ภาค 1 วิวัฒนาการและวิทยาการ
*ยุคสมัยในเรื่องจะเริ่มที่ประมาณ ค.ศ.860,000+ นะครับ
\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=
ณ มุมหนึ่งของทางช้างเผือก
ในที่แห่งนี้ได้ปรากฏเป็นสองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน บรรยากาศระหว่างทั้งสองทัพกำลังตรึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้นผู้นำของหนึ่งในสองทัพพลันเอ่ยขึ้นด้วยวาจาห้าวหาญ
"ข้ารอเวลานี้มานานแล้วเมฆฟ้า ข้าขอท้าเจ้าด้วยเกียรติของนักรบให้มาสู้ศึกกับข้าหนึ่งต่อหนึ่ง ศึกนี้หากชนะรอด แต่หากพ่าย...คือตาย!"
ผู้ที่กล่าวนี้ หน้าตาดูไปแล้วอายุสามสิบกว่าปี ร่างกายกำยำล่ำสัน สูงแปดฟุต สวมเสื้อเกราะสีทองอร่าม ไปดูแล้วคล้ายกับโกไลแอธในตำนานโบราณยิ่ง ทั่วทั้งร่างของมันเผยบารมีของราชันผู้ปกครองออกมา ทั้งยังเป็นบารมีที่องอาจและอหังการที่รุ่นแรงยิ่งนัก และชายผู้นี้มีนามว่าต้าเทียนฉาง หนึ่งในสี่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทางช้างเผือกในยุคสมัยนี้!
ในทันทีที่ต้าเทียนฉางกล่าวจบ อีกทัพตรงหน้าของมัน ผู้นำของอีกกองทัพในรูปชายหนุ่มก็กล่าวตอบกลับมาทันที
"ได้! ข้ารับคำท้าเจ้าต้าเทียนฉาง ข้าเมฆฟ้าผู้นี้ก็อยากรู้ยิ่งนักว่าผู้ที่ได้ฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้างเช่นเจ้า จะมีอิทธิฤทธิ์สักแค่ไหนเชียว"
ผู้ตอบคือชายหนุ่มร่างกำยำนามเมฆฟ้า เขาเป็นผู้นำของอีกทัพที่กำลังเผชิญหน้ากับทัพของต้าเทียนฉาง ซึ่งหน้าตาของเมฆฟ้า ดูไปแล้วยังหนุ่มก็ว่าต้าเทียนฉางเสียอีก เขาสวมเพียงเสื้อตัวบางสีเขียวเข้มและกางเกงยีนเขียวเกือบดำสนิท รอบตัวไร้บารมีผู้ปกครองอย่างสิ้นเชิง แต่แววของเขากลับดูไปแล้วลึกล้ำเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริง
"ดี ดี ดี! มันต้องให้ได้แบบนี้ถึงจะเป็นคู่ต้อสู้ที่ควรค่าให้ข้าสู้ด้วย"ต้าเทียนฉางถึงกับคำว่าดีออกมาสามครั้งด้วยความดวงโอ่ เห็นได้ชัดว่าตอนที่เมฆฟ้าตอบคำถามของมัน ทำให้มันอารมณ์ดีได้ขนาดไหน จากนั้นก็หันไปกล่าวกับทัพของตนที่อยู่ข้างหลัง"ส่วนพวกเจ้า ตอนนี้ข้ากำลังจะสู้ศึกประลองใหญ่กับเมฆฟ้า ฉะนั้นจงถอยออกไปให้ไกลเสีย ไม่เช่นนั้นหากพวกเจ้าถูกลูกหลงเข้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!"
เสร็จสิ้นคำสั่งของมัน ก็ได้ยินเสียงขานรับอันก้องกังวาลไปทั่วสมรภูมิทันที"ขอรับองค์ราชัน!" จากนั้นกองทัพของต้าเทียนฉางก็ถอยห่างออกไปนับหลายล้านกิโลเมตรด้วยความเร็วในไม่กี่วินาที
ทางเมฆฟ้า เขาก็หันไปออกสำสั่งด้วนวาจาฉะฉานกับทัพของตน"พวกเจ้าก็ด้วย หากโดนแม้แต่แรงระเบิดจากการปะทะเสี้ยวหนึ่ง ร่างคงไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ ฉะนั้นถอยออกไปให้ห่าง และฝากทัพไว้กับเจ้าด้วยไสยะ"
บุรุษนามไสยะที่อยู่ด้านข้างเมฆฟ้าพยักหน้า แล้วหันออกคำสั่งทัพอีกทอดหนึ่ง มันตะโกนด้วยเสียงกึกก้องว่า"ได้ยินที่องค์เหนือหัวสั่งแล้วหรือยัง? ถอยทัพออกไปให้ห่างจากสมรภูมิ!"
