

“ข้านำมาจากบ้านของข้า”

“บ้านท่าน?”

“ข้าเดินทางมาจากเมืองชวน”

เจ้าของโรงน้ำชาอุทาน

“เมืองชวน? มิใช่นครหลวงหรอกหรือ? คุณชาย ท่านเดินทางมาไกลยิ่งนัก มาทำอะไรที่เมืองฉืออย่างงั้นหรือ?”

ก่อนที่เฟยเถียนจะตอบ

เสียงเลิกม่านไม้ไผ่ได้ดังขึ้น

ปรากฏสตรีสาวรูปร่างเพรียวลมสวมอาภรณ์สีแดงเนื้อละเอียด

เดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้สองคน

“อู่เฉวียน ข้ามาหาท่านแล้ว” หญิงสาวกล่าวเสียงใส

พร้อมทอดสายตาไปในโรงน้ำชา ทว่าดวงตาทั้งสองต้องเบิกกว้าง

เมื่อเห็นเจ้าของโรงน้ำชากำลังนั่งสนทนากับบุรุษแปลกหน้าซึ่งนั่งหันหลังให้นาง

จึงรีบสาวเท้าไปที่โต๊ะ

สตรีสาวทิ้งสะโพกนั่งหันหลังให้เฟยเถียน

กล่าวเสียงเจื้อยแจ้ว

“อู่เฉวียนท่านคิดถึงข้าหรือไม่

ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”

เจ้าของโรงน้ำชารูปงามหาได้ตอบกลับ

เพียงส่งรอยยิ้มให้แม่นางอาภรณ์แดงเท่านั้น

ดวงตาหวานได้เหลือบไปเห็นห่อขนมบนมือของอู่เฉวียน

“หือ? ขนมในมือท่านใช่ขนมหนวดมังกรหรือไม่!?”

“แม่นางจางลี่ ท่านรู้จักขนมนี้ด้วยหรือ?” อู่เฉวียนถาม พลางยกขนมให้สตรีสาวดู

ทันทีที่จางลี่เห็นขนมบนมือของอู่เฉวียน

ดวงตาของนางลุกวาว

“ใช่ ข้ารู้จักมัน! ยังจำรสชาติอันวิเศษของมันได้ดี

อู่เฉวียน ข้าขอกินสักคำได้หรือไม่?”

อู่เฉวียนมิได้ตอบ

แต่ปรายสายตาไปยังคุณชายเฟยแทนเพื่อถามความคิดเห็น

ทว่าคุณชายเฟยผู้ขวยเขินกลับก้มหน้ายกชาขึ้นดื่มแทน

จางลี่เขย่าขาเถ้าแก่อู่

“ได้โปรดเถิด อู่เฉวียน ข้าขอกินสักคำหนึ่ง

ขนมนี้ทำให้ข้านึกถึงช่วงเวลาอันเยาว์วัย ซึ่งบิดาข้าเคยซื้อให้กินตั้งแต่เล็ก

แต่บัดนี้บิดาข้าก็จากไปเสียแล้ว”

น้ำเสียงอ้อนวอนและแววตาซึ่งปรากฏความหมองเศร้าทำให้เจ้าของโรงน้ำชาใจอ่อน

อู่เฉวียนเผยยิ้มอ่อน

ลดมือต่ำแกะมือจางลี่ขึ้นมาจากขาเขา วางห่อขนมลงมือนางอย่างแผ่วเบา

“รับไปเถิด

ข้าหวังว่าขนมนี้จะช่วยคลายความคิดถึงบิดาของท่าน”

จางลี่ยิ้มกว้าง “ขอบคุณท่านมาก”

“มิต้องขอบคุณข้า

ผู้ที่เป็นเจ้าของขนมคือคุณชายท่านนี้ต่างหาก”

เจ้าของโรงน้ำชาผายมือแนะนำ

จางลี่จึงเหลือบมองไปที่บุรุษซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ทว่าม่านตานางพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขนมที่กลืนลงไปแทบสำลักออกมา

“ท่าน!”

นางกล่าวด้วยท่าทีตกใจ

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าในคอของนางนั้นมีเศษขนมหนวดมังกรติดอยู่มือทั้งสองข้างกุมคอด้วยสีหน้าทรมาน

สาวใช้ทั้งสองเห็นท่าไม่ดี

รีบหาน้ำเปล่ามาป้อนให้คุณหนูดื่ม เมื่อจางลี่กลืนขนมลงไปหมดแล้ว

พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“นึกว่าข้าจะตายเพราะขนมนี้เสียแล้ว”

“แม่นางจาง เป็นอะไรหรือไม่?” อู่เฉวียนถามด้วยความเป็นห่วง

คุณหนูจางส่ายหน้าพลางกล่าว

“ข้ามิเป็นกระไร”

ดวงตางดงามของนางดุคมขึ้นมาทันทีเมื่อจ้องไปยังเฟยเถียน

“ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

เฟยเถียนหาได้สนใจคำถามนาง

ยังคงนั่งนิ่งมิได้ตอบ

คุณนางเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็ร้องอ้อ

“ข้ารู้แล้ว ท่านคงหมายปองอู่เฉวียนของข้าใช่หรือไม่

เขางดงามถึงเพียงนี้ ข้ามิเพียงไม่แปลกใจที่บุรุษอย่างเจ้าจะชอบเขา”

เฟยเถียนพลันลุกขึ้นยืน ประสานมือ

“แม่นางอู่ วันนี้ฤกษ์ไม่ดีนัก ไว้คราวหน้าข้าจะมาชิมน้ำชาเลิศรสของท่านอีก”

“โรงน้ำชาของข้ายินดีต้อนรับท่านเสมอ”

อู่เฉวียนกล่าวตอบ

เมื่อขุนนางหนุ่มก้าวเท้าออกจากโต๊ะ

จางลี่พลันทวนคำขึ้นมา “แม่นางอู่?”

จากนั้นนางพลางหัวร่อเสียงดัง

หาได้เหลือกิริยาของความเป็นคุณหนูลูกผู้ดีไม่

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านนึกว่าคุณชายอู่เป็นสตรีจริง ๆ

หรือ?”

เฟยเถียนได้ยินเช่นนี้ก็สะอึก

เขาถามด้วยความใคร่รู้

“คุณชาย? สตรี? ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!