"ฝ่าบาท... ฝ่าบาท...เจ้าชายโปรดได้สติเร็วเข้าเพคะ" มาร์คค่อยๆ ลืมตาขึ้นภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะกลับเป็นปรกติในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา เขากำลังเอนหลังพิงโขดหินโสโครกขนาดใหญ่พอที่จะบดบังร่างของเขาจนมิด ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ก่อนหน้านี้เขายังอ่านนิยายในห้องสมุดกลางอย่างรื่นเริงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบนองเลือดกว้างสุดลูกหูลูกตา บรรดาทหารรบราฆ่าฟันกันราวกับคนเถื่อน ซากศพทหารไร้วิญญาณ ลำไส้อวัยวะต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่วบ้างถูกตัดแขนขาบ้างก็ไร้ซึ่งศีรษะ เขาแทบจะสำรอกกับภาพสยดสยองราวกับหนังฆาตกรโรคจิตนี้แต่สุดท้ายร่างกายของเขากลับไม่รู้สึกแบบนั้น "ฝ่าบาทต้องกลั้นพระทัยไว้ก่อน เวลานี้เราต้องรีบหนีแล้วเพคะ หม่อมฉันสั่งให้องครักษ์ไปเตรียมม้าสำรองไว้ฝั่งทิศใต้ของค่าย ตอนนี้พวกทหารได้ถูกปีศาจเข้ากัดกินร่างจนเสียสติหมดแล้วเพคะ" หญิงสาวพยายามกดฝ่ามือลงบนช่องท้องของอีกฝ่ายบาดแผลที่ถูกคมดาบทะลวงอวัยวะภายในจนฉีกขาดมีเลือดไหลไม่หยุดสายเธอสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างก่ายของเจ้าชายกำลังลดลงอย่างช้าๆ เหมือนกับนาฬิกาทรายที่นับเวลาถอยหลังรอทรายหมดลง
"ปล่อยข้าไว้ที่นี่เจ้าหนีไปตอนนี้เถอะ" อะไรนะเรายังไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย ความคิดของมาร์คกำลังพันกันวุ้นไปหมดทั้งที่บาดแผลสาหัสเจียนตายขนาดนี้เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด มิหนำซ้ำคำพูดเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้เป็นคนพูดออกไป เมื่อลองใตร่ตรองดูอย่างละเอียดเขาจึงตัดสินใจทดสอบด้วยการสั่งให้ร่างกายขยับปลายนิ้วซึ่งเป็นส่วนที่ใช้แรงน้อยที่สุดแต่ไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหนร่างกายของเขาก็ไม่ขยับตามคำสั่งเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเจ้าของร่างโดยแท้จริงแต่เป็นแค่ผู้ชมที่มองผ่านมุมมองของเจ้าชายผู้นี้เท่านั้นเอง ถ้านี่เป็นความฝันเขาก็น่าจะสามารถควบคุมความเป็นไปของความฟันได้ จึงได้ตั้งสมมติฐานว่า เรื่องราวตรงหน้าอาจไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเหตุการณ์จริงๆ และเหมือนกับว่ามีพลังงานลึกลับที่กีดกันไม่ให้เขาล้ำเส้นเข้าไปท้ายที่สุดเขาคงทำได้แค่มองดูเรื่องราวดำเนินต่อไปภายใต้ท้องพระโรงแห่งสงครามครั้งนี้ วินาทีนั้นท้องฟ้าส่องแสงสว่างวูบหนึ่งก่อนจะดับสูญตามมาด้วยก้อนพลังงานลึกลับคล้ายหลุมดำ ขนาดของกระแสพลังใหญ่กระทั้งสามารถปกคลุมสนามรบทั้งใบได้มันส่งเสียงราวกับฟ้าจะถล่มสีอันมืดมิดของมันกัดกินจิตใจผู้ที่ได้จองมองให้สิ้นหวังดำดิ่งสู่ความมืดนิรันดร์พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา พลังทำลายล้างของมันสามารถดูดพื้นดินให้กลายเป็นผุยผงได้ในพริบตา "ข้ารักเจ้าแอนนา" แอนนาได้ยินเช่นนั้นขอบตาถึงกับร้อนผ่าวน้ำตาไหลผ่านใบหน้าอันเศร้าหมอง หญิงสาวกุมมือของอีกฝ่ายไว้ด้วยความอ่อนโยนใบหน้าผุดรอยยิ้มบางๆ
"หม่อมฉันจะขออยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดไป" คำพูดสุดท้ายสะเทือนต่อมน้ำตาของมาร์คไม่น้อยเรื่องราวเหมือนกับม้วนหนังที่จบลงด้วยความโศกเศร้าก่อนที่ภาพการมองเห็นของเขาจะดับวูบไป
"คุณคะ คุณคะ" เสียงเรียกของบรรณารักษ์สาวสวยทำเอามาร์คสะดุ้งหลุดจากภวังค์เขาส่ายหน้ามองซ้ายมองขวาสองที รอบตัวรายล้อมด้วยบรรดาสมุดซึ่งถูกจัดเรียงไว้บนชั้นวางอย่างมีระเบียบ บรรยากาศภายในรื่นรมย์เหมาะแก่การเพ่งสมาธิ สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกดูแลมาเป็นอย่างดีและเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชื่นชอบที่สุดของเขาด้วย บรรยากาศอันคุ้นเคยกลับมาเหมือนเดิมแล้วเขาอยู่ในห้องสมุดกลางเหมือนเช่นเคยและตอนนี้ยังสัมผัสได้ว่ากำลังถูกสายตาอัมหิตคู่หนึ่งจ้องเขม็งอยู่ "ถึงเวลาปิดให้บริการห้องสมุดแล้วนะคะ ดูจากสีหน้าของคุณฉันว่าคุณควรกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะคะ" ยังไม่ทันแก้ตัวหญิงสาวก็เดินหันหลังจากไป มาร์คหันกลับมาหน้าโต๊ะที่ฟุบหลับเมื่อสักครู่บนแผ่นไม้ทรงกลมไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่เขาจำได้แม่นว่าหลังจากการโหมงานหนักเมื่อช่วงเช้า เพื่อเป็นการผ่อนคลายก่อนเดินทางกลับบ้านเขาได้แวะห้องสมุดและหยิบนิยายหนึ่งเล่มมานั่งอ่าน แต่เมื่อพยายามนึกชื่อเรื่องเท่าไหร่สมองก็พลันว่างเปล่าเมื่อนั้น แปลกจริงนี่เราทำงานนักจนสติฟั่นเฟือนแล้วหรอ ถ้ามีพลังเวทย์ก็คงจะดวกสบายกว่านี้แท้ๆ ภาพฝันที่เขาได้กลายเป็นผู้ครอบครองโลกทั้งใบแล่นเข้ามาในสมองมือทั้งสองยกขึ้นเท้าค้างใบหน้าค่อยๆ ยกยิ้มก่อนจะพ่นคำพูดพิลึกคนออกมา "ความฝันเมื่อสักครู่รู้สึกดีจริงๆ" ในชีวิตนี้สิ่งที่ตัวเขาถวิลหาก็คือต่างโลก อาจจะเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตของความจริง แต่ทว่าส่วนลึกสุดของจิตใจเขายังเชื่อว่ามันต้องมีอยู่จริงๆ เป็นแน่ ยิ่งได้พบเจอกับเรื่องประหลาดใจเมื่อครู่แล้วเขายิ่งมีความหวังจะเรียกว่าโรคจุนิเบียว* ในวัย 25 ปีคงจะใช่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!