เมื่อได้รับคำสั่งจากรองผู้บัญชาการกองทัพ ทัพทหารที่มีนักรบนับล้านคนก็ถอยห่างออกไปไกลหลายล้านกิโลเมตรด้วยความเร็วเหนือจินตนาการเช่นเดียวกันกับทัพของต้าเทียนฉาง
หลังจากสองผู้ยิ่งใหญ่สั่งให้ทัพของตนให้ถอยห่างออกไปจากสมรภูมิแล้ว ตอนนี้ในสนามรบก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางความว่างเปล่าของห้วงอวกาศ
ในพวกเขาสองคน หนึ่งคือผู้ที่ได้รับฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้าง ฉายานี้ต้าเทียนฉางต้องไม่ได้รับมาโดยง่ายแน่นอน เพราะในอดีตมันอหังการเหลือหลาย ท้าทายตัวตนในระดับขั้นเดียวกันไปทั่วจนสามารถพิชิตพวกมันทุกคนได้ อีกอย่างคือมันคูาควรแล้วที่จะได้รับฉายานี้ และเนื่องจากว่าตัวของต้าเทียนฉางเองนั้น มีพลังนิวเคลียร์ถึงเก้าแสนเมกะตัน หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ และพลังนิวเคลียร์ในขอบเขตเก้าแสนเมกะตันนี้ มันมีความรุนแรงในระดับกวาดล้างสรรพสิ่งในระยะสามปีแสงได้เลยทีเดียว
และอีกด้านหนึ่งคือเมฆฟ้า ถึงรอบกายจะไม่ได้เปล่งรัศมีของความองอาจอหังการ แต่ตัวเขาเองกลับแผ่แรงกัดดันอันหนักหน่วงสำหรับผู้ที่สามารถสัมผัมถึงมันได้
ซึ่งสำหรับในทางช้างเผือกแห่งนี้ น้อยคนนักจะรู้ว่าแท้จริงตอนนี้เมฆฟ้าบรรลุถึงกี่เมกะตันแล้วกันแน่
และพอเวลากับสถานที่พร้อมแล้ว เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางก็พุ่งเข้ากันโดยไม่กล่าวคำมากความ
ฟ้าวววว!
ทั้งสองพุ่งทะยานเข้าหากันด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดคิดถึงได้ และเมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ทั้งสองก็บรรจงประเคนหมัดปะทะกันแล้ว
ต้าเทียนฉาง"หมัดสวรรค์พินาศโลกาเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตัน!"
เมื่อหมัดสวรรค์พินาศโลกาถูกต่อยออกไป ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของเมฆฟ้านั้น คือภาพของแดนสรวงที่ถูกทำลายล้างจนอยู่สภาพที่ไม่อาจฟื้นฟูกลับคืนมาได้ และเมื่อภาพมายาหายไป สิ่งที่เห็นกลับเป็นหมัดเปี่ยมไปด้วยกำลังของต้าเทียนฉางที่กำลังพุ่งเข้ามา
สำหรับผู้อื่น อาจมองว่าหมัดนี้ของต้าเทียนฉางมีอานุภาพยิ่ง แต่สำหรับเมฆฟ้าในตอนนี้แล้ว มันก็แค่หมัดที่มีพลังเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตันมิใช่หรือ?
เมฆฟ้าจึงโต้กลับด้วยหมัดที่มีพลังเทียบเท่ากัน
"หมัดถล่มฟ้าเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตัน!"
ตูมมมมมม!!
เมื่อหมัดของทั้งสองปะทะกัน ก็เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นจนก่อเกิดลมสุริยะขึ้นมา และคลื่นพลังของหมัดที่ปะทะกันนั้นก็ทำให้เศษหินอวกาศที่อยู่รอบๆแตกละเอียดไม่เหลือซาก และยังทำให้ร่างของทั้งคู่กระเด็นออกมาด้วยเช่นกัน ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าทั้งคู่ยังอยู่ในสภาพปกติดี ไร้รอยขีดข่วน
ต้าเทียนฉางกล่าวหัวเราะขึ้น"ฮ่าฮ่า ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว! ตอนนี้ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าเจ้า เมฆฟ้า ที่ข้ากำลังสู้อยู่นี้จะมีความแข็งแกร่งสูงสุดที่แท้จริงมากเท่าไหร่เชียว?"
กล่าวจบต้าเทียนก็พุ่งซัดเข้าไปอีกหนึ่งหมัด หากแต่เพิ่มอานุภาพขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ!
"หมัดสวรรค์พินาศโลกาแปดแสนเมกะตัน!"
ในตอนที่ต้าเทียนฉางกล่าวนั้น เมฆฟ้าเพียงเงียบและฟัง และตอนนี้ต้าเทียนฉางก็พุ่งทะยานเข้ามาแล้วใช้หมัดสวรรค์พินาศโลกาอีกครั้ง หากแต่มีพลังทำลายล้างรุนแรงมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พลังเพียงแค่นี้ก็ไม่อาจทำให้เมฆฟ้ายิ้มด้วยความชมเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ จากนั้นเมฆฟ้าจึงปล่อยหมัดออกไปปะทะกับต้าเทียนฉางอีกครั้งในระดับพลังที่เท่าเทียมกัน
"หมัดถล่มฟ้าแปดแสนเมกะตัน!"
บรึมมมมมมม!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันเป็นครั้งที่สอง ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดเสียงทึบขึ้น และการปะทะครั้งนี้มันถึงรุนแรงในระดับทำให้ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปประมาณสิบล้านกิโลเมตรเริ่มกระเพื่อมขึ้นทีเดียว
ครานี้หลังจากซัดหมัดใส่กันเป็นครั้งที่สอง ร่างของทั้งคู่ก็ไม่กระเด็นถอยหลังอีกต่อไป ร่างของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกันมาก และในเวลานี้เอง ดวงตาของต้าเทียนฉางก็สาดประกายวาวโรจน์ สิ่งที่มันทำต่อจากนั้น ก็คือการพุ่งเข้าไปแลกหมัดอีกครั้งกับเมฆฟ้า!
ต้าเทียนฉาง"หมัดเง็กเซียนสั่งฟ้าแปดแสนสี่หมื่นเมกะตัน!"
เมฆฟ้า"หมัดระเบิดสลาตันเมฆาสวรรค์แปดแสนสี่หมื่นเมกะตัน!"
เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางใช้ออกด้วยพลังที่เทียบเท่ากันอีกครั้ง
เมื่อสองหมัดปะทะกัน คล้ายกับสองเทพทวยกำลังแลกกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด เสียงกัมปนาทคำรามก้อง และด้วยแรงปะทะกันของสองหมัดที่มากกว่าครั้งก่อนหน้า ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างออกไปสิบล้านกิโลเมตรจากตอนแรกได้รับเพียงชั้นบรรยากาศที่กระเพื่อม แต่ตอนนี้ภายในตัวดาวเริ่มเกิดคลื่นมรสุมโลกาวินาศแล้ว
เมื่อสิ้นสิ้นหมัดนี้ ก็ย่อมมีหมัดต่อที่ต่อยออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง!
ปัง! ปัง! ปัง!
เมฆฟ้าและต้าเทียนฉากแลกหมัดกันอย่างไม่หยุดยั้ง บางครั้งหมัดของเมฆฟ้าก็พุ่งเข้าใส่คางของต้าเทียนฉาก จนต้าเทียนฉางหน้าหันไปด้านข้าง
บางครั้งหมัดของเขาก็พุ่งไปที่ลำตัวหรือสีข้าง และบางครั้งหมัดของเมฆฟ้าก็ซัดเข้าใส่ใบหน้าของต้าเทียนฉากตรงๆ กระทั่งเริ่มมองเห็นว่าบนใบหน้าของต้าเทียน มีสายโลหิตสองสายไหลออกมาจากจมูกของมัน ส่วนชุดเกราะของมันเริ่มอยู่ในสภาพที่ซอมซ่อ โดยเฉพาะส่วนลำตัวที่ตัวเกราะหักงอไม่เหลือชิ้นดี แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ต้าเทียนฉางยิ่งคล้ายกับหมาบ้าตัวหนึ่ง มันเริ่มระดมปล่อยสองหมัดออกไปเร็วขึ้น
ส่วนทางของต้าเทียนฉางนั้น บางหมัดก็พุ่งซัดเข้าลำตัวของเมฆฟ้า บางหมัดพุ่งไปที่ปลายคาง และบางหมัดก็พุ่งไปที่ใบหน้า ถึงการโจมตีด้วยพลังระดับหลายแสนเมกะตันที่ปลดปล่อยออกไปของทั้งสองจะคล้ายคลึงกัน แต่ที่ไม่คล้ายก็โดยสิ้นเชิงก็คือวิชาที่ใช้
เพราะดูเหมือนกับว่าพลังโจมตีของต้าเทียนฉางยังไม่เพียงพอ เมฆฟ้าไม่ขมวดคิ้มและไร้เลือดตกยางออกแม้แต่น้อย
ทั้งสองปล่อยหมัดใสกันหมัดแล้วหมัดเล่า...
สิบกระบวนท่า
ร้อยกระบวนท่า
พันกระบวนท่า
หมื่นกระบวนท่า
จนกระทั่งถึงหนึ่งแสนกระบวนท่าถึงได้ผละออกจากกัน สภาพของยอดนักรบทั้งสองตอนนี้กล่าวได้ว่าไร้ราศีของผู้ยิ่งใหญ่ในตอนแรกเลยทีเดียว เพราะทั้งเสื้อผ้าฉีกขาดจนไม่เหลือเค้าเดิม ชุดเกราะถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี หรือจะเป็นทรงผมที่ยุ่งเหยิง หากให้ไปอยู่ในเขตสลัม ทั้งสองก็คงมีสภาพเหมือนกับขอทานอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดนั้น ก็คืออาณาบริเวณรอบตัวของพวกเขาในตอนนี้ ที่ว่าเปลี่ยนไปมากก็คือ ในระยะสิบล้านกิโลเมตรหรือมากกว่านั้น มองไม่เห็นดาวเคราะห์น้อยหรือเศษอุกบาตอีกแล้ว มันว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง เหมือนกับห้วงแห่งความว่างเปล่าที่ไร้กาลเวลา ไร้การดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง เพราะพวกมันถูกทำลายล้างจากคลื่นพลังลูกหลงนั่นเอง
ส่วนกองทัพของสองผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังประหัตประหารกันนั้น ได้ถอยร่นออกไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านกิโลเมตรแล้ว เพราะหากยังอยู่ในระยะเดิม พวกมันคงถูกบดขยี้ด้วยคลื่นพลังที่เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางปล่อยออกมาจนร่างแหละเละกลายเป็นเศษเนื้อผสมกระดูกแน่นอน
****
เหตุที่ต้าเทียนฉางได้ชื่อว่าสุดยอดเทพทำลายล้างนั้น มันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาชอบทำลายวัตถุ แต่เป็นเพราะพลังของเขานั้น บรรลุถึง 999,999 เมกะตัน!
ส่วนทางเมฆฟ้านั้น ใช่ว่าเขาจะไม่มีฉายา เพียงแต่มีแค่น้อยคนนักที่จะรู้ฉายาของเขาเท่านั้น และถ้าจะให้กล่าวฉายาของเมฆฟ้าออกไป ฉายานี้คงเป็นชื่อที่อหังการและยโสมากกว่าต้าเทียนฉางมากทีเดียว ซึ่งชื่อของฉายานี้คือ...ครึ่งราชันย์ฟ้า!
เป็นฉายาของผู้ที่มีพลังของ 999,999.9 เมกะตัน!
แต่นั่นคือฉายาของเมฆฟ้าเมื่อหลายสิบปีก่อน
ปัจจุบัน มีเพียงเมฆฟ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ทราบว่า พลังตนในตอนนี้เหนือกว่า 999,999.9 เมกะตันไปมากโขแล้ว!
****
หลังจากประหัตประหารกันไปนับแสนกระบวนท่าด้วยพลังงานที่มากถึงแปดสี่หมื่นถึงเก้าแสนห้าหมื่นเมกะตัน ทั้งสองก็ผละออกจากกันในที่สุด และในช่วงที่ทั้งสองถอยห่างออกจากกันนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขา.....เริ่มหอบขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว ถึงอย่างนั้นทั่วตัวก็ไร้บาดแผลจากการปะทะ มีเพียงโลหิตสองสายที่ไหลออกจากจมูกเท่านั้น
และจริงๆแล้วการปะทะของสองยอดนักรบนี้ ใช่ว่าจะไม่มีฝ่ายอื่นคอยมาสอดส่องดูสถานการณ์ ซึ่งพวกที่มาเฝ้ามองการปะทะของสองยอดนักรบระดับจักรวาลนั้น มีหลายฝ่ายหลายองค์กรยิ่งนัก
แต่ถ้าจะบอกแค่ว่าพวกตัวเป้งที่มามองการต่อสู้นี้มีฝ่ายไหนบ้าง ก็ต้องบอกว่าประมาณสี่องค์กร ซึ่งพวกนี้ก็คือ ชางหมางพ่าย อาณาจักรเทพอาณาจักรมาร และอาณาจักรขุนเขาทะเล….ถุย! ใช่ซะที่ไหนเล่า แม่งผิดเรื่องละ
มา เอาใหม่เอาใหม่
ถ้าจะบอกแค่ว่าพวกตัวเป้งที่มามองการต่อสู้นี้มีฝ่ายไหนบ้าง ก็ต้องบอกว่าประมาณสามองค์กร ซึ่งพวกนี้ก็คือ สำนักเซียนปาฏิหาริย์ สภาแห่งอิกดราซิลและจักรวรรดิจันทราทมิฬ ซึ่งผู้นำของทั้งสามกลุ่มมหาอำนาจนี้ล้วนบรรลุระดับที่สูงส่งยิ่ง
มารโลหิตจากสภาแห่งอิกดราซิล ครอบครองพลังนิวเคลียร์ที่มากถึง 999,990 เมกะตัน
จ้าวหมิงเยี่ย จักรพรรดิจักรววรดิจันทราทมิฬ ครองครอบพลังนิวเคลียร์เทียบเท่ากับมารโลหิตคือ 999,990 เมกะตัน
สุดท้าย เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ หากไม่นับต้าเทียนฉางและการปรากฏตัวของเมฆฟ้าเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน นับว่ามันคนยอดคนอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง เพราะมันครอบครองพลังนิวเคลียร์ที่มากถึง 999,998 เมกะตัน!
ซึ่งในห้วงดาราจักรนี้ มีกลุ่มมหาอำนาจอยู่ห้าฝ่าย และสามตัวเป้งที่กล่าวมาข้างต้นคือสามในห้ามหาอำนาจ ส่วนอีกสองมหาอำนาจนั้นคือกองทัพของเมฆฟ้าและกองทัพของต้าเทียนฉางเอง
หลังจากที่สองยอดนักรบพักจนหายหอบแล้ว เมฆฟ้าก็ชิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอันดังก้องว่า"ต้าเทียนฉาง! นับแต่นี้ข้าเมฆฟ้า จะเริ่มใช้กำลังเต็มที่แล้ว และต่อไปนี้จะไม่มีการออมมืออีกต่อไป!"
แม้น้ำเสียงของเมฆฟ้าฟังแล้วราวกับผู้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เขาก็ยังไม่เผยรอยยิ้มของผู้ที่สนุกไปกับการต่อสู้แม้น้อย คล้ายกับว่าต้าเทียนฉางในตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่กล่าวมาข้างต้นได้
ด้านอีกฝั่ง ต้าเทียนยิ้ม ตอนนี้เลือดในกายเขาก็เริ่มเดือดพล่านถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน"หึ ข้าก็จะรอดูว่าตอนไหนเจ้าจะเอาจริงเสียที"คำกล่าวต่อมาต้าเทียนกระแทกเสียงในคำกล่าว"ได้! ข้าต้าเทียนฉางผู้ได้ฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้างก็จะเอาจริงแล้วเหมือนกัน ต่อไปนี้ไม่มีการกั๊กอะไรทั้งสิ้น"
ได้ยินต้าเทียนฉางออกปากรับคำอย่างหนักแน่นแล้ว เมฆฟ้าก็เริ่มยิ้มบาง แล้วตะโกนก้องว่า"เทพวิชา กายาราวัณ!"
ทันใดนั้นร่างของเมฆฟ้าก็ขยายใหญ่ขึ้น ยังมีศีรษะและแขนที่กำลังงอกเพิ่มออกมา
ห้าเมตร
สิบเมตร
ร้อยเมตร
หนึ่งกิโลเมตร
หนึ่งโยชน์[1]
สิบโยชน์
หนึ่งร้อยโยชน์!
ในตอนนี้ร่างของเมฆฟ้าขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงทั้งสิ้นหนึ่งร้อยโยชน์ มีสิบเศียรและยี่สิบกร ซึ่งความสูงใหญ่และความแปลกปลาดด้านสรีระนี้ ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนในเอกภพสามารถเทียบเท่าได้แน่นอน และรูปลักษณ์ของเมฆฟ้าในตอนนี้ ดูไปแล้วคล้ายกับพญายักษ์จากเรื่องแต่งจากอดีตกาลเป็นอย่างยิ่ง
ทางฝั่งของต้าเทียนฉาง เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของตนเปิดไพ่ตายพร้อมรบให้ตายกันไปข้างอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ตะโกนก้องออกมาเช่นกัน"เทพวิชา สุดยอดกายาจ้าวสวรรค์!"
ทันใดนั้นร่างกายของต้าเทียนฉางก็ขยายขนาดขึ้นเช่นกัน! มันขยายสูงขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดเทียบเท่ากับเมฆฟ้าเลยทีเดียว ซึ่งก็คือหนึ่งร้อยโยชน์!
ตอนนี้ต้าเทียนฉางคล้ายกับกลายเป็นจ้าวสวรรค์ดังชื่อเทพวิชาของมันไปแล้ว แสงรัศมีและกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมที่จะสะกดข่มสรรพสิ่งเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อแสดงไพ่ตายใบแรกของตนให้คู่ต่อสู้ได้ดูแล้ว ทั้งสองมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง!
[1]1 โยชน์มีขนาดเท่ากับ 16 กิโลเมตร ซึ่งหนึ่งร้อยโยชน์ในเนื้อเรื่องนั้น มีขนาดเทียบเท่า 1,600 กิโลเมตร ถ้าจะให้เห็นภาพ ง่ายๆคือมีขนาดประมาณ 12-13% ของโลก เพราะโลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณที่ 12,000 กิโลเมตร
หลังจากเริ่มต้นศึกประลองของสองผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมานับสิบปีแล้ว
สภาพร่างกายของทั้งสองแทบไม่ปรากฏบาดแผลร้ายแรง
ด้วยทั้งคู่มีพลังระดับแปดแสนเมกะตันขึ้นไป การฟื้นฟูสภาพเซลล์ของร่างกายโดยธรรมชาติจึงรวดเร็วเป็นธรรมดา ถือว่าหากไม่ถูกสร้างความเสียหายเทียบเท่าพลังเก้าแสนเมกะตันขึ้นไป ซึ่งต้องมากกว่ากระบวนท่าเดียว ก็ไม่อาจฆ่าผู้มีพลังระดับแปดแสนเมกะตันหรือมากกว่านั้นได้
และตอนนี้ หลังจากประลองกระบวนท่ามานับสิบปี ก็ถึงเวลาชี้เป็นชี้ตายแล้ว
เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางผละออกจากกันหลังจากแลกหมัดกันมานานถึงสิบปี
สภาพร่างกายตอนนี้ ต้าเทียนฉางสาหัสกว่าเมฆฟ้านัก แต่สาหัสในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นความเสียหายภายใน ส่วนใหญ่เป็นบาดแผลภายนอก
ออร่ารัศมีความน่าเกรงขามของทั้งสองคนดูลดลงไปอย่างมากเนื่องจากสภาพภายนอกที่แทบจะไม่เหมาะสมกับตัวตนอันยิ่งใหญ่ทั้งสองในห้วงจักรวาล(Galaxy)นี้
ต้าเทียนฉางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงสมใจว่า
"เหอเหอเหอ ข้าขอยอมรับเลยว่านอกจากเจ้าแล้ว ในตอนนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถปีะลองฝีมือกับข้าได้อย่างยาวนานและทัดเทียม ทั้งยังแทบจะไร้อาการบาดเจ็บ"จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วปล่อยออกมาอย่างผ่อนคลาย พลางกล่าวต่อว่า"ทว่า คำว่า'ทัดเทียม'นี้ไม่อาจอยู่นานไปกว่านี้แล้ว เพราะข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ได้ใช้สุดยอดไม้ตายของตนเอง ดังนั้นเพื่อให้ข้าได้ลิ้มรสของความเพลิดเพลินในการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย จงปลดปล่อยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าออกมาซะ ครึ่งก้าวราชันฟ้า เมฆฟ้า"
เมฆฟ้ามองลึกเข้าไปภายในดวงตาของต้าเทียนฉางนานถึงห้าวินาที แล้วค่อยระบายลมหายใจออกมา กล่าวประโยคสั้นๆว่า"ได้ แต่ข้าไม่รับประกันว่าผลกระทบที่มันสร้าง จะลามไปมากแค่ไหน ดังนั้นหากเหล่าสมุดของเจ้าโดนลูกหลง ก็อย่ามาว่าข้าแหกกฏก็แล้วกัน"
หลังกล่าวจบ รอบกายเมฆฟ้าก็ปะทุชั้นแสงสีฟ้าคลุมร่างขึ้นสามชั้น โดยที่ด้านในสว่างที่สุดและด้านนอกอ่อนจางที่สุด ส่วนตรงกลางก็เป็นสีฟ้าโทนปกติ
ต้าเทียนฉางที่ปกติแล้วจะกล่าวมากคำ แต่ตอนนี้กลับไม่กล่าวคำใด เพราะทั้งชีวิตของเขา เขาไม่เคยเห็นแสงคลุมกายสีฟ้ามาก่อน
นับตั้งแต่ที่มนุษย์สามารถสร้าง'นักรบนิวเคลียร์'ขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน นอกจากนั้นยังมีอายุขัยที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นหลายเท่า
นักรบนิวเคลียร์คนแรกนั้น มีพลังทำลายล้างสูงสุดเทียบกับกับระเบิดปรมาณูแฟทแมน พลังทำลายล้างสูงสุดนี้ไม่ใช่การโหมกระหน่ำโจมตี แต่เป็นการต่อยด้วยหมัดเดียว ที่รุนแรงเท่ากับแฟทแมนหนึ่งลูก
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ บางทีนักรบนิวเคลียร์อาจมีพลังลำลายล้างสูงสุดในหนึ่งหมัดมากถึง….การระเบิดของดาวฤกษ์ที่มีขนาดเท่าดวงอาทิตย์หนึ่งดวง
แต่ว่าพลังลำลายล้างระดับนี้นักรบนิวเคลียร์ต้องมีพลังกี่เมกะตันกัน? บางทีตอนนี้อาจมีแต่เมฆฟ้าเท่านั้นที่สามารถตอบได้
เรื่องพื้นฐานที่ว่าพลังนิวเคลียร์เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเมกะตันพร้อมด้วยยอดวิชาสามารถทำลายดาวพฤหัสได้อย่างไม่เปลืองแรงนั้น เป็นที่รู้กันทั่วไป
แต่หากเป็นพลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตันล่ะ? จะมีสามารถสร้างความเสียหายได้ในระดับไหนกัน? นั่นคือคำตอบที่กำลังจะถูกตอบในเร็วๆนี้
***
ใบหน้าของต้าเทียนฉางเริ่มเคร่งเครียดลง เพราะเขาไม่เคยเห็นชั้นแสงสีฟ้ารอบกายของเมฆฟ้ามาก่อน เพราะระดับนักรบแท้จริงจนถึงผู้ทำลายล้างเช่นตน แสงคลุมกายของแต่ละระดับไม่เคยปรากฏเป็นสีฟ้ามาก่อน
แสงคลุมกาย คือสัญลักษณ์ว่าคนผู้นั้นบรรลุระดับนั้นแล้ว เช่นระดับนักรบแท้จริงจะมีพลังนิวเคลียร์หนึ่งแสนเมกะตัน แสงคลุมกายจะเป็นสีขาว หรือระดับเทพทำลายล้างจะมีพลังนิวเคลียร์เก้าแสนเมกะตัน แสงคลุมกายจะเป็นสีม่วง
ดังนั้นการปรากฏกายของแสงคลุมกายสีฟ้าครั้งจึงสร้างความประหลาดใจและคาดหวังให้กับต้าเทียนฉางอย่างถึงที่สุด นั่นเพราะมันทำให้เขาหวนนึกถึงพลังนิวเคลียร์ที่เป็นเพียงเรื่องเล่า...พลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตัน และเขายังคิดได้อีกว่า เมฆฟ้าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่จะมีสู้กับตน ได้บรรลุพลังนิวเคลียร์ระดับเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าไปแล้ว
ตอนนั้นผู้คนขนานสมญานามให้กับเมฆฟ้าว่า ครึ่งก้าวราชันฟ้า ส่วนเหตุที่ว่าทำไมต้องเป็นราชันฟ้านั้น ก็เพราะว่าแสงคลุมกายของเมฆฟ้าในตอนนั้นมีสีฟ้าอ่อน และสามารถสยบเหล่ายอดนักรบนิวเคลียร์ได้ทั่วสีทิศแปดทาง
ในตอนนั้นผู้นำของทั้งสี่ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ที่บอกว่าสี่เพราะตอนนั้นขุมกำลังของต้าเทียนฉางยังไม่ถือกำเนิด
ในตอนนั้นต่อให้รุมสี่ต่อหนึ่งกับเมฆฟ้า พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เมฆฟ้ากระอักเลือดได้แม้แต่คำเดียว กลับเป็นฝ่ายของพวกเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสกลับไป
ซึ่งในตอนนี้ เหล่าผู้นำแห่งสี่ขุมกำลังใหญ่กำลังเฝ้าดูศึกระหว่างต้าเทียนฉางกับเมฆฟ้าอยู่ สามคนมีสีหน้าเป็นปกติ แต่มีคนผู้หนึ่งที่ถึงแม้ใบหน้าจะไร้คลื่นอารมณ์ แต่ภายในดวงตาปั่นป่วนด้วยความแค้นอย่างลึกล้ำ นั่นก็คือประมุขแห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ เซียนศักดิ์สิทธิ์
เหตุที่ประมุขของสำนักนี้มีความแค้นต่อเมฆฟ้าอย่างลึกล้ำ ก็เป็นเพราะหลังจากที่สลายการต่อสู้สี่รุมหนึ่งเมื่อปีนั้น เมฆฟ้ากลับไล่ตามมันแทนที่จะเป็นหนึ่งสามคนอื่น และในระหว่างการไล่ล่าระหว่างเมฆฟ้าและเซียนศักดิ์สิทธิ์นั้น เมฆฟ้าได้สร้างความเสียหายระกับปางตายให้แก่มัน มันเลยถูกฝังความแค้นระดับไม่เจ้าตายก็ข้าม้วยมาจนถึงปัจจุบัน
บวกกับที่ว่าด้วยนิสัยดั้งเดิมประมุขของสำนักเซียนปาฏิหาริย์ เป็นคนที่ก่อเกิดความแค้นง่ายดาย ซ้ำยังยาวนาน ก็เลยเป็นเหตุที่ว่าแม้จะผ่านมาหลายสิบปี ความแค้นของมันก็ยังไม่หายไป เท่าให้ตอนนี้นอกจากรอว่าต้าเทียนฉางจะสามารถโจมตีในระดับที่เมฆฟ้าบาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่เข้าไป'ลอบกัด'เด็ดขาด
***
ตอนนี้คือหนึ่งกระบวนท่าตัดสินชะตากรรมอย่างแท้จริง ต้าเทียนฉางหน้าเคร่งเครียด รอบกายเมฆฟ้าทวีบรรยากาศความกดดันขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
ชั้นแสงสีม่วงถูกเร่งเร้าขึ้นมาแผ่ปกคลุม
รอบกายต้าเทียนฉางอย่างรวดเร็ว เพิ่มความกดดันระหว่างมันและเมฆฟ้าให้พุ่งสู่จุดสูงสุด
และในเวลานั้นเอง!
ต้าเทียนฉางและเมฆฟ้าพลันคำรามสุดเสียงพร้อมกัน!
"หมัดสุดยอดนิวเคลียร์ทำลายล้าง พลังนิวเคลียร์เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าเมกะตัน!!"
"หมัดราชาไร้เทียมทาน พลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตัน!!"
เมื่อหมัดของสองผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้วงจักรวาลปะทะกัน คลื่นพลังอันมหาศาลที่สุดในห้วงจักรวาลพลันคำรามก้องออกมาจากการปะทะของสองหมัด ปานดวงอาทิตย์ของโลกระเบิดออกจนกลายเป็นซูเปอร์โนวาที่พัดกวาดทำลายล้างไปทั่วทั้งระบบสุริยะ!
การระเบิดพลังครั้งนี้ เพียงแค่พริบตาเดียวพื้นที่โดยรอบหลายสิบล้านกิโลเมตรกลายเป็นความสับสนปั่นป่วนจากพลังทำลายล้างอันสุดจะคาดคำนึง
สี่ผู้นำจากสี่ขุมกำลังอันยิ่งใหญ่หน้าเปลี่ยนสีตั้งแต่เวลาที่หมัดของต้าเทียนฉางและเมฆฟ้าปะทะกันแล้ว ตอนนี้ความหวาดกลัวสุดขีดตามสัญชาตญาณจากพลังอันยิ่งใหญ่พลันระเบิดขึ้นในใจของทั้งสี่ ทำให้นับแต่ที่สองหมัดปะทะกัน พวกมันทั้งสี่ก็เหินพุ่งจากไปไกลด้วยความหวาดผวานับสิบล้านกิโลเมตรแล้ว
คลื่นพลังตกค้างจากการระเบิดยังแผ่อาณาบริเวณอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้บริเวณโดยรอบร้อยล้านกิโลเมตรไม่ต่างไปจากนรกที่แท้จริง เพราะหากผู้ใดสัมผัสกับพลังงานตกค้างเหล่านี้ ก็มีแต่จะถูกความร้อนที่ระอุอย่างสุดแสนกลืนกินเท่านั้น ซึ่งความร้อนระดับนี้ แม้แต่เทพทำลายล้างยังยากที่จะต้านทาน(กำหนดไว้ที่ 950,000 เมกะตันถึงจะต้านทานได้อย่างกล้ำกลืน)
แรงระเบิดที่รุนแรงที่สุดซึ่งเกิดจากมนุษย์สองคนระเบิดสุดยอดพลังใส่กันยังคงอยู่หลังจากผ่านมาหลายชั่วโมง หนำซ้ำยังมีท่าทีที่จะขยายอาณาเขตการทำลายล้างออกไปมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้รัศมีมากกว่าสิบโกฏิกิโลเมตรล้วนไม่เหลือสิ่งใดอีก
ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
สี่ผู้นำในหกกลุ่มอันเกรียงอยู่ห่างออกไปนับห้าสิบโกฏิกิโลเมตร เฝ้ามองเข้าไปยังศูนย์กลางการระเบิดซึ่งกำลังผันผวนวุ่นวายด้วยคลื่นความร้อนสูงจนแม้แต่ดวงอาทิตย์ในสภาวะปกติเทียบไม่ถึง
ห้วงมิติตรงนั้นมีบิดเบือนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดนัก
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้ซูเปอร์โนวาซึ่งเกิดจากมนุษย์นับจากศูนย์กลางกว้างออกไปนับห้าสิบโกฏิกิโลเมตรแล้ว ในรัศมีนี้ไร้ดวงดาว และไร้สิ่งมีชีวิต เพราะความร้อนจากคลื่นซูเปอร์โนวาลดลงเพียงไม่กี่ร้อยองศาเซลเซียสเท่านั้น
เวลาอีกสิบปีผ่านไป คลื่นความร้อนสีม่วงแดงลดลงไปแล้วสี่ในสิบส่วน
สามผู้นำจากห้าขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ห่างออกไปร้อยโกฏิกิโลเมตร ยังคงเฝ้ามองผลลัพธ์อย่างจดจ่อ
โดยเฉพาะเซียนศักดิ์สิทธิ์ ประมุขแห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ มันคือผู้ที่คาดหวังอย่างที่สุดว่า หากคลื่นความร้อนเหล่านี้หายไปจนหมดสิ้น แล้วเมฆฟ้าอยู่ในสภาพปางตาย มันคือคนแรกที่จะได้แก้แค้น และชื่อเสียงจะพุ่งสู่จุดสูงสุดจากการสังหารผู้บรรลุพลังนิวเคลียร์กหนึ่งล้านเมกะตันคนแรก
ส่วนอีกสามคนที่เหลือ ได้แก่ มารโลหิต ประธานสภาอักดราซิลและจ้าวหมิงเยี่ย จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจันทราทมิฬนั้น บนใบหน้าของพวกมันล้วนไร้ระลอกคลื่น แต่หากมองเข้าไปภายในนัยน์ ล้วนสัมผัสได้ว่าพวกมันต้องการปรารถนาที่จะสังหาาเมฆฟ้าเช่นเซียนศักดิ์สิทธิ์
เพราะความอัปยศจากการแพ้ศึก'หนึ่งรุมสี่'ในตอนนั้น ยังคงหลอกหลอนวนเวียนในหัวของพวกมันอยู่
ผ่านไปอีกยี่สิบแปดปี คลื่นความร้อนค่อยหายไป แต่ยังคงมีพลังงานตกค้างอยู่ ซึ่งมีแต่ผู้บรรลุระดับสี่แสนเมกะตันขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถเหยียบย่างเข้ามาในเขตนี้ได้
แต่สี่แสนเมกะตันคือเกณฑ์ระดับต่ำสุด ถึงจะมีพลังนิวเคลียร์สี่แสนเมกะตัน ก็ยังเข้ามาได้แค่ชายขอบเท่านั้น
เซียนศักดิ์สิทธิ์ตาเป็นประกาย มันพุ่งเข้าไปเป็นแรก ตามด้วยมารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ย
ในระยะทางหนึ่งร้อยโกฏิกิโลเมตร สำหรับเทพทำลายล้างต้องใช้เวลามากถึงห้าชั่วโมงถึงจะเดินทางมาถึงใจกลางการระเบิดได้
เซียนศักดิ์สิทธิ์มาถึงคนแรก มันกวาดตามองไปรอบด้านอย่างละเอียด แล้วมันก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเมฆฟ้าและต้าเทียนฉาง ล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน
มารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ยค่อยตามมาถึง จ้าวหมิงเยี่ยเปิดฉากกล่าวเยาะเย้ยว่า
"เป็นอย่างไร มีความแค้นลึกล้ำที่สุด แต่กลับไม่ได้แม้แต่จะสนองความแค้นของตนเองแม้แต่น้อย เหอะ ช่างน่าสังเวทนัก"
เซียนศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่นเสียง แล้วเหินร่างกลับไปยังทิศที่สำนักของตนตั้งอยู่
ส่วนมารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ยเพียงหันมามองหน้ากัน มารโลหิตส่ายหัว ส่วนจ้าวหมิงเยี่ยก็ไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับไปยังฐานทัพของตน
***
ช่วงแรกเริ่มของการเกิดการระเบิดซูเปอร์โนวาจากมนุษย์
ที่ใจกลางของการระเบิด ความร้อนที่พุ่งทะลุนั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง ประมาณหลายแสนองศาเซลเซียสได้
ต้าเทียนฉางอยู่ในสภาพถูกเพลิงบรรลัยกัลป์เผาไหม้ไปทั่วทั้งตัว ผิวหนังบางส่วนล้วนดำมะเมื่อม ส่วนพื้นที่แห่งอื่นบนร่างกายนั้น สามารถเห็นกระดูกที่ถูกไหม้จนแทบกลายเป็นธุลี ทว่าถึงแม้จะอยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ ต้าเทียนก็ยังสามารถกล่าววาด้วยการใช้พลังนิวเคลียร์ของตนเป็นการสื่อสารได้
"นี่หรือพลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตัน นี่หรือคือสุดยอดความแข็งแกร่งที่มนุษย์ในตอนนี้จะสามารถบรรลุได้ ในตอนนี้ถึงแม้ว่าข้าอยากไขว่คว้าพลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตันแค่ไหน ก็ไม่สามารถคว้ามันมาได้แล้ว แต่การได้ตายน้ำมือของสุดยอดคนในตอนนี้ ถือว่าสมใจข้าแล้ว และขอฝากเหล่าสหายของข้าด้วย เมฆฟ้า"
กล่าวจบดวงตาของต้าเทียนฉางก็ไร้ซึ่งประกายชีวิตอีกต่อไป
ด้านหน้าห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร เมฆฟ้าลอยอยู่ในพื้นที่อวกาศแห่งนี้ สดับฟังประโยคสุดท้ายของต้าเทียนฉางอย่างเงียบงัน
เขาหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงค่อยๆปล่อยผ่อนออกมา เป็นการถอนหายใจที่ลากยาวเป็นอย่างยิ่ง
ในวันนี้ นอกจากเขาจะได้ปลดปล่อยพลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตันที่มีพลังการทำลายล้างอย่างขีดสุดแล้ว ยังสังหารหนึ่งในห้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัยไปอีกด้วย ตอนนี้อารมณ์ของเมฆฟ้าซับซ้อนเล็กน้อย เพราะเรื่องที่ต้าเทียนฉางได้ฝากฝังไว้นั้น เขาอาจไม่สามารถที่จะทำสำเร็วได้
เพราะตั้งแต่เผชิญหน้า เมฆฟ้าก็สัมผัสได้ว่าความภักดีที่เหล่าสมุนของต้าเทียนฉางมีให้นายของมัน เหนือล้ำยังกว่าที่เขาได้รับเสียอีก
ดังนั้น ในตอนที่เมฆฟ้าจะรวมสองกองทัพเข้าด้วยกัน คงเป็นบางสิ่งที่ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!